“รอให้หมอหลวงมาดูอาการอีกทีตอนนี้เจ้าพึ่งจะฟื้นขึ้นมาหากเป็นอะไรไปอยู่ที่ตำหนักเย็น ข้าคงไม่อาจดูแลเจ้า”
ซินเฟยหลับตาไล่หยาดน้ำตาที่ไหลรินก่อนจะหันหลังให้จางหลงเเกรงว่าเสียงสะอื้นจะเล็ดลอดออกไปให้เขาได้ยิน
“ข้าส่งคนแจ้งข่าวกับย่าหนานว่าเจ้าฟื้นแล้วเพื่อนางจะได้ไม่ต้องห่วง”
“ฝ่าบาทหม่อมฉันอยากกลับไปที่ตำหนักเย็น”
คำพูดหนักแน่นจริงจัง จางหลงถอนหายใจ นางยังโกรธเขาอยู่ ก็ไม่น่าแปลกกับสิ่งที่เขาให้นางเผชิญเพียงลำพังตลอดหลายเดือนมานี้
“เอาไว้หมอหลวงมาดูอาการเจ้าข้าสัญญาว่าจะไม่รั้งเจ้าไว้…..”
คำพูดหายไปในลำคอ ใจหายอย่างที่สุดแต่ไม่อาจบอกนางว่าเขาไม่อยากให้นางจากไป เขากับนางจะสิ้นวาสนากัน แค่นี้เช่นนั้นหรือ
ในเมื่อเขาสัญญากับย่าหนานว่าจะไม่ย่างกรายไปที่ตำหนักเย็นอีกแล้วหากจะให้นางออกมานางจะยอมทำตามบัญชาเขาหรือไม่ในเมื่อความสัมพันธ์ของเขาและซินเฟยช่างเปราะบางหากเขากดดันนางโดยอาศัย อำนาจใจมือ แล้วหากนางหนีเขาไปเล่าเขาจะทำอย่างไร ไหนจะคนผู้นั้นที่ไม่ทราบที่มาที่ไปคนนั้นผู้ที่ห่วงใยนางเกินใคร เมื่อเขามองสายตาของคนผู้นั้นออกว่ามีนางในใจไม่ต่างจากเขา ลุกขึ้นเดินจากไป
ซินเฟยหลับตาลงช้าๆ พยายามไล่ความคิดสับสนในใจ หากไม่ต้องได้พบเขาอีก ไม่ต้องมาพบเจอกันอย่างนี้ไม่นานบาดแผลทั้งร่างกายและจิตใจของซินเฟยอาจหายดี ซินเฟยคิดไว้ว่าสักวันต้องออกจากตำหนักเย็น ไปหาที่พำนักที่อื่นในเมื่อบิดาตัดพ่อตัดลูกกับซินเฟยไปแล้ว คงไม่กลับไปทำให้บิดาต้องเดือดร้อน อีกทั้งจะอยู่ในวังหลวงก็จะอยู่ในฐานะอะไร ตำหนักเย็นก็เป็นเพียงที่พักพิงชั่วคราวก็เท่านั้น เช่นนั้นก็ไม่ควรจะกลับมาเจอกับเขาอีก ซินเฟยจะต้องเข้มแข็งแล้วพาตัวเองออกห่างจากคนผู้นี้เสีย
เสี่ยวซานยกเครื่องเสวยมา จางหลงเดินสวนออกไปทันทีเสี่ยวซานส่ายหน้างงงันกับท่าทีบึ้งตึงของจางหลง เมื่อครู่ยังมีน้ำเสียงสดใส
“พระสนม เครื่องเสวยมาแล้วมีแต่ของอร่อย”
เสี่ยวซานยิ้มกว่้างอย่างเป็นมิตร
“ข้าไม่ใช่พระสนม ท่านเลิกเรียกข้าแบบนั้นได้แล้วแต่เดิมข้าเป็นเพียง ลูกขุนนางต่ำต้อยใต้เท้าเป็นถึง ขันทีข้างกายฝ่าบาท”
“ไม่ไมได้ พระสนมจะถ่อมตัวแบบนั้นไม่ได้ เห็นกันอยู่ว่าฝ่าบาททรงห่วงใยพระสนมเกินใคร อุ้มพระสนมมาไว้ถึงห้องบรรทม ระดมหมอทั่วแคว้นหาทางรักษาพระสนม อีกทั้ง...ยังยอม คุกเข่าต่อหน้าย่าหนาน เพื่อให้ย่าหนานเจียดยาบำรุงเลือดมาให้พระสนม แล้วอีกอย่างฝ่าบาทยังไม่ได้มีบัญชาปลดพระสนมเป็นสามัญชน ข้าน้อยจึงไม่บังควร”
“คุกเข่า”
ซินเฟยไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน เสี่ยวซานพยักหน้า
“ฝ่าบาทฐานะสูงส่งเพียงใด แต่เพื่อยาของพระสนมจึงลงทุนคุกเข่าต่อหน้าย่าหนาน”
“..............”นางกำนัลเข้ามาด้านใน
“ถวายพระพรพระสนม หม่อมฉันเสี่ยวถ้านรับบัญชาฝ่าบาทต่อจากนี้ให้คอยปรนนิบัติพระสนม”
ยกชามข้าวต้มร้อนๆ มาป้อน ซินเฟยด้วยความนอบน้อม
เสี่ยวซานมองซินเฟยเหมือนอยากจะพูดอะไรแต่ก็หยุดคำพูดไว้แค่นั้น เดินออกจากห้องปิดประตูอย่างเบามือ
จางหลงยืนอยู่ที่หน้าระเบียงยาวของตำหนัก ทอดสายตามองเหม่อ เสี่ยวซานเดินไปหยุดใกล้ๆ
“เสี่ยวซาน อิสตรีช่างเข้าใจยากเย็น เจ้าว่าจริงไหม”
“พวกนางไม่ได้เข้าใจยากเย็นอย่างที่ฝ่าบาทเข้าใจแต่เป็นเพราะฝ่าบาทอ่อนประสบการณ์ ไม่คุ้นชินกับพวกนางอีกทั้งไม่เคยลองที่จะสานสัมพันธ์กับพวกนางต่างหาก”
อยากจะพูดเหลือเกินว่าจางหลงอ่อนหัดเรื่องผู้หญิง
“แล้วข้าต้องทำเช่นไรถึงจะสานสัมพันธ์กับนาง”
เสี่ยวซานยิ้ม
“ที่ฝ่าบาททำอยู่ก็นับว่าไม่เลวสำหรับการเริ่มต้น แต่...ต้องจริงใจกว่านี้และอีกอย่างคราวหลังฝ่าบาทอย่าได้หนีหน้านาง ในเมื่ออยากอยู่ใกล้ เหตุใดต้องหนีหน้านางด้วยเล่า”
จางหลงทำสีหน้าเหลอหลา ด้วยความเขินอายเมื่อเสี่ยวซานจับได้ว่าอยากอยู่ใกล้ซินเฟย เขาไม่เคยแม้กระทั่งเอ่ยคำหวานกับหญิงใดมาก่อนแล้วเช่นนั้นจะให้ช่ำซองได้อย่างไร ตั้งแต่จำความได้ มีเพียงงานในราชสำนักเท่านั้นที่เข้าใจถ่องแท้ ส่วนเรื่องรักใคร่ มีเพียงเรื่องบนแท่นนอน หาต้องใช้คำหวานนำทางไม่
ไทฮองไทเฮา สาวเท้ายังตำหนักฮ่องเต้ ซินเฟยพยายามลุกจากแท่นนอนเพื่อถวายพระพรฮองเฮา“ไม่ต้องมากพิธี เจ้าบาดเจ็บอยู่”ซินเฟยยิ้มอ่อนหวานด้วยความซาบซึ้งใจ“เข้าใจว่าเจ้าเจ็บซ้ำมามาก แต่เป็นเพราะฮ่องเต้ตอนนั้นไม่เคยรู้ว่าเจ้าจะมีลูก ต่อไปตั้งใจปรนนิบัติฮ่องเต้ข้าเชื่อว่าเจ้ายังมีโอกาสอีกมากที่จะตั้งครรภ์อีกครั้ง”ซินเฟยได้แต่ยิ้มเศร้าๆ ในเมื่อตัดสินใจแล้วว่าจะกลับไปตั้งหลักที่ตำหนักเย็นเสียก่อน“ข้ารู้ดีว่ากว่าจะผ่านมันมาได้เหนื่อยยากเพียงใด แต่เมื่อฮ่องเต้ตั้งใจจะทำเพื่อเจ้า ต่อจากนี้เห็นทีว่าเจ้าจะต้องมองฮ่องเต้เสียใหม่ได้แล้ว”เหมือนกับเข้ามานั่งในใจของซินเฟยพูดปลอบใจและตักเตือนไปพร้อมกันทั้งๆที่ซินเฟยไม่ได้เอ่ยปากสักคำ ไทฮองไทเฮาดีเพียงนี้ ซินเฟยอดที่จะปลาบปลื้มเสียไม่ได้ตั้งแต่ตอนเข้ามาคัดตัวนางในมีไทฮองไทเฮาเท่านั้น ที่คอยให้การชี้แนะในเรื่องต่างๆในวังหลวงจนซินเฟยได้รับการแต่งตั้งเป็นสนมนับว่าทุกอย่างล้วนเป็นไทฮองไทเฮาที่คอยอยู่เบื้องหลัง“ซิยเฟยขอบพระทัยไทฮองไทเฮา ซินเฟยจะจำคำสั่งสอนของไทฮองไทเฮาให้ขึ้นใจ”“เจ้าก็ยังนอบน้อมเช่นเดิม เช่นนี้จึงเหมาะที่จะคอยปรนนิบัติฝ่าบาทไม่เหมือน…”หย
“ฝ่าบาทปล่อยซินเฟยไปเสียเรื่องราวที่ผ่านมาอย่าได้ถือว่าเป็นบุญคุณความแค้น และรู้สึกผิดในเมื่อซินเฟยก็เพียงสนมปลายแถว ฝ่าบาทเองมีเรื่องอื่นมากมายที่สำคัญกว่าการเอาใจสนมเพียงนางเดียว เช่นนั้นปล่อยซินเฟยไปเสีย”“เจ้ายังโกรธข้าอยู่เช่นนั้นหรือ” แววตาหม่นเศร้า“ซินเฟย ไม่อยากโง่งมอีกต่อไปแล้ว ปล่อยซินเฟยไปเสีย” กัดฟันพูดจางหลงคลายอ้อมแขนออก“บางเรื่องเจ้าหาเข้าใจไม่ ข้าจะรออยู่ที่นี่จนกว่าเจ้าจะหายโกรธ ข้าพร้อมจะรอเจ้าเสมอ”ซินเฟยขยับตัวอย่างลำบากออกจากตรงนั้นไป จางหลงกลืนน้ำลายลงคอยากเย็นทำไมใจหายเช่นนี้ เพราะเหตุใดกัน“ฝ่าบาทฝ่าบาท เหตุใดต้องใส่ใจนางเพียงนั้นแค่เพียงสนมปลายแถวเช่นนางว่าหากนางไม่เต็มใจที่จะอยู่ ซูจินยินดีหาสนมนางใหม่ที่งดงามอ่อนช้อยกว่านางมากนัก”ซินเฟย หยุดเดินเมื่อได้ยินซูจินพูดถึงซินเฟยต่อหน้าจางหลง“ข้าไม่ได้ต้องการสนมคนใหม่ ข้าเพียงแต่รู้สึกว่า ทำไมเมื่อนางจะไปใจข้าถึงได้เจ็บปวดเช่นนี้” เผลอพูดความในใจในเมื่อตอนนี้หมดหนทางเสียแล้วเขารู้สึกอย่างนั้นจริงๆ“ฝ่าบาทซูจินเห็นใจฝ่าบาทเหลือเกิน ซูจินสัญญาจะทำทุกวิถีทางให้นางกลับมา”น้ำเสียงอ่อนโยนแสดงความเห็นใจอย่างเต็มที
จางหลงบ้วนน้ำชาทิ้งก่อนจะลุกจากแท่นนอน เสี่ยวซานลงไปนอนแทนที่ทันที ใช้ผ้าห่มคลุมร่างจนมิดเหมือนกำลังหลับสนิทจางหลงเปลี่ยนอาภรณ์เป็นชุดขันที เร้นกายออกมายืนแทนที่เสี่ยวซานซูจินกลับมาอีกครั้ง จางหลงก้มหน้าประสานมือแต่ไม่เอ่ยคำใด“ฝ่าบาทหลับไปแล้วใช่หรือไม่”พยักหน้าก่อนจะผายมือเชิญ“เจ้าไปนอนได้แล้ววันนี้ข้านำสนมคนใหม่มาถวายตัวปรนนิบัติฝ่าบาท เรื่องในห้องบรรทมให้เป็นหน้าที่ของสนมเซียงอี๋”จางหลงพยักหน้าประสานมือก่อนจะหลบออกมา ประตูถูกเปิดออกช้าๆ“เซียงอี๋ เจ้าปรนนิบัติฝ่าบาทให้ดีพรุ่งนี้เช้า ข้าตกรางวัลให้อย่างงามเข้าไปได้แล้ว”“ฮองเฮา เซียงอี๋..เอ่อๆๆ ”“ไม่ต้องกลัวสิ่งใด ฝ่าบาทแต่เดิมก็ ...ไม่เคยสนใจอะไรอยู่แล้วเจ้าเพียงแต่ทำให้ฝ่าบาทลืมเจียงซินเฟยได้…. ก็พอ”จางหลงส่ายหน้าช้าๆ ก่อนจะก้าวขาออกจากตำหนักไปยังตำหนักเย็นตำหนักเย็น“เขาเป็นผู้เดียวที่ข้าไว้ใจและรักดุจลูกในไส้ แต่ในตอนนั้นข้าถูกฮองเฮาลงทัณฑ์เพราะโดนกล่าวหาว่าปรุงยาให้กับจางหลงจนเป็นเหตุให้อยู่qไท่จือในตอนนั้นทรงพระประชวรหนัก ด้วยจางหลงมีพลานามัยอ่อนแออยู่เป็นทุนเดิม ข้ารักเขาเพียงนั้นพวกเจ้าคิดว่าข้าจะปรุงยาพิษให้เขาหรื
ร่างบางที่เปรอะเปื้อนด้วยเลือดที่แผ่นหลัง ถูกโบยจนสลบไสล ผมเผ้าหลุดลุ่ยยุ่งเหยิงเลือดไหลซึมเป็นทางบนอาภรณ์สีขาว"ทิ้งนางไว้ที่นี่ในตำหนักเย็นแห่งนี้"ร่างโชกเลือดพลิกตัวนอนหงาย กลืนน้ำลายลงคอ คลำที่ท้องของตัวเองไปมา จะตายได้อย่างไรในเมื่อมีลูกอยู่ในท้องตำหนักฮ่องเต้"ฝ่าบาท ย่าได้ยินว่าฮองเฮา สั่งโบยสนมเจียงซินเฟยจนสาหัสถึงร้อยไม้ ก่อนจะลากตัวนางไปไว้ยังตำหนักเย็น นางทำความผิดใดกันจึงถูกลงทัณฑ์รุนแรงปางตายเช่นนั้น"ใบหน้าหล่อเหลาเงยหน้าขึ้นจากกองฎีกา หลายวันมานี้ไม่เคยได้ผ่อนคลายหลายเรื่องราวในราชสำนักมีให้ต้องจัดการไม่เว้นแต่ละวัน เขาเองหาใช่คนที่ชอบเรื่อง รักใคร่จึง เอาเวลาทั้งหมดทุ่มเทให้งานในราชสำนักจะดีกว่า"เสด็จย่าหมายถึงสนมคนไหน"ก้มหน้าอ่านฎีกาต่อไป"จางหลง นางกำลังตั้งครรภ์"ขันทีหนุ่มขยับกายอย่างอึดอัด"ไว้ หลานส่งคนถามไถ่ฮองเฮาอีกที""จางหลงนางตั้งครรภ์ลูกของเจ้า"สีหน้าเป็นกังวล"เสด็จย่าเรื่องราว ในวังหลังล้วนเป็นฮองเฮาที่จัดการเป็นอำนาจหน้าที่ของนาง ไว้หลานไต่สวนอีกที อีกอย่างหลานจำไม่ได้แม้กระทั่งชื่อนางหรือแม้กระทั่งใบหน้าของนางด้วยซ้ำไป"ไทฮองไทเฮาถอนหายใจยาวเหยียด
คำพูดขาดหายไปในลำคอไม่ได้รู้สึกอะไร แค่เพียงรับรู้อย่างที่เขาคิดว่าควรเป็นเช่นนั้น ซูจินยิ้มบางๆ"ฝ่าบาทวันนี้จะค้างที่ตำหนักชิงหนิงกงหรือว่าต้องการจะเลือกป้าย"เดินเข้าใกล้ซูจินประคองกอด เบาๆ"ค้างที่นี่ ป้ายพรุ่งนี้ข้าค่อยเลือกจะดีกว่าวันนี้ข้าอ่านฎีกามาทั้งวัน รบกวนให้ฮองเฮานวดให้หน่อยจะดีไม่น้อย"ซูจินยิ้ม ก่อนจะซบหน้าลงบนอกกว้าง จางหลงตบที่ไหล่เบาๆอย่างเอาใจ เขาเอาใจใครไม่เป็นกิริยาที่ทำทั้งหมดเพื่อไม่ให้คนอื่นรู้สึกว่าเขาแปลกไปต่างหากซินเฟย ตะแคลงตัวมองหาหญิงคนเดิม แต่ก็ไม่พบเมื่อฟ้าเริ่มมืดความหนาวเหน็บมาเยือนยกมือขึ้นกอดอกแน่น เพียงครู่เดียวที่หลับตาผ้าฝ้ายฝืนใหญ่ก็ห่มคลุมร่างให้อุ่นสบาย"ลองขยับตัวดูเจ้าต้องเข้าไปข้างในกับข้าแล้วหิมะทำท่าจะตก คงร่วมเสียใจกับเจ้า"ซินเฟยรู้สึกปวดท้องจนแทบทนไม่ไหว เหงื่อเม็ดใหญ่ผุดขึ้นที่ใบหน้า"อาวุโสข้าปวดท้องเหลือเกิน"มือเหี่ยวคลำที่ท้องเป็นก้อนแข็งของซินเฟยไปมา เลือดสีแดงไหลเปรอะเปื้อนเป็นทางลงไปยังเท้าเปลือยเปล่า หญิงชราส่ายศรีษะไปมา"เจ้าคงรักษาเขาไว้ไม่ได้แล้ว"ซินเฟยปล่อยน้ำตาไหลริน สี่เดือนที่เฝ้าฟูมฟักดูแลตัวเองอย่างดี เพื่อมาถึงวัน
ร่างบางใบหน้านิ่งจนเกือบเป็นหม่นหมอง แม้นางจะงดงามจนเขาตกตะลึงทว่าใบหน้ากลับหม่นหมองเศร้าสร้อยร่างบางยังนั่งอยู่หน้าเปลวไฟสีส้ม เขาซ้อนร่างมาอุ้มไว้ร่างเย็นชื้นด้วยหยดน้ำเกาะพร่างพราวกลิ่นพฤษาหอมละมุน ก่อนจะวางนางลงบนแท่นนอนไม่มีท่าทีขัดขืน คงจะถูกสอนมาอย่างดีในวิธีการปรนนิบัติฮ่องเต้เขาสะบัดมือดับไฟที่ส่องสว่าง เป็นเพราะไม่อยากเห็นแววตาเศร้าสร้อยนั้น แต่กระนั้นแสงจันทร์ยังคงส่องลอดลงมา กระทบใบหน้าที่งดงาม ใบหน้าที่งดงามเช่นนั้นหรือหากจะว่าไปใบหน้างดงามของนางยังไม่ตรึงใจเท่าร่างขาวสล้างใต้ร่างเขาที่สะท้อนขึ้นลงหยิกกัดด้วยความเจ็บปวดแสนสาหัส ยามเขากระแทกเอวหนาลงไปซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาเองก็สุขสมจนเกือบจะเผลอเปล่งเสียงร้องครางด้วยความบีบรัดคับแน่นทนไม่ไหว จนถึงกลับต้องบดริมฝีปากกับปากบางของนางแนบแน่นไม่ได้กลัวว่านางจะร้องคราง แต่กลัวว่าตัวเองจะร้องครางให้เขินอายนางเสียเปล่าเฝ้าปรนเปรอนางซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างลืมตัว ปกติเขามิใช่ผู้ที่ทำเรื่องเช่นนี้เขามักจะร่วมรักกับใครเพียงแค่ครั้งเดียว แล้วปล่อยตัวเองหลับไหลจนตะวันสายโด่งในวันที่ต้องการผ่อนคลายก็เท่านั้น แต่กับนางเขาพร่ำทำซ้ำๆจนเขาแปลกใจไ
"ข้าอยู่เสียจนชิน มีความสุขในความเดียวดาย นานครั้งถึงจะมีสหายเก่าแวะเวียนมา เจ้าไม่เหมาะกับตำหนักเย็น""ข้าทำผิดร้ายแรงวังหลวงยิ่งไม่เหมาะกับข้า""เจ้ารู้ดีว่าเจ้าผิดหรือไม่ แต่หากมีคนเชื่อว่าผิดก็ต้องถูกลงทัณฑ์เมื่อลงทัณฑ์ไปแล้วถือว่าความผิดของเจ้าจบสิ้นกันไป หากเจ้าไม่ทำเรื่องผิดพลาดครั้งใหม่การเข้าไปอยู่ในวังหลังอีกครั้งจึงนับว่าไม่ผิดและกระทำได้เพราะเจ้าถูกโบยจนครบร้อยทีไปแล้ว"ซินเฟยนิ่ง กลับไปเพื่ออะไรกัน ใบหน้าเรียบเฉยของจางหลงลอยขึ้นมาตรงหน้าเขาไม่รู้ดวยซ้ำว่าซินเฟยมีตัวตนท้องพระโรงเมื่อเหล่าขุนนางมากันพร้อมหน้า"ฝ่าบาทราษฎรตอนนี้สำราญถ้วนหน้า เงินเก็บในคลังมากมายจนไม่อาจะใช้หมดจึงเห็นควรงดจัดเก็บภาษีเสียสามปีจึงจะดี ด้วยฝ่าบาทรงตรากตรำทุ่มเทเป็นเวลายาวนานตั้งแต่ทรงนั่งบัลลังก์จนบัดนี้บ้านเมืองสงบสุข ประชาชนรุ่งเรืองข้าจึงหวังจะให้ฝ่าบาทจากนี้ให้เวลากับตัวเองเสียบ้าง แต่งตั้งฮองเฮามาเนิ่นนานยังไม่มีองค์รัชทายาทไว้สืบบัลลังก์"จางหลงหลับตาลงช้าๆ เมื่อใต้เท้าฉีหนึ่งในสี่ตระกูลใหญ่ เอ่ยปากต่อหน้าเหล่าขุนนาง ด้วยเห็นว่าจางหลงให้เวลากับราชสำนักและราษฎรเกินไปจนบัดนี้ใกล้จะไร้ผู้สืบ
การฝึกสอนจากฝ่ายในว่าด้วยเรื่องการปรนนิบัติฝ่าบาทก็ลืมเลือนไปเกือบสิ้นเมื่อเวลาผ่านมาใกล้จะครบปีเต็มทีแล้วก็ยังไม่เคยต้องเข้าไปปรนนิบัติ ทั้งๆที่ถูกสอนเรื่องของการปรนนิบัติฝ่าบาททั้งยามหลับและยามตื่นแม้กระทั่งการอุ่นเตียงการให้กับฮ่องเต้บอกแม้กระทั่งต้องทำตัวเช่นไรจึงจะถูกใจฮ่องเต้ซินเฟยหาจำได้ไม่ก็ทุกอย่างล้วนเกิดขึ้นกระทันหันอีกทั้งความกลัวและความตื่นตระหนกมีมากเสียจนหูอื้อตาลายจำบทเรียนต่างๆเหล่านั้นไม่ได้สักนิดยามที่ต้องถูกทาบทับอยู่บนแท่นนอนกับฮ้องเต้หนุ่มที่ใบหน้าหล่อเหลา ร่างกายกำยำเช่นจางหลง ถึงเวลานั้นมาจริงๆมือไม้เย็นเฉียบ แทบจะทรงกายไม่อยู่เมื่อถูกอุ้มไปวางบนแท่นนอน ความทรงจำตอนนั้นจะว่าไม่จำ กับฝังลึกในจิตใจ ความรู้สึกอบอุ่นกับ ความอ่อนโยน ที่ยังจำได้ดีอีกทั้งรอยจุมพิตที่หน้าผากเหมือนกับรักเหลือเกินยามที่จางหลงลุกจากแท่นนอน ซินเฟยยังจำได้แม่นยำเสียงพลุและดอกไม้ไฟดังไปทั่วบริเวณ ซินเฟยยิ้มสดใสเป็นยิ้มครั้งแรกในรอบหลายปีมานี้ ชุดสีขาวขลิบแดง ส่งให้ผิวขาวนวลเนียนแม้ใบหน้าจะซีดจางลงจากการเสียเลือด ไปแต่ก็คงความงดงามไม่เปลี่ยน เดินบนถนนเพียงลำพัง อย่างน้อยตอนนี้ก็มีอาวุโสย่า