โรงพยาบาล
"ฮัดชิ้ว!"
เสียงจามของหญิงสาวทำให้ใบหน้าคมขาวตวัดมองด้วยความตกใจและดีใจในเวลาเดียวกัน
"เดมี่.....นี่คุณฟื้นแล้ว"
ชายหนุ่มพรวดพราดเข้ามาประคองดวงหน้าสดใสด้วยความดีใจ แล้วประทับริมฝีปากสีแดงฉ่ำลงบนหน้าผากมนด้วยความคิดถึงขนาดหนัก
"สบายดีหรือเปล่าคะ"
เสียงแหบแห้งเอ่ยถามขึ้น แล้วฉีกยิ้มสดใสให้เขาเหมือนอย่างทุกครั้ง
"ผมจะสบายดีได้ยังไง หืม ก็คุณเอาแต่หลับ ผมเหงานะรู้ไหม"
"ฉันเป็นของเล่นของคุณหรือไงคะ"
"คุณเป็นทุกอย่างของผมเดมี่" เขาบอกแล้วดึงเธอขึ้นมากอดบรรจงหอมแก้มซ้ำแล้วซ้ำอีกไม่รู้จักเบื่อ
ณ รีสอร์ทหรูอันเงียบสงบในบิ๊กเซอร์ แคลิฟอร์เนีย บ้านพักที่ชายหนุ่มเลือกให้เธอมาพักฟื้นนั้นสวยราวกับภาพวาด เพราะตัวบ้านสไตล์โมเดริน์ที่ยื่นออกไปเห็นทิวทัศน์ของมหาสมุทรของแปซิฟิก
แต่ตอนที่เธอเดินยืนอยู่บนลานชมวิวของรีสอร์ทสวยแห่งนี้ ก็สังเกตุเห็นผู้หญิงใส่หมวกสีเหลืองใบใหญ่กับคุณป้าคนหนึ่งที่ดูคล้ายกับยัยกุ๊กไก่และแม่ของเธอผลุบหายเข้าไปในบ้านพักอีกหลัง
เขาคิดว่าจะดึงแม่แมวน้อยเดมี่จอมยั่วเข้ามาบดจูบ แต่ทว่ากลับโดนอุ้งมือน้อยๆ ตะปปโน้มลำคอลงไปซะดื้อๆยามที่ริมฝีปากอวบอิ่มเคลือบลิปกลอสกลิ่นพีชอ่อนๆจรดกลีบปากของเขาเรียวปากหยักก็ตอบสนองอย่างรุนแรง บดคลึงเรียวปากนุ่มประดุจสูบพลังงานชีวิตทั้งหมดจากเรือนร่างงามนี้ มือหนาป่ายแปะลงบนสะโพกออกแรงยกขึ้นวางร่างบางลงบนโต๊ะที่วางตะกร้าผลไม้ปลอมที่ใช้ประดับตกแต่งห้อง จนแอปเปิ้ลผลปลอมกลิ้งตกลงพื้นระเกะระกะไปทั่วปลุกเรียกสติของดารินธิราที่อยู่ในวังวนแห่งความหวาบหวามนี้ให้ตื่นขึ้น ผลักเขาออกไปแรงๆ หายใจเข้าออกอย่างคนที่ขาดอากาศบริสุทธิ์"แอปเปิ้ล.....""ช่างแอปเปิ้ลเถอะครับ...."เขาบอกแล้วปล้นแกะกระดุมเสื้อตัวเองจนหมดเกลี้ยง แต่ได้นิ้วมือนุ่มของหญิงสาวช่วยแหวกสาบเสื้อสีขาวออกไม่นานชุดนอนซาตินสีดำตัวกะจ้อยร่อยก็ค่อย ๆ ถูกนิ้วเรียวยาวที่สักคำว่า 'เสี่ยว' เป็นภาษาจีนและมีความหมายชื่อเดียวกับเธอ นิ้วเรียวบรรจงเกี่ยวออกไปช้าๆ จนไม่เหลือสิ่งใดห้อหุ้มร่างแมวน้อยเดมี่ของเขาไว้อีกต่อไปฝ่ามือของหญิงสาวรีบตะปปกอดก่ายตนเองไว้เพร
Count your age by friends, not years. Count your life by smiles, not tears.นับอายุของคุณด้วยจำนวนเพื่อน และนับชีวิตของคุณด้วยรอยยิ้มไม่ใช่หยดน้ำตา-John Lennon-ดวงตากลมโตฉายแววซุกซนไล่มองใบหน้าขาวเนียนดุจผิวทารกเพศชาย แม้ตอนนี้นาฬิกาบนผนังห้องจะบอกเวลาแค่ตีสามครึ่งเท่านั้น แต่แสงกระทบของพระจันทร์ที่ส่องสว่างเข้ามาในห้องนี้ กลับทำให้รู้สึกว่าเช้าวันใหม่ได้เดินทางมาถึงแล้วและเป็นวันแห่งการเริ่มต้นใหม่ของเธอกับเขา หลินเย่ซี สามีดีกรีมหาเศรษฐีที่จับผลัดจับพลูไปเป็นสายลับ ทำให้เธอต้องมาพัวพันกับเรื่องล่าอารยธรรมสุดขอบโลกกับเขาไปด้วยโดยไม่คาดคิด "เดมี่..........."เขาปรือตาขึ้นแล้วพลิกตัวตะแคงข้างสบตามาที่เจ้าของรอยยิ้มละมุนที่นั่งพับเพียบเรียบร้อยมองดูเขาอยู่อย่างเงียบๆ "ฉันปลุกคุณตื่นหรือเปล่าคะ?""เปล่าครับ แต่ตอนนี้.....ก็คล้ายว่าจะตาสว่างมากกกกก" เขาพูดจบก็เอาสองมือปิดตาตัวเอง หญิงสาวหลุบต่ำมองดูสภาพตัวเองที่อยู่ในชุดเสื้อยืดสีขาวตัวบางของเขาในสภาพไร้บรา คงไม่ต้องเดาแล้วล่ะว่า เขาปิดตาทำไม โมนายัยเบ๊อะเอ้ย! เดี๋ยวเขาก็หาว่าเธอจงใจอ่อยตั้งแต่ฟ้ายังไม่สางความอายแทบพลิกแผ่นดินทำให
เสียงของเธอถูกคงส่งไปไม่ถึงเขา เพราะโทรศัพท์ถูกตัดสายทิ้งซะก่อน และเขาก็ยังคงไม่รู้ว่าเธอโทรมา แล้วผู้หญิงที่อยู่ปลายสายนี้ล่ะ เธอเป็นใครกันแน่ ทำไมสามีของเธอถึงยอมให้หล่อนมาอยู่ด้วยจนมืดค่ำขนาดนี้ ใช่ว่าเธอจะเป็นคนขี้หึงหรอกนะ แต่นี่มันมากเกินไป อยู่ดีๆ นึกจะไปก็ไปไม่บอกไม่กล่าวเมียอย่างเธอเลยสักนิด ต้องให้คนอื่นมาบอก แถมโทรมาหาสักหน่อยก็ไม่มี เอาสิ! นังจิ้งจอกคนนั้นเป็นใครเธอไม่สนหรอก แต่หากคิดจะใช้โอกาสนี้รวบหัวรวบหางสามีของเธอ คงไม่ง่ายนักหรอก ดารินธิราเดินทางมาถึงสถาบันบีเดอะไลท์ตั้งแต่ยามเพิ่งจะเดินทามาถึง แม้สถาบันของเธอจะกลับมาอยู่ในสภาพใหม่ที่ดีและสวยงามกว่าเดิมหลายเท่าเพราะฝีมือของแม็กนัส แต่นั่นกลับไม่ไช่เหตุผลที่ทำให้เธอรีบร้อนมาทำงานเพื่อมาชื่นชมตึกใหม่ แต่เป็นเพราะบทสนทนาเมื่อคืนต่างหากที่ทำให้เธอใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว"อโลฮ่า! พี่เดมี่ วันนี้เราได้งานนออกาไนซ์จัดศิลปะการแสดงประจำปี, จัดนิทรรศการ ได้เป็นเจ้าภาพจัดงาน อ้อแถมมีงานเทียบเชิญขอให้พี่เดมี่ไปโชว์เต้นเปิดตัวให้กับองค์กรการกุศลด้วยนะคะ กุ๊กไก่ดีใจมากค่ะ ไม่น่าเชื่อเลยว่าคุณโมนาจะมีอิทธิพลขนาดนี้""ที่ไหน เมื
มือที่จับปากกาสไตลัสอยู่นั้นค้างนิ่งกลางอากาศ ใบหน้าเงยขึ้นมองมายังต้นเสียงที่ขัดจังหวะศิลป์ของเธอ ดวงตากลมโตเหล่มองใบหน้าของฮัลค์อย่างคนมีคำถาม"คุณ?""พ่อสิ คุณอะไรเล่า?""อ่อ..ค่ะคุณพ่อ แล้วลมอะไรหอบคุณพ่อมาถึงที่นี่""ก็เธอเป็นลูกสะใภ้ตระกูลอาเวนชี่แล้วไม่ใช่รึไง""ค่ะ....แล้วมีธุระอะไรกับฉัน หรือว่ามาหาคุณแม็กคะ""ไอ้ลูกบ้านั่นฉันไปหามันเรียบร้อยแล้วล่ะ เพราะแบบนี้ไงถึงได้มาหาเธอ""เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าคะ?"เบลค อาเวนชี่ ย่อตัวนั่งลงบนโซฟาตัวยาวอย่างเหนื่อยหน่ายใจต่างกับคนเดิมที่เคยเกรี้ยวกราดใส่เธอ"แม็กนัสได้รู้ความจริงเรื่องแม่ของเขา ความจริงที่ฉันปิดบังมาตลอดหลายสิบกว่าปีมานี้ ที่ว่า.....แม่ของเขาเป็นอาชญากรที่ถูกทางการจีนหมายหัว และฉันเองเป็นคนที่ถูกส่งมาให้จัดการเธอ แต่แล้วฉันก็ไม่อาจทำเรื่องแบบนั้นได้ เพราะ.....""คุณรักเธอ" ดารินธิราต่อประโยคที่ขาดช่วงไปอย่างนุ่มนวล "ใช่....ฉันรักแม่ของเขามาก จนยอมเป็นคนเลว แต่ฉันไม่อยากให้เจ้าแม็กคิดว่าฉันกับแม่ของเขาให้กำเนิดเขาเพราะเหตุผลอื่น ที่ฉันแต่งงานกับแม่ของเขาเพราะความรักจากใจจริง ไม่ใช่เพราะภารกิจลับจากองค์กรไหนทั้งนั้น ฉันแ
It is during our darkest moments that we must focus to see the light. - aristotleในระหว่างคืนที่มืดมิดที่สุด เราต้องโฟกัสไปที่การมองเห็นแสงสว่างณ BeTheLight Studio at BeTheLight Academyขายาวในชุดกระโปรงเอี๊ยมสีดำกรอมยาวคลุมเข่ากับรองเท้าผ้าใบสีดำธรรมดาที่เพ้นท์ด้วยสีสะท้อนแสงยืนแน่นิ่งให้ช่างแต่งหน้าเติมแต่งใบหน้าให้สดใส ตอนนี้ชีวิตของเธอเหมือนน้ำที่กำลังขึ้นไม่ว่าเธอหยิบจับทำอะไรสินค้าทุกตัวที่สร้างสรรค์มันขึ้นมาล้วนแล้วแต่ขายดีเป็นเทน้ำเทท่าทันทีที่แต่งหน้าแต่งตัวเสร็จหญิงสาวจึงเดินเข้ามาภายในสตูดิโอที่รายการชื่อดังช่องหนึ่งของอเมริกาต้องการสัมภาษณ์ถึงความสำเร็จของสถาบันศิลปะและการเต้นรำบีเดอะไลท์ หลังจากที่เธออนุญาตให้ทีมงานสามารถใช้สตูดิโอที่สถาบันถ่ายทำรายการได้ตามใจ เพราะก่อนหน้าที่พวกเขาจะโทรมานัดสัมภาษณ์เธอเลขาคนสนิท 'กุ๊กไก่' นักเรียนแลกเปลี่ยนจากไทยผู้มีใจรักด้านการวาดภาพสีน้ำมันที่อยู่ในช่วงฝึกหัดให้เป็นมือโปรแจ้งเธอว่าบุคคลที่เธอไม่ต้องการพบเจอมีตารางสัมภาษณ์วันเดียวกับเจ้านายสาวของเธอ หญิงสาวก็รีบบอกล่วงหน้าเสียก่อน เพราะเธอรู้ดีว่า พี่เดมี่ ไม่ชอบให้พูดถึงพ่อคนดัง
MagNus Company LTD.ฟากเดียวกันชายหนุ่มผมสีเงินหน้าตาไร้อารมณ์นั่งเขียนโค้ดซับซ้อนที่ชวนให้บอดี้การ์ดของเขาที่ยืนขนาบอยู่ด้านข้างพาลตาเหล่ตาลายไปพร้อมพร้อมกัน ทั้งที่เขาทำได้แค่ยืนมองอย่างเดียวและคอยอ้าปากถามว่า 'คุณแม็กจะรับอะไรเพิ่มมั้ยครับ ชาหรือกาแฟ?' แต่เวลาก็ล่วงเลยผ่านมาสองชั่วโมง บอสหนุ่มหัวสีเงินก็ยังนั่งเงียบอยู่บนโต๊ะทำงานเหมือนเดิมไม่ขยุกขยิกใดๆ"วันนี้ผมมีงานที่ไหนบ้างครับ""คุณแม็กมีงานที่ลินคอร์นเซ็นเตอร์ครับ คุณแม็กจะไปเปลี่ยนชุดก่อนมั้ยครับ""เปลี่ยนสิ.....หรือคุณจะให้ผมชิว ๆ ออกไปในชุดเสื้อฮาวายลายต้นมะพร้าวสีขาวแบบนี้ล่ะคุณฮัลค์"เสียงเข้มตอกกลับบอดี้การ์ดหนุ่มฉายาฮัลค์เขียวจอมมึนที่เขาตั้งให้ จากนั้นจึงกลับมาสนใจงานเขียนโปรแกรมที่ชวนปวดขมองต่ออย่างสบายใจAt Lincon Centerเวลาทุ่มตรงที่รถเทสล่าสีน้ำเงินคันโปรดทะยานเข้ามาถึงจุดรับรถ เพราะแสงสว่างของหอศิลปะการแสดงลินคอร์นเซ็นเตอร์ชวนให้ใบหน้าขาวจัดถึงกับหรี่ตามอง ให้ตายเถอะ เขาไม่ชอบแสงสว่างพวกนี้เลยจริงๆนิ้วเรียวยาวรีบเปิดกล่องเก็บแว่นตากันแสงสีฟ้าอ่อนมาสวมเพื่อบดบังอำพรางความเจิดจ้าของหอศิลปะชื่อดังแห่งนี้ ก่อนขาย
เดมี่ทำหน้าหงิกงอใส่อีกฝ่าย ปากขมุบขมิบสบถด่าไอ้ลูกครึ่งผมสีเงินในใจ "ไม่สวยแต่รวยด้วยล้ำแข้งก็แล้วกัน ไอ้หัวขาวเอ้ย"วินาทีที่หญิงสาวคิดจะหลีกเลี่ยงที่ ๆ คนจอแจพลุกพล่าน และหลีกจากสายตาแน่นิ่งของเขา ทว่านักข่าวที่ทยอยสัมภาษณ์คนดังรายอื่น ๆ เสร็จก็ดันยกทัพแห่กันเข้ามาหาเธอแทน "คุณเดมี่ครับเชิญทางแบล็คดรอปหน่อยครับ ขอสัมภาษณ์หน่อยครับ"เป็นจังหวะเดียวกับดาราเด็กสองคนวิ่งโร่เข้ามาหา ด้วยความกล้า ๆ กลัว ๆ เด็กทั้งสองจึงได้แต่ยืนดูห่าง ๆ เพราะบรรดานักข่าวที่รุมสัมภาษณ์เจ้าของสถาบันด้านศิลปะและการเต้นรำคนดังผลัดกับรับผลัดกันส่งไมค์กันจ้าละหวั่น"คุณเดมี่คะช่วยแจ้งกำหนดการแสดงภาพวาด 4D ที่จะผสานการเต้นรำแต่ละแบบเข้าไปด้วยหน่อยได้ไหมคะ""อ๋อค่ะ กำหนดการแสดงจะมีเดือนหน้านี้ค่ะ รอชมได้เลย ทีมงานของฉันเต็มที่กับงานนี้มากๆ ค่ะ""พวกเราขอให้งานประสบความสำเร็จนะคะ""ขอบคุณพี่ๆ นักข่าวทุกท่านมากค่ะ แล้วก็เราสองคนมาทางนี้สิจ๊ะ" เธอกวักมือเรียกดาราเด็กสองคนที่ยืนจด ๆ จ้อง ๆอยู่นานสองนาน เพราะสังเกตุเห็นอยู่ก่อนแล้วว่าแฟนคลับตัวน้อยต้องการเข้ามาถ่ายรูปด้วย แต่เพราะคนจำนวนมากที่ล้อมวงเข้ามาทำให้ยากที
ไม่นานน้าดิวก็โดนพาต้วไปสถานบำบัดด้วยฝีมือของคนที่เกลียดเธอ"แม่จะให้หนูอยู่เป็นเพื่อนก่อนไหมคะ""ไม่เป็นไรลูก ยัยรุ้งกับยัยปลาเด็กที่ร้านอาหารแม่จะมานอนเป็นเพื่อน หนูกลับไปพักผ่อน และรักษาตัวให้ดีก่อนนะ แล้วแม่จะโทรหา"เดมี่เข้าใจดีที่แม่ไม่อยากให้เธอนอนค้างด้วยเพราะกลัวว่าลูกสาวจะเห็นแม่แอบร้องไห้ร่างไร้เรี่ยวแรงเดินตุปั๊ดตุเป๋ เหมือนคนจิตหลุด ทว่าฝ่ามืออ่อนล้าของเธอกลับโดนแรงฉุดของใครสักคนรั้งไว้ เธอเหลือบมองเจ้าของฝ่ามือนั้นอย่างอ่อนเพลีย และเจ็บร้าวระบมไปทั้งหน้า"จะทำร้ายจิตใจอะไรฉันอีกล่ะฮะ!?"ฟูมฟายด้วยหยาดน้ำตาที่พรั่งพรูออกมา และพยายามสลัดมือของชายหนุ่มออก แต่ยิ่งสลัดและใช้มืออีกข้างแกะออกเขาก็ยิ่งบีบข้อมือของเธอรุนแรงขึ้น"ปล่อยสิ ปล่อยฉัน"รอยยิ้มจางๆ ผุดขึ้นพลางสลัดทิ้งข้อมือของเธอออกตามที่เธอต้องการ "ปล่อยแล้วไง"เขาเอ่ยน้ำเสียงราบเรียบไม่แคร์ว่าอีกฝ่ายจะเจ็บหรือไม่ร่างบางเซถลาไปไกลล้มลงกับพื้นสนามหญ้าที่ชุ่มด้วยน้ำค้างยามค่ำคืน "ไอ้คนจัญไร ฮึก! ฮึก! ฮืออออ....ก็แค่นี้เอง สบายมาก"ใบหน้าที่ก้มต่ำอยู่สะอึกสะอื้นพล่านบ่นอย่างหมดอะไรตายอยากเต็มที พาลทำให้หัวใจของคนที่มองด
มือที่จับปากกาสไตลัสอยู่นั้นค้างนิ่งกลางอากาศ ใบหน้าเงยขึ้นมองมายังต้นเสียงที่ขัดจังหวะศิลป์ของเธอ ดวงตากลมโตเหล่มองใบหน้าของฮัลค์อย่างคนมีคำถาม"คุณ?""พ่อสิ คุณอะไรเล่า?""อ่อ..ค่ะคุณพ่อ แล้วลมอะไรหอบคุณพ่อมาถึงที่นี่""ก็เธอเป็นลูกสะใภ้ตระกูลอาเวนชี่แล้วไม่ใช่รึไง""ค่ะ....แล้วมีธุระอะไรกับฉัน หรือว่ามาหาคุณแม็กคะ""ไอ้ลูกบ้านั่นฉันไปหามันเรียบร้อยแล้วล่ะ เพราะแบบนี้ไงถึงได้มาหาเธอ""เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าคะ?"เบลค อาเวนชี่ ย่อตัวนั่งลงบนโซฟาตัวยาวอย่างเหนื่อยหน่ายใจต่างกับคนเดิมที่เคยเกรี้ยวกราดใส่เธอ"แม็กนัสได้รู้ความจริงเรื่องแม่ของเขา ความจริงที่ฉันปิดบังมาตลอดหลายสิบกว่าปีมานี้ ที่ว่า.....แม่ของเขาเป็นอาชญากรที่ถูกทางการจีนหมายหัว และฉันเองเป็นคนที่ถูกส่งมาให้จัดการเธอ แต่แล้วฉันก็ไม่อาจทำเรื่องแบบนั้นได้ เพราะ.....""คุณรักเธอ" ดารินธิราต่อประโยคที่ขาดช่วงไปอย่างนุ่มนวล "ใช่....ฉันรักแม่ของเขามาก จนยอมเป็นคนเลว แต่ฉันไม่อยากให้เจ้าแม็กคิดว่าฉันกับแม่ของเขาให้กำเนิดเขาเพราะเหตุผลอื่น ที่ฉันแต่งงานกับแม่ของเขาเพราะความรักจากใจจริง ไม่ใช่เพราะภารกิจลับจากองค์กรไหนทั้งนั้น ฉันแ
เสียงของเธอถูกคงส่งไปไม่ถึงเขา เพราะโทรศัพท์ถูกตัดสายทิ้งซะก่อน และเขาก็ยังคงไม่รู้ว่าเธอโทรมา แล้วผู้หญิงที่อยู่ปลายสายนี้ล่ะ เธอเป็นใครกันแน่ ทำไมสามีของเธอถึงยอมให้หล่อนมาอยู่ด้วยจนมืดค่ำขนาดนี้ ใช่ว่าเธอจะเป็นคนขี้หึงหรอกนะ แต่นี่มันมากเกินไป อยู่ดีๆ นึกจะไปก็ไปไม่บอกไม่กล่าวเมียอย่างเธอเลยสักนิด ต้องให้คนอื่นมาบอก แถมโทรมาหาสักหน่อยก็ไม่มี เอาสิ! นังจิ้งจอกคนนั้นเป็นใครเธอไม่สนหรอก แต่หากคิดจะใช้โอกาสนี้รวบหัวรวบหางสามีของเธอ คงไม่ง่ายนักหรอก ดารินธิราเดินทางมาถึงสถาบันบีเดอะไลท์ตั้งแต่ยามเพิ่งจะเดินทามาถึง แม้สถาบันของเธอจะกลับมาอยู่ในสภาพใหม่ที่ดีและสวยงามกว่าเดิมหลายเท่าเพราะฝีมือของแม็กนัส แต่นั่นกลับไม่ไช่เหตุผลที่ทำให้เธอรีบร้อนมาทำงานเพื่อมาชื่นชมตึกใหม่ แต่เป็นเพราะบทสนทนาเมื่อคืนต่างหากที่ทำให้เธอใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว"อโลฮ่า! พี่เดมี่ วันนี้เราได้งานนออกาไนซ์จัดศิลปะการแสดงประจำปี, จัดนิทรรศการ ได้เป็นเจ้าภาพจัดงาน อ้อแถมมีงานเทียบเชิญขอให้พี่เดมี่ไปโชว์เต้นเปิดตัวให้กับองค์กรการกุศลด้วยนะคะ กุ๊กไก่ดีใจมากค่ะ ไม่น่าเชื่อเลยว่าคุณโมนาจะมีอิทธิพลขนาดนี้""ที่ไหน เมื
Count your age by friends, not years. Count your life by smiles, not tears.นับอายุของคุณด้วยจำนวนเพื่อน และนับชีวิตของคุณด้วยรอยยิ้มไม่ใช่หยดน้ำตา-John Lennon-ดวงตากลมโตฉายแววซุกซนไล่มองใบหน้าขาวเนียนดุจผิวทารกเพศชาย แม้ตอนนี้นาฬิกาบนผนังห้องจะบอกเวลาแค่ตีสามครึ่งเท่านั้น แต่แสงกระทบของพระจันทร์ที่ส่องสว่างเข้ามาในห้องนี้ กลับทำให้รู้สึกว่าเช้าวันใหม่ได้เดินทางมาถึงแล้วและเป็นวันแห่งการเริ่มต้นใหม่ของเธอกับเขา หลินเย่ซี สามีดีกรีมหาเศรษฐีที่จับผลัดจับพลูไปเป็นสายลับ ทำให้เธอต้องมาพัวพันกับเรื่องล่าอารยธรรมสุดขอบโลกกับเขาไปด้วยโดยไม่คาดคิด "เดมี่..........."เขาปรือตาขึ้นแล้วพลิกตัวตะแคงข้างสบตามาที่เจ้าของรอยยิ้มละมุนที่นั่งพับเพียบเรียบร้อยมองดูเขาอยู่อย่างเงียบๆ "ฉันปลุกคุณตื่นหรือเปล่าคะ?""เปล่าครับ แต่ตอนนี้.....ก็คล้ายว่าจะตาสว่างมากกกกก" เขาพูดจบก็เอาสองมือปิดตาตัวเอง หญิงสาวหลุบต่ำมองดูสภาพตัวเองที่อยู่ในชุดเสื้อยืดสีขาวตัวบางของเขาในสภาพไร้บรา คงไม่ต้องเดาแล้วล่ะว่า เขาปิดตาทำไม โมนายัยเบ๊อะเอ้ย! เดี๋ยวเขาก็หาว่าเธอจงใจอ่อยตั้งแต่ฟ้ายังไม่สางความอายแทบพลิกแผ่นดินทำให
เขาคิดว่าจะดึงแม่แมวน้อยเดมี่จอมยั่วเข้ามาบดจูบ แต่ทว่ากลับโดนอุ้งมือน้อยๆ ตะปปโน้มลำคอลงไปซะดื้อๆยามที่ริมฝีปากอวบอิ่มเคลือบลิปกลอสกลิ่นพีชอ่อนๆจรดกลีบปากของเขาเรียวปากหยักก็ตอบสนองอย่างรุนแรง บดคลึงเรียวปากนุ่มประดุจสูบพลังงานชีวิตทั้งหมดจากเรือนร่างงามนี้ มือหนาป่ายแปะลงบนสะโพกออกแรงยกขึ้นวางร่างบางลงบนโต๊ะที่วางตะกร้าผลไม้ปลอมที่ใช้ประดับตกแต่งห้อง จนแอปเปิ้ลผลปลอมกลิ้งตกลงพื้นระเกะระกะไปทั่วปลุกเรียกสติของดารินธิราที่อยู่ในวังวนแห่งความหวาบหวามนี้ให้ตื่นขึ้น ผลักเขาออกไปแรงๆ หายใจเข้าออกอย่างคนที่ขาดอากาศบริสุทธิ์"แอปเปิ้ล.....""ช่างแอปเปิ้ลเถอะครับ...."เขาบอกแล้วปล้นแกะกระดุมเสื้อตัวเองจนหมดเกลี้ยง แต่ได้นิ้วมือนุ่มของหญิงสาวช่วยแหวกสาบเสื้อสีขาวออกไม่นานชุดนอนซาตินสีดำตัวกะจ้อยร่อยก็ค่อย ๆ ถูกนิ้วเรียวยาวที่สักคำว่า 'เสี่ยว' เป็นภาษาจีนและมีความหมายชื่อเดียวกับเธอ นิ้วเรียวบรรจงเกี่ยวออกไปช้าๆ จนไม่เหลือสิ่งใดห้อหุ้มร่างแมวน้อยเดมี่ของเขาไว้อีกต่อไปฝ่ามือของหญิงสาวรีบตะปปกอดก่ายตนเองไว้เพร
โรงพยาบาล"ฮัดชิ้ว!"เสียงจามของหญิงสาวทำให้ใบหน้าคมขาวตวัดมองด้วยความตกใจและดีใจในเวลาเดียวกัน"เดมี่.....นี่คุณฟื้นแล้ว"ชายหนุ่มพรวดพราดเข้ามาประคองดวงหน้าสดใสด้วยความดีใจ แล้วประทับริมฝีปากสีแดงฉ่ำลงบนหน้าผากมนด้วยความคิดถึงขนาดหนัก"สบายดีหรือเปล่าคะ"เสียงแหบแห้งเอ่ยถามขึ้น แล้วฉีกยิ้มสดใสให้เขาเหมือนอย่างทุกครั้ง"ผมจะสบายดีได้ยังไง หืม ก็คุณเอาแต่หลับ ผมเหงานะรู้ไหม""ฉันเป็นของเล่นของคุณหรือไงคะ""คุณเป็นทุกอย่างของผมเดมี่"เขาบอกแล้วดึงเธอขึ้นมากอดบรรจงหอมแก้มซ้ำแล้วซ้ำอีกไม่รู้จักเบื่อณ รีสอร์ทหรูอันเงียบสงบในบิ๊กเซอร์ แคลิฟอร์เนีย บ้านพักที่ชายหนุ่มเลือกให้เธอมาพักฟื้นนั้นสวยราวกับภาพวาด เพราะตัวบ้านสไตล์โมเดริน์ที่ยื่นออกไปเห็นทิวทัศน์ของมหาสมุทรของแปซิฟิกแต่ตอนที่เธอเดินยืนอยู่บนลานชมวิวของรีสอร์ทสวยแห่งนี้ ก็สังเกตุเห็นผู้หญิงใส่หมวกสีเหลืองใบใหญ่กับคุณป้าคนหนึ่งที่ดูคล้ายกับยัยกุ๊กไก่และแม่ของเธอผลุบหายเข้าไปในบ้านพักอีกหลัง
"อยู่เฉยๆในนี้ จะได้ไม่ต้องตายอย่างทรมาน"หัวหน้าแม่บ้านตวาดเสียงดัง แล้วผลักตัวของเจ้าของสถาบันเข้าข้างในห้องอัดเสียง โดโรธีเดินไปเอาวัตถุไวไฟทั้งหลายในห้องทำความสะอาดออกมา รีบร้อนเปิดแกลลอนแล้วราดเทจนทั่วพื้น"กลิ่นน้ำมัน......ไม่นะคะ คุณอย่าทำแบบนี้เลยขอร้อง สถาบันแห่งนี้ฉันสร้างมากับมือ คุณอย่าทำลายมันทิ้งเลยนะคะ ฉันขอร้องล่ะ ได้โปรด"ดารินธิราตะโกนด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน และมองลอดออกมาจากช่องกระจกของห้องสตูดิโอด้วยใบขอความเมตตาป้าง! ป้าง!กระสุนสองนัดถูกยิงลงที่พื้นหน้าห้องสตูดิโอด้วยความรำคาญ หญิงสาวแน่นิ่งและเงียบไปอัตโนมัติกระทั่งไม้ขีดไฟถูกโยนลงบนคราบน้ำมันไหลเยิ้ม ไฟสีส้มก็ลุกโชนขึ้นในพริบตาเดียว หยาดน้ำตาของเธอมันก็พรั่งพรูออกมาราวกับเขื่อนแตกเรื่องแรกที่ทำให้เธอเสียใจคือเรื่องของแม็กนัส อาเวนชี่ ส่วนเรื่องที่สองก็คงเป็นสถาบันแห่งนี้ สถาบันที่ของเธอกำลังพังพินาศลงในค่ำคืนเดียวและวันนี้เธอคงจะตายอยู่ในกองเพลิงอย่างเดียวดาย แต่อย่างน้อยก็จะได้ตายไปพร้อมกับสิ่งที่เธอสร้างมากับมือคิดดูแล้วทำไมเธอต้องยอมแล
ดารินธิราอยู่เป็นเพื่อนคนรักที่คฤหาสน์อาเวนชี่จนฟ้าเริ่มมืด ชายหนุ่มยังคงนั่งจิ้มโน้ตบุ็ตอยู่หลายชั่วโมงราวกับว่ากำลังแฮคหาข้อมูลลับบางอย่างครู่หนึ่งเธอเห็นเขาทำหน้าช็อคราวกับได้ข้อมูลที่ว่า แล้วลุกพรวดเดินไปเปิดขวดวิสกี้รินใส่แก้ว กระดกใส่คอพรวด ๆ อย่างเอาเป็นเอาตายแต่พอเห็นเขาเตรียมรินวิสกี้แก้วที่สามก็รู้สึกว่าคงต้องลุกไปห้าม ก่อนจะน็อคไม่ได้สติไปอีก"พอแล้วค่ะ"ดวงตาขุ่นเขียวแย่งแก้วมาจากมือของอีกฝ่าย"ผมจะกินอีก""ถ้าคุณจะกิน กินฉันแทนได้ไหมล่ะ"เขาตวัดสายตามองอย่างไม่อยากเชื่อที่แม่แมวน้อยจะเสนอด้วยประโยคซาบซ่านใจทว่าตอนนี้เขามึนจนแทบจะยืนไม่อยู่ จะให้ทำอะไร ๆ ที่ร้อนรุ่มเวลานี้กับเธอก็เกรงว่าจะไม่ถึงพริกถึงขิงนัก"ผมปวดหัวไปหมด""มา...ฉันจะพยุงคุณไปนอน"เรียวแขนบางพยุงร่างสูงโปร่งที่เดินตุปั๊ดตุเป๊ พอขายาวแตะขอบตียงได้ไม่ทันไร ใบหน้าแดงจัดก็ปักคว่ำกับหมอนใบโตทันที แล้วก็หลับไม่รู้เรื่อง"โถป๋าของมี่....คออ่อนซะจริงเชียว"รุ่งเช้าเจ้าของ
หญิงสาวยังคงแค่นยิ้มให้สื่อมวลชนและคนด้านข้างที่แข็งเป็นหินนิ่งเป็นเป่าสากก็แหงล่ะเขาคงจะช็อคกับสิ่งที่เธอแสดงออก คงไม่เคยพบเคยเห็นผู้หญิงเช่นเธอมาก่อนผู้หญิงใจกล้าที่กล้าบุ่มบ่ามอาจหาญเผยความจริงกับสื่อมวลชนชนิดที่ไม่กลัวว่าชื่อเสียงที่สร้างมาจะป่นปี้ภายในพริบตาเดียวป่านนี้คนทั้งโลกคงสาปแช่งและกร่นด่าเธอจนติดแฮชแท็กโลกแล้วว่า#ยัยเดมี่ชะนีไร้ยางอายฮึ่ย! จะยังไงก็ช่างแล้ว เธอไม่แคร์ปากหอยปากปูอีกต่อไป อยากจะปั่นอยากจะเหยียบเธอให้จมดินเท่าไรก็เชิญเพราะเธอรู้อยู่แก่ใจดีว่า เธอเป็นยังไง และอัจฉริยะหนุ่มน้อยคนนี้ของเธอเป็นยังไง***************คฤหาสน์อาเวนชี่ ซี๊ด! "โอ๊ย.....อ๊อย""คุณร้องเบา ๆ หน่อยได้ไหมคะ เจ็บอะไรกันนักกันหนา" หญิงสาวบ่นอุบขณะที่กำลังบรรจงใช้สำลีชุบน้ำเกลือล้างแผลให้อย่างเบามือที่สุด แต่พ่อคนใจเสาะก็ร้องประหนึ่งอยู่ในอาการสาหัสสากรรจ์ขนาดปาตาโกไททันที่นั่งเลียขนหน้าแข้งอยู่นั้น ยังต้องชะงักลิ้นหนามแล้วถลนตามองดู ม่านตาของมันขยายใหญ่โตเพ่งมายังเจ้าของที่ร้องโอดครวญด้วยความสงสัย"เมี๊ยว ๆ" ปาตาโกไททันเพิ่งเคยใช้เสียงหวาน ๆ กับแม็กนัสเป็นครั้งแรก มันเดินย้ายก้นมาห
หลังจากที่เมื่อวานเขามาส่งเธอที่บ้าน และพูดกับเธอว่า "ดูแลตัวเองให้ดี เพราะอาทิตย์นี้เขาอาจจะไม่มีเวลามาหา" พอได้ยินแบบนั้นใจมันก็แป้วจนบอกไม่ถูก เหมือนมีลางว่าจะเกิดเรื่องโกลาหลอะไรขึ้นทั้งที่เกือบหนึ่่งเดือนมานี้ตอนที่อยู่แอฟริกาใต้เธอตัวติดกับเขาตลอดเวลา ถึงแม้จะมีเรื่องวุ่นวายทั้งหลายเข้ามาแทรกกลางบ้าง แต่เขาก็ตามไปช่วยเธอกลับมาได้ทุกครั้งทว่าเวลานี้.....เธอทำได้แค่ยืนมองดูเขา อยู่ในสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกผ่านหน้าจอทีวีเท่านั้นน่ะเหรอ เธอไม่สามารถที่จะช่วยอะไรเขาได้เลยพลันใดคำพูดของพี่โมนา ก็สะท้อนดังขึ้นมา ที่บอกว่า "การช่วยใครสักคนไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องจับปืนถือมีด แต่หมายถึงทำในสิ่งที่เราสามารถทำได้ เพื่อเขา""หนูจะไปทำธุระสักหน่อย ฝากทางนี้ด้วยนะคะคุณเบ็ค"บอกกับพนักงานอาวุโสที่สุดของสถาบันและเดินตรงออกไปจากสถาบันทันที"ได้จ้ะ"รถมินิคูปเปอร์ของหญิงสาวแล่นฉิวออกจากลานจอดรถด้วยความร้อนใจไม่นานนักก็ถึงตึกรูปตัวเอ็มสูงใหญ่ที่มองเห็นไกล ๆ ว่ามีคนหัวดำหัวสีหลายคนยืนมุงอยู่หน้าบริษัทจนมองไม่เห็นชายหนุ่มที่เธอเป็นห่วงไมค์หลายตัวยื่นจ่อปาก บางตัวก็เกือบเขกโดนหัวของเจ้