“ข้ารู้อยู่แล้วว่าพี่สาวต้องทำได้แน่!” ลู่หวายหนิงดีใจจนกระโดดขึ้นมา และยังไม่ลืมส่งสายตาเหนือกว่าไปให้โจวอี๋เจี่ยนและมู่หว่านหรงเซียวเฉินเหยี่ยนอึ้งไป เขาจ้องไปที่ท้องอันแบนราบของนางหลัวอวิ๋น ใบหน้าเต็มไปด้วยความไม่อยากเชื่อเสิ่นหรูโจว นางทำได้จริงๆ ช่วยหญิงที่ตั้งครรภ์ไว้ได้ ยังมีเด็กในท้องของนางด้วย!ท่ามกลางความวุ่นวาย เป่ยซิวเยี่ยนจับจ้องอยู่ที่ดวงหน้าอันงดงามของเสิ่นหรูโจวอย่างเงียบเชียบ แววตานั้นราวสระน้ำในรัตติกาลอันมืดมิด ดำสนิทและลึกล้ำกุ้ยเฟยนั่งอยู่บนเก้าอี้กุหลาบ [1] ประคองท้องขนาดใหญ่นั่งหลังตรงอย่างยากลำบาก มองนางหลัวอวิ๋นอย่างประหลาดใจพลางกล่าวว่า “ผ่าเปิดท้องแล้วจริงๆ หรือ? เจ้าปลอดภัยดี?”นางหลัวอวิ๋นพึ่งคลอดบุตรเสร็จ สีหน้ายังอิดโรยอยู่บ้าง “พระชายาทรงมีวิชาแพทย์สูงส่ง ข้าน้อย/หม่อมฉันไม่มีความผิดปกติใดเลยเพคะ” ถึงขนาดผ่าเปิดท้องแล้ว กลับไม่เป็นอะไร?กุ้ยเฟยราวได้ยินเรื่องราวที่น่าเหลือเชื่อ นางเบิกตาโต “ข้าอยู่ด้านนอก ไม่ได้ยินเจ้าร้องสักครั้ง ไม่เจ็บหรือ?”“ไม่เจ็บเพคะ” นางหลัวอวิ๋นส่ายหน้า มองเสิ่นหรูโจวอย่างซาบซึ้งครั้งหนึ่ง “พระชายามอบยาให้ข้าน้อย ข้
เสิ่นหรูโจวกวาดตามองมู่หว่านหรงทีหนึ่ง แววตาเยียบเย็นลงหลี่หมัวมัวกล่าวอย่างจริงจังว่า “ฝ่าบาทประทับอยู่ที่นี่ บ่าวจะกล้าพูดเหลวไหลได้อย่างไร ท่านหมอหลวงจ้าวเพียงแค่ยืนถือของอยู่ด้านข้างเท่านั้น ทั้งหมดล้วนเป็นพระชายาที่ลงมือ พระชายาจึงจะเป็นผู้มีผลงานที่แท้จริง” หมอหลวงจ้าวลูบท้ายทอยอย่างงงงวย “พระชายารองเข้าใจผิดแล้วจริงๆ ผู้ป่วยเป็นพระชายารักษาจนหาย กระหม่อมไม่มีที่ให้ลงมือแม้แต่น้อย ผู้ที่ยอดเยี่ยมดั่งชุบชีวิตคนได้คือพระชายาต่างหากขอรับ” คำนี้เมื่อกล่าวออกมา รอยยิ้มเสแสร้งของมู่หว่านหรงก็แข็งค้างอยู่บนใบหน้า ทุกคนก็ต่างยอมรับนับถืออย่างยินยอมพร้อมใจแล้ว พากันส่งสายตาชื่นชมไปที่เสิ่นหรูโจวเสิ่นหรูโจวมองมู่หว่านหรงที่พยายามใช้คำพูดโน้มน้าวผู้คนอย่างเย็นชา มุมปากยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเย็น“ว่าอย่างไร ยังมีสิ่งใดจะพูดอีกหรือไม่?”มู่หว่านหรงกัดฟัน ยังคงกล่าวอย่างไม่ยอมแพ้ว่า “พระชายาทรงเก่งกาจถึงเพียงนี้ เหตุใดหว่านหรงจึงไม่เคยรู้มาก่อนเลย?”“พอได้แล้ว!” ฮ่องเต้หย่งอันตวาดเบาๆ มองมู่หว่านหรงอย่างไม่สบอารมณ์ “หนวกหูนัก! ใครเข้ามา ลากนางออกไป!”มู่หว่านหรงตกใจเป็นอย่างยิ่ง รีบส่งส
กุ้ยเฟยฟังคนทั้งหมดออกความเห็นเงียบๆ ฝ่ามือลูบท้องที่พองโตของตนอย่างแผ่วเบา ราวกำลังครุ่นคิดบางสิ่งเรื่องแม่ลูกดวงชะตาขัดกันที่โจวอี๋เจี่ยนพูดไม่รู้เชื่อถือได้หรือไม่ แต่เมื่อคิดถึงผลลัพธ์ของการรอให้ครบกำหนดที่เสิ่นหรูโจวพูด ในใจของนางก็รู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา ในฐานะมารดาผู้หนึ่ง การปกป้องลูกของตนเป็นสัญชาตญาณโดยธรรมชาติ หากมีเพียงการเร่งคลอดที่สามารถรักษาเขาไว้ได้ เช่นนี้นางก็ยินดีที่จะเสี่ยงหลังจากนั้นไม่นาน ในที่สุดนางก็มองไปที่ฮ่องเต้หย่งอัน “ฝ่าบาท ก็ให้พระชายาของอ๋องอู่เฉิงเร่งการคลอดให้หม่อมฉันเถิดเพคะ” ฮ่องเต้หย่งอันขมวดคิ้ว มองกุ้ยเฟย “แต่ว่า…”“กุ้ยเฟยเหนียงเหนียง โปรดทรงอย่าตัดสินใจอย่างหุนหัน!” โจวอี๋เจี่ยนเริ่มโน้มน้าวกุ้ยเฟยอีกครั้ง ด้วยท่าทีแสนจริงจังและจริงใจ “ทรงมีพระวรกายที่สูงค่าและบอบบาง หากกรีดแผลใหญ่ลงไปบนร่างสักแผล จะต้องทนรับไม่ไหวอย่างแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ”“น่าขำนัก!” เสิ่นหรูโจวแค่นเสียงเย็นทีหนึ่ง มองโจวอี๋เจี่ยนด้วยแววตาคมกล้า “นางหลัวอวิ๋นก็เป็นสตรีเช่นกัน นางทนไหว แล้วเหตุใดกุ้ยเฟยจึงจะทนไม่ไหว ท่านเอาแต่พูดว่าไม่อาจเร่งคลอด ที่ท่านขัดขวางเช่นนี้ ยังตระ
ไม่ว่าอย่างไรนางหลัวอวิ๋นก็พึ่งผ่านการผ่าตัดมา ร่างกายอ่อนเพลียอยู่บ้าง จะต้องพักผ่อนรักษาตัวให้ดีย้อนคิดถึงชาติก่อน แม้นางจะช่วยชีวิตหลานสาวของนางหลัวอวิ๋นได้สำเร็จ แต่สตรีนางนั้นครึ่งปีให้หลังก็ฆ่าตัวตายเพราะอาการสืบเนื่องที่เกิดตามมา เพื่อรับรองว่านางหลัวอวิ๋นจะไม่มีโรคเกิดตามมาจะต้องรักษาตัวให้ดี มีนางคอยดูแลอย่างใส่ใจ ส่งกลับไปที่บ้านนางย่อมดีที่สุดคนทั้งสองอยู่ใกล้กันอย่างมาก สายตาของเป่ยซิวเยี่ยนตกลงบนตัวนาง มิได้ถอยออก “ได้” เสิ่นหรูโจวแย้มยิ้ม “ขอบคุณท่านผู้สำเร็จราชการแทนมาก” นางเงยหน้าขึ้น เห็นดวงตาที่ล้ำลึกคู่นั้นของเป่ยซิวเยี่ยนอยู่ใกล้เพียงเอื้อม จึงได้รู้สึกตัวว่าอยู่ใกล้เขาเกินไปแล้ว รีบถอยห่างออกมาเล็กน้อยฉากนี้ถูกเซียวเฉินเหยี่ยนเห็นทั้งหมด เพลิงโทสะสายหนึ่งพลันเผาไหม้ขึ้นมาในที่สาธารณะท่ามกลางผู้คน เสิ่นหรูโจวใกล้ชิดกับบุรุษอื่นถึงเพียงนี้ ยังเห็นเขาซึ่งเป็นสามีอยู่ในสายตาหรือไม่!เขากำลังจะก้าวเข้าไปดึงเสิ่นหรูโจวมา แต่กลับถูกมู่หว่านหรงดึงแขนเสื้อไว้“ท่านอ๋อง เมื่อครู่ขอบคุณท่านอ๋องที่ช่วยขอร้องแทนหว่านหรงมากเจ้าค่ะ” สีหน้าของมู่หว่านหรงเต็มไปด้วยค
เสิ่นหรูโจวกำลังเตรียมการ นางเปิดกล่องยา ตรวจสอบยาและเครื่องมือที่อีกครู่ต้องใช้ลู่หวายหนิงขยับมาอยู่ข้างกายนางอย่างอยากรู้อยากเห็นอย่างยิ่ง ชี้ไปที่ขวดสีน้ำตาลใบหนึ่งถามว่า “พี่สาว ของสิ่งนี้ไว้ใช้ทำสิ่งใดกัน?”“นี่คือทิงเจอร์ไอโอดีน เอาไว้ใช้ฆ่าเชื้อโรค ใช้เช็ดบนผิวหนังก่อนผ่าตัด ช่วยป้องกันไม่ให้แผลติดเชื้อ” นางด้านหนึ่งกล่าววาจา อีกด้านก็มองไปทางเป่ยซิวเยี่ยน ที่จริงแล้วนางตั้งใจพูดให้เขาฟังต่างหาก“อย่างนั้นอันนี้เล่า?” ลู่หวายหนิงถามขึ้นอีกครั้งเสิ่นหรูโจวอธิบายอย่างตั้งใจ “นี่เป็นเพนิซิลลินแบบฉีด อีกครู่เมื่อผ่าตัดเสร็จก็จะต้องฉีดสิ่งนี้ เพื่อป้องกันไม่ให้บาดแผลอักเสบ” ลู่หวายหนิงพยักหน้า น้ำเสียงมีความตื่นเต้นยินดีอยู่เล็กน้อย “เช่นนั้นยาพวกนี้ก็เหมาะที่จะใช้ในสนามรบพอดีเลย!”เขารีบดึงเป่ยซิวเยี่ยนเข้ามาใกล้ขึ้นอีกเล็กน้อย “อาจารย์ท่านดูสิขอรับ ยาของพี่สาวพวกนี้ดีเกินไปแล้ว หากสามารถส่งไปที่สนามรบได้ ก็ไม่ต้องกังวลเรื่องการรักษาของเหล่าทหารอีกแล้วขอรับ!”เป่ยซิวเยี่ยนมีสีหน้าเรียบเฉย กวาดสายตามองยาและอุปกรณ์ในกล่องยาพวกนั้นรอบหนึ่ง“บาดแผลที่พบมากที่สุดในสนามรบก็คื
หมอหลวงจ้าวพยักหน้ารับคำโจวอี๋เจี่ยนมองของเหลวที่ไหลออกมา ยังมีท้องที่ค่อยๆ เล็กลงของกุ้ยเฟย สีหน้าก็เปลี่ยนไปครั้งแล้วครั้งเล่าเสิ่นหรูโจวดำเนินการต่ออย่างสงบ หยิบมีดผ่าตัดออกมา เริ่มทำการเปิดช่องท้องนางทำการฆ่าเชื้อก่อน จากนั้นจึงกรีดเปิดผิวหนังบริเวณหน้าท้องออกเมื่อเห็นว่าท้องของกุ้ยเฟยถูกกรีดเป็นแผลกว่าถึงเพียงนั้น โจวอี๋เจี่ยนก็ได้รับความตกใจไม่น้อย ดวงตาเบิกกว้างกว่าในยามปกติถึงสองเท่า“พระชายามีฐานะเป็นแพทย์ ทว่ากลับลงมืออย่างโหดเหี้ยมเช่นนี้!”เสิ่นหรูโจวหัวเราะเบาๆ ทีหนึ่ง มิได้สนใจเขา หลี่หมัวมัวกลับพูดว่า “ท่านนักพรตหลิงเซียว หากท่านทนดูไม่ไหว ก็ไปนั่งพักตรงนั้นเถิดเจ้าค่ะ อย่าได้รบกวนพระชายาเลย” โจวอี๋เจี่ยนสะบัดแขนเสื้อ ท่าทางราวกับปวดใจอย่างยิ่งถัดมา เสิ่นหรูโจวยังคงลงมีดต่อไปโจวอี๋เจี่ยนมองภาพเต็มไปด้วยเลือดที่อยู่เบื้องหน้า ก็รู้สึกไม่สบายอยู่บ้าง อดท่องบทสวดขึ้นมาไม่ได้ “อันธารบารมีของท่านปรมาจารย์ไพศาลไร้ขอบเขต…”เสิ่นหรูโจวยังคงเห็นเขาเป็นอากาศธาตุ ทำการกรีดเปิดช่วงล่างของมดลูกต่อ เมื่อเปิดโพรงมดลูกออก ร่างของทารกก็เผยออกมาหลี่หมัวมัวรีบก้าวเข้ามา
โจวอี๋เจี่ยนถลึงตาใส่เสิ่นหรูโจวอย่างโมโห ทว่าไม่อาจขยับตัว จึงได้แต่แข็งค้างอยู่ตรงนั้น ไม่กล้าพูดมากอีกเสิ่นหรูโจวจัดการโจวอี๋เจี่ยนเสร็จ ก็รีบไปดูอาการของกุ้ยเฟยหลี่หมัวมัวทางหนึ่งอุ้มทารก อีกทางก็กล่าวอย่างร้อนใจว่า “พระชายา นี่…นี่เกิดสิ่งใดขึ้นกัน ท่านมิใช่กล่าวว่าจะต้องปลอดภัยทั้งแม่ลูกอย่างแน่นอนหรือเจ้าคะ?”หมอหลวงจ้าวก็ตื่นตระหนกแล้วเช่นกัน “พระชายา กุ้ยเฟยเลือดไหลไม่หยุด นี่เกรงว่า…”เขาไม่กล้าพูดจนจบ หากกุ้ยเฟยเกิดเรื่องขึ้นมา เขาก็ไม่อาจรอดชีวิตอย่างแน่นอนเช่นกัน!เสิ่นหรูโจวมีสีหน้าสงบมั่นคง ตรวจสอบสาเหตุที่ทำให้เลือดออกอย่างละเอียด พบว่าไม่มีจุดที่ปริแตกที่มดลูกและไม่มีเส้นเลือดที่ฉีกขาด ทว่าเกิดจากการบีบตัวอย่างรุนแรงของมดลูกเป็นเหตุให้เลือดออกเหตุใดจึงเป็นเช่นนี้ ตามสภาพร่างกายของกุ้ยเฟยไม่น่าจะเกิดอาการมดลูกบีบตัวอย่างหนักได้?นอกจากนี้ สิ่งนี้เป็นเหตุให้การระบายของเหลวคั่งค้างอยู่ในช่องท้องเกิดปัญหา ของเหลวในช่องท้องถูกขับออกมาจำนวนมาก ทำให้กุ้ยเฟยเกิดอาการช็อกขึ้นมาในช่วงวลาสั้นๆหมอหลวงจ้าวร้อนใจจนกระทืบเท้า ถอนใจติดๆ กันทารกน้อยที่พึ่งถือกำเนิดออกมา
“ยังจะรักษาอะไรอีก!” ฮ่องเต้หย่งอันตะคอกใส่หน้าอย่างตำหนิ “พระชายาที่แสนดีของเจ้าทำร้ายกุ้ยเฟยจนมีสภาพเช่นใดแล้ว เจ้ายังกล้าขอร้องแทนนางอีก!”เซียวเฉินเหยี่ยนก้มศีรษะลง กล่าวด้วยเสียงหนักแน่นว่า “ยังไม่ถึงนาทีสุดท้าย บางทีอาจมีการพลิกผัน เสด็จพ่อโปรดทรงรอก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ” เดิมฮ่องเต้หย่งอันก็ไม่ชอบเขาอยู่แล้ว ครั้งนี้ก็ย่อมไม่ฟังคำพูดของเขา ฝ่ามือใหญ่โบกสะบัด ให้องครักษ์เข้าไปจับคนในเวลานี้เอง เสียงเยียบเย็นที่ผสานด้วยแรงกดดันก็ดังขึ้นมา “ฝ่าบาท โปรดทรงรอสักครู่เถอะพ่ะย่ะค่ะ” เป่ยซิวเยี่ยนเดินไปที่เบื้องหน้าของฮ่องเต้หย่งอัน กล่าวแนะนำว่า “ฝ่าบาท ใช้คนย่อมไม่ควรระแวง ผู้ที่ระแวงย่อมไม่ใช้ พระชายาของอ๋องอู่เฉิงมิใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน ฝ่าบาทก็ทรงประทานเวลาให้นางอีกสักหน่อย ทรงอดทนรอเถิดพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้หย่งอันแค่นเสียงอย่างไม่พอใจครั้งหนึ่ง ในน้ำเสียงแสดงความโมโหออกมา “ไม่ควรให้นางลองแต่แรก กล่าวอย่างมั่นอกมั่นใจ แต่กลับทำจนเป็นเช่นนี้! ยังรออะไรอยู่อีก ลากนางออกมาตีให้ตายเดี๋ยวนี้ดีที่สุด!”น้ำเสียงของเป่ยซิวเยี่ยนเรียบเฉย “ยามนี้ การโบยพระชายาของอ๋องอู่เฉิงจนตายมีแต่จะทำให้
เสิ่นหรูโจวกล่าวอย่างเรียบเฉยว่า “เช่นนั้นก็ไม่ผิดแล้ว ในเวลานี้ ความสามารถในการทำงานของตับของพระองค์ได้รับความเสียหายอย่างมากแล้ว” เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เซียวจิ่นซีก็คล้ายจะเจ็บยิ่งกว่าเดิมแล้ว เจ็บจนยืดเอวไม่ขึ้นมองเซียวจิ่นซีที่มีสีหน้าเจ็บปวด เซียวเฉินเหยี่ยนก็ขมวดคิ้ว “เช่นนั้นมีวิธีการรักษาหรือไม่?”เสิ่นหรูโจวมิได้รีบกล่าว นางหยิบขวดยาเล็กๆ ขวดหนึ่งออกมาจากถุงผ้า เทยาลงบนในกลางฝ่ามือเม็ดหนึ่งยื่นไปที่เบื้องหน้าเซียวจิ่นซี “ทรงเสวยสิ่งนี้ลงไปก่อน” เซียวจิ่นซีฝืนยืดเอวขึ้น มองเสิ่นหรูโจวด้วยสีหน้าหวาดระแวง “นี่คือสิ่งใด?”“สายพระเนตรขององค์หญิงทรงไม่ดีหรือเพคะ นี่คือยาอย่างไรเล่าเพคะ”เซียวจิ่นซีไม่เชื่อว่าเสิ่นหรูโจวจะปรารถนาดีเช่นนี้ ลังเลอยู่นานไม่ยอมรับไปเสิ่นหรูโจวจึงชักมือกลับมา กล่าวอย่างไม่อนาทรร้อนใจว่า “ไม่เสวยก็ช่างเถอะ ปล่อยให้ทรงปวดตายก็แล้วกัน” เซียวจิ่นซีกัดฟัน คว้าแย่งมาจากนั้นยัดเข้าปากไปเสิ่นหรูโจวโค้งริมฝีปาก หัวเราะอย่างเย้ยหยันทีหนึ่ง จากนั้นจึงพูดวิธีการรักษาออกมา “ตับของพระองค์ยามนี้เสียหายแล้ว หากทรงต้องการมีชีวิตรอด ก็จะต้องตัดตับของพระองค์ออก
เซียวจิ่นซีคิดจะบันดาลโทสะอีกครั้ง ทว่าเซียวเฉินเหยี่ยนขมวดคิ้วมองนาง เขากล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “เสด็จพี่ แทนที่จะทรงตรัสสิ่งใดด้วยโทสะเพื่อความสะใจเพียงชั่วครู่ มิสู้ทรงให้เสิ่นหรูโจวตรวจอาการให้พระองค์อย่างว่าง่ายดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ การรักษาพระวรกายให้หายดีสำคัญที่สุดนะพ่ะย่ะค่ะ"เต๋อเฟยก็เกลี้ยกล่อมเช่นกัน “นั่นสิ จิ่นซี อย่าได้เสียเวลาอีกเลย รีบให้หรูโจวตรวจให้เจ้าเถอะ” สุดท้ายแล้ว เซียวจิ่นซีก็ต้องการรักษาชีวิตตน ไม่ว่าจะเคียดแค้นเสิ่นหรูโจวอย่างไร ยามนี้ก็มิใช่เวลาที่จะมาก่อเรื่อง นางจึงแค่นเสียงเย็นครั้งหนึ่ง แล้วก็ไม่กล่าวสิ่งใดอีกเซียวเฉินเหยี่ยนมองไปยังเสิ่นหรูโจว พูดเสียงเบาว่า “นี่เป็นพระบัญชาของเสด็จพ่อ เจ้าก็อย่าได้เอาแต่ใจ” เดิมเสิ่นหรูโจวก็ไม่คิดจะจากไปจริงๆ เพียงแค่ขู่เซียวจิ่นซีไปอย่างนั้น บัญชาของฮ่องเต้ไม่อาจฝืน นอกจากนี้ นางก็จำเป็นจะต้องสร้างโอกาสให้ตนได้หย่าเช่นกันนางเดินกลับไปอย่างเรื่อยเฉื่อย นั่งลงข้างกายเซียวจิ่นซี “รบกวนองค์หญิงทรงยื่นพระหัตถ์ออกมาด้วยเพคะ” สีหน้าของเซียวจิ่นซีไม่น่ามอง ทว่ายังคงทำตามครั้งก่อนที่เสิ่นหรูโจวตรวจอาการให้เซียวจิ
เมื่อเสิ่นหรูโจวได้ยินคำพูดประโยคสุดท้าย สีหน้าก็ผ่อนคลายลงไม่น้อยดูไปแล้ว จนถึงตอนนี้ยังคงถือได้ว่าราบรื่น ด่านเคราะห์ของท่านพ่ออยู่ที่การศึกครั้งสุดท้าย ไม่รู้ว่าเวลานี้ยาของนางส่งไปถึงหรือยัง หากดูตามเวลาก็น่าจะทันการอยู่ขอเพียงท่านพ่อใช้ยาของนาง ก็จะไม่ทิ้งโรคเรื้อรังไว้ในภายหลังแล้วนับแต่ได้ถือกำเนิดใหม่กลับมา นางยังมิได้พบท่านพ่อเลย นางจะต้องทำให้ท่านพ่อกลับมาอย่างปลอดภัยให้ได้เซียวเฉินเหยี่ยนเห็นว่าเมื่อนางได้ฟังข่าวของบิดาและพี่ชาย อารมณ์ก็คล้ายจะสงบลงไม่น้อย จึงลองกล่าวว่า “ในอนาคต เจ้ายังคงแก้นิสัยของเจ้าหน่อยเถิด” เสิ่นหรูโจวเงยหน้ามองเขา “นิสัยของข้าเป็นอย่างไร?”“ทุกครั้งที่เจ้าพบกับองค์หญิงเจาหยาง ล้วนมีเรื่องกันจนตึงเครียด” เซียวเฉินเหยี่ยนพยายามพูดอย่างละมุนละม่อม หวังว่านางจะรับฟัง “ถึงอย่างไรนางก็เป็นเสด็จพี่หญิงของข้า เมื่ออยู่ต่อหน้านาง เจ้าก็แสดงท่าทีที่ดีสักหน่อย อย่าใช้อารมณ์ไปเสียทุกเรื่อง” เสิ่นหรูโจวหัวเราะอย่างเยาะหยันทีหนึ่ง กล่าวอย่างดูแคลนว่า “ท่านอย่าได้มาบงการข้า” บนใบหน้าของเซียวเฉินเหยี่ยนมีความไม่พอใจวาบผ่าน "หากเจ้ามีสิ่งใดไม่พอใจ อยาก
เริ่มจากชายแดนส่งข่าวด่วนมา บิดาและพี่ชายของเสิ่นหรูโจวจึงนำทัพไปช่วยที่ชายแดน ภาพเหตุการณ์เปลี่ยนไป กลายเป็นฉากที่รายงานการรบถูกส่งมา ท่านแม่ทัพเสิ่นถูกธนูของศัตรูยิงทะลุมือ เนื่องจากขาดแคลนยาและสิ่งของทำให้ไม่มียารักษา ทว่าก็ยังคงรบชนะต่อมา หลังจากแม่ทัพใหญ่เสิ่นกลับมาถึงเมืองหลวงพร้อมชัยชนะ ก็ล้มป่วยจนต้องนอนอยู่บนเตียงตลอด ส่วนที่จวนอ๋อง เสิ่นหรูโจวกับมู่หว่านหรงทะเลาะกันครั้ง เขาจึงลงโทษกักบริเวณให้นางสำนึกตน นางบังเอิญเป็นหวัดพอดี จึงนอนซมลุกไม่ขึ้น ทำให้ไม่รู้เรื่องที่ท่านแม่ทัพใหญ่เสิ่นได้รับบาดเจ็บผ่านไปไม่กี่วันเมื่อนางรู้ข่าว ก็มาขอร้องต่อหน้าเขา ต้องการให้เขาไปส่งของบำรุงจำนวนหนึ่งไปให้บิดา เขามองใบหน้าที่อ่อนแรงและซีดขาวของนาง ไม่มีความสงสารแม้แต่น้อย มองดูนางอย่างเย็นชาท้ายที่สุดเขายังคงให้คนไปส่งของ ทว่าเด็กรับใช้ส่งไปในนามของเขา รอจนพวกเขารู้เรื่อง เรื่องราวก็ผ่านไปนานแล้ว ความสัมพันธ์ของเสิ่นหรูโจวและตระกูลเสิ่นก็มาถึงจุดเยือกแข็งแล้วเช่นกัน นั่นเป็นครั้งแรกที่นางปวดใจอย่างที่สุด และก็เป็นครั้งแรกที่นางใส่อารมณ์กับเขา ดั่งเช่นในยามนี้เซียวเฉิยเหยี่ยนยันรถม้าไว้
สีหน้าของเซียวเฉินเหยี่ยนไม่น่ามองอยู่บ้าง “หรือเจ้าจะให้ข้ายืนรอเจ้าอยู่ด้านนอก?”“ท่านจะนั่งยองลงก็ได้เช่นกัน” ใบหน้าของเสิ่นหรูโจวไม่มีความรู้สึกแม้แต่น้อย “ข้าขอบอกท่านไว้เลย เวลานี้ไม่ว่าข้าจะมองท่านที่ใดก็ขัดตาไปหมด หากท่านไม่ต้องการสร้างความอับอายให้ตนเอง ก็อย่าได้มายั่วโมโหข้า!”กล่าวจบ นางก็หมุนตัวเดินเข้าประตูไป จากนั้นปิดประตูลงดัง ‘ปัง’เซียวเฉินเหยี่ยนยืนอยู่ที่เดิม เขากำหมัดแน่นมองประตูใหญ่ที่ถูกปิดสนิท เขารู้สึกโมโหเป็นอย่างมาก ทว่าในใจก็เกิดความรู้สึกถึงความแตกต่างขึ้นมาเช่นกันในอดีต ทั้งดวงตาและหัวใจของเสิ่นหรูโจวล้วนมีแต่เขา ไม่มีทางกีดกันเขาไว้ภายนอกอย่างเด็ดขาด ทว่า ในยามนี้ เขาไม่มีสิทธิ์แม้กระทั่งจะเหยียบเข้าประตูเรือนของนางแล้วอย่างนั้นหรือ?ทว่า ความรู้สึกของคนเปลี่ยนแปลงได้ง่ายถึงเพียงนั้นเชียวหรือ เหตุใดเขาจึงโชคไม่ดีเช่นนี้ แต่งงานได้เพียงช่วงสั้นๆ สิบกว่าวัน นางก็ไม่หลงเหลือความรักให้เขาแล้วหลังเสิ่นหรูโจวปิดประตูลง ก็เข้าสู่ห้องของตนเมี่ยวตงเดินมาหาพร้อมรอยยิ้ม “คุณหนูกลับมาแล้วหรือเจ้าคะ ท่านอยากทานสิ่งใด บ่าวจะไปเตรียมให้เจ้าค่ะ” “ไม่ต้องแล้
ชาติก่อนมู่หว่านหรงอาศัยว่าได้รับความโปรดปราน มักแย่งของนางอย่างเปิดเผย ของพระราชทานที่ในวังประทานให้ชายาเอกทุกงานเทศกาลนางก็จะแย่ง ไปช่วยเหลือราษฎรจนสร้างผลงาน นางก็จะแย่งอีก เซียวเฉินเหยี่ยนไม่เคยสนใจแม้แต่น้อย เวลานี้ยิ่งดี แม้แต่ตัวเขาเองก็จะมาแย่งรางวัลของนางด้วย!เซียวเฉินเหยี่ยนถูกคำพูดของเสิ่นหรูโจวซัดไปเป็นชุด ทำให้ภายในใจรู้สึกไม่สบอารมณ์อยู่บ้างเขาจับข้อมือเสิ่นหรูโจวแน่นไม่ยอมปล่อย ความโมโหในก้นบึ้งของดวงตาปรากฏขึ้นแล้วหายไปอย่างรวดเร็ว แปรเปลี่ยนเป็นความมืดมิด จับจ้องไปที่เสิ่นหรูโจวแล้วกล่าวว่า “หากข้าไม่ชิงลงมือก่อนเจ้าก้าวหนึ่ง เจ้าก็คงจะไปขอให้เสด็จพ่อประทานการหย่าให้แล้ว” “ไม่ผิด!” เสิ่นหรูโจวตอบอย่างไม่ลังเลนี่เป็นเรื่องที่นางเฝ้าปรารถนา รอคอยมาสองชาติ!“เจ้า…" เซียวเฉินเหยี่ยนพูดไม่ออกไปชั่วขณะ รู้สึกว่าอารมณ์ความรู้สึกอันซับซ้อนนับหมื่นอัดอั้นอยู่ในอก อึดอัดจนหายใจไม่ออก”โดยพื้นฐานแล้ว เขาดูแคลนต่อการแย่งผลงานสตรี ที่ทำเช่นนี้ ประการแรก เป็นเพราะจดหมายฉบับนั้นของมู่หว่านชิง ประการที่สอง…เขาคิดได้ว่า เสิ่นหรูโจวจะใช้คำสัญญานี้มาหย่ากับเขา เขารู้สึกไม่อยากห
ฉินหมิงตะลึงไป ถามอย่างไม่แน่ใจว่า “ท่านอ๋องไม่เป็นอะไร? คำพูดนี้ของนายน้อยหมายความว่าอย่างไร?”ลู่หวายหนิงดึงฉินหมิงเข้ามาใกล้ขึ้นอีกนิด พยายามระงับความตื่นเต้น ลดเสียงเบาลงแล้วกล่าวว่า “ความหมายก็คือบนร่างของอาจารย์ไม่มีผื่นขึ้น อาจารย์อาการภูมิแพ้ไม่กำเริบตอนอยู่กับพี่สาวน่ะสิ” ดวงตาทั้งคู่ของฉินหมิงเบิกกว้าง พูดอย่างตกใจว่า “จริงหรือขอรับ?”ลู่หวายหนิงหัวเราะออกมา “จริงแท้แน่นอน ข้าทำการยืนยันแล้ว” ฉินหมิงรู้สึกไม่อยากเชื่อ “หลายปีมานี้ ไม่ว่าสตรีนางใดสัมผัสท่านอ๋อง ก็ล้วนทำให้ท่านอ๋องเกินอาการแพ้ มีเพียงหญิงที่นายท่านพบในปีที่แล้วนางนั้นที่ไม่เป็นไร” “พูดไปแล้ว ตามหาสตรีนางนั้นไม่เจอเสียที ช่างน่าเสียดายนัก คิดไม่ถึงว่าพระชายาของอ๋องอู่เฉิงก็ไม่ทำให้นายท่านเกิดอาการแพ้เช่นกัน ช่างเป็นเรื่องดีจริงๆ ราวสวรรค์ได้สรรค์สร้างมา” “นั่นสิ!” ลู่หวายหนิงเห็นด้วยอย่างมาก “อาจารย์หาผู้หญิงคนนั้นไม่เจอสักที อย่างนั้นพี่สาวก็เป็นคู่ชะตาที่สวรรค์ลิขิตมาให้อาจารย์แล้ว! ถ้าพวกเขามาอยู่ด้วยกันเร็วหน่อยก็ดี ข้าแทบรอวันนั้นไม่ไหวแล้ว!”ฉินหมิงพยักหน้า จากนั้นก็รีบส่ายหน้าอย่างรุนแรงทันที “
ในขณะที่พูด เขาก็ยื่นศีรษะเข้าไป มองซ้ายมองขวาเป่ยซิวเยี่ยนยื่นมือออกไปผลักหัวของเขาเบาๆ “ไม่ต้องดูแล้ว ไม่มีหรอก” ลู่หวายหนิงตกใจอย่างมาก ดวงตาเบิกจนกลมโตมองไปที่เป่ยซิวเยี่ยนบนใบหน้าเย็นชาดุจน้ำแข็งของเป่ยซิวเยี่ยน ก็มีความประหลาดใจอยู่อย่างเลือนรางเช่นกันลู่หวายหนิงยังคงรู้สึกไม่ยากที่จะเชื่ออยู่บ้าง จึงทำการยืนยันอีกครั้ง “อาจารย์ขอรับ เมื่อครู่พี่สาวสัมผัสถูกท่านแล้วใช่หรือไม่ขอรับ?” เป่ยซิวเยี่ยนเอนกายไปด้านหลัง พิงลงบนพนักเก้าอี้ ดวงตาล้ำลึกดุจบึงน้ำอันเยือกเย็นหรี่ลงเล็กน้อยเรื่องที่เขาเป็นภูมิแพ้ผู้หญิงมีน้อยคนนักที่จะรู้ เมื่อครู่คิดจะหยุดนางเพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสโดยตรง แต่กลับทำให้เรื่องกลับตาลปัตรไปกุมมือของนางเข้าโดยบังเอิญ จนเกิดเป็นผลลัพธ์ที่ไม่ได้ตั้งใจขึ้นมา ด้วยเหตุนี้ เขามั่นใจว่าอีกครู่อาการของตนต้องกำเริบ จึงปล่อยให้นางเปลี่ยนยาให้ตนเสียเลย คิดไม่ถึงว่า จนกระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่มีอาการผิดปกติอะไรอาการคันชาบริเวณเอวคล้ายจะยังไม่จางหายไป ปลายนิ้วที่เย็นเล็กน้อยตกลงบนหน้าท้องของเขาครั้งแล้วครั้งเล่าราวกับการยั่วเย้า เขาเงียบไปครู่หนึ่ง ลู่หวายหนิงร้อ
เป่ยซิวเยี่ยนมองดวงหน้าที่งดงามดั่งหยกของนาง ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความคาดหวัง หัวใจของเขาก็อ่อนลงอย่างน่าประหลาด “ในเมื่อข้ารับปากเจ้าแล้ว ก็ไม่มีทางผิดคำสัญญา เพราะถึงอย่างไรพวกเราก็ต่างมีผลประโยชน์ร่วมกัน”เสิ่นหรูโจวพลันหัวเราะออกมาแล้ว มองเป่ยซิวเยี่ยนอย่างซาบซึ้ง “ท่านผู้สำเร็จราชการ ท่านเป็นคนดีจริงๆ ข้าจะต้องพยายามสุดความสามารถเพื่อรักษาท่านให้ได้แน่” ไม่ว่าในชาติก่อนเขาจะก่อกบฏ เพราะเหตุใด เหตุใดจึงถูกคนขนานนามว่าเป็นพญามัจจุราชที่มีชีวิต แต่สำหรับนางแล้ว เขาก็คือคนดีคนหนึ่งเป่ยซิวเยี่ยนตะลึงไปเล็กน้อย เมื่อเห็นรอยยิ้มที่แย้มบานราวบุปผาของนาง ริมฝีปากบางก็อดโค้งขึ้นเล็กน้อยไม่ได้เช่นกัน “คำชมของพระชายาช่างแปลกใหม่เหลือเกิน” นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ยินคนพูดว่าเขาเป็นคนดีแปลกใหม่? แปลกใหม่ตรงที่ใดกัน?เสิ่นหรูโจวรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่ว่าบาดแผลของเขาได้รับการจัดการเรียบร้อยแล้ว นางจึงถือกล่องยาขึ้นมา“ท่านผู้สำเร็จราชการ สองสามวันนี้บาดแผลของท่านกำลังสมานตัว จะคันอย่างมาก เพียงระวังอย่าไปเกาก็จะหายดีแล้ว เช่นนั้นข้าก็ขอตัวก่อนแล้ว” เป่ยซิวเยี่ยนพยักหน้าเบาๆ รอจนเสิ่