ติ๊ด ติ๊ด
ติ๊ด ติ๊ด
ติ๊ดดดดดด
ชีพจรที่เคยดังเป็นจังหวะ ส่งสัญญาณยาวพรืดบ่งบอกชัดเจนว่าการเต้นของหัวใจของคนที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้นั้นได้หยุดลงอย่างกะทันหัน พยาบาลและหมอเถื่อนที่สัมผัสได้ว่าหายนะกำลังจะมาถึง เมื่อหนึ่งในคนไข้ที่มาผ่าตัดศัลยกรรมหน้าอกกับหมอกระเป๋าโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ บัดนี้การผ่าตัดผิดพลาดจนเสียเลือดมากเกินไป
ร่างเล็กของ ‘นางสาวบี’ กระตุกช็อกจากอาการเสียเลือดขั้นรุนแรงและเข้าสู่อาการโคม่าในสภาพกึ่งเปลือยคาห้องผ่าตัด เปิดเปลือยอกไข่ดาวสู่สาธารณะชน ซิลิโคนปลอมในมือหมอยังชุ่มเลือด ทั้งพยาบาลและหมอเถื่อนต่างรีบหาทางหนีทีไล่เมื่อเผลอทำให้คนไข้ที่มาศัลยกรรมด้วยเจอพิษมีดหมอกระเป๋าดับอนาถสิ้นใจคาห้องผ่าตัดเล็กๆ แห่งนี้ ด้วยศพนี้อาจจะทำให้ตำรวจรวบตัวเองและจบสิ้นอนาคตหมอศัลยกรรมหน้าใหม่ผู้ร่ำรวย
‘ว่าแล้วไง! อีนังผึ้งนี่มันต้องเป็นหมอเถื่อนชัวร์ป้าบ’ กว่าจะรู้สึกตัวว่าวิญญาณหลุดออกจากร่างไปแล้ว นางสาวบีที่นั่งขัดสมาธิล่องลอยอยู่เหนือร่างกายอเนจอนาถที่นอนไร้ลมหายใจอยู่เบื้องล่างตบเข่าฉาด ‘ต้องไปเข้าฝันบอกแม่ไหมเนี่ย แต่ก่อนอื่นต้องไปตามหลอกหลอนอีหมอผึ้งนี่ก่อนเลย’
เป็นวิญญาณอาฆาตตั้งแต่วินาทีแรกที่ดวงจิตหลุดออกจากร่างอย่างไม่ต้องสงสัย
แต่ที่ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่ตกใจกับเหตุการณ์ถึงฆาตที่เกิดขึ้น
ก็เพราะว่าเตรียมใจมาดีพอแล้วน่ะสิ
ด้วยความที่ต้นตระกูลของนางสาวบีทำอาชีพเป็นหมอผีมารุ่นสู่รุ่น ครอบครัวของเธอมากกว่า 80% ไม่ว่าจะทวด ปู่ ย่า ตา ยาย ล้วนดำรงอาชีพนี้ในการจุนเจือครอบครัว และแน่นอนว่าทุกคนเป็นหมอผีของจริงที่สืบทอดสัมผัสที่หก สามารถสื่อสารกับวิญญาณได้มาตั้งแต่ที่ลืมตาดูโลก
น้าเธอเองก็เป็นหมอดูดวงชะตาในอนาคตที่โคตรแม่นยำ น้าบิวเคยบอกว่าบีในอายุ 25 เป็นวัยเบญจเพศที่ต้องเสี่ยงชีวิตด้วยเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่เอาปัญหามาด้วยตัวเองเพื่อชดใช้กรรมและไปเวียนว่ายตายเกิดที่วัฏจักรสงสารต่อไป
นับว่าที่น้าบิวทำนายนั้นแม่นทีเดียว ตั้งแต่ที่เธอรู้จักกับอีหมอผึ้งมิจฉาชีพลวงโลกที่เข้าหาทางพ่อ เพราะเป็นเพื่อนสนิทพ่อก็เลยไว้ใจคิดว่าเป็นคลีนิคศัลยกรรมครบวงจร แถมอีกฝ่ายยังหัวหมอเข้าหาด้วยการเจาะจุดอ่อนอย่างหน้าอกไข่ดาวตั้งแต่กำเนิดที่เป็นปมด้อยมาตลอดชีวิตจนเธอเผลอหลงเชื่อ หารู้ไม่ว่าอีนี่น่ะมันหมอเถื่อน มันฉีดยาสลบ ผ่าตัดเธอแบบผิดๆ จนเสียเลือดตาย!
แต่ไม่ตกใจเท่าไหร่ อาจเพราะเห็นผีมาทั้งชีวิต ก็เลยไม่ค่อยหวาดหวั่นกับความตาย
ความตายคืออนิจจัง แม่สอนคำนี้ฝังใส่หัวมาทั้งชีวิตแล้ว คนที่ทำงานเป็นหมอผีก็เสี่ยงเหมือนกันหมด รุ่นก่อนๆ ที่ตายไปเพราะโดนทำของใส่มั่ง โดนผีตามอาฆาตจนตายโหงบ้างก็มี
เป็นวิญญาณก็ดีเหมือนกัน ไม่ต้องทำงานหาเงินมาจ่ายภาษีที่แพงแสนแพง ค่าครองชีพที่แทบกระอักเลือดจ่ายแทนเงิน ทนทำงานตัวเป็นเกรียวทั้งที่เลือกได้ก็ไม่อยากทำอาชีพหมอผี แต่อยากไปเป็นนักร้องมากกว่า แถมยังไม่ต้องผจญภัยกับการจราจรอันแออัด สังคมที่นับวันยิ่งเลวร้ายขึ้นเรื่อยๆ ทั้งคดีฆ่าข่มขืน ตบตีชิงทรัพย์ ตำรวจที่นับวันยิ่งไม่ต่างจากโจร คดีล่วงละเมิดทางเพศต่างๆ นานา เรื่องการเมืองที่แสนน่าเบื่อ ประเทศที่เหมือนนรกเข้าไปทุกที
ถึงสาเหตุการตายจะอนาถไปหน่อยก็ตาม
คิดแล้ววิญญาณนางสาวบีก็ฉีกยิ้มกว้าง แต่ก่อนอื่นต้องไปเข้าฝันแม่ก่อนว่าขิตที่นี่นะ มารับศพไปทำพิธีด้วย
อย่างน้อยก็ยังได้ตายแบบไม่เจ็บไม่ปวดอะไรล่ะวะ
แต่ก็แค้นเหลือเกิน
ค่อยไปตามหลอกหลอนอีหมอผึ้งจากหนังผีที่เคยดูมาดีกว่า เธอจะเริ่มจากโผล่แค่หัวเละๆ ออกมานอกหน้าต่างก่อนให้มันตกใจเล่น ก่อนที่ต่อมาจะฮือออกมาจากโทรทัศน์ระหว่างที่มันเปิดรายการวาไรตี้โชว์ดูเหมือนในเรื่องซาดาโกะ อย่างน้อยๆ เป็นวิญญาณแบบนี้ก็ต้องแสดงอภินิหารได้บ้างล่ะ
ตกลงกับตัวเองได้จึงทำท่าจะเริ่มภารกิจผีสาวตามเก็บเวล เพ่งดวงจิตนึกถึงหน้าบุพการีบังเกิดเกล้า
แต่ทว่า
หมับ!
‘อึก...!!’
ฝ่ามือหนาหยาบใหญ่ของผู้มาเยือนกลับคว้าเข้าที่คอของเด็กสาวแล้วยกจนตัวลอย นางสาวบีดิ้นทุรนทุรายไปมา แต่ลืมไปว่าวิญญาณนั้นไร้ความเจ็บปวด
“มึงจักไปไหน” ภาพตรงหน้าคือภาพที่นางสาวบีไม่เคยได้พบเจอและไม่มีวันจะได้เห็นจนกว่าเธอจะตายจริงๆ นั่นก็คือบุรุษในชุดโจงกระเบนสีแดงกล่ำกับสังวาลย์ทองทับทรวงแบบโบร่ำโบราณ ผิวดำคล้ำมีร่องรอยแผลเป็น ทรงผมชายบางระจัน ดวงตาสีแดงชาดเรืองรองทำให้เด็กสาวรู้สึกหวาดกลัว
“ใครอ่ะ ปล่อยนะ!” ไม่ว่าจะพยายามดิ้นรน จิกเล็บ กัด หรือข่วนอย่างไร ร่างสูงใหญ่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะไหวติง
“มึงมิมีกระไรติดค้างบนนี้ ไปกับกูเสีย” เสียงทุ้มต่ำลั่นประกาศิตทำเอาวิญญาณนางสาวบีชะงัก ลักษณะเหมือนที่แม่เคยบอก หรือว่าคนตรงหน้าคือยมทูตใช่ไหม พอเห็นเธอตุยก็มาเอาวิญญาณเลยเหรอ เร็วไปไหนก่อน สรุปคือนรกทำงานกันแบบดิจิตอลใช่ไหม
“จะไม่มีได้ไงพี่ หนูยังติดค้างอยู่ หนูมันวิญญาณอาฆาตนะ หนูยังไม่ได้ไปเข้าฝันบอกแม่เลยว่าหนูตายแล้ว แถมยังไม่ได้ล้างแค้นอีหมอเถื่อนนั่นเลยด้วย!!”
“เวรกรรมจะต้องตกต้องที่ตัวผู้ทำเอง มึงมีหน้าที่แค่ตามกูมา” ว่าพลางก็ร่ายเสกโซ่ตรวนพันธนาการเด็กสาวราวกับนักโทษเรือนจำ นางสาวบีเริ่มรู้สึกหวาดหวั่น เริ่มรู้สึกอยากพุ่งกลับเข้าร่าง คุณยมทำไมน่ากลัวแบบนี้
‘ไม่นะพี่ยม ขอทดลองใช้ชีวิตแบบวิญญาณร้ายก่อนสักสามวันได้ไหม... สองวัน วันเดียวก็ได้!!’
“ไม่ได้! ท่านผู้นั้นกำลังรอมึงลงไปชดใช้กรรมที่ติดค้างในชาติปางก่อนอยู่”
ท่านผู้นั้น? ใครวะ
ไม่ทันได้คิดอะไรให้จบดีก็เกิดหลุมดำขนาดใหญ่อยู่ใต้เท้า ชายกำยำตรงหน้าผลักหล่อนร่วงผล็อยลงไปในห้วงแห่งความมืดนั้นทันใด
กรี๊ดดดดดด
เสียงร้องโหยหวนของตัวเองนั้นเป็นเสียงสุดท้ายที่เธอได้ยิน ก่อนที่ทัศนียภาพรอบตัวจะดับวูบลงไป พร้อมกับวิญญาณเด็กสาวที่ถูกสูบลงในหลุมดำ
“บัวงาม! บัวงามลูกแม่! เอ็งฟื้นแล้วรึ”
“... อื๋อ?” เสียงกังวาลของหญิงวัยกลางคนในชุดไทยโบราณเป็นประโยคแรกที่รบกวนการหลับอันยาวนานจนเด็กสาวจนต้องตื่น ว่าแต่ไอ้ชื่อบัวงามนี่มันใครวะ ชื่อโบร่ำโบราณสิ้นดี
นางสาวบีค่อยๆ ปรือตาขึ้นมาท่ามกลางเสียงเซ็งแซ่ของหญิงชุดไทยที่มะรุมมะตุ้มเธออยู่ ที่นอนก็แข็งแสนแข็ง สงสัยจะนอนนานไปหน่อย ปวดหลังเคล็ดเอวไปหมด
พอลืมตาเต็มที่ ก็เห็นภาพตรงหน้าชัดขึ้น ใบหน้าของหญิงวัยกลางคนที่ถึงจะดูมีอายุแต่ก็ยังดูสวยปรากฎขึ้นพร้อมกับชุดสไบทรงเครื่องเหมือนหลุดมาจากในละครไทยจักรๆ วงศ์ๆ พร้อมกับสาวนุ่งผ้ารัดอกกับทรงผมสั้นกุดแบบที่เคยเห็นรูปในหนังสือเรียนประวัติศาสตร์สมัยมัธยมไม่มีผิด
“... ใครอ่ะ” คำแรกที่โพล่งออกมาคือคำถามราวกับคนความจำเสื่อม ‘คุณหญิงจันทร์งาม’ รู้สึกเหมือนลมจะจับ ซวนเซไปจนบ่าวรับใช้ต้องเข้ามาประคอง
“คุณหญิง! เป็นกระไรหรือไม่เจ้าคะ”
“มะ... มิเป็นไร ข้าพอเข้าใจหัวอกนาง ลูกสาวข้าคงสติแตกไปเสียแล้ว ตั้งแต่ที่ได้รู้ข่าวเรื่องพ่อแสนคำ”
นางสาวบีหยัดตัวลุกขึ้นมา อะไร? พูดจาซะโบราณเลย ที่นี่นรกหรือเปล่า จำได้ว่าเธอตายคาห้องผ่าตัดนี่
ว่าแต่ไอ้พี่ยมทูตนั่นไปไหน? เรื่องนี้ต้องมีเคลียร์ คนยังไม่ทันได้ไปตามอาฆาตเป็นผีเฝ้าไข้อีหมอเถื่อนนั่นเลย มาจับลงนรกสุ่มสี่สุ่มห้าได้ไง
ก็คงมีแต่ผู้หญิงคนนี้ล่ะมั้งที่ถามได้ เธอเลยตัดสินใจกระตุกชายผ้าสไบของผู้ใหญ่คนนั้นเบาๆ
“นี่ป้า เห็นผู้ชายตัวใหญ่ๆ แต่งตัวลิเกๆ ตาแดงๆ ตัวดำๆ อยู่แถวนี้ก่อนหนูตื่นบ้างปะ?”
“บัวงาม นี่เอ็งจำแม่มิได้รึ!”คุณหญิงจันทร์งามทำท่าลมจะจับอีกรอบเมื่อเห็นว่าหลังจากที่บุตรสาวนามว่า ‘บัวงาม’ ล้มป่วยหลังจากข่าวการตายของชายอันเป็นที่รัก นางก็นอนซมไม่ได้สติมาสามวัน จนวันนี้ที่ลูกฟื้นขึ้นมา ดันเกิดอาการความจำเลอะเลือน จนจำแม้กระทั่งมารดาที่เป็นคนเบ่งนางออกมามิได้“ใครคือบัวงามอ่ะป้า ฉันเหรอ?” ว่าพลางชี้ไปที่ตนเอง คุณหญิงจันทร์งามถึงกับรับไม่ได้เดินหนีไปทางอื่นจนเด็กสาวที่นั่งอยู่รั้งไว้ไม่ทัน นางสาวบีขมวดคิ้วยุ่ง ไม่เข้าใจคุณป้าการละคร แต่กลับสากคอ หิวน้ำเหลือเกิน “นี่ พวกพี่ๆ น่ะ มีน้ำไหม ถ้ามีเอามาให้ฉันที”“จะ... เจ้าค่ะคุณบัวงาม” ผู้หญิงผมสั้นนุ่งผ้ารัดอกเหล่านั้นมีท่าทางกล้าๆ กลัวๆ แต่ก็ยอมเอาน้ำใส่ขันมาให้หญิงสาวที่นั่งอยู่บนเตียงไม้สักแต่โดยดี แม้ว่านางสาวบีจะสงสัยในชื่อบัวงามที่หลุดออกมาจนนับคำได้ของทั้งสาวใช้และป้าคนเมื่อกี้ เลยได้แต่มองไปรอบๆ ห้องที่ตนอยู่ เครื่องตบแต่งดูไท๊ยไทย โบราณเสียจนต้องพลั้งปากถามออกไป“นี่ ฉันอยู่ที่ไหนเหรอ”“นะ... นี่คุณบัวงามจำกระไรมิได้จริงๆ หรือเจ้าคะ?” นั่นเป็นคำถามที่ดูจะตื่นตระหนกของพวกหล่อน แต่เธอก็พยักหน้ารับตามตรง“อื้ม จำอ
เมื่อหญิงสาวล้มลงอาเจียน ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าใหญ่ดังขึ้นอย่างหนักแน่น พร้อมกับเสียงเลือดที่หยดลงมาตามทางของร่างนั้นกำลังตรงมาทางหล่อนอย่างเชื่องช้าเป็นจังหวะขนหัวลุก เสียงเหยียบอวัยวะแหลกเหลวของพวกทหารดังจนนึกภาพตามได้เอาเข้าแล้วไง หรือเราไม่ควรเอาตัวเองไปท้าผีเฮี้ยนสมัยโบราณแบบนี้วะนางสาวบีคิดได้แบบนั้นก็สายไปแล้ว ข้อมือเล็กถูกกระชากขึ้นจนลอยเคว้งกลางอากาศแต่ไม่รู้สึกเจ็บ ภาพตรงหน้านั้นชวนให้ตกตะลึงชายตัวใหญ่สูงราวๆ 190 เซนติเมตร ตัวใหญ่กำยำมาก สวมใส่โจงกระเบนเปรอะเลือด ดวงตาสีดำทมิฬไม่มีนัยน์ตาขาวกำลังจ้องมองร่างของเธอที่ห้อยต่องแต่งกลางอากาศอย่างเคียดแค้น ตามร่างกายมีบาดแผลเหวอะหลายจุด รวมถึงดาบขนาดใหญ่ที่ปักคอเกือบขาดวิ่น‘หลับลงแล้วหรือ... อีหญิงชั่ว’ เสียงที่เปล่งออกมานั้นไม่ได้ลอดผ่านปาก แต่ลอดผ่านอวัยวะกล่องเสียงที่ลอดมาทางช่วงลำคอที่หวิดเกือบขาด เสียงนั้นอู้อี้ดูหลอนน่ากลัวมากๆ ‘มึงอย่าเผลอดวงตกเชียว... กูจักตามเอาชีวิตมึงกับเด็กในท้องมึงมาเป็นบริวารกู... อีแพศยา!!’อย่างหลอน นี่ต้องตายด้วยความแค้นขนาดไหน ถึงได้อยากเอาชีวิตทั้งเมียที่รักและลูกที่ไม่ใช่ลูกตัวเองไปอยู่ด้วยขนา
“ได้จ้ะ! จะให้ฉันทำอะไร ฉันยอมหมด” เพราะผีเฮี้ยนตรงหน้านั้นมีแรงอาฆาตสั่งสมมานาน ทำให้นางสาวบีรู้ตัวว่าตนเองไม่สามารถต่อกรกับมันได้แน่ๆ เครื่องมงเครื่องมือหมอผีแบบชาติก่อนก็ไม่มี ไม่รู้จะเอาอะไรไปสู้ เผลอๆ อาจจะเอาชนะมันไม่ได้ด้วย เลยยอมทำตามที่ผีขุนแสนคำว่ามาแทน เผื่อจะถูกมองว่ามีประโยชน์ และเขาคงจะปล่อยให้ตนเองเป็นอิสระแต่คำขอที่ร้ายกาจนั้นกลับถูกพ่นออกมาจากริมฝีปากหยักลึกที่แตกระแหงมีคราบเลือด ขุนแสนคำกระตุกยิ้มเหี้ยมยกศีรษะที่ห้อยต่องแต่งกลับมาประกอบดังเดิม‘กลับมาเป็นเมียผีเฮี้ยนอย่างกู ถวายตัวเป็นชู้กูเสียเป็นไง’นางสาวบีอ้าปากค้าง ไอ้ผีนี่มันบ้าไปแล้วแหงๆ สงสัยจะแค้นนางบัวงามมากจนสติสตังไปหมดแล้ว อะไรก็ได้ขอแค่ได้ลบกลิ่นไอชายชั่วออกจากตัวเมียเป็นพอถึงจะมีแรงอาฆาตแค้นเมียตัวเองอย่างแรงกล้า แต่ในขณะเดียวกันก็คลั่งรักไม่ต่าง มาคิดดูดีๆ ก็น่าสงสารนะ คงทำใจไม่ได้ที่เมียตัวเองมีชู้ เลยยอมได้แม้กระทั่งได้ครอบครองเพียงแค่กายหยาบก็ตามแต่... นางสาวบีไม่เคยมีผัว! จะยอมเสียเอกราชด่านแรกให้ผี ก็ออกจะน่าอนาถเกินไปหน่อย“ไม่ค่ะ หนูยังซิง อย่างน้อยถ้าจะเสียซิง ขอเลือกผู้ชายด้วยตัวเองจะดีกว่
“ฉันพร้อมแล้วจ้ะ เริ่มเลยไหม... อึก!” ผีขุนแสนคำไม่พูดพร่ำทำเพลงหรือรอพิธีรีตอง เขาโถมตัวเข้าใส่ร่างกายของนางบัวงามทันที ซุกไซร้อย่างรุนแรงตามซอกคอขาวจนหญิงสาวรู้สึกจั๊กจี้ปนเสียวซ่าน ก็เล่นทั้งกัดทั้งขบทั้งเคล้น ดุดันไม่เบามือกันเลยสักนิดผู้ชายสมัยก่อนมันป่าเถื่อนขนาดนี้เลยเหรอแต่ชอบนะ เอาอีก!“อื้อ! จะ... เจ็บนะ” เสียงหวานสั่นไหวเมื่อผีชายหนุ่มเริ่มฉีกทึ้งผ้ารัดอกออกอย่างเดือดดาลจนเศษผ้าบาดผิวขาวนวลจนเป็นจ้ำ หน้าอกอวบใหญ่สล้างออกมาสัมผัสอากาศภายนอก ปทุมถันสีชมพูอ่อนชูชันรับกับไรขนอ่อนที่ลุกชันเพราะความเหน็บหนาว ถึงมันจะวังเวงกลางป่าช้าแต่ก็แอบเร้าใจดี นางสาวบีรู้สึกเหมือนตัวเองได้พบประสบการณ์ใหม่ในการใช้ชีวิตแบบแอดเวนเจอร์หน่อยๆ เซอร์ไวเวิลนิดๆแต่จะเรียกว่าใช้ชีวิตก็ไม่ได้เพราะเธอขิตไปในโลกเก่าแล้ว ต้องเรียกว่า ประสบการณ์ใหม่ในการใช้ร่างที่มาสิง จะถูกกว่าเรียวปากหยักขบเม้มดูดดึงปลายถันอย่างดุเดือด หญิงสาวรู้สึกได้ถึงสัมผัสใหม่ที่แล่นแปลบมาถึงปลายสมองส่วนกลาง เธอรู้สึกจั๊กจี้ปนเสียววูบวาบ เหมือนอยากจะปัสสาวะออกมาจนน้ำปริ่มนิดๆ เกร็งเท้าไปหมดเพราะเขาเล่นหน้าอกของนางบัวงามที่เชื่อ
ภาพของหญิงสาวยามเมื่อปรนเปรอกายหนาในยามที่ยังรักใคร่กันดีผุดขึ้นมาในเศษเสี้ยวความทรงจำเสมือนก่อนโดนศัตรูเอามีดแทงทะลุคอจนถึงแก่ความตายขุนแสนคำผู้ไร้พ่าย รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง กลับโดนนายทหารกรุงหงสาวดีบั่นคอจนตายอย่างโหดเหี้ยม แค่เพียงดาบที่แทงทะลุอกยังไม่ทำให้ตายได้ในทันที เขายังคงฟาดฟันศัตรูอย่างบ้าคลั่งโดยไม่รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดกับบาดแผลที่อกข้างซ้ายที่ดาบพม่าแทงเฉียดเกือบตัดขั้วหัวใจ จนถูกนายทหารคนสำคัญจากฝ่ายอังวะ นามว่า ‘ตูระเซยะ’ ใช้ดาบปักเข้าที่คอเข้าจุดสำคัญเพื่อหยุดการเคลื่อนไหวของทหารนำทัพอีกฝ่ายเขาตายโดยที่ไม่ได้สั่งเสียอะไรกับเมียรัก แถมยังตายไปโดยไม่รู้ว่าลับหลังเมียได้นอกกายนอกใจไปไม่รู้กี่ครั้งกี่คราตลอดเวลาสองปีที่เคลื่อนทัพปะทะอาณาจักรอังวะ ตลกร้ายดีไม่หยอกที่เมื่อสิ้นชีพไปแล้วถึงได้รู้ความจริงที่เมียที่รักยิ่งกว่าชีวิตปกปิดมาตลอดหลายปีนางบัวงามนั้นวิญญาณหลุดออกจากร่างก่อนที่จะได้พูดคุยกันตามประสาผัวเมีย แน่นอนว่าวิญญาณของเธอคงหลงวนเวียนอยู่ในวัฏจักรสงสาร หรือที่ไหนสักแห่งที่ดวงจิตสุดท้ายก่อนตายนึกถึงดั่งเช่นเขา แน่นอนว่าในทีแรกขุนแสนคำคิดที่จะเจรจากับเมียก่อน
“ฮื้อออ อะ อ๊ะ พี่ผี บะ... เบากับฉันหน่อย อื้ออออ” เสียงหวานครางสูงในลำคอเมื่อความเสียวซ่านแล่นพล่านไปทั่วสรรพางค์กาย เนื่องจากไม่ประสานี่จึงเป็นสัมผัสแปลกใหม่ แต่ร่างกายกลับให้ความรู้สึกคุ้นเคยราวกับเธอเคยร่วมรักกับชายตรงหน้าเมื่อยังมีชีวิตมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแต่ถ้าจะอัดกันเอาๆ เหมือนลูกบาสแบบนี้ ถ้าไม่ติดว่าเป็นผีนะจะไปรีวิวติดลบในพันติ๊ปให้รู้กันทั่วเลย ผู้ชายยุคกรุงศรีมันรุนแรงกับผู้หญิงทุกคนเลยไหมเนี่ย“มิคณามือเลยสักนิด มึงมีฤทธิ์เดชเพียงแค่นี้ อย่าได้หวังจักทำให้กูพึงใจได้เลย” เสียงหนั่นเนื้อกระทบกันดังก้องในโสตประสาท พร้อมกับเสียงทุ้มเยือกเย็นที่ส่อแววปรามาสไม่จบไม่สิ้น “มิลองไปเขาโรงรับทำชำเราบุรุษไปเป็นโสเภณีดูหรือไร เผื่อจักมีกลเม็ดพิชิตใจชายได้มากกว่านี้”โรงรับทำชำเราบุรุษ? โสเภณี?อ้อ ไอ้ผีหน้าหล่อนี่มันกำลังประชดว่าเธอเด็ดไม่เท่าน้องหรี่ตัวจริงอยู่นี่หว่า“พะ... พูดแบบนี้ต่อยกันดีกว่า อะ อ๊า!” สิ้นประโยคนั้นความอุ่นร้อนก็โอบล้อมภายในท้องน้อยเมื่อชายร่างแกร่งเหนือตัวเสร็จสมดั่งใจหมาย ผีหนุ่มไม่ได้แสดงท่าทางอดกลั้นใดๆ เนื่องจากเมื่อตายเป็นผีแล้วมันไม่มีความรู้สึกถ
“กระผมขออภัย กระผมจักรีบออกจากตัวท่านประเดี๋ยวนี้ขอรับคุณผู้หญิง” ดูท่าทางเลิ่กลั่กเมื่อถูกดุนั่นสิ ชายหนุ่มรีบรุดออกจากกายสาวพร้อมกับล้มลงไปคุกเข่าอยู่ที่พื้นเรือน มองหญิงงามที่ค่อยๆ หยัดตัวลุกขึ้นจัดผมเผ้าตนเองด้วยแววตาหลงใหลแม่ช่างงามเหลือเกิน ท่วงท่ายามตื่นนอนอันแสนน่าดู เพลิดเพลินกับทรวดทรงองค์เอวที่ปรากฎอยู่นอกผ้าห่มกาย ชุดรัดอกและซิ่นบางๆ นั้นเปิดความงามเหมือนยามที่เคยเอานางมาอยู่ใต้ร่าง ยามเมื่อนางอนุญาตให้ละเลียด เขาก็กัดกินนางอย่างหิวกระหาย ราวกับคุณบัวงามที่อยู่ใต้ร่างนั้นคือชิ้นเนื้อชั้นดี ที่สุนัขจรจัดอย่างเขาโหยหามาตลอดคุณบัวงามเคยบอกว่าชอบที่เขาภักดี ซื่อสัตย์ และโง่เขลาเหมือนสัตว์คุณบัวงามอนุญาตให้เขาฉกชิมตัวหล่อนได้ แลกกับการใช้งานเขาจึงได้แต่มาเฝ้ารออย่างมีความหวังว่าวันนี้นางจะใช้งานเขาด้วยอะไรอีก แลกกับการได้เอาหล่อนมาอยู่ใต้ร่างอีกครั้งไอ้ทาสนามว่ากล้าผู้นี้ จะขอถวายตัวรับใช้คุณบัวงาม ด้วยความรักความภักดีไปจนวันตายนางสาวบีที่จัดผมเผ้าเรียบร้อยแต่เห็นว่าทาสชายคนนั้นยังนั่งคุกเข่าจ้องมองเธอไม่ยอมลุกออก เลยทำได้แค่ปรายตาลงมองตาดุราวกับไล่กลายๆหากแต่หมาโง่ของนา
“ตื่นแล้วหรือบัวงาม? อาการไข้ของลูกดีขึ้นแล้วหรือไร” หลวงศรีจันทร์เมื่อเห็นลูกสาวก็โพล่งขึ้นมาอย่างชื่นมื่น ดูออกจะแปลกไปเสียหน่อยกับเหตุการณ์ที่ลูกเขยเพิ่งเสียชีวิตจากสงคราม ทั้งที่ควรจะไว้ทุกข์แท้ๆ กลับทำเหมือนเป็นเรื่องปกติ ฝ่ายนางจันทร์งามเองก็มองลูกสาวตนเอง แน่นอนว่าได้เล่าให้สามีฟังแล้วว่าทันทีที่ฟื้นจากพิษไข้ ลูกมีท่าทีประหลาดอย่างไรบ้าง นางสาวบีสัมผัสได้ถึงสายตาของแม่ที่ดูเคลือบแคลง จึงทำทียกมือขึ้นมากุมหน้าผาก ทำทีปวดหัวการละคร “ฟื้นแล้วเจ้าค่ะคุณพ่อ แต่ลูกอาจเบลอจากพิษไข้เล็กน้อย จนก่อนหน้านี้เผลอแสดงกิริยาไม่งามกับคุณแม่ไป” ว่าพลางเดินมานั่งข้างๆ นางจันทร์งาม ซุกแขนแม่ของตนทำทีออดอ้อนให้เห็นใจ “ลูกต้องขอโทษคุณแม่ด้วยนะคะ” อย่างไรก็ห้ามให้คนในบ้านรู้เด็ดขาดว่าเธอเป็นคนอื่น ไม่ใช่เจ้าของร่างที่มาสิงอยู่ “ตายจริง ก็นึกว่าเลอะเลือนจนหลงลืมแม่ของเจ้าไปเสียแล้ว” คุณหญิงจันทร์งามมีสีหน้าโล่งอกขึ้น หลังจากกังวลอยู่นานว่าบุตรสาวของตนอาจจะวิปลาสไปเพราะไอ้ลูกเขยตามหลอกหลอน นึกแล้วก็แค้นใจนัก ตายไปดีๆ ไม่ได้หรือไร ทำไมต้องมาตามรังควานลูกนางอีก “ลูกยังฝันร้ายถึงพ่อแสนคำอยู่หรือไม่
หมับพลันนั้นพอนึกถึงดวงหน้าคมคายของพระยาสิงขรก่อนหน้าที่หลั่งน้ำตาราวกับจะแตกสลายเป็นเสี่ยงๆ ดวงตานั้นบ่งบอกว่าหลงรักปักใจกับนางบัวงามคนนี้จนถอนตัวไม่ขึ้น แต่ที่สุมไฟความแค้นก็เพราะสิ่งที่เมียตัวเองทำมันเกินให้อภัยน่าแปลกที่นางสาวบีเห็นภาพซ้อนทับใบหน้าของพระยาสิงขรที่ถูกแทนที่ด้วยขุนแสนคำที่กำลังร่ำไห้ ในตอนนั้นจึงเผลอใจตกเป็นของเขาท่ามกลางพายุฝนฟ้าคะนองที่โหมกระหน่ำแต่เมื่อเมฆครึ้มหายลับฟ้าไป ภาพตรงหน้ามีเพียงเขาที่ทิ้งให้หล่อนนอนเดียวดายอยู่บนฟูกเท่านั้รเธอไม่ได้มอบใจให้ขุนแสนคำเต็มร้อยเปอร์เซ็น แต่การที่นอนกับเขาหลายครั้ง มันก็ไม่แปลกที่จะมีความรู้สึกบางอย่างก่อเกิดขึ้นอยู่บ้างเล็กๆ น้อยๆแต่... ก็ตามนั้นล่ะนางสาวบีเป็นแค่หญิงงามเมืองให้เขาซื้อตัวจอง หน้าที่ในโลกนี้มีเพียงแค่นี้เธอไม่ควรมีความรู้สึกอะไรกับขุนแสนคำ อย่างไรก็ตายไปแล้วทั้งคู่ มันเป็นไปไม่ได้หรอก และถึงจะมีโอกาสเป็นไปได้สักสิบเปอร์เซ็นล่ะก็ เขาก็ไม่ใช่ของของเธออยู่ดีว่าแล้วก็ฉีกยิ้มต่อหน้ายิ่งยงที่ยืนจ้องมองเรือนร่างของหล่อนอย่างเปิดเผย ดวงตาของเขานั้นดูไร้พิษภัย หากแต่มองออกได้ง่ายดายเหลือเกินนะเด็กหนุ่มกับหญิ
“ถ้ามิใช่แล้วจักเป็นใครที่มีธุระกงการกับเรื่องนี้ได้... อ้อ หรือจักเป็นทองพินเจ้าคะ?”“อย่าละลาบละล้วงถึงนาง หล่อนรู้ดีว่าหล่อนแค่เพียงตบแต่งเพื่อมีลูกให้ฉันเท่านั้น มิว่าจักเป็นหล่อนหรือทองพิน”นั่นคือความคิดในใจของขุนแสนคำที่อยากพูดออกมาแทนใจท่านพระยา ก็เพราะเขาเผลอไปหลงรักเมียเอกที่จ้องจะฉีกอกกันทุกคราที่มีโอกาส ภายในบ้านของท่านมันถึงวุ่นวายได้ขนาดนี้ มีลูกลูกก็ไม่รัก เมียที่รักมากก็ไม่เคยรัก แบบนี้หนามยอกต้องเอาหนามเข้าบ่ง เป็นคติประจำใจของเขาถึงเขาจะทำแบบนั้นกับเรื่องของตนเองไม่ได้ก็ตามแม่เอื้องน้อยชะงักงันเมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าแดงก่ำอดกลั้นไม่ให้อารมณ์ระเบิดใส่สามีผู้ร้างรัก มันเต็มไปด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ ดวงตาสีฟ้าครามหม่นแสงลงทันที อีกฝ่ายนั้นไม่เคยไยดีหล่อน หล่อนย่อมรู้ดีที่สุด แต่ใจเจ้ากรรมมันดันลุ่มหลงเขาไปเสียแล้วแม้นกระทั่งยอมคลอดเด็กที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเขา จนลูกเกลียดหล่อนไปรักเอาแต่ทองพิน แค่นี้ยังมิพออีกหรือหล่อนเสียสละไม่มากพออีกหรือ“คุณพี่รู้ดีว่าฉันรอคุณพี่มาร่วมเตียงด้วยนานเพียงไร คุณพี่มิคิดแยแสฉัน มิต่างกระไรกับเจ้ามิ่ง เลือดเนื้อเชื้อไขที่มาจากฉ
“อื้อ... พี่แสน” เสียงครางฮือจากสาวเจ้าพร่ำเรียกชื่อเขาด้วยน้ำเสียงหวามหวานยังคงดังชิดกกหู ขุนแสนคำนั้นปลดผ้านุ่งออกพร้อมๆ กับเข็มขัดเงินแวววาว ปลดปล่อยความใหญ่โตที่ผงาดออกมานอกผืนผ้าอาจจะดูง่าย ดูร่านเหลือเกินที่ยอมเรียกชื่อตามที่อีกฝ่ายอ้อนขอโดยที่ลืมตัวไปว่าอีกฝ่ายเห็นหล่อนเป็นเพียงผลประโยชน์ หรือเรียกง่ายๆ ว่าทาสสวาทดีๆ เท่านั้นแต่เธอไม่ผิดสักหน่อยที่จะเผลอไผลยั่วเย้าเขาเพราะรสของตัณหาอย่างไรเราทั้งคู่ก็ไม่ได้เชื่อมใจถึงกันด้วยเรื่องราวดีๆ นอกจากเซ็กซ์และราคะอันร้อนแรงอยู่แล้วหล่อนรักสนุกไม่เน้นผูกพัน ส่วนเขาก็แค่เอาหล่อนไว้คลายใคร่กำหนัด แถมยังจ้องจะหาทางสับขาหลอกลงมือฆ่าร่างที่นางสาวบีสิงสู่อยู่ให้ตายไปแบบช้าๆ อีกด้วยอย่างไรโลกโน้นเธอก็ตายไปแล้วนี่ โลกนี้ไม่ต่างจากโลกหลังความตายหรือบ่วงกรรมที่ต้องมาตามชดใช้ เขาตาย เราก็ตาย เขาผี เราก็ผีผีมันไม่มีความรู้สึกหรอกไม่มีความรักกับใครที่นี่ที่เป็นเรื่องสุขนิยมทั้งนั้นสู้เอาด้านมืดทุกอย่างมาสาดใส่กันตรงๆ ไปเลยจะดีกว่า ฉีกอกพูดคุยกันไปเลยว่าแท้จริงแล้วมนุษย์เรามันเป็นอย่างไร มันมัวเมาไปด้วยกิเลสราคะ รสแห่งการเอาชนะ เกมที่เดิมพันด
“ไม่มีอารมณ์อ่ะ อ้อนวอนหน่อยสิ” นางสาวบีไม่ใช่หญิงในครรลองคลองธรรมหรือยอมใครได้โดยง่าย เธอเป็นคนตรงไปตรงมา อะไรที่เอาคืนได้แม้เล็กน้อยก็จะทำ เป็นหญิงสาวที่แสบสันโดยธรรมชาติ“กงการกระไรที่จักต้องอ้อนวอนมึง เป็นหญิง มีหน้าที่ออดอ้อนบำเรอผัวก็พอ”ผัว! เต็มปากเต็มคำเลยเนอะแสดงว่าตอนนี้หื่นแบบอันลิมิต แอบกลัวแล้ว“แล้วกงการอะไรที่ฉันจะต้องยอมพี่ตลอดด้วยล่ะ?” หล่อนสู้ขาดใจ ถึงปกติเขาจะรุกหล่อนเองทุกที แต่ดูคราวนี้สายตานั่นบ่งบอกว่าอยากให้สาวเจ้าออนท็อปให้เต็มแก่ แต่ติดที่ทิฐินั้นสูงเสียดฟ้า ไม่อยากยอมรับว่าตัวเองอยากเป็นฝ่ายโดนรุกไล่บ้าง“ปรนเปรอกูซะ เดี๋ยวนี้” ขุนแสนคำไม่สนใจฟัง ออกคำสั่งอย่างเอาแต่ใจ“ไม่”“บำเรอกู”“อยากทำก็ทำเองไหม สมัยไหนแล้ว มาบังคับกันแบบนี้ฉันแจ้งตำรวจได้นะ ข้อหาบังคับข่มขู่หวังกระทำชำเรา รู้ไหมว่าถึงเป็นผัวเมียกัน ถ้าไม่สมัครใจก็เท่ากับข่มขืนนะจ๊ะ” คราวนี้ได้ทีสอนกฎหมายประเทศไทยยุค 4.0 เสียเลย ในยุคที่กฎมลเฑียรบาลในสมัยก่อนไม่มีกฎข้อไหนที่ถูกสร้างออกมาปกป้องเพศหญิง ก็ช่วงนี้มันยุคชายเป็นใหญ่นี่นา บางทีแค่เอาตัวรอดยังยากเลยด้วยซ้ำ เรื่องนี้รู้ดีแต่มันหมั่นไส้โว้ยน
บ่วงกรรมที่เขาฆ่าพ่อฆ่าแม่หล่อนและทำลายหมู่บ้านโจรจนราบเป็นหน้ากลอง ทำให้นางโจรอย่างหล่อนสิ้นชื่อต้องเข้ามาอยู่ในสภาพแวดล้อมในชีวิตของเขา จำเป็นต้องปั้นหน้าปั้นตายอมตกเป็นเมียมันโดยไม่เต็มใจ ต้องทำตัวเหมือนรักคนที่เกลียดจนจับใจ และปรนนิบัติรับใช้มันทุกเมื่อเชื่อวันรู้ไหม... มันแค้นเหลือเกิน แค้นจนอยากจักฆ่าให้สิ้นเสียเดี๋ยวนั้นพระยาสิงขร... มิว่าจักในอดีตหรือปัจจุบัน เอ็งมันก็ระยำยิ่งนักตัดภาพมาที่อีกฝั่ง นางสาวบีแหงนหน้ามองเรือนไทยขนาดใหญ่โตที่ดูหรูหรา หากแต่กลับสัมผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากลบางอย่างวนเวียนอยู่รอบๆ ราวกับคลื่นขมุกขมัวส่งกลิ่นเน่าเฟะลอยมาตามลม เรือนไทยหลังนี้ไม่ธรรมดาเอาเสียเลยเมื่อเข้ามาภายในหอกลางที่ถูกตบแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ที่น่าจะราคาแพงพอสมควร ก็ปรากฎร่างสะโอดสะองของหญิงวัยกลางคนดูงดงามและเยือกเย็นนั่งนั่งรวบมือรออยู่ที่ตั่งไม้สักใหญ่ กรอบภาพที่ทำจากทองด้านหลังคือภาพองค์ครุฑที่ดูขลังขับให้ท่านผู้หญิงดูน่าหวั่นเกรงไปอีกระดับ นางสาวบีคุกเข่าลงตรงหน้าหล่อน พร้อมกับหมอบกราบแนบปลายเท้างามเป็นพิธีทักทายอย่างที่เตี๊ยมกันมากับขุนแสนคำพอเงยหน้าขึ้นมา ก็พบกับเด็กหนุ่มหน
“ถ้าฉันจักขอบุตรสาวของคุณหลวงไปอยู่เหย้าอยู่เรือนปรนนิบัติรับใช้ทองพินจักได้หรือไม่?”รุ่งเช้าในวันต่อมา พระยาสิงขรกลับมาที่เรือนใหญ่ของหลวงศรีจันทร์อีกครั้ง เขาเข้ามาด้วยจุดประสงค์ที่จะสู่ขอบุตรสาวของท่านมาอยู่ในความดูแลของเรือนใหญ่ในนามท่านผู้หญิงทองพิน ซึ่งเมื่อหลวงศรีจันทร์ผู้มากโลภะได้ยินชื่อของภรรยาหลวงท่านพระยา ถึงกับมองหน้ากับเมียตัวเองอย่างใช้ความคิด ดูอีกฝั่งจะติดใจบัวงามจนวันรุ่งต้องมาร้องขอตัวไปครองถึงบ้านเลยสิหนาอย่างนี้มันต้องเรียกให้สูงๆ หน่อย ก็ลูกสาวของเราดันสวยขนาดนี้“กระผมมิขัดข้องดอก แต่... ถ้ายังมิได้จับจองเป็นพิธีละก็...”“ฉันรู้ดี จึงเตรียมสิ่งนี้มาเพื่อซื้อตัวหล่อน” ชายร่างใหญ่ว่าพลางพยักเพยิดให้บ่าวรับใช้วางห่อผ้าท่าทางมีน้ำหนักลงตรงหน้า ยามเมื่อหลวงศรีจันทร์เปิดห่อออก ก็พบกับเครื่องทองสว่างเจิดจ้าที่ล้วนประติมากรรมอย่างประณีตด้วยของล้ำค่าดั่งเช่นทองคำ ทั้งเครื่องทองเครื่องประดับที่ฉลุลวดสายอย่างวิจิตร จนหลวงวัยกลางคนถึงกับดวงตาลุกวาว “การหมั้นหมายจักจัดที่เรือนใหญ่ของฉัน อย่าได้ห่วงไป แม่บัวงามจักได้อยู่ใกล้ชิดฉัน แลฉันจักให้ความสำคัญกับหล่อนไม่เป็นรองใครเป
พระยาสิงขรกลับมาถึงเรือนใหญ่ช่วงหัวค่ำพร้อมคณะบริวารที่ตามไปสู่ขอบุตรีหลวงศรีจันทร์ถึงเรือนทิศเหนือ เมื่อขึ้นกระไดเรือนขึ้นมา ก็พบกับ ‘ท่านผู้หญิงทองพิน’ ภริยาเอกของพระยาสิงขรที่ทำหน้าที่เป็นแม่เจ้าเรือน คอยดูแลปกครองบ้านเรือนโดยรวม ดูเหมือนว่า ‘แม่เอื้องน้อย’ อนุภรรยานั้นจะปิดเรือนหลับนอนไปแล้วพระยาสิงขรนั้นมีเมียสองคน ไม่นับรวมเมียบ่าวและหญิงนครโสเภณี เนื่องจากของปลุกกำหนัดทำให้ภรรยาทั้งสองไม่สามารถรองรับความต้องการของท่านได้เต็มที่ จึงได้มีการพูดคุยว่าจะมีบ้านเล็กบ้านน้อยแต่ไม่ผูกมัดให้ต้องรำคาญใจอย่างไรท่านผู้หญิงทองพินก็เป็นภริยาหลวงของท่าน ทุกครั้งที่ท่านกลับมาช้า หล่อนจะมายืนรอพร้อมบ่าวหญิงถือตะเกียงรอผัวกลับเรือนเสมอท่าทางที่ดูเหนือกว่าผู้เป็นผัวในบางคราทั้งที่ผัวมีศักดิ์เป็นถึงพระยานาหมื่น ทำให้ขุนแสนคำกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ด้วยหวังว่าหล่อนจะไม่ล่วงรู้ว่าภายในกายเนื้อของท่านพระยาเป็นผีร้ายที่มาอ้อนวอนขอร้องท่านเพื่อสิงสู่“ฉันให้บ่าวจัดเตรียมที่นอนหมอนมุ้งให้ท่านแล้วเจ้าค่ะ” แต่เมื่อทุกย่างก้าวที่ประหวั่นวิตกมาถึงตัว หญิงสาวที่ถึงแม้จะดูมีอายุแต่ก็ยังคงความงดงามเอาไว้ จนพอค
ตัดมาที่ฝั่งนางสาวบี บัดนี้หล่อนนอนอยู่ใต้ร่างของคนที่ขึ้นชื่อว่าจะเป็นผัวใหม่อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ถึงร่างกายจะใช่แต่จิตวิญญาณนั้นไม่ แรงปรารถนาแข็งขืนอยู่ที่ฝ่ามือเล็ก หลังจากที่ถูกอุ้มมาที่เรือนใหญ่ ด้วยเพราะเป็นพระยาสิงขรบ่าวทั้งหลายที่คอยเฝ้ายามหน้าเรือนจึงทำทีเหมือนมองไม่เห็นการกระทำบัดสีกลางวันแสกๆ นี้มันคงจะเป็นเรื่องปกติของคนใหญ่คนโตที่ชนผู้น้อยจะทำเหมือนมองไม่เห็นการกระทำที่ไม่สมควร จนกระทั่งเขาวางหล่อนลงบนฟูกนอนและเชื้อเชิญกัน แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร ไอ้ส่วนที่แข็งปั๋งที่เธอจับอยู่ มันไม่ธรรมดาแล้ว“พี่จ้องจะทำของใส่ฉันแน่ๆ” เสียงหวานกระเส่า หล่อนไม่ได้โหยหาหากแต่ร่างกายมันเป็นไปเอง มันเหมือนไม่ใช่ตัวของตัวเองเอาเสียเลย พอรู้ว่าคนตรงหน้ากำลังกำหนัด ร่างกายก็รุ่มร้อนราวกับจับพิษ “ใช่ไหม แฮ่ก พี่จะทำของใส่ฉันใช่ไหม”“ถึงแม้ท่านพระยาจักมีอาคมติดตัว แต่กูยังมิถูกเจ้าของร่างอนุญาตให้กระทำการใด อย่างน้อยถ้าจักสอดของสกปรกเข้าตัว ในนิมิตถึงจักดี” แม้ต่อหน้าหญิงสาวจะพ่นคำพูดคำจาโหดร้ายออกมา แต่สีหน้านั้นพร้อมรบเต็มที่ ร่างกายกำยำหยัดกายแกร่ง ปล่อยให้สาวเจ้าปลดอาภรณ์ลงอย่างไม่ชำนา
ขุนเสือนึกคิดกับตนเองท่ามกลางท่าทีที่ดูปั่นป่วนเล็กน้อยที่ออกผ่านสีหน้า มือไขว้หลังยืนจ้องมองบานหน้าต่างนานแสนนาน ในขณะที่แม่จันทร์งามเองก็ลอบมองผ่านด้านหลังของบุตรชายนอกสมรส หล่อนรับรู้เรื่องราวที่หลวงศรีจันทร์ทำกับบุตรสาวอย่างดี แต่หล่อนไม่สามารถห้ามปรามกิเลสความอยากได้อยากมีของผัวได้ แต่เมื่อเห็นว่าบุตรชายจากเมียบ่าวทำท่าทางหวงพี่สาวอย่างออกนอกหน้าตอนที่นั่งประจันหน้ากับพระยาสิงขรที่มีบริวารใหญ่โต ก็อดไม่ได้ที่จะต้องเข้าไปข่มขุนเสือเคยพยายามจะทำลายงานหมั้นหมายของพี่สาวในสมัยตบแต่งกับขุนแสนคำ เด็กคนนี้มีรังสีอันตรายบางอย่าง ที่จะปรากฎขึ้นเมื่อมีคนแย่งของรักไปหล่อนรู้ดี... บัวงามเป็นหญิงที่งามทั้งกายทั้งใจ ไม่มีใครที่จะไม่หลงรักแม้แต่บุตรชายคนละแม่ขุนเสือควรรู้สึกตัวได้แล้วว่าตนเองนั้นไม่คู่ควรกับบัวงาม ไม่ว่าจะเป็นฐานันดรแรกเกิด หรือแม้แต่สถานะพี่น้องต่างแม่ที่ตีตราชัด“เจ้าเสือ... เธอรู้ดีว่าเธอมิมีวันเทียบพี่ได้ อย่าหลงคิดว่าตนเองมีสิทธิ์กระไรในตัวของบัวงาม ฉันรู้ว่าเธอรักบัวงามมาก... แต่คนเป็นพ่อล้วนคัดสรรค์สิ่งที่ดีที่สุดให้บุตรสาวคนโต” หล่อนขยับไปข้างบุตรชายนอกสายเลือดตน เหล