กุ้ยเฟยขมวดคิ้วอันงดงาม “เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”เสิ่นหรูโจวมิได้ตอบคำถาม นางหันสายตาไปที่เป่ยซิวเยี่ยน“คนทั้งสองแลกเปลี่ยนสายตากันครั้งหนึ่ง เข้าใจอีกฝ่ายโดยไร้วาจา” เป่ยซิวเยี่ยนส่งเสียงเรียกทีหนึ่ง “นำตัวเข้ามาเถอะ” จากนั้น ภายใต้สายตาจับจ้องของทุกคน นางหลัวอวิ๋นก็ถูกคนหามเข้ามา เมื่อมาถึงเบื้องหน้าของฮ่องเต้และกุ้ยเฟย นางหลัวอวิ๋นก็กำชายเสื้อแน่นด้วยความประหม่าที่ยากจะปิดบัง เสิ่นหรูโจวเดินไปอยู่ข้างกายนาง กุมมือของนางเบาๆ เป็นสัญญาณให้นางวางใจ“กุ้ยเฟยโปรดดู สตรีตั้งครรภ์นางนี้มีอาการเดียวกับท่าน ข้าสามารถทำการรักษาให้นางก่อนได้ หากนางกับลูกในท้องปลอดภัยไม่ได้รับอันตราย ท่านก็จะสามารถวางใจ ให้ข้าทำการรักษาให้ท่านได้แล้ว” “หมอทุกคนต่างก็พูดว่า ที่นางท้องก็เป็นครรภ์แฝดสามเช่นเดียวกัน แต่ข้าคิดว่า อาการของนางเหมือนกับท่าน ในท้องของนาง ก็มีทารกเพียงคนเดียวเช่นเดียวกัน” กุ้ยเฟยยืดกายตรงขึ้นมาเล็กน้อย ยื่นคอออกมาสังเกตอย่างละเอียด พบว่าคนผู้นั้นเหมือนนางจริงๆ ท้องใหญ่อย่างประหลาดเมื่อคิดอย่างละเอียด เมื่อวานนางได้ยินว่านอกวังมีสตรีตั้งครรภ์นางหนึ่ง ท้องใหญ่มาก หมอทั้งหลาย
เมื่อเป่ยซิวเยี่ยนเห็นเช่นนั้นก็เอ่ยปากว่า “กุ้ยเฟยเหนียงเหนียง ในเมื่อสตรีมีครรภ์นางนี้ก็เต็มใจจะลองด้วยตนเอง มิสู้ให้พระชายาของอ๋องอู่เฉิงทำการรักษาให้นางก่อน หากปลอดภัยทั้งมารดาและบุตร เช่นนั้น กุ้ยเฟยก็จะสามารถวางใจลองรับการรักษาได้”“ไม่ได้” เซียวเฉินเหยี่ยนกล่าวขัดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “วิชาแพทย์ของพระชายาไม่ชำนาญ ไม่อาจปล่อยให้นางทำเรื่องเหลวไหลได้” แม้สตรีตั้งครรภ์นางนี้จะเต็มใจก็ตาม แต่จะผ่าท้องนำเด็กออกมาได้อย่างไร? วิธีการนี้หากสำเร็จแล้วยังพอพูดกันได้ หากล้มเหลว ไม่ต้องพูดถึงว่าจวนอ๋องจะได้รับผลกระทบอย่างไร เพียงแค่ตัวเสิ่นหรูโจว ชั่วชีวิตนี้ก็จะต้องถูกคำครหานินทาประณามไปชั่วชีวิตมู่หว่านหรงรีบสนับสนุนว่า “นั่นสิเจ้าคะ วิธีการนี้เสี่ยงอันตรายเกินไปแล้ว พระชายาท่านอย่าได้ทำเรื่องเหลวไหลอีกเลย จะได้ไม่เป็นการทำลายชีวิตของผู้อื่นโดยเปล่าประโยชน์” เสิ่นหรูโจวเลิกคิ้ว กล่าวอย่างเย็นชาว่า “ดูเหมือนจะไม่เกี่ยวกับพวกท่านสองคนกระมัง?”สีหน้าของมู่หว่านหรงพลันแข็งค้างในทันที ก้นบึ้งของดวงตามีความอำมหิตวาบผ่าน จากนั้นก็แสร้งทำเป็นได้รับความน้อยเนื้อต่ำใจพร้อมกับดึงแขนเสื้อของเซีย
“แน่นอน” เสิ่นหรูโจวตอบโดยไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมา นางระบุจุดที่จะเจาะได้แล้ว จึงหยิบเข็มออกมาจากกล่องยาหัวคิ้วของหลี่หมัวมัวขมวดเข้าหากันแน่น เอาแต่ทอดถอนใจอยู่ตลอดเวลา “อัยหยา บาปกรรม บาปกรรมนัก!”“หลี่หมัวมัว ข้ากำลังช่วยคนอยู่” เสิ่นหรูโจวเงยหน้าขึ้นมองนางด้วยสีหน้าเรียบเฉย “หากท่านไม่กล้าดู ก็ไปนั่งพักผ่อนอยู่ตรงนั้นเถอะ” หลี่หมัวมัวหยุดปากอย่างอับอาย ทว่าไม่ยินยอมจากไปนางจะต้องดูให้ดีว่าเสิ่นหรูโจวช่วยคนอย่างไร ไม่เช่นนั้นจะวางใจให้นางรักษาอาการป่วยให้กุ้ยเฟยเหนียงเหนียงได้อย่างไรเสิ่นหรูโจวมิได้ไปสนใจนางอีก เพียงกำหนดสายตาไปที่ท้องของนางหลัวอวิ๋นเท่านั้นนางจับมีดผ่าตัดและเข็มในมือแน่น ในใจสงบอย่างยิ่งนางจะเริ่มด้วยการเจาะช่องท้อง ในเวลาเดียวกับที่ระบายน้ำในช่องท้อง ก็จะทำการผ่าเปิดหน้าท้องชาติก่อนในตอนที่นางทำการรักษาให้หลานสาวของนางหลัวอวิ๋น วิธีการที่ใช้ก็เป็นเช่นเดียวกัน แต่เครื่องมือกลับไม่เหมือนกันตอนนั้นนางมีเครื่องมือไม่มากนัก ได้แต่ใช้เพียงเข็มและมีดสั้นเท่านั้น แต่ตอนนี้นางมีเครื่องมือที่เหมาะสมยิ่งกว่าแล้วในกล่องยาของนางไม่เพียงมียาเพิ่มขึ้นมาจำนวนมา
“ท่านปล่อยบ่าวเฒ่าคนนี้ไปเถิดเจ้าค่ะ บ่าวไม่อยากอายุปูนนี้แล้ว มือยังต้องคร่าอีกหนึ่งชีวิต! ท่านทำเองเถิดเจ้าค่ะ บ่าวไม่ดูแล้ว ไม่ดูแล้ว…”กล่าวจบ นางก็จะจากไปหัวคิ้วของเสิ่นหรูโจวขมวดเข้าหากัน ตะโกนเสียงดัง “หยุดอยู่ตรงนั้น!”หลี่หมัวมัวถูกนางตะโกนใส่เช่นนี้ ก็ไม่กล้าขยับแล้วจริงๆ หันหน้ามามองนางอย่างลำบากใจ“ท่านอยากให้เด็กคนนี้หายใจไม่ออกตายอยู่ในท้องแม่หรือ?” ดวงตาของเสิ่นหรูโจวเย็นชาดุจน้ำแข็ง “หากเกิดเรื่องขึ้น หรือล้มเหลวแล้วล่ะก็ กุ้ยเฟยเหนียงเหนียงของท่านก็จะสูญเสียที่พึ่งไปอย่างสิ้นเชิง!”“ข้าสามารถบอกท่านได้ตามตรงว่า นอกจากข้าแล้ว ไม่มีผู้ใดสามารถช่วยกุ้ยเฟยของท่านได้อีก นักพรตข้างนอกนั่นทำเป็นเพียงพูดจาไร้สาระเท่านั้น เขาไม่อาจรักษาลูกของเหนียงเหนียงท่านได้” หมอหลวงจ้าวสั่นสะท้านไปทั่วร่าง หลี่หมัวมัวใกล้จะร้องไห้แล้ว สุดท้ายก็กระทืบเท้าแล้วก้าวเข้ามาช่วยเหลือเสิ่นหรูโจวประคองส่วนหัวของทารกดึงออกมา สองมือของหลี่หมัวมัวดันลงไปที่ด้านล่างของมดลูกผ่านทางหน้าท้อง หมอหลวงจ้าวบีบหัวเข็มเพื่อชักนำของเหลวในท้องออกมา บนศีรษะของคนทั้งสามล้วนมีเหงื่อผุดออกมาชั้นหนึ่งในที่ส
“ข้ารู้อยู่แล้วว่าพี่สาวต้องทำได้แน่!” ลู่หวายหนิงดีใจจนกระโดดขึ้นมา และยังไม่ลืมส่งสายตาเหนือกว่าไปให้โจวอี๋เจี่ยนและมู่หว่านหรงเซียวเฉินเหยี่ยนอึ้งไป เขาจ้องไปที่ท้องอันแบนราบของนางหลัวอวิ๋น ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อเสิ่นหรูโจว นางทำได้จริงๆ ช่วยหญิงที่ตั้งครรภ์ไว้ได้ ยังมีเด็กในท้องของนางด้วย!ท่ามกลางความวุ่นวาย เป่ยซิวเยี่ยนจับจ้องอยู่ที่ดวงหน้าอันงดงามของเสิ่นหรูโจวอย่างเงียบเชียบ แววตานั้นราวสระน้ำในรัตติกาลอันมืดมิด ดำสนิทและลึกล้ำกุ้ยเฟยนั่งอยู่บนเก้าอี้กุหลาบ [1] ประคองท้องขนาดใหญ่นั่งหลังตรงอย่างยากลำบาก มองนางหลัวอวิ๋นอย่างประหลาดใจพลางกล่าวว่า “ผ่าเปิดท้องแล้วจริงๆ หรือ? เจ้าปลอดภัยดี?”นางหลัวอวิ๋นพึ่งคลอดบุตรเสร็จ สีหน้ายังอิดโรยอยู่บ้าง “พระชายาทรงมีวิชาแพทย์สูงส่ง ข้าน้อย/หม่อมฉันไม่มีความผิดปกติใดเลยเพคะ” ถึงขนาดผ่าเปิดท้องแล้ว กลับไม่เป็นอะไร?กุ้ยเฟยราวได้ยินเรื่องราวที่น่าเหลือเชื่อ นางเบิกตาโต “ข้าอยู่ด้านนอก ไม่ได้ยินเจ้าร้องสักครั้ง ไม่เจ็บหรือ?”“ไม่เจ็บเพคะ” นางหลัวอวิ๋นส่ายหน้า มองเสิ่นหรูโจวอย่างซาบซึ้งครั้งหนึ่ง “พระชายามอบยาให้ข้าน้อย ข้
เสิ่นหรูโจวกวาดตามองมู่หว่านหรงทีหนึ่ง แววตาเยียบเย็นลงหลี่หมัวมัวกล่าวอย่างจริงจังว่า “ฝ่าบาทประทับอยู่ที่นี่ บ่าวจะกล้าพูดเหลวไหลได้อย่างไร ท่านหมอหลวงจ้าวเพียงแค่ยืนถือของอยู่ด้านข้างเท่านั้น ทั้งหมดล้วนเป็นพระชายาที่ลงมือ พระชายาจึงจะเป็นผู้มีผลงานที่แท้จริง” หมอหลวงจ้าวลูบท้ายทอยอย่างงงงวย “พระชายารองเข้าใจผิดแล้วจริงๆ ผู้ป่วยเป็นพระชายารักษาจนหาย กระหม่อมไม่มีที่ให้ลงมือแม้แต่น้อย ผู้ที่ยอดเยี่ยมดั่งชุบชีวิตคนได้คือพระชายาต่างหากขอรับ” คำนี้เมื่อกล่าวออกมา รอยยิ้มเสแสร้งของมู่หว่านหรงก็แข็งค้างอยู่บนใบหน้า ทุกคนก็ต่างยอมรับนับถืออย่างยินยอมพร้อมใจแล้ว พากันส่งสายตาชื่นชมไปที่เสิ่นหรูโจวเสิ่นหรูโจวมองมู่หว่านหรงที่พยายามใช้คำพูดโน้มน้าวผู้คนอย่างเย็นชา มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเย็น“ว่าอย่างไร ยังมีสิ่งใดจะพูดอีกหรือไม่?”มู่หว่านหรงกัดฟัน ยังคงกล่าวอย่างไม่ยอมแพ้ว่า “พระชายาทรงเก่งกาจถึงเพียงนี้ เหตุใดหว่านหรงจึงไม่เคยรู้มาก่อนเลย?”“พอได้แล้ว!” ฮ่องเต้หย่งอันตวาดเบาๆ มองมู่หว่านหรงอย่างไม่สบอารมณ์ “หนวกหูนัก! ใครเข้ามา ลากนางออกไป!”มู่หว่านหรงตกใจเป็นอย่างยิ่ง รีบส่งส
กุ้ยเฟยฟังคนทั้งหมดออกความเห็นเงียบๆ ฝ่ามือลูบท้องที่พองโตของตนอย่างแผ่วเบา ราวกำลังครุ่นคิดบางสิ่งเรื่องแม่ลูกดวงชะตาขัดกันที่โจวอี๋เจี่ยนพูดไม่รู้เชื่อถือได้หรือไม่ แต่เมื่อคิดถึงผลลัพธ์ของการรอให้ครบกำหนดที่เสิ่นหรูโจวพูด ในใจของนางก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา ในฐานะมารดาผู้หนึ่ง การปกป้องลูกของตนเป็นสัญชาตญาณโดยธรรมชาติ หากมีเพียงการเร่งคลอดที่สามารถรักษาเขาไว้ได้ เช่นนี้นางก็ยินดีที่จะเสี่ยงหลังจากนั้นไม่นาน ในที่สุดนางก็มองไปที่ฮ่องเต้หย่งอัน “ฝ่าบาท ก็ให้พระชายาของอ๋องอู่เฉิงเร่งการคลอดให้หม่อมฉันเถิดเพคะ” ฮ่องเต้หย่งอันขมวดคิ้ว มองกุ้ยเฟย “แต่ว่า…”“กุ้ยเฟยเหนียงเหนียง โปรดทรงอย่าตัดสินใจอย่างหุนหัน!” โจวอี๋เจี่ยนเริ่มโน้มน้าวกุ้ยเฟยอีกครั้ง ด้วยท่าทีแสนจริงจังและจริงใจ “ทรงมีพระวรกายที่สูงค่าและบอบบาง หากกรีดแผลใหญ่ลงไปบนร่างสักแผล จะต้องทนรับไม่ไหวอย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”“น่าขำนัก!” เสิ่นหรูโจวแค่นเสียงเย็นทีหนึ่ง มองโจวอี๋เจี่ยนด้วยแววตาคมกล้า “นางหลัวอวิ๋นก็เป็นสตรีเช่นกัน นางทนไหว แล้วเหตุใดกุ้ยเฟยจึงจะทนไม่ไหว ท่านเอาแต่พูดว่าไม่อาจเร่งคลอด ที่ท่านขัดขวางเช่นนี้ ยังตระ
ไม่ว่าอย่างไรนางหลัวอวิ๋นก็พึ่งผ่านการผ่าตัดมา ร่างกายอ่อนเพลียอยู่บ้าง จะต้องพักผ่อนรักษาตัวให้ดีย้อนคิดถึงชาติก่อน แม้นางจะช่วยชีวิตหลานสาวของนางหลัวอวิ๋นได้สำเร็จ แต่สตรีนางนั้นครึ่งปีให้หลังก็ฆ่าตัวตายเพราะอาการสืบเนื่องที่เกิดตามมา เพื่อรับรองว่านางหลัวอวิ๋นจะไม่มีโรคเกิดตามมาจะต้องรักษาตัวให้ดี มีนางคอยดูแลอย่างใส่ใจ ส่งกลับไปที่บ้านนางย่อมดีที่สุดคนทั้งสองอยู่ใกล้กันอย่างมาก สายตาของเป่ยซิวเยี่ยนตกลงบนตัวนาง มิได้ถอยออก “ได้” เสิ่นหรูโจวแย้มยิ้ม “ขอบคุณท่านผู้สำเร็จราชการแทนมาก” นางเงยหน้าขึ้น เห็นดวงตาที่ล้ำลึกคู่นั้นของเป่ยซิวเยี่ยนอยู่ใกล้เพียงเอื้อม จึงได้รู้สึกตัวว่าอยู่ใกล้เขาเกินไปแล้ว รีบถอยห่างออกมาเล็กน้อยฉากนี้ถูกเซียวเฉินเหยี่ยนเห็นทั้งหมด เพลิงโทสะสายหนึ่งพลันเผาไหม้ขึ้นมาในที่สาธารณะท่ามกลางผู้คน เสิ่นหรูโจวใกล้ชิดกับบุรุษอื่นถึงเพียงนี้ ยังเห็นเขาซึ่งเป็นสามีอยู่ในสายตาหรือไม่!เขากำลังจะก้าวเข้าไปดึงเสิ่นหรูโจวมา แต่กลับถูกมู่หว่านหรงดึงแขนเสื้อไว้“ท่านอ๋อง เมื่อครู่ขอบคุณท่านอ๋องที่ช่วยขอร้องแทนหว่านหรงมากเจ้าค่ะ” สีหน้าของมู่หว่านหรงเต็มไปด้วยค