“ตื่นแล้วหรือบัวงาม? อาการไข้ของลูกดีขึ้นแล้วหรือไร” หลวงศรีจันทร์เมื่อเห็นลูกสาวก็โพล่งขึ้นมาอย่างชื่นมื่น ดูออกจะแปลกไปเสียหน่อยกับเหตุการณ์ที่ลูกเขยเพิ่งเสียชีวิตจากสงคราม ทั้งที่ควรจะไว้ทุกข์แท้ๆ กลับทำเหมือนเป็นเรื่องปกติ
ฝ่ายนางจันทร์งามเองก็มองลูกสาวตนเอง แน่นอนว่าได้เล่าให้สามีฟังแล้วว่าทันทีที่ฟื้นจากพิษไข้ ลูกมีท่าทีประหลาดอย่างไรบ้าง
นางสาวบีสัมผัสได้ถึงสายตาของแม่ที่ดูเคลือบแคลง จึงทำทียกมือขึ้นมากุมหน้าผาก ทำทีปวดหัวการละคร
“ฟื้นแล้วเจ้าค่ะคุณพ่อ แต่ลูกอาจเบลอจากพิษไข้เล็กน้อย จนก่อนหน้านี้เผลอแสดงกิริยาไม่งามกับคุณแม่ไป” ว่าพลางเดินมานั่งข้างๆ นางจันทร์งาม ซุกแขนแม่ของตนทำทีออดอ้อนให้เห็นใจ “ลูกต้องขอโทษคุณแม่ด้วยนะคะ”
อย่างไรก็ห้ามให้คนในบ้านรู้เด็ดขาดว่าเธอเป็นคนอื่น ไม่ใช่เจ้าของร่างที่มาสิงอยู่
“ตายจริง ก็นึกว่าเลอะเลือนจนหลงลืมแม่ของเจ้าไปเสียแล้ว” คุณหญิงจันทร์งามมีสีหน้าโล่งอกขึ้น หลังจากกังวลอยู่นานว่าบุตรสาวของตนอาจจะวิปลาสไปเพราะไอ้ลูกเขยตามหลอกหลอน นึกแล้วก็แค้นใจนัก ตายไปดีๆ ไม่ได้หรือไร ทำไมต้องมาตามรังควานลูกนางอีก “ลูกยังฝันร้ายถึงพ่อแสนคำอยู่หรือไม่ มันเฮี้ยนจนลือไปทั่วพระนครเลยเชียว”
นางสาวบีชะงัก พลันนึกถึงคำพูดของผีนายแสนคำที่กำชับหล่อนก่อนที่จะตื่นจากนิมิต
“กลับไปสืบสาวราวเรื่องต่อในตอนตื่นเสีย ค้นหาชู้ทุกคนของเมียกู อย่าให้ใครล่วงรู้ว่าได้เจอกูอีก”
คงจะให้รู้ไม่ได้อีกสินะว่ายังฝันถึงเขาอยู่ แถมยังขยี้สวาทกันกลางป่าช้าอีกต่างหาก
“ไม่ฝันถึงแล้วเจ้าค่ะ พี่แสนคงหมดห่วงลูกแล้ว” ว่าพลางฉีกยิ้มกลบเกลื่อน นางจันทร์งามและหลวงศรีจันทร์ถึงกับหันไปมองหน้ากัน ในขณะที่ขุนเสือที่นั่งอยู่อีกฝั่งของนางจะหลุดหัวเราะออกมาในลำคออย่างพึงใจ
“เห็นทีว่าพี่เขยข้าคงเจอผีสาวที่ดีในภพนั้นแล้วกระมัง” เขาว่าพลางส่งสายตาคมกริบมาที่นางบัวงามที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ราวกับต้องการส่งสัญญาณอะไรบางอย่าง แต่แน่นอนว่าเธอไม่ใช่นางบัวงาม ย่อมไม่เข้าใจ “พี่บัวเอง ก็ควรหาพ่อของลูกในท้องมากลบข่าวลือการตาย แลข่าวหม้ายขันหมากของพี่เสีย”
“เสือ! หุบปากของเจ้าประเดี๋ยวนี้” นางจันทร์งามตวาดใส่ขุนเสือเมื่อได้ยินว่าพูดไม่เข้าท่า ไม่ได้สนใจว่าจะสร้างบาดแผลให้ชายตรงหน้าเนื่องจากไม่ใช่ลูกของตัวเอง เด็กหนุ่มร้ายกาจจึงยอมสงบปากลง “บัวงามตั้งครรภ์กับพ่อแสนคำ ถ้าหาผัวใหม่ คิดบ้างหรือไม่ว่าพี่ของเจ้าจักถูกครหาว่าเช่นไร”
นางสาวบีที่นั่งอยู่ข้างๆ แม่ถึงกับพยักหน้าน้อยๆ อย่างเห็นด้วยเงียบๆ
นั่นดิ ไอ้น้องชายนี่หาเรื่องให้พี่สาวตัวเองซะแล้ว ถ้าให้แต่งใหม่แล้วแผนการณ์ตามหาชู้จะเป็นยังไงเล่าไอ้บ้า หัดคิดบ้าง
“แต่ฉันนึกเห็นด้วยกับเสือ” ทั้งนางจันทร์งามและนางสาวบีในร่างนางบัวงามหันขวับไปทางหลวงศรีจันทร์ที่โพล่งเสริมความคิดของลูกชายคนที่สองออกมาอย่างตกใจ “คนตายก็ส่วนคนตาย แต่บัวงามยังต้องใช้หน้าใช้ตาในการใช้ชีวิตต่อไป แม้นจักหม้ายขันหมาก แต่นางก็ยังงาม แลยังมีชายที่ต้องการครอบครองนางอีกมาก”
“พี่... นี่มิต่างกับเอาลูกไปเร่ขายเลยนะ”
“ก็เจ้าอยากคลอดบุตรสาวที่งดงามจนเลื่องลือออกมาทำไมเล่า” ว่าพลางตบหน้าตักตนเองหัวเราะร่วนราวกับมีแผนการปอกลอกชายคนใหม่ด้วยหน้าตาของบุตรสาว นางสาวบีที่นั่งอยู่โดยไม่สามารถออกความคิดเห็นอะไรได้ ได้แต่คิดในใจว่า
ฉันซวยแล้ว
นอกจากจะเป็นหญิงทรามมากชู้ พ่อยังหน้าเลือดเห็นแก่เงินอีกต่างหาก
หลังจากจบการประชุมครอบครัวครั้งใหญ่ นางสาวบีเดินตรงมาที่ท่าน้ำหน้าเรือนตน มีสระบัวและปลาหลากสีแหวกว่ายอยู่ในนั้น หล่อนคิดไม่ตก เพราะถ้าโดนจับแต่งงานครั้งที่สอง มีหวังไอ้ผีขุนแสนคำได้เฮี้ยนหนักกว่าเดิมแน่นอน
เผลอๆ อาจเอาเธอตายได้ด้วยซ้ำ ข้อหานอกใจซ้ำนอกใจซ้อน เขายิ่งออกทรงผีบ้าอยู่ด้วย ขนาดกับเธอที่ไม่ใช่เมียใจชั่วของเขาด้วยซ้ำ ยังทำกันได้ลงแบบไม่แคร์ใจ
ทำไงดีวะ ไม่อยากแต่งงานอ่ะ แค่ภารกิจตามหาชู้ทุกคนของนางหญิงที่มาสิงร่างนี่ ก็ยุ่งยากจะตายอยู่แล้วเนี่ย
“บัวงาม”
แต่ทว่า... เสียงทุ้มเข้มดุดันที่ดังขึ้นด้านหลังก็ทำให้นางสาวบีหลุดจากภวังค์ความคิด แล้วเหลียวกลับไปด้านหลัง
เธอเห็นว่าน้องชายของนางบัวงาม... หมายถึงขุนเสือน่ะ กำลังเดินมาทางนี้
แต่ทันทีที่ถึงตัวนาง เขาก็...
“... อื้อ!” รั้งสะโพกผายของพี่สาวต่างแม่ของตนมากดริมฝีปากจูบอย่างหนักแน่น ปลายลิ้นอุ่นร้อนตวัดไปทั่วโพรงปากหวาน ดูดดื่ม เร้าแรง ทั้งสาดซัดความคะนึงโหยหา ก่อนที่ชายหนุ่มจะผละออกมา ทิ้งให้นางสาวบีที่โดนจูบยืนอึ้งตาค้างอยู่ตรงนั้น
“ไปบอกพ่อเสีย ไปบอกว่าลูกในท้องของพี่คือลูกฉัน”
“...”
“ไหนพี่สัญญากับฉันไว้มิใช่หรือ ว่าถ้าไอ้แสนคำมันตาย พี่จักหมั้นหมายกับฉัน!”
ขอสบถอีกทีได้ไหม
เฮ้ย! น้องชายต่างแม่มึงก็เอาเรอะบัวงาม!!
“เดี๋ยวก่อน” ทันทีที่ฟื้นคืนสติ นางสาวบีใช้แรงแค่เพียงน้อยนิดผลักร่างกำยำที่สูงกว่าหล่อนเป็นคืบออก ขมวดคิ้วทำท่าทางไม่เข้าใจ “นายกับฉัน... เราไปได้กันตั้งแต่เมื่อไหร่?”อยากรู้ซะจริงๆ ก็แสดงออกเหมือนเกลียดกันเสียปานนั้น ใครจะไปรู้ว่าจริงๆ แล้วแอบกิ๊กกันอยู่ แต่นี่สายเลือดเดียวกันนะเฮ้ย ถึงแม่ไม่ใช่คนเดียวกันแต่พ่อคนเดียวกันนะเฮ้ย นี่จะกินไม่เลือกเลยหรือ“พี่จำมิได้จริงๆ สิหนา” ชายหนุ่มตรงหน้าแค่นหัวเราะดังเหอะ ดูมีวี่แววเอาแต่ใจขี้ประชดประชันไม่ใช่น้อย “ลับหลังไอ้แสนคำ... เราขยี้สวาทกันมิรู้กี่คราต่อกี่ครา หรือพี่จักลืมไปถึงเพลาที่พี่ครวญชื่อฉันมากกว่าไอ้ขุนนั่น”โห ตรงขนาดนี้ เอามือมาตบหน้ากันยังเจ็บน้อยกว่าไหม!“พอดีฉันอาจเบลอจากพิษไข้เล็กน้อย เอาเป็นว่านายเป็นชู้ของฉันเหมือนกับกล้าใช่ไหม?” หญิงสาวโพล่งออกไปทันทีพร้อมกับทำทีวิงเวียนศีรษะให้ดูไม่ตอแหลจนเกินไป แต่เมื่อเห็นดวงตาคมกร้าวที่หรี่ลงมองอย่างขุ่นขวาง ก็รู้สึกว่าตนเองคิดผิดที่คิดไปกระตุกหนวดเสือ“อย่าเอาฉันไปเทียบกับไอ้ทาสชนชั้นไพร่นั่น อีกอย่างฉันมิใช่ชู้ ฉันคือพ่อที่แท้จริงของลูกในท้องพี่” ว่าพลางใช้ร่างกายกำยำนั่นเดินต้อนหญ
“เมียพี่มันมีน้องหมาเป็นทาสชายที่ชื่อกล้า และน่าจะเคยมีอะไรกันมาแล้ว แถมยัง... นอนกับน้องชายต่างแม่ของตัวเองอีก!” “...” “แถมไอ้น้องเวรนั่นยังบอกว่าลูกในท้องนางบัวงามน่าจะเป็นลูกมันอ่ะ! ฉันจะทำไงดีวะพี่ กลัวชิบหายเลย นี่ขนาดเริ่มต้นนะเนี่ย” ว่าพลางตัวสั่นน้ำตาคลอตาแดงก่ำ ก็ไม่คิดว่าเจ้าของร่างจะสันดานงามไส้แบบนี้ รู้งี้ยอมตายไปเป็นผีอีกรอบดีกว่า “เรื่องนั้นกูรู้ดี” “!!!” แต่เมื่อผีชายหนุ่มเหนือร่างเล็กโพล่งขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น นางสาวบีถึงกับผงกหัวขึ้นไปมองเขาอย่างแปลกใจ ขุนแสนคำที่อยู่เบื้องบนมีสีหน้าร้าวราน เขาทั้งแค้น และทั้งเสียใจกับการกระทำของเมียตนเอง “กูถึงอาฆาตมันมากอย่างไร ไอ้ขุนเสือนั้นอยู่ทัพหน้าเช่นเดียวกันในสงครามที่ปะทะกับอาณาจักรอังวะ กูคิดในครานั้นว่ามันต้องมีกระไรพิกลในตัวมัน” “...” “มันอาจจักเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้กูถึงแก่ความตายก็เป็นได้” เมื่อขุนแสนคำสันนิษฐานออกมาแบบนั้น โดยไม่มีวี่แววเหี้ยมโหดเหมือนคราแรกที่พบกัน นางสาวบีค่อยๆ ขยับตัวลงนั่งพับเพียบเพราะคุกเข่าจนเมื่อยน่อง ยอมรับว่าตกใจเหมือนกัน แต่ไม่แปลกใจถ้าขุนเสือจะวางแผนฆ่าพี่เขยของตนเอง เพราะหล่อน
“หนองน้ำเนี่ย... หนองสมชื่อเลยเนอะ ปลาตายเกลื่อนเลย” หล่อนวิพากษ์วิจารณ์ออกมาโดยไม่สนใจสายตาดุดันของขุนแสนคำที่ปราดมองมา แต่ที่แบบนี้จะให้ไปกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันเนี่ย “งั้นวันนี้ขอพัก ไม่ทำแล้วได้ไหมพี่ผี” “อย่าทำเหมือนมึงมีทางเลือกมากนัก” เสียงนั้นแข็งกร้าวพร้อมชนเสมอ ขุนแสนคำไม่ชอบผู้หญิงที่ขัดใจตัวเอง โดยเฉพาะผู้หญิงที่ในสายตาของเขาเป็นได้แค่เพียงทาส ในสมัยที่ยังมีชีวิต ผู้หญิงที่เขาจะทำดีด้วยมีเพียงสี่คนเท่านั้น คือมารดา น้องสาว เมีย และแม่เมียเท่านั้น ส่วนทาสหญิงที่พยายามเข้าหาหรือแม้แต่กระทำตัวเลินเล่อขัดอกน่ะหรือ มันพวกนั้นจะถูกใช้งานอย่างหนัก และมีบทลงโทษทุกครั้งที่ทำให้ขัดใจ เขาน่ะมันไม่เคยปราณีใครตั้งแต่มีชีวิตอยู่แล้ว ด้วยนิสัยที่ติดมาจากการเป็นนักรบที่อ่อนข้อไม่เป็น และวิญญาณที่สิงสู่ร่างนางบัวงามมันเป็นลูกเต้าเหล่าใคร? เหตุใดถึงต้องสนใจว่าต้องคิดเห็นเช่นไร อย่างไรก็เป็นแค่เพียงดวงจิตที่ไร้เพศอยู่ดี “แต่มัน...” “ก็เลือกเสีย ว่ามึงอยากจักตายด้วยเงื้อมมือกู หรือจักลงไปในหนองน้ำ” ดุจริงพ่อคุณ คราวก่อนยังใจดียอมแปลงร่างเปลี่ยนบรรยากาศให้อยู่เลย นางสาวบีนึกขุ่นเคือง ก็คงเพ
“คือหมายความว่านายเหล็กอะไรนี่ก็เป็นชู้ฉันหรือ!” “กระผมมิแน่ใจ เขามิได้บอกกระไรไปมากกว่าฝากข้อความผ่านกระผมว่า... อยากให้คุณบัวงามไปเจอเขาในวันพรุ่ง ช่วงย่ำค่ำ ที่โรงตีเหล็กท่าม่อย แลฝากขอลุแก่โทษที่มิสามารถเขียนจดหมายเป็นลายลักษณ์มาเชิญท่านได้” ไม่ทราบ ก็เหมือนทราบ เล่นนัดเจอขนาดนี้ แถมเป็นช่วงราตรี ต้องชู้ไม่ผิดแหง เอาล่ะ ในที่สุดก็จะได้ทำความรู้จักกับชู้คนที่สามของนังหญิงใจทรามนี่สักที “ฉันเข้าใจ ว่าแต่โรงตีเหล็กท่าม่อยมันอยู่ตรงไหนกัน?” นางสาวบีพยักหน้ารับรู้แต่ก็ต้องเหงื่อตก เพราะหล่อนแทบไม่รู้ที่ทางของบ้านเมืองในสมัยนี้เลย นายกล้าที่คุกเข่าจ้องหน้าหล่อนอยู่เบื้องล่างจึงชี้ไปที่ตนเอง “กระผมจักพายเรือพาท่านไปส่งเองขอรับ... โรงตีเหล็กท่าม่อยตั้งอยู่ติดท่า กระผมรู้ที่ทางเป็นอย่างดี” “ขอบใจนะนายกล้า” “แต่...” เมื่อนางสาวบีเอ่ยคำขอบคุณทาสหนุ่มที่แทบอุทิศชีวิตถวายตัวรับใช้นางบัวงามแล้ว นายกล้าจึงหลุดโพล่งขึ้นมา สีหน้าของเขาดูมีเลศนัย รอยยิ้มใสซื่อแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มที่เต็มไปด้วยความกระหาย ราวกับกำลังรอของรางวัลแสนสำคัญ “กระผมทำตามที่คุณบัวงามสั่งทุกอย่าง... ครานี้ รางวัลของก
“ว่าเช่นไรนะ?”ขุนเสือที่ได้ยินประโยคนั้นถึงกับยืนชะงักค้าง เขาย้อนถามหล่อนอีกครั้ง นางบัวงามจึงจัดผมเผ้าของตนเอง พร้อมกับหย่อนปลายเท้างามลงบนพื้นกระดานเรือน หยัดยืนเต็มความสูง“อ๋อ สมัยนี้คงไม่รู้จักคำนี้ใช่ไหม เอาเป็นว่า อย่าแส่ ขอร้อง เป็นแค่น้องไม่ต้องทำอยากมีบทบาทในตัวฉันมากได้ไหม” หล่อนพูดได้ตรงไปตรงมา และหยาบคายเกินกุลสตรี นางบัวงามในแบบปรกติแทบไม่อยากมีปากเสียงกับเขาเพราะกลัวเรื่องราวคาวๆ ของตนเองหลุดออกไปถึงหูเจ้าคุณพ่อ แต่หลังจากที่ฟื้นพิษไข้หนัก นางเปลี่ยนไปมาก“นี่กล้าพูดกับกูเช่นนี้เชียวหรือ!”“ก็จะพูด ทำไมเหรอ ฉันจะร่าน ฉันจะร่าน จบไหม” ชายหนุ่มตัวใหญ่โกรธเกรี้ยวจนตัวสั่นเมื่อนอกจากหล่อนจะไม่กลัวเสียงตะเบ็งของเขาแล้ว นางบัวงามยังเชิดหน้ามองเขาอย่างอวดดี “แล้วไม่ต้องจับนายกล้าไปเฆี่ยนนะ เราแค่หยอกล้อกันตามประสานายกับทาสเท่านั้น”หมับ!“นี่มึงบ้าไปแล้วหรือไรบัวงาม รู้ใช่หรือไม่ว่ากูสามารถทำกระไรได้บ้าง?” ฝ่ามือหนาคว้าหมับเข้าที่ข้อมือเล็ก กำแน่นจนหญิงสาวเบ้หน้า หมอนี่เป็นผู้ชายจะแรงมากก็ไม่แปลก แต่นางสาวบีไม่ชอบที่คนเป็นผู้ชายจะมาข่มเหงผู้หญิงแบบนี้ถึงนางบัวงามจะส่ำส่อนน่
“อย่ามาเข้าใกล้กู!” เสือในวัยเด็กที่เดินตามพี่สาวต่างแม่ต้อยๆ ไปจนถึงกลางสวนดอกจำปีจำปาข้างสระบัว เมื่อขยับมือเล็กไปคว้าชายสไบได้ กลับถูกพี่สาวที่งดงามยิ่งกว่าใครสะบัดมือทิ้งพร้อมกับผลักเขาล้มลงไปกับพื้น พลั่ก! “ฉะ... ฉันแค่เพียงอยากสนิทสนมกับพี่เท่านั้น!” เสียงเล็กโอดครวญทั้งน้ำตา พี่บัวงามในวัยสิบสองปีเชิดหน้าขึ้น หล่อนที่เป็นที่เลื่องลือตั้งแต่เด็กว่าหน้าตางดงามราวกับนางสวรรค์ ผมยาวสลวยสีดำขลับเป็นลอนเงางาม ดวงตากลมโตสีรวงข้าวที่สดใส ผิวขาวผ่องอมชมพู ที่ไม่ว่าจะสวมใส่อาภรณ์แบบไหนก็งดงามเกินวัย “มิจำเป็นต้องสนิทสนมอันใด มึงเป็นเพียงลูกบ่าว อย่าคิดมาเทียบเคียงกู!” เสือนั้นนึกชื่นชมพี่สาวของตนเองอยู่เสมอ เขามองเธอเป็นเทพธิดาที่เกินจะเอื้อมถึง ด้วยความเป็นเด็ก เขาคิดว่านั่นเพราะว่าเธอสูงส่งเกินไป เธอช่างงดงาม จนแม้แต่เขาที่เป็นน้องชายต่างแม่ยังไม่สามารถแตะต้องหรือพูดคุยได้ แต่เมื่อเติบใหญ่ขึ้น เสือก็ได้เข้าใจความเป็นจริงมากขึ้น เขาคือลูกของบ่าวหญิงที่หลวงศรีจันทร์หลับนอนด้วยจนมีบุตรชาย จึงได้แต่งตั้งขึ้นมาเป็นเมียคนที่สอง แต่ที่สองอย่างไรก็คือที่สอง... สุดท้ายเขาก็ไม่ต่างอะไรกับล
แต่เอาไงดีล่ะ นายกล้าก็ถือว่ายังใช้ประโยชน์ได้มากโขอยู่ จะปล่อยให้โดนเฆี่ยนตีต่อไปเดี๋ยวแผนตามหาชู้ทั้งหมดของนางบัวงามก็พังครืนกันพอดี “หยุดเฆี่ยนนายกล้าเดี๋ยวนี้นะ!” มีแต่ต้องเอาตัวไปขวางให้งามหน้าใครต่อใครเท่านั้น ร่างเล็กของนางบัวงามผลุนผลันมาขวางหน้าบ่าวชายที่เงื้อมือจะฟาดหวายลงหลังนายกล้า ท่ามกลางธารกำนัล และบิดาบังเกิดเกล้าของเธอ “ไม่ว่าใครก็ห้ามเฆี่ยนหวายใส่บ่าวของฉัน!” ดูส่อสองแง่สองง่ามชะมัด เอาเป็นว่าหาทางช่วยไอ้หมอนี่ไปก่อน ถึงมันเกือบจะปลุกปล้ำเธอไปแล้วก็ตามที “บัวงาม! ลูกเป็นบ้าไปแล้วหรือไร ออกโรงปกป้องบ่าวที่ทำให้ลูกเสียชื่อได้อย่างไรกัน!” แม้แต่หลวงศรีจันทร์เองก็ไม่เข้าใจ บัวงามไม่เคยมีกิริยาออกตัวรับแทนทาสชายคนไหนที่ทำผิด ทุกคราก็ทำเหมือนพวกมันเป็นเพียงแค่สัตว์สี่ขาเท่านั้น พวกมันเป็นไพร่ มีค่าได้แค่นั้น แต่เมื่อนางบัวงามเอาตัวที่มีแต่เสื้อนอนมาขวางแทนทาสชายที่โดนเฆี่ยนจนสะบักสะบอม สีหน้าของบ่าวชายที่อยู่รอบๆ ก็เกิดเปลี่ยนไป ชุดที่มีเพียงผ้ารัดอกจนเผยให้เห็นร่องอกขาวผ่องใต้ผ้าผ่อน รวมถึงซิ่นงามที่ฉีกขาดข้างเรียวขาจนเห็นน่องขาวอมชมพู เหล่าบ่าวชายต่างพากันกลืนน้ำลาย
“แต่ลูกตั้งครรภ์ เขาจะยอมรับได้หรือเจ้าคะคุณพ่อ?” เริ่มแรกด้วยการลองเอาน้ำมันเทราดบนแผ่นหินเผาไฟให้สาดซ่า โพล่งบอกพ่อของนางบัวงามไปตามตรงว่าหล่อนในตอนนี้กำลังตั้งท้องอ่อนๆ อยู่ อย่างน้อยโดนตั้งแง่ลงโทษ อาจยังดีกว่าไปสวมบทหมั้นหมายกับใครหน้าไหนก็ไม่รู้ หลวงศรีจันทร์ชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนที่ต่อมาจะแสยะยิ้มกริ่ม “งั้นก็ยิ่งดี! รีบพูดคุยจัดวันหมั้นหมายกับพระยาสิงขรให้ถูกต้อง แลสวมรอยลูกในครรภ์เป็นของท่านเสียเลยเป็นไร” เข้าใจแล้ว ทั้งพ่อทั้งลูก กู่ไม่กลับพอกันทั้งคู่ ทำไมพอลองหยั่งเชิงไปตรงๆ สิ่งที่ได้กลับมามีแต่อะไรที่รู้สึกว่าจะเสียเปรียบเปล่าๆ ล่ะเนี่ย อีกอย่างดูเหมือนหลวงศรีจันทร์จะรู้เรื่องที่นางบัวงามตั้งครรภ์ด้วย “งั้นก็ตามแต่คุณพ่อจะพึงใจเจ้าค่ะ ลูกยินดี” ยินดีกับผีอ่ะดิ แต่ถ้าไม่พูดแบบนี้ก็เดาทางหลวงศรีจันทร์ไม่ออกเหมือนกัน อาจเพราะนางบัวงามคงทำตามที่พ่อสั่งเสียทุกอย่างจนเก็บกดใช่ไหม เพราะไม่มีความคิดเป็นของตนเองจึงใช้ราคะเข้าครอบงำเพื่อสร้างความสุขชั่วครั้งชั่วคราว ที่อาจจะเป็นช่วงเวลาเล็กๆ ที่ได้มีความคิดและเป็นตัวของตัวเองได้บ้าง อันนี้เดาเอาเองนะ เพราะดูทรงหลวงศรีจันทร
“วันนี้มื้อกลางวันมิเห็นหล่อนกับคุณพี่มาทานข้าว แต่ฉันเตรียมสำรับไว้เผื่อเธอหิวอยู่แล้ว ถ้าหิวก็บอกฉันนะ จักเรียกบ่าวมาจัดสำรับให้ตรงนี้” เมื่อเห็นว่าหญิงสาวเอาแต่ยืนยิ้มไม่พูดไม่จาอะไร คุณผู้หญิงทองพินจึงถือโอกาสตัดสินใจว่านั่นคือคำอนุญาต รีบกวักมือเรียวเรียกบ่าวนางหนึ่งที่นั่งพับเพียบเฝ้าที่พื้นเรือนข้างๆ พลางกระซิบกระซาบให้ยกถาดสำรับมาวางให้นางบัวงามที่ยืนอยู่ตรงหน้า บ่าวไพร่มีท่าทีสงบในขณะที่รุดเดินจ้ำก้มหัวนอบน้อมให้เธอและคุณผู้หญิงไปด้านหลัง ซึ่งน่าจะเป็นที่ตั้งของห้องครัวประจำเรือน “ขอโทษที่ทำให้คุณผู้หญิงต้องลำบากนะเจ้าคะ” นางสาวบีพูดอย่าง ถ่อมตน นั่นเพราะอีกอย่างข้าวเมื่อวานที่ตกถึงท้องก็มีแค่ข้าวที่จับมือมาไม่กี่ ก้อนกับน้ำพริกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ยิ่งผ่านศึกรักมาอย่างหนักหน่วงเพราะ ขุนแสนคำโคตรดุก็ยิ่งหิวโหยเป็นพิเศษถึงจะแอบหวั่นเกรงถึงบางสิ่งที่คนเป็นเมียหลวงน่าจะใส่ในอาหารตั้งแต่มื้อก่อนก็เถอะ แต่ดวงตาที่จับจ้องราวกับพร้อมรับชมอากัปกิริยาทุกอย่างของหล่อนทำเอาตัวแข็งไม่กล้าขัดขืนหรือปฏิเสธ ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงใจดีกับเธอขนาดนั้น แต่ครั้นจะให้ไปหากับข้าวกับปลากินเองก็ใช่ที
แต่เมื่อมุ่งมั่นจะเดินตรงออกไป กลับถูกคว้าด้วยฝ่ามือหนาของมิ่งขวัญ พลิกตัวหล่อนให้หันกลับมาประจันหน้ากันอีกครั้ง ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะไม่อยากปล่อยเธอไปง่ายๆ สันดานความไม่ยอมแพ้ในเรื่องง่อยๆ ของชายแท้กำลังทำงานตื้อชะมัดเลยไอ้เด็กเวรนี่“คิดว่าตัวเองเป็นใคร ถึงมีโอกาสต่อว่าฉันได้หลายหน พอกันที! ชักเหลือทนกับพฤติกรรมของหล่อนแล้ว!” ต่อล้อต่อเถียงไปก็มากความนัก อีกฝ่ายจึงกระชากแขนหล่อนให้เดินตามไปด้วยกัน “ฉันจักมิพูดพร่ำให้เสียเวลา ฉันจักจับมือหล่อนไปประจันหน้ากับเจ้าคุณแม่ให้รู้แล้วรู้รอดไป หล่อนจักได้รับรู้ถึงความถือดีของตนเองเสียที!”“ปล่อยฉันนะไอ้เด็กบ้า” เอาเข้าไปเถอะ มันจะไม่ยอมลงให้กันจริงๆ ใช่ไหมแต่เมื่อฉุดกระชากลากถูขึ้นเรือนมาได้ ก็พบกับศาลากลางน้ำตรงจุดศนย์กลางะหว่างเรือนไทยใหญ่ที่มีหญิงงามวัยกลางคนผู้หนึ่งกำลังนั่งกรองมาลัยอยู่ด้วยความประณีต มิ่งขวัญสบโอกาสเพราะนั่นคือคุณผู้หญิงทองพินที่เป็นเป้าหมายของตร จึงกึ่งลากกึ่งถูฝ่ายนางบัวงามที่เดินเซซัดตามแรงผู้ชายของเด็กหนุ่มร่างสูงมาต้อยๆ“นี่! ปล่อยฉัน” เมื่อมาถึงตรงหน้าของคุณแม่ เขาก็สะบัดข้อมือหล่อนออกทันที แสดงท่าทางก้าวร้าวอย่า
“นี่! ทำตัวเป็นโรคจิตไปได้ ไอ้เด็กบ้า” จนในที่สุดนางบัวงามก็ทนไม่ไหว ใช้กำลังที่มีผลักอกเด็กหนุ่มออกอย่างแรง ไม่รู้ว่าตัวจะสูงไปถึงไหน ถึงจะดูผอมไม่ได้ออกทรงกำยำแบบพี่ผี แต่แรงผู้ชายยังไงก็ยังคงเป็นแรงผู้ชาย แรงของเธอส่งเขาถอยหลังไปได้เพียงแค่ก้าวเดียวสั้นๆ เท่านั้น “มาแอบตามดูคนอื่น จิตไม่ปกติหรือไง”เหอะ! ช่างเป็นหญิงที่ปากคอเราะร้ายนักไม่รู้ว่าทำไมยัยผู้หญิงท่าทางกระโดกกระเดกคนนี้ถึงได้ไปต้องตาต้องใจพ่อนัก จนถึงขนาดกกนอนกันตั้งแต่เช้ามืดจนบ่ายไม่ยอมมากินข้าวกินปลา แต่ก็เพราะเหตุผลนั้นเขาจึงจำเป็นต้องตามมาลอบดูว่าหล่อนไปใช้มารยาอีท่าไหน เพราะมื้อกลางวันที่พวกเขากำลังเริงลีลาสวาท มิ่งขวัญแทบทนดูสีหน้าอมทุกข์ของคุณเอื้องน้อยแทบมิไหว มันช่างขัดหูขัดตาสิ้นดีสุดท้ายก็เป็นอากาศอยู่ในเรือนหลังนี้เพราะท่าทางที่ไม่เอาจริงเอาจังสักทีนั่นล่ะ ยัยผู้หญิงคนนั้นกระทำตัวเหมือนเหยื่อทุกลมหายใจเข้าออกจริงๆทั้งๆ ที่ในภวังค์จิตนึกขบฟัน แต่สีหน้าที่แสดงออกต่อผู้หญิงตรงหน้ากลับมีเพียงรอยยิ้มมุมปากราวกับไม่ยี่หระกับวาจาหยาบคายไม่สมหญิงเท่านั้น“ก็แค่เป็นห่วงน่ะ เห็นว่าขลุกอยู่แต่กับตาแก่จอมหมกมุ่นเสียค
คิดถึงเตียงนุ่มๆ คิดถึงห้องแอร์เย็นฉ่ำๆ จังโว้ย!สาวเจ้ายืดตัวบิดขี้เกียจ รู้สึกว่าตั้งแต่ขุนแสนคำพาหล่อนมาที่นี่ก็เอาแต่คลุกตัวอยู่ด้วยกันไม่พัก บางครั้งก็มีท่าทีไม่อยากให้เธอออกจากห้อง ทำเป็นปากแข็งไปอย่างนั้นเอง สุดท้ายก็พ่ายแพ้ให้กับร่างกายสตรีแต่ตอนนี้เธอก็เหมือนจะแพ้เหมือนกัน ทำไมถึงได้แรงเยอะขนาดนี้นะ ขาสั่นไปหมดแล้วแต่จะให้อยู่เฉยๆ คงจะไม่ไหว เธอในฐานะอนุภรรยาต้องคิดทำการใหญ่อย่างเช่นการเอาใจเมียหลวงทั้งสองเพื่อสืบเรื่องราวภายในบ้านหลังนี้แกรกนางบัวงามเปิดประตูไม้ออก มองซ้ายมองขวาก็ไม่แลเห็นใครอยู่รอบเรือนใหญ่ ดูเหมือนว่าพระยาสิงขรจะสั่งการไม่ให้มีใครเข้ามาวุ่นวายหรือรบกวนเราสองคน อาจจะเพราะว่าเขาเวลาใช้เวลาอยู่ร่วมกับหล่อนค่อนข้างรุนแรงและเสียงดังพอสมควรพูดให้ถูกก็คือ... ไม่อยากให้เมียถูกมองไม่ดีสินะพ่อผีเฮี้ยนของแม่บัวงามนี่มีมุมโรแมนติกบ่อยเสียจริง แต่อย่าคิดว่ามันจะทำให้นาวสาวบีหวั่นไหว แน่นอนว่าเธอเคยเวอร์จิ้นและไม่เคยมีประสบการณ์เรื่องรักๆ ใคร่ๆ ใครๆ ที่เป็นแบบนี้คงจะคิดว่าหัวใจเธอจะอ่อนแอเพราะอ่อนประสบการณ์แต่ไม่เลยเพราะดีลแรกนั้นสำคัญ และเธอเองก็รู้มาตั้งแต่แร
หญิงนางหนึ่งงดงามเหลือจักกล่าว มีข่าวคราวถึงนางให้โศกศัลย์ด้วยท่านพ่อต้องการเมียมากอนันต์ รับหญิงหม้ายขันหมากมาสู่ขอท่านพี่เป็นเช่นไรในเเดนสรวง คงเย็นยวงมิได้กันเเล้วหนาถ้าได้กลอนนี้เมื่อไรจงตอบมา เเลข้าจักส่งคนไปในเร็ววันลงชื่อลายมือยิ่งยง ผู้เป็นน้องรักของเจ้าคุณพี่เสมอมาไอ้ยิ่งยงมันช่างเจ้าบทเจ้ากลอนมิเคยเปลี่ยนเลยสิหนา คงอยากให้ข้ารู้จนตัวสั่นว่าตนเองนั้นเล่าเรียนได้ระดับสูงถึงเพียงไหนริมฝีปากหยักลึกฉีกยิ้มพลางสอดกระดาษนั้นเผาลงกับไฟตะเกียง กลิ่นกำยานหอมผสมปนเปกับกลิ่นยาสูบจนเกิดกลุ่มควันลอยฟุ้ง ร่างกายเปลือยเปล่าของหญิงสาวนางหนึ่งซุกไซร้อยู่เบื้องบนร่างกายกำยำใหญ่โตของ ‘ยอดหล้า’ พี่ชายคนโต ที่ตอนนี้เพิ่งได้รับตำแหน่งขุนหลวงมาเมื่อไม่นานนัก“จดหมายนั้น... ท่านเผามันทำไมกันหรือเจ้าคะ” หญิงสาวโฉมสะคราญถามถึงแผ่นกระดาษที่เห็นลายมืองดงามที่ค่อยๆ เผาไหม้ไปเป็นเถ้าถ่าน ยอดหล้าหันกลับมาสบหน้าหล่อน พลางส่ายหน้า“กระผมได้รับข่าวเรื่องการหมั้นหมายของคุณแม่คนใหม่ เลยวุ่นวายใจเล็กน้อยขอรับ”“แต่ข่าวลือเรื่องการหมั้นหมายกับเมียหม้ายของขุนหลวงที่ตายในสนามรบคนนั้นกับพ่อของท่านก็เลื่องลืออ
“เดี๋ยวก่อนสิคะ... คุณพี่ แหม”เสียงที่ดังเล็ดลอดออกมาจากภายในหอนอนที่ราวกับเป็นเรือนหอของพระยาสิงขรและเมียคนที่สามอย่างออกหน้าออกตานั้นทำให้แม่เอื้องน้อยที่ยืนเงี่ยหูฟังร่วมกับพี่เลี้ยงประจำตัวด้านนอกบานประตูด้วยอารามถือวิสาสะถึงกับเจ็บแปลบปลาบที่อกอิ่มอย่างไม่มีสาเหตุ ดวงหน้าสาวลูกครึ่งซีดเผือดลงถนัดตา เนื่องจากก่อนที่คุณพี่เลือกที่จะหมั้นหมายกับผู้หญิงคนนี้ เขาให้เหตุผลว่าแค่เพียงต้องการดูแลหนึ่งในสิ่งที่อดีตลูกศิษย์นั้นให้ความสำคัญมาก พระยาสิงขรอ้างว่าขุนหลวงที่ตายไปในสงครามคนนั้นมาเข้าฝันว่ายังมีห่วงต่อผู้หญิงคนนี้แต่มันก็ไม่ชอบมาพากลตั้งแต่แรกแล้ว เธอรู้ว่าคุณพี่มีรสนิยมเรื่องกามเพศนั้นรุนแรงจนแม้กระทั่งคุณผู้หญิงยังรับไม่ไหว และเธอเองก็ไม่ใช่คนที่เขาต้องการ เขาจึงมักไปหาเศษหาเลยจากโสเภณีเหล่านั้นนอกบ้านนอกเรือนเสมอ แต่ไม่คิดว่าเขาจะอยากครอบครองแม้กระทั้งเมียของลูกศิษย์ตนเองผู้หญิงคนนี้เอง... ก็อาจพ่ายแพ้ต่อยศถาบรรดาศักดิ์ จนเลือกเข้ามาเป็นอนุภริยาพระยาคราวพ่อก็ได้น่ารังเกียจสิ้นดี สุดท้ายแล้วเขาก็เลือกกินแม้กระทั่งผู้หญิงของคนที่ปากบอกว่าเอ็นดูมาแต่เด็กหนักหนาจะแก้ตัวว่าลูก
แต่มันก็สายเกินกว่าจะร้องขอชีวิตจากขุนแสนคำได้แล้วเช่นกันนายพลตูระเซยะรู้สึกได้ถึงความเย็นวาบที่ซึมซาบมาตามผิวหนัง พอก้มลงมองตรงช่วงอกก็เห็นโลหิตสีแดงฉานค่อยๆ ขยายไปตามบาดแผล สัมผัสได้ถึงกระสุนที่ฝังเฉียดก้อนเนื้อที่เต้นตุบๆ อยู่ภายในร่างกายไปเพียงนิ้วเดียวทาบ วินาทีแรกเขาตกใจสุดขีด เพราะตนเองนั้นเป็นนักรบผู้ไร้พ่าย ไม่เคยมีกระสุนไฟหรือดาบพร้าใดที่สามารถเฉียดเนื้อหนังของตนได้มาก่อน แต่นี่เป็นครั้งแรกที่กระสุนเฉียดขั้วหัวใจของเขาไปได้เพียงเสี้ยวเดียวกว่าจะรู้สึกตัวทั้งร่างกายก็ชาหนึบไปทั้งตัว กายาใหญ่ค่อยๆ หงายหลังลงไป ร่วงหล่นกระแทกกับพื้นไม้ เลือดมากมายทะลักออกปาก โลหิตเจิ่งนองทั่วบริเวณ ดวงตาที่เหลือกขึ้นบนสบตาเข้ากับร่างใหญ่กำยำของพระยาสิงขรที่ยืนค้ำอยู่เหนือหัว ดวงตาสีหม่นที่หลุบมองลงมานั้นเย็นยะเยือกราวกับกำลังมองสัตว์ร้ายที่ตนเองเพิ่งกำจัดไป“อั่ก... ไอ้” ไม่มีรูปประโยคใดๆ ออกมาจากริมฝีปากที่ซีดเซียวนอกจากเลือดที่ทะลักทะล้นออกมาเต็มอุ้งปากที่เริ่มออกสีคล้ำนางสาวบีเพิ่งเห็นท่าทางของคนที่กำลังอยู่ในอาการโคม่าจากการโดนยิงเป็นครั้งแรก หล่อนค่อยๆ คลานออกมาจากใต้เตียงหลังเกิดเสียงร
ถ้าในฐานะกายหยาบของพระยาสิงขร นางบัวงามไม่ต่างอะไรกับคนแปลกหน้าก็จริง แต่สำหรับวิญญาณขุนแสนคำ หล่อนคือไส้ศึกของเขารวมทั้งเป็นเมียของเขาด้วย“กูขอปฏิเสธที่จะยกบัวงามให้ ขอโทษที พอดีผู้หญิงที่ชั่วช้าคนนี้เป็นเมียที่กูหลงจนคลั่งมากเสียจนกู่ไม่กลับแล้ว”นางสาวบีไม่ได้ใจสั่นระรัวให้กับประโยคนั้น เธอไม่ใช่คนโง่งมที่บูชาและจมปลักกับความรัก จริงๆ ก็พอจะเดาได้ว่าขุนแสนคำอาจจะพูดแบบนี้เพื่อแสดงละครตบตาอีกฝ่าย เลยเตรียมสติสตังมาอย่างดี“งั้นรึ งั้นกูจักขอใช้กำลังแย่งมาจากมึงก็แล้วกัน!!”ดวงตาคมคร้ามของนายเหล็กวาวโรจน์พร้อมกับพุ่งตรงเข้าหาพระยาสิงขรในเนื้อที่อันจำกัด แต่มือของชายวัยกลางคนนั้นว่องไวราวกับคาดเดาเอาไว้อยู่ก่อนแล้ว เขาลั่นไกปืนทันที เฉียดไหล่เปลือยของร่างนายจ้อยไปจนเกิดบาดแผลถลอกเพียงเท่านั้น แต่นั่นส่งผลให้นายเหล็กมาถึงตัวของชายหนุ่มได้จนประชิดตัว เขาก้มหลบด้ามปืนเหล็กที่อีกฝ่ายตวัดจะฟาดแสกหน้า พยายามเข้าประชิดนางบัวงามที่ก้มหมอบอยู่แทบเท้าของพระยาสิงขร แต่ก็โดนขวางทางด้วยร่างกำยำ ชายวัยกลางคนเหวี่ยงหมัดกระแทกครึ่งปากครึ่งจมูกของนายเหล็ก ในขณะที่อีกฝ่ายบิดมือชักด้ามพร้าเข้าฟันแขนแก
“ให้ตายเถิด คิดว่าจักมิพิษสงมากกว่านี้ แต่เนื้อแท้ก็แค่ตาแก่ตัณหากลับเท่านั้น หลงอีนี่จนโงหัวไม่ขึ้น รู้หรือไม่ว่านางกระทำชั่วสิ่งใดลับหลังผัวเก่...!!”ปัง!!“กรี๊ด!”เสียงปืนคาบศิลาดังกึกก้องไปทั่วหอนอนทันทีที่ยังไม่สิ้นคำครหา ส่งผลให้มีเสียงนกกาแตกตื่นรอบบริเวณต้นไม้รอบเรือน บ่าวชายร่างใหญ่ล้มลงหงายท้องตึงสู่พื้นไม้โดยพลัน พร้อมกับเลือดมากมายที่เจิ่งนองออกมาจากศีรษะดวงตาของนางบัวงามเบิกกว้างสุดขีด รีบผลุนผลันถลาลงจาดเตียงนอนเพื่อมองสภาพศพ หากแต่กลับโดนเรียวแขนแกร่งขวางทางเอาไว้“พี่ทำอะไรลงไปเนี่ย!” ร่างเล็กรีบหันไปปรามาสสามีของตนเอง หากแต่สีหน้าของพระยาสิงขรยังคงความเรียบเฉยค่อนไปทางเย็นยะเยือกจนน่าขนลุก ราวกับว่าเขาเพิ่งกำจัดสิ่งที่แสนโสโครกออกไปก็ไม่ปาน“ถ้ายังดูมิออก ก็ตายตามมันไปเสีย” วาจาช่างไร้ความเห็นใจ นางสาวบีกลอกตามองบน อาจจะเพราะชินชากับนิสัยและปากหมาๆ ของขุนแสนคำเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่กว่าจะรู้ตัวร่างกายใหญ่โตที่ล้มหงายท้องลงไปนอนจมกองเลือดอยู่ที่พื้นนั้นก็หยัดกายขึ้นมายืนเต็มความสูงอีกครั้ง พร้อมๆ กับหน้าผากที่ควรจะเป็นรูโหว่และเลือดทะลั่กกลับมีแค่รอยเขม่าดินปืนเเละแผ