ฮัลค์ บอดี้การ์ดอาสาให้เจ้านายทั่วราชอาณาจักรขับรถมาส่งเดมี่ที่โรงแรม หญิงสาวหอบหิ้วถุงเสื้อผ้ามากมายเข้ามาแล้วกองลงตรงหน้าของกุ๊กไก่อยู่ตรงหน้าของหญิงสาว เลขาสาวเหลือบตาดูสภาพของเดมี่ที่ดูอิดโรยอยู่ในเสื้อเชิ้ตสีดำผู้ชายเพียงตัวเดียว
เธอก็เผลอคิดจินตนาการไปไกลว่าบอสสาวกับแม็กนัสไปถึงแดนสวรรค์ชั้นเจ็ดเรียบร้อย
"พี่กับคุณแม็ก คงไม่ได้แบบว่า" เธอพูดพลางบิดตัวไปมาแล้วทำท่านิ้วชี้ชนกันให้เจ้านายสาวดู
"ไม่มีอะไรทั้งนั้นแหละ คุณแม็กนัสของเธอแค่ผ่านไปเจอพี่ตอนกำลังพายุฝนเมื่อคืนก็เลยพากลับมาพักที่โรงแรม"
"งั้นเหรอคะ อ้อ...แล้วพี่จะไปร่วมพิธีเปิดงานนิทรรศการวันนี้มั้ยคะ ชุดสวย ๆ ของพี่ที่เตรียมไว้ฉันก็เอามาเผื่อด้วยค่ะ"
"พี่ต้องไปสิ ถ้าพี่ไม่ไปก็ไม่รู้ว่าพวกเธอจะโดนฟีโอน่าเล่นงานอะไรอีก"
งานเปิดตัวนิทรรศการมองสื่อผ่านศิลปะที่ฟอร์ท เมสัน เซ็นเตอร์เปิดตัวอย่างสวยงาม ภายในงานหนับหนาฝาคั่งไปด้วยแขกเหรื่อพันธมิตรและศิลปินที่เป็นส่วนหนึ่งของการจัดแสดงผลงานร่วมกันจำนวนมาก
ดารินธิรายืนไหว้และส่งยิ้มให้กับช่างภาพและสื่อหลายสำนัก พร้อมกับโพสท่าถ่ายรูปร่วมกับเหล่าแฟนคลับที่ชื่นชอบศิลปินสาวคนนี้
ขณะที่สายตาดุจเหยี่ยวสำรวจมองดูใบหน้าที่ฝืนยิ้มอยู่นั้นอย่างรู้ทัน แถมยังชุดเกาะอกสีดำนั่นที่โชว์ท่อนแขนขาวและหัวไหล่สวยเปลือยที่เขาเพิ่งจะบรรจงจูบตีตราจองไปเมื่อเช้าตรู่
ทั้งที่เพิ่งจะฟื้นไข้แท้ ๆ แต่ดันแต่งตัววับแวมล่อแมลงหวี่แมลงวันซะเหลือเกิน คิดแล้วอยากจะพุ่งเข้าไปพร้อมกับชุดคลุมฝนแล้วจัดการคลุมเธอให้หมดตั้งแต่หัวจรดเท้าประเดี๋ยวนี้เลย
ยิ่งเวลาที่ผู้ชายคนอื่นแวะเวียนเข้ามาพูดคุย นึกแล้วก็อยากจับมาฝังออร่าชิฟซะให้รู้แล้วรู้รอดจะได้รู้ว่ามันคิดพิสดารอะไรกับเดมี่อยู่กันแน่
"คุณเดมี่ครับ ผมเป็นหัวหน้าแผนกของสถาบันดนตรีและเต้นรำโลกแห่งประเทศไอร์แลนด์ เมื่อปีที่แล้วผมได้มาดูแนวคิดการแสดงของคุณที่เชื่อมโยงศิลปะเข้ากับการเต้นรำ จึงอยากให้คุณไปช่วย workshop ให้นักเรียนของเราที่นั่นได้มั้ยครับ"
ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลอ่อนยื่นมือออกไปเพื่อทักทายเธอ
"ยินดีมากเลยค่ะ ยังไงคุยกับเลขาของฉันตามสบายเลยนะคะ เธอทราบวันเวลาที่ฉันสะดวก ถ้าคิวเราตรงกันช่วงไหนคุณก็นัดฉันมาได้เลยค่ะ"
ดารินธิราจับมือของชายหนุ่มหน้าฝรั่งตาสีฟ้าแล้วเช็คแฮนด์เบาๆ พร้อมกับส่งยิ้มหวานที่ทำให้คนซุ่มมองดูอยู่เกิดอาการหงุดหงิดงุ่นง่านจนฮัลค์สังเกตุเห็น
ฝ่ามือน้อยจับขมับที่เริ่มปวดตุ้บ ๆ ของตนเองหลังจากที่ตอบคำถามกับสื่อหลายสำนักและเคลียร์ประเด็นต่าง ๆ ระหว่างเธอกับแม็กนัส อาเวนชี่ ทว่านักข่าวทั้งหลายก็ดูจะไม่เชื่อว่าเธอกับเขาไม่มีอะไรในกอไผ่
ฮัดชิ้ว! ฮัดชิ้ว! ฮัดชิ้ว!
เอ้า! เอ้า! คุณจามหนักขนาดนั้น ให้ผมพาไปเช็คสุขภาพปอดหน่อยมั้ย"
"น่ารำคาญ" กระแทกน้ำเสียงที่เริ่มแหบแห้ง แล้วลุกเดินหนีเขา แต่ก็โดนมือใหญ่ตะปปลงบนข้อมือ เหนี่ยวรั้งให้เดินตามเขามาขึ้นรถ
"ไข้คุณขึ้นอีกแล้ว ผมจะพาคุณไปพักผ่อน เรื่องอื่นก็ให้เลขาคุณจัดการไป ผมจ่ายเช็คเงินสดให้กุ๊กไก่ไปแล้วเพื่อทดแทนเวลาที่ผมพาเจ้านายเธอมา แล้วก็จองร้านอาหารติดริมอ่าวซานฟรานไว้ให้ทีมงานของคุณแล้วด้วย รับรองพวกเขากินดีอยู่ดี"
"เชื่อเขาเลย คุณนี่มันเหลือเกินจริง ๆ นะคะ ต่อไปลูกน้องฉันก็คงเปลี่ยนทีมไปอยู่ฝั่งคุณกันหมดแน่"
"เอาสิดีเลย ผมจะได้มีกองอวยเพิ่ม"
ชายหนุ่มฉีกยิ้มหน้าระรื่นแล้วเปิดประตูพร้อมผายมือเชิญให้ดารินธิราขึ้นรถ โดยมีสายตาของฟีโอน่า พาร์สันมองดูอยู่ห่าง ๆ
ปากสีแดงยกขึ้นด้วยความอิจฉา คิดแผนทำให้ชายหญิงคู่นั้นไม่ลงรอยกัน เพื่อให้แม็กนัส อาเวนชี่ เป็นของเธอให้จงได้
รถติดฟิลม์สีดำของชายหนุ่มพุ่งทะยานเข้าไปจอดยังโรงรถของบ้านหลังงามที่ตกแต่งด้วยสีสันราวกับขนมหวาน ทำให้ดวงตากลมโตกวาดมองทั่วอย่างลืมตัว เพราะกำลังตื่นตะลึงกับดีไซน์และการออกแบบที่เหมือนกับว่าบ้านหลังนี้สร้างมาเพื่อเด็กสาว
"น่ารักจังเลย"
เอ่ยชมฉีกยิ้มแก้มแทบแตก หัวใจของเจ้าของบ้านก็รู้สึกพองโตขึ้นมาที่ได้เห็นว่าแขกผู้มาเยือนชอบดีไซน์ของบ้านหลังนี้
"เข้าบ้านได้แล้ว" บอกพลางใช้นิ้วชี้ที่มีรอยสักกวักเรียกหญิงสาวที่กำลังชื่นชมกับสถาปัตยกรรมอยู่
การออกแบบและตกแต่งภายในบ้านสีเอริท์โทนเย็นสบายตาทำให้ดารินธิรารู้สึกอยากเอนกายพักผ่อน ใบหน้าอ่อนล้าหย่อนก้นลงนั่งที่เก้าอี้สานจากหวายตัวหนึ่งที่ตั้งติดอยู่กับโซฟาของห้องรับแขก
อยู่ดี ๆ หญิงสาวคนหนึ่งที่สวมชุดหูฟังคล้ายกับหมอพยาบาลก็เดินตรงเข้ามาส่งยิ้มให้เธอ
"รู้สึกดีขึ้นหรือยังคะ"
"หมายถึงอะไรคะ"
"ยังรู้สึกปวดหัวตัวร้อนอยู่หรือเปล่าคะ"
"อ๋อ..นิดหน่อยค่ะ"
"ขอหมอวัดไข้หน่อยนะคะ"
ที่แท้เธอก็เป็นหมอ นึกว่าเป็นแฟนของนายหงอกหน้ากวนซะอีก แต่เอาเถอะ เขาจะรักใครชอบใครมันก็ไม่เกี่ยวกับเธอสักหน่อย
หลังจากที่หมอสาวทั้งฟังเสียงปอดเสียงเต้นของหัวใจวัดอุณหภูมิร่างกาย รวมทั้งเช็คความดันของเธอเสร็จเรียบร้อย
จึงพูดประโยคหนึ่งกับชายหนุ่มเจ้าของบ้านสีลูกกวาดที่นั่งจิบน้ำส้มไขว่ห้างอยู่กับโซฟาตัวยาวอย่างสบายใจเฉิบ ฮัลค์เห็นแขกสาวของเจ้านายเอาแต่นั่งกลืนน้ำลาย สงสัยว่าเธอคงกระหายน้ำ มือขวาหนุ่มจึงรินน้ำส้มใส่แก้วส่งให้เธอจิบบ้าง
"น้ำส้มครับ"
"อ่อ...ขอบคุณค่ะ" ดารินธิรารับมาแล้วดื่มอักอักอย่างคนหัวร้อนเพ่งมองใบหน้าลั้นลาของเขา
"ภรรยาของคุณแม็กนัสมีไข้อยู่นิดหน่อย"
พรวด!!! แค่ก!.....แค่ก!
น้ำส้มในปากพุ่งออกมาผิดจังหวะผิดเวลาพาลให้คนดื่มแทบสำลักน้ำตายต่อหน้าหมอสาวและคนปลิ้นปล้อนที่พยายามกลั้นขำเอาไว้ไม่ให้เสียฟอร์ม
"ทิชชู่ครับ"
ฮัลค์ยื่นกล่องทิชชูส่งให้ดารินธิรา หญิงสาวตะปปรับมา และปาดเช็ดคราบน้ำส้มอย่างเร่งรีบ
"โอเคมั้ยคะ"หมอสาวถาม
"แค่ก ๆ" ดารินธิราไอค่อกแค่กพลางชูสัญลักษณ์ว่าโอเคส่งให้กับหมอสาวผู้หวังดี
เมื่อคุณหมอสาวคนสวยจากไป คำถามแรกก็ผุดขึ้นมาในหัวของดารินธิราทันที
ใบหน้าเคอะเขินยืนเท้าสะเอวตรงหน้าเขา "คุณอธิบายมาเดี๋ยวนี้"
คิ้วหนาสวยยู่ยี่เป็นโบว์ ปากอิ่มคว่ำลงรอฟังคำตอบจากชายหนุ่ม
"อะไรครับ...ก็หมอดันเข้าใจแบบนั้น จะให้ผมทำไงล่ะ"
"คุณก็พูดความจริงสิ"
"ความจริงที่ว่าภรรยาของผมแสนดื้อนัก งอนอะไรผมก็ไม่รู้อยู่ดี ๆ ก็วิ่งไปตากฝนข้างนอกจนเปียกปอน"
"หลินเย่ซี!"
มือใหญ่คว้าหมับเข้าที่แขนเล็กรั้งให้นั่งลงมาที่หน้าตักของเขา
"นี่!...."
มือนิ่มยันอกหนา และเผลอมองเข้าไปภายในดวงตาของเขา นิ้วชี้ของชายหนุ่มจิ้มลงบนแก้มป่องอมชมพูอย่างหมั่นเขี้ยวและหลุดยิ้มกว้างเห็นฟันขาวเพราะบางสิ่งที่ติดอยู่บนหน้าเธอ
"นิ่ง ๆ...."
ทันใดนั้นปากกระจับสีสวยของเขาก็ฉกลงมาที่ริมฝีปากล่าง ดารินธิราใจเต้นไม่เป็นส่ำตัวแข็งราวกับโดนสต๊าฟให้กลายเป็นหุ่นมาดามทุสโซ่โดยอัตโนมัติ
คนกะล่อนละเรียวปากออก กระตุกยิ้มมองใบหน้าที่นิ่งเฉย มีเพียงสายตาของเธอที่กำลังล่อกแล่กเกิดคำถามมากมาย
"มีเนื้อส้มติดอยู่ที่ปากคุณ ผมก็เลยเช็ดให้ คุณเนี่ยกินอะไรเลอะเทอะยังกับเด็ก"
"อ๋อ.....แล้วฉันลุกได้หรือยังล่ะคะ"
"คุณอยากลุกมั้ยล่ะ"
"อยากที่สุด!"กระแทกเสียงใส่เขาแล้วเด้งก้นออกมาอย่างลุกลี้ลุกลน
"คืนนี้คุณพักที่นี่นะ เสื้อผ้า บรา บิกินี่ ผมก็จัดหาไว้ให้เรียบร้อย นอนแอ้งแม้งอยู่ในตู้ข้างบนห้องนอนโน่น"
"ทะลึ่ง!" ร้องพลางยกมือกอดปิดอกตัวเองด้วยความตกใจ ทำไมเขาตระเตรียมของพวกนี้ไว้ให้เธอ หรือลูกน้องคนใดรวมหัวกับเขา
ถ้าให้เดาก็คงจะเป็นยัยกุ๊กไก่แน่ เพราะตั้งแต่เธอมากับเขา จนป่านนี้แม่เลขาคนสนิทก็ไม่คิดจะไถ่ถามหรือแชทหาเลยสักข้อความ
"คุณเอาอาหารอร่อยๆ แล้วก็เช็คเงินสดฟาดปากยัยกุ๊กไก่ไปใช่มั้ย ฮึ!"
"อึ้ม....ผมยอมรับว่าผมทำ แต่ผมทำเพราะอยากใช้เวลาที่เหลือให้คุ้มค่าที่สุด" ตอบส่ง ๆ ลอย ๆแล้วเดินสับขาหนีขึ้นไปชั้นสองของบ้านอย่างไม่รู้อิโหน่อิเหน่
"ใช้เวลาที่เหลืองั้นเหรอ" ดารินธิราพึมพำกับสิ่งที่เขาเอ่ยทิ้งท้ายไว้ให้เธอขบคิด
โชคดีที่บ้านหลังนี้มีบันไดที่ไม่สูงนักทำให้การเดินขึ้นชั้นบนเป็นไปอย่างราบรื่นหมดปัญหา ดารินธิราเดินสำรวจห้องชั้นบนก็เห็นชายหนุ่มยืนมองท้องฟ้าอยู่ที่หน้าต่างของห้อง ๆ หนึ่ง แต่ใบหน้าที่เหม่อมองฟ้าสีครามอยู่นั้น มันผิดแผกแปลกไปจากเดิม ดูหม่นหมองและกังวลบางอย่าง
"คุณกำลังจะไปไหนหรือเปล่า" เดมี่ตัดสินใจถามออกไปตรง ๆ"เอ้า....ฉลาดขึ้นมาหน่อยแล้วนิคุณ""อย่ากวนบาทาได้มั้ยคะ ตอบมาเฉย ๆ ยากนักหรือไง""ตอบคำถามคุณเนี่ยยากที่สุดในโลกเลยล่ะ ความจริงก็ไม่ได้มีอะไร อีกสองวันผมแค่จะไปโจฮัสเนสเบิรก์" "แล้วไปนานแค่ไหนคะ ไอ้ที่ฉันถามก็เพราะ... เพราะว่าจะได้สบายใจ ยิ่งคุณไปนาน ๆได้ยิ่งดี""ผมยังไม่มีกำหนดกลับ ไงล่ะนานสมใจคุณดีมั้ย"หัวใจของดารินธิราเหมือนหล่นวูบหาย ราวกับว่าออกซิเจนบนโลกใบนี้ไม่มีเหลือให้เธอหายใจอีกเหตุผลสำคัญอะไรกันที่เขาต้องไปแบบไม่มีกำหนดเดินทางกลับ แล้วความรู้สึกที่เขายัดเยียดให้เธอล่ะ เขาไม่คิดจะรับผิดชอบบ้างเลยใช่มั้ยความจริงแล้วในใจของอัจฉริยะอย่างเขาที่เอาแต่คิดแต่นวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อผดุงความยุติธรรมให้โลก มันมีความรู้สึก 'ผูกพัน' กับผู้หญิงธรรมดาอย่างเธออยู่บ้างไหม ชายหนุ่มผมสีเงินเห็นว่าเธอนิ่งเงียบไร้การถกเถียงต่อปากต่อคำกับเขาก็อดเป็นห่วงความรู้สึกของเธอไม่ได้ แต่เธอจะรู้สึกอะไรกับคนที่ทำเรื่องเลวร้ายกระทบกระเทือนจิตใจเธอสารพัดภายในใจของดารินธิราคงกำลังกระโดดโลดเต้นอยู่เสียมากกว่าที่รู้ว่าผู้ชายน่ารำคาญอย่างเขากำลังจะจากไป
ดารินธิรานอนคว่ำเหยียดยาวอยู่บนเตียงนอนและอยู่ในชุดนอนเสื้อยืดสีขาวตัวใหญ่ที่ยาวคลุมถึงเพียงแค่ช่วงสะโพกกลมกลึง ท่อนล่างใส่ซับในแบบกางเกงเพื่อปกปิดเรียวขาเปล่งปลั่งไม่ให้ดูน่าเกลียด หลังจากที่ชำระล้างร่างกายจนสดชื่นดีแล้ว เพียงแค่หยิบสมุดโน็ตในกระเป๋าออกมาเขียนจดไอเดียอยู่ไม่ถึงยี่สิบนาทีความง่วงก็เข้ามาทำหน้าที่สั่งการให้ร่างกายได้พักผ่อนเดี๋ยวนั้นขณะที่ปาตาโกไททัน มาโยรัม นอนหลับเงียบอยู่บนฟูกของมันโดยไม่รบกวนทาสสาวแต่อย่างใด ก๊อก! ก๊อก! เสียงเคาะประตูเรียกดังถึงสองครั้งแต่เจ้าของห้องนอนก็ยังคงหลับเงียบฝันลึกจนคนด้านนอกต้องเป็นฝ่ายเปิดประตูเข้ามาแทน และเห็นว่าหญิงสาวหลับสนิทอยู่บนเตียงนอนด้วยสภาพใบหน้านอนทับอยู่กับสมุดโน๊ดมือข้างหนึ่งยังคงกำดินสอ ชายหนุ่มยกกระเป๋าเดินทางและสัมภาระที่เขาไปขนมาจากโรงแรมซึ่งทีมงานของดารินธิราพักระหว่างงานนิทรรศการที่ ฟอร์ทเมสัน เซ็นเตอร์ เขานึก ๆ แล้วก็รู้สึกตลกกับพฤติกรรมของตนเองอยู่เหมือนกัน เพราะเขาหอบหิ้วดารินธิราไป ๆ มา ๆ ทำให้เธอไม่ได้มีโอกาสนอนพักที่โรงแรมกับทีมงานของตัวเองเลยสักครั้ง ป่านนี้เธอคงคิดในใจอยู่ว่าเขาเป็นคนมักง่ายเห็นแก่ตัว
ใบหน้าที่เลอะเทอะคราบน้ำตาสะอื้นเสียงดังแข่งกับเสียงฟ้าร้องคำรามด้านนอกตัวบ้าน เป็นจังหวะเดียวกับที่กุ๊กไก่โทรเข้ามาหา เธอพยายามหยุดร้องไห้และกดรับโทรศัพท์ของเลขา"จ้ะ ว่าไงกุ๊กไก่""พี่คะ คุณแม็กโอเคไหมคะ""ทำไมคนพรรค์นั้นต้องไม่โอเคด้วยล่ะ""นี่คุณแม็กยังไม่ได้บอกพี่เหรอคะ เฮ้อ!...พ่อพระจริง ๆ ชอบปิดทองหลังพระตลอด""เธอพูดอะไรพี่ไม่เห็นเข้าใจ""ก็คุณแม็กกับมือขวาร่างยักษ์มาหาฉันที่โรงแรม บอกว่าจะมาเอาสัมภาระของพี่ แต่อยู่ดี ๆ ยัยปีศาจฟีโอน่า ก็โผล่พรวดมากับคุณเบลค อาเวนชี่เฉยเลย""เธอหมายถึงพ่อของเขาน่ะเหรอ""ใช่ค่ะ แถมคนของพ่อเขายังจับคุณแม็กลากไปแบบถูลู่ถูกัง พาเข้าไปห้อง ๆ หนึ่งในโรงแรม ฉันเห็นว่าเขาหายเงียบไป กลัวจะเกิดเรื่องไม่ดี ก็เลยโทรตามคุณฮัลค์ที่บอกว่าจะแวะไปซื้ออาหารแมว หลังจากที่คุณฮัลค์มาถึงก็รีบเข้าไปเจรจาพาตัวคุณแม็กออกมา แต่ฉันก็ยืนดูอยู่พักใหญ่กว่าพวกเขาจะกลับออกมา แถมสีหน้าคุณแม็กก็ดูไม่ค่อยดี" "ตกลงเธอรู้หรือเปล่าว่าเกิดอะไรขึ้น" "ตอนแรกก็ไม่รู้หรอกค่ะ คุณแม็กไม่ยอมเล่า แต่มันคันปาก ตะกี้ก็เลยโทรหาคุณฮัลค์เพื่อถามตรง ๆ คุณฮัลค์บอกว่าก่อนวันที่คุณแม็กจะมาฟอร์ทเม
สมองของคนฟังเบลอไปชั่วขณะ เมื่อได้ยินประโยคที่เสียงหวานเอ่ยถามขึ้นอย่างชัดเจนเต็มสองหูสายฟ้าที่ฟาดลงมาดังเปรี้ยงปร้างก็ไม่อาจดับความตื่นเต้นแปลกใหม่ที่ก่อตัวขึ้นในใจ ฮัลค์ทำตาลุกวาวมองเจ้านายหนุ่มพร้อมกับเกาหัวแกรก ๆ แก้อาการเขิน"ทำไมคุณเดมี่ต้องขออนุญาตผมด้วยล่ะครับ ก็ขอกับคุณแม็กเองเลยสิครับ เอ่อ...คุณแม็กครับผมขอตัวก่อนนะครับ" มือขวาคนสนิทเดินสับขาเข้าห้องนอนชั้นล่างของตนเองในพริบตาเดียว เพราะตอนนี้ไม่ใช่เรื่องที่เขาจะยื่นมือเข้ามายุ่งเกี่ยวได้ที่เหลือคงต้องให้เจ้านายหนุ่มของเขาตัดสินใจเอาเองฝ่ามือของดารินธิรายังคงยื่นค้างรอให้เขาจับ แต่ชายหนุ่มก็ยังคงหยิ่งยโส ทำเมินเฉยกับสิ่งที่เธอถาม"จะนั่งตัวเปียกอยู่ตรงนี้ไปยันเช้าเลยเหรอคะ" "คุณพูดอะไรออกมารู้ตัวไหม"หญิงสาวถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก้มลงรวบใบหน้าขาวมึนตึงของเขามากอบกุมแล้วบดจูบลงไปยังเรียวปากซีดเซียวนั่นดวงตาของคนโดนปล้นจูบถึงกับลุกวาวตื่นตะลึง กระทั่งปากอิ่มละออก กระซิบบอกข้าง ๆ กกหูร้อนผ่าวของเขา"ขอบคุณสำหรับทุกเรื่องที่คุณทำให้ฉัน หลินเย่ซี"ยิ้มกว้างสดใสและลุกเดินจากเขามาด้วยความรู้สึกกระดากอาย จังหวะที่มือน้อย ๆ กำลังผลั
ดารินธิราออกมาจากห้องนอนของชายหนุ่มได้อย่างโล่งใจ ใจหนึ่งก็อยากรู้ว่าเขาคุยอะไรกับคนในแชทต่อ แต่ว่ามันไม่ใช่กงการอะไรที่เธอจะต้องรับรู้ ต่อให้รู้ก็คงช่วยอะไรเขาไม่ได้อยู่ดี ม๊าว! ม๊าว!"ว่าไง ปาตาโกไททันมาโยรัมสุดหล่อ" หญิงสาวเขี่ยคางของเจ้าเหมียวขี้อ้อนแล้วอุ้มมันขึ้นมานอนบนเตียงด้วยทว่าขณะที่สมองเริ่มเกิดอาการสะลืมสะลือ ร่างสูงก็เข้ามายืนจังก้าอยู่ปลายเตียงเสียแล้ว"ไอ้ปาตาโกไททัน มาโยรัมนี่มันที่ฉัน" พูดกับเจ้าเหมียวที่นอนซุกหลับอยู่บนหน้าท้องของดารินธิรา จนเจ้านายขนฟูลุกบิดขี้เกียจพลางกระโดดตุ้บลงไปหาทาสหนุ่มขี้อิจฉา ทำเป็นออดอ้อนไซ้หน้าขาให้ตายใจแต่พอทีเผลอก็ฝังเขี้ยวแหลมคมลงมาที่ข้อเท้าของเขาอย่างแรง"โอ๊ย! แกไอ้แมวขี้โกง ไปนอนโน่นเลย " เขาทะเลาะกับปาตาโกไททันมาโยรัม แล้วจับเจ้าแมวหนุ่มโยนเข้าไปในห้องนอนของตัวเองขณะที่ใบหน้างัวเงียผุดลุกขึ้นดูพลางใช้มือขยี่ดวงตาชะเง้อมองว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างคนกับแมว"เสียงดังอะไรอีกล่ะคุณ แล้วเจ้าเหมียวล่ะ" "ผมให้ไปนอนที่ห้องผมแทน""ทำไมล่ะคะ""ก็คืนนี้ผมจะนอนกับคุณไง""ห๊ะ!! เดี๋ยว ๆ นอนยังไง ต่างคนต่างหลับ หรือนอนแบบนู๊ดคอนเซ็ปต์" "โฮ้
หญิงสาวเดินตรงไปสะกิดหัวไหล่ ขณะกำลังคุยกับพ่อครัวของร้านอาหาร และพลิกหันกลับตามแรงสะกิด ทันใดนั้นดินสอพองในขันน้ำลายไทยสีเงินของเธอก็ถูกป้ายลงมาที่ใบหน้าขาวใสอย่างว่องไวแม็กนัสเบิกตากว้างไม่ใช่เพราะกำลังรู้สึกเหวอกับสิ่งที่เธอป้ายลงมาทีหน้าซึ่งมาพร้อมกับความหอมจรุงจมูกแบบไทย แต่สิ่งที่เขาไม่ชอบใจนักเพราะแม่ศิลปินสาวดันอยู่ในชุดเดรสสั้น ความยาวกระโปรงนั่นที่เป็นปัญหา เพราะมันยาวเลยเข่ามาเล็กน้อย ทำให้ดูจะสั้นเกินไปสำหรับเขา ดวงตาเรียวสีน้ำตาลเข้มมองสลับซ้ายสลับขวา สอดส่องดูว่ามีสายตาหื่นคู่ไหนบ้างแอบมองแม่แมวเหมียวเดมี่ของเขาอยู่บ้าง "เป็นอะไรคะ ทำไมต้องทำหน้าทำตาล่อกแล่กแบบนั้นด้วยอ่ะ""ก็...กระโปรงมันจะดูสั้นไปหน่อยไหมคุณ""วันสงกรานต์ใครเขาจะมาใส่เสื้อยืดกางเกงยีนส์อยู่ล่ะคะ""ผมว่ามันโป๊ไปหน่อย แต่เอาเถอะ...ให้ใส่แค่ช่วงเทศกาลสงกรานต์เท่านั้นนะ เทศกาลอื่นคุณต้องงด แต่อนุญาตให้ใส่เฉพาะอยู่กับผมคนเดียวเท่านั้น""คุณแม็กครับ อาหารโต๊ะ 12 ได้แล้วครับ" "ครับพ่อครัวแสง" เขาขานรับพ่อครัวแสงด้วยน้ำเสียงดังฟังชัด รับถาดอาหารแล้วเดินไปเสริฟ์ปล่อยทิ้งให้คนขี้เล่นอย่างดารินธิรายืนเก้อเซ็ง
ชายหญิงโบกมือร่ำลาทุกคนในร้านก่อนจะพากันเดินขึ้นรถมุ่งหน้ากลับบ้านสีลูกกวาด แต่เจ้าของรถเลือกที่จะขับไปอีกทางซึ่งเป็นเส้นทางมุ่งสู่ทวินเพริกส์ จุดชมวิวที่สวยที่สุดอีกแห่งหนึ่งของซานฟรานซิสโก และเป็นยอดเขาสูงใจกลางเมืองที่สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณสองร้อยกว่าเมตรบรรยากาศยามค่ำที่นี่จะสวยงามตระการตา ทำให้สามารถมองเห็นหมู่ดาวระยิบระยับทอแสงเหนือน่านฟ้าอ่าวซานฟรานซิสโกได้อย่างชัดเจน"ทำไมถึงพาฉันมาที่นี่ล่ะคะ""เพราะผมมีเรื่องจะพูดกับคุณ ผมอยากให้มันพิเศษก็เลยพาคุณมาที่นี่""คุณหวานกับเขาก็เป็นเหรอเนี่ย แล้วจะพูดอะไรกับฉันเหรอ""แม่คุณคงเล่าให้ฟังแล้วล่ะสิ งั้นผมไม่ยืดเยื้อแล้วนะ คือ...พรุ่งนี้ผมจะไปแอฟริกาใต้แล้ว และก็ยังไม่มีกำหนดกลับที่แน่นอน""ที่ว่าไม่มีกำหนดกลับ มันนานขนาดไหนเหรอคะ สองเดือน หรือหนึ่งปี""สำหรับผมสามวันที่ต้องจากคุณ ผมก็กินไม่ได้นอนไม่หลับแล้ว""ไม่เชื่อหรอก เมื่อก่อนคุณเกลียดฉันจะตาย""คุณโกรธเหรอ""ไม่ได้โกรธค่ะ แค่หมั่นไส้นิดหน่อย""ผมยอมโดนคุณหมั่นไส้ไปทั้งชีวิตเลย ผมสัญญาว่าจะรีบกลับมาหาคุณนะเดมี่""นานแค่ไหนฉันก็จะรอคุณกลับมา สรุปมีแค่นี้เหรอคะที่จะพูดกับฉัน" ถ
นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มจดจ่ออยู่กับจอมอนิเตอร์ผ่านซอฟต์แวร์ที่เขาเขียนขึ้น 'ออร่าแสกนนิ่ง' ที่ใช้กับ 'ออร่าชิฟ' เป็นเทคโนโลยีที่เขาพัฒนาขึ้นเพื่อฝังลงบนร่างกายของมนุษย์โดยใช้แนวคิดของปรสิตที่อาศัยอยู่ในตัวของสิ่งมีชีวิตนั้น ๆนานวันเข้าออร่าชิฟนี้จะกลมกลืนไปกับสรีระและกายภาพ แม้จะตรวจจับได้ก็จะเห็นเป็นเพียงก้อนขนาดเล็กใต้ผิวหนังที่มีขนาดเท่ากับเม็ดข้าวหรือถูกเข้าใจว่าเป็นปรสิตจำพวกหนึ่งความสามารถและจุดเด่นของออร่าชิฟคือการบ่งชี้อารมณ์ ความรู้สึก กรุ๊ปเลือด สารสื่อสมอง ที่ผลิตอยู่ ณ เวลานั้น แนวโน้มของพฤติกรรมในอนาคต ช่วงเวลาที่จะเกิดขึ้น นอกจากนี้ยังเป็นเครื่องจีพีเอสระบุตำแหน่งที่แม่นยำสูงโปรแกรมออร่าแสกนนิ่งจะทำการวิเคราะห์ออกมาในรูปแบบของพลังงานจากแสงรังสีของร่างกาย ซึ่งพลังงานนี้ของบุคคลนั้นๆ จะส่งคลื่นความถี่ของสมองและอัตราการเต้นของหัวใจไปยังโปรแกรมประมวลผลอีกครั้งถ้าในคนที่มีฌาณอาจเรียกว่า 'ทิพย์จักษุ" แต่สำหรับแม็กนัส อาเวนชี่ มันคือวิวัฒนาการที่ผสานปรจิตวิทยาเข้ากับเทคโนโลยีขั้นสูงที่เป็นไปได้"ออร่า ชิฟของอาชญากรที่คนของสมาคมไปฝังไว้ เป็นของวัคกาโซ่ อดีตเจ้าหน้าที่SAPSของแอฟร
หลังจากที่เมื่อวานเขามาส่งเธอที่บ้าน และพูดกับเธอว่า "ดูแลตัวเองให้ดี เพราะอาทิตย์นี้เขาอาจจะไม่มีเวลามาหา" พอได้ยินแบบนั้นใจมันก็แป้วจนบอกไม่ถูก เหมือนมีลางว่าจะเกิดเรื่องโกลาหลอะไรขึ้นทั้งที่เกือบหนึ่่งเดือนมานี้ตอนที่อยู่แอฟริกาใต้เธอตัวติดกับเขาตลอดเวลา ถึงแม้จะมีเรื่องวุ่นวายทั้งหลายเข้ามาแทรกกลางบ้าง แต่เขาก็ตามไปช่วยเธอกลับมาได้ทุกครั้งทว่าเวลานี้.....เธอทำได้แค่ยืนมองดูเขา อยู่ในสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกผ่านหน้าจอทีวีเท่านั้นน่ะเหรอ เธอไม่สามารถที่จะช่วยอะไรเขาได้เลยพลันใดคำพูดของพี่โมนา ก็สะท้อนดังขึ้นมา ที่บอกว่า "การช่วยใครสักคนไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องจับปืนถือมีด แต่หมายถึงทำในสิ่งที่เราสามารถทำได้ เพื่อเขา""หนูจะไปทำธุระสักหน่อย ฝากทางนี้ด้วยนะคะคุณเบ็ค"บอกกับพนักงานอาวุโสที่สุดของสถาบันและเดินตรงออกไปจากสถาบันทันที"ได้จ้ะ"รถมินิคูปเปอร์ของหญิงสาวแล่นฉิวออกจากลานจอดรถด้วยความร้อนใจไม่นานนักก็ถึงตึกรูปตัวเอ็มสูงใหญ่ที่มองเห็นไกล ๆ ว่ามีคนหัวดำหัวสีหลายคนยืนมุงอยู่หน้าบริษัทจนมองไม่เห็นชายหนุ่มที่เธอเป็นห่วงไมค์หลายตัวยื่นจ่อปาก บางตัวก็เกือบเขกโดนหัวของเจ้
ไม่นานนักความกระจ่างก็มาตั้งอยู่ตรงหน้าของเธอ หน้าจอทีวีขนาด 24 นิ้วลิงค์เชื่อมต่อกับแท็บเล็ตของเขาทันทีที่ปลายนิ้วสวยจิ้มตรงนั้นทีตรงนี้ที พลันนั้นสรีระโครงสร้างร่างกายของปาตาโกไททันมาโยรัมก็ปรากฏขึ้นในรูปแบบกราฟฟิก พร้อมกับตำแหน่งที่ขึ้นเป็นจุดสีแดง และเส้นกราฟแสดงผลบอกระดับของอารมณ์ ระดับพลังงานของร่างกาย ความเครียดและความผ่อนคลายแม้กระทั่งตำแหน่งแสดงภาพรวมว่าผลของร่างกายเป็นบวกหรือลบ สุดท้ายคือพีระมิดที่แสดงขึ้นด้านข้างเหมือนกับสีออร่า"คุณเขียนโปรแกรมนี้เองเหรอคะ ดูเทพทรูมากเลยอ่ะ"จ๊วบ!เรียวปากกระจับของเขาฝังลงบนแก้มนุ่มออกแรงบดด้วยความหมั่นเขี้ยวจนเจ้าของพวงแก้มถึงกับจิกตาเขียวปัด"เอ๊ะคุณนี่! เสียงดังไปแล้วนะคะ""ในห้องมีแต่เรากับแมวหนึ่งตัวที่ป่วยอยู่ จะอายอะไร" "คุณไม่อายแต่ฉันอาย คุณดูหน้ามันสิ มันดูตะลึงมากเลย" หญิงสาวบอกแล้วชี้ไปที่หน้าของปาตาโกไททันที่นั่งจ้องเขม็งมาที่มนุษย์อย่างไม่สบอารมณ์นัก "แกป่วยก็นอนพักไปสิ มานั่งจ้องจับผิดอะไรอยู่ได้" เขาตวาดใส่มันแล้วก็กลับไปดูที่หน้าจอทีวีเช่นเดิม"คุณยังจะไปดุมันอีก สรุปแล้วเจ้าเหมียวเป็นอะไรคะ" ดารินธิราสงสารเจ้าเหมียวท
แม็กนัส ทำท่าทีเป็นรีบทำเป็นดำน้ำนอนอยู่ใต้อ่างจากุชชี่เพื่อแกล้งแหย่เดมี่หลังจากที่เธอบรรจงถอดเสื้อผ้าที่ทั้งเปียกทั้งหนักออกอย่างทุลักทุเล เหลือเพียงแต่ปราการสองชิ้นน้อย ๆ ที่ปกปิดเรือนร่างบางเย้ายวนเอาไว้หญิงสาวค่อย ๆ หันกลับมาเผชิญกับชายหนุ่มในอ่างเก้ ๆกัง ๆ ทว่าพ่อคนเมายากลับไม่ได้นั่งหัวโด่อยู่ตรงนั้นแต่เขากลับนอนอยู่ใต้ผิวน้ำใสของอ่างน้ำร้อนนอนแน่นิ่งไม่ไหวติง "แกล้งฉันอีกแล้วใช่ไหมคะ เชิญนอนใต้น้ำนั่นไปเลย ฉันไม่สนใจคุณหรอก" เธอยืนจ้องดูเขาเท้าสะเอวรอคอยว่าเขาจะหมดลมหายใจใต้น้ำเมื่อไหร่ แต่เวลาก็ผ่านไปพักใหญ่แล้วน่าจะเกือบสองนาทีทำไมเขายังไม่ขยับเขยื้อนตัวอีก หรือว่าเขาจะเป็นลมใจใต้น้ำจริง ๆด้วยความตื่นตระหนกตกใจหญิงสาวจึงพุ่งพรวดลงไปในอ่าง งัดล่างของเขาขึ้นมา พอดึงร่างของเขาขึ้นมาพิงกับขอบอ่างได้ ฝ่ามือก็รีบตบ ๆ เรียกสติของเขาให้ตื่นขึ้น "นี่คุณอย่ามาล้อเล่นนะ....เย่ซี! คุณตื่นสิ ไม่งั้นฉันจะโกรธคุณจริง ๆ แล้วนะคะ" ประชดประชันใส่และเตรียมลุกออกจากอ่างสวบ!ทันใดนั้นร่างบางถูกรวบเข้าไปกอดอย่างรวดเร็วทำให้เซถลาล้มลงบนหน้าขาแกร่ง"อย่าโกรธผมนะ....ขอร้อง"คนคนเจ้าเล่ห์พูด
ร่างกายของซุนย่าฉงที่กอดก่ายชายหนุ่มในสระว่ายน้ำอยู่นั้นพยายามจะยั่วยวนให้แม็กนัสตบะแตกสายลับแสนเจ้าเล่ห์จึงได้แต่เล่นไปตามบทบาทเพื่อรอจังหวะเหยื่อตายใจ"เวลาคุณเปียกแล้วเซ็กซี่น่าฟัดไปหมด คุณรู้ไหม..เย่ซี" นางนกต่อพร่ำบอกพลางยกฝ่ามือลูบไล้กล้ามหน้าท้องขาวจั๊วะมือหนาจึงรีบเอื้อมมือคว้าแก้วที่มียาหลอนติดลบ 18+ ยาสูตรพิเศษของสมาคมใช้เพื่อทำให้เหยื่อคิดว่าตนกำลังทำกิจกรรมบนเตียงกับคนที่ตนปรารถนา "ดื่มนี่ก่อนสิ"เขายื่นขอบแก้วแตะลงบนริมฝีปากสีเลือดนกของซุนย่าฉง หญิงสาวเหลือบมองอย่างลังเลแต่ก็ยอมรับแก้วดังกล่าวมาดื่มโดยไม่ปฏิเสธ"ก็ได้ค่ะ"ริมฝีปากบางจิบแต่พองาม พลางส่งกลับไปให้แม็กนัสดื่มสายลับหนุ่มจึงต้องจำใจดื่มพราะซุนย่าถิงกำลังคลางแคลงใจในพฤติกรรมของเขาอยู่เช่นเดียวกัน"ครับดื่มก็ได้ คุณว่าไงผมว่าตาม"เหล้าสีใสถูกกรอกผ่านลำคอลงไป ภายในเสี้ยววินาทีความหนาวสะท้านก็แผ่ซ่านเข้ามาปกคลุมผิวกายอย่างเฉียบพลันแม้ยานี้จะแตกต่างกับยาจำพวกเสียสาวตรงที่ให้ความรู้สึกหนาวสั่น แต่สองสามนาทีถัดมายาหลอนติดลบจะสำแดงฤทธิ์ให้เห็นภาพที่เปี่ยมด้วยกิเลสตัณหาภายในจิตใจและตอนนี้มันก็เกิดขึ้นกับเขาจนไม่อา
รถติดฟิลม์อำพรางไม่ให้คนข้างนอกเห็นมาจอดยังชายหาดแซนดี้ใจกลางเมืองเคปทาวน์ตามนัดของซีอีโอผู้ก่อตั้งนิตยสารโมนาลิซ่าชายหาดแห่งนี้ห่างไกลผู้คนเต็มด้วยคลื่นสีครามน้ำใสอันสุขสงบ และโอบล้อมด้วยทิวเขาเขียวขจีเหมาะแก่การใช้เป็นสถานที่ถ่ายแบบมากที่สุด"สวัดสีค่ะพี่โมนา""มาแล้วเหรอจ๊ะ งั้นมาแต่งหน้าทำผมกันเลย เอ้....ปกติเราแต่งตัวแบบนี้เหรอมันดูจะสุภาพไปหน่อยนะพี่ว่า"เจ้าของนิตยสารสาวเอ่ยถามพลางดึงแขนของดารินธิราให้นั่งลงบนเก้าอี้แต่งตัว"คนโน้นค่ะที่อุตริจัดแจงเสื้อผ้าพวกนี้ให้หนูใส่"โมนาเอี้ยวตัวหันไปมองชายหนุ่มด้านหลังที่พกพาบอดี้การ์ดมาคุมกองถ่ายแบบจำนวนหนึ่งคล้ายกับกำลังคุมนักโทษ"โหว.....นี่เป็นขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย""ค่ะ......เป็นเอามาก""โถ ๆ เดมี่ หนูอิศของพี่ก็พอกัน หมอนั่นนะถึงกับประสาทเสียเลยแหละ คิดแล้วก็ขำ เฮ้อ....แล้วถ้าพ่อแฟนอัจฉริยะของเราเห็นชุดถ่ายแบบแต่ละชุดแล้ว จะไม่องค์ลงแย่เลยเหรอ""ช่างเขาเถอะค่ะ จะได้รู้จักมีขันติซะบ้าง แบ่งแยกว่าอะไรคืองานอะไรคือเรื่องส่วนตัว"ไม่ถึงครึ่งชั่วโมงดารินธิราก็ก้าวออกมาจากห้องแต่งตัวเคลื่อนที่ในชุดบีชแวร์สวยสง่าดั่งนางฟ้าที่เดินกรุยกรายอย
ขายาวในเสื้อเชิ้ตสีดำตัวโคร่งนั่งไขว่ห้างอยู่บนเก้าอี้วาดรูป หลังจากตื่นนอนภาพเมื่อคืนก็ผุดพรายขึ้นราวกับสตอรี่ที่แสนร้อนรุ่ม ทำให้ต้องควานหากิจกรรมอย่างอื่นทำเพื่อกลบภาพอันซาบซ่านดารินธิรารีบไปบอกฮัลค์ให้จัดหาอุปกรณ์วาดรูปให้เธอ ไม่น่าเชื่อว่าภายในกี่นาทีเขาก็กลับมาพร้อมกับสิ่งที่เธอต้องการ ศิลปินสาวจดจ้องใบหน้าสว่างที่คว่ำแนบอยู่กับหมอนอิงใบใหญ่ "น่ารักน่าหยิกเหลือเกิน"กรอบหน้านวลสว่างงดงามกว่าผู้หญิงดึงดูดใจให้เธออยากตวัดปลายดินสอเพื่อสเก็ตรูปของเขายามหลับใหลอีกครั้งรูปเมื่อห้าปีก่อนของเธอถูกเขาทำลาย เป็นรูปที่เธอแอบวาดเขาตอนกำลังป่วยอยู่ในคฤหาสน์อาเวนชี่ จำได้ว่าตอนนั้นแม็กนัสมีไข้สูง หน้าขาว ๆ ของเขาก็กลายเป็นสีแดงจัด วันนั้นน้าสาวของเธอไปงานเลี้ยงกับพ่อของเขา ทำให้น้ากำชับว่าให้เธออยู่คฤหาสน์อาเวนชี่คอยช่วยแม่บ้านใหญ่คอยดูแลคุณหนูแถมคุณหนูที่ว่าก็คือเด็กหนุ่มอายุ 18 ที่ป่วยนอนซมอยู่ ตอนนั้นเธอที่อายุ 21 ปีก็เป็นเหมือนพี่เลี้ยงเด็กไปอีกคนโดยปริยาย ช่วงนั้นเธอกำลังส่งรูปภาพเข้าประกวดเพื่อชิงรางวัลศิลปินแห่งซิลิคอนวัลเล่ย์ รวมทั้งต้องเฝ้าเด็กหนุ่มที่ย้อมผมสีเทาเงินประชดชีวิต
ยามที่เรียวปากกระจับลากไล้ต่ำลงมายังชายโครง ระดมจูบที่กล้ามเนื้อแน่นตึงแข็งแรง และดูเร่าร้อนช่วงเวลาที่ใบหน้าอิ่มสุขร่ายมนต์อยู่บนเวทีที่ลินคอร์นเซ็นเตอร์เมื่อห้าปีก่อนก็ผุดพรายขึ้นมาในความทรงจำของแม็กนัส"ผมเป็นสาเหตุทำให้คุณเลิกเต้นหรือเปล่า" คำถามถูกพ่นออกมารดลงมายังหน้าท้องแบนราบ ดวงตาเรียวคมเหลือบมองใบหน้าที่แหงนหงายมองเพดานห้อง นัยน์ตากลมโตหลุบมองสบตาพลางผลักตัวของชายหนุ่มออกเบา ๆ ค่อย ๆ หยัดตัวลุกขึ้น ประคองเต้าเปลือยเปล่าอย่างกระดากอาย เรียวขายาวพับเพียบเบียดเข้าหากันเพราะสายตาร้อนที่สำรวจมองอยู่นั้น มันชวนให้กระอักกระอ่วนและเย็นยะเยือก"ไม่ใช่เพราะคุณ แต่....เพราะฉันในเวลานั้นแค่ไม่อยากเป็นเงาของน้า และไม่อยากให้คุณรังเกียจกันไปมากกว่านี้" "โธ่!...เดมี่"ร่างบางสั่นเทาขณะบอกเล่าเรื่องราวเก็บกดมาทั้งชีวิตถูกรวบเข้าไปโอบกอด ฝ่ามือที่ประคองทรวงอกอยู่นั้นเคลื่อนขยับมาโอบกอดแผ่นหลังกว้างนั้นกลับ "คนที่ผมรังเกียจไม่ใช่คุณ แต่เป็นพ่อผมกับน้าของคุณ"พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง ดันตัวคนที่กำลังสั่นเทาออก ปลายจมูกโด่งฝังลงบนหัวไหล่มนสูดดมความหอมจากเรือนร่าง เคลื่อนมายังไหปลาร้าคู่สวยพ
ใบหน้าซีดนั่งเงียบมาตลอดทางที่นั่งรถกลับมากับเขา ตอนนี้เธอไม่อาจให้เขาแตะเนื้อต้องตัวเพราะกลัวว่าจะดูเป็นผู้หญิงที่น่ารังเกียจและไร้ยางอายในสายตาของเขากระทั่งเสื้อที่เขาถอดคลุมผิวกายที่สั่นระริกของเธอก็ยังไม่สมควรจะอยู่บนเรือนร่างนี้ด้วยซ้ำ ถ้าเกิดว่าเขามาไม่ทัน หรือตัดใจทิ้งเธอไป วินาทีนั้นเธอก็ไม่ใช่ผู้หญิงของเขาอีกต่อไปแล้ว "ทำไมคุณต้องนั่งห่างผมขนาดนั้นเดมี่""มี่รู้สึกตัวเอง.....สกปรก"ช่างเป็นคำพูดที่ทำให้คนฟังอย่างเขาหดหู่ใจขึ้นมา ทำไมเธอต้องพูดดูแคลนตัวเองขนาดนี้ เขาไม่เคยมองว่าเธอสกปรกเลยสักนิดหรือเธอเห็นว่าเขาเป็นคนที่รักความสมบูรณ์แบบจึงกลัวว่าตนจะไม่สมบูรณ์แบบสำหรับเขาแม็กนัสพาดารินธิรามาที่พักแห่งใหม่ซึ่งอยู่บนยอดเขาห่างไกลจากอันตราย ซึ่งบนนี้มีกำแพงเขื่อนสูงใหญ่และประตูเหล็กนิรภัยอีกสองชั้นสถานที่แห่งนี้จะใช้เป็นเซฟเฮาส์ทุกครั้งเมื่อมาปฏิบัติภารกิจที่แอฟริกาใต้แต่ด้วยสถานการณ์คับขัน เพราะผู้หญิงของเขาตกเป็นเป้าหมายของพวกกลุ่มเฮริฟ์อย่างไม่ทันตั้งตัว เขาจำเป็นต้องพาเธอมาซ่อนตัวสักพักร่างบางที่กอดก่ายเสื้อสูทตัวนอกที่เขาใช้คลุมปกปิดความล่อแหลมบนเรือนร่าง ค่อย ๆ ปลดอ
ปลายหมึกปากกาสีดำที่ลากเส้นบนพื้นผิวกระดาษอยู่นั้นผงะเล็กน้อย เมื่อมีบางอย่างถูกโยนลงมาบนโต๊ะที่เธอบรรจงวาดรูปอยู่ดารินธิรามองชุดตรงหน้าเอื้อมหยิบมากางดูอย่างข้องใจ "คุณลูคัสสั่งให้คุณใส่ชุดนี้แล้วลงไปร่วมงานเลี้ยงของโรงแรมกับเขา" "แต่ชุดนี้มันค่อนข้างจะเซ็กซี่เกินไปหน่อยมั้ยคะ""คุณมีหน้าที่ใส่ก็ใส่ไป" ชายชุดดำกำชับแล้วเดินจากไป "เฮ้อ" ดารินธิราถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่นึกถึงคำพูดที่เคยให้สัญญากับเขาไว้ว่าเธอจะใส่ชุดโชว์เนื้อหนังมังสาแบบนี้ให้เขาดูแค่คนเดียวแต่ตอนนี้สถานการณ์เปลี่ยนไป ถ้าเธอเกิดหยิ่งยโสอยู่ ไม่รู้ว่าจะโดนกระสุนปืนเจาะหัวเมื่อไรถ้าต้องผิดคำสัญญาที่ให้ไว้ก็คงต้องปล่อยไป เพราะเธอทำอะไรไม่ได้แล้วนอกจากยอมรับชะตากรรมงานเลี้ยงหรูที่ทุกคนมาในธีม 'Midnight' แถมบางคนก็ใส่หน้ากากปิดซะเหลือแต่คอบางคนก็แต่งชุดดำตั้งแต่หัวจรดเท้า สรุปแล้วนี่มันงานอะไรกันแน่ดู ๆ ไปก็คล้ายกับงานรวมตัวของเหล่าวายร้ายยังไงยังงั้น"คุณสวยมาก" "ขอบคุณ" หญิงสาวตอบอย่างกล้ำกลืนทว่ายิ่งเธอทำจองหองใส่เขา มือใหญ่ก็รั้งเอวคอดเข้ามาแนบชิดใบหน้าจิ้มลิ้มจึงสะบัดมองมือที่ทาบกดอยู่บนเอวเปลือยเปล่าของเธออ