“ฝ่าบาทข้าตั๋วฟงเกรงว่าเรื่องนี้ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องกระทำด้วยตัวเองคนของเราในทัพเหลี่ยงตอนนี้มีอยู่จำนวนหนึ่ง ความเคลื่อนไหวของทัพเหลี่ยงจึง ส่งมาถึงเราตลอดเวลา”
“อืม ท่านฟงช่างรอบคอบ”
“ฝ่าบาทละทิ้งเรื่องราวเหล่านี้หาความสำราญเสียบ้างจะดีไม่น้อย ตั้งแต่ทรงนั่งบัลลังก์มา กระหม่อมไม่เคยจะเห็นว่าฝ่าบาท จะละมือจากงานในราชสำนักทั้งยามหลับยามตื่น”
“ความสุขของราษฎรแคว้นฉินนับว่าสำคัญกับข้าที่สุด”
“พรุ่งนี้ กระหม่อมเห็นสมควรทูลเชิญเสด็จประภาสป่าล่าสัตว์สร้างความสำราญ”
“เวลาเช่นนี้ข้าจะหาความสำราญได้อย่างไรยามที่ข้าศึกประชิดแนวชายแดน”
“ฝ่าบาทหากตื่นกลัวเกรงว่าแคว้นเหลี่ยงจะได้ใจฮึกเหิมยิ่งขึ้น ฝ่าบาทเห็นควรจะทำเป็นไม่ใส่ใจเรื่องเหล่านี้มากนัก แต่ใช่ว่าจะหละหลวมกระหม่อมได้สั่งให้มีการรับบุรุษหนุ่มเข้ามาในวังหลวง เพื่อเพิ่มกำลังทหารในวังหลวงและกำลังทหารของแคว้นฉิน ระหว่างนี้จึงถือว่าได้คัดเลือกผู้ที่มีฝีมือทั่วแคว้นมาไว้ใช้งาน เช่นนั้นฝ่าบาทจึงจำต้องช่วยเบี่ยงเบนความสนใจในเรื่องการเพิ่มกำลังทหารโดยการทำทีว่ามิได้เดือดเนื้อร้อนใจเรื่องทัพของแคว้นเหลี่ยงประชิดแนวชายแดน”
จางหลงพยักหน้าหงึกหงักตั๋วฟงนับว่าเป็นขุนพลชั้นยอด
“ตั้งแต่เสด็จพ่อจากไป ท่านเป็นเพียงผู้เดียวที่ข้าไว้ใจและช่วยแบ่งเบางานในราชสำนักได้ดีทีเดียว ท่านต้องการสิ่งใดตอบแทนบ้างหรือไม่หลายปีมานี้ข้าไม่เคยแม้สักครั้งที่จะเอ่ยปากถามท่านตามตรง”
โยนหินถามทาง
“กระหม่อมภักดีไม่เปลี่ยนแปลงมีสิ่งเดียวที่ต้องการตอนนี้คืออยากให้ฝ่าบาท ได้รับความสำราญบ้าง อย่าได้หักโหมกับจนเกินไป องค์รัชทายาทเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่อยากจะเป็นก่อนที่จะไร้ลมหายใจ กระหม่อมเองก็แก่เฒ่าแล้ว ฝ่าบาทจึงถือว่าเป็นฮ่องเต้ที่มีคุณธรรมเห็นแก่ราษฎรเป็นหลักจึงไม่ต้องห่วงอะไรอีกแล้วจะห่วงก็แต่ องค์รัชทายาทที่ป่านนี้ยังมีมีวี่แวว”
แววตาจริงใจจางหลงยิ้ม หลายปีมานี้เขาตรากตรำอย่างมากเพื่อแคว้นฉิน จนละเลยเรื่องบ้างเรื่อง สนมบางคนถูกไล่กลับตั้งแต่หัวค่ำบางคนกับถูกปล่อยให้นอนหลับบนแท่นนอนจนสาย จะมีก็เพียงแต่..สนมนางนั้น สนมที่แววตาเศร้าสร้อย นางมีชื่อแซ่ว่าอะไรกันเขาจำได้แต่เพียงแววตาเศร้าสร้อยของนาง ในเปลวไฟไหวระริกก็เท่านั้น
“ฝ่าบาทจะต้องตามหาหญิงคนนั้น”
จางหลงหันมามองใต้เท้าฟงเต็มตา ตกใจกับคำพูดที่คิดว่าใต้เท้าฟงรู้เรื่องของนาง
“หญิงคนที่ฝ่าบาทพร้อมที่จะให้นางเป็นแม่ขององค์รัชทายาท กระหม่อมรู้ดีเรื่องในวังหลังบางอย่างไม่ได้อยู่ในสายตาของฝ่าบาทเป็นฮองเฮาที่จัดการเพียงลำพังเช่นนั้นต่อจากนี้ ฝ่าบาทใส่ใจอีกนิดความหวังเรื่ององค์รัชทายาทคงไม่ไกล”ฮองเฮาจัดการเพียงลำพัง จางหลงสะดุดกับคำนี้ไม่น้อย
จางหลงเดินนำหน้าเสี่ยวซานตามมาไม่ห่าง ในค่ำคืนมืดมิดทางเดินทอดยาวสู่ตัวตำหนักใหญ่สองข้างทางขนาบข้างด้วยกำแพงสูง
“ฝ่าบาท เสี่ยวซานได้ยินเรื่องหนึ่งมา ค้างคาใจอยากจะบอกเล่าให้ฝ่าบาทได้ฟังแต่เกรงว่า...”จางหลงชะงักฝีเท้า
“เรื่องใดกัน”
“สนมนางนั้นที่ถูกโบยถึงร้อยไม่นางยังไม่ตาย และถูกส่งตัวยังตำหนักเย็น”
จางหลงยิ้มบางๆ
“ถูกต้องที่สุดแล้ว เป็นกฎมณเฑียรบาล ว่าด้วยการลงทัณฑ์ในวังหลังเจ้ามีอะไรสงสัยอย่างนั้นหรือ”
“ฝ่าบาทนางถูกโบยถึงร้อยทีแต่ไม่อาจตาย ฝ่าบาทคิดว่าอย่างไรกัน”
จางหลงยังคงยิ้ม
“นางคงจะมีความอดทนเกินหญิงทั่วไปหรือไม่ก็คนที่ลงไม้โบยนางในวันนั้นออมมือเพราะความสงสารที่นางตั้งครรภ์”
“ฝ่าบาทเสี่ยวซานยังได้ยินมาอีกว่า…”
“พอแล้ว ข้าเหนื่อยมาทั้งวันอยากจะพักผ่อนเสียเต็มที เจ้าเร่งฝีเท้าให้ถึงตำหนักโดยเร็ว”
เสี่ยวซานหยุดคำพูดไว้เพียงแค่นั้นใจจริงอยากจะบอกว่าเป็นเรื่องน่าแปลกมากที่ฮองเฮาไม่ทรงไต่สวนองครักษ์ชั้นต่ำผู้นั้น แต่ลงมือประหารด้วยตัวเองเพียงดาบเดียวก่อนที่จะสั่งให้มีการลงทัณฑ์สนมซินเฟย อีกเรื่องที่ฝังใจคืออยากถามจางหลงว่าลืมเลือนนางไปแล้วหรือนางอาจเป็นคนที่ฝ่าบาทพบในคืนนั้น
จางหลงสาวเท้าเร็วรี่ที่มุมกำแพงนั้น ซินเฟยเดินสวนมาพอดีมุ่งหน้ายังตำหนักเย็นภายใต้แสงจันทร์สว่างดุจกลางวัน ใบหน้างามกับอาภรณ์สีขาวรับกับใบหน้างดงามทว่าดวงตาเศร้าสร้อย ซินเฟยเดินเลี้ยวออกประตูไปตามทางที่มุ่งสู่ตำหนักเย็นที่หนาวเหน็บไม่ทันสังเกตเห็นจางหลง จางหลงยืนมองตาค้างเสี่ยวซานวิ่งตามมาพอดี
“เสี่ยวซาน เจ้าเห็นนางหรือไม่”
เสี่ยวซานหันซ้ายหันความมองเห็นแต่ความมืดมิด
“ใครกันฝ่าบาท”
“นาง นางเป็นใคร”พูดเหมือนละเมอ
“เสี่ยวซานไม่ทราบฝ่าบาท ฝ่าบาทเห็นผู้ใดกัน”
“เสี่ยวซาน ประตูนั่นไปที่แห่งใด”
ชี้มือไปยังประตูทางออก
“ทางนั้นไปได้หลายแห่ง ออกไปนอกเขตวังหลวงหรือไม่ก็ ไปตำหนักเหมยฮวาของไทฮองไทเฮา คุกหลวง คอกม้า ห้องซักล้าง และตำหนักร้อน ตำหนักเย็น
“พรุ่งนี้ส่งคนหานางให้ข้า”
“ฝ่าบาททำไมต้องหานาง”
“ข้าอยากรู้ว่านางเป็นใคร”
“ฝ่าบาท นางเป็นใคร เหตุใดต้องใส่ใจด้วยคงเป็นนางในหอซักล้างที่มีมากมายหลายนาง”“พรุ่งนี้พานางมาพบข้า”พูดเพียงแค่นั้นแล้วสาวเท้าจากไปทันทีในห้วงฝัน ซินเฟยดิ้นรนเพียงพองาม ไม่ได้ปัดป้องทั้งๆ ที่อยากจะกรีดร้องความเจ็บปวดในครั้งแรก กับคนที่ไม่คุ้นเคยไร้ซึ่งความรักความผูกพัน“รอข้า อย่าเพิ่งไปไหน ข้ายังไม่อิ่มหนำกับเจ้าเลย”เช้าสดใส“ซินเฟยที่หอซักล้างเกิดความโกลาหลขึ้นแต่เช้า เจ้าอย่าเพิ่งไปรอจนกว่าทหารองครักษ์พวกนั้นจากไปข้าไม่รู้ว่าเขามาทำไมคล้ายมาตามหาคนแต่ไม่รู้ว่าเป็นใคร ฉะนั้นทางที่ดีอยู่ที่นี่จนกว่าพวกนั้นจะกลับไป”อาวุโสย่าหนานเอ่ยปากเมื่อเห็นว่าซินเฟยกำลังจะไปที่นั่น เพื่อไปเก็บเศษผ้าเก่าๆ ที่ขาดวิ่นจนไม่เป็นที่ต้องการมาเย็บอาภรณ์ไว้สวมใส่“คงมีใครที่จะต้องถูกลงทัณฑ์อย่างแน่นอน “ซินเฟยเชื่ออาวุโส เช่นนั้นไว้ค่อยไปวันอื่นวันนี้ออกไปนอกเขตวังหลวง หาเก็บสมุนไพรและอาจตกปลาที่ริมลำธารเผื่อจะได้ปลามาทำอาหารในตอนเย็น”อาวุโสย่าหนานพยักหน้าขึ้นลง“เจ้าลำบากหรือไม่”ซินเฟยส่ายหน้าไปมา“ซินเฟยแต่เดิมอยู่นอกวังก็ใช้ชีวิตเช่นนี้ไม่ได้ลำบากอะไร อาวุโสอย่าได้กังวล”ซินเฟยเดินออกจากตำหนักเย็
ถลาเข้าหาซินเฟยจับจ้องที่ใบหน้างามด้วยสายตาครุ่นคิด แต่กับถูกจิวซัวซัดฝ่ามือเข้าใส่“ถอยไปห่างๆนาง เจ้าทำนางบาดเจ็บ”องครักษ์และเสี่ยวซานต่างรีบมาพยุงจางหลง“จับตัวไว้ อย่าให้หนีไปได้เขาทำร้ายฝ่าบาท”จิวซัวไม่ได้สนใจสิ่งใดซ้อนร่างบางของซินเฟยไว้ในอ้อมแขนก่อนจะสาวเท้าไปยังม้าของจางหลงที่ยืนคอยอยู่”องครักษ์ เก้เก้กังๆ ไม่กล้าเข้าไปจับตัว“จับตัวมันไว้”เสี่ยวซานตะโกนสั่ง จางหลงกับโบกมือห้าม จิวซัวพาซินเฟยขึ้นคร่อมบนม้า กระตุกบังเหียนจากไปอย่างรวดเร็ว“ฝ่าบาทเกิดอะไรขึ้น”“ข้า เผลอทำร้ายนาง”“นาง”“นางคือคนที่ข้าพบมือคืน” น้ำเสียงแสดงออกถึงความไม่มั่นใจ“เป็นนางจริงๆ ใช่หรือไม่ หากเป็นนางจริงๆ ฝ่าบาทตามหานาง ด้วยจุดประสงค์บางอย่างแล้วเช่นไรจึงจะปล่อยให้นางหลุดมือไปง่ายดาย”เสี่ยวซานถามเสียดายโอกาสที่พบซินเฟยของจางหลง เริ่มจะเห็นเค้าลางบางอย่างที่กำลังจะบังเกิดความวุ่นวาย“ส่งคนสะกดรอยตาม แล้วพานางกลับมา”สั่งเสียงดังลั่น ทหารองครักษ์รีบวิ่งกันจ้าละหวั่นตำหนักไทฮองไทเฮา“เสด็จย่า สนมนางนั้น ที่เคยถูกโบยถึงร้อยทีแล้วถูกส่งตัวไปยังตำหนักเย็นที่เสด็จย่าเคยบอกหลานนางชื่อว่าอะไร”จางหลงถามข
“หลานจำเรื่องราวเกี่ยวกับนางได้เพียงน้อยนิด”แววตาเศร้าสร้อยตื่นกลัวกับกิริยาอ่อนหวาน ร่างอ่อนระทวยในอ้อมแขนไม่มีคำพูดใดหลุดออกจากปากนางเมื่อเขาทาบทับอยู่บนร่างเปลือยมีแต่ดวงตาเศร้าสร้อยยอมจำนนต่อเขาก็เท่านั้น“นำนางกลับมา นางรับโทษถูกโบยถึงร้อยไม้ หญิงรูปร่างบอบบางคงตายไปตั้งแต่ยังไม่ทันได้ห้าสิบไม้ด้วยซ้ำไปเจ้าไม่สงสัยหรือไรว่านางกัดฟันทนเพื่ออะไรหากไม่ใช่เพื่อรักษาชีวิตเลือดเนื้อเชื้อไขของฮ่องเต้อย่างสุดชีวิต เพราะนางถูกสอนมาให้เป็นของฮ่องเต้ทั้งยามหลับและยามตื่น นางจึงพยายามที่จะเยื้อชีวิตลูกของนางให้ถึงที่สุดหากเป็นลูกขององครักษ์ต่ำชั้นผู้นั้นเหตุใดนางจะต้องการให้เขามีชีวิตอยู่อีกในเมื่อพ่อของเขาถูกประหารไปแล้ว”จางหลงเงยหน้ามองท้องฟ้าก่อนจะหลับตาลงช้าๆจิวซัวหอบร่างไร้สติยัง กระท่อมไม้ไผ่ไม่ไกลจากลำธารนัก เลือดยังไหลไม่หยุดเขาวางร่างบางลงก่อนจะค่อยๆ ดึงลูกศรออกจากอกข้างซ้ายของซินเฟยเหงื่อหยดรินเต็มในหน้านาทีแห่งความเป็นความตาย หากผิดพลาดเพียงนิดเดียวลูกดอกทำลายหัวใจของซินเฟยเสียแล้วแม้แต่หมอเทวดาก็ไม่สามารถช่วยนางได้ ค่อยๆบรรจงดึงลูกดอกออกจากบาดแผล ซินเฟยหลับตานิ่งใบหน้าซีดเผือ
จิวซัวกัดฟันจนเป็นสันนูน จางหลงบีบคั้นเขาเพียงนี้เชียวหรือ จางหลงกับซินเฟยมีความสัมพันธ์ใดกันแน่ จึงต้องการตัวซินเฟยถึงเพียงนี้ ในเมื่อเขาเห็นว่านางอาศัยอยู่ในตำหนักเย็นใช้ชีวิตลำเค็ญเยี่ยงสนมที่ทำความผิดร้ายแรง หรือว่าจางหลงยังหวงก้างตามนิสัย ฮ่องเต้ทั่วไป“ยาสมานแผลนำมันมาให้ข้าข้า ใช้มันกับนางไม่แน่คืนนี้นางอาจจะได้สติ”ขือจื้อส่งยาในมือให้กับจิวซัว“ฝ่าบาท ยาสมานแผลนี้แค่เพียงบรรเทานางต้องได้รับการรักษาอย่างแเร่งด่วนไม่เช่นนั้นอาการบาดเจ็บอาจลุกลาม”จิวซัวหลับตาถอนหายใจช้าๆหน้าประตูวังร่างบอบบางที่นอนไร้สติถูกวางไว้ในเกี้ยว ทหารสองสามนายห้อมล้อมก่อนที่จะมีคนตะโกนขึ้นดังๆ“รายงานฝ่าบาทโดยเร็ว แม่นางที่ฝ่าบาทต้องการตัวบัดนี้มาถึงแล้ว”หมอหลวงถือหลวมยาวิ่ง มาที่เกี้ยวทันทีเหมือนรอท่าอยู่ก่อนแล้ว จางหลงสาวเท้าลงมาจากหน้ามุขตรงไปยังหน้าประตูวังจางหลงถลาเข้าไปยังเกี้ยว แหวกเหล่าทหารและหมอหลวงเข้าไปอย่างรีบร้อน ซ้อนร่างบางมาอุ้มไว้ก่อนจะหันหลังกลับเข้าไปในตำหนัก จิวซัวลอบมองจากข้างกำแพงถอนหายใจด้วยความโล่งอกร่างบางถูกวางลงบนแท่นนอนในตำหนักใหญ่ หมอหลวงทั้งหมดในวังหลวงห้อมล้อมซินเฟย จางหลง
ตำหนักเย็น“จางจางหลง คารวะย่าหนาน”ย่าหนาน ยิ้มเพียงบางๆ แต่ผินหน้าไปเสียทางอื่นไม่อยากจะมองหน้า จางหลง“ไม่อ้อมค้อมมีเรื่องใดร้อนรนจึงมาถึงนี่”แต่เดิม จางหลงเป็นองค์ชายที่พูดน้อยแม้ย่าหนานจะเลี้ยงดูเขามาแต่แทบจะอ่านใจเขาไม่ออกด้วยซ้ำไป“จางหลงมีเรื่องรบกวน ท่านแม่นม”“ฝ่าบาท ไม่จำเป็นต้องมาเองฐานะสูงส่ง เรียกให้ข้าไปพบจึงจะง่ายกว่า ว่ามาต้องการสิ่งใด”“ซินเฟย”หันหน้ามอง จางหลงเต็มตา“นางหายออกจากที่นี่ไปตั้งแต่เมื่อวานตอนเช้า นางอยู่กับฝ่าบาทหรือไร”“ย่าหนาน นางแต่เดิมเป็นสนมของข้า”“หึ หึ สนมที่ถูกโบยปางตายแล้วถูกจับมาโยนทิ้งไว้ที่นี่”“ย่าหนาน ท่านอย่าเพิ่งเอาเรื่องในอดีตมาคิดบัญชีกับข้าตอนนี้นางเป็นตายเท่ากันยาบำรุงเลือดเสด็จย่าบอกว่า ย่าหนานมียาดีชนิดนี้เจียดให้ ข้านำไปป้อนนางบรรเทาอาการบาดเจ็บ”“อย่างไรเสียฝ่าบาทก็คิดว่าย่าหนานใจดำอยู่แล้ว เรื่องที่ไม่ให้ยาจึงไม่เกินความคาดหมาย”จางหลงทิ้งตัวลงคุกเข่ากับพื้น“ย่าหนาน แม่นมท่านละความเคียดแค้นเห็นแก่นางสักครั้ง”ย่าหนานตกตะลึงในเมื่อเป็นฮ่องเต้ผู้สูงส่งกับยอมคุกเข่าง่ายดายเพียงนี้เชียวหรือ เผลอยกมือฉุดจางหลงให้ลุกขึ้น“ฝ่าบาทอย่
“รอให้หมอหลวงมาดูอาการอีกทีตอนนี้เจ้าพึ่งจะฟื้นขึ้นมาหากเป็นอะไรไปอยู่ที่ตำหนักเย็น ข้าคงไม่อาจดูแลเจ้า”ซินเฟยหลับตาไล่หยาดน้ำตาที่ไหลรินก่อนจะหันหลังให้จางหลงเเกรงว่าเสียงสะอื้นจะเล็ดลอดออกไปให้เขาได้ยิน“ข้าส่งคนแจ้งข่าวกับย่าหนานว่าเจ้าฟื้นแล้วเพื่อนางจะได้ไม่ต้องห่วง”“ฝ่าบาทหม่อมฉันอยากกลับไปที่ตำหนักเย็น”คำพูดหนักแน่นจริงจัง จางหลงถอนหายใจ นางยังโกรธเขาอยู่ ก็ไม่น่าแปลกกับสิ่งที่เขาให้นางเผชิญเพียงลำพังตลอดหลายเดือนมานี้“เอาไว้หมอหลวงมาดูอาการเจ้าข้าสัญญาว่าจะไม่รั้งเจ้าไว้…..”คำพูดหายไปในลำคอ ใจหายอย่างที่สุดแต่ไม่อาจบอกนางว่าเขาไม่อยากให้นางจากไป เขากับนางจะสิ้นวาสนากัน แค่นี้เช่นนั้นหรือ ในเมื่อเขาสัญญากับย่าหนานว่าจะไม่ย่างกรายไปที่ตำหนักเย็นอีกแล้วหากจะให้นางออกมานางจะยอมทำตามบัญชาเขาหรือไม่ในเมื่อความสัมพันธ์ของเขาและซินเฟยช่างเปราะบางหากเขากดดันนางโดยอาศัย อำนาจใจมือ แล้วหากนางหนีเขาไปเล่าเขาจะทำอย่างไร ไหนจะคนผู้นั้นที่ไม่ทราบที่มาที่ไปคนนั้นผู้ที่ห่วงใยนางเกินใคร เมื่อเขามองสายตาของคนผู้นั้นออกว่ามีนางในใจไม่ต่างจากเขา ลุกขึ้นเดินจากไปซินเฟยหลับตาลงช้าๆ พยายามไล่ค
ไทฮองไทเฮา สาวเท้ายังตำหนักฮ่องเต้ ซินเฟยพยายามลุกจากแท่นนอนเพื่อถวายพระพรฮองเฮา“ไม่ต้องมากพิธี เจ้าบาดเจ็บอยู่”ซินเฟยยิ้มอ่อนหวานด้วยความซาบซึ้งใจ“เข้าใจว่าเจ้าเจ็บซ้ำมามาก แต่เป็นเพราะฮ่องเต้ตอนนั้นไม่เคยรู้ว่าเจ้าจะมีลูก ต่อไปตั้งใจปรนนิบัติฮ่องเต้ข้าเชื่อว่าเจ้ายังมีโอกาสอีกมากที่จะตั้งครรภ์อีกครั้ง”ซินเฟยได้แต่ยิ้มเศร้าๆ ในเมื่อตัดสินใจแล้วว่าจะกลับไปตั้งหลักที่ตำหนักเย็นเสียก่อน“ข้ารู้ดีว่ากว่าจะผ่านมันมาได้เหนื่อยยากเพียงใด แต่เมื่อฮ่องเต้ตั้งใจจะทำเพื่อเจ้า ต่อจากนี้เห็นทีว่าเจ้าจะต้องมองฮ่องเต้เสียใหม่ได้แล้ว”เหมือนกับเข้ามานั่งในใจของซินเฟยพูดปลอบใจและตักเตือนไปพร้อมกันทั้งๆที่ซินเฟยไม่ได้เอ่ยปากสักคำ ไทฮองไทเฮาดีเพียงนี้ ซินเฟยอดที่จะปลาบปลื้มเสียไม่ได้ตั้งแต่ตอนเข้ามาคัดตัวนางในมีไทฮองไทเฮาเท่านั้น ที่คอยให้การชี้แนะในเรื่องต่างๆในวังหลวงจนซินเฟยได้รับการแต่งตั้งเป็นสนมนับว่าทุกอย่างล้วนเป็นไทฮองไทเฮาที่คอยอยู่เบื้องหลัง“ซิยเฟยขอบพระทัยไทฮองไทเฮา ซินเฟยจะจำคำสั่งสอนของไทฮองไทเฮาให้ขึ้นใจ”“เจ้าก็ยังนอบน้อมเช่นเดิม เช่นนี้จึงเหมาะที่จะคอยปรนนิบัติฝ่าบาทไม่เหมือน…”หย
“ฝ่าบาทปล่อยซินเฟยไปเสียเรื่องราวที่ผ่านมาอย่าได้ถือว่าเป็นบุญคุณความแค้น และรู้สึกผิดในเมื่อซินเฟยก็เพียงสนมปลายแถว ฝ่าบาทเองมีเรื่องอื่นมากมายที่สำคัญกว่าการเอาใจสนมเพียงนางเดียว เช่นนั้นปล่อยซินเฟยไปเสีย”“เจ้ายังโกรธข้าอยู่เช่นนั้นหรือ” แววตาหม่นเศร้า“ซินเฟย ไม่อยากโง่งมอีกต่อไปแล้ว ปล่อยซินเฟยไปเสีย” กัดฟันพูดจางหลงคลายอ้อมแขนออก“บางเรื่องเจ้าหาเข้าใจไม่ ข้าจะรออยู่ที่นี่จนกว่าเจ้าจะหายโกรธ ข้าพร้อมจะรอเจ้าเสมอ”ซินเฟยขยับตัวอย่างลำบากออกจากตรงนั้นไป จางหลงกลืนน้ำลายลงคอยากเย็นทำไมใจหายเช่นนี้ เพราะเหตุใดกัน“ฝ่าบาทฝ่าบาท เหตุใดต้องใส่ใจนางเพียงนั้นแค่เพียงสนมปลายแถวเช่นนางว่าหากนางไม่เต็มใจที่จะอยู่ ซูจินยินดีหาสนมนางใหม่ที่งดงามอ่อนช้อยกว่านางมากนัก”ซินเฟย หยุดเดินเมื่อได้ยินซูจินพูดถึงซินเฟยต่อหน้าจางหลง“ข้าไม่ได้ต้องการสนมคนใหม่ ข้าเพียงแต่รู้สึกว่า ทำไมเมื่อนางจะไปใจข้าถึงได้เจ็บปวดเช่นนี้” เผลอพูดความในใจในเมื่อตอนนี้หมดหนทางเสียแล้วเขารู้สึกอย่างนั้นจริงๆ“ฝ่าบาทซูจินเห็นใจฝ่าบาทเหลือเกิน ซูจินสัญญาจะทำทุกวิถีทางให้นางกลับมา”น้ำเสียงอ่อนโยนแสดงความเห็นใจอย่างเต็มที