ติ๊ด ติ๊ด
ติ๊ด ติ๊ด
ติ๊ดดดดดด
ชีพจรที่เคยดังเป็นจังหวะ ส่งสัญญาณยาวพรืดบ่งบอกชัดเจนว่าการเต้นของหัวใจของคนที่นอนอยู่บนเตียงคนไข้นั้นได้หยุดลงอย่างกะทันหัน พยาบาลและหมอเถื่อนที่สัมผัสได้ว่าหายนะกำลังจะมาถึง เมื่อหนึ่งในคนไข้ที่มาผ่าตัดศัลยกรรมหน้าอกกับหมอกระเป๋าโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ บัดนี้การผ่าตัดผิดพลาดจนเสียเลือดมากเกินไป
ร่างเล็กของ ‘นางสาวบี’ กระตุกช็อกจากอาการเสียเลือดขั้นรุนแรงและเข้าสู่อาการโคม่าในสภาพกึ่งเปลือยคาห้องผ่าตัด เปิดเปลือยอกไข่ดาวสู่สาธารณะชน ซิลิโคนปลอมในมือหมอยังชุ่มเลือด ทั้งพยาบาลและหมอเถื่อนต่างรีบหาทางหนีทีไล่เมื่อเผลอทำให้คนไข้ที่มาศัลยกรรมด้วยเจอพิษมีดหมอกระเป๋าดับอนาถสิ้นใจคาห้องผ่าตัดเล็กๆ แห่งนี้ ด้วยศพนี้อาจจะทำให้ตำรวจรวบตัวเองและจบสิ้นอนาคตหมอศัลยกรรมหน้าใหม่ผู้ร่ำรวย
‘ว่าแล้วไง! อีนังผึ้งนี่มันต้องเป็นหมอเถื่อนชัวร์ป้าบ’ กว่าจะรู้สึกตัวว่าวิญญาณหลุดออกจากร่างไปแล้ว นางสาวบีที่นั่งขัดสมาธิล่องลอยอยู่เหนือร่างกายอเนจอนาถที่นอนไร้ลมหายใจอยู่เบื้องล่างตบเข่าฉาด ‘ต้องไปเข้าฝันบอกแม่ไหมเนี่ย แต่ก่อนอื่นต้องไปตามหลอกหลอนอีหมอผึ้งนี่ก่อนเลย’
เป็นวิญญาณอาฆาตตั้งแต่วินาทีแรกที่ดวงจิตหลุดออกจากร่างอย่างไม่ต้องสงสัย
แต่ที่ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่ตกใจกับเหตุการณ์ถึงฆาตที่เกิดขึ้น
ก็เพราะว่าเตรียมใจมาดีพอแล้วน่ะสิ
ด้วยความที่ต้นตระกูลของนางสาวบีทำอาชีพเป็นหมอผีมารุ่นสู่รุ่น ครอบครัวของเธอมากกว่า 80% ไม่ว่าจะทวด ปู่ ย่า ตา ยาย ล้วนดำรงอาชีพนี้ในการจุนเจือครอบครัว และแน่นอนว่าทุกคนเป็นหมอผีของจริงที่สืบทอดสัมผัสที่หก สามารถสื่อสารกับวิญญาณได้มาตั้งแต่ที่ลืมตาดูโลก
น้าเธอเองก็เป็นหมอดูดวงชะตาในอนาคตที่โคตรแม่นยำ น้าบิวเคยบอกว่าบีในอายุ 25 เป็นวัยเบญจเพศที่ต้องเสี่ยงชีวิตด้วยเหตุการณ์ไม่คาดฝันที่เอาปัญหามาด้วยตัวเองเพื่อชดใช้กรรมและไปเวียนว่ายตายเกิดที่วัฏจักรสงสารต่อไป
นับว่าที่น้าบิวทำนายนั้นแม่นทีเดียว ตั้งแต่ที่เธอรู้จักกับอีหมอผึ้งมิจฉาชีพลวงโลกที่เข้าหาทางพ่อ เพราะเป็นเพื่อนสนิทพ่อก็เลยไว้ใจคิดว่าเป็นคลีนิคศัลยกรรมครบวงจร แถมอีกฝ่ายยังหัวหมอเข้าหาด้วยการเจาะจุดอ่อนอย่างหน้าอกไข่ดาวตั้งแต่กำเนิดที่เป็นปมด้อยมาตลอดชีวิตจนเธอเผลอหลงเชื่อ หารู้ไม่ว่าอีนี่น่ะมันหมอเถื่อน มันฉีดยาสลบ ผ่าตัดเธอแบบผิดๆ จนเสียเลือดตาย!
แต่ไม่ตกใจเท่าไหร่ อาจเพราะเห็นผีมาทั้งชีวิต ก็เลยไม่ค่อยหวาดหวั่นกับความตาย
ความตายคืออนิจจัง แม่สอนคำนี้ฝังใส่หัวมาทั้งชีวิตแล้ว คนที่ทำงานเป็นหมอผีก็เสี่ยงเหมือนกันหมด รุ่นก่อนๆ ที่ตายไปเพราะโดนทำของใส่มั่ง โดนผีตามอาฆาตจนตายโหงบ้างก็มี
เป็นวิญญาณก็ดีเหมือนกัน ไม่ต้องทำงานหาเงินมาจ่ายภาษีที่แพงแสนแพง ค่าครองชีพที่แทบกระอักเลือดจ่ายแทนเงิน ทนทำงานตัวเป็นเกรียวทั้งที่เลือกได้ก็ไม่อยากทำอาชีพหมอผี แต่อยากไปเป็นนักร้องมากกว่า แถมยังไม่ต้องผจญภัยกับการจราจรอันแออัด สังคมที่นับวันยิ่งเลวร้ายขึ้นเรื่อยๆ ทั้งคดีฆ่าข่มขืน ตบตีชิงทรัพย์ ตำรวจที่นับวันยิ่งไม่ต่างจากโจร คดีล่วงละเมิดทางเพศต่างๆ นานา เรื่องการเมืองที่แสนน่าเบื่อ ประเทศที่เหมือนนรกเข้าไปทุกที
ถึงสาเหตุการตายจะอนาถไปหน่อยก็ตาม
คิดแล้ววิญญาณนางสาวบีก็ฉีกยิ้มกว้าง แต่ก่อนอื่นต้องไปเข้าฝันแม่ก่อนว่าขิตที่นี่นะ มารับศพไปทำพิธีด้วย
อย่างน้อยก็ยังได้ตายแบบไม่เจ็บไม่ปวดอะไรล่ะวะ
แต่ก็แค้นเหลือเกิน
ค่อยไปตามหลอกหลอนอีหมอผึ้งจากหนังผีที่เคยดูมาดีกว่า เธอจะเริ่มจากโผล่แค่หัวเละๆ ออกมานอกหน้าต่างก่อนให้มันตกใจเล่น ก่อนที่ต่อมาจะฮือออกมาจากโทรทัศน์ระหว่างที่มันเปิดรายการวาไรตี้โชว์ดูเหมือนในเรื่องซาดาโกะ อย่างน้อยๆ เป็นวิญญาณแบบนี้ก็ต้องแสดงอภินิหารได้บ้างล่ะ
ตกลงกับตัวเองได้จึงทำท่าจะเริ่มภารกิจผีสาวตามเก็บเวล เพ่งดวงจิตนึกถึงหน้าบุพการีบังเกิดเกล้า
แต่ทว่า
หมับ!
‘อึก...!!’
ฝ่ามือหนาหยาบใหญ่ของผู้มาเยือนกลับคว้าเข้าที่คอของเด็กสาวแล้วยกจนตัวลอย นางสาวบีดิ้นทุรนทุรายไปมา แต่ลืมไปว่าวิญญาณนั้นไร้ความเจ็บปวด
“มึงจักไปไหน” ภาพตรงหน้าคือภาพที่นางสาวบีไม่เคยได้พบเจอและไม่มีวันจะได้เห็นจนกว่าเธอจะตายจริงๆ นั่นก็คือบุรุษในชุดโจงกระเบนสีแดงกล่ำกับสังวาลย์ทองทับทรวงแบบโบร่ำโบราณ ผิวดำคล้ำมีร่องรอยแผลเป็น ทรงผมชายบางระจัน ดวงตาสีแดงชาดเรืองรองทำให้เด็กสาวรู้สึกหวาดกลัว
“ใครอ่ะ ปล่อยนะ!” ไม่ว่าจะพยายามดิ้นรน จิกเล็บ กัด หรือข่วนอย่างไร ร่างสูงใหญ่ก็ไม่มีวี่แววว่าจะไหวติง
“มึงมิมีกระไรติดค้างบนนี้ ไปกับกูเสีย” เสียงทุ้มต่ำลั่นประกาศิตทำเอาวิญญาณนางสาวบีชะงัก ลักษณะเหมือนที่แม่เคยบอก หรือว่าคนตรงหน้าคือยมทูตใช่ไหม พอเห็นเธอตุยก็มาเอาวิญญาณเลยเหรอ เร็วไปไหนก่อน สรุปคือนรกทำงานกันแบบดิจิตอลใช่ไหม
“จะไม่มีได้ไงพี่ หนูยังติดค้างอยู่ หนูมันวิญญาณอาฆาตนะ หนูยังไม่ได้ไปเข้าฝันบอกแม่เลยว่าหนูตายแล้ว แถมยังไม่ได้ล้างแค้นอีหมอเถื่อนนั่นเลยด้วย!!”
“เวรกรรมจะต้องตกต้องที่ตัวผู้ทำเอง มึงมีหน้าที่แค่ตามกูมา” ว่าพลางก็ร่ายเสกโซ่ตรวนพันธนาการเด็กสาวราวกับนักโทษเรือนจำ นางสาวบีเริ่มรู้สึกหวาดหวั่น เริ่มรู้สึกอยากพุ่งกลับเข้าร่าง คุณยมทำไมน่ากลัวแบบนี้
‘ไม่นะพี่ยม ขอทดลองใช้ชีวิตแบบวิญญาณร้ายก่อนสักสามวันได้ไหม... สองวัน วันเดียวก็ได้!!’
“ไม่ได้! ท่านผู้นั้นกำลังรอมึงลงไปชดใช้กรรมที่ติดค้างในชาติปางก่อนอยู่”
ท่านผู้นั้น? ใครวะ
ไม่ทันได้คิดอะไรให้จบดีก็เกิดหลุมดำขนาดใหญ่อยู่ใต้เท้า ชายกำยำตรงหน้าผลักหล่อนร่วงผล็อยลงไปในห้วงแห่งความมืดนั้นทันใด
กรี๊ดดดดดด
เสียงร้องโหยหวนของตัวเองนั้นเป็นเสียงสุดท้ายที่เธอได้ยิน ก่อนที่ทัศนียภาพรอบตัวจะดับวูบลงไป พร้อมกับวิญญาณเด็กสาวที่ถูกสูบลงในหลุมดำ
“บัวงาม! บัวงามลูกแม่! เอ็งฟื้นแล้วรึ”
“... อื๋อ?” เสียงกังวาลของหญิงวัยกลางคนในชุดไทยโบราณเป็นประโยคแรกที่รบกวนการหลับอันยาวนานจนเด็กสาวจนต้องตื่น ว่าแต่ไอ้ชื่อบัวงามนี่มันใครวะ ชื่อโบร่ำโบราณสิ้นดี
นางสาวบีค่อยๆ ปรือตาขึ้นมาท่ามกลางเสียงเซ็งแซ่ของหญิงชุดไทยที่มะรุมมะตุ้มเธออยู่ ที่นอนก็แข็งแสนแข็ง สงสัยจะนอนนานไปหน่อย ปวดหลังเคล็ดเอวไปหมด
พอลืมตาเต็มที่ ก็เห็นภาพตรงหน้าชัดขึ้น ใบหน้าของหญิงวัยกลางคนที่ถึงจะดูมีอายุแต่ก็ยังดูสวยปรากฎขึ้นพร้อมกับชุดสไบทรงเครื่องเหมือนหลุดมาจากในละครไทยจักรๆ วงศ์ๆ พร้อมกับสาวนุ่งผ้ารัดอกกับทรงผมสั้นกุดแบบที่เคยเห็นรูปในหนังสือเรียนประวัติศาสตร์สมัยมัธยมไม่มีผิด
“... ใครอ่ะ” คำแรกที่โพล่งออกมาคือคำถามราวกับคนความจำเสื่อม ‘คุณหญิงจันทร์งาม’ รู้สึกเหมือนลมจะจับ ซวนเซไปจนบ่าวรับใช้ต้องเข้ามาประคอง
“คุณหญิง! เป็นกระไรหรือไม่เจ้าคะ”
“มะ... มิเป็นไร ข้าพอเข้าใจหัวอกนาง ลูกสาวข้าคงสติแตกไปเสียแล้ว ตั้งแต่ที่ได้รู้ข่าวเรื่องพ่อแสนคำ”
นางสาวบีหยัดตัวลุกขึ้นมา อะไร? พูดจาซะโบราณเลย ที่นี่นรกหรือเปล่า จำได้ว่าเธอตายคาห้องผ่าตัดนี่
ว่าแต่ไอ้พี่ยมทูตนั่นไปไหน? เรื่องนี้ต้องมีเคลียร์ คนยังไม่ทันได้ไปตามอาฆาตเป็นผีเฝ้าไข้อีหมอเถื่อนนั่นเลย มาจับลงนรกสุ่มสี่สุ่มห้าได้ไง
ก็คงมีแต่ผู้หญิงคนนี้ล่ะมั้งที่ถามได้ เธอเลยตัดสินใจกระตุกชายผ้าสไบของผู้ใหญ่คนนั้นเบาๆ
“นี่ป้า เห็นผู้ชายตัวใหญ่ๆ แต่งตัวลิเกๆ ตาแดงๆ ตัวดำๆ อยู่แถวนี้ก่อนหนูตื่นบ้างปะ?”
“บัวงาม นี่เอ็งจำแม่มิได้รึ!”คุณหญิงจันทร์งามทำท่าลมจะจับอีกรอบเมื่อเห็นว่าหลังจากที่บุตรสาวนามว่า ‘บัวงาม’ ล้มป่วยหลังจากข่าวการตายของชายอันเป็นที่รัก นางก็นอนซมไม่ได้สติมาสามวัน จนวันนี้ที่ลูกฟื้นขึ้นมา ดันเกิดอาการความจำเลอะเลือน จนจำแม้กระทั่งมารดาที่เป็นคนเบ่งนางออกมามิได้“ใครคือบัวงามอ่ะป้า ฉันเหรอ?” ว่าพลางชี้ไปที่ตนเอง คุณหญิงจันทร์งามถึงกับรับไม่ได้เดินหนีไปทางอื่นจนเด็กสาวที่นั่งอยู่รั้งไว้ไม่ทัน นางสาวบีขมวดคิ้วยุ่ง ไม่เข้าใจคุณป้าการละคร แต่กลับสากคอ หิวน้ำเหลือเกิน “นี่ พวกพี่ๆ น่ะ มีน้ำไหม ถ้ามีเอามาให้ฉันที”“จะ... เจ้าค่ะคุณบัวงาม” ผู้หญิงผมสั้นนุ่งผ้ารัดอกเหล่านั้นมีท่าทางกล้าๆ กลัวๆ แต่ก็ยอมเอาน้ำใส่ขันมาให้หญิงสาวที่นั่งอยู่บนเตียงไม้สักแต่โดยดี แม้ว่านางสาวบีจะสงสัยในชื่อบัวงามที่หลุดออกมาจนนับคำได้ของทั้งสาวใช้และป้าคนเมื่อกี้ เลยได้แต่มองไปรอบๆ ห้องที่ตนอยู่ เครื่องตบแต่งดูไท๊ยไทย โบราณเสียจนต้องพลั้งปากถามออกไป“นี่ ฉันอยู่ที่ไหนเหรอ”“นะ... นี่คุณบัวงามจำกระไรมิได้จริงๆ หรือเจ้าคะ?” นั่นเป็นคำถามที่ดูจะตื่นตระหนกของพวกหล่อน แต่เธอก็พยักหน้ารับตามตรง“อื้ม จำอ
เมื่อหญิงสาวล้มลงอาเจียน ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าใหญ่ดังขึ้นอย่างหนักแน่น พร้อมกับเสียงเลือดที่หยดลงมาตามทางของร่างนั้นกำลังตรงมาทางหล่อนอย่างเชื่องช้าเป็นจังหวะขนหัวลุก เสียงเหยียบอวัยวะแหลกเหลวของพวกทหารดังจนนึกภาพตามได้เอาเข้าแล้วไง หรือเราไม่ควรเอาตัวเองไปท้าผีเฮี้ยนสมัยโบราณแบบนี้วะนางสาวบีคิดได้แบบนั้นก็สายไปแล้ว ข้อมือเล็กถูกกระชากขึ้นจนลอยเคว้งกลางอากาศแต่ไม่รู้สึกเจ็บ ภาพตรงหน้านั้นชวนให้ตกตะลึงชายตัวใหญ่สูงราวๆ 190 เซนติเมตร ตัวใหญ่กำยำมาก สวมใส่โจงกระเบนเปรอะเลือด ดวงตาสีดำทมิฬไม่มีนัยน์ตาขาวกำลังจ้องมองร่างของเธอที่ห้อยต่องแต่งกลางอากาศอย่างเคียดแค้น ตามร่างกายมีบาดแผลเหวอะหลายจุด รวมถึงดาบขนาดใหญ่ที่ปักคอเกือบขาดวิ่น‘หลับลงแล้วหรือ... อีหญิงชั่ว’ เสียงที่เปล่งออกมานั้นไม่ได้ลอดผ่านปาก แต่ลอดผ่านอวัยวะกล่องเสียงที่ลอดมาทางช่วงลำคอที่หวิดเกือบขาด เสียงนั้นอู้อี้ดูหลอนน่ากลัวมากๆ ‘มึงอย่าเผลอดวงตกเชียว... กูจักตามเอาชีวิตมึงกับเด็กในท้องมึงมาเป็นบริวารกู... อีแพศยา!!’อย่างหลอน นี่ต้องตายด้วยความแค้นขนาดไหน ถึงได้อยากเอาชีวิตทั้งเมียที่รักและลูกที่ไม่ใช่ลูกตัวเองไปอยู่ด้วยขนา
“ได้จ้ะ! จะให้ฉันทำอะไร ฉันยอมหมด” เพราะผีเฮี้ยนตรงหน้านั้นมีแรงอาฆาตสั่งสมมานาน ทำให้นางสาวบีรู้ตัวว่าตนเองไม่สามารถต่อกรกับมันได้แน่ๆ เครื่องมงเครื่องมือหมอผีแบบชาติก่อนก็ไม่มี ไม่รู้จะเอาอะไรไปสู้ เผลอๆ อาจจะเอาชนะมันไม่ได้ด้วย เลยยอมทำตามที่ผีขุนแสนคำว่ามาแทน เผื่อจะถูกมองว่ามีประโยชน์ และเขาคงจะปล่อยให้ตนเองเป็นอิสระแต่คำขอที่ร้ายกาจนั้นกลับถูกพ่นออกมาจากริมฝีปากหยักลึกที่แตกระแหงมีคราบเลือด ขุนแสนคำกระตุกยิ้มเหี้ยมยกศีรษะที่ห้อยต่องแต่งกลับมาประกอบดังเดิม‘กลับมาเป็นเมียผีเฮี้ยนอย่างกู ถวายตัวเป็นชู้กูเสียเป็นไง’นางสาวบีอ้าปากค้าง ไอ้ผีนี่มันบ้าไปแล้วแหงๆ สงสัยจะแค้นนางบัวงามมากจนสติสตังไปหมดแล้ว อะไรก็ได้ขอแค่ได้ลบกลิ่นไอชายชั่วออกจากตัวเมียเป็นพอถึงจะมีแรงอาฆาตแค้นเมียตัวเองอย่างแรงกล้า แต่ในขณะเดียวกันก็คลั่งรักไม่ต่าง มาคิดดูดีๆ ก็น่าสงสารนะ คงทำใจไม่ได้ที่เมียตัวเองมีชู้ เลยยอมได้แม้กระทั่งได้ครอบครองเพียงแค่กายหยาบก็ตามแต่... นางสาวบีไม่เคยมีผัว! จะยอมเสียเอกราชด่านแรกให้ผี ก็ออกจะน่าอนาถเกินไปหน่อย“ไม่ค่ะ หนูยังซิง อย่างน้อยถ้าจะเสียซิง ขอเลือกผู้ชายด้วยตัวเองจะดีกว่
“ฉันพร้อมแล้วจ้ะ เริ่มเลยไหม... อึก!” ผีขุนแสนคำไม่พูดพร่ำทำเพลงหรือรอพิธีรีตอง เขาโถมตัวเข้าใส่ร่างกายของนางบัวงามทันที ซุกไซร้อย่างรุนแรงตามซอกคอขาวจนหญิงสาวรู้สึกจั๊กจี้ปนเสียวซ่าน ก็เล่นทั้งกัดทั้งขบทั้งเคล้น ดุดันไม่เบามือกันเลยสักนิดผู้ชายสมัยก่อนมันป่าเถื่อนขนาดนี้เลยเหรอแต่ชอบนะ เอาอีก!“อื้อ! จะ... เจ็บนะ” เสียงหวานสั่นไหวเมื่อผีชายหนุ่มเริ่มฉีกทึ้งผ้ารัดอกออกอย่างเดือดดาลจนเศษผ้าบาดผิวขาวนวลจนเป็นจ้ำ หน้าอกอวบใหญ่สล้างออกมาสัมผัสอากาศภายนอก ปทุมถันสีชมพูอ่อนชูชันรับกับไรขนอ่อนที่ลุกชันเพราะความเหน็บหนาว ถึงมันจะวังเวงกลางป่าช้าแต่ก็แอบเร้าใจดี นางสาวบีรู้สึกเหมือนตัวเองได้พบประสบการณ์ใหม่ในการใช้ชีวิตแบบแอดเวนเจอร์หน่อยๆ เซอร์ไวเวิลนิดๆแต่จะเรียกว่าใช้ชีวิตก็ไม่ได้เพราะเธอขิตไปในโลกเก่าแล้ว ต้องเรียกว่า ประสบการณ์ใหม่ในการใช้ร่างที่มาสิง จะถูกกว่าเรียวปากหยักขบเม้มดูดดึงปลายถันอย่างดุเดือด หญิงสาวรู้สึกได้ถึงสัมผัสใหม่ที่แล่นแปลบมาถึงปลายสมองส่วนกลาง เธอรู้สึกจั๊กจี้ปนเสียววูบวาบ เหมือนอยากจะปัสสาวะออกมาจนน้ำปริ่มนิดๆ เกร็งเท้าไปหมดเพราะเขาเล่นหน้าอกของนางบัวงามที่เชื่อ
ภาพของหญิงสาวยามเมื่อปรนเปรอกายหนาในยามที่ยังรักใคร่กันดีผุดขึ้นมาในเศษเสี้ยวความทรงจำเสมือนก่อนโดนศัตรูเอามีดแทงทะลุคอจนถึงแก่ความตายขุนแสนคำผู้ไร้พ่าย รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง กลับโดนนายทหารกรุงหงสาวดีบั่นคอจนตายอย่างโหดเหี้ยม แค่เพียงดาบที่แทงทะลุอกยังไม่ทำให้ตายได้ในทันที เขายังคงฟาดฟันศัตรูอย่างบ้าคลั่งโดยไม่รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดกับบาดแผลที่อกข้างซ้ายที่ดาบพม่าแทงเฉียดเกือบตัดขั้วหัวใจ จนถูกนายทหารคนสำคัญจากฝ่ายอังวะ นามว่า ‘ตูระเซยะ’ ใช้ดาบปักเข้าที่คอเข้าจุดสำคัญเพื่อหยุดการเคลื่อนไหวของทหารนำทัพอีกฝ่ายเขาตายโดยที่ไม่ได้สั่งเสียอะไรกับเมียรัก แถมยังตายไปโดยไม่รู้ว่าลับหลังเมียได้นอกกายนอกใจไปไม่รู้กี่ครั้งกี่คราตลอดเวลาสองปีที่เคลื่อนทัพปะทะอาณาจักรอังวะ ตลกร้ายดีไม่หยอกที่เมื่อสิ้นชีพไปแล้วถึงได้รู้ความจริงที่เมียที่รักยิ่งกว่าชีวิตปกปิดมาตลอดหลายปีนางบัวงามนั้นวิญญาณหลุดออกจากร่างก่อนที่จะได้พูดคุยกันตามประสาผัวเมีย แน่นอนว่าวิญญาณของเธอคงหลงวนเวียนอยู่ในวัฏจักรสงสาร หรือที่ไหนสักแห่งที่ดวงจิตสุดท้ายก่อนตายนึกถึงดั่งเช่นเขา แน่นอนว่าในทีแรกขุนแสนคำคิดที่จะเจรจากับเมียก่อน
“ฮื้อออ อะ อ๊ะ พี่ผี บะ... เบากับฉันหน่อย อื้ออออ” เสียงหวานครางสูงในลำคอเมื่อความเสียวซ่านแล่นพล่านไปทั่วสรรพางค์กาย เนื่องจากไม่ประสานี่จึงเป็นสัมผัสแปลกใหม่ แต่ร่างกายกลับให้ความรู้สึกคุ้นเคยราวกับเธอเคยร่วมรักกับชายตรงหน้าเมื่อยังมีชีวิตมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแต่ถ้าจะอัดกันเอาๆ เหมือนลูกบาสแบบนี้ ถ้าไม่ติดว่าเป็นผีนะจะไปรีวิวติดลบในพันติ๊ปให้รู้กันทั่วเลย ผู้ชายยุคกรุงศรีมันรุนแรงกับผู้หญิงทุกคนเลยไหมเนี่ย“มิคณามือเลยสักนิด มึงมีฤทธิ์เดชเพียงแค่นี้ อย่าได้หวังจักทำให้กูพึงใจได้เลย” เสียงหนั่นเนื้อกระทบกันดังก้องในโสตประสาท พร้อมกับเสียงทุ้มเยือกเย็นที่ส่อแววปรามาสไม่จบไม่สิ้น “มิลองไปเขาโรงรับทำชำเราบุรุษไปเป็นโสเภณีดูหรือไร เผื่อจักมีกลเม็ดพิชิตใจชายได้มากกว่านี้”โรงรับทำชำเราบุรุษ? โสเภณี?อ้อ ไอ้ผีหน้าหล่อนี่มันกำลังประชดว่าเธอเด็ดไม่เท่าน้องหรี่ตัวจริงอยู่นี่หว่า“พะ... พูดแบบนี้ต่อยกันดีกว่า อะ อ๊า!” สิ้นประโยคนั้นความอุ่นร้อนก็โอบล้อมภายในท้องน้อยเมื่อชายร่างแกร่งเหนือตัวเสร็จสมดั่งใจหมาย ผีหนุ่มไม่ได้แสดงท่าทางอดกลั้นใดๆ เนื่องจากเมื่อตายเป็นผีแล้วมันไม่มีความรู้สึกถ
“กระผมขออภัย กระผมจักรีบออกจากตัวท่านประเดี๋ยวนี้ขอรับคุณผู้หญิง” ดูท่าทางเลิ่กลั่กเมื่อถูกดุนั่นสิ ชายหนุ่มรีบรุดออกจากกายสาวพร้อมกับล้มลงไปคุกเข่าอยู่ที่พื้นเรือน มองหญิงงามที่ค่อยๆ หยัดตัวลุกขึ้นจัดผมเผ้าตนเองด้วยแววตาหลงใหลแม่ช่างงามเหลือเกิน ท่วงท่ายามตื่นนอนอันแสนน่าดู เพลิดเพลินกับทรวดทรงองค์เอวที่ปรากฎอยู่นอกผ้าห่มกาย ชุดรัดอกและซิ่นบางๆ นั้นเปิดความงามเหมือนยามที่เคยเอานางมาอยู่ใต้ร่าง ยามเมื่อนางอนุญาตให้ละเลียด เขาก็กัดกินนางอย่างหิวกระหาย ราวกับคุณบัวงามที่อยู่ใต้ร่างนั้นคือชิ้นเนื้อชั้นดี ที่สุนัขจรจัดอย่างเขาโหยหามาตลอดคุณบัวงามเคยบอกว่าชอบที่เขาภักดี ซื่อสัตย์ และโง่เขลาเหมือนสัตว์คุณบัวงามอนุญาตให้เขาฉกชิมตัวหล่อนได้ แลกกับการใช้งานเขาจึงได้แต่มาเฝ้ารออย่างมีความหวังว่าวันนี้นางจะใช้งานเขาด้วยอะไรอีก แลกกับการได้เอาหล่อนมาอยู่ใต้ร่างอีกครั้งไอ้ทาสนามว่ากล้าผู้นี้ จะขอถวายตัวรับใช้คุณบัวงาม ด้วยความรักความภักดีไปจนวันตายนางสาวบีที่จัดผมเผ้าเรียบร้อยแต่เห็นว่าทาสชายคนนั้นยังนั่งคุกเข่าจ้องมองเธอไม่ยอมลุกออก เลยทำได้แค่ปรายตาลงมองตาดุราวกับไล่กลายๆหากแต่หมาโง่ของนา
“ตื่นแล้วหรือบัวงาม? อาการไข้ของลูกดีขึ้นแล้วหรือไร” หลวงศรีจันทร์เมื่อเห็นลูกสาวก็โพล่งขึ้นมาอย่างชื่นมื่น ดูออกจะแปลกไปเสียหน่อยกับเหตุการณ์ที่ลูกเขยเพิ่งเสียชีวิตจากสงคราม ทั้งที่ควรจะไว้ทุกข์แท้ๆ กลับทำเหมือนเป็นเรื่องปกติ ฝ่ายนางจันทร์งามเองก็มองลูกสาวตนเอง แน่นอนว่าได้เล่าให้สามีฟังแล้วว่าทันทีที่ฟื้นจากพิษไข้ ลูกมีท่าทีประหลาดอย่างไรบ้าง นางสาวบีสัมผัสได้ถึงสายตาของแม่ที่ดูเคลือบแคลง จึงทำทียกมือขึ้นมากุมหน้าผาก ทำทีปวดหัวการละคร “ฟื้นแล้วเจ้าค่ะคุณพ่อ แต่ลูกอาจเบลอจากพิษไข้เล็กน้อย จนก่อนหน้านี้เผลอแสดงกิริยาไม่งามกับคุณแม่ไป” ว่าพลางเดินมานั่งข้างๆ นางจันทร์งาม ซุกแขนแม่ของตนทำทีออดอ้อนให้เห็นใจ “ลูกต้องขอโทษคุณแม่ด้วยนะคะ” อย่างไรก็ห้ามให้คนในบ้านรู้เด็ดขาดว่าเธอเป็นคนอื่น ไม่ใช่เจ้าของร่างที่มาสิงอยู่ “ตายจริง ก็นึกว่าเลอะเลือนจนหลงลืมแม่ของเจ้าไปเสียแล้ว” คุณหญิงจันทร์งามมีสีหน้าโล่งอกขึ้น หลังจากกังวลอยู่นานว่าบุตรสาวของตนอาจจะวิปลาสไปเพราะไอ้ลูกเขยตามหลอกหลอน นึกแล้วก็แค้นใจนัก ตายไปดีๆ ไม่ได้หรือไร ทำไมต้องมาตามรังควานลูกนางอีก “ลูกยังฝันร้ายถึงพ่อแสนคำอยู่หรือไม่
หญิงนางหนึ่งงดงามเหลือจักกล่าว มีข่าวคราวถึงนางให้โศกศัลย์ด้วยท่านพ่อต้องการเมียมากอนันต์ รับหญิงหม้ายขันหมากมาสู่ขอท่านพี่เป็นเช่นไรในเเดนสรวง คงเย็นยวงมิได้กันเเล้วหนาถ้าได้กลอนนี้เมื่อไรจงตอบมา เเลข้าจักส่งคนไปในเร็ววันลงชื่อลายมือยิ่งยง ผู้เป็นน้องรักของเจ้าคุณพี่เสมอมาไอ้ยิ่งยงมันช่างเจ้าบทเจ้ากลอนมิเคยเปลี่ยนเลยสิหนา คงอยากให้ข้ารู้จนตัวสั่นว่าตนเองนั้นเล่าเรียนได้ระดับสูงถึงเพียงไหนริมฝีปากหยักลึกฉีกยิ้มพลางสอดกระดาษนั้นเผาลงกับไฟตะเกียง กลิ่นกำยานหอมผสมปนเปกับกลิ่นยาสูบจนเกิดกลุ่มควันลอยฟุ้ง ร่างกายเปลือยเปล่าของหญิงสาวนางหนึ่งซุกไซร้อยู่เบื้องบนร่างกายกำยำใหญ่โตของ ‘ยอดหล้า’ พี่ชายคนโต ที่ตอนนี้เพิ่งได้รับตำแหน่งขุนหลวงมาเมื่อไม่นานนัก“จดหมายนั้น... ท่านเผามันทำไมกันหรือเจ้าคะ” หญิงสาวโฉมสะคราญถามถึงแผ่นกระดาษที่เห็นลายมืองดงามที่ค่อยๆ เผาไหม้ไปเป็นเถ้าถ่าน ยอดหล้าหันกลับมาสบหน้าหล่อน พลางส่ายหน้า“กระผมได้รับข่าวเรื่องการหมั้นหมายของคุณแม่คนใหม่ เลยวุ่นวายใจเล็กน้อยขอรับ”“แต่ข่าวลือเรื่องการหมั้นหมายกับเมียหม้ายของขุนหลวงที่ตายในสนามรบคนนั้นกับพ่อของท่านก็เลื่องลืออ
“เดี๋ยวก่อนสิคะ... คุณพี่ แหม”เสียงที่ดังเล็ดลอดออกมาจากภายในหอนอนที่ราวกับเป็นเรือนหอของพระยาสิงขรและเมียคนที่สามอย่างออกหน้าออกตานั้นทำให้แม่เอื้องน้อยที่ยืนเงี่ยหูฟังร่วมกับพี่เลี้ยงประจำตัวด้านนอกบานประตูด้วยอารามถือวิสาสะถึงกับเจ็บแปลบปลาบที่อกอิ่มอย่างไม่มีสาเหตุ ดวงหน้าสาวลูกครึ่งซีดเผือดลงถนัดตา เนื่องจากก่อนที่คุณพี่เลือกที่จะหมั้นหมายกับผู้หญิงคนนี้ เขาให้เหตุผลว่าแค่เพียงต้องการดูแลหนึ่งในสิ่งที่อดีตลูกศิษย์นั้นให้ความสำคัญมาก พระยาสิงขรอ้างว่าขุนหลวงที่ตายไปในสงครามคนนั้นมาเข้าฝันว่ายังมีห่วงต่อผู้หญิงคนนี้แต่มันก็ไม่ชอบมาพากลตั้งแต่แรกแล้ว เธอรู้ว่าคุณพี่มีรสนิยมเรื่องกามเพศนั้นรุนแรงจนแม้กระทั่งคุณผู้หญิงยังรับไม่ไหว และเธอเองก็ไม่ใช่คนที่เขาต้องการ เขาจึงมักไปหาเศษหาเลยจากโสเภณีเหล่านั้นนอกบ้านนอกเรือนเสมอ แต่ไม่คิดว่าเขาจะอยากครอบครองแม้กระทั้งเมียของลูกศิษย์ตนเองผู้หญิงคนนี้เอง... ก็อาจพ่ายแพ้ต่อยศถาบรรดาศักดิ์ จนเลือกเข้ามาเป็นอนุภริยาพระยาคราวพ่อก็ได้น่ารังเกียจสิ้นดี สุดท้ายแล้วเขาก็เลือกกินแม้กระทั่งผู้หญิงของคนที่ปากบอกว่าเอ็นดูมาแต่เด็กหนักหนาจะแก้ตัวว่าลูก
แต่มันก็สายเกินกว่าจะร้องขอชีวิตจากขุนแสนคำได้แล้วเช่นกันนายพลตูระเซยะรู้สึกได้ถึงความเย็นวาบที่ซึมซาบมาตามผิวหนัง พอก้มลงมองตรงช่วงอกก็เห็นโลหิตสีแดงฉานค่อยๆ ขยายไปตามบาดแผล สัมผัสได้ถึงกระสุนที่ฝังเฉียดก้อนเนื้อที่เต้นตุบๆ อยู่ภายในร่างกายไปเพียงนิ้วเดียวทาบ วินาทีแรกเขาตกใจสุดขีด เพราะตนเองนั้นเป็นนักรบผู้ไร้พ่าย ไม่เคยมีกระสุนไฟหรือดาบพร้าใดที่สามารถเฉียดเนื้อหนังของตนได้มาก่อน แต่นี่เป็นครั้งแรกที่กระสุนเฉียดขั้วหัวใจของเขาไปได้เพียงเสี้ยวเดียวกว่าจะรู้สึกตัวทั้งร่างกายก็ชาหนึบไปทั้งตัว กายาใหญ่ค่อยๆ หงายหลังลงไป ร่วงหล่นกระแทกกับพื้นไม้ เลือดมากมายทะลักออกปาก โลหิตเจิ่งนองทั่วบริเวณ ดวงตาที่เหลือกขึ้นบนสบตาเข้ากับร่างใหญ่กำยำของพระยาสิงขรที่ยืนค้ำอยู่เหนือหัว ดวงตาสีหม่นที่หลุบมองลงมานั้นเย็นยะเยือกราวกับกำลังมองสัตว์ร้ายที่ตนเองเพิ่งกำจัดไป“อั่ก... ไอ้” ไม่มีรูปประโยคใดๆ ออกมาจากริมฝีปากที่ซีดเซียวนอกจากเลือดที่ทะลักทะล้นออกมาเต็มอุ้งปากที่เริ่มออกสีคล้ำนางสาวบีเพิ่งเห็นท่าทางของคนที่กำลังอยู่ในอาการโคม่าจากการโดนยิงเป็นครั้งแรก หล่อนค่อยๆ คลานออกมาจากใต้เตียงหลังเกิดเสียงร
ถ้าในฐานะกายหยาบของพระยาสิงขร นางบัวงามไม่ต่างอะไรกับคนแปลกหน้าก็จริง แต่สำหรับวิญญาณขุนแสนคำ หล่อนคือไส้ศึกของเขารวมทั้งเป็นเมียของเขาด้วย“กูขอปฏิเสธที่จะยกบัวงามให้ ขอโทษที พอดีผู้หญิงที่ชั่วช้าคนนี้เป็นเมียที่กูหลงจนคลั่งมากเสียจนกู่ไม่กลับแล้ว”นางสาวบีไม่ได้ใจสั่นระรัวให้กับประโยคนั้น เธอไม่ใช่คนโง่งมที่บูชาและจมปลักกับความรัก จริงๆ ก็พอจะเดาได้ว่าขุนแสนคำอาจจะพูดแบบนี้เพื่อแสดงละครตบตาอีกฝ่าย เลยเตรียมสติสตังมาอย่างดี“งั้นรึ งั้นกูจักขอใช้กำลังแย่งมาจากมึงก็แล้วกัน!!”ดวงตาคมคร้ามของนายเหล็กวาวโรจน์พร้อมกับพุ่งตรงเข้าหาพระยาสิงขรในเนื้อที่อันจำกัด แต่มือของชายวัยกลางคนนั้นว่องไวราวกับคาดเดาเอาไว้อยู่ก่อนแล้ว เขาลั่นไกปืนทันที เฉียดไหล่เปลือยของร่างนายจ้อยไปจนเกิดบาดแผลถลอกเพียงเท่านั้น แต่นั่นส่งผลให้นายเหล็กมาถึงตัวของชายหนุ่มได้จนประชิดตัว เขาก้มหลบด้ามปืนเหล็กที่อีกฝ่ายตวัดจะฟาดแสกหน้า พยายามเข้าประชิดนางบัวงามที่ก้มหมอบอยู่แทบเท้าของพระยาสิงขร แต่ก็โดนขวางทางด้วยร่างกำยำ ชายวัยกลางคนเหวี่ยงหมัดกระแทกครึ่งปากครึ่งจมูกของนายเหล็ก ในขณะที่อีกฝ่ายบิดมือชักด้ามพร้าเข้าฟันแขนแก
“ให้ตายเถิด คิดว่าจักมิพิษสงมากกว่านี้ แต่เนื้อแท้ก็แค่ตาแก่ตัณหากลับเท่านั้น หลงอีนี่จนโงหัวไม่ขึ้น รู้หรือไม่ว่านางกระทำชั่วสิ่งใดลับหลังผัวเก่...!!”ปัง!!“กรี๊ด!”เสียงปืนคาบศิลาดังกึกก้องไปทั่วหอนอนทันทีที่ยังไม่สิ้นคำครหา ส่งผลให้มีเสียงนกกาแตกตื่นรอบบริเวณต้นไม้รอบเรือน บ่าวชายร่างใหญ่ล้มลงหงายท้องตึงสู่พื้นไม้โดยพลัน พร้อมกับเลือดมากมายที่เจิ่งนองออกมาจากศีรษะดวงตาของนางบัวงามเบิกกว้างสุดขีด รีบผลุนผลันถลาลงจาดเตียงนอนเพื่อมองสภาพศพ หากแต่กลับโดนเรียวแขนแกร่งขวางทางเอาไว้“พี่ทำอะไรลงไปเนี่ย!” ร่างเล็กรีบหันไปปรามาสสามีของตนเอง หากแต่สีหน้าของพระยาสิงขรยังคงความเรียบเฉยค่อนไปทางเย็นยะเยือกจนน่าขนลุก ราวกับว่าเขาเพิ่งกำจัดสิ่งที่แสนโสโครกออกไปก็ไม่ปาน“ถ้ายังดูมิออก ก็ตายตามมันไปเสีย” วาจาช่างไร้ความเห็นใจ นางสาวบีกลอกตามองบน อาจจะเพราะชินชากับนิสัยและปากหมาๆ ของขุนแสนคำเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่กว่าจะรู้ตัวร่างกายใหญ่โตที่ล้มหงายท้องลงไปนอนจมกองเลือดอยู่ที่พื้นนั้นก็หยัดกายขึ้นมายืนเต็มความสูงอีกครั้ง พร้อมๆ กับหน้าผากที่ควรจะเป็นรูโหว่และเลือดทะลั่กกลับมีแค่รอยเขม่าดินปืนเเละแผ
หากแต่... ชั่วขณะหนึ่งที่นายเหล็กคิดดูหมิ่น ดวงตาคมกริบเหลือบมองตรงมาที่เขาในทันที และจ้องมองอยู่เนิ่นนานเป็นนาทีก่อนที่มุมปากจะยกสูงเพียงเล็กน้อยอยู่ในถิ่นกู จงหัดเจียมตนเสียบ้างเถิดสุรเสียงท้าทายดังกึกก้องในภวังค์จิต ราวกับต้องการให้ล่วงรู้ความคิดของอีกฝ่าย นายเหล็กมองไปยังชายวัยกลางคนที่ยืนกอดอกอยู่ริมบานหน้าต่าง ดวงตาสีทมิฬกำลังตีหน้านิ่วคิ้วขมวด หากแต่เสียงที่กังวานชัดอยู่นั้น คือเสียงของชายข้างบานหน้าต่างที่ใช้อาคมคุยผ่านจิตส่งมาให้เขามันมิวิชาด้วยหรือ?ดวงตาคมปลาบของนายเหล็กแอบซ่อนความหงุดหงิดฉุนเฉียวเอาไว้ พร้อมๆ กับร่างใหญ่ที่ยืนริมหน้าต่างชักม่านปิดลงและบดบังภาพภายในหอนอน จากต้นโพธิ์ที่แผ่กิ่งก้านสาขาตรงนี้นั้นไม่สามารถมองเห็นเงาเลือนรางภายในได้ชัดถนัดนัก นายเหล็กรู้สึกระคายใจ เขารอจังหวะที่บ่าวนายหนึ่งเดินมาใกล้ต้นโพธิ์ ก่อนที่จะกระโดดตะครุบคอของมันและหักคอของบ่าวคนนั้นจนบิดผิดรูปไปอีกข้าง ทุกกระบวนการที่ทำนั้นเงียบสงัดไร้สุ้มเสียงร่างกำยำคล้ำแดดของนายบ่าวล้มลงไป นายเหล็กลากเขาไปซ่อนหลังต้นโพธิ์ และสวดคาถาจนสามารถแปลงกายเป็นบ่าวคนนั้นได้ทุกกระเบียดนิ้ว พร้อมกับชักคบเพล
“สุดท้ายอีนังนั่นก็เป็นแค่นางนกต่อของพวกโยดะยา”ร่างกายกำยำใหญ่ปักหลั่นราวกับยักษ์มารนั้นหลบอยู่บนต้นไม้ที่กิ่งใหญ่โน้มลงจนเห็นภาพบานหน้าต่างที่ส่องสว่างจากแสงตะเกียงในยามค่ำคืน บ่าวไพร่กำยำต่างยืนล้อมรอบเรือนใหญ่หลังนั้น ชายหนุ่มในผ้าถกเขมรขมวดขึ้นจนเห็นรอยสักที่ต้นขาแกร่ง ผมยาวหยกศกปรกดวงหน้าคมคาย ฝ่ามือที่กำแน่นกับกิ่งไม้นั้นกำแน่นจนสั่นอย่างน้อยการเอาเถ้ากระดูกไปให้พระองค์... อาจจักใช้เวทย์เขมรเสกให้ชายผู้นั้นกลับมามีชีวิตและเป็นพรรคพวกของเราได้ พระองค์หวังอยากได้มันมาเป็นเชลยตัวเป็นๆ แต่ในสนามรบนั้นมันเก่งกาจจนสุดท้ายเขาจึงจำเป็นต้องฆ่าเพื่อดับลมหายใจ ไม่เช่นนั้นทหารไพล่พลที่รวบรวมมา ได้ตายห่ากันไปไม่เหลือซากแน่ๆสุดท้ายแล้วเมื่อแผนการไม่เป็นดั่งใจพระองค์ จึงมีรับสั่งให้เขามาแฝงตัวเป็นเชลยเพื่อตามหาเถ้ากระดูกผีตายโหงเช่นไอ้แสนคำ เพื่อนำกลับมาฝั่งพม่ารามัญเพื่อประกอบพิธีกรรมต่อไปแต่ที่ฝังเถ้ากระดูกนั้นเป็นปริศนา ไม่ว่าจะพยายามสืบสาวราวเรื่องมากเท่าใด กลับคว้าแต่น้ำเหลว ข่าวลือความเฮี้ยนของขุนแสนคำดังเข้าหูเป็นระยะๆ หากแต่ไม่ได้พบเจอด้วยตนเองสักคราจนได้ข่าวมาจากใครสักคนที่ใกล้ชิ
ในช่วงพลบค่ำ ถึงจะทำเป็นไม่สนใจกัน แต่พระยาสิงขรก็กลับมานอนที่หอนอนของนางบัวงามตามประสาผัวเมียโดยที่หล่อนเองก็ไม่ได้ต้องการตอนมื้อกลางวันก็พยายามกลั่นแกล้งกัน แล้วคราวนี้อะไรอีกเนี่ย?เขายืนไพล่หลังอยู่หน้าบานหน้าต่าง มองก้อนเมฆที่แทบบดบังดวงจันทร์จนหมด พร้อมกับเหลือบมองไปยังแผ่นหลังงามที่กำลังใช้หวีสางผมตนเอง การทำเหมือนกิจวัตรประจำวันทั่วไป แต่ไม่รู้เพราะเหตุใดกลับมีเสน่ห์เย้ายวนตาจนน่าเหลือเชื่อ ตั้งแต่ที่ได้รู้ใจตนเองว่าสุดท้ายก็เป็นทาสความรักให้เธอไม่คลาย เขาไม่ได้ล้มเลิกความตั้งใจที่จะตามหาชู้ทุกคนของนางบัวงาม หรือแม้กระทั่งตามหาพ่อที่แท้จริงของก้อนเนื้อในท้องเธอเลยแม้แต่นิดเขายังคงคาดโทษเธอเอาไว้เทียบเท่ากับสิ่งที่ทำเอาไว้ หากแต่ความย้อนแย้งในใจก็ทำให้เผลอต้องเหลียวมองอยู่เรื่อยไปแต่เมื่อได้เข้าสู่ร่างมนุษย์ที่จิตใจเปราะบาง บิดเบี้ยวและคาดเดาได้ยากนัก ทำให้เขาก่อเกิดความรู้สึกมากมายที่ไม่เคยคิดเอาไว้ในตอนที่เป็นผีที่ใครๆ ในอยุธยาต่างก็เกรงกลัวในด้านของนางสาวบีเองก็รู้สึกว่าถูกแอบมองจากคนร่างใหญ่ตรงนั้นอยู่สักพักเหมือนกัน แต่พอหันกลับไปสบตากลับเขาก็หันหนีไปมองท้องฟ้าภายนอกเห
คำเชิญชวนนั้นดูอันตรายราวกับแม่แมงมุมที่ชักใยรอให้เหยื่อไปติดกับ แต่คิดว่าในฐานะของแม่เอื้องน้อยในตอนนี้จะสามารถต่อกรกับผู้หญิงที่ไม่ว่าจะดูจากมุมไหนก็ไม่มีทางเข้ามาในรูปแบบที่เป็นมิตรเช่นนางบัวงามได้อย่างนั้นน่ะหรือ? หลังจากที่ถูกผู้หญิงคนนี้จับได้ว่าเธอเข้ามาในหอนอนฝั่งของเธอเพื่อที่จะลอบค้นข้าวของส่วนตัวน่ะนะ เป็นใครจะให้ไว้ใจได้ลงถ้าเป็นเมียรองบ้านอื่นน่าจะพอมีอำน่าจไปต่อกรกับอนุภรรยาที่อ่อนกว่าได้ แต่เอื้องน้อยไม่ได้อยู่ในสถานะที่เป็นต่อใครแบบนั้น“... ค่ะ”มีแต่ต้องยอมรับการเชื้อเชิญที่ดูยังไงก็คงจะลวงเข้าไปลงโทษกันได้โดยไม่มีข้อแม้เท่านั้นเองหากแต่เมื่อเดินเข้ามาด้านในหอนอนที่น่าจะเป็นฝั่งของคุณพี่แล้ว ดูเหมือนว่าผู้หญิงตรงหน้าจะต้อนรับขับสู้เธออย่างดี จากการส่งบ่าวให้เอาน้ำรองดอกมะลิมาให้ดื่มแก้กระหาย ไหนจะการชวนคุยอย่างเป็นธรรมชาติยกตัวอย่างเช่น...“จริงหรือเปล่าเจ้าคะที่คุณเอื้องเป็นแม่ของเจ้ามิ่งขวัญ?”“แค่กๆ” แม่เอื้องน้อยสำลักน้ำออกมา อีกฝ่ายทำเหมือนว่าไม่รู้อย่างนั้นล่ะ หรือจงใจจักค่อนขอดกันว่ามิ่งขวัญดูเหมือนลูกชายของคุณหญิงทองพินมากกว่า? “ใช่ค่ะ แต่ก็ไม่ได้ดูแลเลี้ย