“เสด็จพ่อ” เซียวเฉินเหยี่ยนพลันตัดบทนาง “ก่อนหน้านี้พระชายาเคยกล่าวกับกระหม่อมว่า ฮูหยินผู้เฒ่าเสิ่นยังไม่เคยได้รับการแต่งตั้งบรรดาศักดิ์ ครั้งนี้พระชายาสร้างผลงานที่ยิ่งใหญ่ถึงเพียงนี้ มิสู้แต่งตั้งฮูหยินผู้เฒ่าเฉิน ท่านย่าของนางให้เป็นฮูหยินบรรดาศักดิ์เถิดพ่ะย่ะค่ะ” เสิ่นหรูโจวขมวดคิ้ว มองเซียวเฉินเหยี่ยนอย่างเย็นชายามนี้เขาเสนอให้แต่งตั้งยศฮูหยินบรรดาศักดิ์ให้ท่านย่า หากนางคัดค้าน มิเท่ากับว่าไม่กตัญญูหรือ? ช่างชั่วร้ายเหลือเกิน ตั้งใจจะไม่ยอมให้นางหย่าด้วยดี!แต่ทว่า นางก็อยากให้ตระกูลมีหน้ามีตาเช่นกัน ตระกูลเสิ่นจงรักภักดีมาทุกรุ่น หลั่งเลือดในสนามรบ ท่านย่าสละสามีของตน บุตรชายของตน แม้แต่หลานชายก็คอยปกปักรักษาประเทศ สุดท้ายกลับเป็นเพียงคนที่ไร้ชื่อเสียง มีจุดจบที่เลวร้ายชาตินี้ นางจะต้องนำเกียรติยศมาให้ท่านย่า ท่านพ่อและพี่ชายแน่ เพียงแต่ ตอนนี้นางอยากหย่าขาดโดยสมัครใจกันทั้งสองฝ่ายมากกว่า…ฮ่องเต้หย่งอันคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นพยักหน้าว่า จวนแม่ทัพเลี้ยงดูเด็กสาวที่กตัญญูและรู้ความเช่นเจ้าออกมา ถึอได้ว่าอบรมสั่งสอนได้ดีจริงๆ ได้ ข้าก็จะแต่งตั้งท่านย่าของเจ้าเป็นฮูหยินบรร
เสิ่นหรูโจวอมยิ้มกล่าวว่า “กุ้ยเฟยทรงกล่าวหนักไปแล้ว หรูโจวรับไว้ด้วยความละอาย” “มีที่ใดต้องละอายกัน” กุ้ยเฟยค้อนนางทีหนึ่ง ในก้นบึ้งของดวงตากลับเต็มไปด้วยความพึงพอใจ “ข้าไม่ชอบอ้อมค้อมไปมา เจ้ามีบุญคุณกับข้า ข้าไม่เพียงจะขอบคุณเจ้า แต่ยังจะให้รางวัลแก่เจ้าด้วย” กุ้ยเฟยเรียกหลี่หมัวมัวมา จากนั้นมอบเงินร้อยตำลึง ผ้าไหมชาววัง และผ้าไหมสำหรับชุดฤดูใบไม้ผลิอย่างละสิบพับให้เสิ่นหรูโจวในทันทีเสิ่นหรูโจวขอบพระทัยเวลานี้กุ้ยเฟยก็นึกถึงโจวอี๋เจี่ยนขึ้นมาอีก จึงกล่าวอย่างไม่พอใจว่า “ฝ่าบาท นักพรตหลิงเซียวผู้นั้นเล่าเพคะ? เขาเอาแต่พูดว่าวันนี้หม่อมฉันคลอดไม่ได้ คลอดไม่ได้ ที่แท้ก็หลอกลวงคน เกือบจะทำร้ายหม่อมฉันแล้ว พระองค์จะต้องลงโทษเขาอย่างแรงเลยนะเพคะ”สีหน้าของฮ่องเต้หย่งอันเคร่งขรึมขึ้นเล็กน้อย ตบมือนางเบาๆ “วางใจเถอะ ข้าได้ให้คนเอาเขาไปขังในเรือนจำแล้ว” “อย่างนั้นก็ดีเพคะ นี่ถ้าไม่ใช่มีท่านผู้สำเร็จราชการกับพระชายาของอ๋องอู่เฉิงอยู่ หม่อมฉันคงจะถูกเขาหลอกไปแล้วจริงๆ” กุ้ยเฟยพยักหน้า กวาดตามองไปทางเป่ยซิวเยี่ยนเบาๆ “ท่านผู้สำเร็จราชการ ยังต้องขอบคุณท่านที่แนะนำหมอที่ดีเช่นนี้ให้ข
เซียวเฉินเหยี่ยนนวดหัวคิ้ว ถอนใจเบาๆ แล้วกล่าวว่า “ข้ายังมีเรื่องบางอย่างที่ต้องจัดการ จะกลับไปช้าหน่อย” “เจ้าค่ะ” รับรู้ได้ถึงการตอบส่งๆ ของเขา ในใจของมู่หว่านหรงก็รู้สึกน้อยใจขึ้นมา นางไม่ถามต่ออีก หลังจากยอบกายคารวะก็จากไปอย่างหม่นหมองในตำหนักของกุ้ยเฟย เสิ่นหรูโจวกำลังเน้นย้ำวิธีการดูแลรักษาร่างกายต่อกุ้ยเฟย“กุ้ยเฟยเหนียงเหนียง ในหนึ่งเดือนนี้ต้องทรงพักผ่อนร่างกายให้ดี แต่ก็ไม่อาจเอาแต่นอนไม่ขยับ สามารถทำการเคลื่อนไหวประเภทพลิกตัวไปมาได้ เช่นนี้จึงจะช่วยในการขับน้ำคาวปลาออกมา ไม่ให้คั่งค้างอยู่ภายใน และยังเป็นประโยชน์ต่อการสมานแผลอีกด้วยเพคะ” “หลายวันนี้ก็กินอาหารเหลวไปก่อน หลีกเลี่ยงการกินนม ถั่วเหลือง หรืออาหารพวกมันเทศที่ทำให้เกิดลมมาก เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดลมมากในท้องจนทำให้เกิดอาการท้องอืด” กุ้ยเฟยรับคำทั้งหมดหลี่หมัวมัวยกน้ำชามาให้เสิ่นหรูโจว กล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “พระชายายุ่งมาครึ่งวัน แม้แต่เวลาดื่มน้ำสักคำก็ยังไม่มี คิดว่าคงจะเหนื่อยแย่แล้ว รีบดื่มชาสักหน่อยแล้วพักผ่อนสักครู่เถิดเจ้าค่ะ” เสิ่นหรูโจวรับมา กล่าวขอบคุณคำหนึ่งกุ้ยเฟยพิงอยู่ที่พนักเตียง เนตรหงส
“เจ้าไม่รู้หรอกว่า ตั้งแต่ท้องข้าบวมโตขึ้นมา ข้าก็นอนไม่หลับอยู่ตลอด แม้แต่หายใจก็ไม่สะดวก ตอนนี้เด็กคลอดออกมาอย่างปลอดภัยแล้ว ตัวข้าก็ปลอดภัยเช่นกัน และยังสามารถนอนหลับสนิทได้อีกครั้ง นี่ก็พอใจมากแล้ว” พูดจบ นางก็นวดขมับ “ข้ารู้สึกง่วงขึ้นมาแล้ว ก็ไม่รั้งเจ้าไว้แล้วล่ะ” เสิ่นหรูโจวยิ้มแล้วลุกขึ้น “เช่นนั้นทรงพักผ่อนดีๆ วันหน้าหรูโจวค่อยมาเยี่ยมพระองค์” กุ้ยเฟยพยักหน้า หลี่หมัวมัวส่งเสิ่นหรูโจวออกไป จากนั้นก็กล่าวคำขอบคุณอีกไม่น้อยเสิ่นหรูโจวออกจากประตูวัง หมุนต้นคอที่รู้สึกปวดอยู่บ้าง ทันใดนั้น แขนก็รู้สึกหนักขึ้นมานางหันศีรษะกลับไปมอง ใบหน้าหล่อเหลาดวงนั้นของเซียวเฉินเหยี่ยนอยู่ใกล้อย่างมาก ไม่รอให้นางตอบสนอง เซียวเฉินเหยี่ยนก็ดึงตัวนางขึ้นรถม้า“ท่านทำอะไร” เสิ่นหรูโจวถูกใช้กำลังดันร่างเข้าไปในรถม้า มองเซียวเฉินเหยี่ยนด้วยแววตาระแวดระวังเซียวเฉินเหยี่ยนส่งเสียงไปยังนอกรถม้าครั้งหนึ่ง “กลับจวนอ๋อง” คนขับรถม้ารับคำ “ขอรับ ท่านอ๋อง” อย่างรวดเร็ว รถม้าก็เคลื่อนจากวังหลวงไปเซียวเฉินเหยี่ยนมองไปที่เสิ่นหรูโจว ดวงตาเรียวยาวทั้งคู่มองสตรีที่อยู่เบื้องหน้านิ่งๆ อยู่เช่นนั้
“วันนี้เขาปกป้องเจ้าไปเสียทุกเรื่อง พวกเจ้าคนหนึ่งร้องคนหนึ่งรับ ช่างเข้ากันได้ดีเหลือเกิน หากบอกว่าพวกเจ้าไม่มีความสัมพันธ์กัน แม้แต่ข้าก็ไม่เชื่อ! เจ้ากับเขา ไปสานสัมพันธ์กันตั้งแต่เมื่อใด!”เขายิ่งพูด ดวงหน้าอันหล่อเหลาก็ยิ่งมืดมน ความอิจฉาริษยาและโกรธแค้นในใจดุจก้อนหิมะที่ยิ่งกลิ้งยิ่งมีขนาดใหญ่ เมื่อครู่ตอนอยู่ในตำหนัก เห็นนางกับเป่ยซิวเยี่ยนส่งสายตากันไปมา เขาก็เกือบจะควบคุมอารมณ์ของตนไว้ไม่ได้สรุปว่านางรู้ตัวหรือไม่ ว่านางเป็นพระชายาของเขา!เสิ่นหรูโจวมองสีหน้าที่แสดงความโกรธอยู่เลือนรางของเขา ก็รู้สึกประหลาดใจชาติก่อนเซียวเฉินเหยี่ยนทอดทิ้งนางเหมือนโยนรองเท้าขาด ไม่ว่านางจะทำสิ่งใด เขาล้วนไม่เห็นค่า ไม่สนใจนางแม้แต่น้อยเขาสามารถกักบริเวณนางไว้ในตำหนัก ไม่ถามไม่ไถ่เป็นเวลาหลายวัน เอาแต่เล่นพิณหยอกล้อกับมู่หว่านชิงสุดที่รักของเขา อย่าว่าแต่นางติดต่อกับใครเลย ต่อให้นางตายเกรงว่าใจของเขาก็คงไม่รู้สึกเจ็บสักครั้งยามนี้นางไม่สนใจไยดีเขา เขากลับมาวุ่นวายพัวพันไม่หยุด“ข้อแรก ข้ากับผู้สำเร็จราชการต่างบริสุทธิ์ใจ ไม่มีความสัมพันธ์เกินเลยต่อกัน อย่างได้เอาความคิดสกปรกของท่านมา
เขาเหมือนจะโมโหอย่างมาก มือข้างหนึ่งจับข้อมือทั้งสองข้างของนางกดไว้เหนือศีรษะ มืออีกข้างเชิดคางของนางขึ้น“เจ้าชอบเขาเข้าแล้ว? ก็ใช่ เป่ยซิวเยี่ยนก็หน้าตาดีเช่นกัน สตรีที่หมกมุ่นกับเรื่องรูปโฉมเช่นเจ้า จะเปลี่ยนใจไปรักผู้อื่น ก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิดปกติอะไร”เสิ่นหรูโจวถูกเขาทับอยู่ใต้ร่าง ไร้ซึ่งทางหนีและไม่อาจขัดขืน นางฝืนสะกดความหวาดกลัวในใจลงไป กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ข้าไม่ได้ทำเช่นนั้น ท่านไสหัวออกไป!”“ไม่ได้ทำ?” ความโมโหในดวงตาของเซียวเฉินเหยี่ยนดูเหมือนจะไม่ได้ลดลงแม้แต่น้อย แต่ก่อน เห็นได้ชัดว่าเสิ่นหรูโจวเชื่อฟังเขาในทุกเรื่อง ปรารถนาความสนใจรักใคร่จากเขา แต่บัดนี้กลับรังเกียจเขาเช่นนี้“ข้าไม่สนใจว่าเจ้าจะทำหรือไม่ พวกเจ้าไม่ใช่คนประเภทเดียวกัน และเจ้าจงอย่าได้ลืมฐานะของตน เจ้าเป็นพระชายาของข้า ข้าต้องการจะจูบเจ้ามีสิ่งใดไม่เหมาะสมกัน” “ต่อให้ข้าครอบครองเจ้าบนรถม้า ก็ไม่มีใครกล้าต่อว่าไม่ได้แม้แต่ครึ่งคำ!”กระแสความเย็นสายหนึ่งแล่นขึ้นสู่กระดูกสันหลัง เสิ่นหรูโจวจ้องเซียวเฉินเหยี่ยน โลหิตทั่วทั้งร่างราวกับแข็งตัวไปแล้ว“ท่านพูดอะไรนะ?”นางเหมือนจะเห็นท่าทางดื้อรั้
เพลิงโทสะของเขาพวยพุ่งขึ้นมาในทันที ใบหน้าอันหล่อเหลากริ้วโกรธจนบิดเบี้ยว“เสิ่นหรูโจว ลงมาให้เดี๋ยวนี้!”เสิ่นหรูโจวนั่งอยู่ด้านหน้าของเป่ยซิวเยี่ยน นางคว้าเสื้อคลุมของเป่ยซิวเยี่ยนไว้โดยไม่รู้ตัวเป่ยซิวเยี่ยนในยามนี้ก็คือฟางเส้นสุดท้ายที่จะช่วยชีวิตนาง นางจะต้องจับไว้ให้มั่นแม้นางจะรู้สึกว่าการอยู่ใกล้เป่ยซิวเยี่ยนถึงเพียงนี้ทำให้รู้สึกไม่สบายอยู่บ้าง แต่สายตาของเซียวเฉินเหยี่ยนบอกนางว่า หากลงจากม้าตอนนี้ นางจะต้องถูกจับกลับไปแน่นึกถึงวันคืนที่ถูกกักขังอย่างไม่เห็นแสงเดือนแสงตะวัน นางก็รู้สึกลนลานขึ้นมา ไม่ต้องการตกอยู่ในกำมือของเซียวเฉินเหยี่ยนอย่างเด็ดขาดเซียวเฉินเหยี่ยนเห็นนางไม่คิดจะลงจากม้าแม้แต่น้อย กระทั่งมีเจตนาจะให้เป่ยซิวเยี่ยนคุ้มครองนางด้วย เพลิงโทสะก็ยากที่จะระงับต่อไปได้อีกเขากำนิ้วทั้งห้าแน่น มองเป่ยซิวเยี่ยนด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเป็นศัตรู “ท่านผู้สำเร็จราชการแทน โปรดปล่อยพระชายาของข้าลงมา ข้าจะรู้สึกขอบคุณท่านอย่างมาก” เป่ยซิวเยี่ยนหรุบตาลง มองเพียงเสิ่นหรูโจว เห็นมือของนางจับเสื้อคลุมของเขาไว้แน่น ริมฝีปากเม้มแน่น ดูแล้วต่อต้านอย่างมากเซียวเฉินเหย
พูดไม่ถูกว่าในใจหวาดกลัวหรือโมโหกันแน่ ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกเหมือนหมดแรง ไม่อยากไล่ต่อไปแล้วเขาเข้าไปในรถม้า พูดอย่างเย็นชาว่า “กลับจวน” หลังจากหนีพ้นสายตาของเซียวเฉินเหยี่ยนได้ เสิ่นหรูโจวก็ค่อยๆ สงบสติอารมณ์ลง คาดว่าเซียวเฉินเหยี่ยนไม่น่าจะไล่ตามมาแล้วในดวงตาอันงดงามของนางมีความขอบคุณ “ขอบพระคุณท่านผู้สำเร็จราชการแทนมากที่ลงมือช่วยเหลือ ท่านผู้สำเร็จราชการแทน ปล่อยข้าลงข้างทางก็พอเจ้าค่ะ” เสียงของเป่ยซิวเยี่ยนดังมาจากทางหลังหู “รีบร้อนอะไรกัน เป็นเจ้าที่เกาะอยู่บนหลังม้าของข้าไม่ยอมลงไปต่างหาก” เสิ่นหรูโจวหน้าแดงเล็กน้อย ไม่กล้าแก้ตัวมากนักทว่า การควบม้าด้วยความเร็วบนถนน เดิมก็เป็นเรื่องที่พบไม่มากนัก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงหนึ่งชายหนึ่งหญิงขี่ม้าตัวเดียวกัน ตลอดทางพวกเสิ่นหรูโจวทั้งสองคนดึงดูดสายตาคนที่ผ่านไปมาไม่น้อย เช่นนี้ทำให้นางรู้สึกไม่สบายใจอยู่บ้าง และที่ทำให้นางยิ่งรู้สึกอึดอัด ก็คือความเงียบระหว่างพวกเขาทั้งสองนางเงยหน้ามองเขา น้ำเสียงแสดงความขอบคุณว่า “ท่านผู้สำเร็จราชการแทน วันนี้ตอนอยู่ในวัง ขอบคุณท่านมากที่ช่วยพูดให้ข้า ไม่อย่างนั้น ภายใต้สถานการณ์เช่นนั้น เกรงว