ในกระโจมใหญ่ของซินเฟย ร่างสูงของจางหลงเร้นกายหายเข้าไปด้านในซินเฟยนอนตะแคลง มีผ้าห่มผืนหนาคลุมร่างบางหลับสนิท จางหลงหยุดยืนอยู่จ้องมองใบหน้าที่สุดคนึงหานั้นไม่วางตา เอื้อมมือสัมผัสใบหน้าอย่างอ่อนโยนกลัวว่าอีกคนจะตื่นจากหลับไหล เผลอยิ้มให้กับความคิดของตัวเอง หากเป็นเมื่อก่อนเขาคงไม่มีความคิดเช่นนี้ แต่ตอนนี้อยากจะกอดอยากจูบ แต่กลับทำไมได้ตอนมีซินเฟยข้างกาย เขากลับมองไม่เห็นมันน่าสมเพชตัวเองยิ่งนักก้มลงจุมพิตที่หน้าผากเบาแสนเบา ซินเฟยกับลืมตาขึ้นช้าๆแววตาตื่นตระหนกขยับตัวหนี จางหลงคว้าข้อมือไว้ ซินเฟยนั่งตัวตรงไม่ไหวติง ใจเต้นตึกตักดีใจตกใจหรืออะไรกันแน่ในตอนนี้“ข้าเพียงแค่อยากพบหน้าเจ้า หลังจากที่ไม่พบพานมาหลายวัน เจ้าสบายดีไหม…”น้ำเสียงขาดหายไปในลำคอ อยากจะส่งความอาวรณ์ที่สั่งสมมานานแต่ไร้ซึ่งคำพูด“ฝ่าบาทกลับไปเสียเถิด”เจ้ากลัวว่าเขาจะมาพบข้าอยู่กับเจ้าเช่นนั้นหรือ เจ้ากับเขามีความสัมพันธ์เช่นไรกันแน่”พูดด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย“ฝ่าบาทท่านอย่าได้ทำแบบนี้เลย อย่าทำสิ่งใดให้ทุกอย่างเลวร้ายลงกว่าเดิม”จางหลงยิ้มเย้ยหยัน“เป็นข้าที่ผิดตลอดมา และยังคงผิดในสายตาเจ้า เป็นข้าใช่ไหมที่ท
ตำหนักเย็น“เจ้าพักรักษาตัวที่นี่ไปก่อน หายดีเมื่อไหร่จึงจะเร้นกายออกนอกวังหลวง”ย่าหนานพูดกับซิ่วอิงเมื่อมาถึงตำหนักเย็น“เสียนเฟยท่านมีเมตตายิ่งนัก ตอนนี้ข้าเป็นตายหาสนใจไม่ เพียงแค่อยากให้เขามีชีวิตอยู่ก็เท่านั้น เสียนเฟยท่านช่วยข้ามาแบบนี้หากมีคนรู้ว่าข้ามีชีวิตรอด เกรงว่า...เขาคงไม่อาจรักษาชีวิตไว้ได้”ย่าหนานถอนหายใจยาว“เจ้ารักษาชีวิตของเจ้าไว้เถิดเพื่อทวงแค้นให้กับเขา”ไม่อยากกล่าวก็ต้องกล่าว“เสียนเฟยท่านหมายความว่าอย่างไร”“ข้าอยากจะปิดบังเจ้าแต่ไม่อาจ ตอนนี้องครักษ์ผู้นั้นหาชีวิตไม่ไปเสียแล้ว และก็เป็นเจ้าที่จะต้อง ถูกกำจัดเช่นกัน”“ฮองเฮาสัญญากับข้าว่าหากข้ายอมพูดตามที่นางบอก จะปล่อยเขาไป”“เจ้าหมายถึงซูจินเช่นนั้นหรือ”“เสียนเฟยเป็นเช่นนั้นฮองเฮานางบอกข้าว่า หากข้ายอมรับผิดกับฝ่าบาท ก็แค่เพียงถูกประหารโทษฐานทำให้กุ้ยเฟยแท้งลูก แต่เขาฮองเฮาจะช่วย คุ้มกันเขาออกนอกวังหลวง”ย่าหนานยิ้มเย้ยหยัน“เจ้าคิดว่า ในวังหลวงแห่งนี้ยังมีผู้ใดจริงใจอยู่อีกหรือ”ซิ่วอิงน้ำตาร่วงรินสะอื้นไห้อย่างหนัก ด้วยรู้สึกว่าตัวเองถูกหักหลัง ย่าหนานลูบหลังไหล่ไปมา“เป็นสนมในวังหลวง สุขสมไม่นานทุกข์ตรม
จิวซัวคว้าร่างบางของอิ๋นเชียงมาแนบอกก่อนจะจุมพิตรุนแรงเร่าร้อน อิ๋นเซียงตกใจจนแทบสิ้นสติ เมื่ออีกคนเลือกที่จะกอดรัดไม่ปล่อยกลิ่นสุราคละคลุ้งยิ่งเพิ่มความรัญจวนใจจิวซัวรู้สึกว่าใจเขาเริ่มสั่นไหวทั้งๆ ที่ไม่เคยมีอิ๋นเซียงในสายตาอิ๋นเซียงกำมัดทุบลงบนอกกว้างของจิวซัว อย่างแรงแต่ไร้ผลเมื่ออีกคนยิ่งกอดรัดบดริมฝีปากรุกเร้ารุนแรง แทบจะอยากให้ตายหรือละลายลงไปตรงหน้าผลักร่างบางล้มลงไปนอนบนพื้นกระโจม มือใหญ่กอดรัดไว้ข้างหนึ่งอีกข้างที่ว่างกับปลดอาภรณ์ของตัวเองออกอย่างเร่งรีบ อาภรณ์หลุดหลุยไร้การควบคุมอารมณ์เตลิดไปตามอารมณ์พิศวาสเพราะฤทธิ์สุราที่ยิ่งกระตุ้นสวาทให้กระเจิดกระเจิง อิ๋นเซียงรู้ว่าตัวเองเข้ามาผิดเวลาเสียแล้ว“ปล่อย ไม่ใช่แบบนี้ ข้าไม่ต้องการแบบนี้”จิวซัวเสียงถอนริมฝีปากออกจากปากบาง ตอบเสียงสั่น“แต่ข้าต้องการ ในยามนี้ข้าต้องการ”อิ๋นเซียงขืนตัวไว้ยกมือขึ้นดันออกกว้าง จิวซัวรวบมือบางทั้งสองข้างไว้ด้วยมือเพียงข้างเดียว บดเบียดริมฝีปากแล้วเอวหนาก็ยิ่งโหมกระหน่ำไฟราคะให้ลุกโซน ขื่อจื้อกลับมาพร้อมสุราในมือ“ฝ่าบาท”ส่งเสียงเรียกเมื่อรับรู้ได้ว่าข้างในเงียบเกินไป อิ๋นเซียงพยายามจะเปล่งเสี
“ท่านอ๋องแผนการของท่าน เป็นเช่นไร”ยิ้มในหน้าแผนการเช่นนั้นหรืออย่างไรจึงจะเปิดเผยเขาไม่เคยวางใจใครเท่าตัวเองในเมื่อทุกคนหาใช่มิตรและศัตรูที่จีรัง“ข้าไร้แผนการเพียงแต่โหมกระพือความขัดแย้งตลบหลังแคว้นเหลี่ยงนับว่าแข็งแกร่งแคว้นฉินเองก็มั่นคงไม่น้อย หากทำให้สองแคว้นห้ำหั่นกันเองจน ย่อยยับ ที่เหลือจึงเป็นโชคของเรา”ยิ้มบางๆ คนสนิทสูดลมหายใจเข้าลึกๆ องค์ชายแปดแต่เดิมอุปนิสัยต่างกับจางหลงชัดเจน อีกคนไร้เล่ห์เหลี่ยม มั่นในความถูกต้อง แต่จางเย่าหยางผู้ที่ทำอะไรมักจะคาดคะเนไม่ได้ไม่เคยวางใจใคร แผนการทุกอย่างล้วนเก็บงำมิดชิด“ส่งคนของเราปล้นสะดม ชาวบ้านแถบชายแดนแคว้นเหลี่ยงใครขัดขืนฆ่าเสีย”ยิ้มเหี้ยมเกรียมกระโจมใหญ่ของจางหลง“ฝ่าบาทคนของเรารายงานเรื่องอ๋องแปดเดินทางออกจากวังหลวงมุ่งหน้าชายแดนเช่นกันไม่ได้รั้งอยู่ที่วังหลวงดังคำบัญชา”“จงใจทำเช่นนี้ต้องการอะไรกันแน่ บัญชาของข้าใครไม่อาจกระทำ”“ใต้เท้าฟงรับหน้าที่ดูแลวังหลวง โยกย้ายเหล่าองครักษ์เสียวุ่นวาย”จางหลงเป่าลมออกจากปาก“ใต้เท้าฟง กับข้าไร้ความขัดแย้ง ออกมาเช่นนี้ทำให้รู้ว่ามีคนจริงใจและคนที่พร้อมจะตลบหลัง”“เช่นนั้นแล้ว จึงไม่อยากให
จิวซัวควบม้าอย่างเร่งรีบหมายให้ทันอิ๋นเซียง แต่ทว่าการเดินทางผ่านป่าเขายากที่จะเร่งระยะทางได้ดั่งใจ หมู่บ้านหนึ่งติดชายแดน ที่นั่นผู้คนพลุกพล่าน จับจ่าย จิวซัวแวะโรงเตี้ยมแห่งหนึ่งที่มีผู้คนมากมายแวะเวียนด้วยเป็นโรงเตี๊ยมเพียงแห่งเดียวในแถบนั้น เบื้องหน้าบุรุษท่าทีแปลกประหลาดเหมือนมิใช่คนของแคว้นเหลี่ยง นั่งล้อมวงนับสิบบนโต๊ะมีสุราอาหารคาวหวานมากมาย จิวซัวเลือกที่จะนั่งโต๊ะติดกัน“เย่าหยางอ๋อง จงใจให้โอกาสพวกเรามีเงินทองจับจ่ายมากมายต่อไปนี้ไม่ต้องกลัวลำบาก”“พี่ใหญ่ ท่านอ๋องเหตุใดต้องให้เราทำเรื่องแบบนี้ในแคว้นเหลี่ยงด้วยทำไมไม่ให้ เราจัดการคนในแถบชายแดนแคว้นฉิน”จิวซัวขยับหมวกปิดบังใบหน้าอย่างหวาดระแวงแม้ไม่ทำเช่นนี้พวกมันก็ไม่มีทางจะรู้ด้วยซ้ำว่าเขาเป็นใคร“นัยว่าต้องการให้สองแคว้นบาดหมางเพิ่มชนวนความขัดแย้ง 555ไม่ดีหรือไร พวกเราได้ทั้งขึ้นทั้งล่องงานนี้มีเย่าหยางอ๋องถือหางอยู่ไม่แน่อีกหน่อยเราจะหากินแถบนี้ได้ สบายๆ ”“อ๋องแปดผู้นี้แผนการรัดกุมล้ำลึก เรื่องเช่นนี้เขาถึงกับต้องอาศัยพวกเราเชียวหรือ”“ข้าคิดว่าคนผู้นี้ หากทำการสำเร็จก็คงไม่ปล่อยพวกเราลอยนวล เรื่องจะหากินระยะยาวคงไม่มี
จิวซัว สะกดรอยตามคนของจางเย่าหยาง โดยที่พวกนั้นไม่ทันสังเกต เข้าไปใน เขตแดนของแคว้นเหลี่ยง อาวุธในมือกลับกลายมาเป็นอาวุธสำหรับปล้นสะดม บ้านคหบดีที่ร่ำรวยคือเป้าหมายจิวซัวปลดม้าออกจากคอก ควบม้ายังค่ายทหารที่ใกล้ที่สุด หอกและดาบถูกกางกั้นตรงหน้า“เข้าไปไม่ได้เจ้าเป็นใครกัน”ป้ายหยกในถูกล้วงออกมายื่นส่งตรงหน้าทหาร หลายนายตกตะลึง คุกเข่าลงกับพื้น“ ไม่ต้องมากพิธี ตามข้ามาชักช้าจะไม่ทันกาล” นายกองพาทหารนับสิบควบม้าตะบึงตามจิวซัวไปทันทีเสียงหวีดร้องและเปลวไฟลุกลามไปทั่วบริเวณ ทหารหลายนายช่วยกันดับไฟหลายนายตามเข้าไปข้างในที่นั่น เหล่าโจรชั่วรื้อค้นข้าวของฉุดคร่าหญิงงาม จิวซัวชักกระบี่ออกห้ำหั่นอย่างไม่ปรานี พวกโจรไม่ได้เตรียมการมารับมือกองทหารคิดเพียงว่าการกระทำการครั้งนี้จะง่ายดาย เพราะบ้านที่เลือกเข้าปล้นขาดการป้องกัน หัวหน้าโจรพุ่งตัวออกจากหน้าต่างเอาตัวรอด จิวซัวกระโจนตามตวัดกระบี่จ่อที่คอหอย“หมดหนทางสำหรับเจ้าแล้ว”“โปรดไว้ชีวิตด้วย ข้ายอมแล้ว”ทรุดกายลงกับพื้นทหารหลายนายเข้ามาล้อมไว้“ไว้ชีวิตเจ้า นั่นก็คงแล้วแต่ฮ่องเต้แคว้นฉินว่าคำพูดของเจ้า จะทำให้ฮ่องเต้แคว้นฉินตาสว่างเพียงใด”“ข
ซินเฟยดิ้นรน เอาตัวรอดจางเย่าหยางหาปล่อยมือไม่ ในเมื่อมีกำลังมากกว่าอีกทั้งยังรูปร่างสูงใหญ่ สะบัดมือสกัดจุดจนซินเฟยนิ่งงัน ขยับตัวไม่ได้แบกซินเฟยขึ้นไว้บนบ่าก่อนจะเร้นกายออกจากกระโจมไป ควบม้าออกจากค่ายทหารหายไปในความมืดจิวซัวก็นำตัวหัวหน้าโจรยังค่ายทหาร คาดกันกับซินเฟยและจางเย่าหยางไม่ถึงครึ่งชั่วยาม“ฝ่าบาท”ขื่อจื้อออกมารับ“เดิมข้าขื่อจื้อตั้งใจส่งแม่นางซินเฟยยังค่ายทหารของแคว้นฉิน แต่เกรงว่าฝ่าบาท จะไม่เห็นด้วยจึงรีรอเพื่อให้ฝ่าบาท กลับมาเสียก่อนไม่คิดว่าฝ่าบาทจะกลับมาเร็วขนาดนี้”“มีเรื่องสำคัญให้สะสาง มีข่าวใหม่หรือไม่แล้วแคว้นฉินมีความเคลื่อนไหวใดบ้าง”“ไทฮองไทเฮาของแคว้นฉินทรงสวรรคตแบบกะทันหันทางแคว้นฉินจึงยังคงไม่มีความเคลื่อนไหว”“ซินเฟยเล่านางสบายดีไหม”ขื่อจื้อยิ้ม"สบายดี ฝ่าบาทตอนนี้นางกำลังปักลวดลายลงบนผ้าเพื่อมอบให้คุณหนูอิ๋นเซียงเป็นของแทนคำขอบคุณ ฝ่าบาทที่ให้ที่พักพิงช่วยเหลือ” จิวซัวยิ้ม“พรุ่งนี้ข้าจึงจะแวะไปหานางถามความสมัครใจเรื่องที่จะกลับไปยังแคว้นฉิน”“แม่นางซินเฟย คงดีใจกับสิ่งที่ฝ่าบาทตั้งใจทำให้อย่างแน่นอน”ตำหนักเย็นย่าหนานกำสาสน์ที่ส่งมาจากจางหลงแน่น น
จิวซัว ทรุดกายลงนั่งบนเก้าอี้ หมดเรี่ยวแรงเมื่อรู้ว่าซินเฟยหายไป “จัดเตรียมกำลังออกค้นหาซินเฟยโดยเร็วที่สุด”ขื่อจื้อหน้าเสีย“ฝ่าบาทเกรงว่าความสัมพันธ์สองแคว้นยิ่งจะแย่ไปกันใหญ่หากจางหลงฮ่องเต้รู้ว่า ซินเฟยในการดูแลของเราหายไป”“นำม้ามาข้าจะเดินทางไปพบจางหลงฮ่องเต้ บอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดด้วยตัวเอง เพื่อแสดงความจริงใจ”“ฝ่าบาทแล้วหากเขาจับตัวฝ่าบาทและ..อาศัยโอกาสนี้จัดการกับฝ่าบาทเสียไม่เท่ากับว่าเรา รนหาที่ไม่แน่บางที่อาจเป็นคนของแคว้นฉินที่ลักพาตัวกุ้ยเฟยไป”“จางหลงฮ่องเต้ไม่น่าใช้วิธีสกปรกเช่นนี้ หากเขาจะลักพาตัวซินเฟยกลับไปทำไมต้องยกทัพมาประชิดชายแดนของเราด้วย”“ส่งคนค้นหาซินเฟยก่อนดีที่สุด ส่วนข้าปฏิเสธไม่ได้ว่าต้องพบจางหลงฮ่องเต้สักครั้งอย่างน้อยก็เพื่อบอกเล่าเรื่องแผนการของจางเย่าหยาง ที่ส่งคนปล้นสะดมก็ยังดี เพื่อแสดงความจริงใจ”ขื่อจื้อประสานมือออกไปทันที แม้จะไม่เห็นด้วยก็ตาม"ฝ่าบาท จิวซัวฮ่องเต้นำโจรที่ลักลอบเจ้าปล้นสะดมชาวบ้านแถบชายแดนแคว้นเหลี่ยง ตามคำบัญชาของเย่าหยางอ๋องมาให้ฝ่าบาทพิจารณาโทษ"แม่ทัพหนุ่มประสานมือ"เชิญเขาเข้ามา"จิวชัวพร้อมด้วยขื่อจื้อ ที่หิ้วตัวหัวหน้
ซินเฟย ทิ้งตัวลงบนแท่นนอน ความหวานยังซาบซ่านทั่วผิวกาย ลุกขึ้นถอดอาภรณ์หย่อนกายลงแช่น้ำอุ่นให้ซอกซอนเข้าไปในผิวเนื้อสัมผัสอ่อนโยนที่ริมฝีปากยังไม่จางหายไปรอยจุมพิตที่หน้าผาก ฝ่าบาทจะรู้สึกเช่นเดียวกับชินเฟยไหม ยามนี้อยากซุกกายในอ้อมแขนของคนที่นอนกอดก่ายไม่เบื่อ ตอนนี้ไม่ใช่ชินเฟยคนเดิมแล้ว กลายเป็นของเขาผู้นั้นยิ้มด้วยความเขินอายและเป็นสุข ใบหน้าหล่อเหลาที่เคยลอบมองยามเดินอยู่ห่างเคยคิดว่าหากเป็นของเขาจะรู้สึกเช่นไร บัดนี้ซินเฟยรู้แล้วว่าการที่ได้ นอนร่วมเตียงกับบุรุษที่เคยหลงใหลแล้วเขากลับปรนเปรอสวาทให้มากมายเช่นนั้นเป็นสุขแค่ไหนเวลาล่วงเลยไป เรื่องราวในราชสำนักยัง เป็นจางหลงที่ต้องจัดการอีกทั้งเรื่องของจางเย่าหยางที่ไม่อาจละเลยปล่อยวาง ซินเฟย กินอะไรไม่ได้มาหลายวัส่งเสียงโอ๊กอ๊ากจนผิดสังเกตอีกทั้งร่างกายซุบผอมลงเป็นอันมาก เพียงได้แต่เฝ้ามองจางหลงห่างๆไม่เคยได้เข้าใกล้อีกตั้งแต่นั้นมาไทฮองไทเฮามาถึงพ้องพัก“ตรวจครรถ์ของพระสนมดูว่านางตั้งครรภ์หรือไม่”ไทฮองไทเฮาสั่งนางกำนัลอาวุโสเรื่องนี้ไม่ให้แพร่งพรายจึงไม่เรียกหมอหลวงด้วยหมอหลวงเป็นคนของซูจินนั่นเองนางกำนัลอาวุโสจับตรวจชีพจร ที
จางหลงลูบไล้ใบหน้าเนียนใส นิ้วโป้งกวาดรอบริมฝีปากอวบอิ่มก่อนจะประทับ ริมฝีปากอุ่นไปบนปากนุ่มหอม ราวกับกลีบบุปผา ลิ้นอุ่นซื้นซอกซอนเข้าไปภายใน ควานหาความหวานวุ่นวายเร่งรีบนี่เขาหิวกระหายเพียงนี้เชียวหรือ ทั้งๆที่เหนื่อยกับงานราชสำนักแต่ กลับรู้สึกผ่อนคลายมือใหญ่ปลดดึงอาภรณ์ของซินเฟยออกร่างเล็กขยับหนีด้วยความไม่เคย เขากลับรั้งร่างบางให้แนบชิดลำตัว นางไม่ได้ทำท่าทีหลีกหนีจนเกินงามหรือเสแสร้งจนไม่น่าเชื่อ ทว่าทุกอย่างล้วนออกมาจากส่วนลึก จางหลงแทรกลำตัวลงไปตรงกลางลำตัวของซินเฟยที่บิดหนี ส่งเสียงร้องครางเหมือนจะขอร้องเขาให้หยุดกระทำ เอวหนาขยับเบาๆเหมือนกับการร้องขอของนางได้รับความเห็นใจ ปลายนิ้ว ลูบไล้เพื่อบรรเทาความเจ็บปวดปากอุ่นขบเม้มอ่อนโยนอีกทั้งดูดกลืน เหมือนกลับร่างบางของอีกคนเป็นของหวานเลิศรส ร่างบางสะท้อนขึ้นลงสอดรับประสานกับร่างใหญ่ที่เบียดแทรกความบีบรัดคับแน่นทำเอาจางหลงแทบหยุดหายใจ สุขสมเพียงนี้เชียวหรือกับหญิงที่เขาพึงใจตั้งแต่แรกพบ วงแขนบางกอดรัดเขาเหมือนกลัวว่าเขาจะหนีไปซินเฟยส่งเสียงร้องครางอีกครั้งเมื่อเขาเร่งจังหวะเร็วรัว จางหลงอมยิ้ม “ฝ่าบาท...ได้โปรด” เพียงประโยคเด
ซินเฟยแหงนหน้ามองกำแพงสูงของวังหลวงด้วยรอยยิ้ม น้อยคนที่จะมีโอกาสเข้ามาใช้ชีวิตในนี้“คุณหนูซินเฟย ไทฮองไทเฮาให้เชิญคุณหนูที่ตำหนักไทฮองไทเฮา”ซินเฟยย่อตัวยิ้มน้อยๆก่อนจะตามนางกำนัลไป ไทฮองไทเฮาที่มีใบหน้าเหมือนจะแย้มยิ้มได้เสมอ แววตาอ่อนโยนจ้องมองซินเฟยที่คุกเข่าอยู่ตรงหน้า“เงยหน้าของเจ้าให้ข้าดูชัดๆ”“เพคะ” ขยับตัวเงยหน้าใ่ห้ไทฮองไทเฮาได้ยลโฉม“งดงามที่สุด ข้ามองเจ้าตั้งแต่ก้าวเข้าประตูวังมา งดงามอ่อนหวานเช่นนี้จึงเหมาะที่จะเป็นผู้ที่อยู่เคียงข้างหลานข้า”“แต่ไทฮองไทเฮานางเป็เพียงผู้คัดตัวนางในที่สอบผ่านเข้ามาหาใช่ลูกขุนนาง ในตระกูลใด”“ข้ามิได้ต้องการลูกขุนนางใหญ่ตระกูลใดมาวางกล้ามในวังหลวง แต่ข้าต้องการใครสักคนที่จะปรนนิบัติฮ่องเต้และ มีโอรสธิดาสำหรับหลานข้า”“ดูแลนางให้ดีต่อจากนี้เจียงซินเฟยต้องคอยมารับใช้ที่ตำหนักไทฮองไทเฮา”ซินเฟยก้มลงคุกเข่ากับพื้นการฝึกในแบบนางในที่เข้มงวดไม่เคยแม้จะได้หลับเต็มตื่นหรือ ทำตัวตามสบาย“ร่างกายของเจ้ายังผุดผ่องในเมื่อข้าให้นางในอาวุโสตรวจภายในของเจ้า เช่นนั้นนับจากนี้ไปอีกสามคืนจึงเหมาะแก่การเข้าเฝ้าฮ่องเต้ หากโชคเป็นของเจ้าสวรรค์เมตตาจึงจะมี
“จางหยวน เคร่งขรึมแต่จริงใจ ไม่เสียทีที่เป็นลูกของข้าเขานับว่าเป็นผู้นำได้ดีไม่น้อย”“แล้วองค์หญิงเล่า“ซินฟางเอาแต่ใจ เจ้าเล่ห์แสนกล ไม่เหมือนเจ้าสักนิดอีกทั้งยังไม่เหมือนใครแต่เขาก็ทำให้เราสองคนยิ้มได้”“นางเหมือนฝ่าบาทไม่น้อยอย่างน้อยเมื่อผิดก็รู้จักขอโทษและทำคุณไถ่โทษ”“เพราะรักข้าจึงรู้สึกผิด และไม่อยากให้เจ้ามองข้าผิดๆ แม้จะต้องแลกมาด้วยทุกอย่างก็ตามขอเพียงมีเจ้าข้างกายได้กอดก่ายเจ้าอย่างนี้ทุกวันคืนก็เพียงพอแล้ว”“พบกันเพียงครั้งเดียวฝ่าบาทจะรักได้อย่างไร”“เจ้าเชื่อในรักแรกพบไหมแววตาเศร้าสร้อยของเจ้า ทำเอาข้าดวงใจสั่นไหวในคืนแรกนั้น”ซินเฟยยิ้มเขินอาย จะกี่วันผ่านจะกี่ปีเคลื่อนคล้อย จางหลงยังคงไม่เปลี่ยนแปลงเชยคางมนขึ้นมาสบตา จุมพิตหวานกว่าที่เคยหวาน อ้อมกอดอบอุ่นเหมือนเดิมแววตาเปลี่ยนไปกลายเป็นแววตาที่แสดงความรักใคร่อย่างที่สุด“ตั้งแต่วันนั้นถึงวันนี้ ไม่ว่าเจ้าจะอุ่นเตียงให้ข้ากี่ครั้ง ข้าก็ยังไม่เคยจะเบื่อหน่ายมัน เช่นนั้นคืนนี้ เจ้าต้องทนอดนอนเสียหน่อย”โน้มร่างบางลงบนแท่นนอนช้าๆ จุมพิตที่ปากบาง บดขยี้อ่อนหวานเชิญชวนมืออุ่นซอกซอนเข้าไปใต้ร่มผ้าบีบรัดคลึงเคล้า ริมฝีปากก็ท
เสียงบางอย่างแหวกอากาศมาก่อนที่มีดสั้นของจิวซัวจะทำให้ขวดยาพิษร่วงลง แตกละเอียดกับพื้น กระบี่ในมือจิวซัวฟาดฟันทหารรอบกายจางหลง โยนกระบี่ในมือให้กับจางหลง ที่เอื้อมมือคว้ามันก่อนจะหันคมกระบี่เข้าใส่จางเย่าหยางเสียบเข้ากลางอกทะลุขั้วหัวใจจางเย่าหยางสะอึกแรงๆ เลือดสีแดงสดไหลออกจากปาก ปล่อยซินเฟยจากอ้อมกอด จางหลงคว้าร่างบางมากอดแนบอก เลือดหยดรินออกจากคมกระบี่สีแดงหยดลงพื้น ซินเฟยซบหน้าลงบนอกกว้างของจางหลง เสี่ยวซาน จิวซัวช่วยกันพยุงย่าหนาน“ตามหมอหลวง”เสียงตะโกนของจางหลง หทารของจิวซัวและจางหลงสามารถจัดการกับทหารของ จางเย่าหยางจนสิ้น ซินเฟยปาดน้ำตากุมมือย่าหนานไว้แน่น“ฮองเฮาดูแลตัวเอง ต่อจากนี้ไม่มีย่าหนาน มีเพียงฝ่าบาทที่จะคอยเป็นดังทุกสิ่งทุกอย่างต่อจากนี้”“ไม่ไม่ไม่ ไท่เฟย ท่านต้องไม่เป็นอะไร ”ย่าหนายิ้มเศร้าๆ“ฮ่องเต้ ที่ผ่านมาเป็นข้าเองที่เอาแต่ใจฝ่าบาทไม่ผิด แม้ข้าจะอยากดีกับฝ่าบาทเพียงใดแต่เป็นเพราะความเอาแต่ใจไร้เหตุผลของตัวข้า ที่ทำให้ฝ่าบาทต้องพบกับความเจ็บซ้ำ”“ไท่เฟยท่านหยุดพูดได้แล้วหมอหลวงกำลังมา เมื่อท่านรักษาอาการบาดเจ็บหายดีแล้ว จางหลงจะนั่งฟังท่านบ่นด่าได้ทั้งวัน”ส่า
ซินเฟยในอาภรณ์สีแดงมงคลชายผ้ายาวเหยียด ข้างกายย่าหนานจับมือไว้มั่น รอยยิ้มปลาบปลื้มใจปรากฏที่ริมฝีปากของย่าหนาน“ยิ้มเข้าไว้ยิ้มรับความสุข และสิ่งที่เจ้าสมควรจะได้รับ”เสียงกระซิบข้างหูเมื่อจูงมือซินเฟยเดินตามทางเดินทอดยาวสองข้างทางเหล่าขุนนางและข้าราชบริพารเนืองเเน่นร่วมแสดงความยินดี จางหลงก้าวลงมาจากบันไดขั้นสูงสุดรอรับซินเฟย ย่าหนานส่งมือของซินเฟยวางบนมือของจางหลง“ขอบคุณไท่เฟยที่ดูแลปกป้องนาง จนกระทั่งมีวันนี้ วันที่ท่านส่งมอบนางกลับคืนให้ข้าอีกครั้ง”“ฝ่าบาทจะดูแลนางอย่างดี และปกป้องนางอย่างดีจากนี้ไปใช่ไหม ไม่ให้นางต้องพบกับความขมขื่นเช่นข้า สัญญาได้ไหม”“ข้าสัญญา ไท่เฟยต่อนี้ท่านอย่าได้กังวลข้าจะมีนางคนเดียวตลอดไป” รอยยิ้มปรากฎทั่วทั้งใบหน้าของคนทั้งสามมงกุฎของฮองเฮาถูกสวมลงบนศีรษะของซินเฟยโดยจางหลง ตราหยกประทับของฮองเฮาเป็นใต้เท้าฉีที่ยื่นให้จางหลงมอบให้กับซินเฟย เสียงแซ่ซ้องสรรเสริญดังไปทั่วบริเวณจางหลงหันมาสบตาซินเฟยด้วยความรักเต็มเปี่ยม“ต่อแต่นี้ เจ้าจะเป็นฮองเฮาของข้าคนเดียวไม่ว่าเจ้าจะผ่านทุกข์เข็ญอะไรมาข้าพร้อมชดเชยให้เจ้า”“ขอบพระทัยฝ่าบาท”ซินเฟยย่อตัวลงช้าๆ จางหลงจ
จางเย่าหยาง กลับไปที่ดินแดนทางเหนือด้วยความรู้สึกพ่ายแพ้“ท่านอ๋องอีกไม่กี่วันเหมาะที่จะลงมือด้วยแคว้นฉินจะมีงานมงคล”“งานมงคลใดกัน” คนสนิท ลังเลไม่อยากจะตอบ“จางหลงฮ่องเต้แต่งตั้งฮองเฮาคนใหม่ และไท่เฟยในเวลาเดียวกัน หลังจากที่สั่งประหารใต้เท้าฟง และอดีตฮองเฮาซูจินที่ได้รับผ้าขาว”“จางหลงเดิมข้ามองว่าเขาช่างโง่งมจิตใจอ่อนแอ มุ่งเน้นแต่จะผ่อนปรนแต่ครั้งนี้กลับเชือดไก่ให้ลิงดู”“คงตั้งใจให้ท่านอ๋องได้เห็นว่าเขาจะไม่ยอมอ่อนข้อให้”“ดี ข้าก็ต้องการเห็นเช่นนั้นเหมือนกัน เตรียมทัพของเราให้พร้อมออกเดินทางทันที”วังหลวงแคว้นเหลี่ยงอิ่นเซียงในชุดฮองเฮาสีแดงสด ปักเลื่อมลายหงส์งดงาม นั่งนิ่งอยู่บนแท่นนอนดัง ไร้ชีวิตจิวซัว เอื้อมมือเปิดผ้าคลุมหน้าขึ้นช้าๆ น้ำตาที่เอ่ออยู่กับไหลรินเป็นสายจิวซัว ตื่นตะลึงกับหยาดน้ำตานั้นกอดรวบร่างบาง ไว้แน่นซุบหยาดน้ำตาให้อย่างอ่อนโยน“ทำเช่นไรเจ้าจึงจะหายโกรธข้าเสียที”จูบซับน้ำตาให้เบาๆ อิ๋นเซียงไม่ขัดขืนแต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทีว่าสมยอม“ฝ่าบาทไม่ได้มี อิ๋นเซียงในใจทำเรื่องใดก็ไม่เป็นผล”“หากข้าจะบอกว่าในตอนนี้ข้ามีเจ้าเต็มหัวใจเล่า”เสียงสะอื้นไห้ ดังขึ้นทันที“ใ
“พระนางเพียงแค่ให้ข้าเป็นแพะรับบาป กุ้ยเฟยไม่ได้มีความผิดใดใดอีกทั้งในตอนที่เข้ามาอยู่ในวังหลวงนางนับว่ามีกิริยาเรียบร้อยอ่อนหวาน ในตอนนั้นใครๆ ก็ต่างรู้ดีว่านางกลับจากปรนนิบัติฝ่าบาทได้ไม่นานก็เกิดอาการแพ้ท้องเรื่องจึงแพร่กระจายออกไปพระนางรู้ดีแก่ใจว่าในท้องของนางเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของฝ่าบาท พระนางจึง ใส่ร้ายกุ้ยเฟยไม่สอบสวน ประหารองครักษ์ผู้นั้นกับมือแล้วสั่งโบยนาง”“ซินเฟยนางสมควรตาย ข้าน่าจะโบยนางเองกับมือจะได้ตายไปทั้งแม่ทั้งลูก”“ในวังหลังพวกเราต่างรู้ดีว่าหากใครที่เข้าไปปรนนิบัติฝ่าบาท ต่อเมื่อเช้าของอีกวันจะต้องถูกจับตัวไปสวนล้างจนหมดจด ไม่มีสักคนที่จะตั้งครรภ์ แต่กุ้ยเฟยเป็นคนเดียวที่ไม่ถูกสวนล้างอย่างสนมคนอื่น จึงไม่แปลกที่ในท้องของนางจะมีเลือดเนื้อเชื้อไขของฝ่าบาท”“ยอมรับผิดเสียเถอะพระนาง ความผิดของพระนางมากมายจน ฝ่าบาททรง ประทานผ้าขาว และยาขวดนี้”ใต้เท้าฟง ยกผ้าขาวกับยาขวดเล็กมาวางบนโต๊ะ“ข้าไม่เอาไม่ดื่มยาพิษ นี่เวรกรรมกำลังตามข้าทันใช่หรือไม่ ไทฮองไทเฮาข้าไม่ได้วางยาพิษข้าอุตส่าห์ใจดี ให้ไทฮองไทเฮาหลับอย่างสบายไม่ต้องตื่นมาอีกเพราะไทฮองไทเฮา เข้าข้างซินเฟยหาทางจับผิด
ซินเฟยลืมตาฟื้นขึ้นมาจากอาการบาดเจ็บ เหลือบตามองไปทั่วบริเวณไล่ความมึนงง จางหลงนั่งกุมมือส่งยิ้มให้อย่างอ่อนโยน“เจ้าฟื้นแล้ว”“ฝ่าบาทซินเฟยกลับมาที่นี่แล้วใช่ไหม”“ข้าพาเจ้ากลับมาที่วังหลวง”“แล้วเรื่องศึกกับแคว้นเหลี่ยง”จางหลงยิ้ม“ต้อง ขอบใจเจ้าเป็นเพราะเจ้า ฮ่องต้แคว้นเหลี่ยงยอมถอนทัพเชื่อมสัมพันธ์กับแค้วนฉินเพราะเจ้า”ซินเฟยยิ้มบางๆ“อาการของซินเฟยดีขึ้นแล้ว จะได้กลับไปที่ตำหนักเย็นเสียที”“ใครให้เจ้าไปกัน เมื่อเจ้าหายดีอยู่ด้วยกันที่นี่ข้ามีบางอย่างอยากให้เจ้าเห็นให้เจ้ารับรู้ถึงความจริงใจของข้า”ซินเฟยหันหน้าหนีไม่อยากให้จางหลงเห็นหยาดน้ำตาที่ไหลริน ความน้อยเนื้อต่ำใจ แล่นขึ้นมาจุกที่อกกับเหตุการณ์ที่ผ่านมา ทั้งถูกโบยและนอนเจ็บเจียนตายไร้เงาของจางหลงตำหนักชิงหนิงกง“ปล่อยข้าไปเสียที ข้าเบื่อเต็มทนแล้วใครขว้างข้า เจ้าไม่อยากมีชีวิตอยู่หรือไร”ซูจินตะโกนเสียงดังเหมือนคนกำลังจะบ้าคลั่ง“ออกไปไม่ได้นี่เป็นบัญชาของฝ่าบาท”“ข้าอยากพบฝ่าบาท ข้าจะออกไปหาฝ่าบาท” วิ่งถลาออกจากห้องแต่ถูกองครักษ์และขันทีช่วยกันจับตัวไว้“พวก เจ้ายังอาจมาขว้างข้าไว้ ตำแหน่งฮองเฮาของข้าไม่มีความหมายหรือไร