โรงเตี้ยมนอกวัง“ฝ่าบาทแน่ใจหรือว่านางต้องการที่จะเร้นกายหายไปกับฝ่าบาท”ขื่อจื้ออดที่จะคลางแคลงใจไม่ได้“แม้นางจะไม่อยากเร้นกายไปกับข้า แต่ในเมื่อข้าสามารถทำเพื่อนางพานางออกมาจากตรงนั้นได้นับว่าคุ้มไม่น้อยทีเดียว แม้นางจะไม่ได้มีใจให้ข้าก็ตาม”“อาวุโสย่าหนานส่งข่าวให้ฝ่าบาทรับนางยามจื่อคืนนี้”จิวซัวยิ้มกว้าง แววตาเปล่งประกายสดใส ขื่อจื้อถอนหายใจยาว เรื่องของหัวใจเช่นไรถึงจะห้ามกันได้เสี่ยวถ้านสางผมให้ซินเฟยเบาๆ ก่อนจะเกล้าขึ้นไปข้างบนอย่างดงาม ใบหน้าผุดผาด ย่าหนานเดินเข้ามา ข้างในยื่นปิ่นปักผมทำจากหยกให้เสี่ยวถ้านเสี่ยวถ้านเสียบมันลงบน มวยผมให้กับซินเฟยย่าหนานยิ้มจูงมือซินเฟย ออกไปด้านนอกดวงจันทร์สุกสว่างบนฟากฟ้าเสี่ยวถ้าน หันเดินกลับไปที่วังหลวงช้าๆ ทว่าเมื่อพ้นออกจากสายตาของย่าหนานกับสาวเท้าเร็วรี่ ยังตำหนักของจางหลง ใกล้จะยามจื่อแล้วจางหลงนั่งอ่านฎีกาเสี่ยวซานชงชาร้อนๆ วางตรงหน้า“ฝ่าบาท กุ้ยเฟยกำลังจะไป”เสี่ยวถ้านละล่ำละลักจางหลงเงยหน้าจากกองฎีกาดวงตาเบิกโพลง ก่อนจะถลาออกจากตำหนักไปยังตำหนักเย็นเสี่ยวซานวิ่งตาม“ฝ่าบาท ฝ่าบาท”จางหลงยังคงสาวเท้ายังตำหนักเย็นอย่างไม่ลดละ จิว
ไทฮองไทเฮา พูดขึ้นต่อหน้าพระพักตร์และเหล่าขุนนาง“สามเดือน หมอหลวงเจ้าบอกข้าว่าตรวจครรภ์ของกุ้ยเฟย ในครั้งนั้นก่อนที่นางจะต้องโทษนางตั้งครรภ์ได้กี่เดือน” หมอหลวงกลอกตาไปมาก้มหน้ามองพื้น ก่อนจะประสานมือตรงหน้า“ฝ่าบาททารกในครรภ์ของกุ้ยเฟยอายุได้…. สามเดือน”“แน่ใจหรือไม่ บอกมาบอกความจริงมา”จางหลงคาดคั้น“ฮ่องเต้ ย่าเคยพบกุ้ยเฟยก่อนหน้านั้นทารกในครรภ์ของนาง ขยับตัวได้แล้ว”จางหลงตัวชา รู้สึกถึงโทสะที่พุ่งจนถึงขีดสุด หากเขาจำไม่ผิดในวันที่พบกับซินเฟย เวลาล่วงเลยมาสี่เดือนกว่าเช่นกัน จะโมโหใครหากไม่ใช่ตัวเองที่ไม่ได้ใส่ใจนางทั้งๆที่รู้สึกว่าซินเฟยไม่เหมือนคนอื่น แต่เขากลับลืมเลือนนางไป“ข้าให้โอกาสเจ้าพูดอีกครั้งลูกของข้า ในครรภ์ของกุ้ยเฟยอายุได้เท่าไหร่”หมอหลวงตกใจกับคำว่าลูกของข้าเข่าอ่อนทรุดกายลงกับพื้น ก้มลงคุกเข่าโขกศีรษะลงบนพื้นอย่างแรงไม่รู้สึกเจ็บปวด“ฝ่าบาท ไว้ชีวิตด้วย ฝ่าบาทโปรดไว้ชีวิต”“บอกข้ามา”“สะสะ สี่เดือน”จางหลงทรุดกายลงบนบัลลังก์ ตัวสั่นด้วยความโกรธ“นำตัวหมอหลวงไปประหาร”“ช้าก่อนฮ่องเต้ หากประหารเขาเสียตอนนี้แล้วผู้ที่อยู่เบื้องหลัง เล่า”ไทฮองไทเฮาทรงท้วงติง“เสด
ซินเฟยเหลียวมองรอบกายค่ายทหาร กว้างขวางยิ่งใหญ่กับกองกำลังทหารที่ล้วนแล้วแต่มีท่าทีแข็งขัน ม้าเยาะย่างเข้าไปช้าๆ เหล่าทหารกับยืนนิ่งประสานมือคารวะ บ้างก็แหวกทางให้ม้าของจิวซัวผ่านเข้าไป เสียงแซ่ซ้องสรรเสริญตะโกนก้องด้วยความดีใจ ซินเฟยตกใจและคาดไม่ถึงกับฐานะของจิวซัวในเมื่อท่าทีของเขามิได้บ่งบอกถึงฐานะสูงส่งของเขา“ฝ่าบาทกลับมาแล้ว ฝ่าบาทกลับมาแล้ว”จิวซัว ควบม้ายังด้านหน้ากระโจมใหญ่ก่อนจะส่งมือให้ซินเฟยลงจากหลังม้า ซินเฟยทอดถอนหายใจ ซินเฟยมีตาหามีแววไม่ มองจิวซัวเพียงบุรุษเร่ร่อนเคยคิดว่าว่าเขาเป็นคุณชายบ้านไหนสักแห่งที่รักอิสระและชอบท่องเที่ยวกินดื่ม คิดไม่ถึงว่าจะเป็นถึงฮ่องเต้ ใจกระหวัดคิดไปถึงจางหลงที่ท่าทีสง่างามดุจมังกรฟ้ายามก้าวย่างดุจดังเทพสวรรค์อีกทั้งหน้าตาผิวพรรณไม่ต้องบอกก็รู้ว่าอยู่ในวังหลวงผิดกับจิวซัว แม้จะมีท่าทีองอาจใบหน้าหล่อเหลาไม่ต่างกับจางหลงแต่ก็เป็นในแบบของจอมยุทธ์ และด้วยกิริยาเป็นกันเอง ทำให้เข้าถึงได้ง่ายกว่าจางหลงไม่เคยแย้มยิ้ม แต่จิวซัวแม้แต่ขมวดคิ้วยามเผลอซินเฟยก็ไม่เคยเห็นเขาทำสาวน้อยร่างบางอ้อนแอ้น แต่งกายเลียนแบบบุรุษ วิ่งถลาเข้ามาตรงหน้าเหลือบตามองซิน
“เรื่องราวต่างๆ ในวังหลังหากใช้ตามองมักจะผิดพลาด เพราะคนที่บงการจงใจให้ทุกอย่างบิดเบือน แต่หากฮ่องเต้ใช้ใจมองจะเห็นความซับซ้อนได้ไม่ยาก”“จางหลง ซาบซึ้งน้ำใจของย่าหนาน”แต่เดิมมีเพียงย่าหนานเท่านั้นที่จะสั่งสอนเขาเช่นนี้วังหลวงแคว้นฉิน“ฝ่าบาทถนอมพระวรกายด้วยเครื่องเสวยเย็นชืดหมดแแล้ว เสี่ยวซานนำไปเปลี่ยนมาให้ใหม่”“ข้ากำลังวางกลยุทธ์ในการชิงตัวซินเฟย จิวซัวผู้นั้นเป็นถึงฮ่องเต้แคว้นเหลียง หากมัวแต่ชักช้าเกรงว่าเขาอาจอาศัยความเป็นฮ่องเต้ข่มเหงซินเฟย”เสี่ยวซานส่ายหน้าไปมา“ฝ่าบาทอย่าทรงหักโหม หลายวันมานี้กินน้อยนอนน้อยเกรงว่าจะทรงพระประชวร”“ใต้เท้าฟง คัดค้านการชิงตัวซินเฟย ไม่เห็นแก่ข้าบ้างเลยหรือไร” ท่านแม่ทัพรับคำสั่งโดยตรงจากใต้เท้าฟง อีกทั้งท่านอ๋องแปดเดินทางกลับสู่วังหลวง ตอนนี้เริ่มมีบทบาท ขุนนางเข้าคารวะมากหน้า คาดว่าไม่เกินพรุ่งนี้เห็นทีจะเข้าพบฝ่าบาทเป็นแน่”จางหลงยิ้มเศร้าๆ“แต่เดิม จางเย่าหยางอยู่ในส่วนของเขาทางเหนือปกครองแถบนั้นไม่ก้าวก่ายวังหลวงเหตุใดจึง มาวังหลวงง่ายดาย”“วันก่อนเข้าถวายพระพรไทฮองไทเฮา คนของเรารายงานว่าท่านอ๋องทรงร้อนรนเรื่องทัพของแคว้นเหลี่ยงเช่นกัน”
“เช่นนั้นเชียวหรือ นางทำให้ฝ่าบาทลุ่มหลงเพียงนั้นเชียวหรือข้าชักอยากเจอหน้านางสักครั้ง”“ก่อนหน้านั้นนางรั้งอยู่ที่ตำหนักเย็นแต่เมื่อไม่นานมานี้จิวซัวฮ่องเต้ชิงตัวนางไป”“จิวซัวผู้ซึ่ง มีเสียงร่ำลือว่าไม่ให้ความสำคัญกับหญิงใดทั้งๆที่องอาจผึ่งผายหล่อเหลาจนมีเสียงลือเสียงเล่าอ้างไปทั่วสามแคว้น อีกทั้งยังไร้ซึ่งฮองเฮาแม้จะมีคู่หมายแต่ก็ปล่อยให้คู่หมายรอเนิ่นนาน”“คนของข้า บอกว่าเขายอมแม้กระทั่งลักลอบเข้ามาพบกุ้ยเฟยถึงตำหนักเย็น”“ข้าคงต้องหาโอกาสพบกุ้ยเฟยของฝ่าบาทดูสักครั้งจริงๆ นางเช่นไรถึงทำให้สองบุรุษสูงส่ง ถึงกับแย่งชิงกันวุ่นวาย”ใต้เท้าฟงยิ้มจางเย่าหยาง เป็นบุรุษอาชาไนยโดยแท้ ชีวิตล้วนอยู่ในสนามรบ ไม่อยากจะคาดเดาเมื่อได้พบซินเฟยจะไม่ไขว่เขว่เหมือนกับจางหลงและจิวซัวเช่นนั้นหรือในเมื่อเขาเองตอนนี้ก็ไม่ยอมยกย่องหญิงใดเป็นชายาเอก เรื่องราวต่อจากนี้จะน่าขันเพียงใด ใต้เท้าฟงแทบจะอดใจรอไม่ไหวต่อจากนี้กระโจมใหญ่ หญิงชาวบ้านสองสามคนถูกว่าจ้างให้มาคอยรับใช้ซินเฟย จิวซัวแทบจะหายไปทั้งวันซินเฟยทำได้เพียงนั่งเย็บถุงหอมและปัดลวดลายบางอย่างลงบนผ้าแก้เหงาไปวันๆอิ๋นเซียงเดินวนเวียนไปมาหน้ากระโจม
“ฝ่าบาทกองกำลังของเราพร้อมออกเดินทางแล้ว”แม่ทัพประสานมือตรงหน้า จางหลงกระชับเสื้อคลุมจนแน่น บางอย่างขมึงเกลียว“ฝ่าบาทการยกทัพไปที่ชายแดนจำเป็นเพียงนั้นเชียวหรือ”ซูจินก้าวขามาขว้างไว้ด้วยสายตาอ้อนวอน“ข้ากำลังคิดว่าเรื่องการรบไม่เหมาะกับฮองเฮา เรื่องนี้เป็นข้าที่ตัดสินใจเพียงลำพัง”“ฝ่าบาท ซูจินดูแลวังหลังนำความห่วงใยของสนมนางในรวมทั้งตัวซูจินมาถ่ายทอดให้ฝ่าบาทรับรู้”จางหลงถอนหายใจ“เป็นอันว่าข้าขอบใจเจ้าที่ห่วงใย ดูแลวังหลังและทำหน้าที่ของเจ้าให้ดีก็พอ”ซูจินยิ้มโอบกอดรอบเอวหนา จางหลงแกะมือออกก้าวเดินไปจากซูจิน กระโดดขึ้นบนหลังม้าที่เสี่ยวซานจูงมายืนม้าคอยตรงหน้า ควบออกจากวังหลวงพร้อมกับทัพที่เตรียมไว้ทันทีตำหนักชิงหนิงกงยาเม็ดเล็กถูกยัดลงมือของนางกำนัล“ฮองเฮา ทรงคิดจะทำอะไร”“หุบปากเจ้าเสียแล้วรีบนำยานี้ไปผสมในเครื่องเสวยส่งยังคุกหลวงให้ซิ่วอิง กินเสีย”“ฮองเฮาไหนสัญญาว่าจะช่วยนาง”ยิ้มเยือกเย็น“นี่อย่างไรเล่ากำลังจะช่วยนาง อย่างน้อยเรื่องต่ำช้าที่นางทำข้าก็ช่วยปกปิด นางตายไปนางก็ยังได้ไปนอนอยู่ที่สุสานบรรพชน หากความลับของนางยังไม่ถูกเปิดเผย”แสยะยิ้ม“ฮองเฮาเกรงว่าฝ่าบาทจะสื
“เสด็จย่าพักผ่อนเสียซูจินไม่กวนท่านแล้ว อีกไม่กี่ชั่วยามหมอหลวงก็คงจะมาที่นี่เมื่อนั้นพิษก็คงสลายไปจนสิ้น ยาชนิดนี้ผสมยานอนหลับจึงจะได้ผลดี และในเวลาแค่เพียงหนึ่งชั่วยามก็จะสลายไปเองตรวจหาไม่พบอีกต่อไป เช่นนั้นจึงถือว่าซูจินใจดีให้เสด็จย่าได้พักผ่อนเต็มที ไม่ต้องทรมาน”มือเหี่ยวตกลงข้างตัว นางกำนัลปรับท่านอนให้กับไทฮองไทเฮาในท่านอนที่ดูผ่อนคลายที่สุดก่อนจะก้าวขาตามซูจินออกไปช้าๆ“ซูจินไม่อยากทำแต่ก็ต้องทำ ทุกอย่างล้วนเป็นเสด็จย่าที่สั่งสอน”ยิ้มบางๆก่อนจะเดินออกไปจากตำหนักเหมยฮวาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นชายแดนจิวซัวมาพร้อมกับกำไลหยกในมือที่ถูกกำไว้แน่น เดินวนเวียนอยู่หน้ากระโจมของซินเฟย ก่อนจะผลุบหายเข้าไปข้างในเหมือนตัดสินใจได้แล้ว“ฝ่าบาท วันนี้มาแต่เช้า”“ข้า ..ข้ามีของมาให้”ซินเฟยยื่นมือตรงหน้ายิ้มบางๆจิวซัววางน่องไก่ลงบนมือบาง“วันนี้ทหารยิงไก่ป่าได้มาหลายตัวเจ้าซูบผอมตั้งแต่มาอยู่ที่นี่”ซินเฟยเลิกคิ้วสูงในเมื่อรู้ดีว่าจิตใจกระวนกระวายแค่ไหนเมื่อมาอยู่ที่นี่ ห่วงคนที่ไม่น่าห่วง ...คิดถึงคนที่ไม่น่าคิดถึง จำสายตาเศร้าสร้อยของจางหลงติดตา สวรรค์ช่างกลั่นแกล้งซินเฟยเหลือเกิน คิดถึ
ในกระโจมใหญ่ของซินเฟย ร่างสูงของจางหลงเร้นกายหายเข้าไปด้านในซินเฟยนอนตะแคลง มีผ้าห่มผืนหนาคลุมร่างบางหลับสนิท จางหลงหยุดยืนอยู่จ้องมองใบหน้าที่สุดคนึงหานั้นไม่วางตา เอื้อมมือสัมผัสใบหน้าอย่างอ่อนโยนกลัวว่าอีกคนจะตื่นจากหลับไหล เผลอยิ้มให้กับความคิดของตัวเอง หากเป็นเมื่อก่อนเขาคงไม่มีความคิดเช่นนี้ แต่ตอนนี้อยากจะกอดอยากจูบ แต่กลับทำไมได้ตอนมีซินเฟยข้างกาย เขากลับมองไม่เห็นมันน่าสมเพชตัวเองยิ่งนักก้มลงจุมพิตที่หน้าผากเบาแสนเบา ซินเฟยกับลืมตาขึ้นช้าๆแววตาตื่นตระหนกขยับตัวหนี จางหลงคว้าข้อมือไว้ ซินเฟยนั่งตัวตรงไม่ไหวติง ใจเต้นตึกตักดีใจตกใจหรืออะไรกันแน่ในตอนนี้“ข้าเพียงแค่อยากพบหน้าเจ้า หลังจากที่ไม่พบพานมาหลายวัน เจ้าสบายดีไหม…”น้ำเสียงขาดหายไปในลำคอ อยากจะส่งความอาวรณ์ที่สั่งสมมานานแต่ไร้ซึ่งคำพูด“ฝ่าบาทกลับไปเสียเถิด”เจ้ากลัวว่าเขาจะมาพบข้าอยู่กับเจ้าเช่นนั้นหรือ เจ้ากับเขามีความสัมพันธ์เช่นไรกันแน่”พูดด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย“ฝ่าบาทท่านอย่าได้ทำแบบนี้เลย อย่าทำสิ่งใดให้ทุกอย่างเลวร้ายลงกว่าเดิม”จางหลงยิ้มเย้ยหยัน“เป็นข้าที่ผิดตลอดมา และยังคงผิดในสายตาเจ้า เป็นข้าใช่ไหมที่ท
ซินเฟย ทิ้งตัวลงบนแท่นนอน ความหวานยังซาบซ่านทั่วผิวกาย ลุกขึ้นถอดอาภรณ์หย่อนกายลงแช่น้ำอุ่นให้ซอกซอนเข้าไปในผิวเนื้อสัมผัสอ่อนโยนที่ริมฝีปากยังไม่จางหายไปรอยจุมพิตที่หน้าผาก ฝ่าบาทจะรู้สึกเช่นเดียวกับชินเฟยไหม ยามนี้อยากซุกกายในอ้อมแขนของคนที่นอนกอดก่ายไม่เบื่อ ตอนนี้ไม่ใช่ชินเฟยคนเดิมแล้ว กลายเป็นของเขาผู้นั้นยิ้มด้วยความเขินอายและเป็นสุข ใบหน้าหล่อเหลาที่เคยลอบมองยามเดินอยู่ห่างเคยคิดว่าหากเป็นของเขาจะรู้สึกเช่นไร บัดนี้ซินเฟยรู้แล้วว่าการที่ได้ นอนร่วมเตียงกับบุรุษที่เคยหลงใหลแล้วเขากลับปรนเปรอสวาทให้มากมายเช่นนั้นเป็นสุขแค่ไหนเวลาล่วงเลยไป เรื่องราวในราชสำนักยัง เป็นจางหลงที่ต้องจัดการอีกทั้งเรื่องของจางเย่าหยางที่ไม่อาจละเลยปล่อยวาง ซินเฟย กินอะไรไม่ได้มาหลายวัส่งเสียงโอ๊กอ๊ากจนผิดสังเกตอีกทั้งร่างกายซุบผอมลงเป็นอันมาก เพียงได้แต่เฝ้ามองจางหลงห่างๆไม่เคยได้เข้าใกล้อีกตั้งแต่นั้นมาไทฮองไทเฮามาถึงพ้องพัก“ตรวจครรถ์ของพระสนมดูว่านางตั้งครรภ์หรือไม่”ไทฮองไทเฮาสั่งนางกำนัลอาวุโสเรื่องนี้ไม่ให้แพร่งพรายจึงไม่เรียกหมอหลวงด้วยหมอหลวงเป็นคนของซูจินนั่นเองนางกำนัลอาวุโสจับตรวจชีพจร ที
จางหลงลูบไล้ใบหน้าเนียนใส นิ้วโป้งกวาดรอบริมฝีปากอวบอิ่มก่อนจะประทับ ริมฝีปากอุ่นไปบนปากนุ่มหอม ราวกับกลีบบุปผา ลิ้นอุ่นซื้นซอกซอนเข้าไปภายใน ควานหาความหวานวุ่นวายเร่งรีบนี่เขาหิวกระหายเพียงนี้เชียวหรือ ทั้งๆที่เหนื่อยกับงานราชสำนักแต่ กลับรู้สึกผ่อนคลายมือใหญ่ปลดดึงอาภรณ์ของซินเฟยออกร่างเล็กขยับหนีด้วยความไม่เคย เขากลับรั้งร่างบางให้แนบชิดลำตัว นางไม่ได้ทำท่าทีหลีกหนีจนเกินงามหรือเสแสร้งจนไม่น่าเชื่อ ทว่าทุกอย่างล้วนออกมาจากส่วนลึก จางหลงแทรกลำตัวลงไปตรงกลางลำตัวของซินเฟยที่บิดหนี ส่งเสียงร้องครางเหมือนจะขอร้องเขาให้หยุดกระทำ เอวหนาขยับเบาๆเหมือนกับการร้องขอของนางได้รับความเห็นใจ ปลายนิ้ว ลูบไล้เพื่อบรรเทาความเจ็บปวดปากอุ่นขบเม้มอ่อนโยนอีกทั้งดูดกลืน เหมือนกลับร่างบางของอีกคนเป็นของหวานเลิศรส ร่างบางสะท้อนขึ้นลงสอดรับประสานกับร่างใหญ่ที่เบียดแทรกความบีบรัดคับแน่นทำเอาจางหลงแทบหยุดหายใจ สุขสมเพียงนี้เชียวหรือกับหญิงที่เขาพึงใจตั้งแต่แรกพบ วงแขนบางกอดรัดเขาเหมือนกลัวว่าเขาจะหนีไปซินเฟยส่งเสียงร้องครางอีกครั้งเมื่อเขาเร่งจังหวะเร็วรัว จางหลงอมยิ้ม “ฝ่าบาท...ได้โปรด” เพียงประโยคเด
ซินเฟยแหงนหน้ามองกำแพงสูงของวังหลวงด้วยรอยยิ้ม น้อยคนที่จะมีโอกาสเข้ามาใช้ชีวิตในนี้“คุณหนูซินเฟย ไทฮองไทเฮาให้เชิญคุณหนูที่ตำหนักไทฮองไทเฮา”ซินเฟยย่อตัวยิ้มน้อยๆก่อนจะตามนางกำนัลไป ไทฮองไทเฮาที่มีใบหน้าเหมือนจะแย้มยิ้มได้เสมอ แววตาอ่อนโยนจ้องมองซินเฟยที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้า“เงยหน้าของเจ้าให้ข้าดูชัดๆ”“เพคะ” ขยับตัวเงยหน้าใ่ห้ไทฮองไทเฮาได้ยลโฉม“งดงามที่สุด ข้ามองเจ้าตั้งแต่ก้าวเข้าประตูวังมา งดงามอ่อนหวานเช่นนี้จึงเหมาะที่จะเป็นผู้ที่อยู่เคียงข้างหลานข้า”“แต่ไทฮองไทเฮานางเป็เพียงผู้คัดตัวนางในที่สอบผ่านเข้ามาหาใช่ลูกขุนนาง ในตระกูลใด”“ข้ามิได้ต้องการลูกขุนนางใหญ่ตระกูลใดมาวางกล้ามในวังหลวง แต่ข้าต้องการใครสักคนที่จะปรนนิบัติฮ่องเต้และ มีโอรสธิดาสำหรับหลานข้า”“ดูแลนางให้ดีต่อจากนี้เจียงซินเฟยต้องคอยมารับใช้ที่ตำหนักไทฮองไทเฮา”ซินเฟยก้มลงคุกเข่ากับพื้นการฝึกในแบบนางในที่เข้มงวดไม่เคยแม้จะได้หลับเต็มตื่นหรือ ทำตัวตามสบาย“ร่างกายของเจ้ายังผุดผ่องในเมื่อข้าให้นางในอาวุโสตรวจภายในของเจ้า เช่นนั้นนับจากนี้ไปอีกสามคืนจึงเหมาะแก่การเข้าเฝ้าฮ่องเต้ หากโชคเป็นของเจ้าสวรรค์เมตตาจึงจะมี
“จางหยวน เคร่งขรึมแต่จริงใจ ไม่เสียทีที่เป็นลูกของข้าเขานับว่าเป็นผู้นำได้ดีไม่น้อย”“แล้วองค์หญิงเล่า“ซินฟางเอาแต่ใจ เจ้าเล่ห์แสนกล ไม่เหมือนเจ้าสักนิดอีกทั้งยังไม่เหมือนใครแต่เขาก็ทำให้เราสองคนยิ้มได้”“นางเหมือนฝ่าบาทไม่น้อยอย่างน้อยเมื่อผิดก็รู้จักขอโทษและทำคุณไถ่โทษ”“เพราะรักข้าจึงรู้สึกผิด และไม่อยากให้เจ้ามองข้าผิดๆ แม้จะต้องแลกมาด้วยทุกอย่างก็ตามขอเพียงมีเจ้าข้างกายได้กอดก่ายเจ้าอย่างนี้ทุกวันคืนก็เพียงพอแล้ว”“พบกันเพียงครั้งเดียวฝ่าบาทจะรักได้อย่างไร”“เจ้าเชื่อในรักแรกพบไหมแววตาเศร้าสร้อยของเจ้า ทำเอาข้าดวงใจสั่นไหวในคืนแรกนั้น”ซินเฟยยิ้มเขินอาย จะกี่วันผ่านจะกี่ปีเคลื่อนคล้อย จางหลงยังคงไม่เปลี่ยนแปลงเชยคางมนขึ้นมาสบตา จุมพิตหวานกว่าที่เคยหวาน อ้อมกอดอบอุ่นเหมือนเดิมแววตาเปลี่ยนไปกลายเป็นแววตาที่แสดงความรักใคร่อย่างที่สุด“ตั้งแต่วันนั้นถึงวันนี้ ไม่ว่าเจ้าจะอุ่นเตียงให้ข้ากี่ครั้ง ข้าก็ยังไม่เคยจะเบื่อหน่ายมัน เช่นนั้นคืนนี้ เจ้าต้องทนอดนอนเสียหน่อย”โน้มร่างบางลงบนแท่นนอนช้าๆ จุมพิตที่ปากบาง บดขยี้อ่อนหวานเชิญชวนมืออุ่นซอกซอนเข้าไปใต้ร่มผ้าบีบรัดคลึงเคล้า ริมฝีปากก็ท
เสียงบางอย่างแหวกอากาศมาก่อนที่มีดสั้นของจิวซัวจะทำให้ขวดยาพิษร่วงลง แตกละเอียดกับพื้น กระบี่ในมือจิวซัวฟาดฟันทหารรอบกายจางหลง โยนกระบี่ในมือให้กับจางหลง ที่เอื้อมมือคว้ามันก่อนจะหันคมกระบี่เข้าใส่จางเย่าหยางเสียบเข้ากลางอกทะลุขั้วหัวใจจางเย่าหยางสะอึกแรงๆ เลือดสีแดงสดไหลออกจากปาก ปล่อยซินเฟยจากอ้อมกอด จางหลงคว้าร่างบางมากอดแนบอก เลือดหยดรินออกจากคมกระบี่สีแดงหยดลงพื้น ซินเฟยซบหน้าลงบนอกกว้างของจางหลง เสี่ยวซาน จิวซัวช่วยกันพยุงย่าหนาน“ตามหมอหลวง”เสียงตะโกนของจางหลง หทารของจิวซัวและจางหลงสามารถจัดการกับทหารของ จางเย่าหยางจนสิ้น ซินเฟยปาดน้ำตากุมมือย่าหนานไว้แน่น“ฮองเฮาดูแลตัวเอง ต่อจากนี้ไม่มีย่าหนาน มีเพียงฝ่าบาทที่จะคอยเป็นดังทุกสิ่งทุกอย่างต่อจากนี้”“ไม่ไม่ไม่ ไท่เฟย ท่านต้องไม่เป็นอะไร ”ย่าหนายิ้มเศร้าๆ“ฮ่องเต้ ที่ผ่านมาเป็นข้าเองที่เอาแต่ใจฝ่าบาทไม่ผิด แม้ข้าจะอยากดีกับฝ่าบาทเพียงใดแต่เป็นเพราะความเอาแต่ใจไร้เหตุผลของตัวข้า ที่ทำให้ฝ่าบาทต้องพบกับความเจ็บซ้ำ”“ไท่เฟยท่านหยุดพูดได้แล้วหมอหลวงกำลังมา เมื่อท่านรักษาอาการบาดเจ็บหายดีแล้ว จางหลงจะนั่งฟังท่านบ่นด่าได้ทั้งวัน”ส่า
ซินเฟยในอาภรณ์สีแดงมงคลชายผ้ายาวเหยียด ข้างกายย่าหนานจับมือไว้มั่น รอยยิ้มปลาบปลื้มใจปรากฏที่ริมฝีปากของย่าหนาน“ยิ้มเข้าไว้ยิ้มรับความสุข และสิ่งที่เจ้าสมควรจะได้รับ”เสียงกระซิบข้างหูเมื่อจูงมือซินเฟยเดินตามทางเดินทอดยาวสองข้างทางเหล่าขุนนางและข้าราชบริพารเนืองเเน่นร่วมแสดงความยินดี จางหลงก้าวลงมาจากบันไดขั้นสูงสุดรอรับซินเฟย ย่าหนานส่งมือของซินเฟยวางบนมือของจางหลง“ขอบคุณไท่เฟยที่ดูแลปกป้องนาง จนกระทั่งมีวันนี้ วันที่ท่านส่งมอบนางกลับคืนให้ข้าอีกครั้ง”“ฝ่าบาทจะดูแลนางอย่างดี และปกป้องนางอย่างดีจากนี้ไปใช่ไหม ไม่ให้นางต้องพบกับความขมขื่นเช่นข้า สัญญาได้ไหม”“ข้าสัญญา ไท่เฟยต่อนี้ท่านอย่าได้กังวลข้าจะมีนางคนเดียวตลอดไป” รอยยิ้มปรากฎทั่วทั้งใบหน้าของคนทั้งสามมงกุฎของฮองเฮาถูกสวมลงบนศีรษะของซินเฟยโดยจางหลง ตราหยกประทับของฮองเฮาเป็นใต้เท้าฉีที่ยื่นให้จางหลงมอบให้กับซินเฟย เสียงแซ่ซ้องสรรเสริญดังไปทั่วบริเวณจางหลงหันมาสบตาซินเฟยด้วยความรักเต็มเปี่ยม“ต่อแต่นี้ เจ้าจะเป็นฮองเฮาของข้าคนเดียวไม่ว่าเจ้าจะผ่านทุกข์เข็ญอะไรมาข้าพร้อมชดเชยให้เจ้า”“ขอบพระทัยฝ่าบาท”ซินเฟยย่อตัวลงช้าๆ จางหลงจ
จางเย่าหยาง กลับไปที่ดินแดนทางเหนือด้วยความรู้สึกพ่ายแพ้“ท่านอ๋องอีกไม่กี่วันเหมาะที่จะลงมือด้วยแคว้นฉินจะมีงานมงคล”“งานมงคลใดกัน” คนสนิท ลังเลไม่อยากจะตอบ“จางหลงฮ่องเต้แต่งตั้งฮองเฮาคนใหม่ และไท่เฟยในเวลาเดียวกัน หลังจากที่สั่งประหารใต้เท้าฟง และอดีตฮองเฮาซูจินที่ได้รับผ้าขาว”“จางหลงเดิมข้ามองว่าเขาช่างโง่งมจิตใจอ่อนแอ มุ่งเน้นแต่จะผ่อนปรนแต่ครั้งนี้กลับเชือดไก่ให้ลิงดู”“คงตั้งใจให้ท่านอ๋องได้เห็นว่าเขาจะไม่ยอมอ่อนข้อให้”“ดี ข้าก็ต้องการเห็นเช่นนั้นเหมือนกัน เตรียมทัพของเราให้พร้อมออกเดินทางทันที”วังหลวงแคว้นเหลี่ยงอิ่นเซียงในชุดฮองเฮาสีแดงสด ปักเลื่อมลายหงส์งดงาม นั่งนิ่งอยู่บนแท่นนอนดัง ไร้ชีวิตจิวซัว เอื้อมมือเปิดผ้าคลุมหน้าขึ้นช้าๆ น้ำตาที่เอ่ออยู่กับไหลรินเป็นสายจิวซัว ตื่นตะลึงกับหยาดน้ำตานั้นกอดรวบร่างบาง ไว้แน่นซุบหยาดน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน“ทำเช่นไรเจ้าจึงจะหายโกรธข้าเสียที”จูบซับน้ำตาให้เบาๆ อิ๋นเซียงไม่ขัดขืนแต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทีว่าสมยอม“ฝ่าบาทไม่ได้มี อิ๋นเซียงในใจทำเรื่องใดก็ไม่เป็นผล”“หากข้าจะบอกว่าในตอนนี้ข้ามีเจ้าเต็มหัวใจเล่า”เสียงสะอื้นไห้ ดังขึ้นทันที“ใ
“พระนางเพียงแค่ให้ข้าเป็นแพะรับบาป กุ้ยเฟยไม่ได้มีความผิดใดใดอีกทั้งในตอนที่เข้ามาอยู่ในวังหลวงนางนับว่ามีกิริยาเรียบร้อยอ่อนหวาน ในตอนนั้นใครๆ ก็ต่างรู้ดีว่านางกลับจากปรนนิบัติฝ่าบาทได้ไม่นานก็เกิดอาการแพ้ท้องเรื่องจึงแพร่กระจายออกไปพระนางรู้ดีแก่ใจว่าในท้องของนางเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของฝ่าบาท พระนางจึง ใส่ร้ายกุ้ยเฟยไม่สอบสวน ประหารองครักษ์ผู้นั้นกับมือแล้วสั่งโบยนาง”“ซินเฟยนางสมควรตาย ข้าน่าจะโบยนางเองกับมือจะได้ตายไปทั้งแม่ทั้งลูก”“ในวังหลังพวกเราต่างรู้ดีว่าหากใครที่เข้าไปปรนนิบัติฝ่าบาท ต่อเมื่อเช้าของอีกวันจะต้องถูกจับตัวไปสวนล้างจนหมดจด ไม่มีสักคนที่จะตั้งครรภ์ แต่กุ้ยเฟยเป็นคนเดียวที่ไม่ถูกสวนล้างอย่างสนมคนอื่น จึงไม่แปลกที่ในท้องของนางจะมีเลือดเนื้อเชื้อไขของฝ่าบาท”“ยอมรับผิดเสียเถอะพระนาง ความผิดของพระนางมากมายจน ฝ่าบาททรง ประทานผ้าขาว และยาขวดนี้”ใต้เท้าฟง ยกผ้าขาวกับยาขวดเล็กมาวางบนโต๊ะ“ข้าไม่เอาไม่ดื่มยาพิษ นี่เวรกรรมกำลังตามข้าทันใช่หรือไม่ ไทฮองไทเฮาข้าไม่ได้วางยาพิษข้าอุตส่าห์ใจดี ให้ไทฮองไทเฮาหลับอย่างสบายไม่ต้องตื่นมาอีกเพราะไทฮองไทเฮา เข้าข้างซินเฟยหาทางจับผิด
ซินเฟยลืมตาฟื้นขึ้นมาจากอาการบาดเจ็บ เหลือบตามองไปทั่วบริเวณไล่ความมึนงง จางหลงนั่งกุมมือส่งยิ้มให้อย่างอ่อนโยน“เจ้าฟื้นแล้ว”“ฝ่าบาทซินเฟยกลับมาที่นี่แล้วใช่ไหม”“ข้าพาเจ้ากลับมาที่วังหลวง”“แล้วเรื่องศึกกับแคว้นเหลี่ยง”จางหลงยิ้ม“ต้อง ขอบใจเจ้าเป็นเพราะเจ้า ฮ่องต้แคว้นเหลี่ยงยอมถอนทัพเชื่อมสัมพันธ์กับแค้วนฉินเพราะเจ้า”ซินเฟยยิ้มบางๆ“อาการของซินเฟยดีขึ้นแล้ว จะได้กลับไปที่ตำหนักเย็นเสียที”“ใครให้เจ้าไปกัน เมื่อเจ้าหายดีอยู่ด้วยกันที่นี่ข้ามีบางอย่างอยากให้เจ้าเห็นให้เจ้ารับรู้ถึงความจริงใจของข้า”ซินเฟยหันหน้าหนีไม่อยากให้จางหลงเห็นหยาดน้ำตาที่ไหลริน ความน้อยเนื้อต่ำใจ แล่นขึ้นมาจุกที่อกกับเหตุการณ์ที่ผ่านมา ทั้งถูกโบยและนอนเจ็บเจียนตายไร้เงาของจางหลงตำหนักชิงหนิงกง“ปล่อยข้าไปเสียที ข้าเบื่อเต็มทนแล้วใครขว้างข้า เจ้าไม่อยากมีชีวิตอยู่หรือไร”ซูจินตะโกนเสียงดังเหมือนคนกำลังจะบ้าคลั่ง“ออกไปไม่ได้นี่เป็นบัญชาของฝ่าบาท”“ข้าอยากพบฝ่าบาท ข้าจะออกไปหาฝ่าบาท” วิ่งถลาออกจากห้องแต่ถูกองครักษ์และขันทีช่วยกันจับตัวไว้“พวก เจ้ายังอาจมาขว้างข้าไว้ ตำแหน่งฮองเฮาของข้าไม่มีความหมายหรือไร