“แน่นอน” เสิ่นหรูโจวตอบโดยไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมา นางระบุจุดที่จะเจาะได้แล้ว จึงหยิบเข็มออกมาจากกล่องยาหัวคิ้วของหลี่หมัวมัวขมวดเข้าหากันแน่น เอาแต่ทอดถอนใจอยู่ตลอดเวลา “อัยหยา บาปกรรม บาปกรรมนัก!”“หลี่หมัวมัว ข้ากำลังช่วยคนอยู่” เสิ่นหรูโจวเงยหน้าขึ้นมองนางด้วยสีหน้าเรียบเฉย “หากท่านไม่กล้าดู ก็ไปนั่งพักผ่อนอยู่ตรงนั้นเถอะ” หลี่หมัวมัวหยุดปากอย่างอับอาย ทว่าไม่ยินยอมจากไปนางจะต้องดูให้ดีว่าเสิ่นหรูโจวช่วยคนอย่างไร ไม่เช่นนั้นจะวางใจให้นางรักษาอาการป่วยให้กุ้ยเฟยเหนียงเหนียงได้อย่างไรเสิ่นหรูโจวมิได้ไปสนใจนางอีก เพียงกำหนดสายตาไปที่ท้องของนางหลัวอวิ๋นเท่านั้นนางจับมีดผ่าตัดและเข็มในมือแน่น ในใจสงบอย่างยิ่งนางจะเริ่มด้วยการเจาะช่องท้อง ในเวลาเดียวกับที่ระบายน้ำในช่องท้อง ก็จะทำการผ่าเปิดหน้าท้องชาติก่อนในตอนที่นางทำการรักษาให้หลานสาวของนางหลัวอวิ๋น วิธีการที่ใช้ก็เป็นเช่นเดียวกัน แต่เครื่องมือกลับไม่เหมือนกันตอนนั้นนางมีเครื่องมือไม่มากนัก ได้แต่ใช้เพียงเข็มและมีดสั้นเท่านั้น แต่ตอนนี้นางมีเครื่องมือที่เหมาะสมยิ่งกว่าแล้วในกล่องยาของนางไม่เพียงมียาเพิ่มขึ้นมาจำนวนมา
“ท่านปล่อยบ่าวเฒ่าคนนี้ไปเถิดเจ้าค่ะ บ่าวไม่อยากอายุปูนนี้แล้ว มือยังต้องคร่าอีกหนึ่งชีวิต! ท่านทำเองเถิดเจ้าค่ะ บ่าวไม่ดูแล้ว ไม่ดูแล้ว…”กล่าวจบ นางก็จะจากไปหัวคิ้วของเสิ่นหรูโจวขมวดเข้าหากัน ตะโกนเสียงดัง “หยุดอยู่ตรงนั้น!”หลี่หมัวมัวถูกนางตะโกนใส่เช่นนี้ ก็ไม่กล้าขยับแล้วจริงๆ หันหน้ามามองนางอย่างลำบากใจ“ท่านอยากให้เด็กคนนี้หายใจไม่ออกตายอยู่ในท้องแม่หรือ?” ดวงตาของเสิ่นหรูโจวเย็นชาดุจน้ำแข็ง “หากเกิดเรื่องขึ้น หรือล้มเหลวแล้วล่ะก็ กุ้ยเฟยเหนียงเหนียงของท่านก็จะสูญเสียที่พึ่งไปอย่างสิ้นเชิง!”“ข้าสามารถบอกท่านได้ตามตรงว่า นอกจากข้าแล้ว ไม่มีผู้ใดสามารถช่วยกุ้ยเฟยของท่านได้อีก นักพรตข้างนอกนั่นทำเป็นเพียงพูดจาไร้สาระเท่านั้น เขาไม่อาจรักษาลูกของเหนียงเหนียงท่านได้” หมอหลวงจ้าวสั่นสะท้านไปทั่วร่าง หลี่หมัวมัวใกล้จะร้องไห้แล้ว สุดท้ายก็กระทืบเท้าแล้วก้าวเข้ามาช่วยเหลือเสิ่นหรูโจวประคองส่วนหัวของทารกดึงออกมา สองมือของหลี่หมัวมัวดันลงไปที่ด้านล่างของมดลูกผ่านทางหน้าท้อง หมอหลวงจ้าวบีบหัวเข็มเพื่อชักนำของเหลวในท้องออกมา บนศีรษะของคนทั้งสามล้วนมีเหงื่อผุดออกมาชั้นหนึ่งในที่ส
“ข้ารู้อยู่แล้วว่าพี่สาวต้องทำได้แน่!” ลู่หวายหนิงดีใจจนกระโดดขึ้นมา และยังไม่ลืมส่งสายตาเหนือกว่าไปให้โจวอี๋เจี่ยนและมู่หว่านหรงเซียวเฉินเหยี่ยนอึ้งไป เขาจ้องไปที่ท้องอันแบนราบของนางหลัวอวิ๋น ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อเสิ่นหรูโจว นางทำได้จริงๆ ช่วยหญิงที่ตั้งครรภ์ไว้ได้ ยังมีเด็กในท้องของนางด้วย!ท่ามกลางความวุ่นวาย เป่ยซิวเยี่ยนจับจ้องอยู่ที่ดวงหน้าอันงดงามของเสิ่นหรูโจวอย่างเงียบเชียบ แววตานั้นราวสระน้ำในรัตติกาลอันมืดมิด ดำสนิทและลึกล้ำกุ้ยเฟยนั่งอยู่บนเก้าอี้กุหลาบ [1] ประคองท้องขนาดใหญ่นั่งหลังตรงอย่างยากลำบาก มองนางหลัวอวิ๋นอย่างประหลาดใจพลางกล่าวว่า “ผ่าเปิดท้องแล้วจริงๆ หรือ? เจ้าปลอดภัยดี?”นางหลัวอวิ๋นพึ่งคลอดบุตรเสร็จ สีหน้ายังอิดโรยอยู่บ้าง “พระชายาทรงมีวิชาแพทย์สูงส่ง ข้าน้อย/หม่อมฉันไม่มีความผิดปกติใดเลยเพคะ” ถึงขนาดผ่าเปิดท้องแล้ว กลับไม่เป็นอะไร?กุ้ยเฟยราวได้ยินเรื่องราวที่น่าเหลือเชื่อ นางเบิกตาโต “ข้าอยู่ด้านนอก ไม่ได้ยินเจ้าร้องสักครั้ง ไม่เจ็บหรือ?”“ไม่เจ็บเพคะ” นางหลัวอวิ๋นส่ายหน้า มองเสิ่นหรูโจวอย่างซาบซึ้งครั้งหนึ่ง “พระชายามอบยาให้ข้าน้อย ข้
เสิ่นหรูโจวกวาดตามองมู่หว่านหรงทีหนึ่ง แววตาเยียบเย็นลงหลี่หมัวมัวกล่าวอย่างจริงจังว่า “ฝ่าบาทประทับอยู่ที่นี่ บ่าวจะกล้าพูดเหลวไหลได้อย่างไร ท่านหมอหลวงจ้าวเพียงแค่ยืนถือของอยู่ด้านข้างเท่านั้น ทั้งหมดล้วนเป็นพระชายาที่ลงมือ พระชายาจึงจะเป็นผู้มีผลงานที่แท้จริง” หมอหลวงจ้าวลูบท้ายทอยอย่างงงงวย “พระชายารองเข้าใจผิดแล้วจริงๆ ผู้ป่วยเป็นพระชายารักษาจนหาย กระหม่อมไม่มีที่ให้ลงมือแม้แต่น้อย ผู้ที่ยอดเยี่ยมดั่งชุบชีวิตคนได้คือพระชายาต่างหากขอรับ” คำนี้เมื่อกล่าวออกมา รอยยิ้มเสแสร้งของมู่หว่านหรงก็แข็งค้างอยู่บนใบหน้า ทุกคนก็ต่างยอมรับนับถืออย่างยินยอมพร้อมใจแล้ว พากันส่งสายตาชื่นชมไปที่เสิ่นหรูโจวเสิ่นหรูโจวมองมู่หว่านหรงที่พยายามใช้คำพูดโน้มน้าวผู้คนอย่างเย็นชา มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเย็น“ว่าอย่างไร ยังมีสิ่งใดจะพูดอีกหรือไม่?”มู่หว่านหรงกัดฟัน ยังคงกล่าวอย่างไม่ยอมแพ้ว่า “พระชายาทรงเก่งกาจถึงเพียงนี้ เหตุใดหว่านหรงจึงไม่เคยรู้มาก่อนเลย?”“พอได้แล้ว!” ฮ่องเต้หย่งอันตวาดเบาๆ มองมู่หว่านหรงอย่างไม่สบอารมณ์ “หนวกหูนัก! ใครเข้ามา ลากนางออกไป!”มู่หว่านหรงตกใจเป็นอย่างยิ่ง รีบส่งส
กุ้ยเฟยฟังคนทั้งหมดออกความเห็นเงียบๆ ฝ่ามือลูบท้องที่พองโตของตนอย่างแผ่วเบา ราวกำลังครุ่นคิดบางสิ่งเรื่องแม่ลูกดวงชะตาขัดกันที่โจวอี๋เจี่ยนพูดไม่รู้เชื่อถือได้หรือไม่ แต่เมื่อคิดถึงผลลัพธ์ของการรอให้ครบกำหนดที่เสิ่นหรูโจวพูด ในใจของนางก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา ในฐานะมารดาผู้หนึ่ง การปกป้องลูกของตนเป็นสัญชาตญาณโดยธรรมชาติ หากมีเพียงการเร่งคลอดที่สามารถรักษาเขาไว้ได้ เช่นนี้นางก็ยินดีที่จะเสี่ยงหลังจากนั้นไม่นาน ในที่สุดนางก็มองไปที่ฮ่องเต้หย่งอัน “ฝ่าบาท ก็ให้พระชายาของอ๋องอู่เฉิงเร่งการคลอดให้หม่อมฉันเถิดเพคะ” ฮ่องเต้หย่งอันขมวดคิ้ว มองกุ้ยเฟย “แต่ว่า…”“กุ้ยเฟยเหนียงเหนียง โปรดทรงอย่าตัดสินใจอย่างหุนหัน!” โจวอี๋เจี่ยนเริ่มโน้มน้าวกุ้ยเฟยอีกครั้ง ด้วยท่าทีแสนจริงจังและจริงใจ “ทรงมีพระวรกายที่สูงค่าและบอบบาง หากกรีดแผลใหญ่ลงไปบนร่างสักแผล จะต้องทนรับไม่ไหวอย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”“น่าขำนัก!” เสิ่นหรูโจวแค่นเสียงเย็นทีหนึ่ง มองโจวอี๋เจี่ยนด้วยแววตาคมกล้า “นางหลัวอวิ๋นก็เป็นสตรีเช่นกัน นางทนไหว แล้วเหตุใดกุ้ยเฟยจึงจะทนไม่ไหว ท่านเอาแต่พูดว่าไม่อาจเร่งคลอด ที่ท่านขัดขวางเช่นนี้ ยังตระ
ไม่ว่าอย่างไรนางหลัวอวิ๋นก็พึ่งผ่านการผ่าตัดมา ร่างกายอ่อนเพลียอยู่บ้าง จะต้องพักผ่อนรักษาตัวให้ดีย้อนคิดถึงชาติก่อน แม้นางจะช่วยชีวิตหลานสาวของนางหลัวอวิ๋นได้สำเร็จ แต่สตรีนางนั้นครึ่งปีให้หลังก็ฆ่าตัวตายเพราะอาการสืบเนื่องที่เกิดตามมา เพื่อรับรองว่านางหลัวอวิ๋นจะไม่มีโรคเกิดตามมาจะต้องรักษาตัวให้ดี มีนางคอยดูแลอย่างใส่ใจ ส่งกลับไปที่บ้านนางย่อมดีที่สุดคนทั้งสองอยู่ใกล้กันอย่างมาก สายตาของเป่ยซิวเยี่ยนตกลงบนตัวนาง มิได้ถอยออก “ได้” เสิ่นหรูโจวแย้มยิ้ม “ขอบคุณท่านผู้สำเร็จราชการแทนมาก” นางเงยหน้าขึ้น เห็นดวงตาที่ล้ำลึกคู่นั้นของเป่ยซิวเยี่ยนอยู่ใกล้เพียงเอื้อม จึงได้รู้สึกตัวว่าอยู่ใกล้เขาเกินไปแล้ว รีบถอยห่างออกมาเล็กน้อยฉากนี้ถูกเซียวเฉินเหยี่ยนเห็นทั้งหมด เพลิงโทสะสายหนึ่งพลันเผาไหม้ขึ้นมาในที่สาธารณะท่ามกลางผู้คน เสิ่นหรูโจวใกล้ชิดกับบุรุษอื่นถึงเพียงนี้ ยังเห็นเขาซึ่งเป็นสามีอยู่ในสายตาหรือไม่!เขากำลังจะก้าวเข้าไปดึงเสิ่นหรูโจวมา แต่กลับถูกมู่หว่านหรงดึงแขนเสื้อไว้“ท่านอ๋อง เมื่อครู่ขอบคุณท่านอ๋องที่ช่วยขอร้องแทนหว่านหรงมากเจ้าค่ะ” สีหน้าของมู่หว่านหรงเต็มไปด้วยค
เสิ่นหรูโจวกำลังเตรียมการ นางเปิดกล่องยา ตรวจสอบยาและเครื่องมือที่อีกครู่ต้องใช้ลู่หวายหนิงขยับมาอยู่ข้างกายนางอย่างอยากรู้อยากเห็นอย่างยิ่ง ชี้ไปที่ขวดสีน้ำตาลใบหนึ่งถามว่า “พี่สาว ของสิ่งนี้ไว้ใช้ทำสิ่งใดกัน?”“นี่คือทิงเจอร์ไอโอดีน เอาไว้ใช้ฆ่าเชื้อโรค ใช้เช็ดบนผิวหนังก่อนผ่าตัด ช่วยป้องกันไม่ให้แผลติดเชื้อ” นางด้านหนึ่งกล่าววาจา อีกด้านก็มองไปทางเป่ยซิวเยี่ยน ที่จริงแล้วนางตั้งใจพูดให้เขาฟังต่างหาก“อย่างนั้นอันนี้เล่า?” ลู่หวายหนิงถามขึ้นอีกครั้งเสิ่นหรูโจวอธิบายอย่างตั้งใจ “นี่เป็นเพนิซิลลินแบบฉีด อีกครู่เมื่อผ่าตัดเสร็จก็จะต้องฉีดสิ่งนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้บาดแผลอักเสบ” ลู่หวายหนิงพยักหน้า น้ำเสียงมีความตื่นเต้นยินดีอยู่เล็กน้อย “เช่นนั้นยาพวกนี้ก็เหมาะที่จะใช้ในสนามรบพอดีเลย!”เขารีบดึงเป่ยซิวเยี่ยนเข้ามาใกล้ขึ้นอีกเล็กน้อย “อาจารย์ท่านดูสิขอรับ ยาของพี่สาวพวกนี้ดีเกินไปแล้ว หากสามารถส่งไปที่สนามรบได้ ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องการรักษาของเหล่าทหารอีกแล้วขอรับ!”เป่ยซิวเยี่ยนมีสีหน้าเรียบเฉย กวาดสายตามองยาและอุปกรณ์ในกล่องยาพวกนั้นรอบหนึ่ง“บาดแผลที่พบมากที่สุดในสนามรบก็คื
หมอหลวงจ้าวพยักหน้ารับคำโจวอี๋เจี่ยนมองของเหลวที่ไหลออกมา ยังมีท้องที่ค่อยๆ เล็กลงของกุ้ยเฟย สีหน้าก็เปลี่ยนไปครั้งแล้วครั้งเล่าเสิ่นหรูโจวดำเนินการต่ออย่างสงบ หยิบมีดผ่าตัดออกมา เริ่มทำการเปิดช่องท้องนางทำการฆ่าเชื้อก่อน จากนั้นจึงกรีดเปิดผิวหนังบริเวณหน้าท้องออกเมื่อเห็นว่าท้องของกุ้ยเฟยถูกกรีดเป็นแผลกว่าถึงเพียงนั้น โจวอี๋เจี่ยนก็ได้รับความตกใจไม่น้อย ดวงตาเบิกกว้างกว่าในยามปกติถึงสองเท่า“พระชายามีฐานะเป็นแพทย์ ทว่ากลับลงมืออย่างโหดเหี้ยมเช่นนี้!”เสิ่นหรูโจวหัวเราะเบาๆ ทีหนึ่ง มิได้สนใจเขา หลี่หมัวมัวกลับพูดว่า “ท่านนักพรตหลิงเซียว หากท่านทนดูไม่ไหว ก็ไปนั่งพักตรงนั้นเถิดเจ้าค่ะ อย่าได้รบกวนพระชายาเลย” โจวอี๋เจี่ยนสะบัดแขนเสื้อ ท่าทางราวกับปวดใจอย่างยิ่งถัดมา เสิ่นหรูโจวยังคงลงมีดต่อไปโจวอี๋เจี่ยนมองภาพเต็มไปด้วยเลือดที่อยู่เบื้องหน้า ก็รู้สึกไม่สบายอยู่บ้าง อดท่องบทสวดขึ้นมาไม่ได้ “อันธารบารมีของท่านปรมาจารย์ไพศาลไร้ขอบเขต…”เสิ่นหรูโจวยังคงเห็นเขาเป็นอากาศธาตุ ทำการกรีดเปิดช่วงล่างของมดลูกต่อ เมื่อเปิดโพรงมดลูกออก ร่างของทารกก็เผยออกมาหลี่หมัวมัวรีบก้าวเข้ามา