“ฝ่าบาทปล่อยซินเฟยไปเสียเรื่องราวที่ผ่านมาอย่าได้ถือว่าเป็นบุญคุณความแค้น และรู้สึกผิดในเมื่อซินเฟยก็เพียงสนมปลายแถว ฝ่าบาทเองมีเรื่องอื่นมากมายที่สำคัญกว่าการเอาใจสนมเพียงนางเดียว เช่นนั้นปล่อยซินเฟยไปเสีย”
“เจ้ายังโกรธข้าอยู่เช่นนั้นหรือ”
แววตาหม่นเศร้า
“ซินเฟย ไม่อยากโง่งมอีกต่อไปแล้ว ปล่อยซินเฟยไปเสีย”
กัดฟันพูดจางหลงคลายอ้อมแขนออก
“บางเรื่องเจ้าหาเข้าใจไม่ ข้าจะรออยู่ที่นี่จนกว่าเจ้าจะหายโกรธ ข้าพร้อมจะรอเจ้าเสมอ”
ซินเฟยขยับตัวอย่างลำบากออกจากตรงนั้นไป จางหลงกลืนน้ำลายลงคอยากเย็นทำไมใจหายเช่นนี้ เพราะเหตุใดกัน
“ฝ่าบาทฝ่าบาท เหตุใดต้องใส่ใจนางเพียงนั้นแค่เพียงสนมปลายแถวเช่นนางว่าหากนางไม่เต็มใจที่จะอยู่ ซูจินยินดีหาสนมนางใหม่ที่งดงามอ่อนช้อยกว่านางมากนัก”
ซินเฟย หยุดเดินเมื่อได้ยินซูจินพูดถึงซินเฟยต่อหน้าจางหลง
“ข้าไม่ได้ต้องการสนมคนใหม่ ข้าเพียงแต่รู้สึกว่า ทำไมเมื่อนางจะไปใจข้าถึงได้เจ็บปวดเช่นนี้”
เผลอพูดความในใจในเมื่อตอนนี้หมดหนทางเสียแล้วเขารู้สึกอย่างนั้นจริงๆ
“ฝ่าบาทซูจินเห็นใจฝ่าบาทเหลือเกิน ซูจินสัญญาจะทำทุกวิถีทางให้นางกลับมา”
น้ำเสียงอ่อนโยนแสดงความเห็นใจอย่างเต็มที่ซินเฟยก้าวขาเดินต่อ แสร้งเป็นไม่ได้ยินประโยคของซูจิน
ตำหนักเย็น
ย่าหนานทิ้งไม้กวาดลงบนพื้น ถลาเข้ากอดซินเฟย
“เจ้ามาแล้ว ข้าห่วงเจ้าเหลือเกิน”
“อาวุโส ซินเฟยขอบคุณสำหรับยาดีของอาวุโส”
กลืนน้ำลายลงคอเมื่อคิดขึ้นได้ว่าจางหลงลงทุนคุกเข่าเพื่อนาง แต่นางยังกลับมาที่ตำหนักเย็น จางหลงเหตุใดจึงยอมนางถ้าไม่ใช่เพราะไม่โปรดปรานก็คงเพราะตามใจเพราะรัก ก็ในเมื่อเขารับปากกับย่าหนานแล้วว่าจะไม่ย่างกรายมาที่ตำหนักเย็นอีกเป็นอันขาด
“ฝ่าบาทยอมให้เจ้า มาที่นี่หรือไร”
ถามขึ้นลอยๆ ซินเฟยยิ้มเศร้าๆ
“แวดล้อมเขาล้วนแต่มีหญิงงาม และคนรักใคร่เหตุใดต้องรั้งข้าไว้”
“ฝ่าบาทหนอฝ่าบาท มีเพชรอยู่ในมือกลับมองไม่เห็นค่า ซินเฟยคนผู้นั้นรอเจ้า ตั้งแต่เมื่อวานข้าบอกให้เขากลับไปเขาหาใส่ใจคำพูดข้าไม่ ยืนนิ่งเป็นหุ่นรอเจ้าจนเช้าจนสาย”
อาวุโสย่าหนานชี้มือไปข้างๆตำหนักเย็น ซินเฟยมองตามมือเห็น จิวซัวยืนพิงโค่นต้นดอกเหมย ยิ้มละมุนอยู่ตรงนั้น
ซินเฟยยิ้มตอบ จิวซัวเดินเข้ามาหา ชูของในมือให้ซินเฟยเห็น
“ข้า วันนั้นไม่ได้กินปลาตัวใหญ่ที่เจ้าตก เมื่อวานไปที่ตลาดได้ไข่ปลาอูหมักแสนอร่อยและเป็นอาการชั้นยอดของแคว้นเหลี่ยงมาฝากเจ้า หวังว่าอาวุโสจะให้ข้าอยู่ทานอาหารเย็นที่นี่”
ประโยคสุดท้ายหันไปที่ย่าหนาน
“ซินเฟยขอบคุณคุณชายที่ห่วงใย ไข่ปลาอูมีราคาแพง คุณชายต้องลำบากในการหาซื้อมันมา”
จิวซัวแกล้งตีหน้าเศร้า
“เจ้าปฏิเสธเช่นนี้ข้าคงแย่ คงต้องนำกลับไปกินเอง”
ย่าหนานคว้าของในมือจิวซัวมาถือไว้
“ข้าจัดการเอง ในเมื่อถือมาแล้วจะถือกลับทำไมกัน ส่วนตัวเจ้าจะไปไหนก็เชิญแต่ของเมื่อนำมาแล้วนำกลับไป”
จิวซัวอมยิ้มเกาหัวแกรกๆ แก้เก้อซินเฟยเผลอยิ้ม จิวซัวอดที่จะมองใบหน้าสว่างยามแย้มยิ้มเสียไม่ได้ รอยยิ้มของซินเฟยงดงามยิ่งนัก
“อาวุโส ท่านก็ให้ข้าอยู่ทานอาหารฝีมือท่านหน่อยไม่ได้หรือไร ซินเฟยเอ่ยปากว่าอาวุโสใจดีที่สุด”ย่าหนานยิ้มทั้งๆ ที่หันหลังให้ แต่กลับตวาดเสียงดัง
“ไม่ต้องมา ยกยอข้าให้เสียเวลาจะกินก็กิน กินแล้วก็รีบไปข้าเบื่อขี้หน้าเจ้า มาเฝ้าที่ตำหนักเย็นทั้งกลางวันกลางคืน”
จิวซัวรีบเข้าไปพยุงซินเฟยทางด้านซ้าย ด้านขวามีเสี่ยวถ้านพยุงอยู่ไม่ห่าง
เสี่ยวถ้านพิศมองใบหน้าของจิวซัว อยากจะไปแจ้งข่าวกับจางหลงเหลือเกินคนผู้นี้จงใจมาตีท้ายครัวฝ่าบาทเสียแล้ว มองก็รู้ว่ามีใจให้กับนายหญิงซินเฟยไม่น้อย
ตำหนักใหญ่
“ฝ่าบาทชาชนิดนี้ช่วยผ่อนคลายอีกทั้งยังทำให้หลับง่าย ซูจินได้มาจากพ่อค้าต่างแคว้น ฝ่าบาทลองดื่มดู”
จางหลงมองชาในมือของซูจิน หลับใหลเช่นนั้นหรือ เดิมเมื่อเขาดื่มชาจากมือของซูจินในขณะที่นางเป็นแค่สนมต่ำชั้นเขาเองก็ยังไม่เคยร่วมเตียงกับใครมาก่อนอีกทั้งยังไม่ประสีประสาเรื่องบนเตียง จึงเกิดภาพหลอน ให้มีจิตพิศวาสซูจินขึ้นมาถึงขั้นอุ้มนางวางบนแท่นอน แล้วต่อจากนั้นเขาจำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นพอผ่านไปถึงเช้าของอีกวันจางหลงลืมตาตื่นมาพบตัวเองเปลือยเปล่าข้างกายมีซูจินร่วมแท่นนอน
ครั้งนี้จะยอมเสี่ยงดื่มชาของนางอีกหรือในเมื่อตอนนี้เขากลับคิดถึงแต่ซินเฟย หากทำสิ่งใดผิดพลาดเกรงว่า นางจะไม่มีทางให้อภัยอย่างแน่นอน
รับจอกชามาดื่มจนหมดจอก ซูจินยิ้มหวานจางหลงทิ้งตัวลงนอนบนแท่นนอน
“ซูจินทูลลา”
ทำไมซูจินจึงยอมจากไปง่ายดาย เสี่ยวซานปิดประตูเบาๆ ปล่อยให้จางหลงพักผ่อน
ตำหนักเย็น
จิวซัวพุ้ยข้าวใส่ปากเสียยกใหญ่
“อาวุโสฝีมือทำอาหารของท่านเยี่ยมยุทธเสียจริง”
ซินเฟยและย่าหนานต่างอมยิ้มกับท่าทีผ่อนคลายของจิวซัวที่สร้างสีสันให้ตำหนักเย็น
“อาวุโส ตำหนักเย็นอยู่ในเขตวังหลวงหากฝ่าบาทรู้ว่ามีคนนอกเข้ามาเกรงว่า”
เสี่ยวถ้านพูดยังไม่ทันจบย่าหนานขมวดคิ้วพูดขึ้นด้วยแรงโทสะ
“ใครกันสนใจฮ่องเต้สับปลับคนนั้นกัน”
ซินเฟยกับจิวซัวต่างนิ่งงัน
“เจ้าไม่ต้องกลัวเขา ตำหนักเย็นเป็นของข้าข้าอยากให้ใครมาจึงมาได้ เขาเองรับปากข้าแล้ว ตั้งแต่วันที่มาขอยาให้ซินเฟยว่าจะไม่ย่างกรายมาที่นี่ให้ข้ารำคาญลูกตา เขายังจะกล้าสับปลับอีกหรือ”
ซินเฟย สงสัยความสัมพันธ์ของย่าหนานและจางหลงว่าเหตุใด ย่าหนานจึงมีอำนาจต่อรองเหนือกว่า หรือว่าจางหลงเคยทำผิดต่อย่าหนาน
“อาวุโส ซินเฟยไม่ได้ตั้งใจ จะทำให้อาวุโสหนักใจ แต่ซินเฟยอยากรู้ว่า อาวุโสกับฝ่าบาทมีความสัมพันธ์ดีร้ายแค่ไหน”
ย่าหนานหลับตาถอนหายใจยาวเหยียด
“ข้าเองไม่อยากจะถือสาเขา แต่เรื่องราวในครั้งนั้นยากเกินที่จะลืมเลือน”
จางหลงบ้วนน้ำชาทิ้งก่อนจะลุกจากแท่นนอน เสี่ยวซานลงไปนอนแทนที่ทันที ใช้ผ้าห่มคลุมร่างจนมิดเหมือนกำลังหลับสนิทจางหลงเปลี่ยนอาภรณ์เป็นชุดขันที เร้นกายออกมายืนแทนที่เสี่ยวซานซูจินกลับมาอีกครั้ง จางหลงก้มหน้าประสานมือแต่ไม่เอ่ยคำใด“ฝ่าบาทหลับไปแล้วใช่หรือไม่”พยักหน้าก่อนจะผายมือเชิญ“เจ้าไปนอนได้แล้ววันนี้ข้านำสนมคนใหม่มาถวายตัวปรนนิบัติฝ่าบาท เรื่องในห้องบรรทมให้เป็นหน้าที่ของสนมเซียงอี๋”จางหลงพยักหน้าประสานมือก่อนจะหลบออกมา ประตูถูกเปิดออกช้าๆ“เซียงอี๋ เจ้าปรนนิบัติฝ่าบาทให้ดีพรุ่งนี้เช้า ข้าตกรางวัลให้อย่างงามเข้าไปได้แล้ว”“ฮองเฮา เซียงอี๋..เอ่อๆๆ ”“ไม่ต้องกลัวสิ่งใด ฝ่าบาทแต่เดิมก็ ...ไม่เคยสนใจอะไรอยู่แล้วเจ้าเพียงแต่ทำให้ฝ่าบาทลืมเจียงซินเฟยได้…. ก็พอ”จางหลงส่ายหน้าช้าๆ ก่อนจะก้าวขาออกจากตำหนักไปยังตำหนักเย็นตำหนักเย็น“เขาเป็นผู้เดียวที่ข้าไว้ใจและรักดุจลูกในไส้ แต่ในตอนนั้นข้าถูกฮองเฮาลงทัณฑ์เพราะโดนกล่าวหาว่าปรุงยาให้กับจางหลงจนเป็นเหตุให้อยู่qไท่จือในตอนนั้นทรงพระประชวรหนัก ด้วยจางหลงมีพลานามัยอ่อนแออยู่เป็นทุนเดิม ข้ารักเขาเพียงนั้นพวกเจ้าคิดว่าข้าจะปรุงยาพิษให้เขาหรื
ร่างบางที่เปรอะเปื้อนด้วยเลือดที่แผ่นหลัง ถูกโบยจนสลบไสล ผมเผ้าหลุดลุ่ยยุ่งเหยิงเลือดไหลซึมเป็นทางบนอาภรณ์สีขาว"ทิ้งนางไว้ที่นี่ในตำหนักเย็นแห่งนี้"ร่างโชกเลือดพลิกตัวนอนหงาย กลืนน้ำลายลงคอ คลำที่ท้องของตัวเองไปมา จะตายได้อย่างไรในเมื่อมีลูกอยู่ในท้องตำหนักฮ่องเต้"ฝ่าบาท ย่าได้ยินว่าฮองเฮา สั่งโบยสนมเจียงซินเฟยจนสาหัสถึงร้อยไม้ ก่อนจะลากตัวนางไปไว้ยังตำหนักเย็น นางทำความผิดใดกันจึงถูกลงทัณฑ์รุนแรงปางตายเช่นนั้น"ใบหน้าหล่อเหลาเงยหน้าขึ้นจากกองฎีกา หลายวันมานี้ไม่เคยได้ผ่อนคลายหลายเรื่องราวในราชสำนักมีให้ต้องจัดการไม่เว้นแต่ละวัน เขาเองหาใช่คนที่ชอบเรื่อง รักใคร่จึง เอาเวลาทั้งหมดทุ่มเทให้งานในราชสำนักจะดีกว่า"เสด็จย่าหมายถึงสนมคนไหน"ก้มหน้าอ่านฎีกาต่อไป"จางหลง นางกำลังตั้งครรภ์"ขันทีหนุ่มขยับกายอย่างอึดอัด"ไว้ หลานส่งคนถามไถ่ฮองเฮาอีกที""จางหลงนางตั้งครรภ์ลูกของเจ้า"สีหน้าเป็นกังวล"เสด็จย่าเรื่องราว ในวังหลังล้วนเป็นฮองเฮาที่จัดการเป็นอำนาจหน้าที่ของนาง ไว้หลานไต่สวนอีกที อีกอย่างหลานจำไม่ได้แม้กระทั่งชื่อนางหรือแม้กระทั่งใบหน้าของนางด้วยซ้ำไป"ไทฮองไทเฮาถอนหายใจยาวเหยียด
คำพูดขาดหายไปในลำคอไม่ได้รู้สึกอะไร แค่เพียงรับรู้อย่างที่เขาคิดว่าควรเป็นเช่นนั้น ซูจินยิ้มบางๆ"ฝ่าบาทวันนี้จะค้างที่ตำหนักชิงหนิงกงหรือว่าต้องการจะเลือกป้าย"เดินเข้าใกล้ซูจินประคองกอด เบาๆ"ค้างที่นี่ ป้ายพรุ่งนี้ข้าค่อยเลือกจะดีกว่าวันนี้ข้าอ่านฎีกามาทั้งวัน รบกวนให้ฮองเฮานวดให้หน่อยจะดีไม่น้อย"ซูจินยิ้ม ก่อนจะซบหน้าลงบนอกกว้าง จางหลงตบที่ไหล่เบาๆอย่างเอาใจ เขาเอาใจใครไม่เป็นกิริยาที่ทำทั้งหมดเพื่อไม่ให้คนอื่นรู้สึกว่าเขาแปลกไปต่างหากซินเฟย ตะแคลงตัวมองหาหญิงคนเดิม แต่ก็ไม่พบเมื่อฟ้าเริ่มมืดความหนาวเหน็บมาเยือนยกมือขึ้นกอดอกแน่น เพียงครู่เดียวที่หลับตาผ้าฝ้ายฝืนใหญ่ก็ห่มคลุมร่างให้อุ่นสบาย"ลองขยับตัวดูเจ้าต้องเข้าไปข้างในกับข้าแล้วหิมะทำท่าจะตก คงร่วมเสียใจกับเจ้า"ซินเฟยรู้สึกปวดท้องจนแทบทนไม่ไหว เหงื่อเม็ดใหญ่ผุดขึ้นที่ใบหน้า"อาวุโสข้าปวดท้องเหลือเกิน"มือเหี่ยวคลำที่ท้องเป็นก้อนแข็งของซินเฟยไปมา เลือดสีแดงไหลเปรอะเปื้อนเป็นทางลงไปยังเท้าเปลือยเปล่า หญิงชราส่ายศรีษะไปมา"เจ้าคงรักษาเขาไว้ไม่ได้แล้ว"ซินเฟยปล่อยน้ำตาไหลริน สี่เดือนที่เฝ้าฟูมฟักดูแลตัวเองอย่างดี เพื่อมาถึงวัน
ร่างบางใบหน้านิ่งจนเกือบเป็นหม่นหมอง แม้นางจะงดงามจนเขาตกตะลึงทว่าใบหน้ากลับหม่นหมองเศร้าสร้อยร่างบางยังนั่งอยู่หน้าเปลวไฟสีส้ม เขาซ้อนร่างมาอุ้มไว้ร่างเย็นชื้นด้วยหยดน้ำเกาะพร่างพราวกลิ่นพฤษาหอมละมุน ก่อนจะวางนางลงบนแท่นนอนไม่มีท่าทีขัดขืน คงจะถูกสอนมาอย่างดีในวิธีการปรนนิบัติฮ่องเต้เขาสะบัดมือดับไฟที่ส่องสว่าง เป็นเพราะไม่อยากเห็นแววตาเศร้าสร้อยนั้น แต่กระนั้นแสงจันทร์ยังคงส่องลอดลงมา กระทบใบหน้าที่งดงาม ใบหน้าที่งดงามเช่นนั้นหรือหากจะว่าไปใบหน้างดงามของนางยังไม่ตรึงใจเท่าร่างขาวสล้างใต้ร่างเขาที่สะท้อนขึ้นลงหยิกกัดด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัส ยามเขากระแทกเอวหนาลงไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาเองก็สุขสมจนเกือบจะเผลอเปล่งเสียงร้องครางด้วยความบีบรัดคับแน่นทนไม่ไหว จนถึงกลับต้องบดริมฝีปากกับปากบางของนางแนบแน่นไม่ได้กลัวว่านางจะร้องคราง แต่กลัวว่าตัวเองจะร้องครางให้เขินอายนางเสียเปล่าเฝ้าปรนเปรอนางซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างลืมตัว ปกติเขามิใช่ผู้ที่ทำเรื่องเช่นนี้เขามักจะร่วมรักกับใครเพียงแค่ครั้งเดียว แล้วปล่อยตัวเองหลับไหลจนตะวันสายโด่งในวันที่ต้องการผ่อนคลายก็เท่านั้น แต่กับนางเขาพร่ำทำซ้ำๆจนเขาแปลกใจไ
"ข้าอยู่เสียจนชิน มีความสุขในความเดียวดาย นานครั้งถึงจะมีสหายเก่าแวะเวียนมา เจ้าไม่เหมาะกับตำหนักเย็น""ข้าทำผิดร้ายแรงวังหลวงยิ่งไม่เหมาะกับข้า""เจ้ารู้ดีว่าเจ้าผิดหรือไม่ แต่หากมีคนเชื่อว่าผิดก็ต้องถูกลงทัณฑ์เมื่อลงทัณฑ์ไปแล้วถือว่าความผิดของเจ้าจบสิ้นกันไป หากเจ้าไม่ทำเรื่องผิดพลาดครั้งใหม่การเข้าไปอยู่ในวังหลังอีกครั้งจึงนับว่าไม่ผิดและกระทำได้เพราะเจ้าถูกโบยจนครบร้อยทีไปแล้ว"ซินเฟยนิ่ง กลับไปเพื่ออะไรกัน ใบหน้าเรียบเฉยของจางหลงลอยขึ้นมาตรงหน้าเขาไม่รู้ดวยซ้ำว่าซินเฟยมีตัวตนท้องพระโรงเมื่อเหล่าขุนนางมากันพร้อมหน้า"ฝ่าบาทราษฎรตอนนี้สำราญถ้วนหน้า เงินเก็บในคลังมากมายจนไม่อาจะใช้หมดจึงเห็นควรงดจัดเก็บภาษีเสียสามปีจึงจะดี ด้วยฝ่าบาทรงตรากตรำทุ่มเทเป็นเวลายาวนานตั้งแต่ทรงนั่งบัลลังก์จนบัดนี้บ้านเมืองสงบสุข ประชาชนรุ่งเรืองข้าจึงหวังจะให้ฝ่าบาทจากนี้ให้เวลากับตัวเองเสียบ้าง แต่งตั้งฮองเฮามาเนิ่นนานยังไม่มีองค์รัชทายาทไว้สืบบัลลังก์"จางหลงหลับตาลงช้าๆ เมื่อใต้เท้าฉีหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ เอ่ยปากต่อหน้าเหล่าขุนนาง ด้วยเห็นว่าจางหลงให้เวลากับราชสำนักและราษฎรเกินไปจนบัดนี้ใกล้จะไร้ผู้สืบ
การฝึกสอนจากฝ่ายในว่าด้วยเรื่องการปรนนิบัติฝ่าบาทก็ลืมเลือนไปเกือบสิ้นเมื่อเวลาผ่านมาใกล้จะครบปีเต็มทีแล้วก็ยังไม่เคยต้องเข้าไปปรนนิบัติ ทั้งๆที่ถูกสอนเรื่องของการปรนนิบัติฝ่าบาททั้งยามหลับและยามตื่นแม้กระทั่งการอุ่นเตียงการให้กับฮ่องเต้บอกแม้กระทั่งต้องทำตัวเช่นไรจึงจะถูกใจฮ่องเต้ซินเฟยหาจำได้ไม่ก็ทุกอย่างล้วนเกิดขึ้นกระทันหันอีกทั้งความกลัวและความตื่นตระหนกมีมากเสียจนหูอื้อตาลายจำบทเรียนต่างๆเหล่านั้นไม่ได้สักนิดยามที่ต้องถูกทาบทับอยู่บนแท่นนอนกับฮ้องเต้หนุ่มที่ใบหน้าหล่อเหลา ร่างกายกำยำเช่นจางหลง ถึงเวลานั้นมาจริงๆมือไม้เย็นเฉียบ แทบจะทรงกายไม่อยู่เมื่อถูกอุ้มไปวางบนแท่นนอน ความทรงจำตอนนั้นจะว่าไม่จำ กับฝังลึกในจิตใจ ความรู้สึกอบอุ่นกับ ความอ่อนโยน ที่ยังจำได้ดีอีกทั้งรอยจุมพิตที่หน้าผากเหมือนกับรักเหลือเกินยามที่จางหลงลุกจากแท่นนอน ซินเฟยยังจำได้แม่นยำเสียงพลุและดอกไม้ไฟดังไปทั่วบริเวณ ซินเฟยยิ้มสดใสเป็นยิ้มครั้งแรกในรอบหลายปีมานี้ ชุดสีขาวขลิบแดง ส่งให้ผิวขาวนวลเนียนแม้ใบหน้าจะซีดจางลงจากการเสียเลือด ไปแต่ก็คงความงดงามไม่เปลี่ยน เดินบนถนนเพียงลำพัง อย่างน้อยตอนนี้ก็มีอาวุโสย่า
ซูจินไม่ทันได้เห็น รู้แต่เพียงว่าจางหลงทอดสายตามองใครอยู่“คนที่มารับเหรียญทอง คงถูกผลักจนล้มลงดีที่มีคนช่วยไว้ทัน”ซูจินยิ้มๆ“ผู้คนล้วนมาชมบารมีของฝ่าบาทมากมายจึงมีบ้างที่จะได้รับบาดเจ็บ เช่นนั้นซูจินให้เขานำเหรียญมาให้ฝ่าบาทโปรยอีกมากหน่อย เพื่อจะได้แจกจ่ายกันทั่วถึง”จางหลงยิ้มเป็นการตอบตกลง ซูจินโบกมือให้ขันที ก่อนจะหันมายิ้มหวานให้จางหลงกองไฟถูกเติมด้วยฟืนท่อนยาวที่จิวซัวลากมาสุมไว้“แม่นางทำไมต้องวิ่งหนีจากตรงนั้นด้วย”ซินเฟยนิ่งเงียบ ไม่เอ่ยคำใด“ขอโทษที่ข้าละลาบละล้วงหากไม่อยากพูดถึงมันก็อย่าได้เกรงใจ”ซินเฟยก้มหน้านิ่งเสียงฝีเท้าม้าควบตะบึงมาแต่ไกล จิวซัวผิวปากเพียงครั้งเดียว ม้าก็มาหยุดยืนตรงหน้าบุรุษร่างสูงอีกคนในชุดพรางตัวกระโดดลงจากหลังม้า เหลือบตามองซินเฟย ก่อนจะประสานมือคารวะจิวซัว“ฝ่า..คุณชายข้าตามหาทันจนทั่วเขตวังหลวงคิดว่าเกิดอันตราย”จิวซัวยิ้มอ่อนโยน ซินเฟยลุกออกจากตรงนั้นเพื่อเป็นการไม่เสียมารยาทที่นั่งฟังคนอื่นคุยกัน“ข้าปลอดภัยดี”พูดด้วยสีหน้ายิ้มๆ“ฝ่าบาทการเดินทางมาครั้งนี้อันตรายไม่น้อย หากคนของแคว้นฉินรู้ว่าฝ่าบาทอยู่ที่นี่อาจ จับตัวเพื่อต่อรองด้านการศึ
“ฝ่าบาทข้าตั๋วฟงเกรงว่าเรื่องนี้ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องกระทำด้วยตัวเองคนของเราในทัพเหลี่ยงตอนนี้มีอยู่จำนวนหนึ่ง ความเคลื่อนไหวของทัพเหลี่ยงจึง ส่งมาถึงเราตลอดเวลา”“อืม ท่านฟงช่างรอบคอบ”“ฝ่าบาทละทิ้งเรื่องราวเหล่านี้หาความสำราญเสียบ้างจะดีไม่น้อย ตั้งแต่ทรงนั่งบัลลังก์มา กระหม่อมไม่เคยจะเห็นว่าฝ่าบาท จะละมือจากงานในราชสำนักทั้งยามหลับยามตื่น”“ความสุขของราษฎรแคว้นฉินนับว่าสำคัญกับข้าที่สุด”“พรุ่งนี้ กระหม่อมเห็นสมควรทูลเชิญเสด็จประภาสป่าล่าสัตว์สร้างความสำราญ”“เวลาเช่นนี้ข้าจะหาความสำราญได้อย่างไรยามที่ข้าศึกประชิดแนวชายแดน”“ฝ่าบาทหากตื่นกลัวเกรงว่าแคว้นเหลี่ยงจะได้ใจฮึกเหิมยิ่งขึ้น ฝ่าบาทเห็นควรจะทำเป็นไม่ใส่ใจเรื่องเหล่านี้มากนัก แต่ใช่ว่าจะหละหลวมกระหม่อมได้สั่งให้มีการรับบุรุษหนุ่มเข้ามาในวังหลวง เพื่อเพิ่มกำลังทหารในวังหลวงและกำลังทหารของแคว้นฉิน ระหว่างนี้จึงถือว่าได้คัดเลือกผู้ที่มีฝีมือทั่วแคว้นมาไว้ใช้งาน เช่นนั้นฝ่าบาทจึงจำต้องช่วยเบี่ยงเบนความสนใจในเรื่องการเพิ่มกำลังทหารโดยการทำทีว่ามิได้เดือดเนื้อร้อนใจเรื่องทัพของแคว้นเหลี่ยงประชิดแนวชายแดน”จางหลงพยักหน้าหงึกหงักตั๋วฟง