“ยังจะรักษาอะไรอีก!” ฮ่องเต้หย่งอันตะคอกใส่หน้าอย่างตำหนิ “พระชายาที่แสนดีของเจ้าทำร้ายกุ้ยเฟยจนมีสภาพเช่นใดแล้ว เจ้ายังกล้าขอร้องแทนนางอีก!”เซียวเฉินเหยี่ยนก้มศีรษะลง กล่าวด้วยเสียงหนักแน่นว่า “ยังไม่ถึงนาทีสุดท้าย บางทีอาจมีการพลิกผัน เสด็จพ่อโปรดทรงรอก่อนเถิดพ่ะย่ะค่ะ” เดิมฮ่องเต้หย่งอันก็ไม่ชอบเขาอยู่แล้ว ครั้งนี้ก็ย่อมไม่ฟังคำพูดของเขา ฝ่ามือใหญ่โบกสะบัด ให้องครักษ์เข้าไปจับคนในเวลานี้เอง เสียงเยียบเย็นที่ผสานด้วยแรงกดดันก็ดังขึ้นมา “ฝ่าบาท โปรดทรงรอสักครู่เถอะพ่ะย่ะค่ะ” เป่ยซิวเยี่ยนเดินไปที่เบื้องหน้าของฮ่องเต้หย่งอัน กล่าวแนะนำว่า “ฝ่าบาท ใช้คนย่อมไม่ควรระแวง ผู้ที่ระแวงย่อมไม่ใช้ พระชายาของอ๋องอู่เฉิงมิใช่คนธรรมดาอย่างแน่นอน ฝ่าบาทก็ทรงประทานเวลาให้นางอีกสักหน่อย ทรงอดทนรอเถิดพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้หย่งอันแค่นเสียงอย่างไม่พอใจครั้งหนึ่ง ในน้ำเสียงแสดงความโมโหออกมา “ไม่ควรให้นางลองแต่แรก กล่าวอย่างมั่นอกมั่นใจ แต่กลับทำจนเป็นเช่นนี้! ยังรออะไรอยู่อีก ลากนางออกมาตีให้ตายเดี๋ยวนี้ดีที่สุด!”น้ำเสียงของเป่ยซิวเยี่ยนเรียบเฉย “ยามนี้ การโบยพระชายาของอ๋องอู่เฉิงจนตายมีแต่จะทำให้
“เหนียงเหนียงทรงปลอดภัยไร้อันตราย ยามนี้พระอาการคงที่แล้วเพคะ” หลี่หมัวมัวตอบพร้อมรอยยิ้ม “พระชายาทรงกล่าวว่า อีกครู่กุ้ยเฟยก็จะทรงฟื้นขึ้นมาแล้วเพคะ” เมื่อฮ่องเต้หย่งอันได้ยินเช่นนั้น ก็มองไปที่เสิ่นหรูโจว “ตอนนี้ ของเหลวที่คั่งค้างอยู่ในท้องของกุ้ยเฟยถูกกำจัดไปแล้ว อาการเลือดออกหลังการคลอดก็คงที่แล้ว ยามนี้เพียงแค่ร่างกายอ่อนแออยู่บ้างเท่านั้น อีกครู่ก็จะทรงฟื้นขึ้นมาเพคะ” “องค์ชายน้อยคลอดก่อนกำหนด ร่างกายจึงอ่อนแออยู่บ้าง แต่ขอเพียงบำรุงให้ดีก็จะสามารถแข็งแรงขึ้นมาได้อย่างแน่นอนเพคะ” บนใบหน้าของนางมีรอยยิ้ม มองไปยังฮ่องเต้หย่งอันด้วยดวงตากระจ่างใส “ลูกพูดได้ทำได้ ปลอดภัยทั้งมารดาและบุตรเพคะ” ฮ่องเต้หย่งอันมีรอยยิ้มเต็มใบหน้า “ดี! ชายาของอ๋องอู่เฉิง มีทักษะการแพทย์เลิศล้ำจริงๆ!”เป่ยซิวเยี่ยนมองคิ้วตาที่ประณีตงดงามของหญิงสาว ริมฝีปากโค้งขึ้นอย่างเบาบางจิตใจที่เป็นกังวลของเซียวเฉินเหยี่ยนก็วางลงได้ในที่สุดเช่นกัน ความมืดหม่นในดวงตาสลายไปไม่น้อยมุ่หว่านหรงมองไปทางโจวอี๋เจี่ยนด้วยสีหน้าแข็งเกร็ง เมื่อเห็นโจวอี๋เจี่ยนส่ายหน้า นางก็กัดฟันอย่างแรง สีหน้าไม่น่ามองอย่างยิ่งรอย
โจวอี๋เจี่ยนเหลือบมองมู่หว่านหรงครั้งหนึ่ง แอบแค้นที่นางเพื่อเอาตัวรอด ได้กันตัวเองออกไปแล้ว ไม่สนใจความเป็นตายของเขาเลย!คิ้วของเซียวเฉินเหยี่ยนก็ขมวดแน่นเช่นกัน มู่หว่านหรงเป็นชายารองของเขา และเป็นผู้มีพระคุณของเขา อีกอย่างเรื่องนี้แม้แต่เขาก็เชื่อผิดไป แล้วนับประสาอะไรกับนาง “เสด็จพ่อ หว่านหรงเลอะเลือนไปชั่วขณะ เชื่อคำพูดของนักพรตหลิงเซียว ภายใต้สถานการณ์ที่ไม่รู้ความจริงจึงได้ช่วยเขาพูดไปสองสามประโยค แต่มิได้ทำร้ายกุ้ยเฟย ขอเสด็จพ่อโปรดทรงอภัย วันหลังนางจะต้องควบคุมคำพูดและการกระทำของตนแน่พ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้หย่งอันขมวดคิ้ว กวาดตามองเขาอย่างไม่พอใจทีหนึ่ง แต่ถึงที่สุดแล้วนางก็ไม่ได้มีส่วนร่วมในเรื่องนี้จริงๆ สุดท้ายจึงยอมปล่อยไปว่า “ช่างเถอะ ครั้งนี้จะอภัยให้เจ้า วันหลังเจ้าจงระวังวาจาและการกระทำให้จงดี” มู่หว่านหรงราวได้รับการอภัยโทษครั้งใหญ่ “เพคะ เพคะ!”ฮ่องเต้หย่งอันมองโจวอี๋เจี่ยนที่อยู่บนพื้นอย่างเย็นชา มู่หว่านหรงสามารถอภัยได้ แต่โจวอี๋เจี่ยนกล่าววาจาโคมลอยแต่งเรื่องหลอกลวงครั้งใหญ่ มีความผิดไม่อาจให้อภัย!เขากล่าวด้วยสีหน้าน่ายำเกรงว่า “แม้แต่ทายาทราชวงศ์มีกี่คน เจ้าก
“เสด็จพ่อ” เซียวเฉินเหยี่ยนพลันตัดบทนาง “ก่อนหน้านี้พระชายาเคยกล่าวกับกระหม่อมว่า ฮูหยินผู้เฒ่าเสิ่นยังไม่เคยได้รับการแต่งตั้งบรรดาศักดิ์ ครั้งนี้พระชายาสร้างผลงานที่ยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้ มิสู้แต่งตั้งฮูหยินผู้เฒ่าเฉิน ท่านย่าของนางให้เป็นฮูหยินบรรดาศักดิ์เถิดพ่ะย่ะค่ะ” เสิ่นหรูโจวขมวดคิ้ว มองเซียวเฉินเหยี่ยนอย่างเย็นชายามนี้เขาเสนอให้แต่งตั้งยศฮูหยินบรรดาศักดิ์ให้ท่านย่า หากนางคัดค้าน มิเท่ากับว่าไม่กตัญญูหรือ? ช่างชั่วร้ายเหลือเกิน ตั้งใจจะไม่ยอมให้นางหย่าด้วยดี!แต่ทว่า นางก็อยากให้ตระกูลมีหน้ามีตาเช่นกัน ตระกูลเสิ่นจงรักภักดีมาทุกรุ่น หลั่งเลือดในสนามรบ ท่านย่าสละสามีของตน บุตรชายของตน แม้แต่หลานชายก็คอยปกปักรักษาประเทศ สุดท้ายกลับเป็นเพียงคนที่ไร้ชื่อเสียง มีจุดจบที่เลวร้ายชาตินี้ นางจะต้องนำเกียรติยศมาให้ท่านย่า ท่านพ่อและพี่ชายแน่ เพียงแต่ ตอนนี้นางอยากหย่าขาดโดยสมัครใจกันทั้งสองฝ่ายมากกว่า…ฮ่องเต้หย่งอันคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นพยักหน้าว่า จวนแม่ทัพเลี้ยงดูเด็กสาวที่กตัญญูและรู้ความเช่นเจ้าออกมา ถึอได้ว่าอบรมสั่งสอนได้ดีจริงๆ ได้ ข้าก็จะแต่งตั้งท่านย่าของเจ้าเป็นฮูหยินบรร
เสิ่นหรูโจวอมยิ้มกล่าวว่า “กุ้ยเฟยทรงกล่าวหนักไปแล้ว หรูโจวรับไว้ด้วยความละอาย” “มีที่ใดต้องละอายกัน” กุ้ยเฟยค้อนนางทีหนึ่ง ในก้นบึ้งของดวงตากลับเต็มไปด้วยความพึงพอใจ “ข้าไม่ชอบอ้อมค้อมไปมา เจ้ามีบุญคุณกับข้า ข้าไม่เพียงจะขอบคุณเจ้า แต่ยังจะให้รางวัลแก่เจ้าด้วย” กุ้ยเฟยเรียกหลี่หมัวมัวมา จากนั้นมอบเงินร้อยตำลึง ผ้าไหมชาววัง และผ้าไหมสำหรับชุดฤดูใบไม้ผลิอย่างละสิบพับให้เสิ่นหรูโจวในทันทีเสิ่นหรูโจวขอบพระทัยเวลานี้กุ้ยเฟยก็นึกถึงโจวอี๋เจี่ยนขึ้นมาอีก จึงกล่าวอย่างไม่พอใจว่า “ฝ่าบาท นักพรตหลิงเซียวผู้นั้นเล่าเพคะ? เขาเอาแต่พูดว่าวันนี้หม่อมฉันคลอดไม่ได้ คลอดไม่ได้ ที่แท้ก็หลอกลวงคน เกือบจะทำร้ายหม่อมฉันแล้ว พระองค์จะต้องลงโทษเขาอย่างแรงเลยนะเพคะ”สีหน้าของฮ่องเต้หย่งอันเคร่งขรึมขึ้นเล็กน้อย ตบมือนางเบาๆ “วางใจเถอะ ข้าได้ให้คนเอาเขาไปขังในเรือนจำแล้ว” “อย่างนั้นก็ดีเพคะ นี่ถ้าไม่ใช่มีท่านผู้สำเร็จราชการกับพระชายาของอ๋องอู่เฉิงอยู่ หม่อมฉันคงจะถูกเขาหลอกไปแล้วจริงๆ” กุ้ยเฟยพยักหน้า กวาดตามองไปทางเป่ยซิวเยี่ยนเบาๆ “ท่านผู้สำเร็จราชการ ยังต้องขอบคุณท่านที่แนะนำหมอที่ดีเช่นนี้ให้ข
เซียวเฉินเหยี่ยนนวดหัวคิ้ว ถอนใจเบาๆ แล้วกล่าวว่า “ข้ายังมีเรื่องบางอย่างที่ต้องจัดการ จะกลับไปช้าหน่อย” “เจ้าค่ะ” รับรู้ได้ถึงการตอบส่งๆ ของเขา ในใจของมู่หว่านหรงก็รู้สึกน้อยใจขึ้นมา นางไม่ถามต่ออีก หลังจากยอบกายคารวะก็จากไปอย่างหม่นหมองในตำหนักของกุ้ยเฟย เสิ่นหรูโจวกำลังเน้นย้ำวิธีการดูแลรักษาร่างกายต่อกุ้ยเฟย“กุ้ยเฟยเหนียงเหนียง ในหนึ่งเดือนนี้ต้องทรงพักผ่อนร่างกายให้ดี แต่ก็ไม่อาจเอาแต่นอนไม่ขยับ สามารถทำการเคลื่อนไหวประเภทพลิกตัวไปมาได้ เช่นนี้จึงจะช่วยในการขับน้ำคาวปลาออกมา ไม่ให้คั่งค้างอยู่ภายใน และยังเป็นประโยชน์ต่อการสมานแผลอีกด้วยเพคะ” “หลายวันนี้ก็กินอาหารเหลวไปก่อน หลีกเลี่ยงการกินนม ถั่วเหลือง หรืออาหารพวกมันเทศที่ทำให้เกิดลมมาก เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดลมมากในท้องจนทำให้เกิดอาการท้องอืด” กุ้ยเฟยรับคำทั้งหมดหลี่หมัวมัวยกน้ำชามาให้เสิ่นหรูโจว กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “พระชายายุ่งมาครึ่งวัน แม้แต่เวลาดื่มน้ำสักคำก็ยังไม่มี คิดว่าคงจะเหนื่อยแย่แล้ว รีบดื่มชาสักหน่อยแล้วพักผ่อนสักครู่เถิดเจ้าค่ะ” เสิ่นหรูโจวรับมา กล่าวขอบคุณคำหนึ่งกุ้ยเฟยพิงอยู่ที่พนักเตียง เนตรหงส
“เจ้าไม่รู้หรอกว่า ตั้งแต่ท้องข้าบวมโตขึ้นมา ข้าก็นอนไม่หลับอยู่ตลอด แม้แต่หายใจก็ไม่สะดวก ตอนนี้เด็กคลอดออกมาอย่างปลอดภัยแล้ว ตัวข้าก็ปลอดภัยเช่นกัน และยังสามารถนอนหลับสนิทได้อีกครั้ง นี่ก็พอใจมากแล้ว” พูดจบ นางก็นวดขมับ “ข้ารู้สึกง่วงขึ้นมาแล้ว ก็ไม่รั้งเจ้าไว้แล้วล่ะ” เสิ่นหรูโจวยิ้มแล้วลุกขึ้น “เช่นนั้นทรงพักผ่อนดีๆ วันหน้าหรูโจวค่อยมาเยี่ยมพระองค์” กุ้ยเฟยพยักหน้า หลี่หมัวมัวส่งเสิ่นหรูโจวออกไป จากนั้นก็กล่าวคำขอบคุณอีกไม่น้อยเสิ่นหรูโจวออกจากประตูวัง หมุนต้นคอที่รู้สึกปวดอยู่บ้าง ทันใดนั้น แขนก็รู้สึกหนักขึ้นมานางหันศีรษะกลับไปมอง ใบหน้าหล่อเหลาดวงนั้นของเซียวเฉินเหยี่ยนอยู่ใกล้อย่างมาก ไม่รอให้นางตอบสนอง เซียวเฉินเหยี่ยนก็ดึงตัวนางขึ้นรถม้า“ท่านทำอะไร” เสิ่นหรูโจวถูกใช้กำลังดันร่างเข้าไปในรถม้า มองเซียวเฉินเหยี่ยนด้วยแววตาระแวดระวังเซียวเฉินเหยี่ยนส่งเสียงไปยังนอกรถม้าครั้งหนึ่ง “กลับจวนอ๋อง” คนขับรถม้ารับคำ “ขอรับ ท่านอ๋อง” อย่างรวดเร็ว รถม้าก็เคลื่อนจากวังหลวงไปเซียวเฉินเหยี่ยนมองไปที่เสิ่นหรูโจว ดวงตาเรียวยาวทั้งคู่มองสตรีที่อยู่เบื้องหน้านิ่งๆ อยู่เช่นนั้
“วันนี้เขาปกป้องเจ้าไปเสียทุกเรื่อง พวกเจ้าคนหนึ่งร้องคนหนึ่งรับ ช่างเข้ากันได้ดีเหลือเกิน หากบอกว่าพวกเจ้าไม่มีความสัมพันธ์กัน แม้แต่ข้าก็ไม่เชื่อ! เจ้ากับเขา ไปสานสัมพันธ์กันตั้งแต่เมื่อใด!”เขายิ่งพูด ดวงหน้าอันหล่อเหลาก็ยิ่งมืดมน ความอิจฉาริษยาและโกรธแค้นในใจดุจก้อนหิมะที่ยิ่งกลิ้งยิ่งมีขนาดใหญ่ เมื่อครู่ตอนอยู่ในตำหนัก เห็นนางกับเป่ยซิวเยี่ยนส่งสายตากันไปมา เขาก็เกือบจะควบคุมอารมณ์ของตนไว้ไม่ได้สรุปว่านางรู้ตัวหรือไม่ ว่านางเป็นพระชายาของเขา!เสิ่นหรูโจวมองสีหน้าที่แสดงความโกรธอยู่เลือนรางของเขา ก็รู้สึกประหลาดใจชาติก่อนเซียวเฉินเหยี่ยนทอดทิ้งนางเหมือนโยนรองเท้าขาด ไม่ว่านางจะทำสิ่งใด เขาล้วนไม่เห็นค่า ไม่สนใจนางแม้แต่น้อยเขาสามารถกักบริเวณนางไว้ในตำหนัก ไม่ถามไม่ไถ่เป็นเวลาหลายวัน เอาแต่เล่นพิณหยอกล้อกับมู่หว่านชิงสุดที่รักของเขา อย่าว่าแต่นางติดต่อกับใครเลย ต่อให้นางตายเกรงว่าใจของเขาก็คงไม่รู้สึกเจ็บสักครั้งยามนี้นางไม่สนใจไยดีเขา เขากลับมาวุ่นวายพัวพันไม่หยุด“ข้อแรก ข้ากับผู้สำเร็จราชการต่างบริสุทธิ์ใจ ไม่มีความสัมพันธ์เกินเลยต่อกัน อย่างได้เอาความคิดสกปรกของท่านมา
เสิ่นหรูโจวกล่าวอย่างเรียบเฉยว่า “เช่นนั้นก็ไม่ผิดแล้ว ในเวลานี้ ความสามารถในการทำงานของตับของพระองค์ได้รับความเสียหายอย่างมากแล้ว” เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เซียวจิ่นซีก็คล้ายจะเจ็บยิ่งกว่าเดิมแล้ว เจ็บจนยืดเอวไม่ขึ้นมองเซียวจิ่นซีที่มีสีหน้าเจ็บปวด เซียวเฉินเหยี่ยนก็ขมวดคิ้ว “เช่นนั้นมีวิธีการรักษาหรือไม่?”เสิ่นหรูโจวมิได้รีบกล่าว นางหยิบขวดยาเล็กๆ ขวดหนึ่งออกมาจากถุงผ้า เทยาลงบนในกลางฝ่ามือเม็ดหนึ่งยื่นไปที่เบื้องหน้าเซียวจิ่นซี “ทรงเสวยสิ่งนี้ลงไปก่อน” เซียวจิ่นซีฝืนยืดเอวขึ้น มองเสิ่นหรูโจวด้วยสีหน้าหวาดระแวง “นี่คือสิ่งใด?”“สายพระเนตรขององค์หญิงทรงไม่ดีหรือเพคะ นี่คือยาอย่างไรเล่าเพคะ”เซียวจิ่นซีไม่เชื่อว่าเสิ่นหรูโจวจะปรารถนาดีเช่นนี้ ลังเลอยู่นานไม่ยอมรับไปเสิ่นหรูโจวจึงชักมือกลับมา กล่าวอย่างไม่อนาทรร้อนใจว่า “ไม่เสวยก็ช่างเถอะ ปล่อยให้ทรงปวดตายก็แล้วกัน” เซียวจิ่นซีกัดฟัน คว้าแย่งมาจากนั้นยัดเข้าปากไปเสิ่นหรูโจวโค้งริมฝีปาก หัวเราะอย่างเย้ยหยันทีหนึ่ง จากนั้นจึงพูดวิธีการรักษาออกมา “ตับของพระองค์ยามนี้เสียหายแล้ว หากทรงต้องการมีชีวิตรอด ก็จะต้องตัดตับของพระองค์ออก
เซียวจิ่นซีคิดจะบันดาลโทสะอีกครั้ง ทว่าเซียวเฉินเหยี่ยนขมวดคิ้วมองนาง เขากล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “เสด็จพี่ แทนที่จะทรงตรัสสิ่งใดด้วยโทสะเพื่อความสะใจเพียงชั่วครู่ มิสู้ทรงให้เสิ่นหรูโจวตรวจอาการให้พระองค์อย่างว่าง่ายดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ การรักษาพระวรกายให้หายดีสำคัญที่สุดนะพ่ะย่ะค่ะ"เต๋อเฟยก็เกลี้ยกล่อมเช่นกัน “นั่นสิ จิ่นซี อย่าได้เสียเวลาอีกเลย รีบให้หรูโจวตรวจให้เจ้าเถอะ” สุดท้ายแล้ว เซียวจิ่นซีก็ต้องการรักษาชีวิตตน ไม่ว่าจะเคียดแค้นเสิ่นหรูโจวอย่างไร ยามนี้ก็มิใช่เวลาที่จะมาก่อเรื่อง นางจึงแค่นเสียงเย็นครั้งหนึ่ง แล้วก็ไม่กล่าวสิ่งใดอีกเซียวเฉินเหยี่ยนมองไปยังเสิ่นหรูโจว พูดเสียงเบาว่า “นี่เป็นพระบัญชาของเสด็จพ่อ เจ้าก็อย่าได้เอาแต่ใจ” เดิมเสิ่นหรูโจวก็ไม่คิดจะจากไปจริงๆ เพียงแค่ขู่เซียวจิ่นซีไปอย่างนั้น บัญชาของฮ่องเต้ไม่อาจฝืน นอกจากนี้ นางก็จำเป็นจะต้องสร้างโอกาสให้ตนได้หย่าเช่นกันนางเดินกลับไปอย่างเรื่อยเฉื่อย นั่งลงข้างกายเซียวจิ่นซี “รบกวนองค์หญิงทรงยื่นพระหัตถ์ออกมาด้วยเพคะ” สีหน้าของเซียวจิ่นซีไม่น่ามอง ทว่ายังคงทำตามครั้งก่อนที่เสิ่นหรูโจวตรวจอาการให้เซียวจิ
เมื่อเสิ่นหรูโจวได้ยินคำพูดประโยคสุดท้าย สีหน้าก็ผ่อนคลายลงไม่น้อยดูไปแล้ว จนถึงตอนนี้ยังคงถือได้ว่าราบรื่น ด่านเคราะห์ของท่านพ่ออยู่ที่การศึกครั้งสุดท้าย ไม่รู้ว่าเวลานี้ยาของนางส่งไปถึงหรือยัง หากดูตามเวลาก็น่าจะทันการอยู่ขอเพียงท่านพ่อใช้ยาของนาง ก็จะไม่ทิ้งโรคเรื้อรังไว้ในภายหลังแล้วนับแต่ได้ถือกำเนิดใหม่กลับมา นางยังมิได้พบท่านพ่อเลย นางจะต้องทำให้ท่านพ่อกลับมาอย่างปลอดภัยให้ได้เซียวเฉินเหยี่ยนเห็นว่าเมื่อนางได้ฟังข่าวของบิดาและพี่ชาย อารมณ์ก็คล้ายจะสงบลงไม่น้อย จึงลองกล่าวว่า “ในอนาคต เจ้ายังคงแก้นิสัยของเจ้าหน่อยเถิด” เสิ่นหรูโจวเงยหน้ามองเขา “นิสัยของข้าเป็นอย่างไร?”“ทุกครั้งที่เจ้าพบกับองค์หญิงเจาหยาง ล้วนมีเรื่องกันจนตึงเครียด” เซียวเฉินเหยี่ยนพยายามพูดอย่างละมุนละม่อม หวังว่านางจะรับฟัง “ถึงอย่างไรนางก็เป็นเสด็จพี่หญิงของข้า เมื่ออยู่ต่อหน้านาง เจ้าก็แสดงท่าทีที่ดีสักหน่อย อย่าใช้อารมณ์ไปเสียทุกเรื่อง” เสิ่นหรูโจวหัวเราะอย่างเยาะหยันทีหนึ่ง กล่าวอย่างดูแคลนว่า “ท่านอย่าได้มาบงการข้า” บนใบหน้าของเซียวเฉินเหยี่ยนมีความไม่พอใจวาบผ่าน "หากเจ้ามีสิ่งใดไม่พอใจ อยาก
เริ่มจากชายแดนส่งข่าวด่วนมา บิดาและพี่ชายของเสิ่นหรูโจวจึงนำทัพไปช่วยที่ชายแดน ภาพเหตุการณ์เปลี่ยนไป กลายเป็นฉากที่รายงานการรบถูกส่งมา ท่านแม่ทัพเสิ่นถูกธนูของศัตรูยิงทะลุมือ เนื่องจากขาดแคลนยาและสิ่งของทำให้ไม่มียารักษา ทว่าก็ยังคงรบชนะต่อมา หลังจากแม่ทัพใหญ่เสิ่นกลับมาถึงเมืองหลวงพร้อมชัยชนะ ก็ล้มป่วยจนต้องนอนอยู่บนเตียงตลอด ส่วนที่จวนอ๋อง เสิ่นหรูโจวกับมู่หว่านหรงทะเลาะกันครั้ง เขาจึงลงโทษกักบริเวณให้นางสำนึกตน นางบังเอิญเป็นหวัดพอดี จึงนอนซมลุกไม่ขึ้น ทำให้ไม่รู้เรื่องที่ท่านแม่ทัพใหญ่เสิ่นได้รับบาดเจ็บผ่านไปไม่กี่วันเมื่อนางรู้ข่าว ก็มาขอร้องต่อหน้าเขา ต้องการให้เขาไปส่งของบำรุงจำนวนหนึ่งไปให้บิดา เขามองใบหน้าที่อ่อนแรงและซีดขาวของนาง ไม่มีความสงสารแม้แต่น้อย มองดูนางอย่างเย็นชาท้ายที่สุดเขายังคงให้คนไปส่งของ ทว่าเด็กรับใช้ส่งไปในนามของเขา รอจนพวกเขารู้เรื่อง เรื่องราวก็ผ่านไปนานแล้ว ความสัมพันธ์ของเสิ่นหรูโจวและตระกูลเสิ่นก็มาถึงจุดเยือกแข็งแล้วเช่นกัน นั่นเป็นครั้งแรกที่นางปวดใจอย่างที่สุด และก็เป็นครั้งแรกที่นางใส่อารมณ์กับเขา ดั่งเช่นในยามนี้เซียวเฉิยเหยี่ยนยันรถม้าไว้
สีหน้าของเซียวเฉินเหยี่ยนไม่น่ามองอยู่บ้าง “หรือเจ้าจะให้ข้ายืนรอเจ้าอยู่ด้านนอก?”“ท่านจะนั่งยองลงก็ได้เช่นกัน” ใบหน้าของเสิ่นหรูโจวไม่มีความรู้สึกแม้แต่น้อย “ข้าขอบอกท่านไว้เลย เวลานี้ไม่ว่าข้าจะมองท่านที่ใดก็ขัดตาไปหมด หากท่านไม่ต้องการสร้างความอับอายให้ตนเอง ก็อย่าได้มายั่วโมโหข้า!”กล่าวจบ นางก็หมุนตัวเดินเข้าประตูไป จากนั้นปิดประตูลงดัง ‘ปัง’เซียวเฉินเหยี่ยนยืนอยู่ที่เดิม เขากำหมัดแน่นมองประตูใหญ่ที่ถูกปิดสนิท เขารู้สึกโมโหเป็นอย่างมาก ทว่าในใจก็เกิดความรู้สึกถึงความแตกต่างขึ้นมาเช่นกันในอดีต ทั้งดวงตาและหัวใจของเสิ่นหรูโจวล้วนมีแต่เขา ไม่มีทางกีดกันเขาไว้ภายนอกอย่างเด็ดขาด ทว่า ในยามนี้ เขาไม่มีสิทธิ์แม้กระทั่งจะเหยียบเข้าประตูเรือนของนางแล้วอย่างนั้นหรือ?ทว่า ความรู้สึกของคนเปลี่ยนแปลงได้ง่ายถึงเพียงนั้นเชียวหรือ เหตุใดเขาจึงโชคไม่ดีเช่นนี้ แต่งงานได้เพียงช่วงสั้นๆ สิบกว่าวัน นางก็ไม่หลงเหลือความรักให้เขาแล้วหลังเสิ่นหรูโจวปิดประตูลง ก็เข้าสู่ห้องของตนเมี่ยวตงเดินมาหาพร้อมรอยยิ้ม “คุณหนูกลับมาแล้วหรือเจ้าคะ ท่านอยากทานสิ่งใด บ่าวจะไปเตรียมให้เจ้าค่ะ” “ไม่ต้องแล้
ชาติก่อนมู่หว่านหรงอาศัยว่าได้รับความโปรดปราน มักแย่งของนางอย่างเปิดเผย ของพระราชทานที่ในวังประทานให้ชายาเอกทุกงานเทศกาลนางก็จะแย่ง ไปช่วยเหลือราษฎรจนสร้างผลงาน นางก็จะแย่งอีก เซียวเฉินเหยี่ยนไม่เคยสนใจแม้แต่น้อย เวลานี้ยิ่งดี แม้แต่ตัวเขาเองก็จะมาแย่งรางวัลของนางด้วย!เซียวเฉินเหยี่ยนถูกคำพูดของเสิ่นหรูโจวซัดไปเป็นชุด ทำให้ภายในใจรู้สึกไม่สบอารมณ์อยู่บ้างเขาจับข้อมือเสิ่นหรูโจวแน่นไม่ยอมปล่อย ความโมโหในก้นบึ้งของดวงตาปรากฏขึ้นแล้วหายไปอย่างรวดเร็ว แปรเปลี่ยนเป็นความมืดมิด จับจ้องไปที่เสิ่นหรูโจวแล้วกล่าวว่า “หากข้าไม่ชิงลงมือก่อนเจ้าก้าวหนึ่ง เจ้าก็คงจะไปขอให้เสด็จพ่อประทานการหย่าให้แล้ว” “ไม่ผิด!” เสิ่นหรูโจวตอบอย่างไม่ลังเลนี่เป็นเรื่องที่นางเฝ้าปรารถนา รอคอยมาสองชาติ!“เจ้า…" เซียวเฉินเหยี่ยนพูดไม่ออกไปชั่วขณะ รู้สึกว่าอารมณ์ความรู้สึกอันซับซ้อนนับหมื่นอัดอั้นอยู่ในอก อึดอัดจนหายใจไม่ออก”โดยพื้นฐานแล้ว เขาดูแคลนต่อการแย่งผลงานสตรี ที่ทำเช่นนี้ ประการแรก เป็นเพราะจดหมายฉบับนั้นของมู่หว่านชิง ประการที่สอง…เขาคิดได้ว่า เสิ่นหรูโจวจะใช้คำสัญญานี้มาหย่ากับเขา เขารู้สึกไม่อยากห
ฉินหมิงตะลึงไป ถามอย่างไม่แน่ใจว่า “ท่านอ๋องไม่เป็นอะไร? คำพูดนี้ของนายน้อยหมายความว่าอย่างไร?”ลู่หวายหนิงดึงฉินหมิงเข้ามาใกล้ขึ้นอีกนิด พยายามระงับความตื่นเต้น ลดเสียงเบาลงแล้วกล่าวว่า “ความหมายก็คือบนร่างของอาจารย์ไม่มีผื่นขึ้น อาจารย์อาการภูมิแพ้ไม่กำเริบตอนอยู่กับพี่สาวน่ะสิ” ดวงตาทั้งคู่ของฉินหมิงเบิกกว้าง พูดอย่างตกใจว่า “จริงหรือขอรับ?”ลู่หวายหนิงหัวเราะออกมา “จริงแท้แน่นอน ข้าทำการยืนยันแล้ว” ฉินหมิงรู้สึกไม่อยากเชื่อ “หลายปีมานี้ ไม่ว่าสตรีนางใดสัมผัสท่านอ๋อง ก็ล้วนทำให้ท่านอ๋องเกินอาการแพ้ มีเพียงหญิงที่นายท่านพบในปีที่แล้วนางนั้นที่ไม่เป็นไร” “พูดไปแล้ว ตามหาสตรีนางนั้นไม่เจอเสียที ช่างน่าเสียดายนัก คิดไม่ถึงว่าพระชายาของอ๋องอู่เฉิงก็ไม่ทำให้นายท่านเกิดอาการแพ้เช่นกัน ช่างเป็นเรื่องดีจริงๆ ราวสวรรค์ได้สรรค์สร้างมา” “นั่นสิ!” ลู่หวายหนิงเห็นด้วยอย่างมาก “อาจารย์หาผู้หญิงคนนั้นไม่เจอสักที อย่างนั้นพี่สาวก็เป็นคู่ชะตาที่สวรรค์ลิขิตมาให้อาจารย์แล้ว! ถ้าพวกเขามาอยู่ด้วยกันเร็วหน่อยก็ดี ข้าแทบรอวันนั้นไม่ไหวแล้ว!”ฉินหมิงพยักหน้า จากนั้นก็รีบส่ายหน้าอย่างรุนแรงทันที “
ในขณะที่พูด เขาก็ยื่นศีรษะเข้าไป มองซ้ายมองขวาเป่ยซิวเยี่ยนยื่นมือออกไปผลักหัวของเขาเบาๆ “ไม่ต้องดูแล้ว ไม่มีหรอก” ลู่หวายหนิงตกใจอย่างมาก ดวงตาเบิกจนกลมโตมองไปที่เป่ยซิวเยี่ยนบนใบหน้าเย็นชาดุจน้ำแข็งของเป่ยซิวเยี่ยน ก็มีความประหลาดใจอยู่อย่างเลือนรางเช่นกันลู่หวายหนิงยังคงรู้สึกไม่ยากที่จะเชื่ออยู่บ้าง จึงทำการยืนยันอีกครั้ง “อาจารย์ขอรับ เมื่อครู่พี่สาวสัมผัสถูกท่านแล้วใช่หรือไม่ขอรับ?” เป่ยซิวเยี่ยนเอนกายไปด้านหลัง พิงลงบนพนักเก้าอี้ ดวงตาล้ำลึกดุจบึงน้ำอันเยือกเย็นหรี่ลงเล็กน้อยเรื่องที่เขาเป็นภูมิแพ้ผู้หญิงมีน้อยคนนักที่จะรู้ เมื่อครู่คิดจะหยุดนางเพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสโดยตรง แต่กลับทำให้เรื่องกลับตาลปัตรไปกุมมือของนางเข้าโดยบังเอิญ จนเกิดเป็นผลลัพธ์ที่ไม่ได้ตั้งใจขึ้นมา ด้วยเหตุนี้ เขามั่นใจว่าอีกครู่อาการของตนต้องกำเริบ จึงปล่อยให้นางเปลี่ยนยาให้ตนเสียเลย คิดไม่ถึงว่า จนกระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่มีอาการผิดปกติอะไรอาการคันชาบริเวณเอวคล้ายจะยังไม่จางหายไป ปลายนิ้วที่เย็นเล็กน้อยตกลงบนหน้าท้องของเขาครั้งแล้วครั้งเล่าราวกับการยั่วเย้า เขาเงียบไปครู่หนึ่ง ลู่หวายหนิงร้อ
เป่ยซิวเยี่ยนมองดวงหน้าที่งดงามดั่งหยกของนาง ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความคาดหวัง หัวใจของเขาก็อ่อนลงอย่างน่าประหลาด “ในเมื่อข้ารับปากเจ้าแล้ว ก็ไม่มีทางผิดคำสัญญา เพราะถึงอย่างไรพวกเราก็ต่างมีผลประโยชน์ร่วมกัน”เสิ่นหรูโจวพลันหัวเราะออกมาแล้ว มองเป่ยซิวเยี่ยนอย่างซาบซึ้ง “ท่านผู้สำเร็จราชการ ท่านเป็นคนดีจริงๆ ข้าจะต้องพยายามสุดความสามารถเพื่อรักษาท่านให้ได้แน่” ไม่ว่าในชาติก่อนเขาจะก่อกบฏ เพราะเหตุใด เหตุใดจึงถูกคนขนานนามว่าเป็นพญามัจจุราชที่มีชีวิต แต่สำหรับนางแล้ว เขาก็คือคนดีคนหนึ่งเป่ยซิวเยี่ยนตะลึงไปเล็กน้อย เมื่อเห็นรอยยิ้มที่แย้มบานราวบุปผาของนาง ริมฝีปากบางก็อดโค้งขึ้นเล็กน้อยไม่ได้เช่นกัน “คำชมของพระชายาช่างแปลกใหม่เหลือเกิน” นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ยินคนพูดว่าเขาเป็นคนดีแปลกใหม่? แปลกใหม่ตรงที่ใดกัน?เสิ่นหรูโจวรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่ว่าบาดแผลของเขาได้รับการจัดการเรียบร้อยแล้ว นางจึงถือกล่องยาขึ้นมา“ท่านผู้สำเร็จราชการ สองสามวันนี้บาดแผลของท่านกำลังสมานตัว จะคันอย่างมาก เพียงระวังอย่าไปเกาก็จะหายดีแล้ว เช่นนั้นข้าก็ขอตัวก่อนแล้ว” เป่ยซิวเยี่ยนพยักหน้าเบาๆ รอจนเสิ่