นิ้วเรียวของดารินธิราเกลี่ยหยาดน้ำตาที่ชุ่มเลอะทั่วใบหน้าของตน วาดขายาวนั่งลงด้านข้างร่างสูงที่กำลังก้มหน้าก้มตาร้องไห้ ฝ่ามือวางลงบนแผ่นหลังกว้าง ปลอบประโลมด้วยการตบเบา ๆ ใบหน้าขาวผงกขึ้นหันมอง เผยให้เห็นสภาพของอัจฉริยะหน้าตายที่เลอะเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตาของลูกผู้ชาย
ปลายจมูกโด่งคมสันที่แดงอมชมพูนั่นดูไร้เดียงสาราวกับเด็กน้อย ชวนให้มือของเธอรั้งตัวเขาเข้ามา ร่างของเขาเสียหลักลงในอ้อมกอดอุ่นของเธอ
ช่วงเวลานี้เธอจะไม่ผลักไสเขา ขอให้เธอเป็นฝ่ายโอบกอดปลอบใจเขาสักครั้ง แม้ว่ามันอาจจะเป็นครั้งเดียวก็ตาม
ดวงตาแดงของแม็กนัสเบิกกว้าง ยามที่กระพริบน้ำใสก็ไหลรินหยดลงอย่างไม่ขาดสาย เขาตอบรับโดยการโอบกอดแผ่นหลังเล็กแล้วกระชับกอดแน่น
ดารินธิราลูบแผ่นหลังของเขาขึ้นลงไปมาดุจดั่งมารดาผู้ปลอบโยนบุตรชาย เพราะผู้ชายคนนี้ขาดความรักความอบอุ่นจากครอบครัว เขาจึงเป็นเช่นนี้ ปากร้ายใจดี แต่บางทีก็ตรงแรงแต่จริงใจ และบางครั้งก็เถรตรงจนคนฟังรับไม่ไหว
คงมีแต่เธอเพียงเท่านั้นที่รับทุกการกระทำและคำพูดของเขาได้เสมอ
ชายหนุ่มยอมผละออกจากอ้อมกอดของร่างบอบบาง จังหวะที่เขาเตรียมจะลุกขึ้นเธอก็รั้งข้อมือของเขาเข้ามา แล้วยื่นปากลงไปประทับที่หน้าผากมนสว่าง
ดวงตาบวมช้ำเบิกกว้างสับสนกับสิ่งที่เธอทำ แต่เพราะเขาทำร้ายเธอก่อนหน้านี้ จึงทำให้เขาไม่สามารถตอบรับความหวังดีของเธอ
"ผมขอโทษ"
"แม็กนัส คุณโอเคใช่ไหม"
"ผมจะให้ฮัลค์ไปส่งคุณที่บ้าน"
การที่เขาบอกว่าจะส่งเธอกลับบ้านทำไมฟังแล้วมันช่างเจ็บแปลบถึงเพียงนี้ ทั้งที่เธออุตส่าห์ปลอยโยนเขา
คำว่าขอบคุณสักคำก็ไม่มีให้เธองั้นเหรอ "จูบเมื่อกี้พอจะลดค่าความเกลียดได้บ้างไหม ฉันอยากให้มันลดเหลือศูนย์ หรือถ้ามันลดไม่ได้ เราก็เกลียดกันต่อไปดีกว่า"
"ได้ตามนั้น ระหว่างเราเกลียดกันเหมือนเดิมนี่แหละ น่าจะเหมาะสมกันมากที่สุดแล้ว" น้ำเสียงของเขาเอ่ยขึ้นอย่างประชดประชัน
"งั้นคุณก็ช่วยทำตัวให้มีกาลเทศะด้วยนะ หลินเย่ซี อย่าทำตัวเป็นผู้ว่าจ้างป่าเถื่อน ฉันจะคิดว่าจูบเมื่อกี้ก็คือหมาเลียปากล่ะกัน"
แผ่นหลังบางหมุนกายกลับออกไป แม็กนัสชายตามองอย่างปวดใจ เขาทั้งแค้น ทั้งเกลียด แต่ขณะเดียวกันก็บอกความจริงกับเดมี่ไม่ได้ว่า ในความรู้สึกว้าวุ่นเหล่านี้มีคำว่า 'รัก' รวมอยู่ด้วย
สามวันผ่านไป เป็นสามวันที่ยาวนานเหมือนสามเดือน
ตั้งแต่เธอจากคฤหาสน์อาเวนชี่มา ก็ขาดการติดต่อกับนายอัจฉริยะคนนั้น แต่ก็เป็นจังหวะดี เพราะเธอปั่นงานวาดภาพสีน้ำมันของงานนิทรรศการ 'มองสื่อผ่านศิลปะ' เสร็จเรียบร้อย และก็เดินทางมาถึงสถานที่จัดงาน ฟอร์ทเมสัน เซ็นเตอร์
"พี่เดมี่คะ ตรงนี้จัดสไตล์นี้โอเคมั้ยคะพี่" กุ๊กไก่ถามขณะที่กำลังช่วยทีมออกาไนซ์ของสถาบันจัดเตรียมงานนิทรรศการอย่างตั้งอกตั้งใจ แต่พอสังเกตุไปที่ใบหน้าของเจ้านายสาวก็ทำให้เธอต้องรีบเดินเข้ามาใกล้ ๆ แล้วตบที่หัวไหล่ของเธอ
"จ้า....เธอว่าไงนะ"
"ฉันจะถามพี่ว่าสวยถูกใจพี่หรือยัง"
ดารินธิรากวาดจตามองหาจุดบกพร่องที่ทีมงานของเธอจัดวางชิ้นงานภาพศิลปะและประติมากรรมต่าง ๆ
ทว่าทุกอย่างก็ดูดีเกินความคาดหมาย
"เป๊ะปัง ไม่ดูรก แล้วก็ชูความโดดเด่นของภาพได้อย่างยอดเยี่ยม"
"เย้! งั้นพวกเราไปเดินหาอะไรกินที่ฟิชเชอร์แมนวาร์ฟกันมั้ยคะพี่"
"ได้สิ"
ตอบรับด้วยรอยยิ้มสดใส แต่กระนั้นเมื่อขายาวพลิกหันหลัง ใบหน้าเริดเชิดหยิ่งยโสของฟีโอน่า พาร์สันก็เคลื่อนเข้ามา พร้อมกับเขา บุคคลที่เธอไม่ได้เจอเกือบสามวัน
"ก็ดู...เรียบหรูแล้วก็เข้ากันกับเงินที่ฉันเปย์ให้เธอไปจัดงานนี้ คุณว่าสวยมั้ยคะแม็ก"
ยิ้มหวานถามชายในชุดสูทสีดำสนิทด้านข้าง แต่เขาทำเพียงส่งยิ้มจาง ๆ ให้เป็นคำตอบ แล้วเดินตวัดปลายเท้าไปทางอื่น มองผ่านดวงตากลมโตของดารินธิราไปในทันที
"ทำไมนังปีศาจนั่นมากับคุณแม็กนัสได้ล่ะเนี่ย โอ๊ย..แล้วที่เขาปั่นเทรนด์ช่วยพี่นั่น มันคืออะไรกันแน่ หรือเขาทำเพื่อเรียกขวัญกำลังใจให้ตัวเอง ไม่ได้ทำเพื่อพี่"
"พอเถอะน่ากุ๊กไก่ เราไปกันเถอะ"
หญิงสาวเดินหาของกินอร่อยๆ กับทีมงานของบีเดอะไลท์ หลังจากนั้นพอฟ้าเริ่มมืดต่างคนก็ต่างแยกย้ายไปพักผ่อนตามอัธยาศัย
"กุ๊กไก่เธอกลับไปพักผ่อนที่โรงแรมก่อนนะ พี่ว่าจะไปถ่ายรูปเก็บไอเดียสำหรับโปรเจค 4D อาร์ทของสถาบันสักหน่อย"
"ได้ค่ะ ยังไงพี่ก็อย่ากลับดึกนะคะ"
ดารินธิราเดินชมบรรยากาศยามค่ำคืนของ Pier 39 ท่าเรือจำนวนมากที่จอดเทียบท่าส่องแสงสีส้มสว่างไสวยามค่ำคืนชวนให้นึกถึงกลิ่นอายของความวินเทจเก่า ๆ ที่คละคลุ้งอยู่รอบท่าเรือคลาสสิคแห่งนี้ แต่การบันทึกภาพเพื่อเป็นไอเดียก็ต้องจบลง พลันใดเมื่อหยาดฝนเทกระหน่ำลงมา พร้อมกับลมกระโชกที่พัดโบกขึ้นมาจากอ่าวซานฟรานซิสโก ทำให้เรือลำใหญ่น้อยทั้งหลายโคลงเคลงตามคลื่นที่ยกตัวขึ้นมากระทบฝั่งเม็ดฝนที่โปรยปรายลงมาเทสาดบงพื้นทางเดินบดบังทัศนียภาพตรงหน้าให้พร่ามัว ผู้คนและนักท่องเที่ยวที่เดินออกมาชมวิวทิวทัศน์แห่กันวิ่งหลบฝนจ้าละหวั่น รวมทั้งเธอด้วย ทันใดเสียงคำรามก็ดังกึกก้อง ไฟฟ้าบริเวณนี้ดับพรึ่บมืดสนิท จึงแทบมองอะไรไม่เห็นและเพราะความรีบร้อนของหญิงสาวทำให้โทรศัพท์ในมือกระเด็นหลุดจากกระเป๋ากางเกงยีนส์ดารินธิราจึงก้มลงควานหาจนทั่วแต่พอหยิบขึ้นมา แขนเสื้อกลับคล้องเกี่ยวกับร่องไม้ทางเดิน ติดแน่นจนตึงแขนไปหมด พยายามดึงเท่าไหร่ก็ดึงไม่ออกตอนนี้เธอทั้งหนาวทั้งสั่น ปากและฟันกระทบกันเสียงดังจนแทบบรรเลงเป็นเพลง ดวงตาสลดหลี่มองหาความช่วยเหลือ และสะดุดเข้ากับแหวนที่ผู้ชายเย็นชาคนนั้นมอบให้ จึงลองกดแหวนหัวลูกปัดดู
ฮัลค์ บอดี้การ์ดอาสาให้เจ้านายทั่วราชอาณาจักรขับรถมาส่งเดมี่ที่โรงแรม หญิงสาวหอบหิ้วถุงเสื้อผ้ามากมายเข้ามาแล้วกองลงตรงหน้าของกุ๊กไก่อยู่ตรงหน้าของหญิงสาว เลขาสาวเหลือบตาดูสภาพของเดมี่ที่ดูอิดโรยอยู่ในเสื้อเชิ้ตสีดำผู้ชายเพียงตัวเดียวเธอก็เผลอคิดจินตนาการไปไกลว่าบอสสาวกับแม็กนัสไปถึงแดนสวรรค์ชั้นเจ็ดเรียบร้อย"พี่กับคุณแม็ก คงไม่ได้แบบว่า" เธอพูดพลางบิดตัวไปมาแล้วทำท่านิ้วชี้ชนกันให้เจ้านายสาวดู "ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ คุณแม็กนัสของเธอแค่ผ่านไปเจอพี่ตอนกำลังพายุฝนเมื่อคืนก็เลยพากลับมาพักที่โรงแรม""งั้นเหรอคะ อ้อ...แล้วพี่จะไปร่วมพิธีเปิดงานนิทรรศการวันนี้มั้ยคะ ชุดสวย ๆ ของพี่ที่เตรียมไว้ฉันก็เอามาเผื่อด้วยค่ะ" "พี่ต้องไปสิ ถ้าพี่ไม่ไปก็ไม่รู้ว่าพวกเธอจะโดนฟีโอน่าเล่นงานอะไรอีก"งานเปิดตัวนิทรรศการมองสื่อผ่านศิลปะที่ฟอร์ท เมสัน เซ็นเตอร์เปิดตัวอย่างสวยงาม ภายในงานหนับหนาฝาคั่งไปด้วยแขกเหรื่อพันธมิตรและศิลปินที่เป็นส่วนหนึ่งของการจัดแสดงผลงานร่วมกันจำนวนมาก ดารินธิรายืนไหว้และส่งยิ้มให้กับช่างภาพและสื่อหลายสำนัก พร้อมกับโพสท่าถ่ายรูปร่วมกับเหล่าแฟนคลับที่ชื่นชอบศิลปินสาวคนนี้ขณะที
"คุณกำลังจะไปไหนหรือเปล่า" เดมี่ตัดสินใจถามออกไปตรง ๆ"เอ้า....ฉลาดขึ้นมาหน่อยแล้วนิคุณ""อย่ากวนบาทาได้มั้ยคะ ตอบมาเฉย ๆ ยากนักหรือไง""ตอบคำถามคุณเนี่ยยากที่สุดในโลกเลยล่ะ ความจริงก็ไม่ได้มีอะไร อีกสองวันผมแค่จะไปโจฮัสเนสเบิรก์" "แล้วไปนานแค่ไหนคะ ไอ้ที่ฉันถามก็เพราะ... เพราะว่าจะได้สบายใจ ยิ่งคุณไปนาน ๆได้ยิ่งดี""ผมยังไม่มีกำหนดกลับ ไงล่ะนานสมใจคุณดีมั้ย"หัวใจของดารินธิราเหมือนหล่นวูบหาย ราวกับว่าออกซิเจนบนโลกใบนี้ไม่มีเหลือให้เธอหายใจอีกเหตุผลสำคัญอะไรกันที่เขาต้องไปแบบไม่มีกำหนดเดินทางกลับ แล้วความรู้สึกที่เขายัดเยียดให้เธอล่ะ เขาไม่คิดจะรับผิดชอบบ้างเลยใช่มั้ยความจริงแล้วในใจของอัจฉริยะอย่างเขาที่เอาแต่คิดแต่นวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อผดุงความยุติธรรมให้โลก มันมีความรู้สึก 'ผูกพัน' กับผู้หญิงธรรมดาอย่างเธออยู่บ้างไหม ชายหนุ่มผมสีเงินเห็นว่าเธอนิ่งเงียบไร้การถกเถียงต่อปากต่อคำกับเขาก็อดเป็นห่วงความรู้สึกของเธอไม่ได้ แต่เธอจะรู้สึกอะไรกับคนที่ทำเรื่องเลวร้ายกระทบกระเทือนจิตใจเธอสารพัดภายในใจของดารินธิราคงกำลังกระโดดโลดเต้นอยู่เสียมากกว่าที่รู้ว่าผู้ชายน่ารำคาญอย่างเขากำลังจะจากไป
ดารินธิรานอนคว่ำเหยียดยาวอยู่บนเตียงนอนและอยู่ในชุดนอนเสื้อยืดสีขาวตัวใหญ่ที่ยาวคลุมถึงเพียงแค่ช่วงสะโพกกลมกลึง ท่อนล่างใส่ซับในแบบกางเกงเพื่อปกปิดเรียวขาเปล่งปลั่งไม่ให้ดูน่าเกลียด หลังจากที่ชำระล้างร่างกายจนสดชื่นดีแล้ว เพียงแค่หยิบสมุดโน็ตในกระเป๋าออกมาเขียนจดไอเดียอยู่ไม่ถึงยี่สิบนาทีความง่วงก็เข้ามาทำหน้าที่สั่งการให้ร่างกายได้พักผ่อนเดี๋ยวนั้นขณะที่ปาตาโกไททัน มาโยรัม นอนหลับเงียบอยู่บนฟูกของมันโดยไม่รบกวนทาสสาวแต่อย่างใด ก๊อก! ก๊อก! เสียงเคาะประตูเรียกดังถึงสองครั้งแต่เจ้าของห้องนอนก็ยังคงหลับเงียบฝันลึกจนคนด้านนอกต้องเป็นฝ่ายเปิดประตูเข้ามาแทน และเห็นว่าหญิงสาวหลับสนิทอยู่บนเตียงนอนด้วยสภาพใบหน้านอนทับอยู่กับสมุดโน๊ดมือข้างหนึ่งยังคงกำดินสอ ชายหนุ่มยกกระเป๋าเดินทางและสัมภาระที่เขาไปขนมาจากโรงแรมซึ่งทีมงานของดารินธิราพักระหว่างงานนิทรรศการที่ ฟอร์ทเมสัน เซ็นเตอร์ เขานึก ๆ แล้วก็รู้สึกตลกกับพฤติกรรมของตนเองอยู่เหมือนกัน เพราะเขาหอบหิ้วดารินธิราไป ๆ มา ๆ ทำให้เธอไม่ได้มีโอกาสนอนพักที่โรงแรมกับทีมงานของตัวเองเลยสักครั้ง ป่านนี้เธอคงคิดในใจอยู่ว่าเขาเป็นคนมักง่ายเห็นแก่ตัว
ใบหน้าที่เลอะเทอะคราบน้ำตาสะอื้นเสียงดังแข่งกับเสียงฟ้าร้องคำรามด้านนอกตัวบ้าน เป็นจังหวะเดียวกับที่กุ๊กไก่โทรเข้ามาหา เธอพยายามหยุดร้องไห้และกดรับโทรศัพท์ของเลขา"จ้ะ ว่าไงกุ๊กไก่""พี่คะ คุณแม็กโอเคไหมคะ""ทำไมคนพรรค์นั้นต้องไม่โอเคด้วยล่ะ""นี่คุณแม็กยังไม่ได้บอกพี่เหรอคะ เฮ้อ!...พ่อพระจริง ๆ ชอบปิดทองหลังพระตลอด""เธอพูดอะไรพี่ไม่เห็นเข้าใจ""ก็คุณแม็กกับมือขวาร่างยักษ์มาหาฉันที่โรงแรม บอกว่าจะมาเอาสัมภาระของพี่ แต่อยู่ดี ๆ ยัยปีศาจฟีโอน่า ก็โผล่พรวดมากับคุณเบลค อาเวนชี่เฉยเลย""เธอหมายถึงพ่อของเขาน่ะเหรอ""ใช่ค่ะ แถมคนของพ่อเขายังจับคุณแม็กลากไปแบบถูลู่ถูกัง พาเข้าไปห้อง ๆ หนึ่งในโรงแรม ฉันเห็นว่าเขาหายเงียบไป กลัวจะเกิดเรื่องไม่ดี ก็เลยโทรตามคุณฮัลค์ที่บอกว่าจะแวะไปซื้ออาหารแมว หลังจากที่คุณฮัลค์มาถึงก็รีบเข้าไปเจรจาพาตัวคุณแม็กออกมา แต่ฉันก็ยืนดูอยู่พักใหญ่กว่าพวกเขาจะกลับออกมา แถมสีหน้าคุณแม็กก็ดูไม่ค่อยดี" "ตกลงเธอรู้หรือเปล่าว่าเกิดอะไรขึ้น" "ตอนแรกก็ไม่รู้หรอกค่ะ คุณแม็กไม่ยอมเล่า แต่มันคันปาก ตะกี้ก็เลยโทรหาคุณฮัลค์เพื่อถามตรง ๆ คุณฮัลค์บอกว่าก่อนวันที่คุณแม็กจะมาฟอร์ทเม
สมองของคนฟังเบลอไปชั่วขณะ เมื่อได้ยินประโยคที่เสียงหวานเอ่ยถามขึ้นอย่างชัดเจนเต็มสองหูสายฟ้าที่ฟาดลงมาดังเปรี้ยงปร้างก็ไม่อาจดับความตื่นเต้นแปลกใหม่ที่ก่อตัวขึ้นในใจ ฮัลค์ทำตาลุกวาวมองเจ้านายหนุ่มพร้อมกับเกาหัวแกรก ๆ แก้อาการเขิน"ทำไมคุณเดมี่ต้องขออนุญาตผมด้วยล่ะครับ ก็ขอกับคุณแม็กเองเลยสิครับ เอ่อ...คุณแม็กครับผมขอตัวก่อนนะครับ" มือขวาคนสนิทเดินสับขาเข้าห้องนอนชั้นล่างของตนเองในพริบตาเดียว เพราะตอนนี้ไม่ใช่เรื่องที่เขาจะยื่นมือเข้ามายุ่งเกี่ยวได้ที่เหลือคงต้องให้เจ้านายหนุ่มของเขาตัดสินใจเอาเองฝ่ามือของดารินธิรายังคงยื่นค้างรอให้เขาจับ แต่ชายหนุ่มก็ยังคงหยิ่งยโส ทำเมินเฉยกับสิ่งที่เธอถาม"จะนั่งตัวเปียกอยู่ตรงนี้ไปยันเช้าเลยเหรอคะ" "คุณพูดอะไรออกมารู้ตัวไหม"หญิงสาวถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก้มลงรวบใบหน้าขาวมึนตึงของเขามากอบกุมแล้วบดจูบลงไปยังเรียวปากซีดเซียวนั่นดวงตาของคนโดนปล้นจูบถึงกับลุกวาวตื่นตะลึง กระทั่งปากอิ่มละออก กระซิบบอกข้าง ๆ กกหูร้อนผ่าวของเขา"ขอบคุณสำหรับทุกเรื่องที่คุณทำให้ฉัน หลินเย่ซี"ยิ้มกว้างสดใสและลุกเดินจากเขามาด้วยความรู้สึกกระดากอาย จังหวะที่มือน้อย ๆ กำลังผลั
ดารินธิราออกมาจากห้องนอนของชายหนุ่มได้อย่างโล่งใจ ใจหนึ่งก็อยากรู้ว่าเขาคุยอะไรกับคนในแชทต่อ แต่ว่ามันไม่ใช่กงการอะไรที่เธอจะต้องรับรู้ ต่อให้รู้ก็คงช่วยอะไรเขาไม่ได้อยู่ดี ม๊าว! ม๊าว!"ว่าไง ปาตาโกไททันมาโยรัมสุดหล่อ" หญิงสาวเขี่ยคางของเจ้าเหมียวขี้อ้อนแล้วอุ้มมันขึ้นมานอนบนเตียงด้วยทว่าขณะที่สมองเริ่มเกิดอาการสะลืมสะลือ ร่างสูงก็เข้ามายืนจังก้าอยู่ปลายเตียงเสียแล้ว"ไอ้ปาตาโกไททัน มาโยรัมนี่มันที่ฉัน" พูดกับเจ้าเหมียวที่นอนซุกหลับอยู่บนหน้าท้องของดารินธิรา จนเจ้านายขนฟูลุกบิดขี้เกียจพลางกระโดดตุ้บลงไปหาทาสหนุ่มขี้อิจฉา ทำเป็นออดอ้อนไซ้หน้าขาให้ตายใจแต่พอทีเผลอก็ฝังเขี้ยวแหลมคมลงมาที่ข้อเท้าของเขาอย่างแรง"โอ๊ย! แกไอ้แมวขี้โกง ไปนอนโน่นเลย " เขาทะเลาะกับปาตาโกไททันมาโยรัม แล้วจับเจ้าแมวหนุ่มโยนเข้าไปในห้องนอนของตัวเองขณะที่ใบหน้างัวเงียผุดลุกขึ้นดูพลางใช้มือขยี่ดวงตาชะเง้อมองว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างคนกับแมว"เสียงดังอะไรอีกล่ะคุณ แล้วเจ้าเหมียวล่ะ" "ผมให้ไปนอนที่ห้องผมแทน""ทำไมล่ะคะ""ก็คืนนี้ผมจะนอนกับคุณไง""ห๊ะ!! เดี๋ยว ๆ นอนยังไง ต่างคนต่างหลับ หรือนอนแบบนู๊ดคอนเซ็ปต์" "โฮ้
หญิงสาวเดินตรงไปสะกิดหัวไหล่ ขณะกำลังคุยกับพ่อครัวของร้านอาหาร และพลิกหันกลับตามแรงสะกิด ทันใดนั้นดินสอพองในขันน้ำลายไทยสีเงินของเธอก็ถูกป้ายลงมาที่ใบหน้าขาวใสอย่างว่องไวแม็กนัสเบิกตากว้างไม่ใช่เพราะกำลังรู้สึกเหวอกับสิ่งที่เธอป้ายลงมาทีหน้าซึ่งมาพร้อมกับความหอมจรุงจมูกแบบไทย แต่สิ่งที่เขาไม่ชอบใจนักเพราะแม่ศิลปินสาวดันอยู่ในชุดเดรสสั้น ความยาวกระโปรงนั่นที่เป็นปัญหา เพราะมันยาวเลยเข่ามาเล็กน้อย ทำให้ดูจะสั้นเกินไปสำหรับเขา ดวงตาเรียวสีน้ำตาลเข้มมองสลับซ้ายสลับขวา สอดส่องดูว่ามีสายตาหื่นคู่ไหนบ้างแอบมองแม่แมวเหมียวเดมี่ของเขาอยู่บ้าง "เป็นอะไรคะ ทำไมต้องทำหน้าทำตาล่อกแล่กแบบนั้นด้วยอ่ะ""ก็...กระโปรงมันจะดูสั้นไปหน่อยไหมคุณ""วันสงกรานต์ใครเขาจะมาใส่เสื้อยืดกางเกงยีนส์อยู่ล่ะคะ""ผมว่ามันโป๊ไปหน่อย แต่เอาเถอะ...ให้ใส่แค่ช่วงเทศกาลสงกรานต์เท่านั้นนะ เทศกาลอื่นคุณต้องงด แต่อนุญาตให้ใส่เฉพาะอยู่กับผมคนเดียวเท่านั้น""คุณแม็กครับ อาหารโต๊ะ 12 ได้แล้วครับ" "ครับพ่อครัวแสง" เขาขานรับพ่อครัวแสงด้วยน้ำเสียงดังฟังชัด รับถาดอาหารแล้วเดินไปเสริฟ์ปล่อยทิ้งให้คนขี้เล่นอย่างดารินธิรายืนเก้อเซ็ง
เดมี่ได้ยินพวกคิสท์ โอซัลลิแวนคุยกันเรื่องแผนที่ และแผนฆ่าสามีของเธอ ซึ่งความจริงเรื่องแผนที่นั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญอีกต่อไปพราะทุกๆ เส้นทางแทบจะปรากฏเด่นชัดอยู่ในรอยหยักสมองเรียบร้อยแล้ว เรื่องสำคัญกว่าที่เธอต้องกังวลคือจะปกป้องสามียังไงดีในสถานการณ์ที่คับขันเช่นนี้ผู้หญิงอย่างเธออาจจะไม่ได้ดีพร้อมและเก่งไปหมดทุกเรื่อง แต่บางเรื่องก็จำเป็นแม้จะไม่เก่งและพร้อมก็ตาม ก่อนที่จะตัดสินใจว่าจะขอเป็นเบี้ยตัวหนึ่งที่จะดึงความสนใจของศัตรูสามีมาเป็นเธอแทน เธอไม่ลังเลเลย แต่เลือกด้วยความเด็ดขาด ในชีวิตนี้เธอเคยสูญเสียพ่อไป และก็เคยเสียศูนย์จากการไร้พ่อมานานหลายปี รวมทั้งเสียเวลากับการไม่เข้าใจความเจ็บปวดของคนที่เธอรัก และกว่าจะเข้าใจความรู้สึกของกันและกัน ก็ต้องผ่านร้อนผ่านหนาวมานับไม่ถ้วน วินาทีที่เธอก้าวมายังจุดที่อันตรายสุดขีดแล้ว จะถอยหลังกลับไปยังจุดเริ่มต้นก็คงจะป่วยการเสียแล้ว ถ้าแม็กนัสจะโกรธเธอเพราะความบุ่มบ่ามใจร้อนและเข้ามายุ่งกับงานของเขา เธอก็จะยอมรับ เพียงแต่ว่าขอให้เธอมีโอกาสช่วยเขาบ้างก็พอ ในห้องพักหรูวีไอพีชั้นสุดของโรงแรมซึ่งห้องของเดมี่อยู่ห่างกับห้องที่แม็กนัสอยู่เพียงสองห้อ
ฮัลค์ผู้ที่กุมความลับทุกอย่างไว้รีบวิ่งตามภรรยาของเจ้านายไปด้วยความเป็นกังวล เพราะเขากลัวว่ามันจะกลายเป็นเรื่องราวบานปลายใหญ่โต ทางที่ดีเปิดเผยความจริงกับเธอก่อนดีกว่า แล้วอย่างอื่นค่อยว่ากันอีกที“พาฉันไปร้านอาหารของแม่หน่อยได้ไหมคะ?”“คือว่า....ก่อนที่คุณเดมี่จะไป ผมขอให้คุณเดมี่ไปที่ๆ หนึ่งด้วยกันก่อนได้ไหมครับ”หญิงสาวรีบเช็ดน้ำหูน้ำตาที่เลอะเปื้อนเต็มดวงหน้า แล้วพยักหน้ารับเกือบสี่สิบนาทีบอดี้การ์ดหนุ่มจึงได้พาดารินธิรามาส่งที่บ้านทรงเอเฟรมของเธอ ดารินธิราหันไปมองหน้าเขาอย่างสับสนงุนงง“รีบเข้าบ้านก่อนเถอะครับ เพราะผมไม่รู้ว่ามีหูตาสัปปะรดที่ไหนคอยมองดูพวกเราอยู่หรือเปล่า”“ทำไมล่ะคะ?”เอ่ยถามพลางรีบร้อนลงจากรถก่อนจะยืนมองบ้านของตัวเองที่ไม่ได้กลับมาพักใหญ่ หญิงสาวหากุญแจบ้านที่ซ่อนไว้ใต้กระถางต้นไม้แล้วไขกุญแจ ทว่าไขเท่าไหร่ก็ไขไม่เข้า“เอ้…..หรือมันจะเสียแล้ว”“มันไม่ได้เสียหรอกครับ”ชายหนุ่มตัวโตยิ้มแล้วหยิบเอากุญแจอีกดอกที่อยู่ใต้กระถางต้นดอกคาเมเลียหน้าบ้านของดารินธิราออกมา แล้วหันซ้ายหันขวาดูท่าทีก่อนจะรีบไขเข้าไปในตัวบ้าน เขาก็ปลดปล่อยทุกสิ่งทุกอย่างออกมาหลังจากที่สับคัทเอ
มือที่จับปากกาสไตลัสอยู่นั้นค้างนิ่งกลางอากาศ ใบหน้าเงยขึ้นมองมายังต้นเสียงที่ขัดจังหวะศิลป์ของเธอ ดวงตากลมโตเหล่มองใบหน้าของฮัลค์อย่างคนมีคำถาม"คุณ?""พ่อสิ คุณอะไรเล่า?""อ่อ..ค่ะคุณพ่อ แล้วลมอะไรหอบคุณพ่อมาถึงที่นี่""ก็เธอเป็นลูกสะใภ้ตระกูลอาเวนชี่แล้วไม่ใช่รึไง""ค่ะ....แล้วมีธุระอะไรกับฉัน หรือว่ามาหาคุณแม็กคะ""ไอ้ลูกบ้านั่นฉันไปหามันเรียบร้อยแล้วล่ะ เพราะแบบนี้ไงถึงได้มาหาเธอ""เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าคะ?"เบลค อาเวนชี่ ย่อตัวนั่งลงบนโซฟาตัวยาวอย่างเหนื่อยหน่ายใจต่างกับคนเดิมที่เคยเกรี้ยวกราดใส่เธอ"แม็กนัสได้รู้ความจริงเรื่องแม่ของเขา ความจริงที่ฉันปิดบังมาตลอดหลายสิบกว่าปีมานี้ ที่ว่า.....แม่ของเขาเป็นอาชญากรที่ถูกทางการจีนหมายหัว และฉันเองเป็นคนที่ถูกส่งมาให้จัดการเธอ แต่แล้วฉันก็ไม่อาจทำเรื่องแบบนั้นได้ เพราะ.....""คุณรักเธอ" ดารินธิราต่อประโยคที่ขาดช่วงไปอย่างนุ่มนวล "ใช่....ฉันรักแม่ของเขามาก จนยอมเป็นคนเลว แต่ฉันไม่อยากให้เจ้าแม็กคิดว่าฉันกับแม่ของเขาให้กำเนิดเขาเพราะเหตุผลอื่น ที่ฉันแต่งงานกับแม่ของเขาเพราะความรักจากใจจริง ไม่ใช่เพราะภารกิจลับจากองค์กรไหนทั้งนั้น ฉันแ
เสียงของเธอถูกคงส่งไปไม่ถึงเขา เพราะโทรศัพท์ถูกตัดสายทิ้งซะก่อน และเขาก็ยังคงไม่รู้ว่าเธอโทรมา แล้วผู้หญิงที่อยู่ปลายสายนี้ล่ะ เธอเป็นใครกันแน่ ทำไมสามีของเธอถึงยอมให้หล่อนมาอยู่ด้วยจนมืดค่ำขนาดนี้ ใช่ว่าเธอจะเป็นคนขี้หึงหรอกนะ แต่นี่มันมากเกินไป อยู่ดีๆ นึกจะไปก็ไปไม่บอกไม่กล่าวเมียอย่างเธอเลยสักนิด ต้องให้คนอื่นมาบอก แถมโทรมาหาสักหน่อยก็ไม่มี เอาสิ! นังจิ้งจอกคนนั้นเป็นใครเธอไม่สนหรอก แต่หากคิดจะใช้โอกาสนี้รวบหัวรวบหางสามีของเธอ คงไม่ง่ายนักหรอก ดารินธิราเดินทางมาถึงสถาบันบีเดอะไลท์ตั้งแต่ยามเพิ่งจะเดินทามาถึง แม้สถาบันของเธอจะกลับมาอยู่ในสภาพใหม่ที่ดีและสวยงามกว่าเดิมหลายเท่าเพราะฝีมือของแม็กนัส แต่นั่นกลับไม่ไช่เหตุผลที่ทำให้เธอรีบร้อนมาทำงานเพื่อมาชื่นชมตึกใหม่ แต่เป็นเพราะบทสนทนาเมื่อคืนต่างหากที่ทำให้เธอใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว"อโลฮ่า! พี่เดมี่ วันนี้เราได้งานนออกาไนซ์จัดศิลปะการแสดงประจำปี, จัดนิทรรศการ ได้เป็นเจ้าภาพจัดงาน อ้อแถมมีงานเทียบเชิญขอให้พี่เดมี่ไปโชว์เต้นเปิดตัวให้กับองค์กรการกุศลด้วยนะคะ กุ๊กไก่ดีใจมากค่ะ ไม่น่าเชื่อเลยว่าคุณโมนาจะมีอิทธิพลขนาดนี้""ที่ไหน เมื
Count your age by friends, not years. Count your life by smiles, not tears.นับอายุของคุณด้วยจำนวนเพื่อน และนับชีวิตของคุณด้วยรอยยิ้มไม่ใช่หยดน้ำตา-John Lennon-ดวงตากลมโตฉายแววซุกซนไล่มองใบหน้าขาวเนียนดุจผิวทารกเพศชาย แม้ตอนนี้นาฬิกาบนผนังห้องจะบอกเวลาแค่ตีสามครึ่งเท่านั้น แต่แสงกระทบของพระจันทร์ที่ส่องสว่างเข้ามาในห้องนี้ กลับทำให้รู้สึกว่าเช้าวันใหม่ได้เดินทางมาถึงแล้วและเป็นวันแห่งการเริ่มต้นใหม่ของเธอกับเขา หลินเย่ซี สามีดีกรีมหาเศรษฐีที่จับผลัดจับพลูไปเป็นสายลับ ทำให้เธอต้องมาพัวพันกับเรื่องล่าอารยธรรมสุดขอบโลกกับเขาไปด้วยโดยไม่คาดคิด "เดมี่..........."เขาปรือตาขึ้นแล้วพลิกตัวตะแคงข้างสบตามาที่เจ้าของรอยยิ้มละมุนที่นั่งพับเพียบเรียบร้อยมองดูเขาอยู่อย่างเงียบๆ "ฉันปลุกคุณตื่นหรือเปล่าคะ?""เปล่าครับ แต่ตอนนี้.....ก็คล้ายว่าจะตาสว่างมากกกกก" เขาพูดจบก็เอาสองมือปิดตาตัวเอง หญิงสาวหลุบต่ำมองดูสภาพตัวเองที่อยู่ในชุดเสื้อยืดสีขาวตัวบางของเขาในสภาพไร้บรา คงไม่ต้องเดาแล้วล่ะว่า เขาปิดตาทำไม โมนายัยเบ๊อะเอ้ย! เดี๋ยวเขาก็หาว่าเธอจงใจอ่อยตั้งแต่ฟ้ายังไม่สางความอายแทบพลิกแผ่นดินทำให
เขาคิดว่าจะดึงแม่แมวน้อยเดมี่จอมยั่วเข้ามาบดจูบ แต่ทว่ากลับโดนอุ้งมือน้อยๆ ตะปปโน้มลำคอลงไปซะดื้อๆยามที่ริมฝีปากอวบอิ่มเคลือบลิปกลอสกลิ่นพีชอ่อนๆจรดกลีบปากของเขาเรียวปากหยักก็ตอบสนองอย่างรุนแรง บดคลึงเรียวปากนุ่มประดุจสูบพลังงานชีวิตทั้งหมดจากเรือนร่างงามนี้ มือหนาป่ายแปะลงบนสะโพกออกแรงยกขึ้นวางร่างบางลงบนโต๊ะที่วางตะกร้าผลไม้ปลอมที่ใช้ประดับตกแต่งห้อง จนแอปเปิ้ลผลปลอมกลิ้งตกลงพื้นระเกะระกะไปทั่วปลุกเรียกสติของดารินธิราที่อยู่ในวังวนแห่งความหวาบหวามนี้ให้ตื่นขึ้น ผลักเขาออกไปแรงๆ หายใจเข้าออกอย่างคนที่ขาดอากาศบริสุทธิ์"แอปเปิ้ล.....""ช่างแอปเปิ้ลเถอะครับ...."เขาบอกแล้วปล้นแกะกระดุมเสื้อตัวเองจนหมดเกลี้ยง แต่ได้นิ้วมือนุ่มของหญิงสาวช่วยแหวกสาบเสื้อสีขาวออกไม่นานชุดนอนซาตินสีดำตัวกะจ้อยร่อยก็ค่อย ๆ ถูกนิ้วเรียวยาวที่สักคำว่า 'เสี่ยว' เป็นภาษาจีนและมีความหมายชื่อเดียวกับเธอ นิ้วเรียวบรรจงเกี่ยวออกไปช้าๆ จนไม่เหลือสิ่งใดห้อหุ้มร่างแมวน้อยเดมี่ของเขาไว้อีกต่อไปฝ่ามือของหญิงสาวรีบตะปปกอดก่ายตนเองไว้เพร
โรงพยาบาล"ฮัดชิ้ว!"เสียงจามของหญิงสาวทำให้ใบหน้าคมขาวตวัดมองด้วยความตกใจและดีใจในเวลาเดียวกัน"เดมี่.....นี่คุณฟื้นแล้ว"ชายหนุ่มพรวดพราดเข้ามาประคองดวงหน้าสดใสด้วยความดีใจ แล้วประทับริมฝีปากสีแดงฉ่ำลงบนหน้าผากมนด้วยความคิดถึงขนาดหนัก"สบายดีหรือเปล่าคะ"เสียงแหบแห้งเอ่ยถามขึ้น แล้วฉีกยิ้มสดใสให้เขาเหมือนอย่างทุกครั้ง"ผมจะสบายดีได้ยังไง หืม ก็คุณเอาแต่หลับ ผมเหงานะรู้ไหม""ฉันเป็นของเล่นของคุณหรือไงคะ""คุณเป็นทุกอย่างของผมเดมี่"เขาบอกแล้วดึงเธอขึ้นมากอดบรรจงหอมแก้มซ้ำแล้วซ้ำอีกไม่รู้จักเบื่อณ รีสอร์ทหรูอันเงียบสงบในบิ๊กเซอร์ แคลิฟอร์เนีย บ้านพักที่ชายหนุ่มเลือกให้เธอมาพักฟื้นนั้นสวยราวกับภาพวาด เพราะตัวบ้านสไตล์โมเดริน์ที่ยื่นออกไปเห็นทิวทัศน์ของมหาสมุทรของแปซิฟิกแต่ตอนที่เธอเดินยืนอยู่บนลานชมวิวของรีสอร์ทสวยแห่งนี้ ก็สังเกตุเห็นผู้หญิงใส่หมวกสีเหลืองใบใหญ่กับคุณป้าคนหนึ่งที่ดูคล้ายกับยัยกุ๊กไก่และแม่ของเธอผลุบหายเข้าไปในบ้านพักอีกหลัง
"อยู่เฉยๆในนี้ จะได้ไม่ต้องตายอย่างทรมาน"หัวหน้าแม่บ้านตวาดเสียงดัง แล้วผลักตัวของเจ้าของสถาบันเข้าข้างในห้องอัดเสียง โดโรธีเดินไปเอาวัตถุไวไฟทั้งหลายในห้องทำความสะอาดออกมา รีบร้อนเปิดแกลลอนแล้วราดเทจนทั่วพื้น"กลิ่นน้ำมัน......ไม่นะคะ คุณอย่าทำแบบนี้เลยขอร้อง สถาบันแห่งนี้ฉันสร้างมากับมือ คุณอย่าทำลายมันทิ้งเลยนะคะ ฉันขอร้องล่ะ ได้โปรด"ดารินธิราตะโกนด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน และมองลอดออกมาจากช่องกระจกของห้องสตูดิโอด้วยใบขอความเมตตาป้าง! ป้าง!กระสุนสองนัดถูกยิงลงที่พื้นหน้าห้องสตูดิโอด้วยความรำคาญ หญิงสาวแน่นิ่งและเงียบไปอัตโนมัติกระทั่งไม้ขีดไฟถูกโยนลงบนคราบน้ำมันไหลเยิ้ม ไฟสีส้มก็ลุกโชนขึ้นในพริบตาเดียว หยาดน้ำตาของเธอมันก็พรั่งพรูออกมาราวกับเขื่อนแตกเรื่องแรกที่ทำให้เธอเสียใจคือเรื่องของแม็กนัส อาเวนชี่ ส่วนเรื่องที่สองก็คงเป็นสถาบันแห่งนี้ สถาบันที่ของเธอกำลังพังพินาศลงในค่ำคืนเดียวและวันนี้เธอคงจะตายอยู่ในกองเพลิงอย่างเดียวดาย แต่อย่างน้อยก็จะได้ตายไปพร้อมกับสิ่งที่เธอสร้างมากับมือคิดดูแล้วทำไมเธอต้องยอมแล
ดารินธิราอยู่เป็นเพื่อนคนรักที่คฤหาสน์อาเวนชี่จนฟ้าเริ่มมืด ชายหนุ่มยังคงนั่งจิ้มโน้ตบุ็ตอยู่หลายชั่วโมงราวกับว่ากำลังแฮคหาข้อมูลลับบางอย่างครู่หนึ่งเธอเห็นเขาทำหน้าช็อคราวกับได้ข้อมูลที่ว่า แล้วลุกพรวดเดินไปเปิดขวดวิสกี้รินใส่แก้ว กระดกใส่คอพรวด ๆ อย่างเอาเป็นเอาตายแต่พอเห็นเขาเตรียมรินวิสกี้แก้วที่สามก็รู้สึกว่าคงต้องลุกไปห้าม ก่อนจะน็อคไม่ได้สติไปอีก"พอแล้วค่ะ"ดวงตาขุ่นเขียวแย่งแก้วมาจากมือของอีกฝ่าย"ผมจะกินอีก""ถ้าคุณจะกิน กินฉันแทนได้ไหมล่ะ"เขาตวัดสายตามองอย่างไม่อยากเชื่อที่แม่แมวน้อยจะเสนอด้วยประโยคซาบซ่านใจทว่าตอนนี้เขามึนจนแทบจะยืนไม่อยู่ จะให้ทำอะไร ๆ ที่ร้อนรุ่มเวลานี้กับเธอก็เกรงว่าจะไม่ถึงพริกถึงขิงนัก"ผมปวดหัวไปหมด""มา...ฉันจะพยุงคุณไปนอน"เรียวแขนบางพยุงร่างสูงโปร่งที่เดินตุปั๊ดตุเป๊ พอขายาวแตะขอบตียงได้ไม่ทันไร ใบหน้าแดงจัดก็ปักคว่ำกับหมอนใบโตทันที แล้วก็หลับไม่รู้เรื่อง"โถป๋าของมี่....คออ่อนซะจริงเชียว"รุ่งเช้าเจ้าของ