ซูจินไม่ทันได้เห็น รู้แต่เพียงว่าจางหลงทอดสายตามองใครอยู่
“คนที่มารับเหรียญทอง คงถูกผลักจนล้มลงดีที่มีคนช่วยไว้ทัน”
ซูจินยิ้มๆ
“ผู้คนล้วนมาชมบารมีของฝ่าบาทมากมายจึงมีบ้างที่จะได้รับบาดเจ็บ เช่นนั้นซูจินให้เขานำเหรียญมาให้ฝ่าบาทโปรยอีกมากหน่อย เพื่อจะได้แจกจ่ายกันทั่วถึง”
จางหลงยิ้มเป็นการตอบตกลง ซูจินโบกมือให้ขันที ก่อนจะหันมายิ้มหวานให้จางหลง
กองไฟถูกเติมด้วยฟืนท่อนยาวที่จิวซัวลากมาสุมไว้
“แม่นางทำไมต้องวิ่งหนีจากตรงนั้นด้วย”
ซินเฟยนิ่งเงียบ ไม่เอ่ยคำใด
“ขอโทษที่ข้าละลาบละล้วงหากไม่อยากพูดถึงมันก็อย่าได้เกรงใจ”
ซินเฟยก้มหน้านิ่ง
เสียงฝีเท้าม้าควบตะบึงมาแต่ไกล จิวซัวผิวปากเพียงครั้งเดียว ม้าก็มาหยุดยืนตรงหน้าบุรุษร่างสูงอีกคนในชุดพรางตัวกระโดดลงจากหลังม้า เหลือบตามองซินเฟย ก่อนจะประสานมือคารวะจิวซัว
“ฝ่า..คุณชายข้าตามหาทันจนทั่วเขตวังหลวงคิดว่าเกิดอันตราย”
จิวซัวยิ้มอ่อนโยน ซินเฟยลุกออกจากตรงนั้นเพื่อเป็นการไม่เสียมารยาทที่นั่งฟังคนอื่นคุยกัน
“ข้าปลอดภัยดี”
พูดด้วยสีหน้ายิ้มๆ
“ฝ่าบาทการเดินทางมาครั้งนี้อันตรายไม่น้อย หากคนของแคว้นฉินรู้ว่าฝ่าบาทอยู่ที่นี่อาจ จับตัวเพื่อต่อรองด้านการศึก”
“ความจริง กองกำลังของเราก็ประชิดชายแดนแคว้นฉินแล้วเหลือแต่ว่าจะเข้าโจมตีเมื่อใดเท่านั้น”
“เมื่อฝ่าบาท ชมวังหลวงของแคว้นฉินจนพอใจแล้ว ข้าน้อยเห็นว่าสมควรกลับไปที่ค่ายของเราจะดีกว่า”
“ทีแรกข้าก็คิดว่าจะกลับไปแต่ตอนนี้ขอรั้งอยู่ที่นี่นานหน่อย”
เหลือบตามองซินเฟยที่อยู่ห่างออกไป
“ฝ่าบาท เกรงว่าจะเกิดอันตราย”
“ข้าเชื่อว่าข้าเอาตัวเรอดได้ เจ้าระหว่างนี้ไปมาอย่าทิ้งร่องรอย ข้าเองก็จะเร้นกาย เพื่อความปลอดภัย”
เหลือบตามองไปที่ซินเฟยที่ยืนกอดอกเพราะความหนาว
“นาง ..ฐานะนางคงไม่ธรรมดาอย่างแน่นอนกิริยานางต่างจากหญิงชาวบ้านทั่วไป”
“ข้าก็คิดเช่นนั้นหากข้าพึงใจนางเจ้าคิดเห็นเช่นไร”
“ฝ่าบาท ที่มาที่ไปนางไม่ชัดเจนเกรงว่า”
“ข้ายังไร้ฮองเฮาข้างกาย เจ้าคิดว่านางไม่เหมาะสมเช่นนั้นหรือ ที่ข้านังไม่แต่งตั้งฮองเฮาเพราะยังไม่เจอคนที่ถูกใจ แต่ที่ผ่านแค่สบตานางข้าก็รู้ได้ทันทีว่านางแตกต่างจากคนอื่น”
“ฝ่าบาทโปรดไตร่ตรองแคว้นเหลี่ยงของเราใช่ว่าจะไร้ซึ่งหญิงงามแต่เดิมเป็นเพราะฝ่าบาทไม่ทรงเปิดใจ”
จิวซัวถอนหายใจ
“ไว้ข้าไตร่ตรองอีกทีหากข้าและนางมีวาสนาต่อกัน อีกไม่นานเจ้าคงเห็นข้าพานางกลับไปยังแคว้นเหลี่ยง”
ทหารองครักษ์ประสานมือก่อนจะจากไป
จิวซัว ใส่ฟืนเข้าไปในกองไฟจนลุกโชติช่วงค่ำคืนเหน็บหนาวมีหญิงงามข้างกาย บัดนี้ช่างรู้สึกเป็นสุขอย่างประหลาด
“ข้าคงต้องกลับแล้ว”
น้ำเสียงเรียบเฉยแผ่วเบา
น้ำตาลก้อนเสียบไม้ถูกล้วงออกมาจากอกเสื้อยื่นส่งให้ซินเฟย
“ข้า เสี่ยวซัว ยินดีที่ได้พบแม่นาง…”
“ข้าซินเฟย ท่านไม่เก็บมันไว้กินหรือไร”
จิวซัวยิ้มกว้างสดใสอีกครั้งนั่งลง ข้างกองไฟใช้ไม้ในมือเขี่ยไฟให้ลุกโชติช่วง
“ข้าจะยอมไม่กินมันเพื่อจะได้ระลึกถึงรสหวานอร่อยของมัน หากข้ากินมันเสียตอนนี้คงไม่อยากกินมันไปอีกหลายวัน”
ซินเฟยยิ้มบางๆ จิวซัวก้มหน้าเขี่ยดินไปมารู้สึกว่ารอยยิ้มของซินเฟยทำเอาเขาประหม่าไม่น้อย
บ้านตระกูลฟง ตระกูลใหญ่ผู้ภักดี
“ฝ่าบาท แม้ตอนนี้ทุกอย่างจะราบเรียบเข้าที่เข้าทาง แต่ทัพของแคว้นเหลี่ยงตอนนี้ประชิดแนวชายแดนท่านแม่ทัพรอบัญชาจากฝ่าบาทว่าต้องการให้ตรึงกำลังหรือไม่”
“ทัพแคว้นเหลี่ยง”
“แคว้นเหลี่ยงยิ่งใหญ่อลังการฮ่องเต้ของแคว้นเหลี่ยงบัญชาการรบด้วยตัวเองจัดว่าเป็นแม่ทัพที่ฝีมือเยี่ยมยอดคนหนึ่งทีเดียว อาจเป็นเพราะฮ่องเต้ยังไม่ได้มีการแต่งตั้งฮองเฮาจึง ไม่มีสิ่งใดต้องห่วงออกเดินทางบัญชาการรบด้วยตัวเองได้”
“มีทีท่าว่าจะบุกเข้ามาหรือไม่”
“ตอนนี้ยังคงรั้งอยู่ที่แนวชายแดนยังไม่ได้กล่ำกรายเข้ามาแต่อย่างใด ข้าน้อยเองก็ไม่แน่ใจว่าแคว้นเหลี่ยงต้องการอะไรกันแน่”
“ส่ง คนเจรจา”
“ฝ่าบาท เดิมเรื่องนี้ไว้เป็นหน้าที่ของกระหม่อม ฝ่าบาททรงตรากตรำมาแสนนานครั้นจะได้พักกลับต้องมีเรื่องนี้มากวนใจ”
“ขอบใจใต้เท้าฟงมาก ตอนนี้ข้ายังปล่อยมือจากเรื่องราวของบ้านเมืองยังไม่ได้ เรื่องอื่นเอาไว้ที่หลัง ท่านว่าจะดีหรือไม่หากข้า จะเร้นกายไปสืบข่าวทัพแคว้นเหลี่ยง”
จ้องมองใบหน้าใต้เท้าฟงค้นหา บางอย่างในสายตาและคำพูด
“ฝ่าบาทข้าตั๋วฟงเกรงว่าเรื่องนี้ฝ่าบาทไม่จำเป็นต้องกระทำด้วยตัวเองคนของเราในทัพเหลี่ยงตอนนี้มีอยู่จำนวนหนึ่ง ความเคลื่อนไหวของทัพเหลี่ยงจึง ส่งมาถึงเราตลอดเวลา”“อืม ท่านฟงช่างรอบคอบ”“ฝ่าบาทละทิ้งเรื่องราวเหล่านี้หาความสำราญเสียบ้างจะดีไม่น้อย ตั้งแต่ทรงนั่งบัลลังก์มา กระหม่อมไม่เคยจะเห็นว่าฝ่าบาท จะละมือจากงานในราชสำนักทั้งยามหลับยามตื่น”“ความสุขของราษฎรแคว้นฉินนับว่าสำคัญกับข้าที่สุด”“พรุ่งนี้ กระหม่อมเห็นสมควรทูลเชิญเสด็จประภาสป่าล่าสัตว์สร้างความสำราญ”“เวลาเช่นนี้ข้าจะหาความสำราญได้อย่างไรยามที่ข้าศึกประชิดแนวชายแดน”“ฝ่าบาทหากตื่นกลัวเกรงว่าแคว้นเหลี่ยงจะได้ใจฮึกเหิมยิ่งขึ้น ฝ่าบาทเห็นควรจะทำเป็นไม่ใส่ใจเรื่องเหล่านี้มากนัก แต่ใช่ว่าจะหละหลวมกระหม่อมได้สั่งให้มีการรับบุรุษหนุ่มเข้ามาในวังหลวง เพื่อเพิ่มกำลังทหารในวังหลวงและกำลังทหารของแคว้นฉิน ระหว่างนี้จึงถือว่าได้คัดเลือกผู้ที่มีฝีมือทั่วแคว้นมาไว้ใช้งาน เช่นนั้นฝ่าบาทจึงจำต้องช่วยเบี่ยงเบนความสนใจในเรื่องการเพิ่มกำลังทหารโดยการทำทีว่ามิได้เดือดเนื้อร้อนใจเรื่องทัพของแคว้นเหลี่ยงประชิดแนวชายแดน”จางหลงพยักหน้าหงึกหงักตั๋วฟง
“ฝ่าบาท นางเป็นใคร เหตุใดต้องใส่ใจด้วยคงเป็นนางในหอซักล้างที่มีมากมายหลายนาง”“พรุ่งนี้พานางมาพบข้า”พูดเพียงแค่นั้นแล้วสาวเท้าจากไปทันทีในห้วงฝัน ซินเฟยดิ้นรนเพียงพองาม ไม่ได้ปัดป้องทั้งๆ ที่อยากจะกรีดร้องความเจ็บปวดในครั้งแรก กับคนที่ไม่คุ้นเคยไร้ซึ่งความรักความผูกพัน“รอข้า อย่าเพิ่งไปไหน ข้ายังไม่อิ่มหนำกับเจ้าเลย”เช้าสดใส“ซินเฟยที่หอซักล้างเกิดความโกลาหลขึ้นแต่เช้า เจ้าอย่าเพิ่งไปรอจนกว่าทหารองครักษ์พวกนั้นจากไปข้าไม่รู้ว่าเขามาทำไมคล้ายมาตามหาคนแต่ไม่รู้ว่าเป็นใคร ฉะนั้นทางที่ดีอยู่ที่นี่จนกว่าพวกนั้นจะกลับไป”อาวุโสย่าหนานเอ่ยปากเมื่อเห็นว่าซินเฟยกำลังจะไปที่นั่น เพื่อไปเก็บเศษผ้าเก่าๆ ที่ขาดวิ่นจนไม่เป็นที่ต้องการมาเย็บอาภรณ์ไว้สวมใส่“คงมีใครที่จะต้องถูกลงทัณฑ์อย่างแน่นอน “ซินเฟยเชื่ออาวุโส เช่นนั้นไว้ค่อยไปวันอื่นวันนี้ออกไปนอกเขตวังหลวง หาเก็บสมุนไพรและอาจตกปลาที่ริมลำธารเผื่อจะได้ปลามาทำอาหารในตอนเย็น”อาวุโสย่าหนานพยักหน้าขึ้นลง“เจ้าลำบากหรือไม่”ซินเฟยส่ายหน้าไปมา“ซินเฟยแต่เดิมอยู่นอกวังก็ใช้ชีวิตเช่นนี้ไม่ได้ลำบากอะไร อาวุโสอย่าได้กังวล”ซินเฟยเดินออกจากตำหนักเย็
ถลาเข้าหาซินเฟยจับจ้องที่ใบหน้างามด้วยสายตาครุ่นคิด แต่กับถูกจิวซัวซัดฝ่ามือเข้าใส่“ถอยไปห่างๆนาง เจ้าทำนางบาดเจ็บ”องครักษ์และเสี่ยวซานต่างรีบมาพยุงจางหลง“จับตัวไว้ อย่าให้หนีไปได้เขาทำร้ายฝ่าบาท”จิวซัวไม่ได้สนใจสิ่งใดซ้อนร่างบางของซินเฟยไว้ในอ้อมแขนก่อนจะสาวเท้าไปยังม้าของจางหลงที่ยืนคอยอยู่”องครักษ์ เก้เก้กังๆ ไม่กล้าเข้าไปจับตัว“จับตัวมันไว้”เสี่ยวซานตะโกนสั่ง จางหลงกับโบกมือห้าม จิวซัวพาซินเฟยขึ้นคร่อมบนม้า กระตุกบังเหียนจากไปอย่างรวดเร็ว“ฝ่าบาทเกิดอะไรขึ้น”“ข้า เผลอทำร้ายนาง”“นาง”“นางคือคนที่ข้าพบมือคืน” น้ำเสียงแสดงออกถึงความไม่มั่นใจ“เป็นนางจริงๆ ใช่หรือไม่ หากเป็นนางจริงๆ ฝ่าบาทตามหานาง ด้วยจุดประสงค์บางอย่างแล้วเช่นไรจึงจะปล่อยให้นางหลุดมือไปง่ายดาย”เสี่ยวซานถามเสียดายโอกาสที่พบซินเฟยของจางหลง เริ่มจะเห็นเค้าลางบางอย่างที่กำลังจะบังเกิดความวุ่นวาย“ส่งคนสะกดรอยตาม แล้วพานางกลับมา”สั่งเสียงดังลั่น ทหารองครักษ์รีบวิ่งกันจ้าละหวั่นตำหนักไทฮองไทเฮา“เสด็จย่า สนมนางนั้น ที่เคยถูกโบยถึงร้อยทีแล้วถูกส่งตัวไปยังตำหนักเย็นที่เสด็จย่าเคยบอกหลานนางชื่อว่าอะไร”จางหลงถามข
“หลานจำเรื่องราวเกี่ยวกับนางได้เพียงน้อยนิด”แววตาเศร้าสร้อยตื่นกลัวกับกิริยาอ่อนหวาน ร่างอ่อนระทวยในอ้อมแขนไม่มีคำพูดใดหลุดออกจากปากนางเมื่อเขาทาบทับอยู่บนร่างเปลือยมีแต่ดวงตาเศร้าสร้อยยอมจำนนต่อเขาก็เท่านั้น“นำนางกลับมา นางรับโทษถูกโบยถึงร้อยไม้ หญิงรูปร่างบอบบางคงตายไปตั้งแต่ยังไม่ทันได้ห้าสิบไม้ด้วยซ้ำไปเจ้าไม่สงสัยหรือไรว่านางกัดฟันทนเพื่ออะไรหากไม่ใช่เพื่อรักษาชีวิตเลือดเนื้อเชื้อไขของฮ่องเต้อย่างสุดชีวิต เพราะนางถูกสอนมาให้เป็นของฮ่องเต้ทั้งยามหลับและยามตื่น นางจึงพยายามที่จะเยื้อชีวิตลูกของนางให้ถึงที่สุดหากเป็นลูกขององครักษ์ต่ำชั้นผู้นั้นเหตุใดนางจะต้องการให้เขามีชีวิตอยู่อีกในเมื่อพ่อของเขาถูกประหารไปแล้ว”จางหลงเงยหน้ามองท้องฟ้าก่อนจะหลับตาลงช้าๆจิวซัวหอบร่างไร้สติยัง กระท่อมไม้ไผ่ไม่ไกลจากลำธารนัก เลือดยังไหลไม่หยุดเขาวางร่างบางลงก่อนจะค่อยๆ ดึงลูกศรออกจากอกข้างซ้ายของซินเฟยเหงื่อหยดรินเต็มในหน้านาทีแห่งความเป็นความตาย หากผิดพลาดเพียงนิดเดียวลูกดอกทำลายหัวใจของซินเฟยเสียแล้วแม้แต่หมอเทวดาก็ไม่สามารถช่วยนางได้ ค่อยๆบรรจงดึงลูกดอกออกจากบาดแผล ซินเฟยหลับตานิ่งใบหน้าซีดเผือ
จิวซัวกัดฟันจนเป็นสันนูน จางหลงบีบคั้นเขาเพียงนี้เชียวหรือ จางหลงกับซินเฟยมีความสัมพันธ์ใดกันแน่ จึงต้องการตัวซินเฟยถึงเพียงนี้ ในเมื่อเขาเห็นว่านางอาศัยอยู่ในตำหนักเย็นใช้ชีวิตลำเค็ญเยี่ยงสนมที่ทำความผิดร้ายแรง หรือว่าจางหลงยังหวงก้างตามนิสัย ฮ่องเต้ทั่วไป“ยาสมานแผลนำมันมาให้ข้าข้า ใช้มันกับนางไม่แน่คืนนี้นางอาจจะได้สติ”ขือจื้อส่งยาในมือให้กับจิวซัว“ฝ่าบาท ยาสมานแผลนี้แค่เพียงบรรเทานางต้องได้รับการรักษาอย่างแเร่งด่วนไม่เช่นนั้นอาการบาดเจ็บอาจลุกลาม”จิวซัวหลับตาถอนหายใจช้าๆหน้าประตูวังร่างบอบบางที่นอนไร้สติถูกวางไว้ในเกี้ยว ทหารสองสามนายห้อมล้อมก่อนที่จะมีคนตะโกนขึ้นดังๆ“รายงานฝ่าบาทโดยเร็ว แม่นางที่ฝ่าบาทต้องการตัวบัดนี้มาถึงแล้ว”หมอหลวงถือหลวมยาวิ่ง มาที่เกี้ยวทันทีเหมือนรอท่าอยู่ก่อนแล้ว จางหลงสาวเท้าลงมาจากหน้ามุขตรงไปยังหน้าประตูวังจางหลงถลาเข้าไปยังเกี้ยว แหวกเหล่าทหารและหมอหลวงเข้าไปอย่างรีบร้อน ซ้อนร่างบางมาอุ้มไว้ก่อนจะหันหลังกลับเข้าไปในตำหนัก จิวซัวลอบมองจากข้างกำแพงถอนหายใจด้วยความโล่งอกร่างบางถูกวางลงบนแท่นนอนในตำหนักใหญ่ หมอหลวงทั้งหมดในวังหลวงห้อมล้อมซินเฟย จางหลง
ตำหนักเย็น“จางจางหลง คารวะย่าหนาน”ย่าหนาน ยิ้มเพียงบางๆ แต่ผินหน้าไปเสียทางอื่นไม่อยากจะมองหน้า จางหลง“ไม่อ้อมค้อมมีเรื่องใดร้อนรนจึงมาถึงนี่”แต่เดิม จางหลงเป็นองค์ชายที่พูดน้อยแม้ย่าหนานจะเลี้ยงดูเขามาแต่แทบจะอ่านใจเขาไม่ออกด้วยซ้ำไป“จางหลงมีเรื่องรบกวน ท่านแม่นม”“ฝ่าบาท ไม่จำเป็นต้องมาเองฐานะสูงส่ง เรียกให้ข้าไปพบจึงจะง่ายกว่า ว่ามาต้องการสิ่งใด”“ซินเฟย”หันหน้ามอง จางหลงเต็มตา“นางหายออกจากที่นี่ไปตั้งแต่เมื่อวานตอนเช้า นางอยู่กับฝ่าบาทหรือไร”“ย่าหนาน นางแต่เดิมเป็นสนมของข้า”“หึ หึ สนมที่ถูกโบยปางตายแล้วถูกจับมาโยนทิ้งไว้ที่นี่”“ย่าหนาน ท่านอย่าเพิ่งเอาเรื่องในอดีตมาคิดบัญชีกับข้าตอนนี้นางเป็นตายเท่ากันยาบำรุงเลือดเสด็จย่าบอกว่า ย่าหนานมียาดีชนิดนี้เจียดให้ ข้านำไปป้อนนางบรรเทาอาการบาดเจ็บ”“อย่างไรเสียฝ่าบาทก็คิดว่าย่าหนานใจดำอยู่แล้ว เรื่องที่ไม่ให้ยาจึงไม่เกินความคาดหมาย”จางหลงทิ้งตัวลงคุกเข่ากับพื้น“ย่าหนาน แม่นมท่านละความเคียดแค้นเห็นแก่นางสักครั้ง”ย่าหนานตกตะลึงในเมื่อเป็นฮ่องเต้ผู้สูงส่งกับยอมคุกเข่าง่ายดายเพียงนี้เชียวหรือ เผลอยกมือฉุดจางหลงให้ลุกขึ้น“ฝ่าบาทอย่
“รอให้หมอหลวงมาดูอาการอีกทีตอนนี้เจ้าพึ่งจะฟื้นขึ้นมาหากเป็นอะไรไปอยู่ที่ตำหนักเย็น ข้าคงไม่อาจดูแลเจ้า”ซินเฟยหลับตาไล่หยาดน้ำตาที่ไหลรินก่อนจะหันหลังให้จางหลงเเกรงว่าเสียงสะอื้นจะเล็ดลอดออกไปให้เขาได้ยิน“ข้าส่งคนแจ้งข่าวกับย่าหนานว่าเจ้าฟื้นแล้วเพื่อนางจะได้ไม่ต้องห่วง”“ฝ่าบาทหม่อมฉันอยากกลับไปที่ตำหนักเย็น”คำพูดหนักแน่นจริงจัง จางหลงถอนหายใจ นางยังโกรธเขาอยู่ ก็ไม่น่าแปลกกับสิ่งที่เขาให้นางเผชิญเพียงลำพังตลอดหลายเดือนมานี้“เอาไว้หมอหลวงมาดูอาการเจ้าข้าสัญญาว่าจะไม่รั้งเจ้าไว้…..”คำพูดหายไปในลำคอ ใจหายอย่างที่สุดแต่ไม่อาจบอกนางว่าเขาไม่อยากให้นางจากไป เขากับนางจะสิ้นวาสนากัน แค่นี้เช่นนั้นหรือ ในเมื่อเขาสัญญากับย่าหนานว่าจะไม่ย่างกรายไปที่ตำหนักเย็นอีกแล้วหากจะให้นางออกมานางจะยอมทำตามบัญชาเขาหรือไม่ในเมื่อความสัมพันธ์ของเขาและซินเฟยช่างเปราะบางหากเขากดดันนางโดยอาศัย อำนาจใจมือ แล้วหากนางหนีเขาไปเล่าเขาจะทำอย่างไร ไหนจะคนผู้นั้นที่ไม่ทราบที่มาที่ไปคนนั้นผู้ที่ห่วงใยนางเกินใคร เมื่อเขามองสายตาของคนผู้นั้นออกว่ามีนางในใจไม่ต่างจากเขา ลุกขึ้นเดินจากไปซินเฟยหลับตาลงช้าๆ พยายามไล่ค
ไทฮองไทเฮา สาวเท้ายังตำหนักฮ่องเต้ ซินเฟยพยายามลุกจากแท่นนอนเพื่อถวายพระพรฮองเฮา“ไม่ต้องมากพิธี เจ้าบาดเจ็บอยู่”ซินเฟยยิ้มอ่อนหวานด้วยความซาบซึ้งใจ“เข้าใจว่าเจ้าเจ็บซ้ำมามาก แต่เป็นเพราะฮ่องเต้ตอนนั้นไม่เคยรู้ว่าเจ้าจะมีลูก ต่อไปตั้งใจปรนนิบัติฮ่องเต้ข้าเชื่อว่าเจ้ายังมีโอกาสอีกมากที่จะตั้งครรภ์อีกครั้ง”ซินเฟยได้แต่ยิ้มเศร้าๆ ในเมื่อตัดสินใจแล้วว่าจะกลับไปตั้งหลักที่ตำหนักเย็นเสียก่อน“ข้ารู้ดีว่ากว่าจะผ่านมันมาได้เหนื่อยยากเพียงใด แต่เมื่อฮ่องเต้ตั้งใจจะทำเพื่อเจ้า ต่อจากนี้เห็นทีว่าเจ้าจะต้องมองฮ่องเต้เสียใหม่ได้แล้ว”เหมือนกับเข้ามานั่งในใจของซินเฟยพูดปลอบใจและตักเตือนไปพร้อมกันทั้งๆที่ซินเฟยไม่ได้เอ่ยปากสักคำ ไทฮองไทเฮาดีเพียงนี้ ซินเฟยอดที่จะปลาบปลื้มเสียไม่ได้ตั้งแต่ตอนเข้ามาคัดตัวนางในมีไทฮองไทเฮาเท่านั้น ที่คอยให้การชี้แนะในเรื่องต่างๆในวังหลวงจนซินเฟยได้รับการแต่งตั้งเป็นสนมนับว่าทุกอย่างล้วนเป็นไทฮองไทเฮาที่คอยอยู่เบื้องหลัง“ซิยเฟยขอบพระทัยไทฮองไทเฮา ซินเฟยจะจำคำสั่งสอนของไทฮองไทเฮาให้ขึ้นใจ”“เจ้าก็ยังนอบน้อมเช่นเดิม เช่นนี้จึงเหมาะที่จะคอยปรนนิบัติฝ่าบาทไม่เหมือน…”หย