“แต่ลูกตั้งครรภ์ เขาจะยอมรับได้หรือเจ้าคะคุณพ่อ?” เริ่มแรกด้วยการลองเอาน้ำมันเทราดบนแผ่นหินเผาไฟให้สาดซ่า โพล่งบอกพ่อของนางบัวงามไปตามตรงว่าหล่อนในตอนนี้กำลังตั้งท้องอ่อนๆ อยู่ อย่างน้อยโดนตั้งแง่ลงโทษ อาจยังดีกว่าไปสวมบทหมั้นหมายกับใครหน้าไหนก็ไม่รู้ หลวงศรีจันทร์ชะงักไปครู่หนึ่ง ก่อนที่ต่อมาจะแสยะยิ้มกริ่ม “งั้นก็ยิ่งดี! รีบพูดคุยจัดวันหมั้นหมายกับพระยาสิงขรให้ถูกต้อง แลสวมรอยลูกในครรภ์เป็นของท่านเสียเลยเป็นไร” เข้าใจแล้ว ทั้งพ่อทั้งลูก กู่ไม่กลับพอกันทั้งคู่ ทำไมพอลองหยั่งเชิงไปตรงๆ สิ่งที่ได้กลับมามีแต่อะไรที่รู้สึกว่าจะเสียเปรียบเปล่าๆ ล่ะเนี่ย อีกอย่างดูเหมือนหลวงศรีจันทร์จะรู้เรื่องที่นางบัวงามตั้งครรภ์ด้วย “งั้นก็ตามแต่คุณพ่อจะพึงใจเจ้าค่ะ ลูกยินดี” ยินดีกับผีอ่ะดิ แต่ถ้าไม่พูดแบบนี้ก็เดาทางหลวงศรีจันทร์ไม่ออกเหมือนกัน อาจเพราะนางบัวงามคงทำตามที่พ่อสั่งเสียทุกอย่างจนเก็บกดใช่ไหม เพราะไม่มีความคิดเป็นของตนเองจึงใช้ราคะเข้าครอบงำเพื่อสร้างความสุขชั่วครั้งชั่วคราว ที่อาจจะเป็นช่วงเวลาเล็กๆ ที่ได้มีความคิดและเป็นตัวของตัวเองได้บ้าง อันนี้เดาเอาเองนะ เพราะดูทรงหลวงศรีจันทร
ตกดึกสงัดในวันนั้น นางสาวบีผุดลุกขึ้นจากที่นอนหลังจากเตรียมตัวมาอย่างดี เนื่องจากนายกล้าในวันนี้ไม่ได้มีความผิดแถมยังช่วยชีวิตไว้อีกด้วย หลวงศรีจันทร์จึงไม่ได้ให้มีการตรวจตรานอกเรือนบุตรสาวแบบรัดกุมอย่างที่ตั้งใจไว้แต่แรก จึงเป็นทางสะดวกที่นายกล้าที่ฟื้นจากบาดแผลจะปีนเรือนขึ้นมารับเธอโดยไม่มีใครที่สามารถจับผิดได้ แต่ท่าทางเขาดูหนักหนาเอาการ สีหน้าอิดโรยนั้นดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะจับไข้เนื่องจากบาดแผล “นายไหวแน่นะ?” นางสาวบีทวนถามเพื่อความแน่ใจอีกครั้ง ไม่ได้สนใจมากนักแต่ถ้าตายไปหล่อนคงไม่มีหนทางให้ไปสืบหาเบาะแสต่อ นายกล้าที่หมอบตรงพื้นเรือนพยักหน้าน้อยๆ ไม่รอช้าหล่อนกับเขาจึงได้เดินทางไปยังท่าเรือใกล้ๆ ที่ใช้สัญจรแต่บัดนี้เงียบสงัด ดูเหมือนว่านายกล้าจะเลือกเส้นทางที่ติดกับป่าช้าแห่งหนึ่ง เสียงจิ้งหรีดเรไรร้องครวญระงม ท่ามกลางป่ามืดมิดและวังเวง มีเรือเล็กๆ จอดอยู่เทียบท่าเก่าๆ นายกล้าเดินนำหน้าหล่อนพร้อมตะเกียงไฟ ในขณะที่สายตาของนางสาวบีสอดส่องไปรอบๆ เพื่อสแกนหาดวงวิญญาณแถวนั้นตามความเคยชินในภพเก่า ลืมไป ว่าร่างนี้ไม่มีเซ้นส์อย่างที่เธอเคยมี คิดแล้วจึงกำชับผ้าคลุมดวงหน้าแน่นขนัด ไม่ว
นางสาวบีกลับมาหานายกล้าอย่างปลอดภัยโดยไร้เงานายเหล็กมาส่งถึงท่า พอเห็นสีหน้าสุนัขเลี้ยงส่วนตัวทำท่าทางเป็นห่วงก็อยากจะระบายความอัดอั้นออกมาเสียเดี๋ยวนั้น แต่เพราะภพนี้ไม่มีใครที่สามารถไว้ใจได้ทั้งนั้น หล่อนจึงปิดปากเงียบจนกระทั่งนายกล้าพายเรือกลับและพามาส่งถึงเรือนนางสาวบีไม่ได้หลับมาทั้งคืนเลยไม่ได้ลงนิมิตแห่งความตายอันแสนสะดวกไปหาขุนแสนคำ หล่อนพยายามร่างแผนการคร่าวๆ เป็นภาษาเขียนในยุคปัจจุบันที่คุ้นเคยกับมัน แต่ก็ต้องขยำทิ้ง เนื่องจากหล่อนเองก็ไม่รู้ว่าคราวหน้า นายเหล็กจะเปลี่ยนใจแล้วสังเวยชีวิตหล่อนทันทีที่ได้เถ้ากระดูกหรือเปล่าให้หมามาดูก็ยังรู้ว่าไอ้ตัวใหญ่นั่นมองนางบัวงามเป็นแค่เพียงเครื่องมือไว้ใช้ทำลายผัวตนเอง สันนิษฐานว่าเพราะนางบัวงามอาจเป็นจุดอ่อนเดียวของขุนแสนคำ ไม่รู้ชาติที่แล้วอีหญิงนี่มันจะโง่และชั่วอะไรขนาดนั้น คิดแล้วก็อยากตีอกชกหัวตัวเองให้รู้แล้วรู้รอด ความร่านนำพาหายนะมาสู่ตัวชัดๆวันนี้หลวงศรีจันทร์ให้บ่าวหญิงมาจับหล่อนแต่งเนื้อแต่งตัวตั้งแต่เช้า เนื่องจากต้องไปพบเจอพระยาสิงขรที่เรือนใหญ่ของพ่อ เขายอมมาที่นี่เพื่อมาคุยดูใจกับลูกหลวงที่ยศศักดิ์ต้อยต่ำกว่า คงจะคลั
นางสาวบีเริ่มบทสนทนาด้วยความปากแซ่บแบบที่ไม่แคร์ว่าอีกฝ่ายจะมียศฐาบรรดาศักดิ์สูงส่งกว่าพ่อของร่างหญิงที่มาสิงสู่สักเพียงใด อย่าคิดนะว่าแค่มียศมีอย่าง มีเงินแล้วจะมาขอผู้หญิงง่ายๆ เหมือนซื้อผักซื้อปลา เธอเองก็มีภารกิจที่ต้องทำเหมือนกัน ภารกิจที่ต้องแลกกับชีวิต ไม่มาเสียเวลากับอีตาลุงที่หวังอยากได้เสียกับผู้หญิงเด็กคราวลูกและคาดหวังว่าจะถูกจับใส่ตะกร้าล้างน้ำจนบริสุทธิ์ผุดผ่องมาให้หรอก แต่ก็แปลก ที่คนตรงหน้าไม่ได้ออกทรงโวยวายใหญ่โตแบบพวกเจ้ายศเจ้าอย่างทั่วไป กลับกันตาลุงร่างใหญ่กลับนิ่งงันเมื่อหล่อนร่ายจบ พร้อมกับหรี่ตาลงมองหล่อนราวกับมองมดปลวก ว่าแต่สายตาแบบนี้มันดูคุ้นๆ นะ เหมือนใครบางคนที่รู้จัก “กูอาจจักคิดมิผิดก็ได้ที่เลือกมึง” “ฮะ?” “กูรู้ดีว่าหลวงศรีจันทร์มิสามารถจับมึงใส่ตะกร้าล้างน้ำจนสะอาดเอี่ยม แต่ก็มิคิดว่าจักปากกล้าถึงเพียงนี้” “...” “มึงรู้หรือไม่ว่ากูเป็นใคร กูที่ขึ้นตรงกับพระองค์ กูสามารถกราบทูลให้ท่านทราบว่าหลวงศรีจันทร์เอามึงมาหลอกขายกูได้อย่างไร แล้วพ่อมึงก็อาจจักมีความผิดที่คิดมายั่วยุคนเช่นกู รู้หรือไม่ว่าองค์เหนือหัวสามารถสั่งฆ่าครอบครัวของมึงได้” “...” “อ
“แล้วถ้าฉันถอนตัว พี่จะทำของใส่ร่างกายนี้อย่างไรล่ะ” นางสาวบีพอรู้อยู่ว่าเรื่องมันจะต้องลงเอยเช่นนี้ ถ้าขุนแสนคำเลือกแผนนี้ เลือกพระยาคราวพ่อที่มีเมียสองลูกสามแบบนี้ เธอก็ต้องมีโอกาสไปเผชิญหน้ากับเหล่าเมียๆ ลูกๆ ของเขาที่ไม่รู้ว่าจะพร้อมต้อนรับเมียเด็กคราวลูกที่เคยผ่านการเป็นหม้ายผัวตายมาครั้งหนึ่งหรือเปล่าอยู่แล้ว อีกอย่างทำมาขนาดนี้แล้ว จะให้ถอนตัวก็คงเร็วไปนัก “อย่างน้อยมีฉันอยู่ แถมพี่ก็ได้ร่างสิงสู่ เราจะได้เป็นผัวเมียกันจริงๆ เลยยังไงล่ะ” “มึงนี่มัน...” ไม่รู้หรอกว่าชาติก่อนเป็นหญิงเช่นไร แต่ขุนแสนคำคิดว่าคนตรงหน้ามันช่างเจ้าเล่ห์เพทุบาย อวดดี และไม่เคยยอมแพ้อะไรง่ายๆ จนน่าหงุดหงิดเสียจริง “ฉันจะแต่งงานกับพี่ แล้วย้ายไปอยู่ในเรือนใหญ่ของพระยาสิงขร ขอเพียงนัดแนะมาว่าวันไหน ฉันจะเกณฑ์บ่าวหอบข้าวของไปหาเลยเจ้าค่ะ” “คิดดีแล้วรึ มิมีศักดิ์ศรีเลยหรือไร” ร่างพระยาคราวพ่อยกมือขึ้นกอดอก หรี่ตาลงมาหญิงสาวร่างเล็กตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า ไม่มีร่องรอยการโดนทำร้ายใดๆ แต่ก็ยังวางใจไม่ได้ ชายผู้นั้นที่เรียกนางมาหาถึงถิ่นนั้นใช้อาคมพรางสถานที่ไว้จนไม่สามารถมองเห็นได้ ปรกติไม่ว่านางบัวงามจะไปท
ออกคำสั่งในฐานะผัว?ยังไม่ทันได้ตบแต่งหมั้นหมายกันเป็นขั้นเป็นตอน ไอ้ผีแก่นี่ก็คิดจะแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของกับตัวเธอเสียแล้วอ้อ แต่อย่าเพิ่งตีตนไปก่อนไข้ บางทีขุนแสนคำอาจจะหมายถึงร่างที่เธอมาสิงอยู่ก็ได้ ก็อดีตเคยเป็นผัวเมียกันนี่นะ อีกอย่างขุนเสืออาจเป็นก้างขวางคอสำหรับภารกิจเสี่ยงตายด้วย เป็นตัวละครที่ไม่จำเป็นจะต้องเข้ามาอยู่ในแผนเลยเพราะจะมาปั่นป่วน พาเสียกันทั้งระบบก็ดีเหมือนกัน อย่างไรก็ไม่ได้ชมชอบการเสพสู่กันในครอบครัวสายเลือดเดียวกันอยู่ล่ะ จะไปตัดเยื่อใยให้ขาดสะบั้นเอาก็แล้วกัน“พี่ไม่ต้องห่วง ไม่ว่ายัยนี่จะเคยชอบน้องชายหน้าหล่อใจยักษ์นั่นสักเท่าไหร่ แต่ขอบอกเลยว่าหมอนั่นไม่ใช่สเป็คฉันเลยสักนิด”“มันผู้นั้นเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้กูถึงแก่ความตาย คงมิใช่คนที่จักยอมรามือจากตัวอีบัวงามโดยง่าย ที่เข้าหานางบัวงาม... อาจเพราะทรัพย์สมบัติ”“...”“งั้นก็ยกให้มันแลแม่มันไปทั้งหมดเสียจักเป็นไร อย่างไรสมบัติมันก็งอกเงยได้ทุกเมื่อ ยิ่งมีกูอยู่มึงยิ่งมิต้องกังวลว่าจักอยู่ยากลำบาก”รูปประโยคมันดูเอ้ะๆ อยู่นะ ทำเหมือนคุณผัวสายเปย์ที่กำลังเอาเงินฟาดเพื่อให้เมียไม่ไปหากิ๊กเลย“พูดมันก็ง่ายส
ด้านฝ่ายขุนเสือที่ลอบมองจากบานหน้าต่างในเรือนใหญ่ที่เปิดอ้า พบเห็นว่าพระยาสิงขรกำลังโอ้โลมล่วงเกินพี่สาวต่างแม่อย่างโจ่งแจ้งกลางสวนจำปาจำปีที่สามารถมองเห็นจากบานหน้าต่างบนเรือนบิดาได้ พร้อมกับยกร่างเล็กๆ ของนางช้อนขึ้นอุ้ม เขากัดฟันกรอด เมื่อทั้งสองพากันอุ้มสาวเจ้าตัวบางขึ้นไปบนเรือนเล็กของนางท่าทางกระหนุงกระหนิง“นังหญิงมิรักดี...” ชายหนุ่มคำรามเสียงเข้มในลำคอ ท่าทางบิดาก็รู้เห็นเป็นใจ อยากให้ลูกสาวมีสามีใหม่จนตัวสั่น จนบางคราอดนึกสงสัยไม่ได้ว่าหัวอกคนเป็นพ่อไม่นึกห่วงลูกบ้างเลยหรือไร ไม่ว่าจะเป็นไอ้แสนคำหรือพระยาแก่นั่น ก็ไม่มีใครน่าไว้ใจได้ทั้งสิ้นแต่อย่างนังนั่นคงชมชอบนัก การมีใครต่อใครมาปรนเปรอตนเอง คิดแล้วก็กำหมัดแน่นจนสั่นเทา แค่คิดก็พาลทำให้หงุดหงิดโกรธเกรี้ยวจนต้องขบเคี้ยวเขี้ยวฟันคิดว่าพอกำจัดไอ้แสนคำไปได้สำเร็จ จะสามารถควบคุมนางได้เสียอีกที่กูยอมแม้กระทั่งเข้าร่วมสนามรบเพื่อสวมรอยฆ่ามันจนกลับมาได้ยศขุน มันยังไม่เพียงพอให้มึงยอมรับว่ากูคือคนที่เหนือกว่าทำไมทุกคราที่กูทำกระไรบางอย่างเพื่อมึง มึงมักจักห่างกูไปก้าวหนึ่งเสมอพยายามจะเฉดหัวเขาทิ้งเมื่อได้รับผลประโยชน์ที่เหนือก
ตัดมาที่ฝั่งนางสาวบี บัดนี้หล่อนนอนอยู่ใต้ร่างของคนที่ขึ้นชื่อว่าจะเป็นผัวใหม่อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ถึงร่างกายจะใช่แต่จิตวิญญาณนั้นไม่ แรงปรารถนาแข็งขืนอยู่ที่ฝ่ามือเล็ก หลังจากที่ถูกอุ้มมาที่เรือนใหญ่ ด้วยเพราะเป็นพระยาสิงขรบ่าวทั้งหลายที่คอยเฝ้ายามหน้าเรือนจึงทำทีเหมือนมองไม่เห็นการกระทำบัดสีกลางวันแสกๆ นี้มันคงจะเป็นเรื่องปกติของคนใหญ่คนโตที่ชนผู้น้อยจะทำเหมือนมองไม่เห็นการกระทำที่ไม่สมควร จนกระทั่งเขาวางหล่อนลงบนฟูกนอนและเชื้อเชิญกัน แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร ไอ้ส่วนที่แข็งปั๋งที่เธอจับอยู่ มันไม่ธรรมดาแล้ว“พี่จ้องจะทำของใส่ฉันแน่ๆ” เสียงหวานกระเส่า หล่อนไม่ได้โหยหาหากแต่ร่างกายมันเป็นไปเอง มันเหมือนไม่ใช่ตัวของตัวเองเอาเสียเลย พอรู้ว่าคนตรงหน้ากำลังกำหนัด ร่างกายก็รุ่มร้อนราวกับจับพิษ “ใช่ไหม แฮ่ก พี่จะทำของใส่ฉันใช่ไหม”“ถึงแม้ท่านพระยาจักมีอาคมติดตัว แต่กูยังมิถูกเจ้าของร่างอนุญาตให้กระทำการใด อย่างน้อยถ้าจักสอดของสกปรกเข้าตัว ในนิมิตถึงจักดี” แม้ต่อหน้าหญิงสาวจะพ่นคำพูดคำจาโหดร้ายออกมา แต่สีหน้านั้นพร้อมรบเต็มที่ ร่างกายกำยำหยัดกายแกร่ง ปล่อยให้สาวเจ้าปลดอาภรณ์ลงอย่างไม่ชำนา
หล่อนควรว่านอนสอนง่ายกับเขา จึงจะเหมาะเจาะที่สุด“เมื่อวานหล่อนยั่วยวนพี่ชายฉัน อย่าคิดว่ามิรู้มิเห็นเชียวล่ะ”“...”“ทำเอาตาเเก่นั่นโกรธเกรี้ยวเป็นฟืนไฟ ดูเหมือนจักประมาทพ่อฉันเกินไป หล่อนมิอาจล่วงรู้ว่าพ่อฉันทำอันใดได้บ้าง”“... คุณยอดหล้าเขาเป็นคนใจดี เเถมยังพึ่งพาได้อีกต่างหาก” เเต่อีกฝ่ายก็ไม่ได้กระทบกระเทือนทางใจใดๆ เธออยากยอมรับด้วยซ้ำว่าเธอกำลังจะ ‘ยั่ว’ พี่ชายของเขา เพราะยังไงพี่ผีก็ไฟเขียวแล้วนี่ “หน้าตาก็ดี ยศศักดิ์ก็สูง หากจักมีใครตกบ่วงรักคุณเขา ก็ไม่น่าเเปลก”“เเต่หล่อนไม่มีสิทธิ์นั้น เพราะหล่อนเป็นเมียของพ่อฉัน! นั่นไม่ต่างกับมีศักดิ์เป็นเเม่อีกคนของไอ้… ยอดหล้า”“หากคนละสายเลือดเเล้ว ฉันไม่นับว่าเป็นญาติกันหรอก ดูพี่ชายเจ้ามิ่งเองก็สนใจฉันอยู่นะ”“เหอะ” มิ่งขวัญเเค่นหัวเราะ “หล่อนมิรู้หรือว่าพี่ชายข้ามีฉายาในพระนครเช่นไร เเต่มิเเปลกนัก ถึงรู้ หญิงเช่นหล่อนก็ยังคงคิดวิ่งโร่เข้าหามัน เเต่ฉันจักขอเตือนไว้”“...”“พี่ชายฉัน มันมิเหมือนพ่อที่จักตกหลุมพรางหล่อน มันไม่อ่อนโยนกับหล่อนดอก หากได้หล่อนครานึง หล่อนจักเป็นทาสรองบ่อนมันทุกคราไป เพราะมันน่ะคบค้าผู้หญิงมากเสียยิ่งกว่า
นางสาวบีนึกโล่งอก ถ้าเกิดเขายังทำเหมือนหล่อนเป็นตัวเเทนของเมียเก่าต่อไป มองเธอด้วยสายตาเว้าวอนอาลัยอาวรณ์ต่อไป อาจจะมีสักวันที่บีหลงรักขุนเเสนคำเข้าจริงๆ เพราะความสัมพันธ์ทางกายของเธอมีเเค่เขาเท่านั้น เเม้จะใช้ร่างกายของชายอีกคนก็ตามเเม้ว่าเขาจะโพล่งออกมาราวกับเรื่องที่เคยหวงเเหนร่างกายนี้ของนางบัวงามเมื่อก่อนที่เราตกลงสัญญาใจกันครั้งเเรกนั้นมันไม่ต่างกับคำโป้ปดก็ตามหากเเต่เมื่อรู้สึกตัวอีกครั้ง เธอก็ลืมตาขึ้นมาในตอนเช้าท่ามกลางฟูกนอนที่ไร้คนเคียงกาย ซึ่งไม่ใช่เรื่องเเปลกเพราะอีกฝ่ายนั้นเพียงเเค่เล่นบทผัวด้วยความจำใจ นางสาวบีทำเหมือนทุกอย่างเป็นเรื่องปกติ เธอตื่นขึ้นมาขัดถูคราบเหงื่อโดยมีบ่าวรับใช้คอยปรนนิบัติในช่วงเช้า เเต่งหน้าทำผมเหมือนวันนี้คือวันทั่วๆ ไปของหล่อนหญิงสาวสะคราญนั้นเคลื่อนตัวเปิดบานประตูออก ในเช้าอันสดใสนั้นเหมือนกับโลกใบใหม่ นางสาวบียอมรับว่าเธอเองก็มีความรู้สึกเล็กๆ กับการขีดเส้นให้ชัดเจนในวันนี้ เเต่เพื่อชีวิตเเละหัวใจของเธอ การอกหักมันเจ็บ ยิ่งอกหักจากผู้ชายที่ไม่ลืมรักเก่ายิ่งเจ็บไปอีกสองเท่าที่บอกว่าไม่มีวัน… นั่นมันเพราะเขาไม่มีวันที่จะมาหลงชอบวิญญาณที่ไม่
บีที่ผล็อยหลับไปนั้นจมลงสู่ห้วงนิทราลึกลับในแบบที่ตนเองไม่เคยใฝ่ฝันจะนึกถึง พื้นที่ที่คุ้นเคย เศษความแห้งแล้งจากเพลิงสงคราม เลือดและซากศพของเหล่าทหาร กลุ่มควันไฟดำมืดล้อมรอบพื้นที่กว้างขวาง กลิ่นคาวคละคลุ้งชวนอยากอาเจียน รวมถึงร่างใหญ่ทะมึนที่ไม่พบเจอมาเสียนาน ร่างกายที่เต็มไปด้วยบาดแผลและรอยคมดาบบาดเลือดเนื้อ แผ่นหลังกว้างในชุดเกราะเต็มยศนั้นทำให้นางสาวบีที่ยังคงอยู่ในร่างของนางบัวงามค่อยๆ ก้าวเดินไปใกล้เขาแม้ภาพลักษณ์ของเขาจะดูน่ากลัวเหมือนที่เคยพบเจอ แต่เชื่อหรือไม่ว่าบีไม่แม้แต่จะรู้สึกหวาดกลัวเหมือนในคราวแรกแล้ว อาจเพราะหล่อนรู้ดีที่สุดว่าคนๆ นี้เป็นผู้ชายที่น่าสงสารและน่าหดหู่แค่ไหน การตายของเขามันทรมานเทียบเท่าไม่ได้กับการทรยศหักหลังของผู้หญิงคนนี้ด้วยซ้ำ“เรียกฉันมาในนิมิตนี่มีอะไรหรือเปล่า” น้ำเสียงหวานนั้นเอ่ยถามอย่างเหินห่าง ที่เขาทิ้งหล่อนนอนคนเดียวและจากไป เพื่อรอให้หลับสนิทจนดึงมาในนิมิตแห่งความตายใช่หรือเปล่า ดูเหมือนเขาเองก็รู้ตัวดีแล้วสินะว่าที่เธอพูดออกไปนั้นหมายความว่ายังไง หากเราสองคนจะขีดเส้นกันใต้ระหว่างกันชัดกว่านี้อีกนิด เพราะว่าเป้าหมายของเขามันย่อมไม่ได้มาโด
หมอนั่นก็แค่เด็กที่ถูกตามใจจนเคยตัวไม่ใช่เหรอ? ดูจากกิตติมาศักดิ์ลูกรักของคุณหญิง ไอ้หมอนี่คงจะคิดว่าทุกอย่างที่อยากได้ก็จะได้มาโดยง่ายสินะ เหมือนอย่างไอ้บอสพี่ชายแท้ๆ ของเธอไง พอรู้ตัวว่าเป็นลูกคนโปรดเลยคิดว่าขออะไรแม่ก็คงจะให้ แล้วมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆแต่ก็ไม่รู้ว่าสิ่งที่คิดจะไปเอาจากยอดหล้านั้นจะเพราะเธอต้องการข้อมูลส่วนตัวของบ้านนี้จริงๆ หรือเพราะว่าผูกใจเจ็บเรื่องเก่าๆ ของพี่ชายกันแน่แต่ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะพอเดาความคิดความอ่านของเธอได้ เพราะหล่อนประมาท เขาถึงต้องยื่นมือเข้าช่วยเหลือแม้จะไม่เต็มใจ การที่เข้าสิงท่านพระยาก็เพราะเหตุผลนี้เช่นกัน เพราะความมุทะลุของวิญญาณแฝงในร่างนั้น กำลังจะพาปัญหาย้อนเข้าตัวแน่นอนว่าเขาชอบความกล้าของหล่อน ก็เลยปล่อยไปเฉยๆ ไม่ได้ อย่างไรนี่ก็ร่างของบัวงาม ร่างกายของหญิงที่เขารอคอยให้นางกลับมาอธิบายทุกๆ อย่างว่าเพราะเหตุใดจึงทรยศหักหลังเขาเช่นนี้“หึ สิ่งที่มึงกำลังคิดอยู่นั่นแลที่อันตราย” ฝ่ามือที่ผละออกเปลี่ยนมาบีบข้อแขนของหล่อนที่เม้มปากคิดขัดแย้งในห้วงอารมณ์ ดูเหมือนเขาจะรู้ว่าเธอคิดอะไรอยู่ถึงได้กระตุกยิ้มอย่างระอาใจเหลือทน กระตุกมือหนาแค่ทีเด
ปึง!หากแต่มีคนที่เก็บอารมณ์ไม่ได้ยิ่งกว่าใครที่เริ่มออกอาการหนัก พระยาสิงขรทุบโต๊ะเสียงดังจนจานชามกระจัดกระจายไปตามแรงเหวี่ยงของเขา พาลให้ทั้งโต๊ะอาหารตกอยู่ในความเงียบสงัด ทุกสายตาตรึงอยู่ที่ชายวัยกลางคนที่กำมือที่วางอยู่บนโต๊ะอาหารแน่นเสียจนสั่น แม้แต่นางสาวบีก็ยังตกใจที่เขาเป็นไปได้ขนาดนั้น จนร่างกายใหญ่โตนั้นหยัดกายลุกขึ้น ทิ้งประโยคเย็นเยียบทิ้งท้ายเอาไว้“ข้าอิ่ม จักขึ้นเรือน”สุรเสียงที่ทุ้มต่ำไม่ได้กระแทกกระทั้น หากแต่กดต่ำเสียจนพาให้ขนหัวตั้ง ก่อนที่เขาจะเดินออกไปจากตรงนั้น ทิ้งโต๊ะอาหารไว้ด้านหลังด้วยบรรยากาศที่อื้ออึงยอดหล้ายังคงฉีกยิ้มอยู่ ในขณะที่คุณหญิงนิ่งสงบพอๆ กับบ่าวรับใช้ที่ค่อนข้างตกใจกับท่าทีในวันนี้ของพระยาสิงขร ปรกติท่านไม่เคยมีปัญหากับยอดหล้าไม่ว่าเขาจะทำตัวต่อหน้าเช่นไร ขอเพียงไม่ล่วงเกินแม่ของตนเป็นอันดี เหตุผลที่แท้จริงเพราะว่าเขาเป็นลูกคนโตของผู้หญิงที่เขารัก รวมถึงเป็นลูกที่เก่งกาจมีพรสวรรค์ แต่ทว่าคราวนี้ท่านเปลี่ยนไปแค่เพียงเพราะเห็นลูกชายคนโตพูดจาสนิทสนมกับเมียใหม่เท่านั้นเมื่อคล้อยแผ่นหลังของชายวัยกลางคนไปแล้ว รอยยิ้มของยอดหล้าที่คงอยู่นั้นเปลี่ยนเ
การกลับมาที่บ้านในรอบปีของยอดหล้านั้นสร้างความยินดีให้แก่คุณผู้หญิงและบรรดาบ่าวรับใช้เพศหญิงเป็นอย่างมาก แน่นอน... เพราะเขานั้นมีวาจาคารมเป็นอาวุธ รวมถึงรูปโฉมที่แทบจะถอดแบบจากพ่อสมัยยังหนุ่มมาเต็มๆ การใช้คารมหลอกล่อผู้หญิงทั้งน้อยใหญ่ไม่ใช่เรื่องที่ยากเกินความสามารถของยอดหล้าคนนี้ตั้งแต่เล็กแต่น้อยก็ไปหยอกเอินแม่ครัว ไม่เคยแบ่งพรรคแบ่งฝ่ายว่าคนไหนเป็นบ่าวในเรือนเบี้ยหรือคนไหนเป็นเมียขุนนางชั้นสูง ขอแค่เป็นผู้หญิงสะสวยพร้อมใช้คำเยินยอเสมอ บ่าวไพร่ในเรือนล้วนรักใคร่เอ็นดู ยิ่งได้รับแต่งตั้งยศขุนหลวงแล้วมีข่าวดีว่าจักกลับมาเยี่ยมบ้าน หญิงสาวน้อยใหญ่ในบ้านก็ดีใจจนเป็นลมใครจะรู้ว่าด้านมืดของบุตรชายคนโตผู้นี้น่ากลัวถึงเพียงไหน และคงไม่มีใครรับรู้ได้ดีเท่าพี่น้องร่วมสายเลือด โดยเฉพาะมิ่งขวัญที่ไม่ต่างจากสิ่งที่รอรับแรงระบายอารมณ์จากพี่ชายทั้งของคาวหวานถูกตระเตรียมมาเป็นการดีเสียจนเต็มโต๊ะ อาหารที่ดูหรูหราและพิเศษกว่าทุกมื้ออาหารที่ผ่านมา (และน่าจะไม่มีสารพิษจากเงื้อมมือคุณหญิงปะปนอีก) ถูกตั้งตระหง่านรอบโต๊ะ เมนูที่ผ่านปลายจวักจนประณีตบรรจงนั้นไม่ต่างจากอาหารในโรงแรมไทยหรูๆ เสียจนน่าสวาปา
แล้วเจ้าที่พี่ไม่เคยจักสามารถแสดงความอ่อนแอได้เลยสักคราเพราะกลัวเจ้าจักหลุดมือพี่ไป จักกลับมาหาพี่ได้เมื่อไหร่กันพี่กลัวว่าตนเอง... จักแสดงความอ่อนแอกับวิญญาณเร่ร่อนที่สิงสู่ในกายเจ้าไปมากกว่านี้ แลพี่จักมิเป็นตัวพี่อีกต่อไปใครๆ ก็รู้ว่าไอ้แสนคำไม่ใช่บุตรชายที่แท้จริงของเจ้าหมื่นบรมเดชะ เป็นเพียงเด็กชายเก็บมาเลี้ยงในบานะ ‘ทายาท’ เพื่อสืบทอดเชื้อสายต่อไป เนื่องจากลูกของเจ้าหมื่นนั้นมีแต่ผู้หญิง การที่เขาได้ยศขุนนำหน้าจากการทำความดีความชอบในการศึกตอนที่อายุยี่สิบปี ผู้เป็นพ่อนั้นพึงพอใจในตัวลูกยิ่งนัก เพราะแสนคำเติบโตมาอย่างดีในมุมมองของชายชาติทหาร เขาแข็งแกร่ง และสามารถสืบทอดเรื่องการรบได้อย่างดีเยี่ยมไม่ต่างกับบิดาเลี้ยงตั้งแต่สมัยยังหนุ่ม แม้ว่าตอนนี้ขาข้างขวาจะใช้การไม่ได้จนต้องพึ่งไม่เท้าอยู่เป็นประจำหากแต่ใครจะรู้ถึงความกล้ำกลืนฝืนทนของบุตายที่เลื่องลือว่าไม่ใช่ลูกแท้ๆ ของท่าน พ่อแม่ของเขาเป็นใครไม่เคยพบเห็นหน้าค่าตาเลยสักครั้ง เพียงว่าเขาเป็นอดีตลูกทาส ที่เจ้าหมื่นขอซื้อมาเพราะในเรือนมีแต่บุตรหญิงเขามันเป็นเพียงลูกทาสที่ถูกพ่อแม่ขายให้ขุนมูลนายหวังมีพดเบื้ยไว้กินเศษข้าวเท่านั
ขุนแสนคำในร่างพระยาสิงขรล่วงรู้เรื่องราวความผิดปรกติภายในพระราชวังจากข้อความที่ส่งมาจากคนสนิทในวังของท่านดูเหมือนในหมู่พระสนมทั้งห้าสิบคน จะมีพระสนมคนหนึ่งมีการเคลื่อนไหวที่ค่อนข้างแปลก และเริ่มเอิกเกริก เอาใหญ่ในด้านความสัมพันธ์กับพระราชา จนพระมเหสีผู้เปรียบไม่ต่างมารดาของเมืองรู้สึกไม่พอพระทัย และต้องการกำจัดพระสนมคนนี้อย่างลับๆ จึงมอบหมายงานนี้ให้คนในวังเป็นหูเป็นตาคอยกลั่นแกล้งให้เสียฐานันดรไปแน่นอนว่าฝั่งพระยาสิงขรเป็นปฏิปักษ์กับพระมเหสี เนื่องจากทำงานอยู่ใต้ร่มพระบาทของพระเจ้าอยู่หัว จึงต้องหาวิธีสกัดกั้นความคิดนั้นของพระองค์เสีย อย่างไรในยุคนี้หญิงไม่มีทางเป็นใหญ่ไปมากกว่าชายหรอก การมีสนมถึงห้าสิบคน เป็นหลักฐานที่ชัดเจนที่สุดที่พระมเหสีไม่มีวันหนีไปจากความจริงข้อนี้ได้ ในยุคที่กฎมณเฑียรบาลยังไม่เอื้อเฟื้อต่อผู้หญิงแม้แต่แม่เมือง ทำให้ผู้ชายรวมตัวกันคิดว่าถ้ามีอำนาจจะทำอะไรก็ได้แน่นอนว่าขุนแสนคำนั้นอยู่ในยุคโบราณที่ชายเป็นใหญ่ เขาจึงมีความคิดไปตามสมัย นึกเข้าข้างกษัตริย์ เพราะเป็นหญิงถึงต้องยอมผู้ชายเนื่องจากแข็งแรงกว่า หากพระมเหสีไม่เล่นกลการเมืองดีๆ ก็ไม่มีวันที่จะกำจัดพระส
“วันนี้มื้อกลางวันมิเห็นหล่อนกับคุณพี่มาทานข้าว แต่ฉันเตรียมสำรับไว้เผื่อเธอหิวอยู่แล้ว ถ้าหิวก็บอกฉันนะ จักเรียกบ่าวมาจัดสำรับให้ตรงนี้” เมื่อเห็นว่าหญิงสาวเอาแต่ยืนยิ้มไม่พูดไม่จาอะไร คุณผู้หญิงทองพินจึงถือโอกาสตัดสินใจว่านั่นคือคำอนุญาต รีบกวักมือเรียวเรียกบ่าวนางหนึ่งที่นั่งพับเพียบเฝ้าที่พื้นเรือนข้างๆ พลางกระซิบกระซาบให้ยกถาดสำรับมาวางให้นางบัวงามที่ยืนอยู่ตรงหน้า บ่าวไพร่มีท่าทีสงบในขณะที่รุดเดินจ้ำก้มหัวนอบน้อมให้เธอและคุณผู้หญิงไปด้านหลัง ซึ่งน่าจะเป็นที่ตั้งของห้องครัวประจำเรือน “ขอโทษที่ทำให้คุณผู้หญิงต้องลำบากนะเจ้าคะ” นางสาวบีพูดอย่าง ถ่อมตน นั่นเพราะอีกอย่างข้าวเมื่อวานที่ตกถึงท้องก็มีแค่ข้าวที่จับมือมาไม่กี่ ก้อนกับน้ำพริกเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ยิ่งผ่านศึกรักมาอย่างหนักหน่วงเพราะ ขุนแสนคำโคตรดุก็ยิ่งหิวโหยเป็นพิเศษถึงจะแอบหวั่นเกรงถึงบางสิ่งที่คนเป็นเมียหลวงน่าจะใส่ในอาหารตั้งแต่มื้อก่อนก็เถอะ แต่ดวงตาที่จับจ้องราวกับพร้อมรับชมอากัปกิริยาทุกอย่างของหล่อนทำเอาตัวแข็งไม่กล้าขัดขืนหรือปฏิเสธ ไม่เข้าใจว่าทำไมถึงใจดีกับเธอขนาดนั้น แต่ครั้นจะให้ไปหากับข้าวกับปลากินเองก็ใช่ที่