“เจ้าไม่รู้หรอกว่า ตั้งแต่ท้องข้าบวมโตขึ้นมา ข้าก็นอนไม่หลับอยู่ตลอด แม้แต่หายใจก็ไม่สะดวก ตอนนี้เด็กคลอดออกมาอย่างปลอดภัยแล้ว ตัวข้าก็ปลอดภัยเช่นกัน และยังสามารถนอนหลับสนิทได้อีกครั้ง นี่ก็พอใจมากแล้ว” พูดจบ นางก็นวดขมับ “ข้ารู้สึกง่วงขึ้นมาแล้ว ก็ไม่รั้งเจ้าไว้แล้วล่ะ” เสิ่นหรูโจวยิ้มแล้วลุกขึ้น “เช่นนั้นทรงพักผ่อนดีๆ วันหน้าหรูโจวค่อยมาเยี่ยมพระองค์” กุ้ยเฟยพยักหน้า หลี่หมัวมัวส่งเสิ่นหรูโจวออกไป จากนั้นก็กล่าวคำขอบคุณอีกไม่น้อยเสิ่นหรูโจวออกจากประตูวัง หมุนต้นคอที่รู้สึกปวดอยู่บ้าง ทันใดนั้น แขนก็รู้สึกหนักขึ้นมานางหันศีรษะกลับไปมอง ใบหน้าหล่อเหลาดวงนั้นของเซียวเฉินเหยี่ยนอยู่ใกล้อย่างมาก ไม่รอให้นางตอบสนอง เซียวเฉินเหยี่ยนก็ดึงตัวนางขึ้นรถม้า“ท่านทำอะไร” เสิ่นหรูโจวถูกใช้กำลังดันร่างเข้าไปในรถม้า มองเซียวเฉินเหยี่ยนด้วยแววตาระแวดระวังเซียวเฉินเหยี่ยนส่งเสียงไปยังนอกรถม้าครั้งหนึ่ง “กลับจวนอ๋อง” คนขับรถม้ารับคำ “ขอรับ ท่านอ๋อง” อย่างรวดเร็ว รถม้าก็เคลื่อนจากวังหลวงไปเซียวเฉินเหยี่ยนมองไปที่เสิ่นหรูโจว ดวงตาเรียวยาวทั้งคู่มองสตรีที่อยู่เบื้องหน้านิ่งๆ อยู่เช่นนั้
“วันนี้เขาปกป้องเจ้าไปเสียทุกเรื่อง พวกเจ้าคนหนึ่งร้องคนหนึ่งรับ ช่างเข้ากันได้ดีเหลือเกิน หากบอกว่าพวกเจ้าไม่มีความสัมพันธ์กัน แม้แต่ข้าก็ไม่เชื่อ! เจ้ากับเขา ไปสานสัมพันธ์กันตั้งแต่เมื่อใด!”เขายิ่งพูด ดวงหน้าอันหล่อเหลาก็ยิ่งมืดมน ความอิจฉาริษยาและโกรธแค้นในใจดุจก้อนหิมะที่ยิ่งกลิ้งยิ่งมีขนาดใหญ่ เมื่อครู่ตอนอยู่ในตำหนัก เห็นนางกับเป่ยซิวเยี่ยนส่งสายตากันไปมา เขาก็เกือบจะควบคุมอารมณ์ของตนไว้ไม่ได้สรุปว่านางรู้ตัวหรือไม่ ว่านางเป็นพระชายาของเขา!เสิ่นหรูโจวมองสีหน้าที่แสดงความโกรธอยู่เลือนรางของเขา ก็รู้สึกประหลาดใจชาติก่อนเซียวเฉินเหยี่ยนทอดทิ้งนางเหมือนโยนรองเท้าขาด ไม่ว่านางจะทำสิ่งใด เขาล้วนไม่เห็นค่า ไม่สนใจนางแม้แต่น้อยเขาสามารถกักบริเวณนางไว้ในตำหนัก ไม่ถามไม่ไถ่เป็นเวลาหลายวัน เอาแต่เล่นพิณหยอกล้อกับมู่หว่านชิงสุดที่รักของเขา อย่าว่าแต่นางติดต่อกับใครเลย ต่อให้นางตายเกรงว่าใจของเขาก็คงไม่รู้สึกเจ็บสักครั้งยามนี้นางไม่สนใจไยดีเขา เขากลับมาวุ่นวายพัวพันไม่หยุด“ข้อแรก ข้ากับผู้สำเร็จราชการต่างบริสุทธิ์ใจ ไม่มีความสัมพันธ์เกินเลยต่อกัน อย่างได้เอาความคิดสกปรกของท่านมา
เขาเหมือนจะโมโหอย่างมาก มือข้างหนึ่งจับข้อมือทั้งสองข้างของนางกดไว้เหนือศีรษะ มืออีกข้างเชิดคางของนางขึ้น“เจ้าชอบเขาเข้าแล้ว? ก็ใช่ เป่ยซิวเยี่ยนก็หน้าตาดีเช่นกัน สตรีที่หมกมุ่นกับเรื่องรูปโฉมเช่นเจ้า จะเปลี่ยนใจไปรักผู้อื่น ก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิดปกติอะไร”เสิ่นหรูโจวถูกเขาทับอยู่ใต้ร่าง ไร้ซึ่งทางหนีและไม่อาจขัดขืน นางฝืนสะกดความหวาดกลัวในใจลงไป กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ข้าไม่ได้ทำเช่นนั้น ท่านไสหัวออกไป!”“ไม่ได้ทำ?” ความโมโหในดวงตาของเซียวเฉินเหยี่ยนดูเหมือนจะไม่ได้ลดลงแม้แต่น้อย แต่ก่อน เห็นได้ชัดว่าเสิ่นหรูโจวเชื่อฟังเขาในทุกเรื่อง ปรารถนาความสนใจรักใคร่จากเขา แต่บัดนี้กลับรังเกียจเขาเช่นนี้“ข้าไม่สนใจว่าเจ้าจะทำหรือไม่ พวกเจ้าไม่ใช่คนประเภทเดียวกัน และเจ้าจงอย่าได้ลืมฐานะของตน เจ้าเป็นพระชายาของข้า ข้าต้องการจะจูบเจ้ามีสิ่งใดไม่เหมาะสมกัน” “ต่อให้ข้าครอบครองเจ้าบนรถม้า ก็ไม่มีใครกล้าต่อว่าไม่ได้แม้แต่ครึ่งคำ!”กระแสความเย็นสายหนึ่งแล่นขึ้นสู่กระดูกสันหลัง เสิ่นหรูโจวจ้องเซียวเฉินเหยี่ยน โลหิตทั่วทั้งร่างราวกับแข็งตัวไปแล้ว“ท่านพูดอะไรนะ?”นางเหมือนจะเห็นท่าทางดื้อรั้
เพลิงโทสะของเขาพวยพุ่งขึ้นมาในทันที ใบหน้าอันหล่อเหลากริ้วโกรธจนบิดเบี้ยว“เสิ่นหรูโจว ลงมาให้เดี๋ยวนี้!”เสิ่นหรูโจวนั่งอยู่ด้านหน้าของเป่ยซิวเยี่ยน นางคว้าเสื้อคลุมของเป่ยซิวเยี่ยนไว้โดยไม่รู้ตัวเป่ยซิวเยี่ยนในยามนี้ก็คือฟางเส้นสุดท้ายที่จะช่วยชีวิตนาง นางจะต้องจับไว้ให้มั่นแม้นางจะรู้สึกว่าการอยู่ใกล้เป่ยซิวเยี่ยนถึงเพียงนี้ทำให้รู้สึกไม่สบายอยู่บ้าง แต่สายตาของเซียวเฉินเหยี่ยนบอกนางว่า หากลงจากม้าตอนนี้ นางจะต้องถูกจับกลับไปแน่นึกถึงวันคืนที่ถูกกักขังอย่างไม่เห็นแสงเดือนแสงตะวัน นางก็รู้สึกลนลานขึ้นมา ไม่ต้องการตกอยู่ในกำมือของเซียวเฉินเหยี่ยนอย่างเด็ดขาดเซียวเฉินเหยี่ยนเห็นนางไม่คิดจะลงจากม้าแม้แต่น้อย กระทั่งมีเจตนาจะให้เป่ยซิวเยี่ยนคุ้มครองนางด้วย เพลิงโทสะก็ยากที่จะระงับต่อไปได้อีกเขากำนิ้วทั้งห้าแน่น มองเป่ยซิวเยี่ยนด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเป็นศัตรู “ท่านผู้สำเร็จราชการแทน โปรดปล่อยพระชายาของข้าลงมา ข้าจะรู้สึกขอบคุณท่านอย่างมาก” เป่ยซิวเยี่ยนหรุบตาลง มองเพียงเสิ่นหรูโจว เห็นมือของนางจับเสื้อคลุมของเขาไว้แน่น ริมฝีปากเม้มแน่น ดูแล้วต่อต้านอย่างมากเซียวเฉินเหย
พูดไม่ถูกว่าในใจหวาดกลัวหรือโมโหกันแน่ ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกเหมือนหมดแรง ไม่อยากไล่ต่อไปแล้วเขาเข้าไปในรถม้า พูดอย่างเย็นชาว่า “กลับจวน” หลังจากหนีพ้นสายตาของเซียวเฉินเหยี่ยนได้ เสิ่นหรูโจวก็ค่อยๆ สงบสติอารมณ์ลง คาดว่าเซียวเฉินเหยี่ยนไม่น่าจะไล่ตามมาแล้วในดวงตาอันงดงามของนางมีความขอบคุณ “ขอบพระคุณท่านผู้สำเร็จราชการแทนมากที่ลงมือช่วยเหลือ ท่านผู้สำเร็จราชการแทน ปล่อยข้าลงข้างทางก็พอเจ้าค่ะ” เสียงของเป่ยซิวเยี่ยนดังมาจากทางหลังหู “รีบร้อนอะไรกัน เป็นเจ้าที่เกาะอยู่บนหลังม้าของข้าไม่ยอมลงไปต่างหาก” เสิ่นหรูโจวหน้าแดงเล็กน้อย ไม่กล้าแก้ตัวมากนักทว่า การควบม้าด้วยความเร็วบนถนน เดิมก็เป็นเรื่องที่พบไม่มากนัก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงหนึ่งชายหนึ่งหญิงขี่ม้าตัวเดียวกัน ตลอดทางพวกเสิ่นหรูโจวทั้งสองคนดึงดูดสายตาคนที่ผ่านไปมาไม่น้อย เช่นนี้ทำให้นางรู้สึกไม่สบายใจอยู่บ้าง และที่ทำให้นางยิ่งรู้สึกอึดอัด ก็คือความเงียบระหว่างพวกเขาทั้งสองนางเงยหน้ามองเขา น้ำเสียงแสดงความขอบคุณว่า “ท่านผู้สำเร็จราชการแทน วันนี้ตอนอยู่ในวัง ขอบคุณท่านมากที่ช่วยพูดให้ข้า ไม่อย่างนั้น ภายใต้สถานการณ์เช่นนั้น เกรงว
ราวกับภูตผีดลใจ เขาเอ่ยปากถามด้วยน้ำเสียงแหบต่ำว่า “เจ้าเคยไปที่ถ้ำกลางเชิงเขาของภูเขาหลีบ้างหรือไม่?”หัวข้อนี้เปลี่ยนเร็วเกินไป คำถามก็ประหลาดเป็นอย่างมากเสิ่นหรูโจวส่ายหัวตามความเป็นจริง “ไม่เคยไป” นางเคยขึ้นไปที่ยอดของภูเขาหลี และยังเคยตกลงมาจากยอดเขา แต่ไม่เคยไปที่ถ้ำอะไรนั่น“เหตุใดจู่ๆ ท่านผู้สำเร็จราชการแทนถึงได้ถามเรื่องนี้?”ใบหน้าหล่อเหลาของเป่ยซิวเยี่ยนมีความผิดปกติวาบผ่าน คิ้วงามประณีตลดต่ำลงเบาๆ ทว่าน้ำเสียงกลับมิได้เปลี่ยน “ไม่มีสิ่งใด ถามไปอย่างนั้นเอง” เสิ่นหรูโจวส่งเสียง “อ่อ” ทีหนึ่ง มิได้ถามสิ่งใดอีก แม้นางจะรู้สึกแปลกใจ ทว่าก็ไม่อยากจะพูดถึงภูเขาหลีอีกตอนนั้นนางก็หายตัวไปในภูเขาหลีแห่งนั้นเอง ตอนกลับมายังกำแหวนปานจื่อหยกไว้อีกวงหนึ่ง พอคิดถึงแหวนปานจื่อหยกวงนั้น นางก็รู้สึกไม่สบอารมณ์ขึ้นมาคนทั้งสองต่างพร้อมใจกันเลิกสนทนาในหัวข้อนี้ เป่ยซิวเยี่ยนควบคุมม้าอย่างมั่นคง พาเสิ่นหรูโจวเหยาะย่างไปตามท้องถนนอันคึกคัก“ท่านผู้สำเร็จราชการแทน นี่พวกเราจะไปที่ใดกัน?” เสิ่นหรูโจวดูแล้วทิศนี้ไม่คล้ายกับทางกลับบ้านของนางเสียงของเป่ยซิวเยี่ยนเรียบเฉย “กลับจวนอุปรา
ตั้งแต่ต้นจนจบ เขาล้วนหวังดีต่อนาง คิดอยากจะดึงนางมาปกป้องอยู่ข้างกาย แต่นางกลับขึ้นม้าของเป่ยซิวเยี่ยน ไม่แม้จะเหลือบมองเขา จากเขาไปอย่างไร้ไมตรีเหมือนที่ลู่หวายหนิงพูด นางกับเป่ยซิวเยี่ยนจึงจะเป็นคนในเส้นทางเดียวกัน!เมื่อคิดถึงภาพเมื่อครู่ เพลิงอันชั่วร้ายกองหนึ่งในก้นบึ้งของจิตใจก็ลุกโชนขึ้นมา แผดเผาจนศีรษะของเขาพองโต จู่ๆ ก็นึกถึงฝันอันแปลกประหลาดนั้นขึ้นมาอีกเขาเห็นเสิ่นหรูโจวที่อยู่ในฝันยิ้มให้เขา ทั่วทั้งดวงตาเต็มไปด้วยความรัก เอาแต่เกาะติดอยู่ข้างกายเขาตลอด เหตุใดในความเป็นจริง เสิ่นหรูโจวกลับห่างเขาออกไปไกลขึ้นเรื่อยๆ ทีละก้าวทีละก้าวความฝันกับความเป็นจริงกำลังต่อสู้กันอยู่เบื้องหน้า เขากลับแยกไม่ค่อยออกแล้วว่าสิ่งใดคือความจริงกันแน่ รู้สึกจิตใจว้าวุ่นอย่างมากในยามนั้นเอง มู่หว่านหรงก็เดินเข้ามาเมื่อเห็นด้านหลังของเซียวเฉินเหยี่ยนไม่มีคน หินที่ทับอยู่ในใจของนางจึงหล่นลงพื้นได้ในที่สุดเมื่อครู่เซียวเฉินเหยี่ยนให้นางกลับจวนก่อน นางยังคิดว่าเขาไปหาเสิ่นหรูโจวแล้ว ต้องการพาเสิ่นหรูโจวกลับมาไม่ได้กลับมาย่อมดีที่สุด นางหุบมุมปากลง แสร้งทำเป็นห่วงใยถามว่า “ท่านอ๋อง พร
เสิ่นหรูโจวมองเขาอย่างคาดไม่ถึงทีหนึ่ง การกระทำที่ใจกว้างและมีมารยาทเช่นนี้ ทำให้ความประหม่าตลอดทางเมื่อครู่ของนางดูเหมือนจะเป็นพวกคิดเล็กคิดน้อยไปแล้ว นางมิได้จับมือของเขาโดยตรง ทว่าจับข้อมือของเขาไว้แล้วลงจากม้า“ขอบคุณมากเจ้าค่ะ” นางค้อมศีรษะยิ้มบางๆในเวลานี้ ลู่หวายหนิงก็ตามกลับมาที่ด้านหลังเช่นกันเขาลงจากม้า เดินเข้ามาอย่างยิ้มแย้ม “ท่านอาจารย์ พี่สาว พวกท่านควบม้าเร็วเกินไปแล้ว ข้าตามไม่ทันเลย” ดวงตาใสกระจ่างของเขามีความเจ้าเล่ห์สายหนึ่งวาบผ่าน ที่จริงแล้วเขาตามอยู่ด้านหลังคอยดูพวกเขาอยู่ตลอด แต่เขาจงใจรักษาระยะห่าง เพื่อไม่ไปรบกวนภาพแสนสวยงามนั่นเป่ยซิวเยี่ยนมิได้กล่าวสิ่งใด เดินตรงเข้าไปในจวนอุปราชลู่หวายหนิงก็รีบดึงเสิ่นหรูโจวตามไปเช่นกันในห้องหนังสือ เป่ยซิวเยี่ยนถอดเสื้อคลุมออก พาดไว้บนราวแขวน“ยาของเจ้าข้าได้เห็นแล้ว ไม่เลวจริงๆ ยาแก้ปวดแก้อักเสบเป็นสิ่งจำเป็นในสนามรบจริงๆ ข้าสามารถร่วมมือกับเจ้าได้ ข้าออกเงินเจ้าออกแรง” เขานั่งอยู่ที่โต๊ะหนังสือ หยิบน้ำชาที่เตรียมไว้เรียบร้อยก่อนแล้วบนโต๊ะขึ้นมา หลังจิบเบาๆ ไปคำหนึ่ง สายตาก็มองไปที่เสิ่นหรูโจว “เจ้ามีเท่าไห
เสิ่นหรูโจวกล่าวอย่างเรียบเฉยว่า “เช่นนั้นก็ไม่ผิดแล้ว ในเวลานี้ ความสามารถในการทำงานของตับของพระองค์ได้รับความเสียหายอย่างมากแล้ว” เมื่อได้ยินคำพูดนี้ เซียวจิ่นซีก็คล้ายจะเจ็บยิ่งกว่าเดิมแล้ว เจ็บจนยืดเอวไม่ขึ้นมองเซียวจิ่นซีที่มีสีหน้าเจ็บปวด เซียวเฉินเหยี่ยนก็ขมวดคิ้ว “เช่นนั้นมีวิธีการรักษาหรือไม่?”เสิ่นหรูโจวมิได้รีบกล่าว นางหยิบขวดยาเล็กๆ ขวดหนึ่งออกมาจากถุงผ้า เทยาลงบนในกลางฝ่ามือเม็ดหนึ่งยื่นไปที่เบื้องหน้าเซียวจิ่นซี “ทรงเสวยสิ่งนี้ลงไปก่อน” เซียวจิ่นซีฝืนยืดเอวขึ้น มองเสิ่นหรูโจวด้วยสีหน้าหวาดระแวง “นี่คือสิ่งใด?”“สายพระเนตรขององค์หญิงทรงไม่ดีหรือเพคะ นี่คือยาอย่างไรเล่าเพคะ”เซียวจิ่นซีไม่เชื่อว่าเสิ่นหรูโจวจะปรารถนาดีเช่นนี้ ลังเลอยู่นานไม่ยอมรับไปเสิ่นหรูโจวจึงชักมือกลับมา กล่าวอย่างไม่อนาทรร้อนใจว่า “ไม่เสวยก็ช่างเถอะ ปล่อยให้ทรงปวดตายก็แล้วกัน” เซียวจิ่นซีกัดฟัน คว้าแย่งมาจากนั้นยัดเข้าปากไปเสิ่นหรูโจวโค้งริมฝีปาก หัวเราะอย่างเย้ยหยันทีหนึ่ง จากนั้นจึงพูดวิธีการรักษาออกมา “ตับของพระองค์ยามนี้เสียหายแล้ว หากทรงต้องการมีชีวิตรอด ก็จะต้องตัดตับของพระองค์ออก
เซียวจิ่นซีคิดจะบันดาลโทสะอีกครั้ง ทว่าเซียวเฉินเหยี่ยนขมวดคิ้วมองนาง เขากล่าวด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า “เสด็จพี่ แทนที่จะทรงตรัสสิ่งใดด้วยโทสะเพื่อความสะใจเพียงชั่วครู่ มิสู้ทรงให้เสิ่นหรูโจวตรวจอาการให้พระองค์อย่างว่าง่ายดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ การรักษาพระวรกายให้หายดีสำคัญที่สุดนะพ่ะย่ะค่ะ"เต๋อเฟยก็เกลี้ยกล่อมเช่นกัน “นั่นสิ จิ่นซี อย่าได้เสียเวลาอีกเลย รีบให้หรูโจวตรวจให้เจ้าเถอะ” สุดท้ายแล้ว เซียวจิ่นซีก็ต้องการรักษาชีวิตตน ไม่ว่าจะเคียดแค้นเสิ่นหรูโจวอย่างไร ยามนี้ก็มิใช่เวลาที่จะมาก่อเรื่อง นางจึงแค่นเสียงเย็นครั้งหนึ่ง แล้วก็ไม่กล่าวสิ่งใดอีกเซียวเฉินเหยี่ยนมองไปยังเสิ่นหรูโจว พูดเสียงเบาว่า “นี่เป็นพระบัญชาของเสด็จพ่อ เจ้าก็อย่าได้เอาแต่ใจ” เดิมเสิ่นหรูโจวก็ไม่คิดจะจากไปจริงๆ เพียงแค่ขู่เซียวจิ่นซีไปอย่างนั้น บัญชาของฮ่องเต้ไม่อาจฝืน นอกจากนี้ นางก็จำเป็นจะต้องสร้างโอกาสให้ตนได้หย่าเช่นกันนางเดินกลับไปอย่างเรื่อยเฉื่อย นั่งลงข้างกายเซียวจิ่นซี “รบกวนองค์หญิงทรงยื่นพระหัตถ์ออกมาด้วยเพคะ” สีหน้าของเซียวจิ่นซีไม่น่ามอง ทว่ายังคงทำตามครั้งก่อนที่เสิ่นหรูโจวตรวจอาการให้เซียวจิ
เมื่อเสิ่นหรูโจวได้ยินคำพูดประโยคสุดท้าย สีหน้าก็ผ่อนคลายลงไม่น้อยดูไปแล้ว จนถึงตอนนี้ยังคงถือได้ว่าราบรื่น ด่านเคราะห์ของท่านพ่ออยู่ที่การศึกครั้งสุดท้าย ไม่รู้ว่าเวลานี้ยาของนางส่งไปถึงหรือยัง หากดูตามเวลาก็น่าจะทันการอยู่ขอเพียงท่านพ่อใช้ยาของนาง ก็จะไม่ทิ้งโรคเรื้อรังไว้ในภายหลังแล้วนับแต่ได้ถือกำเนิดใหม่กลับมา นางยังมิได้พบท่านพ่อเลย นางจะต้องทำให้ท่านพ่อกลับมาอย่างปลอดภัยให้ได้เซียวเฉินเหยี่ยนเห็นว่าเมื่อนางได้ฟังข่าวของบิดาและพี่ชาย อารมณ์ก็คล้ายจะสงบลงไม่น้อย จึงลองกล่าวว่า “ในอนาคต เจ้ายังคงแก้นิสัยของเจ้าหน่อยเถิด” เสิ่นหรูโจวเงยหน้ามองเขา “นิสัยของข้าเป็นอย่างไร?”“ทุกครั้งที่เจ้าพบกับองค์หญิงเจาหยาง ล้วนมีเรื่องกันจนตึงเครียด” เซียวเฉินเหยี่ยนพยายามพูดอย่างละมุนละม่อม หวังว่านางจะรับฟัง “ถึงอย่างไรนางก็เป็นเสด็จพี่หญิงของข้า เมื่ออยู่ต่อหน้านาง เจ้าก็แสดงท่าทีที่ดีสักหน่อย อย่าใช้อารมณ์ไปเสียทุกเรื่อง” เสิ่นหรูโจวหัวเราะอย่างเยาะหยันทีหนึ่ง กล่าวอย่างดูแคลนว่า “ท่านอย่าได้มาบงการข้า” บนใบหน้าของเซียวเฉินเหยี่ยนมีความไม่พอใจวาบผ่าน "หากเจ้ามีสิ่งใดไม่พอใจ อยาก
เริ่มจากชายแดนส่งข่าวด่วนมา บิดาและพี่ชายของเสิ่นหรูโจวจึงนำทัพไปช่วยที่ชายแดน ภาพเหตุการณ์เปลี่ยนไป กลายเป็นฉากที่รายงานการรบถูกส่งมา ท่านแม่ทัพเสิ่นถูกธนูของศัตรูยิงทะลุมือ เนื่องจากขาดแคลนยาและสิ่งของทำให้ไม่มียารักษา ทว่าก็ยังคงรบชนะต่อมา หลังจากแม่ทัพใหญ่เสิ่นกลับมาถึงเมืองหลวงพร้อมชัยชนะ ก็ล้มป่วยจนต้องนอนอยู่บนเตียงตลอด ส่วนที่จวนอ๋อง เสิ่นหรูโจวกับมู่หว่านหรงทะเลาะกันครั้ง เขาจึงลงโทษกักบริเวณให้นางสำนึกตน นางบังเอิญเป็นหวัดพอดี จึงนอนซมลุกไม่ขึ้น ทำให้ไม่รู้เรื่องที่ท่านแม่ทัพใหญ่เสิ่นได้รับบาดเจ็บผ่านไปไม่กี่วันเมื่อนางรู้ข่าว ก็มาขอร้องต่อหน้าเขา ต้องการให้เขาไปส่งของบำรุงจำนวนหนึ่งไปให้บิดา เขามองใบหน้าที่อ่อนแรงและซีดขาวของนาง ไม่มีความสงสารแม้แต่น้อย มองดูนางอย่างเย็นชาท้ายที่สุดเขายังคงให้คนไปส่งของ ทว่าเด็กรับใช้ส่งไปในนามของเขา รอจนพวกเขารู้เรื่อง เรื่องราวก็ผ่านไปนานแล้ว ความสัมพันธ์ของเสิ่นหรูโจวและตระกูลเสิ่นก็มาถึงจุดเยือกแข็งแล้วเช่นกัน นั่นเป็นครั้งแรกที่นางปวดใจอย่างที่สุด และก็เป็นครั้งแรกที่นางใส่อารมณ์กับเขา ดั่งเช่นในยามนี้เซียวเฉิยเหยี่ยนยันรถม้าไว้
สีหน้าของเซียวเฉินเหยี่ยนไม่น่ามองอยู่บ้าง “หรือเจ้าจะให้ข้ายืนรอเจ้าอยู่ด้านนอก?”“ท่านจะนั่งยองลงก็ได้เช่นกัน” ใบหน้าของเสิ่นหรูโจวไม่มีความรู้สึกแม้แต่น้อย “ข้าขอบอกท่านไว้เลย เวลานี้ไม่ว่าข้าจะมองท่านที่ใดก็ขัดตาไปหมด หากท่านไม่ต้องการสร้างความอับอายให้ตนเอง ก็อย่าได้มายั่วโมโหข้า!”กล่าวจบ นางก็หมุนตัวเดินเข้าประตูไป จากนั้นปิดประตูลงดัง ‘ปัง’เซียวเฉินเหยี่ยนยืนอยู่ที่เดิม เขากำหมัดแน่นมองประตูใหญ่ที่ถูกปิดสนิท เขารู้สึกโมโหเป็นอย่างมาก ทว่าในใจก็เกิดความรู้สึกถึงความแตกต่างขึ้นมาเช่นกันในอดีต ทั้งดวงตาและหัวใจของเสิ่นหรูโจวล้วนมีแต่เขา ไม่มีทางกีดกันเขาไว้ภายนอกอย่างเด็ดขาด ทว่า ในยามนี้ เขาไม่มีสิทธิ์แม้กระทั่งจะเหยียบเข้าประตูเรือนของนางแล้วอย่างนั้นหรือ?ทว่า ความรู้สึกของคนเปลี่ยนแปลงได้ง่ายถึงเพียงนั้นเชียวหรือ เหตุใดเขาจึงโชคไม่ดีเช่นนี้ แต่งงานได้เพียงช่วงสั้นๆ สิบกว่าวัน นางก็ไม่หลงเหลือความรักให้เขาแล้วหลังเสิ่นหรูโจวปิดประตูลง ก็เข้าสู่ห้องของตนเมี่ยวตงเดินมาหาพร้อมรอยยิ้ม “คุณหนูกลับมาแล้วหรือเจ้าคะ ท่านอยากทานสิ่งใด บ่าวจะไปเตรียมให้เจ้าค่ะ” “ไม่ต้องแล้
ชาติก่อนมู่หว่านหรงอาศัยว่าได้รับความโปรดปราน มักแย่งของนางอย่างเปิดเผย ของพระราชทานที่ในวังประทานให้ชายาเอกทุกงานเทศกาลนางก็จะแย่ง ไปช่วยเหลือราษฎรจนสร้างผลงาน นางก็จะแย่งอีก เซียวเฉินเหยี่ยนไม่เคยสนใจแม้แต่น้อย เวลานี้ยิ่งดี แม้แต่ตัวเขาเองก็จะมาแย่งรางวัลของนางด้วย!เซียวเฉินเหยี่ยนถูกคำพูดของเสิ่นหรูโจวซัดไปเป็นชุด ทำให้ภายในใจรู้สึกไม่สบอารมณ์อยู่บ้างเขาจับข้อมือเสิ่นหรูโจวแน่นไม่ยอมปล่อย ความโมโหในก้นบึ้งของดวงตาปรากฏขึ้นแล้วหายไปอย่างรวดเร็ว แปรเปลี่ยนเป็นความมืดมิด จับจ้องไปที่เสิ่นหรูโจวแล้วกล่าวว่า “หากข้าไม่ชิงลงมือก่อนเจ้าก้าวหนึ่ง เจ้าก็คงจะไปขอให้เสด็จพ่อประทานการหย่าให้แล้ว” “ไม่ผิด!” เสิ่นหรูโจวตอบอย่างไม่ลังเลนี่เป็นเรื่องที่นางเฝ้าปรารถนา รอคอยมาสองชาติ!“เจ้า…" เซียวเฉินเหยี่ยนพูดไม่ออกไปชั่วขณะ รู้สึกว่าอารมณ์ความรู้สึกอันซับซ้อนนับหมื่นอัดอั้นอยู่ในอก อึดอัดจนหายใจไม่ออก”โดยพื้นฐานแล้ว เขาดูแคลนต่อการแย่งผลงานสตรี ที่ทำเช่นนี้ ประการแรก เป็นเพราะจดหมายฉบับนั้นของมู่หว่านชิง ประการที่สอง…เขาคิดได้ว่า เสิ่นหรูโจวจะใช้คำสัญญานี้มาหย่ากับเขา เขารู้สึกไม่อยากห
ฉินหมิงตะลึงไป ถามอย่างไม่แน่ใจว่า “ท่านอ๋องไม่เป็นอะไร? คำพูดนี้ของนายน้อยหมายความว่าอย่างไร?”ลู่หวายหนิงดึงฉินหมิงเข้ามาใกล้ขึ้นอีกนิด พยายามระงับความตื่นเต้น ลดเสียงเบาลงแล้วกล่าวว่า “ความหมายก็คือบนร่างของอาจารย์ไม่มีผื่นขึ้น อาจารย์อาการภูมิแพ้ไม่กำเริบตอนอยู่กับพี่สาวน่ะสิ” ดวงตาทั้งคู่ของฉินหมิงเบิกกว้าง พูดอย่างตกใจว่า “จริงหรือขอรับ?”ลู่หวายหนิงหัวเราะออกมา “จริงแท้แน่นอน ข้าทำการยืนยันแล้ว” ฉินหมิงรู้สึกไม่อยากเชื่อ “หลายปีมานี้ ไม่ว่าสตรีนางใดสัมผัสท่านอ๋อง ก็ล้วนทำให้ท่านอ๋องเกินอาการแพ้ มีเพียงหญิงที่นายท่านพบในปีที่แล้วนางนั้นที่ไม่เป็นไร” “พูดไปแล้ว ตามหาสตรีนางนั้นไม่เจอเสียที ช่างน่าเสียดายนัก คิดไม่ถึงว่าพระชายาของอ๋องอู่เฉิงก็ไม่ทำให้นายท่านเกิดอาการแพ้เช่นกัน ช่างเป็นเรื่องดีจริงๆ ราวสวรรค์ได้สรรค์สร้างมา” “นั่นสิ!” ลู่หวายหนิงเห็นด้วยอย่างมาก “อาจารย์หาผู้หญิงคนนั้นไม่เจอสักที อย่างนั้นพี่สาวก็เป็นคู่ชะตาที่สวรรค์ลิขิตมาให้อาจารย์แล้ว! ถ้าพวกเขามาอยู่ด้วยกันเร็วหน่อยก็ดี ข้าแทบรอวันนั้นไม่ไหวแล้ว!”ฉินหมิงพยักหน้า จากนั้นก็รีบส่ายหน้าอย่างรุนแรงทันที “
ในขณะที่พูด เขาก็ยื่นศีรษะเข้าไป มองซ้ายมองขวาเป่ยซิวเยี่ยนยื่นมือออกไปผลักหัวของเขาเบาๆ “ไม่ต้องดูแล้ว ไม่มีหรอก” ลู่หวายหนิงตกใจอย่างมาก ดวงตาเบิกจนกลมโตมองไปที่เป่ยซิวเยี่ยนบนใบหน้าเย็นชาดุจน้ำแข็งของเป่ยซิวเยี่ยน ก็มีความประหลาดใจอยู่อย่างเลือนรางเช่นกันลู่หวายหนิงยังคงรู้สึกไม่ยากที่จะเชื่ออยู่บ้าง จึงทำการยืนยันอีกครั้ง “อาจารย์ขอรับ เมื่อครู่พี่สาวสัมผัสถูกท่านแล้วใช่หรือไม่ขอรับ?” เป่ยซิวเยี่ยนเอนกายไปด้านหลัง พิงลงบนพนักเก้าอี้ ดวงตาล้ำลึกดุจบึงน้ำอันเยือกเย็นหรี่ลงเล็กน้อยเรื่องที่เขาเป็นภูมิแพ้ผู้หญิงมีน้อยคนนักที่จะรู้ เมื่อครู่คิดจะหยุดนางเพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสโดยตรง แต่กลับทำให้เรื่องกลับตาลปัตรไปกุมมือของนางเข้าโดยบังเอิญ จนเกิดเป็นผลลัพธ์ที่ไม่ได้ตั้งใจขึ้นมา ด้วยเหตุนี้ เขามั่นใจว่าอีกครู่อาการของตนต้องกำเริบ จึงปล่อยให้นางเปลี่ยนยาให้ตนเสียเลย คิดไม่ถึงว่า จนกระทั่งตอนนี้ก็ยังไม่มีอาการผิดปกติอะไรอาการคันชาบริเวณเอวคล้ายจะยังไม่จางหายไป ปลายนิ้วที่เย็นเล็กน้อยตกลงบนหน้าท้องของเขาครั้งแล้วครั้งเล่าราวกับการยั่วเย้า เขาเงียบไปครู่หนึ่ง ลู่หวายหนิงร้อ
เป่ยซิวเยี่ยนมองดวงหน้าที่งดงามดั่งหยกของนาง ดวงตาของนางเต็มไปด้วยความคาดหวัง หัวใจของเขาก็อ่อนลงอย่างน่าประหลาด “ในเมื่อข้ารับปากเจ้าแล้ว ก็ไม่มีทางผิดคำสัญญา เพราะถึงอย่างไรพวกเราก็ต่างมีผลประโยชน์ร่วมกัน”เสิ่นหรูโจวพลันหัวเราะออกมาแล้ว มองเป่ยซิวเยี่ยนอย่างซาบซึ้ง “ท่านผู้สำเร็จราชการ ท่านเป็นคนดีจริงๆ ข้าจะต้องพยายามสุดความสามารถเพื่อรักษาท่านให้ได้แน่” ไม่ว่าในชาติก่อนเขาจะก่อกบฏ เพราะเหตุใด เหตุใดจึงถูกคนขนานนามว่าเป็นพญามัจจุราชที่มีชีวิต แต่สำหรับนางแล้ว เขาก็คือคนดีคนหนึ่งเป่ยซิวเยี่ยนตะลึงไปเล็กน้อย เมื่อเห็นรอยยิ้มที่แย้มบานราวบุปผาของนาง ริมฝีปากบางก็อดโค้งขึ้นเล็กน้อยไม่ได้เช่นกัน “คำชมของพระชายาช่างแปลกใหม่เหลือเกิน” นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ยินคนพูดว่าเขาเป็นคนดีแปลกใหม่? แปลกใหม่ตรงที่ใดกัน?เสิ่นหรูโจวรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย แต่ว่าบาดแผลของเขาได้รับการจัดการเรียบร้อยแล้ว นางจึงถือกล่องยาขึ้นมา“ท่านผู้สำเร็จราชการ สองสามวันนี้บาดแผลของท่านกำลังสมานตัว จะคันอย่างมาก เพียงระวังอย่าไปเกาก็จะหายดีแล้ว เช่นนั้นข้าก็ขอตัวก่อนแล้ว” เป่ยซิวเยี่ยนพยักหน้าเบาๆ รอจนเสิ่