“ยังจะรักษาอะไรอีก!” ฮ่องเต้หย่งอันตะคอกใส่หน้าอย่างตำหนิ “พระชายาที่แสนดีของเจ้าทำร้ายกุ้ยเฟยจนมีสภาพเช่นใดแล้ว เจ้ายังกล้าขอร้องแทนนางอีก!”เซียวเฉินเหยี่ยนก้มศีรษะลง กล่าวด้วยเสียงหนักแน่นว่า “ยังไม่ถึงนาทีสุดท้าย บางทีอาจมีการพลิกผัน เสด็จพ่อโปรดทรงรอก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ” เดิมฮ่องเต้หย่งอันก็ไม่ชอบเขาอยู่แล้ว ครั้งนี้ก็ย่อมไม่ฟังคำพูดของเขา ฝ่ามือใหญ่โบกสะบัด ให้องครักษ์เข้าไปจับคนในเวลานี้เอง เสียงเยียบเย็นที่ผสานด้วยแรงกดดันก็ดังขึ้นมา “ฝ่าบาท โปรดทรงรอสักครู่เถอะพ่ะย่ะค่ะ” เป่ยซิวเยี่ยนเดินไปที่เบื้องหน้าของฮ่องเต้หย่งอัน กล่าวแนะนำว่า “ฝ่าบาท ใช้คนย่อมไม่ควรระแวง ผู้ที่ระแวงย่อมไม่ใช้ พระชายาของอ๋องอู่เฉิงมิใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน ฝ่าบาทก็ทรงประทานเวลาให้นางอีกสักหน่อย ทรงอดทนรอเถิดพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้หย่งอันแค่นเสียงอย่างไม่พอใจครั้งหนึ่ง ในน้ำเสียงแสดงความโมโหออกมา “ไม่ควรให้นางลองแต่แรก กล่าวอย่างมั่นอกมั่นใจ แต่กลับทำจนเป็นเช่นนี้! ยังรออะไรอยู่อีก ลากนางออกมาตีให้ตายเดี๋ยวนี้ดีที่สุด!”น้ำเสียงของเป่ยซิวเยี่ยนเรียบเฉย “ยามนี้ การโบยพระชายาของอ๋องอู่เฉิงจนตายมีแต่จะทำให้
“เหนียงเหนียงทรงปลอดภัยไร้อันตราย ยามนี้พระอาการคงที่แล้วเพคะ” หลี่หมัวมัวตอบพร้อมรอยยิ้ม “พระชายาทรงกล่าวว่า อีกครู่กุ้ยเฟยก็จะทรงฟื้นขึ้นมาแล้วเพคะ” เมื่อฮ่องเต้หย่งอันได้ยินเช่นนั้น ก็มองไปที่เสิ่นหรูโจว “ตอนนี้ ของเหลวที่คั่งค้างอยู่ในท้องของกุ้ยเฟยถูกกำจัดไปแล้ว อาการเลือดออกหลังการคลอดก็คงที่แล้ว ยามนี้เพียงแค่ร่างกายอ่อนแออยู่บ้างเท่านั้น อีกครู่ก็จะทรงฟื้นขึ้นมาเพคะ” “องค์ชายน้อยคลอดก่อนกำหนด ร่างกายจึงอ่อนแออยู่บ้าง แต่ขอเพียงบำรุงให้ดีก็จะสามารถแข็งแรงขึ้นมาได้อย่างแน่นอนเพคะ” บนใบหน้าของนางมีรอยยิ้ม มองไปยังฮ่องเต้หย่งอันด้วยดวงตากระจ่างใส “ลูกพูดได้ทำได้ ปลอดภัยทั้งมารดาและบุตรเพคะ” ฮ่องเต้หย่งอันมีรอยยิ้มเต็มใบหน้า “ดี! ชายาของอ๋องอู่เฉิง มีทักษะการแพทย์เลิศล้ำจริงๆ!”เป่ยซิวเยี่ยนมองคิ้วตาที่ประณีตงดงามของหญิงสาว ริมฝีปากโค้งขึ้นอย่างเบาบางจิตใจที่เป็นกังวลของเซียวเฉินเหยี่ยนก็วางลงได้ในที่สุดเช่นกัน ความมืดหม่นในดวงตาสลายไปไม่น้อยมุ่หว่านหรงมองไปทางโจวอี๋เจี่ยนด้วยสีหน้าแข็งเกร็ง เมื่อเห็นโจวอี๋เจี่ยนส่ายหน้า นางก็กัดฟันอย่างแรง สีหน้าไม่น่ามองอย่างยิ่งรอย
โจวอี๋เจี่ยนเหลือบมองมู่หว่านหรงครั้งหนึ่ง แอบแค้นที่นางเพื่อเอาตัวรอด ได้กันตัวเองออกไปแล้ว ไม่สนใจความเป็นตายของเขาเลย!คิ้วของเซียวเฉินเหยี่ยนก็ขมวดแน่นเช่นกัน มู่หว่านหรงเป็นชายารองของเขา และเป็นผู้มีพระคุณของเขา อีกอย่างเรื่องนี้แม้แต่เขาก็เชื่อผิดไป แล้วนับประสาอะไรกับนาง “เสด็จพ่อ หว่านหรงเลอะเลือนไปชั่วขณะ เชื่อคำพูดของนักพรตหลิงเซียว ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่รู้ความจริงจึงได้ช่วยเขาพูดไปสองสามประโยค แต่มิได้ทำร้ายกุ้ยเฟย ขอเสด็จพ่อโปรดทรงอภัย วันหลังนางจะต้องควบคุมคำพูดและการกระทำของตนแน่พ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้หย่งอันขมวดคิ้ว กวาดตามองเขาอย่างไม่พอใจทีหนึ่ง แต่ถึงที่สุดแล้วนางก็ไม่ได้มีส่วนร่วมในเรื่องนี้จริงๆ สุดท้ายจึงยอมปล่อยไปว่า “ช่างเถอะ ครั้งนี้จะอภัยให้เจ้า วันหลังเจ้าจงระวังวาจาและการกระทำให้จงดี” มู่หว่านหรงราวได้รับการอภัยโทษครั้งใหญ่ “เพคะ เพคะ!”ฮ่องเต้หย่งอันมองโจวอี๋เจี่ยนที่อยู่บนพื้นอย่างเย็นชา มู่หว่านหรงสามารถอภัยได้ แต่โจวอี๋เจี่ยนกล่าววาจาโคมลอยแต่งเรื่องหลอกลวงครั้งใหญ่ มีความผิดไม่อาจให้อภัย!เขากล่าวด้วยสีหน้าน่ายำเกรงว่า “แม้แต่ทายาทราชวงศ์มีกี่คน เจ้าก
“เสด็จพ่อ” เซียวเฉินเหยี่ยนพลันตัดบทนาง “ก่อนหน้านี้พระชายาเคยกล่าวกับกระหม่อมว่า ฮูหยินผู้เฒ่าเสิ่นยังไม่เคยได้รับการแต่งตั้งบรรดาศักดิ์ ครั้งนี้พระชายาสร้างผลงานที่ยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้ มิสู้แต่งตั้งฮูหยินผู้เฒ่าเฉิน ท่านย่าของนางให้เป็นฮูหยินบรรดาศักดิ์เถิดพ่ะย่ะค่ะ” เสิ่นหรูโจวขมวดคิ้ว มองเซียวเฉินเหยี่ยนอย่างเย็นชายามนี้เขาเสนอให้แต่งตั้งยศฮูหยินบรรดาศักดิ์ให้ท่านย่า หากนางคัดค้าน มิเท่ากับว่าไม่กตัญญูหรือ? ช่างชั่วร้ายเหลือเกิน ตั้งใจจะไม่ยอมให้นางหย่าด้วยดี!แต่ทว่า นางก็อยากให้ตระกูลมีหน้ามีตาเช่นกัน ตระกูลเสิ่นจงรักภักดีมาทุกรุ่น หลั่งเลือดในสนามรบ ท่านย่าสละสามีของตน บุตรชายของตน แม้แต่หลานชายก็คอยปกปักรักษาประเทศ สุดท้ายกลับเป็นเพียงคนที่ไร้ชื่อเสียง มีจุดจบที่เลวร้ายชาตินี้ นางจะต้องนำเกียรติยศมาให้ท่านย่า ท่านพ่อและพี่ชายแน่ เพียงแต่ ตอนนี้นางอยากหย่าขาดโดยสมัครใจกันทั้งสองฝ่ายมากกว่า…ฮ่องเต้หย่งอันคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นพยักหน้าว่า จวนแม่ทัพเลี้ยงดูเด็กสาวที่กตัญญูและรู้ความเช่นเจ้าออกมา ถึอได้ว่าอบรมสั่งสอนได้ดีจริงๆ ได้ ข้าก็จะแต่งตั้งท่านย่าของเจ้าเป็นฮูหยินบรร
เสิ่นหรูโจวอมยิ้มกล่าวว่า “กุ้ยเฟยทรงกล่าวหนักไปแล้ว หรูโจวรับไว้ด้วยความละอาย” “มีที่ใดต้องละอายกัน” กุ้ยเฟยค้อนนางทีหนึ่ง ในก้นบึ้งของดวงตากลับเต็มไปด้วยความพึงพอใจ “ข้าไม่ชอบอ้อมค้อมไปมา เจ้ามีบุญคุณกับข้า ข้าไม่เพียงจะขอบคุณเจ้า แต่ยังจะให้รางวัลแก่เจ้าด้วย” กุ้ยเฟยเรียกหลี่หมัวมัวมา จากนั้นมอบเงินร้อยตำลึง ผ้าไหมชาววัง และผ้าไหมสำหรับชุดฤดูใบไม้ผลิอย่างละสิบพับให้เสิ่นหรูโจวในทันทีเสิ่นหรูโจวขอบพระทัยเวลานี้กุ้ยเฟยก็นึกถึงโจวอี๋เจี่ยนขึ้นมาอีก จึงกล่าวอย่างไม่พอใจว่า “ฝ่าบาท นักพรตหลิงเซียวผู้นั้นเล่าเพคะ? เขาเอาแต่พูดว่าวันนี้หม่อมฉันคลอดไม่ได้ คลอดไม่ได้ ที่แท้ก็หลอกลวงคน เกือบจะทำร้ายหม่อมฉันแล้ว พระองค์จะต้องลงโทษเขาอย่างแรงเลยนะเพคะ”สีหน้าของฮ่องเต้หย่งอันเคร่งขรึมขึ้นเล็กน้อย ตบมือนางเบาๆ “วางใจเถอะ ข้าได้ให้คนเอาเขาไปขังในเรือนจำแล้ว” “อย่างนั้นก็ดีเพคะ นี่ถ้าไม่ใช่มีท่านผู้สำเร็จราชการกับพระชายาของอ๋องอู่เฉิงอยู่ หม่อมฉันคงจะถูกเขาหลอกไปแล้วจริงๆ” กุ้ยเฟยพยักหน้า กวาดตามองไปทางเป่ยซิวเยี่ยนเบาๆ “ท่านผู้สำเร็จราชการ ยังต้องขอบคุณท่านที่แนะนำหมอที่ดีเช่นนี้ให้ข
เซียวเฉินเหยี่ยนนวดหัวคิ้ว ถอนใจเบาๆ แล้วกล่าวว่า “ข้ายังมีเรื่องบางอย่างที่ต้องจัดการ จะกลับไปช้าหน่อย” “เจ้าค่ะ” รับรู้ได้ถึงการตอบส่งๆ ของเขา ในใจของมู่หว่านหรงก็รู้สึกน้อยใจขึ้นมา นางไม่ถามต่ออีก หลังจากยอบกายคารวะก็จากไปอย่างหม่นหมองในตำหนักของกุ้ยเฟย เสิ่นหรูโจวกำลังเน้นย้ำวิธีการดูแลรักษาร่างกายต่อกุ้ยเฟย“กุ้ยเฟยเหนียงเหนียง ในหนึ่งเดือนนี้ต้องทรงพักผ่อนร่างกายให้ดี แต่ก็ไม่อาจเอาแต่นอนไม่ขยับ สามารถทำการเคลื่อนไหวประเภทพลิกตัวไปมาได้ เช่นนี้จึงจะช่วยในการขับน้ำคาวปลาออกมา ไม่ให้คั่งค้างอยู่ภายใน และยังเป็นประโยชน์ต่อการสมานแผลอีกด้วยเพคะ” “หลายวันนี้ก็กินอาหารเหลวไปก่อน หลีกเลี่ยงการกินนม ถั่วเหลือง หรืออาหารพวกมันเทศที่ทำให้เกิดลมมาก เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดลมมากในท้องจนทำให้เกิดอาการท้องอืด” กุ้ยเฟยรับคำทั้งหมดหลี่หมัวมัวยกน้ำชามาให้เสิ่นหรูโจว กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “พระชายายุ่งมาครึ่งวัน แม้แต่เวลาดื่มน้ำสักคำก็ยังไม่มี คิดว่าคงจะเหนื่อยแย่แล้ว รีบดื่มชาสักหน่อยแล้วพักผ่อนสักครู่เถิดเจ้าค่ะ” เสิ่นหรูโจวรับมา กล่าวขอบคุณคำหนึ่งกุ้ยเฟยพิงอยู่ที่พนักเตียง เนตรหงส
“เจ้าไม่รู้หรอกว่า ตั้งแต่ท้องข้าบวมโตขึ้นมา ข้าก็นอนไม่หลับอยู่ตลอด แม้แต่หายใจก็ไม่สะดวก ตอนนี้เด็กคลอดออกมาอย่างปลอดภัยแล้ว ตัวข้าก็ปลอดภัยเช่นกัน และยังสามารถนอนหลับสนิทได้อีกครั้ง นี่ก็พอใจมากแล้ว” พูดจบ นางก็นวดขมับ “ข้ารู้สึกง่วงขึ้นมาแล้ว ก็ไม่รั้งเจ้าไว้แล้วล่ะ” เสิ่นหรูโจวยิ้มแล้วลุกขึ้น “เช่นนั้นทรงพักผ่อนดีๆ วันหน้าหรูโจวค่อยมาเยี่ยมพระองค์” กุ้ยเฟยพยักหน้า หลี่หมัวมัวส่งเสิ่นหรูโจวออกไป จากนั้นก็กล่าวคำขอบคุณอีกไม่น้อยเสิ่นหรูโจวออกจากประตูวัง หมุนต้นคอที่รู้สึกปวดอยู่บ้าง ทันใดนั้น แขนก็รู้สึกหนักขึ้นมานางหันศีรษะกลับไปมอง ใบหน้าหล่อเหลาดวงนั้นของเซียวเฉินเหยี่ยนอยู่ใกล้อย่างมาก ไม่รอให้นางตอบสนอง เซียวเฉินเหยี่ยนก็ดึงตัวนางขึ้นรถม้า“ท่านทำอะไร” เสิ่นหรูโจวถูกใช้กำลังดันร่างเข้าไปในรถม้า มองเซียวเฉินเหยี่ยนด้วยแววตาระแวดระวังเซียวเฉินเหยี่ยนส่งเสียงไปยังนอกรถม้าครั้งหนึ่ง “กลับจวนอ๋อง” คนขับรถม้ารับคำ “ขอรับ ท่านอ๋อง” อย่างรวดเร็ว รถม้าก็เคลื่อนจากวังหลวงไปเซียวเฉินเหยี่ยนมองไปที่เสิ่นหรูโจว ดวงตาเรียวยาวทั้งคู่มองสตรีที่อยู่เบื้องหน้านิ่งๆ อยู่เช่นนั้
“วันนี้เขาปกป้องเจ้าไปเสียทุกเรื่อง พวกเจ้าคนหนึ่งร้องคนหนึ่งรับ ช่างเข้ากันได้ดีเหลือเกิน หากบอกว่าพวกเจ้าไม่มีความสัมพันธ์กัน แม้แต่ข้าก็ไม่เชื่อ! เจ้ากับเขา ไปสานสัมพันธ์กันตั้งแต่เมื่อใด!”เขายิ่งพูด ดวงหน้าอันหล่อเหลาก็ยิ่งมืดมน ความอิจฉาริษยาและโกรธแค้นในใจดุจก้อนหิมะที่ยิ่งกลิ้งยิ่งมีขนาดใหญ่ เมื่อครู่ตอนอยู่ในตำหนัก เห็นนางกับเป่ยซิวเยี่ยนส่งสายตากันไปมา เขาก็เกือบจะควบคุมอารมณ์ของตนไว้ไม่ได้สรุปว่านางรู้ตัวหรือไม่ ว่านางเป็นพระชายาของเขา!เสิ่นหรูโจวมองสีหน้าที่แสดงความโกรธอยู่เลือนรางของเขา ก็รู้สึกประหลาดใจชาติก่อนเซียวเฉินเหยี่ยนทอดทิ้งนางเหมือนโยนรองเท้าขาด ไม่ว่านางจะทำสิ่งใด เขาล้วนไม่เห็นค่า ไม่สนใจนางแม้แต่น้อยเขาสามารถกักบริเวณนางไว้ในตำหนัก ไม่ถามไม่ไถ่เป็นเวลาหลายวัน เอาแต่เล่นพิณหยอกล้อกับมู่หว่านชิงสุดที่รักของเขา อย่าว่าแต่นางติดต่อกับใครเลย ต่อให้นางตายเกรงว่าใจของเขาก็คงไม่รู้สึกเจ็บสักครั้งยามนี้นางไม่สนใจไยดีเขา เขากลับมาวุ่นวายพัวพันไม่หยุด“ข้อแรก ข้ากับผู้สำเร็จราชการต่างบริสุทธิ์ใจ ไม่มีความสัมพันธ์เกินเลยต่อกัน อย่างได้เอาความคิดสกปรกของท่านมา