“เจ้าไม่รู้หรอกว่า ตั้งแต่ท้องข้าบวมโตขึ้นมา ข้าก็นอนไม่หลับอยู่ตลอด แม้แต่หายใจก็ไม่สะดวก ตอนนี้เด็กคลอดออกมาอย่างปลอดภัยแล้ว ตัวข้าก็ปลอดภัยเช่นกัน และยังสามารถนอนหลับสนิทได้อีกครั้ง นี่ก็พอใจมากแล้ว” พูดจบ นางก็นวดขมับ “ข้ารู้สึกง่วงขึ้นมาแล้ว ก็ไม่รั้งเจ้าไว้แล้วล่ะ” เสิ่นหรูโจวยิ้มแล้วลุกขึ้น “เช่นนั้นทรงพักผ่อนดีๆ วันหน้าหรูโจวค่อยมาเยี่ยมพระองค์” กุ้ยเฟยพยักหน้า หลี่หมัวมัวส่งเสิ่นหรูโจวออกไป จากนั้นก็กล่าวคำขอบคุณอีกไม่น้อยเสิ่นหรูโจวออกจากประตูวัง หมุนต้นคอที่รู้สึกปวดอยู่บ้าง ทันใดนั้น แขนก็รู้สึกหนักขึ้นมานางหันศีรษะกลับไปมอง ใบหน้าหล่อเหลาดวงนั้นของเซียวเฉินเหยี่ยนอยู่ใกล้อย่างมาก ไม่รอให้นางตอบสนอง เซียวเฉินเหยี่ยนก็ดึงตัวนางขึ้นรถม้า“ท่านทำอะไร” เสิ่นหรูโจวถูกใช้กำลังดันร่างเข้าไปในรถม้า มองเซียวเฉินเหยี่ยนด้วยแววตาระแวดระวังเซียวเฉินเหยี่ยนส่งเสียงไปยังนอกรถม้าครั้งหนึ่ง “กลับจวนอ๋อง” คนขับรถม้ารับคำ “ขอรับ ท่านอ๋อง” อย่างรวดเร็ว รถม้าก็เคลื่อนจากวังหลวงไปเซียวเฉินเหยี่ยนมองไปที่เสิ่นหรูโจว ดวงตาเรียวยาวทั้งคู่มองสตรีที่อยู่เบื้องหน้านิ่งๆ อยู่เช่นนั้
“วันนี้เขาปกป้องเจ้าไปเสียทุกเรื่อง พวกเจ้าคนหนึ่งร้องคนหนึ่งรับ ช่างเข้ากันได้ดีเหลือเกิน หากบอกว่าพวกเจ้าไม่มีความสัมพันธ์กัน แม้แต่ข้าก็ไม่เชื่อ! เจ้ากับเขา ไปสานสัมพันธ์กันตั้งแต่เมื่อใด!”เขายิ่งพูด ดวงหน้าอันหล่อเหลาก็ยิ่งมืดมน ความอิจฉาริษยาและโกรธแค้นในใจดุจก้อนหิมะที่ยิ่งกลิ้งยิ่งมีขนาดใหญ่ เมื่อครู่ตอนอยู่ในตำหนัก เห็นนางกับเป่ยซิวเยี่ยนส่งสายตากันไปมา เขาก็เกือบจะควบคุมอารมณ์ของตนไว้ไม่ได้สรุปว่านางรู้ตัวหรือไม่ ว่านางเป็นพระชายาของเขา!เสิ่นหรูโจวมองสีหน้าที่แสดงความโกรธอยู่เลือนรางของเขา ก็รู้สึกประหลาดใจชาติก่อนเซียวเฉินเหยี่ยนทอดทิ้งนางเหมือนโยนรองเท้าขาด ไม่ว่านางจะทำสิ่งใด เขาล้วนไม่เห็นค่า ไม่สนใจนางแม้แต่น้อยเขาสามารถกักบริเวณนางไว้ในตำหนัก ไม่ถามไม่ไถ่เป็นเวลาหลายวัน เอาแต่เล่นพิณหยอกล้อกับมู่หว่านชิงสุดที่รักของเขา อย่าว่าแต่นางติดต่อกับใครเลย ต่อให้นางตายเกรงว่าใจของเขาก็คงไม่รู้สึกเจ็บสักครั้งยามนี้นางไม่สนใจไยดีเขา เขากลับมาวุ่นวายพัวพันไม่หยุด“ข้อแรก ข้ากับผู้สำเร็จราชการต่างบริสุทธิ์ใจ ไม่มีความสัมพันธ์เกินเลยต่อกัน อย่างได้เอาความคิดสกปรกของท่านมา
เขาเหมือนจะโมโหอย่างมาก มือข้างหนึ่งจับข้อมือทั้งสองข้างของนางกดไว้เหนือศีรษะ มืออีกข้างเชิดคางของนางขึ้น“เจ้าชอบเขาเข้าแล้ว? ก็ใช่ เป่ยซิวเยี่ยนก็หน้าตาดีเช่นกัน สตรีที่หมกมุ่นกับเรื่องรูปโฉมเช่นเจ้า จะเปลี่ยนใจไปรักผู้อื่น ก็ไม่ใช่เรื่องที่ผิดปกติอะไร”เสิ่นหรูโจวถูกเขาทับอยู่ใต้ร่าง ไร้ซึ่งทางหนีและไม่อาจขัดขืน นางฝืนสะกดความหวาดกลัวในใจลงไป กล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ข้าไม่ได้ทำเช่นนั้น ท่านไสหัวออกไป!”“ไม่ได้ทำ?” ความโมโหในดวงตาของเซียวเฉินเหยี่ยนดูเหมือนจะไม่ได้ลดลงแม้แต่น้อย แต่ก่อน เห็นได้ชัดว่าเสิ่นหรูโจวเชื่อฟังเขาในทุกเรื่อง ปรารถนาความสนใจรักใคร่จากเขา แต่บัดนี้กลับรังเกียจเขาเช่นนี้“ข้าไม่สนใจว่าเจ้าจะทำหรือไม่ พวกเจ้าไม่ใช่คนประเภทเดียวกัน และเจ้าจงอย่าได้ลืมฐานะของตน เจ้าเป็นพระชายาของข้า ข้าต้องการจะจูบเจ้ามีสิ่งใดไม่เหมาะสมกัน” “ต่อให้ข้าครอบครองเจ้าบนรถม้า ก็ไม่มีใครกล้าต่อว่าไม่ได้แม้แต่ครึ่งคำ!”กระแสความเย็นสายหนึ่งแล่นขึ้นสู่กระดูกสันหลัง เสิ่นหรูโจวจ้องเซียวเฉินเหยี่ยน โลหิตทั่วทั้งร่างราวกับแข็งตัวไปแล้ว“ท่านพูดอะไรนะ?”นางเหมือนจะเห็นท่าทางดื้อรั้
เพลิงโทสะของเขาพวยพุ่งขึ้นมาในทันที ใบหน้าอันหล่อเหลากริ้วโกรธจนบิดเบี้ยว“เสิ่นหรูโจว ลงมาให้เดี๋ยวนี้!”เสิ่นหรูโจวนั่งอยู่ด้านหน้าของเป่ยซิวเยี่ยน นางคว้าเสื้อคลุมของเป่ยซิวเยี่ยนไว้โดยไม่รู้ตัวเป่ยซิวเยี่ยนในยามนี้ก็คือฟางเส้นสุดท้ายที่จะช่วยชีวิตนาง นางจะต้องจับไว้ให้มั่นแม้นางจะรู้สึกว่าการอยู่ใกล้เป่ยซิวเยี่ยนถึงเพียงนี้ทำให้รู้สึกไม่สบายอยู่บ้าง แต่สายตาของเซียวเฉินเหยี่ยนบอกนางว่า หากลงจากม้าตอนนี้ นางจะต้องถูกจับกลับไปแน่นึกถึงวันคืนที่ถูกกักขังอย่างไม่เห็นแสงเดือนแสงตะวัน นางก็รู้สึกลนลานขึ้นมา ไม่ต้องการตกอยู่ในกำมือของเซียวเฉินเหยี่ยนอย่างเด็ดขาดเซียวเฉินเหยี่ยนเห็นนางไม่คิดจะลงจากม้าแม้แต่น้อย กระทั่งมีเจตนาจะให้เป่ยซิวเยี่ยนคุ้มครองนางด้วย เพลิงโทสะก็ยากที่จะระงับต่อไปได้อีกเขากำนิ้วทั้งห้าแน่น มองเป่ยซิวเยี่ยนด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเป็นศัตรู “ท่านผู้สำเร็จราชการแทน โปรดปล่อยพระชายาของข้าลงมา ข้าจะรู้สึกขอบคุณท่านอย่างมาก” เป่ยซิวเยี่ยนหรุบตาลง มองเพียงเสิ่นหรูโจว เห็นมือของนางจับเสื้อคลุมของเขาไว้แน่น ริมฝีปากเม้มแน่น ดูแล้วต่อต้านอย่างมากเซียวเฉินเหย
พูดไม่ถูกว่าในใจหวาดกลัวหรือโมโหกันแน่ ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกเหมือนหมดแรง ไม่อยากไล่ต่อไปแล้วเขาเข้าไปในรถม้า พูดอย่างเย็นชาว่า “กลับจวน” หลังจากหนีพ้นสายตาของเซียวเฉินเหยี่ยนได้ เสิ่นหรูโจวก็ค่อยๆ สงบสติอารมณ์ลง คาดว่าเซียวเฉินเหยี่ยนไม่น่าจะไล่ตามมาแล้วในดวงตาอันงดงามของนางมีความขอบคุณ “ขอบพระคุณท่านผู้สำเร็จราชการแทนมากที่ลงมือช่วยเหลือ ท่านผู้สำเร็จราชการแทน ปล่อยข้าลงข้างทางก็พอเจ้าค่ะ” เสียงของเป่ยซิวเยี่ยนดังมาจากทางหลังหู “รีบร้อนอะไรกัน เป็นเจ้าที่เกาะอยู่บนหลังม้าของข้าไม่ยอมลงไปต่างหาก” เสิ่นหรูโจวหน้าแดงเล็กน้อย ไม่กล้าแก้ตัวมากนักทว่า การควบม้าด้วยความเร็วบนถนน เดิมก็เป็นเรื่องที่พบไม่มากนัก ยิ่งไม่ต้องพูดถึงหนึ่งชายหนึ่งหญิงขี่ม้าตัวเดียวกัน ตลอดทางพวกเสิ่นหรูโจวทั้งสองคนดึงดูดสายตาคนที่ผ่านไปมาไม่น้อย เช่นนี้ทำให้นางรู้สึกไม่สบายใจอยู่บ้าง และที่ทำให้นางยิ่งรู้สึกอึดอัด ก็คือความเงียบระหว่างพวกเขาทั้งสองนางเงยหน้ามองเขา น้ำเสียงแสดงความขอบคุณว่า “ท่านผู้สำเร็จราชการแทน วันนี้ตอนอยู่ในวัง ขอบคุณท่านมากที่ช่วยพูดให้ข้า ไม่อย่างนั้น ภายใต้สถานการณ์เช่นนั้น เกรงว
ราวกับภูตผีดลใจ เขาเอ่ยปากถามด้วยน้ำเสียงแหบต่ำว่า “เจ้าเคยไปที่ถ้ำกลางเชิงเขาของภูเขาหลีบ้างหรือไม่?”หัวข้อนี้เปลี่ยนเร็วเกินไป คำถามก็ประหลาดเป็นอย่างมากเสิ่นหรูโจวส่ายหัวตามความเป็นจริง “ไม่เคยไป” นางเคยขึ้นไปที่ยอดของภูเขาหลี และยังเคยตกลงมาจากยอดเขา แต่ไม่เคยไปที่ถ้ำอะไรนั่น“เหตุใดจู่ๆ ท่านผู้สำเร็จราชการแทนถึงได้ถามเรื่องนี้?”ใบหน้าหล่อเหลาของเป่ยซิวเยี่ยนมีความผิดปกติวาบผ่าน คิ้วงามประณีตลดต่ำลงเบาๆ ทว่าน้ำเสียงกลับมิได้เปลี่ยน “ไม่มีสิ่งใด ถามไปอย่างนั้นเอง” เสิ่นหรูโจวส่งเสียง “อ่อ” ทีหนึ่ง มิได้ถามสิ่งใดอีก แม้นางจะรู้สึกแปลกใจ ทว่าก็ไม่อยากจะพูดถึงภูเขาหลีอีกตอนนั้นนางก็หายตัวไปในภูเขาหลีแห่งนั้นเอง ตอนกลับมายังกำแหวนปานจื่อหยกไว้อีกวงหนึ่ง พอคิดถึงแหวนปานจื่อหยกวงนั้น นางก็รู้สึกไม่สบอารมณ์ขึ้นมาคนทั้งสองต่างพร้อมใจกันเลิกสนทนาในหัวข้อนี้ เป่ยซิวเยี่ยนควบคุมม้าอย่างมั่นคง พาเสิ่นหรูโจวเหยาะย่างไปตามท้องถนนอันคึกคัก“ท่านผู้สำเร็จราชการแทน นี่พวกเราจะไปที่ใดกัน?” เสิ่นหรูโจวดูแล้วทิศนี้ไม่คล้ายกับทางกลับบ้านของนางเสียงของเป่ยซิวเยี่ยนเรียบเฉย “กลับจวนอุปรา
ตั้งแต่ต้นจนจบ เขาล้วนหวังดีต่อนาง คิดอยากจะดึงนางมาปกป้องอยู่ข้างกาย แต่นางกลับขึ้นม้าของเป่ยซิวเยี่ยน ไม่แม้จะเหลือบมองเขา จากเขาไปอย่างไร้ไมตรีเหมือนที่ลู่หวายหนิงพูด นางกับเป่ยซิวเยี่ยนจึงจะเป็นคนในเส้นทางเดียวกัน!เมื่อคิดถึงภาพเมื่อครู่ เพลิงอันชั่วร้ายกองหนึ่งในก้นบึ้งของจิตใจก็ลุกโชนขึ้นมา แผดเผาจนศีรษะของเขาพองโต จู่ๆ ก็นึกถึงฝันอันแปลกประหลาดนั้นขึ้นมาอีกเขาเห็นเสิ่นหรูโจวที่อยู่ในฝันยิ้มให้เขา ทั่วทั้งดวงตาเต็มไปด้วยความรัก เอาแต่เกาะติดอยู่ข้างกายเขาตลอด เหตุใดในความเป็นจริง เสิ่นหรูโจวกลับห่างเขาออกไปไกลขึ้นเรื่อยๆ ทีละก้าวทีละก้าวความฝันกับความเป็นจริงกำลังต่อสู้กันอยู่เบื้องหน้า เขากลับแยกไม่ค่อยออกแล้วว่าสิ่งใดคือความจริงกันแน่ รู้สึกจิตใจว้าวุ่นอย่างมากในยามนั้นเอง มู่หว่านหรงก็เดินเข้ามาเมื่อเห็นด้านหลังของเซียวเฉินเหยี่ยนไม่มีคน หินที่ทับอยู่ในใจของนางจึงหล่นลงพื้นได้ในที่สุดเมื่อครู่เซียวเฉินเหยี่ยนให้นางกลับจวนก่อน นางยังคิดว่าเขาไปหาเสิ่นหรูโจวแล้ว ต้องการพาเสิ่นหรูโจวกลับมาไม่ได้กลับมาย่อมดีที่สุด นางหุบมุมปากลง แสร้งทำเป็นห่วงใยถามว่า “ท่านอ๋อง พร
เสิ่นหรูโจวมองเขาอย่างคาดไม่ถึงทีหนึ่ง การกระทำที่ใจกว้างและมีมารยาทเช่นนี้ ทำให้ความประหม่าตลอดทางเมื่อครู่ของนางดูเหมือนจะเป็นพวกคิดเล็กคิดน้อยไปแล้ว นางมิได้จับมือของเขาโดยตรง ทว่าจับข้อมือของเขาไว้แล้วลงจากม้า“ขอบคุณมากเจ้าค่ะ” นางค้อมศีรษะยิ้มบางๆในเวลานี้ ลู่หวายหนิงก็ตามกลับมาที่ด้านหลังเช่นกันเขาลงจากม้า เดินเข้ามาอย่างยิ้มแย้ม “ท่านอาจารย์ พี่สาว พวกท่านควบม้าเร็วเกินไปแล้ว ข้าตามไม่ทันเลย” ดวงตาใสกระจ่างของเขามีความเจ้าเล่ห์สายหนึ่งวาบผ่าน ที่จริงแล้วเขาตามอยู่ด้านหลังคอยดูพวกเขาอยู่ตลอด แต่เขาจงใจรักษาระยะห่าง เพื่อไม่ไปรบกวนภาพแสนสวยงามนั่นเป่ยซิวเยี่ยนมิได้กล่าวสิ่งใด เดินตรงเข้าไปในจวนอุปราชลู่หวายหนิงก็รีบดึงเสิ่นหรูโจวตามไปเช่นกันในห้องหนังสือ เป่ยซิวเยี่ยนถอดเสื้อคลุมออก พาดไว้บนราวแขวน“ยาของเจ้าข้าได้เห็นแล้ว ไม่เลวจริงๆ ยาแก้ปวดแก้อักเสบเป็นสิ่งจำเป็นในสนามรบจริงๆ ข้าสามารถร่วมมือกับเจ้าได้ ข้าออกเงินเจ้าออกแรง” เขานั่งอยู่ที่โต๊ะหนังสือ หยิบน้ำชาที่เตรียมไว้เรียบร้อยก่อนแล้วบนโต๊ะขึ้นมา หลังจิบเบาๆ ไปคำหนึ่ง สายตาก็มองไปที่เสิ่นหรูโจว “เจ้ามีเท่าไห