Share

นางคือใคร

“ฝ่าบาทข้าตั๋วฟงเกรงว่าเรื่องนี้ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องกระทำด้วยตัวเองคนของเราในทัพเหลี่ยงตอนนี้มีอยู่จำนวนหนึ่ง ความเคลื่อนไหวของทัพเหลี่ยงจึง ส่งมาถึงเราตลอดเวลา”

“อืม ท่านฟงช่างรอบคอบ”

“ฝ่าบาทละทิ้งเรื่องราวเหล่านี้หาความสำราญเสียบ้างจะดีไม่น้อย ตั้งแต่ทรงนั่งบัลลังก์มา กระหม่อมไม่เคยจะเห็นว่าฝ่าบาท จะละมือจากงานในราชสำนักทั้งยามหลับยามตื่น”

“ความสุขของราษฎรแคว้นฉินนับว่าสำคัญกับข้าที่สุด”

“พรุ่งนี้ กระหม่อมเห็นสมควรทูลเชิญเสด็จประภาสป่าล่าสัตว์สร้างความสำราญ”

“เวลาเช่นนี้ข้าจะหาความสำราญได้อย่างไรยามที่ข้าศึกประชิดแนวชายแดน”

“ฝ่าบาทหากตื่นกลัวเกรงว่าแคว้นเหลี่ยงจะได้ใจฮึกเหิมยิ่งขึ้น ฝ่าบาทเห็นควรจะทำเป็นไม่ใส่ใจเรื่องเหล่านี้มากนัก แต่ใช่ว่าจะหละหลวมกระหม่อมได้สั่งให้มีการรับบุรุษหนุ่มเข้ามาในวังหลวง เพื่อเพิ่มกำลังทหารในวังหลวงและกำลังทหารของแคว้นฉิน ระหว่างนี้จึงถือว่าได้คัดเลือกผู้ที่มีฝีมือทั่วแคว้นมาไว้ใช้งาน เช่นนั้นฝ่าบาทจึงจำต้องช่วยเบี่ยงเบนความสนใจในเรื่องการเพิ่มกำลังทหารโดยการทำทีว่ามิได้เดือดเนื้อร้อนใจเรื่องทัพของแคว้นเหลี่ยงประชิดแนวชายแดน”

จางหลงพยักหน้าหงึกหงักตั๋วฟงนับว่าเป็นขุนพลชั้นยอด

“ตั้งแต่เสด็จพ่อจากไป ท่านเป็นเพียงผู้เดียวที่ข้าไว้ใจและช่วยแบ่งเบางานในราชสำนักได้ดีทีเดียว ท่านต้องการสิ่งใดตอบแทนบ้างหรือไม่หลายปีมานี้ข้าไม่เคยแม้สักครั้งที่จะเอ่ยปากถามท่านตามตรง”

โยนหินถามทาง

“กระหม่อมภักดีไม่เปลี่ยนแปลงมีสิ่งเดียวที่ต้องการตอนนี้คืออยากให้ฝ่าบาท ได้รับความสำราญบ้าง อย่าได้หักโหมกับจนเกินไป องค์รัชทายาทเป็นอีกสิ่งหนึ่งที่อยากจะเป็นก่อนที่จะไร้ลมหายใจ กระหม่อมเองก็แก่เฒ่าแล้ว ฝ่าบาทจึงถือว่าเป็นฮ่องเต้ที่มีคุณธรรมเห็นแก่ราษฎรเป็นหลักจึงไม่ต้องห่วงอะไรอีกแล้วจะห่วงก็แต่ องค์รัชทายาทที่ป่านนี้ยังมีมีวี่แวว”

แววตาจริงใจจางหลงยิ้ม หลายปีมานี้เขาตรากตรำอย่างมากเพื่อแคว้นฉิน จนละเลยเรื่องบ้างเรื่อง สนมบางคนถูกไล่กลับตั้งแต่หัวค่ำบางคนกับถูกปล่อยให้นอนหลับบนแท่นนอนจนสาย จะมีก็เพียงแต่..สนมนางนั้น สนมที่แววตาเศร้าสร้อย นางมีชื่อแซ่ว่าอะไรกันเขาจำได้แต่เพียงแววตาเศร้าสร้อยของนาง ในเปลวไฟไหวระริกก็เท่านั้น

“ฝ่าบาทจะต้องตามหาหญิงคนนั้น”

จางหลงหันมามองใต้เท้าฟงเต็มตา ตกใจกับคำพูดที่คิดว่าใต้เท้าฟงรู้เรื่องของนาง

“หญิงคนที่ฝ่าบาทพร้อมที่จะให้นางเป็นแม่ขององค์รัชทายาท กระหม่อมรู้ดีเรื่องในวังหลังบางอย่างไม่ได้อยู่ในสายตาของฝ่าบาทเป็นฮองเฮาที่จัดการเพียงลำพังเช่นนั้นต่อจากนี้ ฝ่าบาทใส่ใจอีกนิดความหวังเรื่ององค์รัชทายาทคงไม่ไกล”ฮองเฮาจัดการเพียงลำพัง จางหลงสะดุดกับคำนี้ไม่น้อย

จางหลงเดินนำหน้าเสี่ยวซานตามมาไม่ห่าง ในค่ำคืนมืดมิดทางเดินทอดยาวสู่ตัวตำหนักใหญ่สองข้างทางขนาบข้างด้วยกำแพงสูง

“ฝ่าบาท เสี่ยวซานได้ยินเรื่องหนึ่งมา ค้างคาใจอยากจะบอกเล่าให้ฝ่าบาทได้ฟังแต่เกรงว่า...”จางหลงชะงักฝีเท้า

“เรื่องใดกัน”

“สนมนางนั้นที่ถูกโบยถึงร้อยไม่นางยังไม่ตาย และถูกส่งตัวยังตำหนักเย็น”

จางหลงยิ้มบางๆ

“ถูกต้องที่สุดแล้ว เป็นกฎมณเฑียรบาล ว่าด้วยการลงทัณฑ์ในวังหลังเจ้ามีอะไรสงสัยอย่างนั้นหรือ”

“ฝ่าบาทนางถูกโบยถึงร้อยทีแต่ไม่อาจตาย ฝ่าบาทคิดว่าอย่างไรกัน”

จางหลงยังคงยิ้ม

“นางคงจะมีความอดทนเกินหญิงทั่วไปหรือไม่ก็คนที่ลงไม้โบยนางในวันนั้นออมมือเพราะความสงสารที่นางตั้งครรภ์”

“ฝ่าบาทเสี่ยวซานยังได้ยินมาอีกว่า…”

“พอแล้ว ข้าเหนื่อยมาทั้งวันอยากจะพักผ่อนเสียเต็มที เจ้าเร่งฝีเท้าให้ถึงตำหนักโดยเร็ว”

เสี่ยวซานหยุดคำพูดไว้เพียงแค่นั้นใจจริงอยากจะบอกว่าเป็นเรื่องน่าแปลกมากที่ฮองเฮาไม่ทรงไต่สวนองครักษ์ชั้นต่ำผู้นั้น แต่ลงมือประหารด้วยตัวเองเพียงดาบเดียวก่อนที่จะสั่งให้มีการลงทัณฑ์สนมซินเฟย  อีกเรื่องที่ฝังใจคืออยากถามจางหลงว่าลืมเลือนนางไปแล้วหรือนางอาจเป็นคนที่ฝ่าบาทพบในคืนนั้น

จางหลงสาวเท้าเร็วรี่ที่มุมกำแพงนั้น ซินเฟยเดินสวนมาพอดีมุ่งหน้ายังตำหนักเย็นภายใต้แสงจันทร์สว่างดุจกลางวัน ใบหน้างามกับอาภรณ์สีขาวรับกับใบหน้างดงามทว่าดวงตาเศร้าสร้อย ซินเฟยเดินเลี้ยวออกประตูไปตามทางที่มุ่งสู่ตำหนักเย็นที่หนาวเหน็บไม่ทันสังเกตเห็นจางหลง จางหลงยืนมองตาค้างเสี่ยวซานวิ่งตามมาพอดี

“เสี่ยวซาน เจ้าเห็นนางหรือไม่”

เสี่ยวซานหันซ้ายหันความมองเห็นแต่ความมืดมิด

“ใครกันฝ่าบาท”

“นาง นางเป็นใคร”พูดเหมือนละเมอ

“เสี่ยวซานไม่ทราบฝ่าบาท ฝ่าบาทเห็นผู้ใดกัน”

“เสี่ยวซาน ประตูนั่นไปที่แห่งใด”

ชี้มือไปยังประตูทางออก

“ทางนั้นไปได้หลายแห่ง ออกไปนอกเขตวังหลวงหรือไม่ก็ ไปตำหนักเหมยฮวาของไทฮองไทเฮา คุกหลวง คอกม้า ห้องซักล้าง และตำหนักร้อน ตำหนักเย็น

“พรุ่งนี้ส่งคนหานางให้ข้า”

“ฝ่าบาททำไมต้องหานาง”

“ข้าอยากรู้ว่านางเป็นใคร”

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status