เมื่อหญิงสาวล้มลงอาเจียน ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าใหญ่ดังขึ้นอย่างหนักแน่น พร้อมกับเสียงเลือดที่หยดลงมาตามทางของร่างนั้นกำลังตรงมาทางหล่อนอย่างเชื่องช้าเป็นจังหวะขนหัวลุก เสียงเหยียบอวัยวะแหลกเหลวของพวกทหารดังจนนึกภาพตามได้
เอาเข้าแล้วไง หรือเราไม่ควรเอาตัวเองไปท้าผีเฮี้ยนสมัยโบราณแบบนี้วะ
นางสาวบีคิดได้แบบนั้นก็สายไปแล้ว ข้อมือเล็กถูกกระชากขึ้นจนลอยเคว้งกลางอากาศแต่ไม่รู้สึกเจ็บ ภาพตรงหน้านั้นชวนให้ตกตะลึง
ชายตัวใหญ่สูงราวๆ 190 เซนติเมตร ตัวใหญ่กำยำมาก สวมใส่โจงกระเบนเปรอะเลือด ดวงตาสีดำทมิฬไม่มีนัยน์ตาขาวกำลังจ้องมองร่างของเธอที่ห้อยต่องแต่งกลางอากาศอย่างเคียดแค้น ตามร่างกายมีบาดแผลเหวอะหลายจุด รวมถึงดาบขนาดใหญ่ที่ปักคอเกือบขาดวิ่น
‘หลับลงแล้วหรือ... อีหญิงชั่ว’ เสียงที่เปล่งออกมานั้นไม่ได้ลอดผ่านปาก แต่ลอดผ่านอวัยวะกล่องเสียงที่ลอดมาทางช่วงลำคอที่หวิดเกือบขาด เสียงนั้นอู้อี้ดูหลอนน่ากลัวมากๆ ‘มึงอย่าเผลอดวงตกเชียว... กูจักตามเอาชีวิตมึงกับเด็กในท้องมึงมาเป็นบริวารกู... อีแพศยา!!’
อย่างหลอน นี่ต้องตายด้วยความแค้นขนาดไหน ถึงได้อยากเอาชีวิตทั้งเมียที่รักและลูกที่ไม่ใช่ลูกตัวเองไปอยู่ด้วยขนาดนี้
แต่ด่ากันขนาดนี้ เอาดาบที่ปักคอมาแทงหนูเลยยังเจ็บน้อยกว่า
“ระ... เราคุยกันดีๆ ได้ไหมพี่ผี” เสียงที่เปล่งออกมานั้นเป็นเสียงของร่างที่ชื่อว่าบัวงาม แต่การใช้คำพูดแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ขุนแสนคำไม่ใช่คนโง่ตั้งแต่มีชีวิตอยู่แล้ว อีกอย่างเขารู้จักนังหญิงนั่นดีกว่าใคร เขากลอกตามองหญิงสาวตรงหน้า เมื่อเห็นว่าไม่ใช่ดวงจิตของบัวงาม จึงรีบปล่อยร่างนั้นหล่นลงพื้นทันที
ตุบ!
“โอ้ยแม่!!” จะปล่อยลงก็บอกกันก่อนสิไอ้ผีนี่
‘มึงเป็นใคร’
เมื่อปล่อยร่างนั้นลงพื้น ผีขุนแสนคำถามขึ้นมา เขานึกสงสัยนักว่าทำไมดวงจิตของผู้หญิงคนนี้ถึงมาอยู่ในร่างของเมียใจชั่วของเขา
“จะให้บอกชื่อร่างที่มาสิงหรือบอกชื่อจริง?” หมั่นไส้ความเป็นผียังเต๊ะท่าบาตรใหญ่เลยยียวนไปที อย่าคิดว่าอีบีคนนี้จะไม่กล้ากวนประสาทผีนะ
‘คิดว่ากูเป็นเพื่อนมึงหรือไร อีผีเร่ร่อน บอกชื่อมาเสีย... ก่อนที่กูจักจับมึงมาเป็นบริวารอีกตัว’
จบประโยคนั้นก็มีเสียงหัวเราะคิกคักลอยเคว้งอยู่รอบตัว ดูเหมือนว่าหมอนี่จะเป็นผีที่มีพลังวิญญาณมาก ถึงขนาดจับผีเร่ร่อนมาเป็นพวกได้เลยหรือนี่
“บี หนูชื่อบี! แล้วก็ไม่ใช่ผีเร่ร่อนด้วย” เป็นวิญญาณเฉยๆ
เอ้ะ หรือมันก็เหมือนๆ กันวะ?
‘เช่นใดผีเร่ร่อนจึงมาสิงสู่ร่างกายอีบัวงาม มันตายไปแล้วหรือ!’ สิ้นคำถามส่อแววพยาบาทนั้น นางสาวบีเองก็หยุดคิดอยู่ครู่ใหญ่
“ไม่มั่นใจ หรือตายแล้วแหละ” ก็ถ้าตามที่เรียนมาเมื่อกายหยาบมีวิญญาณอื่นมาสิงสู่ได้ แสดงว่าจิตในร่างก็ต้องหลุดออกจากกายหยาบแล้วใช่ไหมนะ
‘ยังมิทันได้ชดใช้บาปกรรม ก็ตายห่าเสียแล้วหรือ’ ร่างกำยำที่มีรังสีความเฮี้ยนอยู่มากยืนครุ่นคิด ขุนแสนคำเชื่อว่าวิญญาณนังหญิงชั่วนั่นยังไปไหนได้ไม่ไกล เมื่อยังมีชีวิตเขาเอ็นดูนางรักใคร่นางมาก พร่ำบ่นอยากมีลูกทุกวันคืน แม้สุดท้ายจะได้ไปรบโดนพรากจากเมียอันเป็นที่รัก เขายังคงเขียนจดหมายส่งมาให้หล่อนผ่านทหารให้ควบม้ากลับไปที่พระนครเสมอ
เมื่อโดนฆ่าตายอย่างโหดเหี้ยมในสงคราม วิญญาณที่หลุดออกจากร่างล่องลอยกลับมาในที่ที่ยังมีห่วง นั่นคือเรือนหอของสองเรา หารู้ไม่ว่าเขากลับเห็นเมียที่เขารักยิ่งกว่าดวงใจกำลังเสพสังวาสกับชายอื่น บางวันก็พาชายมากชู้หลายตามากินบนเรือน
ยิ่งรู้ยิ่งแค้น กว่าข่าวที่ว่าเขาตายในสนามรบและประสบผลพ่ายแพ้ศัตรูกลับมา เมียรักของเขาก็กลายเป็นหญิงทรามมากผัว ตั้งท้องโดยไม่รู้ว่าลูกเป็นของใครต่อใคร
เมื่อข่าวมาถึงหูนาง หญิงสาวเองก็รู้ว่าตนเองตั้งท้อง เมื่อรับรู้ว่าหาพ่อเด็กไม่ได้จึงร้องห่มร้องไห้อย่างน่าเวทนา วิญญาณขุนแสนคำสันนิษฐานว่าถ้าเกิดเขารอดและกลับมาจากไปรบ อีหญิงชั่วนี่คงจะเอาลูกที่ไม่ใช่ลูกของเขามาสวมรอยให้เขารับเป็นพ่อเด็กเป็นแน่ นี่ถ้าไม่ตายห่ากลางสงคราม คงไม่มีวันได้รู้จิตรู้ใจเมียชั่วของตนเอง
ขุนแสนคำเริ่มกระหายอำนาจเพื่ออยากลากวิญญาณของสองแม่ลูกมาลงนรก เพราะความอาฆาตแค้นจึงเผลอพาลไปสู่บุตรในครรภ์นั้นด้วย เขารวบรวมภูตผีเร่ร่อนที่ฤทธิ์เดชด้อยกว่ามาเป็นบริวารเหมือนสมัยที่ยังมีชีวิตได้ร่ำเรียนคาถาอาคมนะลงของมาบ้าง พร้อมกับตามหลอกหลอนนังบัวงามจนหล่อนจับไข้หัวโกร๋น
น่าจะตายเพราะพิษไข้ที่เขาตามหลอกหลอนกระมัง อ่อนแอขี้แพ้เหลือเกิน ผีขุนแสนคำยังไม่สาแก่ใจนัก ที่เขาคิดไว้คือต้องการบันดาลโทสะจับเธอและบุตรมาเป็นบริวารและทำให้รู้สึกเหมือนดั่งอยู่ในนรกต่างหาก
แต่สิ่งที่ได้กลับมา ร่างของหญิงใจชั่วนั้นมีวิญญาณเร่ร่อนของหญิงเทื้อนางหนึ่งเข้ามาในร่าง
เช่นนี้แล้วแผนการแก้แค้นของผีจะสำเร็จได้อย่างไร
‘มึงทำให้แผนแก้แค้นของกูพัง... จักสั่งเสียกระไรก็ว่ามา’ เมื่อเขาเป็นผีที่มีพละกำลังมากอยู่แล้ว การมองผีเร่ร่อนตรงหน้าก็เหมือนกับมองเด็กอมมือที่ริจะชิงร่างคนอื่นเพื่อกลับมามีชีวิต แต่หารู้ไม่ว่าร่างกายนี้มีเขาเป็นเจ้าชีวิต นับว่านังผีเร่ร่อนตนนี้โชคร้ายเอง
ขุนแสนคำดึงดาบที่ปักที่คอออกมาจนเลือดทะลักกระเซ็นเปรอะหน้านางสาวบีที่นั่งมองภาพอภินิหารผีหัวขาด ศีรษะของขุนแสนคำห้อยต่องแต่ง เปิดเผยอวัยวะภายในคอที่เต้นหนึบๆ พร้อมกับคมดาบที่จ่อที่คอหอยหล่อน
“ดะ... เดี๋ยวก่อน! อย่าเพิ่งตีความไปเองสิพี่ว่าฉันไม่มีประโยชน์!” กลัวก็กลัวแต่ใจมันสู้ ผีหัวขาดก็ไม่ใช่ว่าเราไม่เคยเห็น แต่ที่กลัวเพราะจิตสังหารหมอนี่มันรุนแรงมากจนจะอาเจียนต่างหาก คือกะจะฆ่าเธอจริงๆ เพื่อที่จะเอาร่างของผู้หญิงคนนี้ลงนรกไปด้วยกัน
แต่ไหนๆ ก็ได้กลับมามีชีวิตใหม่อีกครั้งแล้ว เธอก็ไม่อยากตายง่ายๆ อ่ะ!
คมดาบนั้นชะงักนิ่ง ผีขุนแสนคำหรี่ตามองนางบัวงามที่ภายในไม่ใช่นางบัวงามตรงหน้า ‘งั้นว่ามา... ว่ามึงมีประโยชน์กระไรกับกู’
“ให้เดาคือพี่ไม่รู้ใช่ไหมว่านางบัวงามเนี่ยเธอมีชู้เป็นใคร แล้วพ่อของเด็กในท้องเป็นใคร”
‘...’
“ฉันสืบให้ได้นะ อีกอย่างรอฉันคลอดเด็กก่อนไหม จะได้รู้ว่าหน้าเหมือนใคร” นี่ถวายตัวสุดๆ เลยนะพ่อ มากกว่านี้ก็ต้องเลี้ยงเด็กจนโตส่งเรียนรับปริญญาให้เด็กแทนแล้วนะ
‘สภาพอย่างมึงจักคลอดเด็กคนนี้ออกมารึ อย่ามาต่อชีวิตให้เด็กกาลกิณี กูเพียงแค่จักเอามันมาทำเป็นกุมารใกล้ตนเท่านั้น’
“มันบาปนะพี่ผี!”
‘ลูกกูก็มิใช่ เหตุใดกูต้องสนใจ’
“ผีทุกตนคงอยากมีบั้นปลายที่สวรรค์ใช่ไหม ถ้าพี่ทำแบบนั้น เมื่อพี่หมดกรรม หมดห่วง วิญญาณพี่จะตกบ่วงลงนรกนะคะ พี่คงไม่อยากโดนทรมานเหมือนตายทั้งเป็นใช่ไหม” อย่างน้อยผีขุนแสนคำก็ยังไม่เคยลงนรก ขู่ไว้ก่อนละกัน
‘หึ... ดูมึงจักรู้ดีเหลือเกิน รู้ดีกว่าตัวกูที่ตายไปเป็นเดือนเป็นปีแล้วเสียอีก’
“หนูก็มีความแค้นเหมือนกัน อย่าว่าแต่พี่เลย ก่อนตายหนูถูกทำให้ตายโดยไม่เป็นธรรม หนูเองก็อยากแก้แค้นมันเหมือนกัน!” สีหน้านั้นช่างจริงใจ อีกอย่างนางสาวบีก็ไม่ได้โกหก เธอเคียดแค้นอีผึ้งหมอกระเป๋านั่นชนิดที่ว่าถ้าเฮี้ยนได้แบบขุนแสนคำก็อยากไปหลอกมันจนหัวโกร๋น
ผีนักรบหนุ่มมองสีหน้านางบัวงามที่มีแววอาฆาตแค้น ก่อนที่จะชักดาบออก
‘งั้นมึงต้องทำตามที่กูสั่ง... แลกกับไม่โดนฆ่าเอามาเป็นบริวาร ดีหรือไม่’
“ได้จ้ะ! จะให้ฉันทำอะไร ฉันยอมหมด” เพราะผีเฮี้ยนตรงหน้านั้นมีแรงอาฆาตสั่งสมมานาน ทำให้นางสาวบีรู้ตัวว่าตนเองไม่สามารถต่อกรกับมันได้แน่ๆ เครื่องมงเครื่องมือหมอผีแบบชาติก่อนก็ไม่มี ไม่รู้จะเอาอะไรไปสู้ เผลอๆ อาจจะเอาชนะมันไม่ได้ด้วย เลยยอมทำตามที่ผีขุนแสนคำว่ามาแทน เผื่อจะถูกมองว่ามีประโยชน์ และเขาคงจะปล่อยให้ตนเองเป็นอิสระแต่คำขอที่ร้ายกาจนั้นกลับถูกพ่นออกมาจากริมฝีปากหยักลึกที่แตกระแหงมีคราบเลือด ขุนแสนคำกระตุกยิ้มเหี้ยมยกศีรษะที่ห้อยต่องแต่งกลับมาประกอบดังเดิม‘กลับมาเป็นเมียผีเฮี้ยนอย่างกู ถวายตัวเป็นชู้กูเสียเป็นไง’นางสาวบีอ้าปากค้าง ไอ้ผีนี่มันบ้าไปแล้วแหงๆ สงสัยจะแค้นนางบัวงามมากจนสติสตังไปหมดแล้ว อะไรก็ได้ขอแค่ได้ลบกลิ่นไอชายชั่วออกจากตัวเมียเป็นพอถึงจะมีแรงอาฆาตแค้นเมียตัวเองอย่างแรงกล้า แต่ในขณะเดียวกันก็คลั่งรักไม่ต่าง มาคิดดูดีๆ ก็น่าสงสารนะ คงทำใจไม่ได้ที่เมียตัวเองมีชู้ เลยยอมได้แม้กระทั่งได้ครอบครองเพียงแค่กายหยาบก็ตามแต่... นางสาวบีไม่เคยมีผัว! จะยอมเสียเอกราชด่านแรกให้ผี ก็ออกจะน่าอนาถเกินไปหน่อย“ไม่ค่ะ หนูยังซิง อย่างน้อยถ้าจะเสียซิง ขอเลือกผู้ชายด้วยตัวเองจะดีกว่
“ฉันพร้อมแล้วจ้ะ เริ่มเลยไหม... อึก!” ผีขุนแสนคำไม่พูดพร่ำทำเพลงหรือรอพิธีรีตอง เขาโถมตัวเข้าใส่ร่างกายของนางบัวงามทันที ซุกไซร้อย่างรุนแรงตามซอกคอขาวจนหญิงสาวรู้สึกจั๊กจี้ปนเสียวซ่าน ก็เล่นทั้งกัดทั้งขบทั้งเคล้น ดุดันไม่เบามือกันเลยสักนิดผู้ชายสมัยก่อนมันป่าเถื่อนขนาดนี้เลยเหรอแต่ชอบนะ เอาอีก!“อื้อ! จะ... เจ็บนะ” เสียงหวานสั่นไหวเมื่อผีชายหนุ่มเริ่มฉีกทึ้งผ้ารัดอกออกอย่างเดือดดาลจนเศษผ้าบาดผิวขาวนวลจนเป็นจ้ำ หน้าอกอวบใหญ่สล้างออกมาสัมผัสอากาศภายนอก ปทุมถันสีชมพูอ่อนชูชันรับกับไรขนอ่อนที่ลุกชันเพราะความเหน็บหนาว ถึงมันจะวังเวงกลางป่าช้าแต่ก็แอบเร้าใจดี นางสาวบีรู้สึกเหมือนตัวเองได้พบประสบการณ์ใหม่ในการใช้ชีวิตแบบแอดเวนเจอร์หน่อยๆ เซอร์ไวเวิลนิดๆแต่จะเรียกว่าใช้ชีวิตก็ไม่ได้เพราะเธอขิตไปในโลกเก่าแล้ว ต้องเรียกว่า ประสบการณ์ใหม่ในการใช้ร่างที่มาสิง จะถูกกว่าเรียวปากหยักขบเม้มดูดดึงปลายถันอย่างดุเดือด หญิงสาวรู้สึกได้ถึงสัมผัสใหม่ที่แล่นแปลบมาถึงปลายสมองส่วนกลาง เธอรู้สึกจั๊กจี้ปนเสียววูบวาบ เหมือนอยากจะปัสสาวะออกมาจนน้ำปริ่มนิดๆ เกร็งเท้าไปหมดเพราะเขาเล่นหน้าอกของนางบัวงามที่เชื่อ
ภาพของหญิงสาวยามเมื่อปรนเปรอกายหนาในยามที่ยังรักใคร่กันดีผุดขึ้นมาในเศษเสี้ยวความทรงจำเสมือนก่อนโดนศัตรูเอามีดแทงทะลุคอจนถึงแก่ความตายขุนแสนคำผู้ไร้พ่าย รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง กลับโดนนายทหารกรุงหงสาวดีบั่นคอจนตายอย่างโหดเหี้ยม แค่เพียงดาบที่แทงทะลุอกยังไม่ทำให้ตายได้ในทันที เขายังคงฟาดฟันศัตรูอย่างบ้าคลั่งโดยไม่รู้สึกได้ถึงความเจ็บปวดกับบาดแผลที่อกข้างซ้ายที่ดาบพม่าแทงเฉียดเกือบตัดขั้วหัวใจ จนถูกนายทหารคนสำคัญจากฝ่ายอังวะ นามว่า ‘ตูระเซยะ’ ใช้ดาบปักเข้าที่คอเข้าจุดสำคัญเพื่อหยุดการเคลื่อนไหวของทหารนำทัพอีกฝ่ายเขาตายโดยที่ไม่ได้สั่งเสียอะไรกับเมียรัก แถมยังตายไปโดยไม่รู้ว่าลับหลังเมียได้นอกกายนอกใจไปไม่รู้กี่ครั้งกี่คราตลอดเวลาสองปีที่เคลื่อนทัพปะทะอาณาจักรอังวะ ตลกร้ายดีไม่หยอกที่เมื่อสิ้นชีพไปแล้วถึงได้รู้ความจริงที่เมียที่รักยิ่งกว่าชีวิตปกปิดมาตลอดหลายปีนางบัวงามนั้นวิญญาณหลุดออกจากร่างก่อนที่จะได้พูดคุยกันตามประสาผัวเมีย แน่นอนว่าวิญญาณของเธอคงหลงวนเวียนอยู่ในวัฏจักรสงสาร หรือที่ไหนสักแห่งที่ดวงจิตสุดท้ายก่อนตายนึกถึงดั่งเช่นเขา แน่นอนว่าในทีแรกขุนแสนคำคิดที่จะเจรจากับเมียก่อน
“ฮื้อออ อะ อ๊ะ พี่ผี บะ... เบากับฉันหน่อย อื้ออออ” เสียงหวานครางสูงในลำคอเมื่อความเสียวซ่านแล่นพล่านไปทั่วสรรพางค์กาย เนื่องจากไม่ประสานี่จึงเป็นสัมผัสแปลกใหม่ แต่ร่างกายกลับให้ความรู้สึกคุ้นเคยราวกับเธอเคยร่วมรักกับชายตรงหน้าเมื่อยังมีชีวิตมาไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้งแต่ถ้าจะอัดกันเอาๆ เหมือนลูกบาสแบบนี้ ถ้าไม่ติดว่าเป็นผีนะจะไปรีวิวติดลบในพันติ๊ปให้รู้กันทั่วเลย ผู้ชายยุคกรุงศรีมันรุนแรงกับผู้หญิงทุกคนเลยไหมเนี่ย“มิคณามือเลยสักนิด มึงมีฤทธิ์เดชเพียงแค่นี้ อย่าได้หวังจักทำให้กูพึงใจได้เลย” เสียงหนั่นเนื้อกระทบกันดังก้องในโสตประสาท พร้อมกับเสียงทุ้มเยือกเย็นที่ส่อแววปรามาสไม่จบไม่สิ้น “มิลองไปเขาโรงรับทำชำเราบุรุษไปเป็นโสเภณีดูหรือไร เผื่อจักมีกลเม็ดพิชิตใจชายได้มากกว่านี้”โรงรับทำชำเราบุรุษ? โสเภณี?อ้อ ไอ้ผีหน้าหล่อนี่มันกำลังประชดว่าเธอเด็ดไม่เท่าน้องหรี่ตัวจริงอยู่นี่หว่า“พะ... พูดแบบนี้ต่อยกันดีกว่า อะ อ๊า!” สิ้นประโยคนั้นความอุ่นร้อนก็โอบล้อมภายในท้องน้อยเมื่อชายร่างแกร่งเหนือตัวเสร็จสมดั่งใจหมาย ผีหนุ่มไม่ได้แสดงท่าทางอดกลั้นใดๆ เนื่องจากเมื่อตายเป็นผีแล้วมันไม่มีความรู้สึกถ
“กระผมขออภัย กระผมจักรีบออกจากตัวท่านประเดี๋ยวนี้ขอรับคุณผู้หญิง” ดูท่าทางเลิ่กลั่กเมื่อถูกดุนั่นสิ ชายหนุ่มรีบรุดออกจากกายสาวพร้อมกับล้มลงไปคุกเข่าอยู่ที่พื้นเรือน มองหญิงงามที่ค่อยๆ หยัดตัวลุกขึ้นจัดผมเผ้าตนเองด้วยแววตาหลงใหลแม่ช่างงามเหลือเกิน ท่วงท่ายามตื่นนอนอันแสนน่าดู เพลิดเพลินกับทรวดทรงองค์เอวที่ปรากฎอยู่นอกผ้าห่มกาย ชุดรัดอกและซิ่นบางๆ นั้นเปิดความงามเหมือนยามที่เคยเอานางมาอยู่ใต้ร่าง ยามเมื่อนางอนุญาตให้ละเลียด เขาก็กัดกินนางอย่างหิวกระหาย ราวกับคุณบัวงามที่อยู่ใต้ร่างนั้นคือชิ้นเนื้อชั้นดี ที่สุนัขจรจัดอย่างเขาโหยหามาตลอดคุณบัวงามเคยบอกว่าชอบที่เขาภักดี ซื่อสัตย์ และโง่เขลาเหมือนสัตว์คุณบัวงามอนุญาตให้เขาฉกชิมตัวหล่อนได้ แลกกับการใช้งานเขาจึงได้แต่มาเฝ้ารออย่างมีความหวังว่าวันนี้นางจะใช้งานเขาด้วยอะไรอีก แลกกับการได้เอาหล่อนมาอยู่ใต้ร่างอีกครั้งไอ้ทาสนามว่ากล้าผู้นี้ จะขอถวายตัวรับใช้คุณบัวงาม ด้วยความรักความภักดีไปจนวันตายนางสาวบีที่จัดผมเผ้าเรียบร้อยแต่เห็นว่าทาสชายคนนั้นยังนั่งคุกเข่าจ้องมองเธอไม่ยอมลุกออก เลยทำได้แค่ปรายตาลงมองตาดุราวกับไล่กลายๆหากแต่หมาโง่ของนา
“ตื่นแล้วหรือบัวงาม? อาการไข้ของลูกดีขึ้นแล้วหรือไร” หลวงศรีจันทร์เมื่อเห็นลูกสาวก็โพล่งขึ้นมาอย่างชื่นมื่น ดูออกจะแปลกไปเสียหน่อยกับเหตุการณ์ที่ลูกเขยเพิ่งเสียชีวิตจากสงคราม ทั้งที่ควรจะไว้ทุกข์แท้ๆ กลับทำเหมือนเป็นเรื่องปกติ ฝ่ายนางจันทร์งามเองก็มองลูกสาวตนเอง แน่นอนว่าได้เล่าให้สามีฟังแล้วว่าทันทีที่ฟื้นจากพิษไข้ ลูกมีท่าทีประหลาดอย่างไรบ้าง นางสาวบีสัมผัสได้ถึงสายตาของแม่ที่ดูเคลือบแคลง จึงทำทียกมือขึ้นมากุมหน้าผาก ทำทีปวดหัวการละคร “ฟื้นแล้วเจ้าค่ะคุณพ่อ แต่ลูกอาจเบลอจากพิษไข้เล็กน้อย จนก่อนหน้านี้เผลอแสดงกิริยาไม่งามกับคุณแม่ไป” ว่าพลางเดินมานั่งข้างๆ นางจันทร์งาม ซุกแขนแม่ของตนทำทีออดอ้อนให้เห็นใจ “ลูกต้องขอโทษคุณแม่ด้วยนะคะ” อย่างไรก็ห้ามให้คนในบ้านรู้เด็ดขาดว่าเธอเป็นคนอื่น ไม่ใช่เจ้าของร่างที่มาสิงอยู่ “ตายจริง ก็นึกว่าเลอะเลือนจนหลงลืมแม่ของเจ้าไปเสียแล้ว” คุณหญิงจันทร์งามมีสีหน้าโล่งอกขึ้น หลังจากกังวลอยู่นานว่าบุตรสาวของตนอาจจะวิปลาสไปเพราะไอ้ลูกเขยตามหลอกหลอน นึกแล้วก็แค้นใจนัก ตายไปดีๆ ไม่ได้หรือไร ทำไมต้องมาตามรังควานลูกนางอีก “ลูกยังฝันร้ายถึงพ่อแสนคำอยู่หรือไม่
“เดี๋ยวก่อน” ทันทีที่ฟื้นคืนสติ นางสาวบีใช้แรงแค่เพียงน้อยนิดผลักร่างกำยำที่สูงกว่าหล่อนเป็นคืบออก ขมวดคิ้วทำท่าทางไม่เข้าใจ “นายกับฉัน... เราไปได้กันตั้งแต่เมื่อไหร่?”อยากรู้ซะจริงๆ ก็แสดงออกเหมือนเกลียดกันเสียปานนั้น ใครจะไปรู้ว่าจริงๆ แล้วแอบกิ๊กกันอยู่ แต่นี่สายเลือดเดียวกันนะเฮ้ย ถึงแม่ไม่ใช่คนเดียวกันแต่พ่อคนเดียวกันนะเฮ้ย นี่จะกินไม่เลือกเลยหรือ“พี่จำมิได้จริงๆ สิหนา” ชายหนุ่มตรงหน้าแค่นหัวเราะดังเหอะ ดูมีวี่แววเอาแต่ใจขี้ประชดประชันไม่ใช่น้อย “ลับหลังไอ้แสนคำ... เราขยี้สวาทกันมิรู้กี่คราต่อกี่ครา หรือพี่จักลืมไปถึงเพลาที่พี่ครวญชื่อฉันมากกว่าไอ้ขุนนั่น”โห ตรงขนาดนี้ เอามือมาตบหน้ากันยังเจ็บน้อยกว่าไหม!“พอดีฉันอาจเบลอจากพิษไข้เล็กน้อย เอาเป็นว่านายเป็นชู้ของฉันเหมือนกับกล้าใช่ไหม?” หญิงสาวโพล่งออกไปทันทีพร้อมกับทำทีวิงเวียนศีรษะให้ดูไม่ตอแหลจนเกินไป แต่เมื่อเห็นดวงตาคมกร้าวที่หรี่ลงมองอย่างขุ่นขวาง ก็รู้สึกว่าตนเองคิดผิดที่คิดไปกระตุกหนวดเสือ“อย่าเอาฉันไปเทียบกับไอ้ทาสชนชั้นไพร่นั่น อีกอย่างฉันมิใช่ชู้ ฉันคือพ่อที่แท้จริงของลูกในท้องพี่” ว่าพลางใช้ร่างกายกำยำนั่นเดินต้อนหญ
“เมียพี่มันมีน้องหมาเป็นทาสชายที่ชื่อกล้า และน่าจะเคยมีอะไรกันมาแล้ว แถมยัง... นอนกับน้องชายต่างแม่ของตัวเองอีก!” “...” “แถมไอ้น้องเวรนั่นยังบอกว่าลูกในท้องนางบัวงามน่าจะเป็นลูกมันอ่ะ! ฉันจะทำไงดีวะพี่ กลัวชิบหายเลย นี่ขนาดเริ่มต้นนะเนี่ย” ว่าพลางตัวสั่นน้ำตาคลอตาแดงก่ำ ก็ไม่คิดว่าเจ้าของร่างจะสันดานงามไส้แบบนี้ รู้งี้ยอมตายไปเป็นผีอีกรอบดีกว่า “เรื่องนั้นกูรู้ดี” “!!!” แต่เมื่อผีชายหนุ่มเหนือร่างเล็กโพล่งขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น นางสาวบีถึงกับผงกหัวขึ้นไปมองเขาอย่างแปลกใจ ขุนแสนคำที่อยู่เบื้องบนมีสีหน้าร้าวราน เขาทั้งแค้น และทั้งเสียใจกับการกระทำของเมียตนเอง “กูถึงอาฆาตมันมากอย่างไร ไอ้ขุนเสือนั้นอยู่ทัพหน้าเช่นเดียวกันในสงครามที่ปะทะกับอาณาจักรอังวะ กูคิดในครานั้นว่ามันต้องมีกระไรพิกลในตัวมัน” “...” “มันอาจจักเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้กูถึงแก่ความตายก็เป็นได้” เมื่อขุนแสนคำสันนิษฐานออกมาแบบนั้น โดยไม่มีวี่แววเหี้ยมโหดเหมือนคราแรกที่พบกัน นางสาวบีค่อยๆ ขยับตัวลงนั่งพับเพียบเพราะคุกเข่าจนเมื่อยน่อง ยอมรับว่าตกใจเหมือนกัน แต่ไม่แปลกใจถ้าขุนเสือจะวางแผนฆ่าพี่เขยของตนเอง เพราะหล่อน
หมับพลันนั้นพอนึกถึงดวงหน้าคมคายของพระยาสิงขรก่อนหน้าที่หลั่งน้ำตาราวกับจะแตกสลายเป็นเสี่ยงๆ ดวงตานั้นบ่งบอกว่าหลงรักปักใจกับนางบัวงามคนนี้จนถอนตัวไม่ขึ้น แต่ที่สุมไฟความแค้นก็เพราะสิ่งที่เมียตัวเองทำมันเกินให้อภัยน่าแปลกที่นางสาวบีเห็นภาพซ้อนทับใบหน้าของพระยาสิงขรที่ถูกแทนที่ด้วยขุนแสนคำที่กำลังร่ำไห้ ในตอนนั้นจึงเผลอใจตกเป็นของเขาท่ามกลางพายุฝนฟ้าคะนองที่โหมกระหน่ำแต่เมื่อเมฆครึ้มหายลับฟ้าไป ภาพตรงหน้ามีเพียงเขาที่ทิ้งให้หล่อนนอนเดียวดายอยู่บนฟูกเท่านั้รเธอไม่ได้มอบใจให้ขุนแสนคำเต็มร้อยเปอร์เซ็น แต่การที่นอนกับเขาหลายครั้ง มันก็ไม่แปลกที่จะมีความรู้สึกบางอย่างก่อเกิดขึ้นอยู่บ้างเล็กๆ น้อยๆแต่... ก็ตามนั้นล่ะนางสาวบีเป็นแค่หญิงงามเมืองให้เขาซื้อตัวจอง หน้าที่ในโลกนี้มีเพียงแค่นี้เธอไม่ควรมีความรู้สึกอะไรกับขุนแสนคำ อย่างไรก็ตายไปแล้วทั้งคู่ มันเป็นไปไม่ได้หรอก และถึงจะมีโอกาสเป็นไปได้สักสิบเปอร์เซ็นล่ะก็ เขาก็ไม่ใช่ของของเธออยู่ดีว่าแล้วก็ฉีกยิ้มต่อหน้ายิ่งยงที่ยืนจ้องมองเรือนร่างของหล่อนอย่างเปิดเผย ดวงตาของเขานั้นดูไร้พิษภัย หากแต่มองออกได้ง่ายดายเหลือเกินนะเด็กหนุ่มกับหญิ
“ถ้ามิใช่แล้วจักเป็นใครที่มีธุระกงการกับเรื่องนี้ได้... อ้อ หรือจักเป็นทองพินเจ้าคะ?”“อย่าละลาบละล้วงถึงนาง หล่อนรู้ดีว่าหล่อนแค่เพียงตบแต่งเพื่อมีลูกให้ฉันเท่านั้น มิว่าจักเป็นหล่อนหรือทองพิน”นั่นคือความคิดในใจของขุนแสนคำที่อยากพูดออกมาแทนใจท่านพระยา ก็เพราะเขาเผลอไปหลงรักเมียเอกที่จ้องจะฉีกอกกันทุกคราที่มีโอกาส ภายในบ้านของท่านมันถึงวุ่นวายได้ขนาดนี้ มีลูกลูกก็ไม่รัก เมียที่รักมากก็ไม่เคยรัก แบบนี้หนามยอกต้องเอาหนามเข้าบ่ง เป็นคติประจำใจของเขาถึงเขาจะทำแบบนั้นกับเรื่องของตนเองไม่ได้ก็ตามแม่เอื้องน้อยชะงักงันเมื่อได้ยินเช่นนั้น สีหน้าแดงก่ำอดกลั้นไม่ให้อารมณ์ระเบิดใส่สามีผู้ร้างรัก มันเต็มไปด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ ดวงตาสีฟ้าครามหม่นแสงลงทันที อีกฝ่ายนั้นไม่เคยไยดีหล่อน หล่อนย่อมรู้ดีที่สุด แต่ใจเจ้ากรรมมันดันลุ่มหลงเขาไปเสียแล้วแม้นกระทั่งยอมคลอดเด็กที่เป็นเลือดเนื้อเชื้อไขของเขา จนลูกเกลียดหล่อนไปรักเอาแต่ทองพิน แค่นี้ยังมิพออีกหรือหล่อนเสียสละไม่มากพออีกหรือ“คุณพี่รู้ดีว่าฉันรอคุณพี่มาร่วมเตียงด้วยนานเพียงไร คุณพี่มิคิดแยแสฉัน มิต่างกระไรกับเจ้ามิ่ง เลือดเนื้อเชื้อไขที่มาจากฉ
“อื้อ... พี่แสน” เสียงครางฮือจากสาวเจ้าพร่ำเรียกชื่อเขาด้วยน้ำเสียงหวามหวานยังคงดังชิดกกหู ขุนแสนคำนั้นปลดผ้านุ่งออกพร้อมๆ กับเข็มขัดเงินแวววาว ปลดปล่อยความใหญ่โตที่ผงาดออกมานอกผืนผ้าอาจจะดูง่าย ดูร่านเหลือเกินที่ยอมเรียกชื่อตามที่อีกฝ่ายอ้อนขอโดยที่ลืมตัวไปว่าอีกฝ่ายเห็นหล่อนเป็นเพียงผลประโยชน์ หรือเรียกง่ายๆ ว่าทาสสวาทดีๆ เท่านั้นแต่เธอไม่ผิดสักหน่อยที่จะเผลอไผลยั่วเย้าเขาเพราะรสของตัณหาอย่างไรเราทั้งคู่ก็ไม่ได้เชื่อมใจถึงกันด้วยเรื่องราวดีๆ นอกจากเซ็กซ์และราคะอันร้อนแรงอยู่แล้วหล่อนรักสนุกไม่เน้นผูกพัน ส่วนเขาก็แค่เอาหล่อนไว้คลายใคร่กำหนัด แถมยังจ้องจะหาทางสับขาหลอกลงมือฆ่าร่างที่นางสาวบีสิงสู่อยู่ให้ตายไปแบบช้าๆ อีกด้วยอย่างไรโลกโน้นเธอก็ตายไปแล้วนี่ โลกนี้ไม่ต่างจากโลกหลังความตายหรือบ่วงกรรมที่ต้องมาตามชดใช้ เขาตาย เราก็ตาย เขาผี เราก็ผีผีมันไม่มีความรู้สึกหรอกไม่มีความรักกับใครที่นี่ที่เป็นเรื่องสุขนิยมทั้งนั้นสู้เอาด้านมืดทุกอย่างมาสาดใส่กันตรงๆ ไปเลยจะดีกว่า ฉีกอกพูดคุยกันไปเลยว่าแท้จริงแล้วมนุษย์เรามันเป็นอย่างไร มันมัวเมาไปด้วยกิเลสราคะ รสแห่งการเอาชนะ เกมที่เดิมพันด
“ไม่มีอารมณ์อ่ะ อ้อนวอนหน่อยสิ” นางสาวบีไม่ใช่หญิงในครรลองคลองธรรมหรือยอมใครได้โดยง่าย เธอเป็นคนตรงไปตรงมา อะไรที่เอาคืนได้แม้เล็กน้อยก็จะทำ เป็นหญิงสาวที่แสบสันโดยธรรมชาติ“กงการกระไรที่จักต้องอ้อนวอนมึง เป็นหญิง มีหน้าที่ออดอ้อนบำเรอผัวก็พอ”ผัว! เต็มปากเต็มคำเลยเนอะแสดงว่าตอนนี้หื่นแบบอันลิมิต แอบกลัวแล้ว“แล้วกงการอะไรที่ฉันจะต้องยอมพี่ตลอดด้วยล่ะ?” หล่อนสู้ขาดใจ ถึงปกติเขาจะรุกหล่อนเองทุกที แต่ดูคราวนี้สายตานั่นบ่งบอกว่าอยากให้สาวเจ้าออนท็อปให้เต็มแก่ แต่ติดที่ทิฐินั้นสูงเสียดฟ้า ไม่อยากยอมรับว่าตัวเองอยากเป็นฝ่ายโดนรุกไล่บ้าง“ปรนเปรอกูซะ เดี๋ยวนี้” ขุนแสนคำไม่สนใจฟัง ออกคำสั่งอย่างเอาแต่ใจ“ไม่”“บำเรอกู”“อยากทำก็ทำเองไหม สมัยไหนแล้ว มาบังคับกันแบบนี้ฉันแจ้งตำรวจได้นะ ข้อหาบังคับข่มขู่หวังกระทำชำเรา รู้ไหมว่าถึงเป็นผัวเมียกัน ถ้าไม่สมัครใจก็เท่ากับข่มขืนนะจ๊ะ” คราวนี้ได้ทีสอนกฎหมายประเทศไทยยุค 4.0 เสียเลย ในยุคที่กฎมลเฑียรบาลในสมัยก่อนไม่มีกฎข้อไหนที่ถูกสร้างออกมาปกป้องเพศหญิง ก็ช่วงนี้มันยุคชายเป็นใหญ่นี่นา บางทีแค่เอาตัวรอดยังยากเลยด้วยซ้ำ เรื่องนี้รู้ดีแต่มันหมั่นไส้โว้ยน
บ่วงกรรมที่เขาฆ่าพ่อฆ่าแม่หล่อนและทำลายหมู่บ้านโจรจนราบเป็นหน้ากลอง ทำให้นางโจรอย่างหล่อนสิ้นชื่อต้องเข้ามาอยู่ในสภาพแวดล้อมในชีวิตของเขา จำเป็นต้องปั้นหน้าปั้นตายอมตกเป็นเมียมันโดยไม่เต็มใจ ต้องทำตัวเหมือนรักคนที่เกลียดจนจับใจ และปรนนิบัติรับใช้มันทุกเมื่อเชื่อวันรู้ไหม... มันแค้นเหลือเกิน แค้นจนอยากจักฆ่าให้สิ้นเสียเดี๋ยวนั้นพระยาสิงขร... มิว่าจักในอดีตหรือปัจจุบัน เอ็งมันก็ระยำยิ่งนักตัดภาพมาที่อีกฝั่ง นางสาวบีแหงนหน้ามองเรือนไทยขนาดใหญ่โตที่ดูหรูหรา หากแต่กลับสัมผัสได้ถึงความไม่ชอบมาพากลบางอย่างวนเวียนอยู่รอบๆ ราวกับคลื่นขมุกขมัวส่งกลิ่นเน่าเฟะลอยมาตามลม เรือนไทยหลังนี้ไม่ธรรมดาเอาเสียเลยเมื่อเข้ามาภายในหอกลางที่ถูกตบแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ที่น่าจะราคาแพงพอสมควร ก็ปรากฎร่างสะโอดสะองของหญิงวัยกลางคนดูงดงามและเยือกเย็นนั่งนั่งรวบมือรออยู่ที่ตั่งไม้สักใหญ่ กรอบภาพที่ทำจากทองด้านหลังคือภาพองค์ครุฑที่ดูขลังขับให้ท่านผู้หญิงดูน่าหวั่นเกรงไปอีกระดับ นางสาวบีคุกเข่าลงตรงหน้าหล่อน พร้อมกับหมอบกราบแนบปลายเท้างามเป็นพิธีทักทายอย่างที่เตี๊ยมกันมากับขุนแสนคำพอเงยหน้าขึ้นมา ก็พบกับเด็กหนุ่มหน
“ถ้าฉันจักขอบุตรสาวของคุณหลวงไปอยู่เหย้าอยู่เรือนปรนนิบัติรับใช้ทองพินจักได้หรือไม่?”รุ่งเช้าในวันต่อมา พระยาสิงขรกลับมาที่เรือนใหญ่ของหลวงศรีจันทร์อีกครั้ง เขาเข้ามาด้วยจุดประสงค์ที่จะสู่ขอบุตรสาวของท่านมาอยู่ในความดูแลของเรือนใหญ่ในนามท่านผู้หญิงทองพิน ซึ่งเมื่อหลวงศรีจันทร์ผู้มากโลภะได้ยินชื่อของภรรยาหลวงท่านพระยา ถึงกับมองหน้ากับเมียตัวเองอย่างใช้ความคิด ดูอีกฝั่งจะติดใจบัวงามจนวันรุ่งต้องมาร้องขอตัวไปครองถึงบ้านเลยสิหนาอย่างนี้มันต้องเรียกให้สูงๆ หน่อย ก็ลูกสาวของเราดันสวยขนาดนี้“กระผมมิขัดข้องดอก แต่... ถ้ายังมิได้จับจองเป็นพิธีละก็...”“ฉันรู้ดี จึงเตรียมสิ่งนี้มาเพื่อซื้อตัวหล่อน” ชายร่างใหญ่ว่าพลางพยักเพยิดให้บ่าวรับใช้วางห่อผ้าท่าทางมีน้ำหนักลงตรงหน้า ยามเมื่อหลวงศรีจันทร์เปิดห่อออก ก็พบกับเครื่องทองสว่างเจิดจ้าที่ล้วนประติมากรรมอย่างประณีตด้วยของล้ำค่าดั่งเช่นทองคำ ทั้งเครื่องทองเครื่องประดับที่ฉลุลวดสายอย่างวิจิตร จนหลวงวัยกลางคนถึงกับดวงตาลุกวาว “การหมั้นหมายจักจัดที่เรือนใหญ่ของฉัน อย่าได้ห่วงไป แม่บัวงามจักได้อยู่ใกล้ชิดฉัน แลฉันจักให้ความสำคัญกับหล่อนไม่เป็นรองใครเป
พระยาสิงขรกลับมาถึงเรือนใหญ่ช่วงหัวค่ำพร้อมคณะบริวารที่ตามไปสู่ขอบุตรีหลวงศรีจันทร์ถึงเรือนทิศเหนือ เมื่อขึ้นกระไดเรือนขึ้นมา ก็พบกับ ‘ท่านผู้หญิงทองพิน’ ภริยาเอกของพระยาสิงขรที่ทำหน้าที่เป็นแม่เจ้าเรือน คอยดูแลปกครองบ้านเรือนโดยรวม ดูเหมือนว่า ‘แม่เอื้องน้อย’ อนุภรรยานั้นจะปิดเรือนหลับนอนไปแล้วพระยาสิงขรนั้นมีเมียสองคน ไม่นับรวมเมียบ่าวและหญิงนครโสเภณี เนื่องจากของปลุกกำหนัดทำให้ภรรยาทั้งสองไม่สามารถรองรับความต้องการของท่านได้เต็มที่ จึงได้มีการพูดคุยว่าจะมีบ้านเล็กบ้านน้อยแต่ไม่ผูกมัดให้ต้องรำคาญใจอย่างไรท่านผู้หญิงทองพินก็เป็นภริยาหลวงของท่าน ทุกครั้งที่ท่านกลับมาช้า หล่อนจะมายืนรอพร้อมบ่าวหญิงถือตะเกียงรอผัวกลับเรือนเสมอท่าทางที่ดูเหนือกว่าผู้เป็นผัวในบางคราทั้งที่ผัวมีศักดิ์เป็นถึงพระยานาหมื่น ทำให้ขุนแสนคำกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ด้วยหวังว่าหล่อนจะไม่ล่วงรู้ว่าภายในกายเนื้อของท่านพระยาเป็นผีร้ายที่มาอ้อนวอนขอร้องท่านเพื่อสิงสู่“ฉันให้บ่าวจัดเตรียมที่นอนหมอนมุ้งให้ท่านแล้วเจ้าค่ะ” แต่เมื่อทุกย่างก้าวที่ประหวั่นวิตกมาถึงตัว หญิงสาวที่ถึงแม้จะดูมีอายุแต่ก็ยังคงความงดงามเอาไว้ จนพอค
ตัดมาที่ฝั่งนางสาวบี บัดนี้หล่อนนอนอยู่ใต้ร่างของคนที่ขึ้นชื่อว่าจะเป็นผัวใหม่อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ถึงร่างกายจะใช่แต่จิตวิญญาณนั้นไม่ แรงปรารถนาแข็งขืนอยู่ที่ฝ่ามือเล็ก หลังจากที่ถูกอุ้มมาที่เรือนใหญ่ ด้วยเพราะเป็นพระยาสิงขรบ่าวทั้งหลายที่คอยเฝ้ายามหน้าเรือนจึงทำทีเหมือนมองไม่เห็นการกระทำบัดสีกลางวันแสกๆ นี้มันคงจะเป็นเรื่องปกติของคนใหญ่คนโตที่ชนผู้น้อยจะทำเหมือนมองไม่เห็นการกระทำที่ไม่สมควร จนกระทั่งเขาวางหล่อนลงบนฟูกนอนและเชื้อเชิญกัน แต่ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลอะไร ไอ้ส่วนที่แข็งปั๋งที่เธอจับอยู่ มันไม่ธรรมดาแล้ว“พี่จ้องจะทำของใส่ฉันแน่ๆ” เสียงหวานกระเส่า หล่อนไม่ได้โหยหาหากแต่ร่างกายมันเป็นไปเอง มันเหมือนไม่ใช่ตัวของตัวเองเอาเสียเลย พอรู้ว่าคนตรงหน้ากำลังกำหนัด ร่างกายก็รุ่มร้อนราวกับจับพิษ “ใช่ไหม แฮ่ก พี่จะทำของใส่ฉันใช่ไหม”“ถึงแม้ท่านพระยาจักมีอาคมติดตัว แต่กูยังมิถูกเจ้าของร่างอนุญาตให้กระทำการใด อย่างน้อยถ้าจักสอดของสกปรกเข้าตัว ในนิมิตถึงจักดี” แม้ต่อหน้าหญิงสาวจะพ่นคำพูดคำจาโหดร้ายออกมา แต่สีหน้านั้นพร้อมรบเต็มที่ ร่างกายกำยำหยัดกายแกร่ง ปล่อยให้สาวเจ้าปลดอาภรณ์ลงอย่างไม่ชำนา
ขุนเสือนึกคิดกับตนเองท่ามกลางท่าทีที่ดูปั่นป่วนเล็กน้อยที่ออกผ่านสีหน้า มือไขว้หลังยืนจ้องมองบานหน้าต่างนานแสนนาน ในขณะที่แม่จันทร์งามเองก็ลอบมองผ่านด้านหลังของบุตรชายนอกสมรส หล่อนรับรู้เรื่องราวที่หลวงศรีจันทร์ทำกับบุตรสาวอย่างดี แต่หล่อนไม่สามารถห้ามปรามกิเลสความอยากได้อยากมีของผัวได้ แต่เมื่อเห็นว่าบุตรชายจากเมียบ่าวทำท่าทางหวงพี่สาวอย่างออกนอกหน้าตอนที่นั่งประจันหน้ากับพระยาสิงขรที่มีบริวารใหญ่โต ก็อดไม่ได้ที่จะต้องเข้าไปข่มขุนเสือเคยพยายามจะทำลายงานหมั้นหมายของพี่สาวในสมัยตบแต่งกับขุนแสนคำ เด็กคนนี้มีรังสีอันตรายบางอย่าง ที่จะปรากฎขึ้นเมื่อมีคนแย่งของรักไปหล่อนรู้ดี... บัวงามเป็นหญิงที่งามทั้งกายทั้งใจ ไม่มีใครที่จะไม่หลงรักแม้แต่บุตรชายคนละแม่ขุนเสือควรรู้สึกตัวได้แล้วว่าตนเองนั้นไม่คู่ควรกับบัวงาม ไม่ว่าจะเป็นฐานันดรแรกเกิด หรือแม้แต่สถานะพี่น้องต่างแม่ที่ตีตราชัด“เจ้าเสือ... เธอรู้ดีว่าเธอมิมีวันเทียบพี่ได้ อย่าหลงคิดว่าตนเองมีสิทธิ์กระไรในตัวของบัวงาม ฉันรู้ว่าเธอรักบัวงามมาก... แต่คนเป็นพ่อล้วนคัดสรรค์สิ่งที่ดีที่สุดให้บุตรสาวคนโต” หล่อนขยับไปข้างบุตรชายนอกสายเลือดตน เหล