เสียงจอแจภายในห้องประชุมใหญ่ของมหาวิทยาลัยดังอื้ออึงไปทั่ว คณะวิทยาศาสตร์และคณะวิศวกรรมศาสตร์กำลังรวมตัวกันเพื่อแข่งขันโครงการวิจัยข้ามคณะในปีนี้
ซึ่งเป็นโครงการวิจัยที่เปิดโอกาสให้นักศึกษาสองคณะได้ร่วมมือกันคิดค้นนวัตกรรมใหม่
ท่ามกลางนักศึกษาหลายร้อยคน
อันนา นักศึกษาคณะวิทยาศาสตร์ เอกเคมี ปีสี่ หญิงสาวผู้มีดวงตากลมโตภายใต้กรอบแว่นตาที่ดูเข้ากันกับดวงตาแสนซน คิ้วที่เรียงสวยรับกับจมูกโด่งพองาม และรูปร่างบอบบางของหญิงสาวที่สูง 165 เซนติเมตร เดินเข้ามาด้วยท่าทางสุขุม เธอเป็นที่รู้จักดีว่าเป็นคนหัวกะทิของคณะวิทยาศาสตร์ ฉลาดและรอบคอบ แต่กลับเย็นชาและไม่ค่อยมีอารมณ์ขัน
"ขอโทษค่ะ ขอทางหน่อยค่ะ" อันนา พูดเสียงเรียบ ขณะพยายามเดินผ่านกลุ่มนักศึกษาที่มุงดูรายชื่อของเพื่อนร่วมโครงการวิจัยบนบอร์ดกันอยู่
เมื่อเธอดูชื่อแล้วจึงพยายามมองหาเพื่อนร่วมทีมที่ถูกสุ่มเลือกให้ตามป้ายชื่อที่ติดที่เสื้อของแต่ละคน
ซึ่งโครงการวิจัยจะกำหนดให้มีนักศึกษาจำนวน 2 คน ต่อ 1 โครงการวิจัย
แต่เมื่อสายตาไปหยุดอยู่ที่ชายหนุ่มคนหนึ่งที่เอนหลังพิงเก้าอี้ด้วยท่าทางสบายๆ แต่เต็มไปด้วยความมีเสน่ห์บางอย่างที่เธอเองก็อธิบายไม่ถูก พร้อมกับป้ายชื่อที่แสดงให้เห็นว่าเธอต้องร่วมโครงการกับเค้า
ใบหน้าของ อันนา ก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย คิ้วคู่งามขมวดเข้าหากันอย่างขบคิดและพยายามนึกให้ได้ว่าเคยเจอชายหนุ่มคนนี้ที่ไหนสักแห่ง
ชายหนุ่มคนนั้นสวมเสื้อยืดสีเข้มกับกางเกงยีนส์ขาดเข่า หน้าตาหล่อเหลาคมเข้ม ส่วนสูงของเขาถ้าประมาณคร่าวๆ น่าจะ 180 เซนติเมตร
เขามีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ติดริมฝีปาก และสายตาที่เป็นประกายดูขี้เล่นเต็มไปด้วยความกวนประสาท นี่แหละคือชายหนุ่มที่เมื่อสาวๆ คณะต่างๆ ได้เห็นจะต้องมองเหลียวหลังกันเลยทีเดียว
พีท หนุ่มวิศวะไฟฟ้าที่ขึ้นชื่อเรื่องความชิลแบบไม่แคร์โลก และเขายังเป็นเดือนของมหาวิทยาลัยอีกด้วย
เมื่อสายตาของทั้งคู่สบกัน และ พีท ก็เห็นป้ายชื่อของ อันนา และเห็นรอยคราบน้ำแกงที่เสื้อนักศึกษาของ อันนา ทำให้ พีท ยิ้มกว้างขึ้นก่อนจะกอดอก "อ้าว? นี่เราเป็นคู่หูกันเหรอ? โอ้โห…ดวงซวยจริงๆ ฉัน"
อันนา กะพริบตา ดวงตาของเธอวาวขึ้นทันที "ขอโทษนะ นายว่าอะไรนะ? ใครกันแน่ที่ดวงซวย ฉันนึกออกแล้ว นายเดินชนฉันเมื่อตอนกลางวัน และนายก็ยังไม่ขอโทษฉันเลยนะ ฉันควรจะต้องเป็นคนพูดว่า ทำไมฉันถึงดวงซวยที่ต้องมาทำงานกับนายมากกว่านะ" อันนา พูดออกมาด้วยความโมโห
พีท ยักไหล่ "ฉันขอโทษก็ได้ และฉันไม่ได้ตั้งใจที่จะเดินชนเธอ" เขาพูดพร้อมกับทำหน้าตาเจ้าเล่ห์เหมือนจะสำนึกผิด
"แต่ฉันก็แค่คิดว่าฉันจะได้ทำงานกับใครสักคนที่สนุกกว่านี้น่ะ ไม่ใช่แม่สาวหน้าตาโนเนมแถมเย็นชา ที่ดูเหมือนจะเกลียดรอยยิ้มของคนอื่น" พีท พูด พร้อมกับมองแบบมีเลศนัยมาที่ อันนา แต่เค้ากลับรู้สึกว่าทำไมเค้าถึงรู้สึกพอใจกับการที่ได้พูดกวนโมโหหญิงสาวเป็นอย่างมาก
พีท คิดอยู่ในใจ ทำไมถึงรู้สึกอยากกวนใจหญิงสาวตรงหน้าคนนี้นักนะ อะไรกันนะความรู้สึกอยากเอาชนะผู้หญิงใส่แว่น ตัวเล็กๆ หน้าตาจิ้มลิ้มที่ไม่ได้สวยอะไรมากคนนี้
แต่จะว่าไปแล้ว เขาคิดว่าเธอเองก็เป็นคนที่ดูมีเสน่ห์ ไม่ใช่คนสวยอะไร แต่มองแล้วไม่เบื่อ....แถมใส่แว่นตาอำพลางดวงตากลมโต ใบหน้าที่ดูสวยเก๋ และแก้มที่แดงระเรื่อตอนโมโห....
"ฉันก็คิดว่า จะได้คู่กับคนที่ไม่ขี้เก๊กแบบ…แบบนายนะ" อันนา โต้กลับทันที ดวงตาที่มองผ่านแว่นตาของเธอแฝงไปด้วยความท้าทาย แม้หน้าตาของเขาจะชวนมองและเป็นที่ดึงดูดใจของเพศตรงข้าม แต่เธอก็ไม่ได้รู้สึกว่าเขาพิเศษกว่าใครๆ
พีท หัวเราะเบาๆ "โอเค…เธอเป็นคนตรงดีนะ ฉันชอบ แต่บอกไว้ก่อนเลยนะ ฉันไม่ทำงานกับคนจู้จี้"
"ก็ดี ฉันเองก็ไม่ทำงานกับคนขี้เกียจ และไม่มีความรับผิดชอบนะ บอกไว้ก่อนเลย" อันนา ยกคิ้วขึ้นแล้วเบือนหน้าหนี
ที่มาของความขัดแย้งกันและไม่ถูกชะตากันของทั้งคู่นี้ เกิดขึ้นมาก่อนที่ อันนา และ พีท จะมาเจอกันในหอประชุม
เรื่องมีอยู่ว่า ณ โรงอาหารของมหาวิทยาลัย ตอนกลางวัน พีท กำลังง่วนอยู่กับการถือของกินและขวดน้ำทำให้มองไม่เห็นหญิงสาวใส่แว่นคนนึง ที่กำลังเดินถือจานข้าวอยู่และกำลังมองหาที่นั่งทานข้าว ชายหนุ่มจึงเดินไปชนกับ อันนา จนทำให้จานข้าวเกือบตกกระจัดกระจาย น้ำแกงบนจานข้าวก็กระเด็นมาถูกเสื้อนักศึกษาของ อันนา
หญิงสาวรู้สึกโกรธมากและเงยหน้ามองชายหนุ่มที่เดินมาชน หญิงสาวรู้สึกได้ว่าตัวเค้าสูงมาก
และเมื่อเงยหน้ามองไปก็เจอหน้าที่หล่อเหลาและคมคายของใครคนหนึ่งและผู้ชายคนนี้ก็มองลงมาที่หน้าของ อันนา ด้วยความตกใจและเค้าหัวเราะกลบเกลื่อนแบบไม่รู้ร้อนรู้หนาว
และมองเธออีกครั้งด้วยหางตาแบบกวนใจเธอมากเหมือนจะบอกว่าเธอเดินไม่ระวังเองนะ แล้วชายหนุ่มก็รีบเดินจากไปโดยเร็ว
"ตาคนใจดำ นึกว่าหล่อแล้วจะทำอะไรตามใจรึไง ไม่ขอโทษเราสักคำ" อันนา นึกในใจ และพยายามใช้ทิชชู่เช็ดน้ำแกงที่ติดที่เสื้อนักศึกษาออก แต่ก็ยังคงเห็นเป็นคราบอยู่ หญิงสาวไม่คิดเลยว่าจะมาต้องมาเจอหน้าอีตาคนใจดำอีกครั้งแล้วยังต้องมาทำโครงการวิจัยร่วมกันอีก เวรกรรมอะไรของเธอนะ อันนา
ก่อนที่การทะเลาะกันจะยืดยาวไปมากกว่านี้ เสียงประกาศจากคณะกรรมการก็ดังขึ้น "นักศึกษาที่ถูกจับคู่แล้ว กรุณามานั่งรวมกันตามกลุ่มของตัวเองด้วยครับ!"
อันนา ถอนหายใจ ก่อนจะเดินไปนั่งลงฝั่งหนึ่งของโต๊ะโดยทิ้งระยะห่างจาก พีท แต่ พีท กลับเลื่อนเก้าอี้ของตัวเองเข้ามาใกล้ๆ อย่างจงใจ
"จะนั่งห่างกันทำไมล่ะ เราต้องทำงานด้วยกันนะ" พีทยิ้มกวนๆ
อันนา กอดอก และขยับแว่นตาพร้อมหลี่ตามองเขา "ฉันแค่พยายามรักษาระยะห่างของนายกับฉันก็เท่านั้นเอง"
"เรายังไม่รู้จักชื่อเล่นที่จะเรียกกันเลย ฉันชื่อ พีท แล้วเธอละ ยัยแว่นคนสวย เธอชื่ออะไร" พีท พูดพร้อมกับจ้องมองมาที่หน้าของหญิงสาว
อันนา ถอนหายใจหนักๆ นี่เธอต้องทนกับคนกวนแบบนี้ไปทั้งโครงการเลยเหรอ? เริ่มต้นโครงการวิจัย (แบบกัดกันไม่หยุด)
"ฉันชื่อ อันนา และฉันไม่ได้เป็นยัยแว่นคนสวยนะ..นายจอมกวน" อันนา ตอบกลับไปด้วยความรู้สึกหมั่นไส้นายหน้าหล่อคนนี้จริงๆ
แต่ลึกๆ แล้วหญิงสาวเองก็อดที่จะแอบมองชายหนุ่มไม่ได้ หน้าตาที่ดูหล่อเหลาคมเข้ม แบบฆ่าผู้หญิงให้ตายทั้งเป็นได้แบบนี้ แต่เมื่อคิดถึงคำพูดกวนๆ ของชายหนุ่มขึ้นมา ทำให้ อันนา เองต้องรีบสะบัดหน้าตัวเองและเรียกสติกลับคืนมา
เมื่อเริ่มประชุมวางแผนชื่อหัวข้อโครงการวิจัย อันนา หยิบสมุดโน้ตขึ้นมาจดอย่างเป็นระเบียบ ขณะที่ พีท นั่งไขว่ห้างเอนตัวพิงเก้าอี้อย่างสบายๆ ด้วยท่าทางที่กวนๆ
"เราต้องกำหนดหัวข้อโครงการที่ชัดเจนก่อน" "ฉันคิดว่าถ้าเราศึกษาเกี่ยวกับการใช้สารเคมีในแบตเตอรี่เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการเก็บพลังงาน" อันนา กล่าว
"เดี๋ยวๆๆๆ…" พีท ยกมือขึ้นขัดจังหวะ "นี่เธอคิดจะให้ฉันมานั่งวิเคราะห์สารเคมีเหรอ? ฉันวิศวะไฟฟ้านะ ไม่ได้เรียนเป็นนักวิทยาศาสตร์"
อันนา เหลือบตามอง "แล้วนายมีไอเดียอะไรดีๆ ไหมล่ะ? "
"ก็ต้องเป็นอะไรที่สนุกกว่านั้นหน่อย" พีทยิ้ม "เช่น…คิดค้นแผงวงจรที่สามารถชาร์จแบตเตอรี่จากพลังงานแม่เหล็กไฟฟ้าแบบไร้สาย"
อันนา ถอนหายใจอย่างสุดทน เธอแทบจะกลั้นใจไม่ให้เผลอกรีดร้องออกมา นี่มันจะเป็นโครงการวิจัยที่หนักที่สุดในชีวิตเธอแน่ๆ!
วันแรกของการทำงานร่วมกัน
พวกเขา นัดพบกันที่ห้องทดลองเพื่อเริ่มการทำงานโครงการวิจัย พีท มาสายไปเกือบครึ่งชั่วโมง อันนา แทบจะโยนเอกสารใส่หน้าเขา
"นายมาสาย!" อันนา เหลืออดกับชายหนุ่ม และกล่าวด้วยน้ำเสียงที่สุดดุดัน
พีท ยิ้มแหยๆ
"โทษที รถติด"
"ในมหาวิทยาลัยมีรถติดด้วยเหรอ? " อันนา เลิกคิ้วถามชายหนุ่ม
"อืม….รถติด.…และติดตรงที่ฉันแวะโทรศัพท์ก่อนมาน่ะ" พีท พูดพร้อมกับหัวเราะแบบกวนๆ พร้อมส่งสายตาเจ้าเล่ห์มาที่หญิงสาว
หญิงสาว แทบจะระเบิด แต่เธอสูดลมหายใจลึกๆ แล้วกลับมาสนใจงานที่จะต้องทำต่อ…..
การทำงานโครงการวิจัยร่วมกัน ณ หน้าห้องทดลองของคณะวิทยาศาสตร์ พีท มักจะนัดทำงานร่วมกับอันนา ในตอนเย็นๆ ที่คนไม่พลุกพล่าน และไม่ให้ตกเป็นเป้าสายตาของใคร ระหว่างที่ขึ้นมายังห้องทดลอง เขามักจะใส่หมวกอำพรางเพื่อไม่ให้เป็นจุดสนใจมากนักและวันนี้ก็เป็นอีกวันหนึ่งในหลายสัปดาห์ที่ผ่านมาที่พวกเขาได้ทำงานร่วมกัน และรู้จักกันมากขึ้น แต่สถานการณ์การเจอกันแต่ละครั้งเหมือนอยู่ในสมรภูมิอารมณ์ ที่มีชายหนุ่มหน้าหล่อคอยก่อกวน“วันนี้เราทำบทไหนต่อนะ… เธอลองอธิบายให้ฉันฟังที” พีท พูดขึ้น ขณะก้าวเข้ามาในห้อง ดวงตาเป็นประกายซุกซนกวาดมองไปรอบๆ ก่อนจะหยุดอยู่ที่เป้าหมาย—หญิงสาวใส่แว่นเจ้าประจำที่มักจะบ่นเขาเสมอ“ปกติ นายชอบไปนั่งมองสาวๆ ตามคณะอื่นใช่ไหมล่ะ เลยไม่ค่อยมีเวลาทบทวนรายละเอียดของโครงการวิจัยเลย!!! ” อันนาเอ่ยขึ้นโดยไม่เงยหน้ามอง ขณะที่เธอกำลังก้มหยิบของบนพื้นพีท ยิ้มบางๆ กับตัวเองก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ โต๊ะของเธอ “โห หาว่าฉันเจ้าชู้อีก? นี่ฉันตั้งใจมาทำงานนะ”อันนาหัวเราะเบาๆ ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมามองเขาผ่านกรอบแว่น “งั้นเหรอ? ก็ลองดูว่าคราวนี้นายจะตั้งใจได้นานแค่ไหน”"ถ้า….ฉันตั้งใจมองเธอมากกกว่
เสียงเครื่องยนต์คำรามต่ำ ๆ ดังขึ้นที่หน้าตึก อันนา ที่ยืนรออยู่ ต้องอึ้งไปชั่วขณะมอเตอร์ไซด์คันใหญ่สีดำด้าน มาพร้อมดีไซน์หรูและโลโก้ของแบรนด์ราคาแพงที่เธอรู้จักดี มันไม่ใช่รถที่นักศึกษาธรรมดาจะเป็นเจ้าของได้แน่ ๆ และที่สำคัญ… มันเป็นของ พีท"ขึ้นมา" พีท ยกหมวกกันน็อกอีกใบให้เธออันนา กะพริบตา ไม่คาดคิดว่าเขาจะมารับเธอด้วยรถคันนี้ ตอนแรกเธอคิดว่าเขาคงขับมอเตอร์ไซด์เก่า ๆ มาซะอีก แต่ไม่ใช่เลย..."นี่นาย..." เธอเอ่ยเบา ๆ แต่ยังไม่ขยับ"ขึ้นมาเร็ว เดี๋ยวฉันไปส่งที่หอ แล้วก็อย่าลืมบอกทางด้วยนะคร้าบบบ" พีท ว่าพลางสวมหมวกกันน็อกของตัวเองอันนา กลืนน้ำลาย รถคันนี้ใหญ่เกินไปสำหรับเธอ และที่แย่กว่าคือเบาะที่นั่งมันเล็กเกินไปสำหรับสองคน เธอไม่มีทางเลือกนอกจากต้องนั่งเบียดกับเขาเธอปีนขึ้นไปนั่งด้านหลังอย่างระมัดระวัง แต่เมื่อพีทสตาร์ทรถและเร่งเครื่อง เธอก็ต้องรีบคว้าชายเสื้อเขาไว้แน่น"จับแน่น ๆ หรือจะกอดก็ได้นะ ไม่ต้องเกรงใจ " เสียงทุ้มเอ่ยอย่างมีเลศนัย"ฉันไม่อยากจับหรือกอดตัวนายหรอกน่า!" อันนา เถียงกลับ แต่เมื่อรถเคลื่อนตัวออกไป เธอก็ต้องกลืนน้ำลายอีกครั้ง เพราะแรงลมและแรงดึงทำให้เธอเผลอขยับ
ภายในคฤหาสน์หลังใหญ่ที่ตั้งตระหง่านอยู่ในเขตชานเมืองของกรุงเทพฯ บ้านสไตล์ยุโรปสีขาวสะอาดตา ตกแต่งอย่างหรูหราด้วยแชนเดอเลียร์คริสตัล และเฟอร์นิเจอร์สุดคลาสสิก ทุกมุมของบ้านดูสมบูรณ์แบบราวกับอยู่ในนิตยสารบ้านและสวน แต่ถึงแม้ภายนอกจะดูสวยงามเพียงใด ภายในบ้านหลังนี้กลับเย็นชาและไร้ชีวิตชีวาหลังจากที่ พีท ส่ง อันนา ถึงหอพักของเธอเป็นที่เรียบร้อย เขาก็ขี่มอเตอร์ไซค์คู่ใจกลับมาถึงคฤหาสน์หลังใหญ่ที่เขาเรียกว่าบ้านไฟหน้ารถสาดส่องไปตามทางรถแล่นที่ปูด้วยหินแกรนิตเงาวับ ก่อนที่เขาจะค่อยๆ ลดความเร็วและเลี้ยวเข้าสู่บริเวณโรงรถเสียงเครื่องยนต์ดับลงพร้อมกับที่ พีท ยกหมวกกันน็อกออก เผยให้เห็นใบหน้าที่แม้จะเหนื่อยล้าแต่ก็ยังคงความเฉียบคมเขาก้าวลงจากรถ มอเตอร์ไซค์คันโปรดถูกจอดเคียงข้างกับรถสปอร์ตหรูหลายคันที่เรียงรายอยู่ในโรงรถขนาดใหญ่ รถแต่ละคันเป็นเหมือนงานศิลปะที่สะท้อนถึงรสนิยมและความหลงใหลของบิดาของเขาตั้งแต่เฟอร์รารีสีแดงสด แลมโบร์กินีสุดโฉบเฉี่ยว ไปจนถึงโรลส์-รอยซ์ที่ดูสง่างามพีท ยืนมองรถเหล่านั้นอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถอนหายใจเบาๆเขาไม่เคยสนใจความหรูหราเหล่านี้มากนัก แม้มันจะอยู่รายล้อมชีว
เช้าวันต่อมา…ณ คฤหาสน์หลังงามแสงแดดอ่อนๆ ลอดผ่านม่านโปร่งแสงสีครีม ส่องสะท้อนบนพื้นหินอ่อนขัดเงากลิ่นหอมอ่อนๆ ของดอกลิลลี่ขาวจากแจกันกลางโถงใหญ่คลอเคลียอยู่ในอากาศเสียงนกร้องเจื้อยแจ้วจากสวนกว้างด้านนอกผสานเข้ากับเสียงน้ำพุที่ไหลรินเป็นสาย ส่งให้บรรยากาศยามเช้าชวนให้รู้สึกถึงความสงบงดงามพ่อของพีท — คุณอรรถพลและคุณแม่ของพีท — คุณภัทรลดา ทั้ง 2 ต้องเดินทางไปต่างประเทศเนื่องจากมีงานด่วน ทำให้คฤหาสน์ หลังใหญ่ จึงเหลือเพียง ชายหนุ่ม กับ น้องสาว ของเขา รวมถึงเหล่าคนรับใช้ภายในคฤหาสน์หลังนี้ เสียงฝีเท้าของพีทดังขึ้นเป็นจังหวะสม่ำเสมอเมื่อเขาเดินขึ้นไปยังชั้นสองของคฤหาสน์ และห้องของ "มีน" หรือ พิมพ์มณี น้องสาวคนเดียวของเขา เธอกำลังเรียนอยู่ชั้นม. 4 เป็นสถานที่เดียวที่ทำให้เขารู้สึกสบายใจ เมื่อเปิดประตูเข้าไป ภาพแรกที่เห็นคือเด็กสาวตัวเล็กที่กำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะหนังสือ พร้อมกับกระดาษสีขาวหลายแผ่นและดินสอสีในมือ ผมสีดำขลับของเธอยาวสรวย ใบหน้าเนียนสวยได้รูป กำลังจดจ่อยู่กับการวาดภาพ ข้างกายของเธอมี ตุ๊กตาหมีตัวใหญ่ ที่เขาเป็นคนซื้อให้เมื่อป
ย้อนกลับไปเมื่อสามปีก่อน ก่อนที่ อันนา จะเข้ามาเรียนในมหาวิทยาลัยใน กรุงเทพ ฯกลางหมู่บ้านเล็ก ๆ เป็นหมู่บ้านชนบทที่ห่างไกลจากความหรูหราและแสงสีของเมืองใหญ่ มีร้านขายของชำเก่าแก่ตั้งอยู่ริมถนนสายหลักของหมู่บ้านร้านเล็ก ๆ ที่เต็มไปด้วยข้าวของเครื่องใช้จำเป็นสำหรับคนในละแวกนั้น แม้จะไม่ได้ใหญ่โตอะไร แต่ที่นี่คือศูนย์กลางของชุมชน และเป็นหัวใจของครอบครัว อันนาภายในร้านมีชั้นวางไม้ที่ถูกใช้งานมานานจนมีร่องรอยของกาลเวลา ขวดน้ำอัดลมเรียงตัวเป็นแถวอยู่ในตู้แช่เก่า ๆ ขนมหลากชนิดใส่ไว้ในขวดโหลแก้วใส ส่วนเคาน์เตอร์คิดเงินเป็นโต๊ะไม้ตัวเดิมที่อยู่คู่กับร้านมาหลายสิบปีหลังเคาน์เตอร์ มีหญิงวัยกลางคนสวมผ้ากันเปื้อนสีซีดกำลังจัดเรียงสินค้าบนชั้นเธอคือ "ป้าสมพร" แม่ของอันนา ผู้เป็นเจ้าของร้านขายของชำแห่งนี้ส่วนพ่อของเธอ "ลุงมนัส" กำลังนั่งนับเงินทอนอยู่ที่โต๊ะข้าง ๆ ทั้งสองทำงานหนักทุกวันตั้งแต่เช้ายันค่ำ เพราะรายได้จากร้านเล็ก ๆ แห่งนี้คือสิ่งที่หล่อเลี้ยงครอบครัวของพวกเขาและที่มุมหนึ่งของร้านอันนา — หญิงสาวที่ดูขี้บ่นและจริงจังกับชีวิต กำลังช่วยน้องชายตัวแสบของเธอทำการบ้าน"อาร์ต" เด็กชายวัย
อาทิตย์ถัดมา……ภายในห้องเรียนของคณะ อันนา กำลังตั้งใจฟังอาจารย์อธิบายเนื้อหาเกี่ยวกับรายวิชาที่เธอเรียนเธอจดบันทึกลงสมุดอย่างขยันขันแข็ง จนกระทั่งอาจารย์สอนเสร็จและหมดคาบเรียนตอนเย็นพอดีเสียงพูดคุยของนักศึกษาดังขึ้นเมื่อหมดเวลาเรียนอันนา เก็บอุปกรณ์การเรียนลงกระเป๋าอย่างเรียบร้อยทว่าเสียงทุ้มของชายหนุ่มคนหนึ่งดังขึ้นใกล้ๆ ทำให้เธอเงยหน้าขึ้นมอง”อันนา พรุ่งนี้ไปกินชาบูกันนะ พรุ่งนี้วันเกิดของเราเอง เดี๋ยวเราเลี้ยง”เสียงของ ”โชติ” ดังก้องลอยมาชายหนุ่มหน้าตาหล่อตี๋ ผิวขาว ตัวสูง จัดว่าเป็นชายหนุ่มหน้าตาดีเลยทีเดียว ส่งยิ้มอบอุ่นมาให้เธอโชติ เป็นเพื่อนที่คอยดูแลอันนาเสมอ และครั้งนี้เขาก็หวังว่าเธอจะตอบตกลงไปฉลองวันเกิดของเขาด้วยกันอันนา ชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะยิ้มบาง ๆ และกำลังจะตอบกลับไปแต่แล้ว เสียงฮือฮาของสาว ๆ รอบตัวก็ดังขึ้นมาอย่างกะทันหัน ดึงดูดความสนใจของทุกคนในห้องอันนา เหลือบมองไปทางประตูห้องเรียน และหัวใจเธอกระตุกวูบเมื่อเห็น พีท เดินเข้ามาอย่างสง่างาม ร่างสูงราวเทพบุตรของเขาเดินมาพร้อมรอยยิ้มขี้เล่นและดวงตาที่คมกริบของเขาทำให้สาว ๆ รอบข้างแทบละลายพีท เป็นชายหนุ่มที่มี
เนื่องจากร้านกาแฟ ปิดประมาณ 2 ทุ่ม อันนา เลยได้มีโอกาสทำงานพิเศษที่นี่ต่อหลังจากที่เธอเลิกเรียนเธอทำงานเป็นพนักงานพาร์ทไทม์อยู่ที่ร้านนี้แห่งนี้ ซึ่งร้านกาแฟร้านนี้อาจไม่ได้ใหญ่โตหรูหรา แต่เต็มไปด้วยบรรยากาศอบอุ่นและเสียงพูดคุยอย่างเป็นกันเองจากพนักงานและลูกค้าประจำเมื่อหญิงสาวมาถึงก็ยิ้มให้เจ้าของร้านและเพื่อนร่วมงาน ก่อนจะเริ่มงานของตัวเองเธอจะต้องทำงานพิเศษหลังเลิกเรียน เนื่องจากต้องการช่วยแบ่งเบาภาระของพ่อและแม่ แต่เธอก็ไม่เคยละเลยเรื่องการเรียนขณะที่เธอกำลังจัดเรียงขนมบนตู้กระจกอย่างตั้งใจ เสียงเครื่องยนต์มอเตอร์ไซค์ก็ดังขึ้นจากด้านนอก มันแทรกผ่านบรรยากาศอันเงียบสงบของร้าน ก่อนจะค่อย ๆ แผ่วลงราวกับกลืนหายไปกับสายลม และในที่สุด ทุกอย่างก็สงบนิ่งเมื่อเครื่องยนต์ดับลงเธอชะงักมือไปชั่วครู่ รู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนจาง ๆ ที่ยังค้างอยู่ในอากาศ และเพียงไม่นาน ร่างสูงโปร่งของชายหนุ่มที่คุ้นเคยก็ปรากฏขึ้นตรงหน้าประตูร้านอันนา เงยหน้ามอง และต้องตกใจเมื่อเห็นพีท เดินเข้ามา“นี่นายมาทำอะไรที่นี่? ฉันคิดว่าฉันหนีพ้นนายแล้วนะ นายยังจะตามฉันมาอีกหรอเนี่ย เราไม่ได้อยู่ในเวลาทำโครงการวิจัยกัน
อันนา ก้าวออกจากร้านกาแฟเพื่อขึ้นซ้อนท้ายรถมอเตอร์ไซค์คันใหญ่ของ พีทพีท ยื่นหมวกกันน็อกมาตรงหน้าเธอโดยไม่พูดอะไร หญิงสาวก้มมองมัน ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตากับเขาเล็กน้อยอย่างลังเลหมวกกันน็อกสีดำด้านมีรอยขีดข่วนเล็กน้อยตามการใช้งาน แต่มันดูสะอาดและถูกดูแลอย่างดี กลิ่นจาง ๆ ของน้ำหอมผู้ชายยังติดอยู่ที่ด้านในของมันเธอจ้องมันอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะค่อย ๆ ยกขึ้นครอบศีรษะขอบหมวกแตะกับหน้าผากของเธอเบา ๆ ก่อนที่เธอจะค่อย ๆ ดึงมันลงจนพอดีกับศีรษะเธอเอื้อมมือไปจับสายรัดคาง พยายามเกี่ยวมันเข้ากับตัวล็อก แต่นิ้วมือดันสั่นเล็กน้อย ไม่รู้ว่าเพราะความตื่นเต้นหรือเพราะสายรัดมันแน่นเกินไปกันแน่"อยู่เฉย ๆ เดี๋ยวฉันช่วย"เสียงของ พีท ดังขึ้นใกล้ ๆ ก่อนที่มืออุ่นของเขาจะเอื้อมเข้ามาจัดการล็อกสายรัดให้แทน ปลายนิ้วของเขาแตะแผ่วเบาที่ใต้คางของเธอ ทำให้ อันนา สะดุ้งเล็กน้อย ดวงตาเบิกกว้างขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้อันนา เผลอกลั้นหายใจเมื่อเขาขยับเข้ามาใกล้กว่าที่เธอคาดไว้ ใกล้เสียจนเธอสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่น ๆ ที่รินรดอยู่แถวแก้ม และกลิ่นกายของเขาที่เจือไปด้วยความสดชื่นแบบผู้ชายเธอ พยายามทำตัวให้เป็นปกติ แต่หัวใจ
ค่ำคืนเดียวกันนี้….เสียงเครื่องยนต์ของมอเตอร์ไซค์ดังก้องไปตามเส้นทางที่มืดสลัว ลมกลางคืนพัดปะทะใบหน้า อันนา แต่กลับไม่ได้ช่วยให้เธอใจเย็นลงเลยสักนิด และเธอไม่รู้ตัวเลยว่าน้ำส้มที่เธอรับมาดื่มจากกวิน นั้นแฝงไว้ด้วยอันตรายบางอย่างความคิดของเธอยังคงวนเวียนอยู่กับเหตุการณ์ก่อนหน้า กับคำพูดและการกระทำของกวิน... และที่สำคัญ—สัมผัสของพีทอันนา กระชับอ้อมแขนรอบเอวของ พีท โดยไม่รู้ตัว ไออุ่นจากแผ่นหลังของเขาทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยอย่างประหลาด ทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ เธอไม่เคยไว้ใจเขาเลยพีท เองก็รู้สึกได้ถึงสัมผัสของความวางใจที่เธอเริ่มมีให้เขามากขึ้น"ใกล้ถึงหอเธอแล้วนะ" พีท เอ่ยขึ้นลอยๆ น้ำเสียงราบเรียบ แต่ก็ยังมีความอบอุ่นบางอย่างที่ทำให้เธอรู้สึกมั่นใจอันนา ไม่ตอบ แต่เธอรู้ว่าใจของตัวเองกำลังสั่นไหว ภาพของ กวิน ในค่ำคืนนี้ยังตามหลอกหลอนเธอ ทว่า อ้อมกอดที่เธอพึ่งพิงอยู่ตอนนี้กลับมั่นคงจนเธอไม่อยากปล่อย เวลาผ่านไปสักพัก…. อันนา เริ่มรู้สึกว่าร่างกายร้อนวูบวาบขึ้นทุกขณะ ราวกับมีเปลวไฟลุกไหม้อยู่ภายในเธอรู้สึกเหมือนโดนบางอย่างควบคุม ความต้องการบางอย่างที่ไม่อาจอธิบายได้พลุ่งพล่านอยู่
"ขึ้นไปกันเถอะ" เขาเอ่ยเสียงแหบต่ำ ก่อนจะเปิดประตูลงจากรถยี่หวา ก้าวลงมาเช่นกัน ส้นสูงของเธอกระทบพื้นเป็นจังหวะ เธอเดินไปข้างกวินอย่างมั่นใจ ก่อนจะคว้าแขนเขาและพาเข้าไปด้านในล็อบบี้ของโรงแรมเงียบสงบในยามดึก พนักงานต้อนรับทำหน้าที่รับข้อมูลจากแขกผู้มาเยือ ก่อนจะส่งกุญแจห้องให้ตามที่ ยี่หวา ต้องการเธอรับมันมา ก่อนจะจับมือ กวิน แล้วเดินตรงไปยังลิฟต์เมื่อประตูลิฟต์ปิดลง บรรยากาศก็เริ่มเปลี่ยนไปกวิน ใช้สายตาจับจ้องเธอเหมือนจะกลืนกิน ปลายนิ้วเรียวยาวของเขาแตะที่ข้อมือของเธอเบาๆ ก่อนจะไล้ขึ้นมาจนถึงต้นแขนยี่หวา หันมามองเขา ดวงตาของเธอเป็นประกายเจ้าเล่ห์ "มองยี่หวาแบบนี้ทำไม?"กวิน โน้มตัวลงมากระซิบข้างหูเธอ "เพราะเธอร้อนแรงเกินกว่าจะละสายตานะสิ"เธอหัวเราะเบาๆ ก่อนจะยื่นหน้าเข้าไปใกล้เขามากขึ้น ปลายนิ้วแตะลงบนอกของกวิน ไล้ไปตามสาบเสื้อของเขาเบาๆ"แล้วกวินแน่ใจเหรอ ว่ารับมือยี่หวาไหว?"ติ๊ง!เสียงลิฟต์ดังขึ้น ประตูเปิดออกสู่ชั้นบนสุดของโรงแรมยี่หวา ดึงมือ เขาให้ก้าวออกไป ก่อนจะใช้คีย์การ์ดแตะประตูห้อง แล้วเปิดออกพร้อมกับผลักเขาเข้าไปเบาๆภายในห้องกว้างขวาง มีแสงไฟสลัวจากโคมไฟหัวเตียง ห
กวินและกลุ่มเพื่อนมาถึงผับแล้ว ค่ำคืนย่างกรายเข้ามาอย่างสมบูรณ์ แสงไฟนีออนกระพริบระยิบระยับจากผับชื่อดังกลางเมือง เสียงเพลงจังหวะหนักดังกระหึ่มตั้งแต่หน้าประตู กลิ่นเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ปะปนกับน้ำหอมราคาแพงลอยคลุ้งไปทั่วบริเวณที่นี่เป็นจุดนัดหมายของพวกเขาในคืนนี้ พวกเขามีแผนจะมาสนุก ดื่ม และแน่นอน—ใช้เวลากับสาวๆเมื่อ กวิน ก้าวเท้าเข้าไปในโซนวีไอพี ดวงตาของเขากวาดมองไปรอบๆ ก่อนจะหยุดลงที่กลุ่มสาวๆ โต๊ะประจำของพวกเขาและคนที่เขาต้องเจอคือ ยี่หวาเธอสวมเดรสสีแดงรัดรูปที่เปิดไหล่ข้างหนึ่ง เผยผิวเนียนละเอียดจนเป็นประกายภายใต้แสงไฟ กระโปรงของเธอสั้นจนแทบปิดต้นขาไม่มิด พร้อมกับส้นสูงคู่สวยที่ช่วยเสริมให้ขาเรียวยาวของเธอดูโดดเด่นขึ้นเธอนั่งไขว่ห้างบนโซฟา ท่าทางเป็นธรรมชาติ แต่แฝงไปด้วยเสน่ห์เย้ายวนข้างๆ เธอมีแก้วเครื่องดื่มอยู่ในมือ นิ้วเรียวยาวจับมันไว้เบาๆ ราวกับกำลังเล่นสนุกกับมันมากกว่าจะแค่ถือไว้เฉยๆเมื่อเธอเห็นกวินเดินเข้ามา รอยยิ้มที่แฝงไปด้วยความท้าทายก็ปรากฏขึ้นที่มุมปาก"มาแล้วเหรอคะกวิน?" เสียงของเธอดังขึ้นท่ามกลางเสียงเพลงที่ดังระรัวยี่หวา คบกับ กวิน ส่วนหนึ่งมันคือความสะดวกส
ใกล้สามทุ่ม…..อันนามองนาฬิกาข้อมือก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ "คงต้องกลับหอพักแล้ว..." เธอพึมพำเบา ๆ ก่อนจะหันไปมองโชติและพี่หมอธีร์ด้วยสายตาคาดหวัง "พี่หมอกับโชติ ไปส่งอันนาหน่อยได้ไหม?"โชติ ยิ้มแหย ๆ ก่อนจะส่ายหน้า "เสียดายจังอันนา วันนี้เรากับพี่หมอมีนัดแล้วด้วยสิ"พี่หมอธีร์ เสริมขึ้นพร้อมรอยยิ้มบาง ๆ"ใช่ พี่จองโต๊ะที่คาเฟ่อีกแห่งไว้แล้ว กะว่าจะไปฉลองวันเกิดกันสองคนต่อนะ วันนี้ให้หนุ่มหล่อ คุณพีท ไปส่งนะ พี่ว่าเขาไม่น่าจะติดอะไรนะ" หมอธีร์พูดให้เธอรู้สึกคลายกังวลอันนา ชะงักเล็กน้อย หัวใจหล่นวูบอย่างช่วยไม่ได้ นั่นหมายความว่าเธอไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากต้องให้ พีท ไปส่งอีกแล้วงั้นเหรอ?เธอหันไปมอง พีท ที่นั่งติดกันเขาได้ยินที่ทุกคนพูด รอยยิ้มมุมปากของเขาทำให้เธอรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมาอีกครั้ง"ยินดีครับ" พีท เอ่ยรับคำของพี่หมอธีร์อย่างสั้นๆ เขาทำหน้าอมยิ้ม ใบหน้าอันหล่อเหลามีความเจ้าเล่ห์บางอย่างความทรงจำครั้งก่อนยังคงติดอยู่ในหัว...การสัมผัสที่ร้อนระอุจนผิวเนื้อเธอขนลุกชูชัน ความใกล้ชิดที่ทำให้เธอรู้สึกหวั่นไหวยังไม่จางหายไปเธอกำมือแน่น พยายามกลั้นความรู้สึกกลัวที่ก่อตัวขึ้นมาในใจ"
เมื่อทั้งสองมาถึงร้านชาบูหน้ามหาวิทยาลัย สถานที่นัดหมายกับ โชติพีท ก้าวเข้ามาในร้านชาบูพร้อมด้วยร่างบางของอันนาท่วงท่าอันสง่างาม และร่างสูงโปร่งของเขา ดึงดูดทุกสายตาราวกับมีแรงดึงดูดบางอย่างที่ไม่อาจต้านทานได้ใบหน้าคมคายรับกับหน้าคมเข้มสมส่วน ดวงตาคมลึกเปล่งประกายความมั่นใจ เพียงแค่เขาก้าวเท้าเข้ามา บรรยากาศในร้านก็ดูจะเปลี่ยนไปเล็กน้อย เสียงพูดคุยที่เคยจอแจพลันแผ่วลงแทบจะพร้อมกันอย่างน่าประหลาดสาว ๆ หลายคนเหลือบมองเขาด้วยแววตาตื่นเต้น บางคนกระซิบกระซาบกับเพื่อนราวกับไม่อยากเชื่อว่าได้เจอเดือนมหาวิทยาลัยคนหล่อ ในสถานที่แห่งนี้จริง ๆ พนักงานต้อนรับถึงกับชะงักไปชั่วขณะ ก่อนจะรีบส่งยิ้มต้อนรับพร้อมนำทางไปยังโต๊ะชายหนุ่มไม่ได้สนใจสายตาที่จับจ้องมาที่ตน เขาเดินไปอย่างมั่นคง ทุกจังหวะก้าวเต็มไปด้วยความมั่นใจ ราวกับไม่เคยหวั่นไหวต่อสิ่งรอบข้าง ถ้าใครเห็นคงต้องบอกว่า นายคนนี้….ขี้เก๊กเป็นที่สุดเขารู้สึกถึงบรรยากาศที่แตกต่างออกไปจากสิ่งที่เขาคุ้นเคยโดยสิ้นเชิง กลิ่นน้ำซุปร้อน ๆ ลอยคลุ้ง เสียงพูดคุยจอแจของกลุ่มนักศึกษาดังปะปนกับเสียงน้ำเดือดปุด ๆ และเสียงตะเกียบกระทบหม้อ ทุกอย่างดูเป็นกันเ
ริมฝีปากได้รูปของเขากดจูบลงมาที่ริมฝีปากบางของเธออย่างแนบแน่น ความรู้สึกที่อัดอั้นมานานพรั่งพรูออกมาในสัมผัสที่อ่อนโยนแต่เต็มไปด้วยแรงปรารถนาอันนา ตัวแข็งทื่อ สมองว่างเปล่าไปชั่วขณะ เธอรู้ดีว่าเธอควรผลักเขาออกไป ควรบอกให้เขาหยุด แต่ร่างกายกลับไม่เชื่อฟังอีกแล้วหัวใจเต้นแรงเสียจนเธอมั่นใจว่าพีทต้องได้ยิน มือเย็นเฉียบของเธอกำเข้าหากันแน่น รู้สึกถึงเหงื่อที่เริ่มซึมออกมาตามฝ่ามือเขารังแกเธออีกครั้งแล้วหรือนี่? ทำไมเขาถึงชอบทำแบบนี้กับเธอ? หรือว่าเธอเป็นเพียงของเล่นสำหรับเขา... คำถามนั้นติดค้างอยู่ในใจแต่ริมฝีปากกลับหนักอึ้งเกินกว่าจะเปล่งเสียงออกมา และมันถูกปิดอยู่ด้วยปากของชายหนุ่มลมหายใจอุ่น ๆ ของเขาปะทะกับริมฝีปากของเธอ ลิ้นที่อุ่นๆ ของเขาไต่ไล่หาลิ้นนุ่มของหญิงสาว ดูดดื่มริมฝีปากบางอิ่มเหมือนกลัวว่ามันจะหลุดลอยไปจูบที่แสนเสียวซ่านนี้ทำให้ อันนา ลืมตัวไปชั่วขณะ เธอเริ่มตอบสนองการจูบของเขา เริ่มเรียนรู้การตอบสนองต่อการรุกราน จากการบังคับของเขาที่ค่อยๆ สอดใส่ปลายลิ้นเข้ามาภายในเพื่อความหาลิ้นอันอ่อนนุ่มของเธอและดูดดื่มมันให้เนิ่นนานที่สุดเท่าที่อารมณ์ของเขาจะพอใจเธอเกลียดตัวเองที
พีท ยืดแขนเพื่อบิดความเมื่อยล้า สายตาคมเข้มมองมาพร้อมกับยิ้มเจ้าเล่ห์ “สรุปว่าเย็นนี้ไปกินชาบูที่ไหนกันแน่นะ?”อันนา ที่กำลังเก็บของชะงักไปนิดหน่อยก่อนตอบ “โชติบอกว่าร้านชาบู หน้ามอ ร้านเดิมที่เคยไปกินประจำ”พีท เงยหน้ามองหญิงสาวอย่างช้า ๆ ก่อนลากเสียงถาม“ที่เคยไปกินประจำ….ไปกินด้วยกันบ่อยรึไง?” เสียงเขาดูไม่สบอารมณ์มากนักเมื่อได้ยินคำตอบอันนา เงยหน้าขึ้นมองพีทที่จู่ ๆ ก็เปลี่ยนท่าที สีหน้าเขาดูนิ่งขึ้น แต่แววตากลับมีอะไรบางอย่างแฝงอยู่“ก็… เคยไปกินด้วยกันบ้างเป็นครั้งคราว” เธอขมวดคิ้ว “ทำไมหรอ?”พีท เท้าแขนลงกับโต๊ะ จ้องเธอนิ่ง “ไปกันบ่อยแค่ไหน?”หญิงสาว เริ่มรู้สึกแปลก ๆ กับน้ำเสียงและท่าทางของเขา “ก็… หลายครั้งอยู่ ทำไม นายมีปัญหาหรือไง?”พีท พ่นลมหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนยืดตัวขึ้นเต็มความสูง “เปล๊า~ แค่สงสัยว่าไปกันแค่สองคน หรือไปกันหลายคน”อันนา เลิกคิ้ว “บางทีก็หลายคน บางทีก็แค่ฉันกับโชติ”คำตอบนั้นทำให้ พีท ชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนที่เขาจะหรี่ตาลงเล็กน้อย “แค่เธอกับโชติ?”อันนา เริ่มจับสังเกตได้ว่าเขาดูไม่พอใจ“อืม บางครั้งก็แค่ฉันกับโชติสองคน ทำไมหรอ?”พีท จ้องเธออยู่ครู่หนึ่งก่อนจ
ตอนบ่ายถึงเวลานัดหมายทำโครงการวิจัยร่วมกันของ ทั้ง 2 คนอันนาเดินเข้ามาในห้องทดลองพร้อมแฟ้มเอกสารแนบอก พยายามรักษาท่าทีให้เป็นปกติที่สุด แม้หัวใจจะเต้นแรงจนแทบหลุดออกมาจากอก เธอก้าวเท้าอย่างระมัดระวัง ขยับแว่นตาเล็กน้อยเพื่อปรับโฟกัส ดวงตากลมโตสอดส่ายไปทั่วห้อง แต่เธอยังไม่พบกับใครบางคนที่เธอพยายามหลบหน้าและหัวใจของเธอตอนนี้ก็เต้นโครมคราม จนแทบจะระเบิดออกมาข้างนอก เพราะรู้อยู่เต็มอกว่าในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้า… เธอจะต้องเผชิญหน้ากับพีท—เจ้าของรอยจูบและสัมผัสที่ยังทำให้หัวใจเธอสั่นไหวไม่เสื่อมคลายเธอสูดหายใจเข้าลึก ๆ พยายามสะกดอารมณ์ แล้วเดินไปนั่งลงที่โต๊ะ ก่อนจะเปิดเอกสารเพื่อเตรียมเริ่มงานแต่ทันทีที่เธอเงยหน้าขึ้น ก็เห็นร่างกำยำของชายหนุ่ม ยืนพิงกรอบประตู เขายกยิ้มมุมปากพลางกอดอก สายตาคมมองเธอราวกับอ่านใจออก“ไง…” พีท ทักและลากเสียงเนิบนาบที่ฟังดูสบายๆ ก่อนจะเดินเข้ามาแล้วทรุดตัวลงนั่งตรงข้ามเธออย่างไม่รีบร้อน ท่าทีของเขาดูผ่อนคลาย ราวกับว่าการพบกันครั้งนี้เป็นเพียงเหตุการณ์ธรรมดา“ทำไมทำหน้าเครียดขนาดนั้นล่ะ? หรือว่า… คิดถึงเรื่องเมื่อคืนอยู่?”อันนาสะดุ้ง รีบหลบตาพีททันที หน้า
แสงแดดอ่อน ๆ ในตอนสายส่องลอดผ่านผ้าม่านเข้ามาในห้อง อันนา พลิกตัวช้า ๆ ก่อนจะค่อย ๆ ลืมตาขึ้น เธอกระพริบตาถี่ ๆ ไล่ความง่วงออกไป ก่อนจะขยับตัวลุกขึ้นนั่งบนเตียงดวงตาคู่งามกวาดมองไปทั่วห้อง และแล้วเธอก็พบว่า…พีท…ไม่อยู่แล้วอันนา ชะงัก หัวใจเต้นแผ่วเบาเมื่อพบว่า ไม่มีร่างของชายหนุ่มที่เธอจำได้ดีว่าเขาอยู่ที่นี่เมื่อคืนเธอขยับนิ้วแตะริมฝีปากตัวเองแผ่วเบา ภาพความทรงจำจากเมื่อคืนไหลย้อนกลับมาสัมผัสร้อนแรง... ลมหายใจของเขาที่ใกล้จนได้ยินชัด... ริมฝีปากของเขาที่แนบลงมาหาเธอช้า ๆ แล้วจูบอย่างอ่อนโยนแต่แฝงไปด้วยความเร่าร้อนสัมผัสของมือหนาที่กอบกุมเต้าอกอวบอิ่มพร้อมทั้งแรงเคล้าคลึงด้วยความเบามือแต่แฝงด้วความผ่าวร้อนได้แผ่ซ่านผ่านชุดนอนบางจิ๋วเข้าไปยังเนินเนื้อยังคงติด ผิวกายของหญิงสาวสั่นสะท้านด้วยแรงปรารถนาที่ไม่เคยได้สัมผัสจากชายคนไหนมาก่อนอันนา ใบหน้าร้อนผ่าวโดยไม่รู้ตัว เธอหลุบตามองต่ำ ใช้ปลายนิ้วแตะริมฝีปากตัวเองอีกครั้งราวกับต้องการยืนยันว่าค่ำคืนที่ผ่านมามันไม่ใช่แค่ความฝันพีท... ทำให้หัวใจของเธอสั่นไหวและสัมผัสของเขาเธอเองก็ไม่เคยได้เจอะเจอมาก่อนเลย มันทำให้เธอวาบหวามและอบอุ่นไปใ