“บัวงาม นี่เอ็งจำแม่มิได้รึ!”
คุณหญิงจันทร์งามทำท่าลมจะจับอีกรอบเมื่อเห็นว่าหลังจากที่บุตรสาวนามว่า ‘บัวงาม’ ล้มป่วยหลังจากข่าวการตายของชายอันเป็นที่รัก นางก็นอนซมไม่ได้สติมาสามวัน จนวันนี้ที่ลูกฟื้นขึ้นมา ดันเกิดอาการความจำเลอะเลือน จนจำแม้กระทั่งมารดาที่เป็นคนเบ่งนางออกมามิได้
“ใครคือบัวงามอ่ะป้า ฉันเหรอ?” ว่าพลางชี้ไปที่ตนเอง คุณหญิงจันทร์งามถึงกับรับไม่ได้เดินหนีไปทางอื่นจนเด็กสาวที่นั่งอยู่รั้งไว้ไม่ทัน นางสาวบีขมวดคิ้วยุ่ง ไม่เข้าใจคุณป้าการละคร แต่กลับสากคอ หิวน้ำเหลือเกิน “นี่ พวกพี่ๆ น่ะ มีน้ำไหม ถ้ามีเอามาให้ฉันที”
“จะ... เจ้าค่ะคุณบัวงาม” ผู้หญิงผมสั้นนุ่งผ้ารัดอกเหล่านั้นมีท่าทางกล้าๆ กลัวๆ แต่ก็ยอมเอาน้ำใส่ขันมาให้หญิงสาวที่นั่งอยู่บนเตียงไม้สักแต่โดยดี แม้ว่านางสาวบีจะสงสัยในชื่อบัวงามที่หลุดออกมาจนนับคำได้ของทั้งสาวใช้และป้าคนเมื่อกี้ เลยได้แต่มองไปรอบๆ ห้องที่ตนอยู่ เครื่องตบแต่งดูไท๊ยไทย โบราณเสียจนต้องพลั้งปากถามออกไป
“นี่ ฉันอยู่ที่ไหนเหรอ”
“นะ... นี่คุณบัวงามจำกระไรมิได้จริงๆ หรือเจ้าคะ?” นั่นเป็นคำถามที่ดูจะตื่นตระหนกของพวกหล่อน แต่เธอก็พยักหน้ารับตามตรง
“อื้ม จำอะไรไม่ได้เลย” ซะที่ไหน จำได้โคตรแม่นเลยต่างหาก ก่อนหน้านี้เธอตายคาห้องผ่าตัดหลังจากไปศัลยกรรมหน้าอก วิญญาณหลุดออกจากร่าง ก่อนจะถูกคนที่คล้ายยมทูตโยนวิญญาณลงปากเหว
เอาเป็นว่านรกไม่ใช่แบบนี้ ต้องรู้ก่อนว่าที่นี่คือที่ไหน
“ท่านชื่อบัวงาม เป็นบุตรสาวหลวงศรีจันทร์ มีสามีชื่อขุนแสนคำ แต่หลังจากได้ทราบว่าสามีของท่านตายในการศึก และมาเข้าฝันว่าจักมาเอาชีวิตท่านแลลูกไปอยู่ด้วยในสภาพดาบปักคอ ท่านก็ตรอมใจจนป่วยหนักเจ้าค่ะ”
พรูดดดด
นางสาวบีพ่นน้ำออกมาจนเปรอะเต็มหน้าสาวใช้นางหนึ่ง
“เดี๋ยวพี่ นี่ยุคอะไร!!”
“อโยธยาเจ้าค่ะ” เด็กสาวแทบลมจับไปอีกรอบเมื่อได้รู้ความจริง งั้นก็ไม่แปลกล่ะที่ป้าคนนั้นจะเล่นละครโศกให้ดู ก็หล่อนอยู่ในร่างลูกสาวเขา แถมยังจำแม่บังเกิดเกล้าตัวเองไม่ได้อีก
นึกว่าจะมีแค่ในนิยายหรือละครไทยนะเนี่ย
นี่ฉันมาเกิดใหม่ในร่างของผู้หญิงยุคกรุงศรีหรือเนี่ย!
“แล้วขุนแสนคำนี่อะไร ทำไมอาฆาตฉันจังเลย” เธอตั้งคำถามถึงผีเฮี้ยน ที่เมื่อตายในสนามรบก็มาเข้าฝันเมียว่าจะเอาไปอยู่ด้วยจนเมียตรอมใจเกือบตายแบบขุนแสนคำ เป็นผัวประสาอะไร เป็นผีก็อยู่ส่วนผี ควรปล่อยวางให้นางบัวงามไปมีผัวใหม่ดิ
“ตอนที่ยังมีชีวิต ขุนแสนคำนั้นรักใคร่ท่านมากเจ้าค่ะ หมั้นหมายตบแต่งกันเรียบร้อย ท่านเองก็รักเขามาก แต่เมื่อสองปีก่อนท่านถูกเกณฑ์ไปรบ ท่านเองก็รอเขามาตลอด... จนตั้งครรภ์” ท้ายประโยคสาวใช้เลิ่กลั่กมองหน้ากันเองไปมา เหมือนรู้สึกว่าเรื่องที่เพิ่งโพล่งออกมาอาจไม่ควรพูด
เดี๋ยวก่อน...
พอถึงประโยคนั้นนางสาวบีจำเป็นต้องเบรกเพื่อทำความเข้าใจกับกราฟชีวิตของนางบัวงามที่ตนเองเข้ามาสิงสู่
สามีไปรบสองปี แต่ตัวเองเพิ่งตั้งท้อง
งี้มันไม่ใช่การนอกใจหรอกเหรอ!!
นางบัวงามนอกใจผัวที่ตบแต่งอยู่ไม่ใช่เหรอวะ คนบ้าอะไรผัวไปรบสองปีเพิ่งมาท้องอ่อนๆ ดูที่ท้องก็ยังไม่ป่องดีด้วย
อะ... อ้าว
สรุปตอนแรกที่คิดว่าผียึดติด มีสิทธิ์อะไรมาเข้าฝันจะไปเอาชีวิตคนอื่นทั้งที่ตัวเองตายไปแล้ว
สรุปคืออีหญิงร่างที่กูสิงอยู่นี่แหละคือคนเลว!!
“แล้วไงต่อพี่ เล่าต่อเลย” ถึงจะอยากขอยาดมมากกว่าก็ตาม คนอื่นเขาเกิดใหม่เข้าไปอยู่ในร่างนางร้ายเชิ่ดๆ สวยๆ บางคนก็เข้าไปอยู่ในร่างนางเอก แต่นี่ฉันมาอยู่ในร่างของหญิงสองใจที่อาศัยจังหวะเหินห่างกับผัวไปมีซัมติงกับซัมวันจนท้องโต พอผัวตายเป็นผีรู้ว่าเมียนอกใจเลยเข้าฝันจะมาเอาชีวิตไปเป็นการแก้แค้น เออ ดี! แบบนี้จะแก้ไขชีวิตนี้ยังไงดีวะ
“ช่วงนี้ข่าวลือเรื่องผีขุนแสนคำเฮี้ยนกำลังกระฉ่อนไปทั่วพระนครเลยเจ้าค่ะ ว่ากันว่าเขามักจักมาตามหาท่านในช่วงยามสาม ร้องเรียกชื่อจักเอาชีวิตท่านแลลูกในท้องอยู่ทุกค่ำคืน ท่านเองก็ไม่กล้าหลับเพราะจักฝันถึงขุนแสนคำในสภาพน่ากลัวจักมาฆ่าเอาชีวิตอยู่ตลอด จนกระทั่งล้มป่วยไปสามคืนนี่ล่ะเจ้าค่ะ”
นางสาวบีนิ่งฟังแล้วก็เอนเอียงไปเข้าใจทางฝ่ายผี ก็ตายแล้วกลับรู้ว่าเมียตัวเองหักหลังแบบนี้ เป็นใครก็เฮี้ยนอยากเอาชีวิตไปทั้งนั้น
ยังไงก็อยากเจรจาก่อน
“งั้นคืนนี้ฉันจะนอนก็แล้วกัน แต่ไม่ต้องให้ใครมาเฝ้าฉันนะ”
ตกดึกสงัด สภาพเรือนโดยรอบวังเวงอย่าบอกใคร นางสาวบีนั่งอยู่ในห้อง หลังจากอาบน้ำผัดแป้งเรียบร้อยตามครรลองของสาวยุคกรุงศรี แม้จะลำบากไม่คุ้นเคยสักเท่าไหร่ ตามประสาคนทำอาชีพหมอผีมีบ้านร่ำรวยจนอาบน้ำด้วยฝักบัวใหญ่ แต่เพราะว่าอดีตเคยอยู่บ้านนา แก้ผ้าอาบน้ำต่างขันกับโอ่งมังกรมาตั้งแต่ยังเด็กเลยไม่ถือว่าเลวร้ายนัก
เธอออกไปสำรวจเรือนภายนอกมาแล้ว ดีกว่านั่งอุดอู้เป็นหญิงป่วยอยู่ในห้อง เหมือนว่าเรือนของแม่สาวบัวงามอะไรนี่จะใหญ่โตโอ่อ่าน่าดู ก็เป็นถึงลูกหลวงที่มีหน้ามีตา มีอำนาจ ไม่แปลกหรอกที่จะมีบ้านเรือนไทยหลังงามเช่นนี้
แต่ยังไม่รู้ที่มาของชายที่มาเป็นชู้เมียชาวบ้าน เห็นทีคงจะต้องสืบต่อไปเรื่อยๆ
ดวงตาของแม่หญิงบัวงามไม่สามารถเห็นภูตผีวิญญาณได้เหมือนอย่างร่างเก่าของนางสาวบีที่มีซิกส์เซ้นต์มาตั้งแต่เกิด สงสัยที่ฝันถึงผัวที่ตายไปแล้ว คงเพราะจิตพิศวาสที่สื่อถึงกันได้ แม่สาวนี่คงมีใจนึกคิดถึงผัวที่ไปรบอยู่บ้างกระมัง
“เอาล่ะ ฉันจะนอนแล้วน้า พ่อผีแสนคำเชิญมาเข้าฝันตามสบาย” ก่อนจะคลุมโปงหญิงสาวโพล่งขึ้นมาด้วยเสียงดังระดับหนึ่งเป็นเชิงท้าทายวิญญาณเฮี้ยนของนายแสนคำ หมอนั่นคงวนเวียนอยู่ใกล้ๆ แม่สาวนี่แหละ เพราะพอฟ้าเริ่มมืดมักรู้สึกหนาวๆ เย็นๆ หลังอยู่ตลอด บางครั้งก็รู้สึกเหมือนมีใครมามองผ่านช่องบานหน้าต่างอีกด้วย
นางสาวบีไม่สวดมนต์ ถอดสร้อยพระที่มีคนเอามาห้อยคอนางบัวงามออกไปวางไกลๆ ตัว ก่อนที่จะค่อยๆ ล้มตัวลงนอนบนฟูกนุ่ม หลับตาลง ค่อยๆ จมลงสู่ห้วงนิทราลึกลับ
สิ่งแรกที่พบเจอคือเพลิงกัลป์ พอมองชัดอีกทีคือเสียงเซ็งแซ่ของดาบเหล็ก เสียงฉีกเนื้อเถือหนังด้วยอาวุธ เสียงระเบิด เสียงกรีดร้องของผู้คน
ความฝันนิมิตให้นางสาวบียืนอยู่ท่ามกลางสงคราม ทัศนียภาพสับเปลี่ยนอย่างรวดเร็วเป็นภาพกองศพของทหารมากมายนอนจมกองเลือดอยู่ บ้างอวัยวะขาด ศีรษะขาด แขนขาด ลำไส้ไหลเกลื่อนกลาดจากแรงระเบิดหรือคมดาบ มีให้เห็นกันแบบไม่เซ็นเซอร์เลยทีเดียว
ปลายเท้าเล็กเดินตามกองเลือดที่ท่วมท้นไปด้วยซากศพ ปากก็สวดมนต์ไปด้วยเพื่อควบคุมสติอารมณ์ของตนเอง ยอมรับว่าครั้งแรกเหมือนกันที่ผีเฮี้ยนจนสร้างนิมิตอลังการแบบนี้ได้ แสดงว่าผู้ชายคนนี้ตอนมีชีวิตอยู่น่าจะมีคาถาอาคมพอตัว
แต่สุดท้ายก็ทนไม่ไหวเผลออาเจียนออกมาใส่ซากศพเหล่านั้น เพราะกลิ่นเลือด กลิ่นน้ำหนองคาวคลุ้งเสมือนอยู่ท่ามกลางสถานที่นั้นจริงๆ
นางสาวบีเห็นผีมาก็เยอะ ปราบผีมาก็แยะ แต่ให้มาให้ศพเห็นเลือดขนาดนี้ ก็ไม่ไหวเหมือนกัน
ตึก
ตึก
ตึก
แหมะ... เผละ
เมื่อหญิงสาวล้มลงอาเจียน ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าใหญ่ดังขึ้นอย่างหนักแน่น พร้อมกับเสียงเลือดที่หยดลงมาตามทางของร่างนั้นกำลังตรงมาทางหล่อนอย่างเชื่องช้าเป็นจังหวะขนหัวลุก เสียงเหยียบอวัยวะแหลกเหลวของพวกทหารดังจนนึกภาพตามได้เอาเข้าแล้วไง หรือเราไม่ควรเอาตัวเองไปท้าผีเฮี้ยนสมัยโบราณแบบนี้วะนางสาวบีคิดได้แบบนั้นก็สายไปแล้ว ข้อมือเล็กถูกกระชากขึ้นจนลอยเคว้งกลางอากาศแต่ไม่รู้สึกเจ็บ ภาพตรงหน้านั้นชวนให้ตกตะลึงชายตัวใหญ่สูงราวๆ 190 เซนติเมตร ตัวใหญ่กำยำมาก สวมใส่โจงกระเบนเปรอะเลือด ดวงตาสีดำทมิฬไม่มีนัยน์ตาขาวกำลังจ้องมองร่างของเธอที่ห้อยต่องแต่งกลางอากาศอย่างเคียดแค้น ตามร่างกายมีบาดแผลเหวอะหลายจุด รวมถึงดาบขนาดใหญ่ที่ปักคอเกือบขาดวิ่น‘หลับลงแล้วหรือ... อีหญิงชั่ว’ เสียงที่เปล่งออกมานั้นไม่ได้ลอดผ่านปาก แต่ลอดผ่านอวัยวะกล่องเสียงที่ลอดมาทางช่วงลำคอที่หวิดเกือบขาด เสียงนั้นอู้อี้ดูหลอนน่ากลัวมากๆ ‘มึงอย่าเผลอดวงตกเชียว... กูจักตามเอาชีวิตมึงกับเด็กในท้องมึงมาเป็นบริวารกู... อีแพศยา!!’อย่างหลอน นี่ต้องตายด้วยความแค้นขนาดไหน ถึงได้อยากเอาชีวิตทั้งเมียที่รักและลูกที่ไม่ใช่ลูกตัวเองไปอยู่ด้วยขนา
“ได้จ้ะ! จะให้ฉันทำอะไร ฉันยอมหมด” เพราะผีเฮี้ยนตรงหน้านั้นมีแรงอาฆาตสั่งสมมานาน ทำให้นางสาวบีรู้ตัวว่าตนเองไม่สามารถต่อกรกับมันได้แน่ๆ เครื่องมงเครื่องมือหมอผีแบบชาติก่อนก็ไม่มี ไม่รู้จะเอาอะไรไปสู้ เผลอๆ อาจจะเอาชนะมันไม่ได้ด้วย เลยยอมทำตามที่ผีขุนแสนคำว่ามาแทน เผื่อจะถูกมองว่ามีประโยชน์ และเขาคงจะปล่อยให้ตนเองเป็นอิสระแต่คำขอที่ร้ายกาจนั้นกลับถูกพ่นออกมาจากริมฝีปากหยักลึกที่แตกระแหงมีคราบเลือด ขุนแสนคำกระตุกยิ้มเหี้ยมยกศีรษะที่ห้อยต่องแต่งกลับมาประกอบดังเดิม‘กลับมาเป็นเมียผีเฮี้ยนอย่างกู ถวายตัวเป็นชู้กูเสียเป็นไง’นางสาวบีอ้าปากค้าง ไอ้ผีนี่มันบ้าไปแล้วแหงๆ สงสัยจะแค้นนางบัวงามมากจนสติสตังไปหมดแล้ว อะไรก็ได้ขอแค่ได้ลบกลิ่นไอชายชั่วออกจากตัวเมียเป็นพอถึงจะมีแรงอาฆาตแค้นเมียตัวเองอย่างแรงกล้า แต่ในขณะเดียวกันก็คลั่งรักไม่ต่าง มาคิดดูดีๆ ก็น่าสงสารนะ คงทำใจไม่ได้ที่เมียตัวเองมีชู้ เลยยอมได้แม้กระทั่งได้ครอบครองเพียงแค่กายหยาบก็ตามแต่... นางสาวบีไม่เคยมีผัว! จะยอมเสียเอกราชด่านแรกให้ผี ก็ออกจะน่าอนาถเกินไปหน่อย“ไม่ค่ะ หนูยังซิง อย่างน้อยถ้าจะเสียซิง ขอเลือกผู้ชายด้วยตัวเองจะดีกว่
“ฉันพร้อมแล้วจ้ะ เริ่มเลยไหม... อึก!” ผีขุนแสนคำไม่พูดพร่ำทำเพลงหรือรอพิธีรีตอง เขาโถมตัวเข้าใส่ร่างกายของนางบัวงามทันที ซุกไซร้อย่างรุนแรงตามซอกคอขาวจนหญิงสาวรู้สึกจั๊กจี้ปนเสียวซ่าน ก็เล่นทั้งกัดทั้งขบทั้งเคล้น ดุดันไม่เบามือกันเลยสักนิดผู้ชายสมัยก่อนมันป่าเถื่อนขนาดนี้เลยเหรอแต่ชอบนะ เอาอีก!“อื้อ! จะ... เจ็บนะ” เสียงหวานสั่นไหวเมื่อผีชายหนุ่มเริ่มฉีกทึ้งผ้ารัดอกออกอย่างเดือดดาลจนเศษผ้าบาดผิวขาวนวลจนเป็นจ้ำ หน้าอกอวบใหญ่สล้างออกมาสัมผัสอากาศภายนอก ปทุมถันสีชมพูอ่อนชูชันรับกับไรขนอ่อนที่ลุกชันเพราะความเหน็บหนาว ถึงมันจะวังเวงกลางป่าช้าแต่ก็แอบเร้าใจดี นางสาวบีรู้สึกเหมือนตัวเองได้พบประสบการณ์ใหม่ในการใช้ชีวิตแบบแอดเวนเจอร์หน่อยๆ เซอร์ไวเวิลนิดๆแต่จะเรียกว่าใช้ชีวิตก็ไม่ได้เพราะเธอขิตไปในโลกเก่าแล้ว ต้องเรียกว่า ประสบการณ์ใหม่ในการใช้ร่างที่มาสิง จะถูกกว่าเรียวปากหยักขบเม้มดูดดึงปลายถันอย่างดุเดือด หญิงสาวรู้สึกได้ถึงสัมผัสใหม่ที่แล่นแปลบมาถึงปลายสมองส่วนกลาง เธอรู้สึกจั๊กจี้ปนเสียววูบวาบ เหมือนอยากจะปัสสาวะออกมาจนน้ำปริ่มนิดๆ เกร็งเท้าไปหมดเพราะเขาเล่นหน้าอกของนางบัวงามที่เชื่อ
ภาพของหญิงสาวยามเมื่อปรนเปรอกายหนาในยามที่ยังรักใคร่กันดีผุดขึ้นมาในเศษเสี้ยวความทรงจำเสมือนก่อนโดนศัตรูเอามีดแทงทะลุคอจนถึงแก่ความตายขุนแสนคำผู้ไร้พ่าย รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง กลับโดนนายทหารกรุงหงสาวดีบั่นคอจนตายอย่างโหดเหี้ยม แค่เพียงดาบที่แทงทะลุอกยังไม่ทำให้ตายได้ในทันที เขายังคงฟาดฟันศัตรูอย่างบ้าคลั่งโดยไม่รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดกับบาดแผลที่อกข้างซ้ายที่ดาบพม่าแทงเฉียดเกือบตัดขั้วหัวใจ จนถูกนายทหารคนสำคัญจากฝ่ายอังวะ นามว่า ‘ตูระเซยะ’ ใช้ดาบปักเข้าที่คอเข้าจุดสำคัญเพื่อหยุดการเคลื่อนไหวของทหารนำทัพอีกฝ่ายเขาตายโดยที่ไม่ได้สั่งเสียอะไรกับเมียรัก แถมยังตายไปโดยไม่รู้ว่าลับหลังเมียได้นอกกายนอกใจไปไม่รู้กี่ครั้งกี่คราตลอดเวลาสองปีที่เคลื่อนทัพปะทะอาณาจักรอังวะ ตลกร้ายดีไม่หยอกที่เมื่อสิ้นชีพไปแล้วถึงได้รู้ความจริงที่เมียที่รักยิ่งกว่าชีวิตปกปิดมาตลอดหลายปีนางบัวงามนั้นวิญญาณหลุดออกจากร่างก่อนที่จะได้พูดคุยกันตามประสาผัวเมีย แน่นอนว่าวิญญาณของเธอคงหลงวนเวียนอยู่ในวัฏจักรสงสาร หรือที่ไหนสักแห่งที่ดวงจิตสุดท้ายก่อนตายนึกถึงดั่งเช่นเขา แน่นอนว่าในทีแรกขุนแสนคำคิดที่จะเจรจากับเมียก่อน
“ฮื้อออ อะ อ๊ะ พี่ผี บะ... เบากับฉันหน่อย อื้ออออ” เสียงหวานครางสูงในลำคอเมื่อความเสียวซ่านแล่นพล่านไปทั่วสรรพางค์กาย เนื่องจากไม่ประสานี่จึงเป็นสัมผัสแปลกใหม่ แต่ร่างกายกลับให้ความรู้สึกคุ้นเคยราวกับเธอเคยร่วมรักกับชายตรงหน้าเมื่อยังมีชีวิตมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแต่ถ้าจะอัดกันเอาๆ เหมือนลูกบาสแบบนี้ ถ้าไม่ติดว่าเป็นผีนะจะไปรีวิวติดลบในพันติ๊ปให้รู้กันทั่วเลย ผู้ชายยุคกรุงศรีมันรุนแรงกับผู้หญิงทุกคนเลยไหมเนี่ย“มิคณามือเลยสักนิด มึงมีฤทธิ์เดชเพียงแค่นี้ อย่าได้หวังจักทำให้กูพึงใจได้เลย” เสียงหนั่นเนื้อกระทบกันดังก้องในโสตประสาท พร้อมกับเสียงทุ้มเยือกเย็นที่ส่อแววปรามาสไม่จบไม่สิ้น “มิลองไปเขาโรงรับทำชำเราบุรุษไปเป็นโสเภณีดูหรือไร เผื่อจักมีกลเม็ดพิชิตใจชายได้มากกว่านี้”โรงรับทำชำเราบุรุษ? โสเภณี?อ้อ ไอ้ผีหน้าหล่อนี่มันกำลังประชดว่าเธอเด็ดไม่เท่าน้องหรี่ตัวจริงอยู่นี่หว่า“พะ... พูดแบบนี้ต่อยกันดีกว่า อะ อ๊า!” สิ้นประโยคนั้นความอุ่นร้อนก็โอบล้อมภายในท้องน้อยเมื่อชายร่างแกร่งเหนือตัวเสร็จสมดั่งใจหมาย ผีหนุ่มไม่ได้แสดงท่าทางอดกลั้นใดๆ เนื่องจากเมื่อตายเป็นผีแล้วมันไม่มีความรู้สึกถ
“กระผมขออภัย กระผมจักรีบออกจากตัวท่านประเดี๋ยวนี้ขอรับคุณผู้หญิง” ดูท่าทางเลิ่กลั่กเมื่อถูกดุนั่นสิ ชายหนุ่มรีบรุดออกจากกายสาวพร้อมกับล้มลงไปคุกเข่าอยู่ที่พื้นเรือน มองหญิงงามที่ค่อยๆ หยัดตัวลุกขึ้นจัดผมเผ้าตนเองด้วยแววตาหลงใหลแม่ช่างงามเหลือเกิน ท่วงท่ายามตื่นนอนอันแสนน่าดู เพลิดเพลินกับทรวดทรงองค์เอวที่ปรากฎอยู่นอกผ้าห่มกาย ชุดรัดอกและซิ่นบางๆ นั้นเปิดความงามเหมือนยามที่เคยเอานางมาอยู่ใต้ร่าง ยามเมื่อนางอนุญาตให้ละเลียด เขาก็กัดกินนางอย่างหิวกระหาย ราวกับคุณบัวงามที่อยู่ใต้ร่างนั้นคือชิ้นเนื้อชั้นดี ที่สุนัขจรจัดอย่างเขาโหยหามาตลอดคุณบัวงามเคยบอกว่าชอบที่เขาภักดี ซื่อสัตย์ และโง่เขลาเหมือนสัตว์คุณบัวงามอนุญาตให้เขาฉกชิมตัวหล่อนได้ แลกกับการใช้งานเขาจึงได้แต่มาเฝ้ารออย่างมีความหวังว่าวันนี้นางจะใช้งานเขาด้วยอะไรอีก แลกกับการได้เอาหล่อนมาอยู่ใต้ร่างอีกครั้งไอ้ทาสนามว่ากล้าผู้นี้ จะขอถวายตัวรับใช้คุณบัวงาม ด้วยความรักความภักดีไปจนวันตายนางสาวบีที่จัดผมเผ้าเรียบร้อยแต่เห็นว่าทาสชายคนนั้นยังนั่งคุกเข่าจ้องมองเธอไม่ยอมลุกออก เลยทำได้แค่ปรายตาลงมองตาดุราวกับไล่กลายๆหากแต่หมาโง่ของนา
“ตื่นแล้วหรือบัวงาม? อาการไข้ของลูกดีขึ้นแล้วหรือไร” หลวงศรีจันทร์เมื่อเห็นลูกสาวก็โพล่งขึ้นมาอย่างชื่นมื่น ดูออกจะแปลกไปเสียหน่อยกับเหตุการณ์ที่ลูกเขยเพิ่งเสียชีวิตจากสงคราม ทั้งที่ควรจะไว้ทุกข์แท้ๆ กลับทำเหมือนเป็นเรื่องปกติ ฝ่ายนางจันทร์งามเองก็มองลูกสาวตนเอง แน่นอนว่าได้เล่าให้สามีฟังแล้วว่าทันทีที่ฟื้นจากพิษไข้ ลูกมีท่าทีประหลาดอย่างไรบ้าง นางสาวบีสัมผัสได้ถึงสายตาของแม่ที่ดูเคลือบแคลง จึงทำทียกมือขึ้นมากุมหน้าผาก ทำทีปวดหัวการละคร “ฟื้นแล้วเจ้าค่ะคุณพ่อ แต่ลูกอาจเบลอจากพิษไข้เล็กน้อย จนก่อนหน้านี้เผลอแสดงกิริยาไม่งามกับคุณแม่ไป” ว่าพลางเดินมานั่งข้างๆ นางจันทร์งาม ซุกแขนแม่ของตนทำทีออดอ้อนให้เห็นใจ “ลูกต้องขอโทษคุณแม่ด้วยนะคะ” อย่างไรก็ห้ามให้คนในบ้านรู้เด็ดขาดว่าเธอเป็นคนอื่น ไม่ใช่เจ้าของร่างที่มาสิงอยู่ “ตายจริง ก็นึกว่าเลอะเลือนจนหลงลืมแม่ของเจ้าไปเสียแล้ว” คุณหญิงจันทร์งามมีสีหน้าโล่งอกขึ้น หลังจากกังวลอยู่นานว่าบุตรสาวของตนอาจจะวิปลาสไปเพราะไอ้ลูกเขยตามหลอกหลอน นึกแล้วก็แค้นใจนัก ตายไปดีๆ ไม่ได้หรือไร ทำไมต้องมาตามรังควานลูกนางอีก “ลูกยังฝันร้ายถึงพ่อแสนคำอยู่หรือไม่
“เดี๋ยวก่อน” ทันทีที่ฟื้นคืนสติ นางสาวบีใช้แรงแค่เพียงน้อยนิดผลักร่างกำยำที่สูงกว่าหล่อนเป็นคืบออก ขมวดคิ้วทำท่าทางไม่เข้าใจ “นายกับฉัน... เราไปได้กันตั้งแต่เมื่อไหร่?”อยากรู้ซะจริงๆ ก็แสดงออกเหมือนเกลียดกันเสียปานนั้น ใครจะไปรู้ว่าจริงๆ แล้วแอบกิ๊กกันอยู่ แต่นี่สายเลือดเดียวกันนะเฮ้ย ถึงแม่ไม่ใช่คนเดียวกันแต่พ่อคนเดียวกันนะเฮ้ย นี่จะกินไม่เลือกเลยหรือ“พี่จำมิได้จริงๆ สิหนา” ชายหนุ่มตรงหน้าแค่นหัวเราะดังเหอะ ดูมีวี่แววเอาแต่ใจขี้ประชดประชันไม่ใช่น้อย “ลับหลังไอ้แสนคำ... เราขยี้สวาทกันมิรู้กี่คราต่อกี่ครา หรือพี่จักลืมไปถึงเพลาที่พี่ครวญชื่อฉันมากกว่าไอ้ขุนนั่น”โห ตรงขนาดนี้ เอามือมาตบหน้ากันยังเจ็บน้อยกว่าไหม!“พอดีฉันอาจเบลอจากพิษไข้เล็กน้อย เอาเป็นว่านายเป็นชู้ของฉันเหมือนกับกล้าใช่ไหม?” หญิงสาวโพล่งออกไปทันทีพร้อมกับทำทีวิงเวียนศีรษะให้ดูไม่ตอแหลจนเกินไป แต่เมื่อเห็นดวงตาคมกร้าวที่หรี่ลงมองอย่างขุ่นขวาง ก็รู้สึกว่าตนเองคิดผิดที่คิดไปกระตุกหนวดเสือ“อย่าเอาฉันไปเทียบกับไอ้ทาสชนชั้นไพร่นั่น อีกอย่างฉันมิใช่ชู้ ฉันคือพ่อที่แท้จริงของลูกในท้องพี่” ว่าพลางใช้ร่างกายกำยำนั่นเดินต้อนหญ
หญิงนางหนึ่งงดงามเหลือจักกล่าว มีข่าวคราวถึงนางให้โศกศัลย์ด้วยท่านพ่อต้องการเมียมากอนันต์ รับหญิงหม้ายขันหมากมาสู่ขอท่านพี่เป็นเช่นไรในเเดนสรวง คงเย็นยวงมิได้กันเเล้วหนาถ้าได้กลอนนี้เมื่อไรจงตอบมา เเลข้าจักส่งคนไปในเร็ววันลงชื่อลายมือยิ่งยง ผู้เป็นน้องรักของเจ้าคุณพี่เสมอมาไอ้ยิ่งยงมันช่างเจ้าบทเจ้ากลอนมิเคยเปลี่ยนเลยสิหนา คงอยากให้ข้ารู้จนตัวสั่นว่าตนเองนั้นเล่าเรียนได้ระดับสูงถึงเพียงไหนริมฝีปากหยักลึกฉีกยิ้มพลางสอดกระดาษนั้นเผาลงกับไฟตะเกียง กลิ่นกำยานหอมผสมปนเปกับกลิ่นยาสูบจนเกิดกลุ่มควันลอยฟุ้ง ร่างกายเปลือยเปล่าของหญิงสาวนางหนึ่งซุกไซร้อยู่เบื้องบนร่างกายกำยำใหญ่โตของ ‘ยอดหล้า’ พี่ชายคนโต ที่ตอนนี้เพิ่งได้รับตำแหน่งขุนหลวงมาเมื่อไม่นานนัก“จดหมายนั้น... ท่านเผามันทำไมกันหรือเจ้าคะ” หญิงสาวโฉมสะคราญถามถึงแผ่นกระดาษที่เห็นลายมืองดงามที่ค่อยๆ เผาไหม้ไปเป็นเถ้าถ่าน ยอดหล้าหันกลับมาสบหน้าหล่อน พลางส่ายหน้า“กระผมได้รับข่าวเรื่องการหมั้นหมายของคุณแม่คนใหม่ เลยวุ่นวายใจเล็กน้อยขอรับ”“แต่ข่าวลือเรื่องการหมั้นหมายกับเมียหม้ายของขุนหลวงที่ตายในสนามรบคนนั้นกับพ่อของท่านก็เลื่องลืออ
“เดี๋ยวก่อนสิคะ... คุณพี่ แหม”เสียงที่ดังเล็ดลอดออกมาจากภายในหอนอนที่ราวกับเป็นเรือนหอของพระยาสิงขรและเมียคนที่สามอย่างออกหน้าออกตานั้นทำให้แม่เอื้องน้อยที่ยืนเงี่ยหูฟังร่วมกับพี่เลี้ยงประจำตัวด้านนอกบานประตูด้วยอารามถือวิสาสะถึงกับเจ็บแปลบปลาบที่อกอิ่มอย่างไม่มีสาเหตุ ดวงหน้าสาวลูกครึ่งซีดเผือดลงถนัดตา เนื่องจากก่อนที่คุณพี่เลือกที่จะหมั้นหมายกับผู้หญิงคนนี้ เขาให้เหตุผลว่าแค่เพียงต้องการดูแลหนึ่งในสิ่งที่อดีตลูกศิษย์นั้นให้ความสำคัญมาก พระยาสิงขรอ้างว่าขุนหลวงที่ตายไปในสงครามคนนั้นมาเข้าฝันว่ายังมีห่วงต่อผู้หญิงคนนี้แต่มันก็ไม่ชอบมาพากลตั้งแต่แรกแล้ว เธอรู้ว่าคุณพี่มีรสนิยมเรื่องกามเพศนั้นรุนแรงจนแม้กระทั่งคุณผู้หญิงยังรับไม่ไหว และเธอเองก็ไม่ใช่คนที่เขาต้องการ เขาจึงมักไปหาเศษหาเลยจากโสเภณีเหล่านั้นนอกบ้านนอกเรือนเสมอ แต่ไม่คิดว่าเขาจะอยากครอบครองแม้กระทั้งเมียของลูกศิษย์ตนเองผู้หญิงคนนี้เอง... ก็อาจพ่ายแพ้ต่อยศถาบรรดาศักดิ์ จนเลือกเข้ามาเป็นอนุภริยาพระยาคราวพ่อก็ได้น่ารังเกียจสิ้นดี สุดท้ายแล้วเขาก็เลือกกินแม้กระทั่งผู้หญิงของคนที่ปากบอกว่าเอ็นดูมาแต่เด็กหนักหนาจะแก้ตัวว่าลูก
แต่มันก็สายเกินกว่าจะร้องขอชีวิตจากขุนแสนคำได้แล้วเช่นกันนายพลตูระเซยะรู้สึกได้ถึงความเย็นวาบที่ซึมซาบมาตามผิวหนัง พอก้มลงมองตรงช่วงอกก็เห็นโลหิตสีแดงฉานค่อยๆ ขยายไปตามบาดแผล สัมผัสได้ถึงกระสุนที่ฝังเฉียดก้อนเนื้อที่เต้นตุบๆ อยู่ภายในร่างกายไปเพียงนิ้วเดียวทาบ วินาทีแรกเขาตกใจสุดขีด เพราะตนเองนั้นเป็นนักรบผู้ไร้พ่าย ไม่เคยมีกระสุนไฟหรือดาบพร้าใดที่สามารถเฉียดเนื้อหนังของตนได้มาก่อน แต่นี่เป็นครั้งแรกที่กระสุนเฉียดขั้วหัวใจของเขาไปได้เพียงเสี้ยวเดียวกว่าจะรู้สึกตัวทั้งร่างกายก็ชาหนึบไปทั้งตัว กายาใหญ่ค่อยๆ หงายหลังลงไป ร่วงหล่นกระแทกกับพื้นไม้ เลือดมากมายทะลักออกปาก โลหิตเจิ่งนองทั่วบริเวณ ดวงตาที่เหลือกขึ้นบนสบตาเข้ากับร่างใหญ่กำยำของพระยาสิงขรที่ยืนค้ำอยู่เหนือหัว ดวงตาสีหม่นที่หลุบมองลงมานั้นเย็นยะเยือกราวกับกำลังมองสัตว์ร้ายที่ตนเองเพิ่งกำจัดไป“อั่ก... ไอ้” ไม่มีรูปประโยคใดๆ ออกมาจากริมฝีปากที่ซีดเซียวนอกจากเลือดที่ทะลักทะล้นออกมาเต็มอุ้งปากที่เริ่มออกสีคล้ำนางสาวบีเพิ่งเห็นท่าทางของคนที่กำลังอยู่ในอาการโคม่าจากการโดนยิงเป็นครั้งแรก หล่อนค่อยๆ คลานออกมาจากใต้เตียงหลังเกิดเสียงร
ถ้าในฐานะกายหยาบของพระยาสิงขร นางบัวงามไม่ต่างอะไรกับคนแปลกหน้าก็จริง แต่สำหรับวิญญาณขุนแสนคำ หล่อนคือไส้ศึกของเขารวมทั้งเป็นเมียของเขาด้วย“กูขอปฏิเสธที่จะยกบัวงามให้ ขอโทษที พอดีผู้หญิงที่ชั่วช้าคนนี้เป็นเมียที่กูหลงจนคลั่งมากเสียจนกู่ไม่กลับแล้ว”นางสาวบีไม่ได้ใจสั่นระรัวให้กับประโยคนั้น เธอไม่ใช่คนโง่งมที่บูชาและจมปลักกับความรัก จริงๆ ก็พอจะเดาได้ว่าขุนแสนคำอาจจะพูดแบบนี้เพื่อแสดงละครตบตาอีกฝ่าย เลยเตรียมสติสตังมาอย่างดี“งั้นรึ งั้นกูจักขอใช้กำลังแย่งมาจากมึงก็แล้วกัน!!”ดวงตาคมคร้ามของนายเหล็กวาวโรจน์พร้อมกับพุ่งตรงเข้าหาพระยาสิงขรในเนื้อที่อันจำกัด แต่มือของชายวัยกลางคนนั้นว่องไวราวกับคาดเดาเอาไว้อยู่ก่อนแล้ว เขาลั่นไกปืนทันที เฉียดไหล่เปลือยของร่างนายจ้อยไปจนเกิดบาดแผลถลอกเพียงเท่านั้น แต่นั่นส่งผลให้นายเหล็กมาถึงตัวของชายหนุ่มได้จนประชิดตัว เขาก้มหลบด้ามปืนเหล็กที่อีกฝ่ายตวัดจะฟาดแสกหน้า พยายามเข้าประชิดนางบัวงามที่ก้มหมอบอยู่แทบเท้าของพระยาสิงขร แต่ก็โดนขวางทางด้วยร่างกำยำ ชายวัยกลางคนเหวี่ยงหมัดกระแทกครึ่งปากครึ่งจมูกของนายเหล็ก ในขณะที่อีกฝ่ายบิดมือชักด้ามพร้าเข้าฟันแขนแก
“ให้ตายเถิด คิดว่าจักมิพิษสงมากกว่านี้ แต่เนื้อแท้ก็แค่ตาแก่ตัณหากลับเท่านั้น หลงอีนี่จนโงหัวไม่ขึ้น รู้หรือไม่ว่านางกระทำชั่วสิ่งใดลับหลังผัวเก่...!!”ปัง!!“กรี๊ด!”เสียงปืนคาบศิลาดังกึกก้องไปทั่วหอนอนทันทีที่ยังไม่สิ้นคำครหา ส่งผลให้มีเสียงนกกาแตกตื่นรอบบริเวณต้นไม้รอบเรือน บ่าวชายร่างใหญ่ล้มลงหงายท้องตึงสู่พื้นไม้โดยพลัน พร้อมกับเลือดมากมายที่เจิ่งนองออกมาจากศีรษะดวงตาของนางบัวงามเบิกกว้างสุดขีด รีบผลุนผลันถลาลงจาดเตียงนอนเพื่อมองสภาพศพ หากแต่กลับโดนเรียวแขนแกร่งขวางทางเอาไว้“พี่ทำอะไรลงไปเนี่ย!” ร่างเล็กรีบหันไปปรามาสสามีของตนเอง หากแต่สีหน้าของพระยาสิงขรยังคงความเรียบเฉยค่อนไปทางเย็นยะเยือกจนน่าขนลุก ราวกับว่าเขาเพิ่งกำจัดสิ่งที่แสนโสโครกออกไปก็ไม่ปาน“ถ้ายังดูมิออก ก็ตายตามมันไปเสีย” วาจาช่างไร้ความเห็นใจ นางสาวบีกลอกตามองบน อาจจะเพราะชินชากับนิสัยและปากหมาๆ ของขุนแสนคำเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว แต่กว่าจะรู้ตัวร่างกายใหญ่โตที่ล้มหงายท้องลงไปนอนจมกองเลือดอยู่ที่พื้นนั้นก็หยัดกายขึ้นมายืนเต็มความสูงอีกครั้ง พร้อมๆ กับหน้าผากที่ควรจะเป็นรูโหว่และเลือดทะลั่กกลับมีแค่รอยเขม่าดินปืนเเละแผ
หากแต่... ชั่วขณะหนึ่งที่นายเหล็กคิดดูหมิ่น ดวงตาคมกริบเหลือบมองตรงมาที่เขาในทันที และจ้องมองอยู่เนิ่นนานเป็นนาทีก่อนที่มุมปากจะยกสูงเพียงเล็กน้อยอยู่ในถิ่นกู จงหัดเจียมตนเสียบ้างเถิดสุรเสียงท้าทายดังกึกก้องในภวังค์จิต ราวกับต้องการให้ล่วงรู้ความคิดของอีกฝ่าย นายเหล็กมองไปยังชายวัยกลางคนที่ยืนกอดอกอยู่ริมบานหน้าต่าง ดวงตาสีทมิฬกำลังตีหน้านิ่วคิ้วขมวด หากแต่เสียงที่กังวานชัดอยู่นั้น คือเสียงของชายข้างบานหน้าต่างที่ใช้อาคมคุยผ่านจิตส่งมาให้เขามันมิวิชาด้วยหรือ?ดวงตาคมปลาบของนายเหล็กแอบซ่อนความหงุดหงิดฉุนเฉียวเอาไว้ พร้อมๆ กับร่างใหญ่ที่ยืนริมหน้าต่างชักม่านปิดลงและบดบังภาพภายในหอนอน จากต้นโพธิ์ที่แผ่กิ่งก้านสาขาตรงนี้นั้นไม่สามารถมองเห็นเงาเลือนรางภายในได้ชัดถนัดนัก นายเหล็กรู้สึกระคายใจ เขารอจังหวะที่บ่าวนายหนึ่งเดินมาใกล้ต้นโพธิ์ ก่อนที่จะกระโดดตะครุบคอของมันและหักคอของบ่าวคนนั้นจนบิดผิดรูปไปอีกข้าง ทุกกระบวนการที่ทำนั้นเงียบสงัดไร้สุ้มเสียงร่างกำยำคล้ำแดดของนายบ่าวล้มลงไป นายเหล็กลากเขาไปซ่อนหลังต้นโพธิ์ และสวดคาถาจนสามารถแปลงกายเป็นบ่าวคนนั้นได้ทุกกระเบียดนิ้ว พร้อมกับชักคบเพล
“สุดท้ายอีนังนั่นก็เป็นแค่นางนกต่อของพวกโยดะยา”ร่างกายกำยำใหญ่ปักหลั่นราวกับยักษ์มารนั้นหลบอยู่บนต้นไม้ที่กิ่งใหญ่โน้มลงจนเห็นภาพบานหน้าต่างที่ส่องสว่างจากแสงตะเกียงในยามค่ำคืน บ่าวไพร่กำยำต่างยืนล้อมรอบเรือนใหญ่หลังนั้น ชายหนุ่มในผ้าถกเขมรขมวดขึ้นจนเห็นรอยสักที่ต้นขาแกร่ง ผมยาวหยกศกปรกดวงหน้าคมคาย ฝ่ามือที่กำแน่นกับกิ่งไม้นั้นกำแน่นจนสั่นอย่างน้อยการเอาเถ้ากระดูกไปให้พระองค์... อาจจักใช้เวทย์เขมรเสกให้ชายผู้นั้นกลับมามีชีวิตและเป็นพรรคพวกของเราได้ พระองค์หวังอยากได้มันมาเป็นเชลยตัวเป็นๆ แต่ในสนามรบนั้นมันเก่งกาจจนสุดท้ายเขาจึงจำเป็นต้องฆ่าเพื่อดับลมหายใจ ไม่เช่นนั้นทหารไพล่พลที่รวบรวมมา ได้ตายห่ากันไปไม่เหลือซากแน่ๆสุดท้ายแล้วเมื่อแผนการไม่เป็นดั่งใจพระองค์ จึงมีรับสั่งให้เขามาแฝงตัวเป็นเชลยเพื่อตามหาเถ้ากระดูกผีตายโหงเช่นไอ้แสนคำ เพื่อนำกลับมาฝั่งพม่ารามัญเพื่อประกอบพิธีกรรมต่อไปแต่ที่ฝังเถ้ากระดูกนั้นเป็นปริศนา ไม่ว่าจะพยายามสืบสาวราวเรื่องมากเท่าใด กลับคว้าแต่น้ำเหลว ข่าวลือความเฮี้ยนของขุนแสนคำดังเข้าหูเป็นระยะๆ หากแต่ไม่ได้พบเจอด้วยตนเองสักคราจนได้ข่าวมาจากใครสักคนที่ใกล้ชิ
ในช่วงพลบค่ำ ถึงจะทำเป็นไม่สนใจกัน แต่พระยาสิงขรก็กลับมานอนที่หอนอนของนางบัวงามตามประสาผัวเมียโดยที่หล่อนเองก็ไม่ได้ต้องการตอนมื้อกลางวันก็พยายามกลั่นแกล้งกัน แล้วคราวนี้อะไรอีกเนี่ย?เขายืนไพล่หลังอยู่หน้าบานหน้าต่าง มองก้อนเมฆที่แทบบดบังดวงจันทร์จนหมด พร้อมกับเหลือบมองไปยังแผ่นหลังงามที่กำลังใช้หวีสางผมตนเอง การทำเหมือนกิจวัตรประจำวันทั่วไป แต่ไม่รู้เพราะเหตุใดกลับมีเสน่ห์เย้ายวนตาจนน่าเหลือเชื่อ ตั้งแต่ที่ได้รู้ใจตนเองว่าสุดท้ายก็เป็นทาสความรักให้เธอไม่คลาย เขาไม่ได้ล้มเลิกความตั้งใจที่จะตามหาชู้ทุกคนของนางบัวงาม หรือแม้กระทั่งตามหาพ่อที่แท้จริงของก้อนเนื้อในท้องเธอเลยแม้แต่นิดเขายังคงคาดโทษเธอเอาไว้เทียบเท่ากับสิ่งที่ทำเอาไว้ หากแต่ความย้อนแย้งในใจก็ทำให้เผลอต้องเหลียวมองอยู่เรื่อยไปแต่เมื่อได้เข้าสู่ร่างมนุษย์ที่จิตใจเปราะบาง บิดเบี้ยวและคาดเดาได้ยากนัก ทำให้เขาก่อเกิดความรู้สึกมากมายที่ไม่เคยคิดเอาไว้ในตอนที่เป็นผีที่ใครๆ ในอยุธยาต่างก็เกรงกลัวในด้านของนางสาวบีเองก็รู้สึกว่าถูกแอบมองจากคนร่างใหญ่ตรงนั้นอยู่สักพักเหมือนกัน แต่พอหันกลับไปสบตากลับเขาก็หันหนีไปมองท้องฟ้าภายนอกเห
คำเชิญชวนนั้นดูอันตรายราวกับแม่แมงมุมที่ชักใยรอให้เหยื่อไปติดกับ แต่คิดว่าในฐานะของแม่เอื้องน้อยในตอนนี้จะสามารถต่อกรกับผู้หญิงที่ไม่ว่าจะดูจากมุมไหนก็ไม่มีทางเข้ามาในรูปแบบที่เป็นมิตรเช่นนางบัวงามได้อย่างนั้นน่ะหรือ? หลังจากที่ถูกผู้หญิงคนนี้จับได้ว่าเธอเข้ามาในหอนอนฝั่งของเธอเพื่อที่จะลอบค้นข้าวของส่วนตัวน่ะนะ เป็นใครจะให้ไว้ใจได้ลงถ้าเป็นเมียรองบ้านอื่นน่าจะพอมีอำน่าจไปต่อกรกับอนุภรรยาที่อ่อนกว่าได้ แต่เอื้องน้อยไม่ได้อยู่ในสถานะที่เป็นต่อใครแบบนั้น“... ค่ะ”มีแต่ต้องยอมรับการเชื้อเชิญที่ดูยังไงก็คงจะลวงเข้าไปลงโทษกันได้โดยไม่มีข้อแม้เท่านั้นเองหากแต่เมื่อเดินเข้ามาด้านในหอนอนที่น่าจะเป็นฝั่งของคุณพี่แล้ว ดูเหมือนว่าผู้หญิงตรงหน้าจะต้อนรับขับสู้เธออย่างดี จากการส่งบ่าวให้เอาน้ำรองดอกมะลิมาให้ดื่มแก้กระหาย ไหนจะการชวนคุยอย่างเป็นธรรมชาติยกตัวอย่างเช่น...“จริงหรือเปล่าเจ้าคะที่คุณเอื้องเป็นแม่ของเจ้ามิ่งขวัญ?”“แค่กๆ” แม่เอื้องน้อยสำลักน้ำออกมา อีกฝ่ายทำเหมือนว่าไม่รู้อย่างนั้นล่ะ หรือจงใจจักค่อนขอดกันว่ามิ่งขวัญดูเหมือนลูกชายของคุณหญิงทองพินมากกว่า? “ใช่ค่ะ แต่ก็ไม่ได้ดูแลเลี้ย