“ตื่นแล้วหรือบัวงาม? อาการไข้ของลูกดีขึ้นแล้วหรือไร” หลวงศรีจันทร์เมื่อเห็นลูกสาวก็โพล่งขึ้นมาอย่างชื่นมื่น ดูออกจะแปลกไปเสียหน่อยกับเหตุการณ์ที่ลูกเขยเพิ่งเสียชีวิตจากสงคราม ทั้งที่ควรจะไว้ทุกข์แท้ๆ กลับทำเหมือนเป็นเรื่องปกติ
ฝ่ายนางจันทร์งามเองก็มองลูกสาวตนเอง แน่นอนว่าได้เล่าให้สามีฟังแล้วว่าทันทีที่ฟื้นจากพิษไข้ ลูกมีท่าทีประหลาดอย่างไรบ้าง
นางสาวบีสัมผัสได้ถึงสายตาของแม่ที่ดูเคลือบแคลง จึงทำทียกมือขึ้นมากุมหน้าผาก ทำทีปวดหัวการละคร
“ฟื้นแล้วเจ้าค่ะคุณพ่อ แต่ลูกอาจเบลอจากพิษไข้เล็กน้อย จนก่อนหน้านี้เผลอแสดงกิริยาไม่งามกับคุณแม่ไป” ว่าพลางเดินมานั่งข้างๆ นางจันทร์งาม ซุกแขนแม่ของตนทำทีออดอ้อนให้เห็นใจ “ลูกต้องขอโทษคุณแม่ด้วยนะคะ”
อย่างไรก็ห้ามให้คนในบ้านรู้เด็ดขาดว่าเธอเป็นคนอื่น ไม่ใช่เจ้าของร่างที่มาสิงอยู่
“ตายจริง ก็นึกว่าเลอะเลือนจนหลงลืมแม่ของเจ้าไปเสียแล้ว” คุณหญิงจันทร์งามมีสีหน้าโล่งอกขึ้น หลังจากกังวลอยู่นานว่าบุตรสาวของตนอาจจะวิปลาสไปเพราะไอ้ลูกเขยตามหลอกหลอน นึกแล้วก็แค้นใจนัก ตายไปดีๆ ไม่ได้หรือไร ทำไมต้องมาตามรังควานลูกนางอีก “ลูกยังฝันร้ายถึงพ่อแสนคำอยู่หรือไม่ มันเฮี้ยนจนลือไปทั่วพระนครเลยเชียว”
นางสาวบีชะงัก พลันนึกถึงคำพูดของผีนายแสนคำที่กำชับหล่อนก่อนที่จะตื่นจากนิมิต
“กลับไปสืบสาวราวเรื่องต่อในตอนตื่นเสีย ค้นหาชู้ทุกคนของเมียกู อย่าให้ใครล่วงรู้ว่าได้เจอกูอีก”
คงจะให้รู้ไม่ได้อีกสินะว่ายังฝันถึงเขาอยู่ แถมยังขยี้สวาทกันกลางป่าช้าอีกต่างหาก
“ไม่ฝันถึงแล้วเจ้าค่ะ พี่แสนคงหมดห่วงลูกแล้ว” ว่าพลางฉีกยิ้มกลบเกลื่อน นางจันทร์งามและหลวงศรีจันทร์ถึงกับหันไปมองหน้ากัน ในขณะที่ขุนเสือที่นั่งอยู่อีกฝั่งของนางจะหลุดหัวเราะออกมาในลำคออย่างพึงใจ
“เห็นทีว่าพี่เขยข้าคงเจอผีสาวที่ดีในภพนั้นแล้วกระมัง” เขาว่าพลางส่งสายตาคมกริบมาที่นางบัวงามที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ราวกับต้องการส่งสัญญาณอะไรบางอย่าง แต่แน่นอนว่าเธอไม่ใช่นางบัวงาม ย่อมไม่เข้าใจ “พี่บัวเอง ก็ควรหาพ่อของลูกในท้องมากลบข่าวลือการตาย แลข่าวหม้ายขันหมากของพี่เสีย”
“เสือ! หุบปากของเจ้าประเดี๋ยวนี้” นางจันทร์งามตวาดใส่ขุนเสือเมื่อได้ยินว่าพูดไม่เข้าท่า ไม่ได้สนใจว่าจะสร้างบาดแผลให้ชายตรงหน้าเนื่องจากไม่ใช่ลูกของตัวเอง เด็กหนุ่มร้ายกาจจึงยอมสงบปากลง “บัวงามตั้งครรภ์กับพ่อแสนคำ ถ้าหาผัวใหม่ คิดบ้างหรือไม่ว่าพี่ของเจ้าจักถูกครหาว่าเช่นไร”
นางสาวบีที่นั่งอยู่ข้างๆ แม่ถึงกับพยักหน้าน้อยๆ อย่างเห็นด้วยเงียบๆ
นั่นดิ ไอ้น้องชายนี่หาเรื่องให้พี่สาวตัวเองซะแล้ว ถ้าให้แต่งใหม่แล้วแผนการณ์ตามหาชู้จะเป็นยังไงเล่าไอ้บ้า หัดคิดบ้าง
“แต่ฉันนึกเห็นด้วยกับเสือ” ทั้งนางจันทร์งามและนางสาวบีในร่างนางบัวงามหันขวับไปทางหลวงศรีจันทร์ที่โพล่งเสริมความคิดของลูกชายคนที่สองออกมาอย่างตกใจ “คนตายก็ส่วนคนตาย แต่บัวงามยังต้องใช้หน้าใช้ตาในการใช้ชีวิตต่อไป แม้นจักหม้ายขันหมาก แต่นางก็ยังงาม แลยังมีชายที่ต้องการครอบครองนางอีกมาก”
“พี่... นี่มิต่างกับเอาลูกไปเร่ขายเลยนะ”
“ก็เจ้าอยากคลอดบุตรสาวที่งดงามจนเลื่องลือออกมาทำไมเล่า” ว่าพลางตบหน้าตักตนเองหัวเราะร่วนราวกับมีแผนการปอกลอกชายคนใหม่ด้วยหน้าตาของบุตรสาว นางสาวบีที่นั่งอยู่โดยไม่สามารถออกความคิดเห็นอะไรได้ ได้แต่คิดในใจว่า
ฉันซวยแล้ว
นอกจากจะเป็นหญิงทรามมากชู้ พ่อยังหน้าเลือดเห็นแก่เงินอีกต่างหาก
หลังจากจบการประชุมครอบครัวครั้งใหญ่ นางสาวบีเดินตรงมาที่ท่าน้ำหน้าเรือนตน มีสระบัวและปลาหลากสีแหวกว่ายอยู่ในนั้น หล่อนคิดไม่ตก เพราะถ้าโดนจับแต่งงานครั้งที่สอง มีหวังไอ้ผีขุนแสนคำได้เฮี้ยนหนักกว่าเดิมแน่นอน
เผลอๆ อาจเอาเธอตายได้ด้วยซ้ำ ข้อหานอกใจซ้ำนอกใจซ้อน เขายิ่งออกทรงผีบ้าอยู่ด้วย ขนาดกับเธอที่ไม่ใช่เมียใจชั่วของเขาด้วยซ้ำ ยังทำกันได้ลงแบบไม่แคร์ใจ
ทำไงดีวะ ไม่อยากแต่งงานอ่ะ แค่ภารกิจตามหาชู้ทุกคนของนางหญิงที่มาสิงร่างนี่ ก็ยุ่งยากจะตายอยู่แล้วเนี่ย
“บัวงาม”
แต่ทว่า... เสียงทุ้มเข้มดุดันที่ดังขึ้นด้านหลังก็ทำให้นางสาวบีหลุดจากภวังค์ความคิด แล้วเหลียวกลับไปด้านหลัง
เธอเห็นว่าน้องชายของนางบัวงาม... หมายถึงขุนเสือน่ะ กำลังเดินมาทางนี้
แต่ทันทีที่ถึงตัวนาง เขาก็...
“... อื้อ!” รั้งสะโพกผายของพี่สาวต่างแม่ของตนมากดริมฝีปากจูบอย่างหนักแน่น ปลายลิ้นอุ่นร้อนตวัดไปทั่วโพรงปากหวาน ดูดดื่ม เร้าแรง ทั้งสาดซัดความคะนึงโหยหา ก่อนที่ชายหนุ่มจะผละออกมา ทิ้งให้นางสาวบีที่โดนจูบยืนอึ้งตาค้างอยู่ตรงนั้น
“ไปบอกพ่อเสีย ไปบอกว่าลูกในท้องของพี่คือลูกฉัน”
“...”
“ไหนพี่สัญญากับฉันไว้มิใช่หรือ ว่าถ้าไอ้แสนคำมันตาย พี่จักหมั้นหมายกับฉัน!”
ขอสบถอีกทีได้ไหม
เฮ้ย! น้องชายต่างแม่มึงก็เอาเรอะบัวงาม!!
“เดี๋ยวก่อน” ทันทีที่ฟื้นคืนสติ นางสาวบีใช้แรงแค่เพียงน้อยนิดผลักร่างกำยำที่สูงกว่าหล่อนเป็นคืบออก ขมวดคิ้วทำท่าทางไม่เข้าใจ “นายกับฉัน... เราไปได้กันตั้งแต่เมื่อไหร่?”อยากรู้ซะจริงๆ ก็แสดงออกเหมือนเกลียดกันเสียปานนั้น ใครจะไปรู้ว่าจริงๆ แล้วแอบกิ๊กกันอยู่ แต่นี่สายเลือดเดียวกันนะเฮ้ย ถึงแม่ไม่ใช่คนเดียวกันแต่พ่อคนเดียวกันนะเฮ้ย นี่จะกินไม่เลือกเลยหรือ“พี่จำมิได้จริงๆ สิหนา” ชายหนุ่มตรงหน้าแค่นหัวเราะดังเหอะ ดูมีวี่แววเอาแต่ใจขี้ประชดประชันไม่ใช่น้อย “ลับหลังไอ้แสนคำ... เราขยี้สวาทกันมิรู้กี่คราต่อกี่ครา หรือพี่จักลืมไปถึงเพลาที่พี่ครวญชื่อฉันมากกว่าไอ้ขุนนั่น”โห ตรงขนาดนี้ เอามือมาตบหน้ากันยังเจ็บน้อยกว่าไหม!“พอดีฉันอาจเบลอจากพิษไข้เล็กน้อย เอาเป็นว่านายเป็นชู้ของฉันเหมือนกับกล้าใช่ไหม?” หญิงสาวโพล่งออกไปทันทีพร้อมกับทำทีวิงเวียนศีรษะให้ดูไม่ตอแหลจนเกินไป แต่เมื่อเห็นดวงตาคมกร้าวที่หรี่ลงมองอย่างขุ่นขวาง ก็รู้สึกว่าตนเองคิดผิดที่คิดไปกระตุกหนวดเสือ“อย่าเอาฉันไปเทียบกับไอ้ทาสชนชั้นไพร่นั่น อีกอย่างฉันมิใช่ชู้ ฉันคือพ่อที่แท้จริงของลูกในท้องพี่” ว่าพลางใช้ร่างกายกำยำนั่นเดินต้อนหญ
“เมียพี่มันมีน้องหมาเป็นทาสชายที่ชื่อกล้า และน่าจะเคยมีอะไรกันมาแล้ว แถมยัง... นอนกับน้องชายต่างแม่ของตัวเองอีก!” “...” “แถมไอ้น้องเวรนั่นยังบอกว่าลูกในท้องนางบัวงามน่าจะเป็นลูกมันอ่ะ! ฉันจะทำไงดีวะพี่ กลัวชิบหายเลย นี่ขนาดเริ่มต้นนะเนี่ย” ว่าพลางตัวสั่นน้ำตาคลอตาแดงก่ำ ก็ไม่คิดว่าเจ้าของร่างจะสันดานงามไส้แบบนี้ รู้งี้ยอมตายไปเป็นผีอีกรอบดีกว่า “เรื่องนั้นกูรู้ดี” “!!!” แต่เมื่อผีชายหนุ่มเหนือร่างเล็กโพล่งขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น นางสาวบีถึงกับผงกหัวขึ้นไปมองเขาอย่างแปลกใจ ขุนแสนคำที่อยู่เบื้องบนมีสีหน้าร้าวราน เขาทั้งแค้น และทั้งเสียใจกับการกระทำของเมียตนเอง “กูถึงอาฆาตมันมากอย่างไร ไอ้ขุนเสือนั้นอยู่ทัพหน้าเช่นเดียวกันในสงครามที่ปะทะกับอาณาจักรอังวะ กูคิดในครานั้นว่ามันต้องมีกระไรพิกลในตัวมัน” “...” “มันอาจจักเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้กูถึงแก่ความตายก็เป็นได้” เมื่อขุนแสนคำสันนิษฐานออกมาแบบนั้น โดยไม่มีวี่แววเหี้ยมโหดเหมือนคราแรกที่พบกัน นางสาวบีค่อยๆ ขยับตัวลงนั่งพับเพียบเพราะคุกเข่าจนเมื่อยน่อง ยอมรับว่าตกใจเหมือนกัน แต่ไม่แปลกใจถ้าขุนเสือจะวางแผนฆ่าพี่เขยของตนเอง เพราะหล่อน
“หนองน้ำเนี่ย... หนองสมชื่อเลยเนอะ ปลาตายเกลื่อนเลย” หล่อนวิพากษ์วิจารณ์ออกมาโดยไม่สนใจสายตาดุดันของขุนแสนคำที่ปราดมองมา แต่ที่แบบนี้จะให้ไปกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันเนี่ย “งั้นวันนี้ขอพัก ไม่ทำแล้วได้ไหมพี่ผี” “อย่าทำเหมือนมึงมีทางเลือกมากนัก” เสียงนั้นแข็งกร้าวพร้อมชนเสมอ ขุนแสนคำไม่ชอบผู้หญิงที่ขัดใจตัวเอง โดยเฉพาะผู้หญิงที่ในสายตาของเขาเป็นได้แค่เพียงทาส ในสมัยที่ยังมีชีวิต ผู้หญิงที่เขาจะทำดีด้วยมีเพียงสี่คนเท่านั้น คือมารดา น้องสาว เมีย และแม่เมียเท่านั้น ส่วนทาสหญิงที่พยายามเข้าหาหรือแม้แต่กระทำตัวเลินเล่อขัดอกน่ะหรือ มันพวกนั้นจะถูกใช้งานอย่างหนัก และมีบทลงโทษทุกครั้งที่ทำให้ขัดใจ เขาน่ะมันไม่เคยปราณีใครตั้งแต่มีชีวิตอยู่แล้ว ด้วยนิสัยที่ติดมาจากการเป็นนักรบที่อ่อนข้อไม่เป็น และวิญญาณที่สิงสู่ร่างนางบัวงามมันเป็นลูกเต้าเหล่าใคร? เหตุใดถึงต้องสนใจว่าต้องคิดเห็นเช่นไร อย่างไรก็เป็นแค่เพียงดวงจิตที่ไร้เพศอยู่ดี “แต่มัน...” “ก็เลือกเสีย ว่ามึงอยากจักตายด้วยเงื้อมมือกู หรือจักลงไปในหนองน้ำ” ดุจริงพ่อคุณ คราวก่อนยังใจดียอมแปลงร่างเปลี่ยนบรรยากาศให้อยู่เลย นางสาวบีนึกขุ่นเคือง ก็คงเพ
“คือหมายความว่านายเหล็กอะไรนี่ก็เป็นชู้ฉันหรือ!” “กระผมมิแน่ใจ เขามิได้บอกกระไรไปมากกว่าฝากข้อความผ่านกระผมว่า... อยากให้คุณบัวงามไปเจอเขาในวันพรุ่ง ช่วงย่ำค่ำ ที่โรงตีเหล็กท่าม่อย แลฝากขอลุแก่โทษที่มิสามารถเขียนจดหมายเป็นลายลักษณ์มาเชิญท่านได้” ไม่ทราบ ก็เหมือนทราบ เล่นนัดเจอขนาดนี้ แถมเป็นช่วงราตรี ต้องชู้ไม่ผิดแหง เอาล่ะ ในที่สุดก็จะได้ทำความรู้จักกับชู้คนที่สามของนังหญิงใจทรามนี่สักที “ฉันเข้าใจ ว่าแต่โรงตีเหล็กท่าม่อยมันอยู่ตรงไหนกัน?” นางสาวบีพยักหน้ารับรู้แต่ก็ต้องเหงื่อตก เพราะหล่อนแทบไม่รู้ที่ทางของบ้านเมืองในสมัยนี้เลย นายกล้าที่คุกเข่าจ้องหน้าหล่อนอยู่เบื้องล่างจึงชี้ไปที่ตนเอง “กระผมจักพายเรือพาท่านไปส่งเองขอรับ... โรงตีเหล็กท่าม่อยตั้งอยู่ติดท่า กระผมรู้ที่ทางเป็นอย่างดี” “ขอบใจนะนายกล้า” “แต่...” เมื่อนางสาวบีเอ่ยคำขอบคุณทาสหนุ่มที่แทบอุทิศชีวิตถวายตัวรับใช้นางบัวงามแล้ว นายกล้าจึงหลุดโพล่งขึ้นมา สีหน้าของเขาดูมีเลศนัย รอยยิ้มใสซื่อแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความกระหาย ราวกับกำลังรอของรางวัลแสนสำคัญ “กระผมทำตามที่คุณบัวงามสั่งทุกอย่าง... ครานี้ รางวัลของก
“ว่าเช่นไรนะ?”ขุนเสือที่ได้ยินประโยคนั้นถึงกับยืนชะงักค้าง เขาย้อนถามหล่อนอีกครั้ง นางบัวงามจึงจัดผมเผ้าของตนเอง พร้อมกับหย่อนปลายเท้างามลงบนพื้นกระดานเรือน หยัดยืนเต็มความสูง“อ๋อ สมัยนี้คงไม่รู้จักคำนี้ใช่ไหม เอาเป็นว่า อย่าแส่ ขอร้อง เป็นแค่น้องไม่ต้องทำอยากมีบทบาทในตัวฉันมากได้ไหม” หล่อนพูดได้ตรงไปตรงมา และหยาบคายเกินกุลสตรี นางบัวงามในแบบปรกติแทบไม่อยากมีปากเสียงกับเขาเพราะกลัวเรื่องราวคาวๆ ของตนเองหลุดออกไปถึงหูเจ้าคุณพ่อ แต่หลังจากที่ฟื้นพิษไข้หนัก นางเปลี่ยนไปมาก“นี่กล้าพูดกับกูเช่นนี้เชียวหรือ!”“ก็จะพูด ทำไมเหรอ ฉันจะร่าน ฉันจะร่าน จบไหม” ชายหนุ่มตัวใหญ่โกรธเกรี้ยวจนตัวสั่นเมื่อนอกจากหล่อนจะไม่กลัวเสียงตะเบ็งของเขาแล้ว นางบัวงามยังเชิดหน้ามองเขาอย่างอวดดี “แล้วไม่ต้องจับนายกล้าไปเฆี่ยนนะ เราแค่หยอกล้อกันตามประสานายกับทาสเท่านั้น”หมับ!“นี่มึงบ้าไปแล้วหรือไรบัวงาม รู้ใช่หรือไม่ว่ากูสามารถทำกระไรได้บ้าง?” ฝ่ามือหนาคว้าหมับเข้าที่ข้อมือเล็ก กำแน่นจนหญิงสาวเบ้หน้า หมอนี่เป็นผู้ชายจะแรงมากก็ไม่แปลก แต่นางสาวบีไม่ชอบที่คนเป็นผู้ชายจะมาข่มเหงผู้หญิงแบบนี้ถึงนางบัวงามจะส่ำส่อนน่
“อย่ามาเข้าใกล้กู!” เสือในวัยเด็กที่เดินตามพี่สาวต่างแม่ต้อยๆ ไปจนถึงกลางสวนดอกจำปีจำปาข้างสระบัว เมื่อขยับมือเล็กไปคว้าชายสไบได้ กลับถูกพี่สาวที่งดงามยิ่งกว่าใครสะบัดมือทิ้งพร้อมกับผลักเขาล้มลงไปกับพื้น พลั่ก! “ฉะ... ฉันแค่เพียงอยากสนิทสนมกับพี่เท่านั้น!” เสียงเล็กโอดครวญทั้งน้ำตา พี่บัวงามในวัยสิบสองปีเชิดหน้าขึ้น หล่อนที่เป็นที่เลื่องลือตั้งแต่เด็กว่าหน้าตางดงามราวกับนางสวรรค์ ผมยาวสลวยสีดำขลับเป็นลอนเงางาม ดวงตากลมโตสีรวงข้าวที่สดใส ผิวขาวผ่องอมชมพู ที่ไม่ว่าจะสวมใส่อาภรณ์แบบไหนก็งดงามเกินวัย “มิจำเป็นต้องสนิทสนมอันใด มึงเป็นเพียงลูกบ่าว อย่าคิดมาเทียบเคียงกู!” เสือนั้นนึกชื่นชมพี่สาวของตนเองอยู่เสมอ เขามองเธอเป็นเทพธิดาที่เกินจะเอื้อมถึง ด้วยความเป็นเด็ก เขาคิดว่านั่นเพราะว่าเธอสูงส่งเกินไป เธอช่างงดงาม จนแม้แต่เขาที่เป็นน้องชายต่างแม่ยังไม่สามารถแตะต้องหรือพูดคุยได้ แต่เมื่อเติบใหญ่ขึ้น เสือก็ได้เข้าใจความเป็นจริงมากขึ้น เขาคือลูกของบ่าวหญิงที่หลวงศรีจันทร์หลับนอนด้วยจนมีบุตรชาย จึงได้แต่งตั้งขึ้นมาเป็นเมียคนที่สอง แต่ที่สองอย่างไรก็คือที่สอง... สุดท้ายเขาก็ไม่ต่างอะไรกับล
แต่เอาไงดีล่ะ นายกล้าก็ถือว่ายังใช้ประโยชน์ได้มากโขอยู่ จะปล่อยให้โดนเฆี่ยนตีต่อไปเดี๋ยวแผนตามหาชู้ทั้งหมดของนางบัวงามก็พังครืนกันพอดี “หยุดเฆี่ยนนายกล้าเดี๋ยวนี้นะ!” มีแต่ต้องเอาตัวไปขวางให้งามหน้าใครต่อใครเท่านั้น ร่างเล็กของนางบัวงามผลุนผลันมาขวางหน้าบ่าวชายที่เงื้อมือจะฟาดหวายลงหลังนายกล้า ท่ามกลางธารกำนัล และบิดาบังเกิดเกล้าของเธอ “ไม่ว่าใครก็ห้ามเฆี่ยนหวายใส่บ่าวของฉัน!” ดูส่อสองแง่สองง่ามชะมัด เอาเป็นว่าหาทางช่วยไอ้หมอนี่ไปก่อน ถึงมันเกือบจะปลุกปล้ำเธอไปแล้วก็ตามที “บัวงาม! ลูกเป็นบ้าไปแล้วหรือไร ออกโรงปกป้องบ่าวที่ทำให้ลูกเสียชื่อได้อย่างไรกัน!” แม้แต่หลวงศรีจันทร์เองก็ไม่เข้าใจ บัวงามไม่เคยมีกิริยาออกตัวรับแทนทาสชายคนไหนที่ทำผิด ทุกคราก็ทำเหมือนพวกมันเป็นเพียงแค่สัตว์สี่ขาเท่านั้น พวกมันเป็นไพร่ มีค่าได้แค่นั้น แต่เมื่อนางบัวงามเอาตัวที่มีแต่เสื้อนอนมาขวางแทนทาสชายที่โดนเฆี่ยนจนสะบักสะบอม สีหน้าของบ่าวชายที่อยู่รอบๆ ก็เกิดเปลี่ยนไป ชุดที่มีเพียงผ้ารัดอกจนเผยให้เห็นร่องอกขาวผ่องใต้ผ้าผ่อน รวมถึงซิ่นงามที่ฉีกขาดข้างเรียวขาจนเห็นน่องขาวอมชมพู เหล่าบ่าวชายต่างพากันกลืนน้ำลาย
“แต่ลูกตั้งครรภ์ เขาจะยอมรับได้หรือเจ้าคะคุณพ่อ?” เริ่มแรกด้วยการลองเอาน้ำมันเทราดบนแผ่นหินเผาไฟให้สาดซ่า โพล่งบอกพ่อของนางบัวงามไปตามตรงว่าหล่อนในตอนนี้กำลังตั้งท้องอ่อนๆ อยู่ อย่างน้อยโดนตั้งแง่ลงโทษ อาจยังดีกว่าไปสวมบทหมั้นหมายกับใครหน้าไหนก็ไม่รู้ หลวงศรีจันทร์ชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนที่ต่อมาจะแสยะยิ้มกริ่ม “งั้นก็ยิ่งดี! รีบพูดคุยจัดวันหมั้นหมายกับพระยาสิงขรให้ถูกต้อง แลสวมรอยลูกในครรภ์เป็นของท่านเสียเลยเป็นไร” เข้าใจแล้ว ทั้งพ่อทั้งลูก กู่ไม่กลับพอกันทั้งคู่ ทำไมพอลองหยั่งเชิงไปตรงๆ สิ่งที่ได้กลับมามีแต่อะไรที่รู้สึกว่าจะเสียเปรียบเปล่าๆ ล่ะเนี่ย อีกอย่างดูเหมือนหลวงศรีจันทร์จะรู้เรื่องที่นางบัวงามตั้งครรภ์ด้วย “งั้นก็ตามแต่คุณพ่อจะพึงใจเจ้าค่ะ ลูกยินดี” ยินดีกับผีอ่ะดิ แต่ถ้าไม่พูดแบบนี้ก็เดาทางหลวงศรีจันทร์ไม่ออกเหมือนกัน อาจเพราะนางบัวงามคงทำตามที่พ่อสั่งเสียทุกอย่างจนเก็บกดใช่ไหม เพราะไม่มีความคิดเป็นของตนเองจึงใช้ราคะเข้าครอบงำเพื่อสร้างความสุขชั่วครั้งชั่วคราว ที่อาจจะเป็นช่วงเวลาเล็กๆ ที่ได้มีความคิดและเป็นตัวของตัวเองได้บ้าง อันนี้เดาเอาเองนะ เพราะดูทรงหลวงศรีจันทร
หมับพลันนั้นพอนึกถึงดวงหน้าคมคายของพระยาสิงขรก่อนหน้าที่หลั่งน้ำตาราวกับจะแตกสลายเป็นเสี่ยงๆ ดวงตานั้นบ่งบอกว่าหลงรักปักใจกับนางบัวงามคนนี้จนถอนตัวไม่ขึ้น แต่ที่สุมไฟความแค้นก็เพราะสิ่งที่เมียตัวเองทำมันเกินให้อภัยน่าแปลกที่นางสาวบีเห็นภาพซ้อนทับใบหน้าของพระยาสิงขรที่ถูกแทนที่ด้วยขุนแสนคำที่กำลังร่ำไห้ ในตอนนั้นจึงเผลอใจตกเป็นของเขาท่ามกลางพายุฝนฟ้าคะนองที่โหมกระหน่ำแต่เมื่อเมฆครึ้มหายลับฟ้าไป ภาพตรงหน้ามีเพียงเขาที่ทิ้งให้หล่อนนอนเดียวดายอยู่บนฟูกเท่านั้รเธอไม่ได้มอบใจให้ขุนแสนคำเต็มร้อยเปอร์เซ็น แต่การที่นอนกับเขาหลายครั้ง มันก็ไม่แปลกที่จะมีความรู้สึกบางอย่างก่อเกิดขึ้นอยู่บ้างเล็กๆ น้อยๆแต่... ก็ตามนั้นล่ะนางสาวบีเป็นแค่หญิงงามเมืองให้เขาซื้อตัวจอง หน้าที่ในโลกนี้มีเพียงแค่นี้เธอไม่ควรมีความรู้สึกอะไรกับขุนแสนคำ อย่างไรก็ตายไปแล้วทั้งคู่ มันเป็นไปไม่ได้หรอก และถึงจะมีโอกาสเป็นไปได้สักสิบเปอร์เซ็นล่ะก็ เขาก็ไม่ใช่ของของเธออยู่ดีว่าแล้วก็ฉีกยิ้มต่อหน้ายิ่งยงที่ยืนจ้องมองเรือนร่างของหล่อนอย่างเปิดเผย ดวงตาของเขานั้นดูไร้พิษภัย หากแต่มองออกได้ง่ายดายเหลือเกินนะเด็กหนุ่มกับหญิ
“ถ้ามิใช่แล้วจักเป็นใครที่มีธุระกงการกับเรื่องนี้ได้... อ้อ หรือจักเป็นทองพินเจ้าคะ?”“อย่าละลาบละล้วงถึงนาง หล่อนรู้ดีว่าหล่อนแค่เพียงตบแต่งเพื่อมีลูกให้ฉันเท่านั้น มิว่าจักเป็นหล่อนหรือทองพิน”นั่นคือความคิดในใจของขุนแสนคำที่อยากพูดออกมาแทนใจท่านพระยา ก็เพราะเขาเผลอไปหลงรักเมียเอกที่จ้องจะฉีกอกกันทุกคราที่มีโอกาส ภายในบ้านของท่านมันถึงวุ่นวายได้ขนาดนี้ มีลูกลูกก็ไม่รัก เมียที่รักมากก็ไม่เคยรัก แบบนี้หนามยอกต้องเอาหนามเข้าบ่ง เป็นคติประจำใจของเขาถึงเขาจะทำแบบนั้นกับเรื่องของตนเองไม่ได้ก็ตามแม่เอื้องน้อยชะงักงันเมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าแดงก่ำอดกลั้นไม่ให้อารมณ์ระเบิดใส่สามีผู้ร้างรัก มันเต็มไปด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ ดวงตาสีฟ้าครามหม่นแสงลงทันที อีกฝ่ายนั้นไม่เคยไยดีหล่อน หล่อนย่อมรู้ดีที่สุด แต่ใจเจ้ากรรมมันดันลุ่มหลงเขาไปเสียแล้วแม้นกระทั่งยอมคลอดเด็กที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเขา จนลูกเกลียดหล่อนไปรักเอาแต่ทองพิน แค่นี้ยังมิพออีกหรือหล่อนเสียสละไม่มากพออีกหรือ“คุณพี่รู้ดีว่าฉันรอคุณพี่มาร่วมเตียงด้วยนานเพียงไร คุณพี่มิคิดแยแสฉัน มิต่างกระไรกับเจ้ามิ่ง เลือดเนื้อเชื้อไขที่มาจากฉ
“อื้อ... พี่แสน” เสียงครางฮือจากสาวเจ้าพร่ำเรียกชื่อเขาด้วยน้ำเสียงหวามหวานยังคงดังชิดกกหู ขุนแสนคำนั้นปลดผ้านุ่งออกพร้อมๆ กับเข็มขัดเงินแวววาว ปลดปล่อยความใหญ่โตที่ผงาดออกมานอกผืนผ้าอาจจะดูง่าย ดูร่านเหลือเกินที่ยอมเรียกชื่อตามที่อีกฝ่ายอ้อนขอโดยที่ลืมตัวไปว่าอีกฝ่ายเห็นหล่อนเป็นเพียงผลประโยชน์ หรือเรียกง่ายๆ ว่าทาสสวาทดีๆ เท่านั้นแต่เธอไม่ผิดสักหน่อยที่จะเผลอไผลยั่วเย้าเขาเพราะรสของตัณหาอย่างไรเราทั้งคู่ก็ไม่ได้เชื่อมใจถึงกันด้วยเรื่องราวดีๆ นอกจากเซ็กซ์และราคะอันร้อนแรงอยู่แล้วหล่อนรักสนุกไม่เน้นผูกพัน ส่วนเขาก็แค่เอาหล่อนไว้คลายใคร่กำหนัด แถมยังจ้องจะหาทางสับขาหลอกลงมือฆ่าร่างที่นางสาวบีสิงสู่อยู่ให้ตายไปแบบช้าๆ อีกด้วยอย่างไรโลกโน้นเธอก็ตายไปแล้วนี่ โลกนี้ไม่ต่างจากโลกหลังความตายหรือบ่วงกรรมที่ต้องมาตามชดใช้ เขาตาย เราก็ตาย เขาผี เราก็ผีผีมันไม่มีความรู้สึกหรอกไม่มีความรักกับใครที่นี่ที่เป็นเรื่องสุขนิยมทั้งนั้นสู้เอาด้านมืดทุกอย่างมาสาดใส่กันตรงๆ ไปเลยจะดีกว่า ฉีกอกพูดคุยกันไปเลยว่าแท้จริงแล้วมนุษย์เรามันเป็นอย่างไร มันมัวเมาไปด้วยกิเลสราคะ รสแห่งการเอาชนะ เกมที่เดิมพันด
“ไม่มีอารมณ์อ่ะ อ้อนวอนหน่อยสิ” นางสาวบีไม่ใช่หญิงในครรลองคลองธรรมหรือยอมใครได้โดยง่าย เธอเป็นคนตรงไปตรงมา อะไรที่เอาคืนได้แม้เล็กน้อยก็จะทำ เป็นหญิงสาวที่แสบสันโดยธรรมชาติ“กงการกระไรที่จักต้องอ้อนวอนมึง เป็นหญิง มีหน้าที่ออดอ้อนบำเรอผัวก็พอ”ผัว! เต็มปากเต็มคำเลยเนอะแสดงว่าตอนนี้หื่นแบบอันลิมิต แอบกลัวแล้ว“แล้วกงการอะไรที่ฉันจะต้องยอมพี่ตลอดด้วยล่ะ?” หล่อนสู้ขาดใจ ถึงปกติเขาจะรุกหล่อนเองทุกที แต่ดูคราวนี้สายตานั่นบ่งบอกว่าอยากให้สาวเจ้าออนท็อปให้เต็มแก่ แต่ติดที่ทิฐินั้นสูงเสียดฟ้า ไม่อยากยอมรับว่าตัวเองอยากเป็นฝ่ายโดนรุกไล่บ้าง“ปรนเปรอกูซะ เดี๋ยวนี้” ขุนแสนคำไม่สนใจฟัง ออกคำสั่งอย่างเอาแต่ใจ“ไม่”“บำเรอกู”“อยากทำก็ทำเองไหม สมัยไหนแล้ว มาบังคับกันแบบนี้ฉันแจ้งตำรวจได้นะ ข้อหาบังคับข่มขู่หวังกระทำชำเรา รู้ไหมว่าถึงเป็นผัวเมียกัน ถ้าไม่สมัครใจก็เท่ากับข่มขืนนะจ๊ะ” คราวนี้ได้ทีสอนกฎหมายประเทศไทยยุค 4.0 เสียเลย ในยุคที่กฎมลเฑียรบาลในสมัยก่อนไม่มีกฎข้อไหนที่ถูกสร้างออกมาปกป้องเพศหญิง ก็ช่วงนี้มันยุคชายเป็นใหญ่นี่นา บางทีแค่เอาตัวรอดยังยากเลยด้วยซ้ำ เรื่องนี้รู้ดีแต่มันหมั่นไส้โว้ยน
บ่วงกรรมที่เขาฆ่าพ่อฆ่าแม่หล่อนและทำลายหมู่บ้านโจรจนราบเป็นหน้ากลอง ทำให้นางโจรอย่างหล่อนสิ้นชื่อต้องเข้ามาอยู่ในสภาพแวดล้อมในชีวิตของเขา จำเป็นต้องปั้นหน้าปั้นตายอมตกเป็นเมียมันโดยไม่เต็มใจ ต้องทำตัวเหมือนรักคนที่เกลียดจนจับใจ และปรนนิบัติรับใช้มันทุกเมื่อเชื่อวันรู้ไหม... มันแค้นเหลือเกิน แค้นจนอยากจักฆ่าให้สิ้นเสียเดี๋ยวนั้นพระยาสิงขร... มิว่าจักในอดีตหรือปัจจุบัน เอ็งมันก็ระยำยิ่งนักตัดภาพมาที่อีกฝั่ง นางสาวบีแหงนหน้ามองเรือนไทยขนาดใหญ่โตที่ดูหรูหรา หากแต่กลับสัมผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากลบางอย่างวนเวียนอยู่รอบๆ ราวกับคลื่นขมุกขมัวส่งกลิ่นเน่าเฟะลอยมาตามลม เรือนไทยหลังนี้ไม่ธรรมดาเอาเสียเลยเมื่อเข้ามาภายในหอกลางที่ถูกตบแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ที่น่าจะราคาแพงพอสมควร ก็ปรากฎร่างสะโอดสะองของหญิงวัยกลางคนดูงดงามและเยือกเย็นนั่งนั่งรวบมือรออยู่ที่ตั่งไม้สักใหญ่ กรอบภาพที่ทำจากทองด้านหลังคือภาพองค์ครุฑที่ดูขลังขับให้ท่านผู้หญิงดูน่าหวั่นเกรงไปอีกระดับ นางสาวบีคุกเข่าลงตรงหน้าหล่อน พร้อมกับหมอบกราบแนบปลายเท้างามเป็นพิธีทักทายอย่างที่เตี๊ยมกันมากับขุนแสนคำพอเงยหน้าขึ้นมา ก็พบกับเด็กหนุ่มหน
“ถ้าฉันจักขอบุตรสาวของคุณหลวงไปอยู่เหย้าอยู่เรือนปรนนิบัติรับใช้ทองพินจักได้หรือไม่?”รุ่งเช้าในวันต่อมา พระยาสิงขรกลับมาที่เรือนใหญ่ของหลวงศรีจันทร์อีกครั้ง เขาเข้ามาด้วยจุดประสงค์ที่จะสู่ขอบุตรสาวของท่านมาอยู่ในความดูแลของเรือนใหญ่ในนามท่านผู้หญิงทองพิน ซึ่งเมื่อหลวงศรีจันทร์ผู้มากโลภะได้ยินชื่อของภรรยาหลวงท่านพระยา ถึงกับมองหน้ากับเมียตัวเองอย่างใช้ความคิด ดูอีกฝั่งจะติดใจบัวงามจนวันรุ่งต้องมาร้องขอตัวไปครองถึงบ้านเลยสิหนาอย่างนี้มันต้องเรียกให้สูงๆ หน่อย ก็ลูกสาวของเราดันสวยขนาดนี้“กระผมมิขัดข้องดอก แต่... ถ้ายังมิได้จับจองเป็นพิธีละก็...”“ฉันรู้ดี จึงเตรียมสิ่งนี้มาเพื่อซื้อตัวหล่อน” ชายร่างใหญ่ว่าพลางพยักเพยิดให้บ่าวรับใช้วางห่อผ้าท่าทางมีน้ำหนักลงตรงหน้า ยามเมื่อหลวงศรีจันทร์เปิดห่อออก ก็พบกับเครื่องทองสว่างเจิดจ้าที่ล้วนประติมากรรมอย่างประณีตด้วยของล้ำค่าดั่งเช่นทองคำ ทั้งเครื่องทองเครื่องประดับที่ฉลุลวดสายอย่างวิจิตร จนหลวงวัยกลางคนถึงกับดวงตาลุกวาว “การหมั้นหมายจักจัดที่เรือนใหญ่ของฉัน อย่าได้ห่วงไป แม่บัวงามจักได้อยู่ใกล้ชิดฉัน แลฉันจักให้ความสำคัญกับหล่อนไม่เป็นรองใครเป
พระยาสิงขรกลับมาถึงเรือนใหญ่ช่วงหัวค่ำพร้อมคณะบริวารที่ตามไปสู่ขอบุตรีหลวงศรีจันทร์ถึงเรือนทิศเหนือ เมื่อขึ้นกระไดเรือนขึ้นมา ก็พบกับ ‘ท่านผู้หญิงทองพิน’ ภริยาเอกของพระยาสิงขรที่ทำหน้าที่เป็นแม่เจ้าเรือน คอยดูแลปกครองบ้านเรือนโดยรวม ดูเหมือนว่า ‘แม่เอื้องน้อย’ อนุภรรยานั้นจะปิดเรือนหลับนอนไปแล้วพระยาสิงขรนั้นมีเมียสองคน ไม่นับรวมเมียบ่าวและหญิงนครโสเภณี เนื่องจากของปลุกกำหนัดทำให้ภรรยาทั้งสองไม่สามารถรองรับความต้องการของท่านได้เต็มที่ จึงได้มีการพูดคุยว่าจะมีบ้านเล็กบ้านน้อยแต่ไม่ผูกมัดให้ต้องรำคาญใจอย่างไรท่านผู้หญิงทองพินก็เป็นภริยาหลวงของท่าน ทุกครั้งที่ท่านกลับมาช้า หล่อนจะมายืนรอพร้อมบ่าวหญิงถือตะเกียงรอผัวกลับเรือนเสมอท่าทางที่ดูเหนือกว่าผู้เป็นผัวในบางคราทั้งที่ผัวมีศักดิ์เป็นถึงพระยานาหมื่น ทำให้ขุนแสนคำกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ด้วยหวังว่าหล่อนจะไม่ล่วงรู้ว่าภายในกายเนื้อของท่านพระยาเป็นผีร้ายที่มาอ้อนวอนขอร้องท่านเพื่อสิงสู่“ฉันให้บ่าวจัดเตรียมที่นอนหมอนมุ้งให้ท่านแล้วเจ้าค่ะ” แต่เมื่อทุกย่างก้าวที่ประหวั่นวิตกมาถึงตัว หญิงสาวที่ถึงแม้จะดูมีอายุแต่ก็ยังคงความงดงามเอาไว้ จนพอค
ตัดมาที่ฝั่งนางสาวบี บัดนี้หล่อนนอนอยู่ใต้ร่างของคนที่ขึ้นชื่อว่าจะเป็นผัวใหม่อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ถึงร่างกายจะใช่แต่จิตวิญญาณนั้นไม่ แรงปรารถนาแข็งขืนอยู่ที่ฝ่ามือเล็ก หลังจากที่ถูกอุ้มมาที่เรือนใหญ่ ด้วยเพราะเป็นพระยาสิงขรบ่าวทั้งหลายที่คอยเฝ้ายามหน้าเรือนจึงทำทีเหมือนมองไม่เห็นการกระทำบัดสีกลางวันแสกๆ นี้มันคงจะเป็นเรื่องปกติของคนใหญ่คนโตที่ชนผู้น้อยจะทำเหมือนมองไม่เห็นการกระทำที่ไม่สมควร จนกระทั่งเขาวางหล่อนลงบนฟูกนอนและเชื้อเชิญกัน แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร ไอ้ส่วนที่แข็งปั๋งที่เธอจับอยู่ มันไม่ธรรมดาแล้ว“พี่จ้องจะทำของใส่ฉันแน่ๆ” เสียงหวานกระเส่า หล่อนไม่ได้โหยหาหากแต่ร่างกายมันเป็นไปเอง มันเหมือนไม่ใช่ตัวของตัวเองเอาเสียเลย พอรู้ว่าคนตรงหน้ากำลังกำหนัด ร่างกายก็รุ่มร้อนราวกับจับพิษ “ใช่ไหม แฮ่ก พี่จะทำของใส่ฉันใช่ไหม”“ถึงแม้ท่านพระยาจักมีอาคมติดตัว แต่กูยังมิถูกเจ้าของร่างอนุญาตให้กระทำการใด อย่างน้อยถ้าจักสอดของสกปรกเข้าตัว ในนิมิตถึงจักดี” แม้ต่อหน้าหญิงสาวจะพ่นคำพูดคำจาโหดร้ายออกมา แต่สีหน้านั้นพร้อมรบเต็มที่ ร่างกายกำยำหยัดกายแกร่ง ปล่อยให้สาวเจ้าปลดอาภรณ์ลงอย่างไม่ชำนา
ขุนเสือนึกคิดกับตนเองท่ามกลางท่าทีที่ดูปั่นป่วนเล็กน้อยที่ออกผ่านสีหน้า มือไขว้หลังยืนจ้องมองบานหน้าต่างนานแสนนาน ในขณะที่แม่จันทร์งามเองก็ลอบมองผ่านด้านหลังของบุตรชายนอกสมรส หล่อนรับรู้เรื่องราวที่หลวงศรีจันทร์ทำกับบุตรสาวอย่างดี แต่หล่อนไม่สามารถห้ามปรามกิเลสความอยากได้อยากมีของผัวได้ แต่เมื่อเห็นว่าบุตรชายจากเมียบ่าวทำท่าทางหวงพี่สาวอย่างออกนอกหน้าตอนที่นั่งประจันหน้ากับพระยาสิงขรที่มีบริวารใหญ่โต ก็อดไม่ได้ที่จะต้องเข้าไปข่มขุนเสือเคยพยายามจะทำลายงานหมั้นหมายของพี่สาวในสมัยตบแต่งกับขุนแสนคำ เด็กคนนี้มีรังสีอันตรายบางอย่าง ที่จะปรากฎขึ้นเมื่อมีคนแย่งของรักไปหล่อนรู้ดี... บัวงามเป็นหญิงที่งามทั้งกายทั้งใจ ไม่มีใครที่จะไม่หลงรักแม้แต่บุตรชายคนละแม่ขุนเสือควรรู้สึกตัวได้แล้วว่าตนเองนั้นไม่คู่ควรกับบัวงาม ไม่ว่าจะเป็นฐานันดรแรกเกิด หรือแม้แต่สถานะพี่น้องต่างแม่ที่ตีตราชัด“เจ้าเสือ... เธอรู้ดีว่าเธอมิมีวันเทียบพี่ได้ อย่าหลงคิดว่าตนเองมีสิทธิ์กระไรในตัวของบัวงาม ฉันรู้ว่าเธอรักบัวงามมาก... แต่คนเป็นพ่อล้วนคัดสรรค์สิ่งที่ดีที่สุดให้บุตรสาวคนโต” หล่อนขยับไปข้างบุตรชายนอกสายเลือดตน เหล