"คุณกำลังจะไปไหนหรือเปล่า" เดมี่ตัดสินใจถามออกไปตรง ๆ
"เอ้า....ฉลาดขึ้นมาหน่อยแล้วนิคุณ"
"อย่ากวนบาทาได้มั้ยคะ ตอบมาเฉย ๆ ยากนักหรือไง"
"ตอบคำถามคุณเนี่ยยากที่สุดในโลกเลยล่ะ ความจริงก็ไม่ได้มีอะไร อีกสองวันผมแค่จะไปโจฮัสเนสเบิรก์"
"แล้วไปนานแค่ไหนคะ ไอ้ที่ฉันถามก็เพราะ... เพราะว่าจะได้สบายใจ ยิ่งคุณไปนาน ๆได้ยิ่งดี"
"ผมยังไม่มีกำหนดกลับ ไงล่ะนานสมใจคุณดีมั้ย"
หัวใจของดารินธิราเหมือนหล่นวูบหาย ราวกับว่าออกซิเจนบนโลกใบนี้ไม่มีเหลือให้เธอหายใจอีก
เหตุผลสำคัญอะไรกันที่เขาต้องไปแบบไม่มีกำหนดเดินทางกลับ แล้วความรู้สึกที่เขายัดเยียดให้เธอล่ะ เขาไม่คิดจะรับผิดชอบบ้างเลยใช่มั้ย
ความจริงแล้วในใจของอัจฉริยะอย่างเขาที่เอาแต่คิดแต่นวัตกรรมใหม่ ๆ เพื่อผดุงความยุติธรรมให้โลก มันมีความรู้สึก 'ผูกพัน' กับผู้หญิงธรรมดาอย่างเธออยู่บ้างไหม
ชายหนุ่มผมสีเงินเห็นว่าเธอนิ่งเงียบไร้การถกเถียงต่อปากต่อคำกับเขาก็อดเป็นห่วงความรู้สึกของเธอไม่ได้ แต่เธอจะรู้สึกอะไรกับคนที่ทำเรื่องเลวร้ายกระทบกระเทือนจิตใจเธอสารพัด
ภายในใจของดารินธิราคงกำลังกระโดดโลดเต้นอยู่เสียมากกว่าที่รู้ว่าผู้ชายน่ารำคาญอย่างเขากำลังจะจากไป
"ม๊าว! ม๊าว!" เสียงเล็ก ๆ ของแมวเหมียวปลุกเรียกสติที่เลื่อนลอยของดารินธิราให้ตื่นขึ้น
"คุณแม็กครับ ผมพาปาตาโกไททันมาโยรัมมาแล้วครับ" ฮัลค์บอกขณะที่กำลังอุ้มเจ้าแมวขนยาวสลวยสายพันธ์รากามัฟฟินเข้ามาให้เจ้านายหนุ่ม เขาจึงอุ้มมันมาตระกองกอดพลางเขี่ยคางของเจ้าเหมียวใบหน้าเป็นมิตรเล่นไปมา
"แมวคุณเหรอคะ"
"ใช่ มันชื่อ ปาตาโกไททันมาโยรัม"
"โห...ตั้งชื่ออะไรของคุณ ไม่สงสารมันบ้างหรือไงคะ"
"ทำไมผมต้องสงสารมันด้วยล่ะ"
"ก็เวลาคุณเรียกชื่อมัน เจ้าปาตาโกอะไรเนี่ยจะจำชื่อตัวเองได้มั้ยล่ะ"
"อ้อ....ไม่นะมันฉลาดเป็นกรดเลย ผมเรียกสองสามรอบมันก็ตวัดใบหน้ามามองผมทันที แถมยังหล่อเหลาเหมือนกับเจ้าของมันอีก"
"ฉันว่าถ้ามันพูดได้คงจะบอกคุณว่า ทาสนิทาส 'หลงตัวเอง' หนักมากแล้วรู้ไหม"
"อ้ะ...งั้นคุณก็รับอาสาดูแลมันต่อจากผมก็แล้วกันนะครับ เผื่อมันจะพูดได้ขึ้นมาจริง ๆ"
บอกแล้วส่งเจ้าแมวขนสีน้ำตาลแซมขาวตัวหอมมาให้ดารินธิรา หญิงสาวรับมาอย่างเก้ ๆกัง ๆ แถมเจ้าเหมียวก็ดูท่าจะชอบเธอมากกว่าเจ้าของตัวจริง เพราะรีบเอาใบหน้าซุกไซ้ลงมาที่อกของหญิงสาวด้วยความออดอ้อนและส่งเสียงกรนในคออย่างต่อเนื่อง
"เฮ้ย! เฮ้ย!...ปาตาโกไททันมาโยรัม นั่นแกจะมากไปแล้วนะ"
บ่นใส่แมวของตัวเองแล้วจิ้มลงไปที่หัวของมันแรงแรง แต่ดวงตาเขียวปัดของคนอุ้มแมวกลับตวัดมองเขาด้วยความไม่พอใจขึ้นมาที่เขาลงไม้ลงมือกับเจ้าเหมียว
"คุณเป็นอะไรอีกเนี่ย"
"ก็ไอ้หมอนี่มันข้ามหน้าข้ามตาผม ผมยอมไม่ได้ คุณส่งมันมาให้ผมเลย"
"ไหนคุณบอกให้ฉันดูแลเขาไงล่ะคะ ตอนนี้ฉันหลงรักปาตาโกไททันมาโยรัมเข้าแล้วสิ ทั้งหล่อทั้งขี้อ้อนแล้วก็เป็นมิตร ขนก็นุ่ม ตัวก็ห๊อมหอม"
ทาสชั่วคราวอย่างดารินธิราก้มลงไปจุ๊บหัวของเจ้าเหมียวขนฟู พาลให้ทาสคนเก่ายืนกระฟัดกระเฟียดด้วยความอิจฉาตาร้อน ถอนหายใจโฮกฮากสะกดกลั้นความริษยาที่มีต่อแมวของตัวเอง
ยามที่เธอสบตามองเขา ชายหนุ่มก็แค่นยิ้มส่งให้หญิงสาวอย่างฝืนใจ นี่เขาคิดถูกหรือคิดผิดกันแน่ที่เอาแมวให้เธอเลี้ยงในระหว่างที่เขากำลังจะเดินทางไปสืบเรื่องของอาชญากรล่าสมบัติที่แอฟริกาใต้
เช้าวันใหม่ของบ้านสีลูกกวาด
บนโต๊ะเต็มไปด้วยอาหารหน้าตาสวยงาม เพราะวันนี้แม็กนัสตัดสินใจเป็นพ่อครัวหัวปาก์ลงมือควงตะหลิวโบกกระทะไปมาด้วยความชำนาญ
โดยมีฮัลค์คอยทำหน้าที่เป็นเด็กเสริฟ์ ทำให้คนที่เพิ่งเดินลงมาจากชั้นสองเผลอปล่อยให้ท้องร้องเสียงดังโครกครากออกมา
ชายหนุ่มในชุดผ้ากันเปื้อนสีดำและผ้าโพกหัวสีดำคล้ายกับพ่อครัวจากเมืองจีน ชำเลืองมองขายาวในชุดกางเกงผ้าฮานาโกะสีฟ้าอ่อน
ดวงตาของพ่อครัวหนุ่มไล่มองมาถึงเสื้อครอปแขนตุ๊กตาตัวสั้นลายดอกเดซี่สีเหลืองเห็นหน้าท้องแบนราบโชว์ความเซ็กซี่แต่พองาม ทำให้ตะหลิวในมือที่ถืออยู่ถึงกับร่วงกระแทกพื้น
"คุณแม็กครับ ตะหลิวครับ ตะหลิว"
"้อ้อ รู้แล้วน่า"
พฤติกรรมซุ่มซ่ามของพ่อครัวเฉพาะกิจทำให้ดารินธิราแอบหัวเราะอยู่ในลำคอ แล้วนั่งลงบนเก้าอี้เพื่อรอชิมอาหารจานเด็ดทั้งหลาย
อาหารจานสุดท้ายถูกวางลงตรงหน้าเธอ ปลายตะเกียบของดารินธิรารีบคีบเนื้อปลานึ่งซีอิ๊วหอม ๆ มาใส่ปาก โดยมีสายตาคาดหวังจากแม็กนัสมองดูอยู่อย่างลุ้น ๆ
"อึ้ม!...อร่อยค่ะ อร่อยมากเลย" เขาถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วถอดผ้ากันเปื้อนกับผ้าโพกหัวออก
"นายก็ไปกินด้วยสิฮัลค์"
"ขอบคุณครับ" มือขวาคนสนิทที่อยู่ในชุดเสื้อสูทเต็มยศตลอดเวลานั่งลงที่หัวโต๊ะ
จังหวะเดียวกันเจ้าปาตาโกไททันมาโยรัมก็โดดตุ้บขึ้นมานั่งบนเก้าอี้ด้านข้างของดารินธิรา
พอชายหนุ่มเตรียมเดินมานั่งติดกับเธอ ก็ต้องแทบเหวอเพราะดันโดนแมวของตัวเองนั่งจ๋องอยู่ตรงที่นั่งที่ความจริงควรเป็นของเขา ไม่ใช่ของมัน
"นั่งสิคะ"
ดารินธิราทำท่าทีใช้นิ้วกวักเรียกเลียนแบบอย่างที่เขาทำเป็นประจำกับเธอ แล้วใช้นิ้วเขี่ยคางของเจ้าแมวหน้าด้านนั่นโดยไม่ใส่ใจเขาแม้แต่น้อย
ดารินธิรานอนคว่ำเหยียดยาวอยู่บนเตียงนอนและอยู่ในชุดนอนเสื้อยืดสีขาวตัวใหญ่ที่ยาวคลุมถึงเพียงแค่ช่วงสะโพกกลมกลึง ท่อนล่างใส่ซับในแบบกางเกงเพื่อปกปิดเรียวขาเปล่งปลั่งไม่ให้ดูน่าเกลียด หลังจากที่ชำระล้างร่างกายจนสดชื่นดีแล้ว เพียงแค่หยิบสมุดโน็ตในกระเป๋าออกมาเขียนจดไอเดียอยู่ไม่ถึงยี่สิบนาทีความง่วงก็เข้ามาทำหน้าที่สั่งการให้ร่างกายได้พักผ่อนเดี๋ยวนั้นขณะที่ปาตาโกไททัน มาโยรัม นอนหลับเงียบอยู่บนฟูกของมันโดยไม่รบกวนทาสสาวแต่อย่างใด ก๊อก! ก๊อก! เสียงเคาะประตูเรียกดังถึงสองครั้งแต่เจ้าของห้องนอนก็ยังคงหลับเงียบฝันลึกจนคนด้านนอกต้องเป็นฝ่ายเปิดประตูเข้ามาแทน และเห็นว่าหญิงสาวหลับสนิทอยู่บนเตียงนอนด้วยสภาพใบหน้านอนทับอยู่กับสมุดโน๊ดมือข้างหนึ่งยังคงกำดินสอ ชายหนุ่มยกกระเป๋าเดินทางและสัมภาระที่เขาไปขนมาจากโรงแรมซึ่งทีมงานของดารินธิราพักระหว่างงานนิทรรศการที่ ฟอร์ทเมสัน เซ็นเตอร์ เขานึก ๆ แล้วก็รู้สึกตลกกับพฤติกรรมของตนเองอยู่เหมือนกัน เพราะเขาหอบหิ้วดารินธิราไป ๆ มา ๆ ทำให้เธอไม่ได้มีโอกาสนอนพักที่โรงแรมกับทีมงานของตัวเองเลยสักครั้ง ป่านนี้เธอคงคิดในใจอยู่ว่าเขาเป็นคนมักง่ายเห็นแก่ตัว
ใบหน้าที่เลอะเทอะคราบน้ำตาสะอื้นเสียงดังแข่งกับเสียงฟ้าร้องคำรามด้านนอกตัวบ้าน เป็นจังหวะเดียวกับที่กุ๊กไก่โทรเข้ามาหา เธอพยายามหยุดร้องไห้และกดรับโทรศัพท์ของเลขา"จ้ะ ว่าไงกุ๊กไก่""พี่คะ คุณแม็กโอเคไหมคะ""ทำไมคนพรรค์นั้นต้องไม่โอเคด้วยล่ะ""นี่คุณแม็กยังไม่ได้บอกพี่เหรอคะ เฮ้อ!...พ่อพระจริง ๆ ชอบปิดทองหลังพระตลอด""เธอพูดอะไรพี่ไม่เห็นเข้าใจ""ก็คุณแม็กกับมือขวาร่างยักษ์มาหาฉันที่โรงแรม บอกว่าจะมาเอาสัมภาระของพี่ แต่อยู่ดี ๆ ยัยปีศาจฟีโอน่า ก็โผล่พรวดมากับคุณเบลค อาเวนชี่เฉยเลย""เธอหมายถึงพ่อของเขาน่ะเหรอ""ใช่ค่ะ แถมคนของพ่อเขายังจับคุณแม็กลากไปแบบถูลู่ถูกัง พาเข้าไปห้อง ๆ หนึ่งในโรงแรม ฉันเห็นว่าเขาหายเงียบไป กลัวจะเกิดเรื่องไม่ดี ก็เลยโทรตามคุณฮัลค์ที่บอกว่าจะแวะไปซื้ออาหารแมว หลังจากที่คุณฮัลค์มาถึงก็รีบเข้าไปเจรจาพาตัวคุณแม็กออกมา แต่ฉันก็ยืนดูอยู่พักใหญ่กว่าพวกเขาจะกลับออกมา แถมสีหน้าคุณแม็กก็ดูไม่ค่อยดี" "ตกลงเธอรู้หรือเปล่าว่าเกิดอะไรขึ้น" "ตอนแรกก็ไม่รู้หรอกค่ะ คุณแม็กไม่ยอมเล่า แต่มันคันปาก ตะกี้ก็เลยโทรหาคุณฮัลค์เพื่อถามตรง ๆ คุณฮัลค์บอกว่าก่อนวันที่คุณแม็กจะมาฟอร์ทเม
สมองของคนฟังเบลอไปชั่วขณะ เมื่อได้ยินประโยคที่เสียงหวานเอ่ยถามขึ้นอย่างชัดเจนเต็มสองหูสายฟ้าที่ฟาดลงมาดังเปรี้ยงปร้างก็ไม่อาจดับความตื่นเต้นแปลกใหม่ที่ก่อตัวขึ้นในใจ ฮัลค์ทำตาลุกวาวมองเจ้านายหนุ่มพร้อมกับเกาหัวแกรก ๆ แก้อาการเขิน"ทำไมคุณเดมี่ต้องขออนุญาตผมด้วยล่ะครับ ก็ขอกับคุณแม็กเองเลยสิครับ เอ่อ...คุณแม็กครับผมขอตัวก่อนนะครับ" มือขวาคนสนิทเดินสับขาเข้าห้องนอนชั้นล่างของตนเองในพริบตาเดียว เพราะตอนนี้ไม่ใช่เรื่องที่เขาจะยื่นมือเข้ามายุ่งเกี่ยวได้ที่เหลือคงต้องให้เจ้านายหนุ่มของเขาตัดสินใจเอาเองฝ่ามือของดารินธิรายังคงยื่นค้างรอให้เขาจับ แต่ชายหนุ่มก็ยังคงหยิ่งยโส ทำเมินเฉยกับสิ่งที่เธอถาม"จะนั่งตัวเปียกอยู่ตรงนี้ไปยันเช้าเลยเหรอคะ" "คุณพูดอะไรออกมารู้ตัวไหม"หญิงสาวถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก้มลงรวบใบหน้าขาวมึนตึงของเขามากอบกุมแล้วบดจูบลงไปยังเรียวปากซีดเซียวนั่นดวงตาของคนโดนปล้นจูบถึงกับลุกวาวตื่นตะลึง กระทั่งปากอิ่มละออก กระซิบบอกข้าง ๆ กกหูร้อนผ่าวของเขา"ขอบคุณสำหรับทุกเรื่องที่คุณทำให้ฉัน หลินเย่ซี"ยิ้มกว้างสดใสและลุกเดินจากเขามาด้วยความรู้สึกกระดากอาย จังหวะที่มือน้อย ๆ กำลังผลั
ดารินธิราออกมาจากห้องนอนของชายหนุ่มได้อย่างโล่งใจ ใจหนึ่งก็อยากรู้ว่าเขาคุยอะไรกับคนในแชทต่อ แต่ว่ามันไม่ใช่กงการอะไรที่เธอจะต้องรับรู้ ต่อให้รู้ก็คงช่วยอะไรเขาไม่ได้อยู่ดี ม๊าว! ม๊าว!"ว่าไง ปาตาโกไททันมาโยรัมสุดหล่อ" หญิงสาวเขี่ยคางของเจ้าเหมียวขี้อ้อนแล้วอุ้มมันขึ้นมานอนบนเตียงด้วยทว่าขณะที่สมองเริ่มเกิดอาการสะลืมสะลือ ร่างสูงก็เข้ามายืนจังก้าอยู่ปลายเตียงเสียแล้ว"ไอ้ปาตาโกไททัน มาโยรัมนี่มันที่ฉัน" พูดกับเจ้าเหมียวที่นอนซุกหลับอยู่บนหน้าท้องของดารินธิรา จนเจ้านายขนฟูลุกบิดขี้เกียจพลางกระโดดตุ้บลงไปหาทาสหนุ่มขี้อิจฉา ทำเป็นออดอ้อนไซ้หน้าขาให้ตายใจแต่พอทีเผลอก็ฝังเขี้ยวแหลมคมลงมาที่ข้อเท้าของเขาอย่างแรง"โอ๊ย! แกไอ้แมวขี้โกง ไปนอนโน่นเลย " เขาทะเลาะกับปาตาโกไททันมาโยรัม แล้วจับเจ้าแมวหนุ่มโยนเข้าไปในห้องนอนของตัวเองขณะที่ใบหน้างัวเงียผุดลุกขึ้นดูพลางใช้มือขยี่ดวงตาชะเง้อมองว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างคนกับแมว"เสียงดังอะไรอีกล่ะคุณ แล้วเจ้าเหมียวล่ะ" "ผมให้ไปนอนที่ห้องผมแทน""ทำไมล่ะคะ""ก็คืนนี้ผมจะนอนกับคุณไง""ห๊ะ!! เดี๋ยว ๆ นอนยังไง ต่างคนต่างหลับ หรือนอนแบบนู๊ดคอนเซ็ปต์" "โฮ้
หญิงสาวเดินตรงไปสะกิดหัวไหล่ ขณะกำลังคุยกับพ่อครัวของร้านอาหาร และพลิกหันกลับตามแรงสะกิด ทันใดนั้นดินสอพองในขันน้ำลายไทยสีเงินของเธอก็ถูกป้ายลงมาที่ใบหน้าขาวใสอย่างว่องไวแม็กนัสเบิกตากว้างไม่ใช่เพราะกำลังรู้สึกเหวอกับสิ่งที่เธอป้ายลงมาทีหน้าซึ่งมาพร้อมกับความหอมจรุงจมูกแบบไทย แต่สิ่งที่เขาไม่ชอบใจนักเพราะแม่ศิลปินสาวดันอยู่ในชุดเดรสสั้น ความยาวกระโปรงนั่นที่เป็นปัญหา เพราะมันยาวเลยเข่ามาเล็กน้อย ทำให้ดูจะสั้นเกินไปสำหรับเขา ดวงตาเรียวสีน้ำตาลเข้มมองสลับซ้ายสลับขวา สอดส่องดูว่ามีสายตาหื่นคู่ไหนบ้างแอบมองแม่แมวเหมียวเดมี่ของเขาอยู่บ้าง "เป็นอะไรคะ ทำไมต้องทำหน้าทำตาล่อกแล่กแบบนั้นด้วยอ่ะ""ก็...กระโปรงมันจะดูสั้นไปหน่อยไหมคุณ""วันสงกรานต์ใครเขาจะมาใส่เสื้อยืดกางเกงยีนส์อยู่ล่ะคะ""ผมว่ามันโป๊ไปหน่อย แต่เอาเถอะ...ให้ใส่แค่ช่วงเทศกาลสงกรานต์เท่านั้นนะ เทศกาลอื่นคุณต้องงด แต่อนุญาตให้ใส่เฉพาะอยู่กับผมคนเดียวเท่านั้น""คุณแม็กครับ อาหารโต๊ะ 12 ได้แล้วครับ" "ครับพ่อครัวแสง" เขาขานรับพ่อครัวแสงด้วยน้ำเสียงดังฟังชัด รับถาดอาหารแล้วเดินไปเสริฟ์ปล่อยทิ้งให้คนขี้เล่นอย่างดารินธิรายืนเก้อเซ็ง
ชายหญิงโบกมือร่ำลาทุกคนในร้านก่อนจะพากันเดินขึ้นรถมุ่งหน้ากลับบ้านสีลูกกวาด แต่เจ้าของรถเลือกที่จะขับไปอีกทางซึ่งเป็นเส้นทางมุ่งสู่ทวินเพริกส์ จุดชมวิวที่สวยที่สุดอีกแห่งหนึ่งของซานฟรานซิสโก และเป็นยอดเขาสูงใจกลางเมืองที่สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณสองร้อยกว่าเมตรบรรยากาศยามค่ำที่นี่จะสวยงามตระการตา ทำให้สามารถมองเห็นหมู่ดาวระยิบระยับทอแสงเหนือน่านฟ้าอ่าวซานฟรานซิสโกได้อย่างชัดเจน"ทำไมถึงพาฉันมาที่นี่ล่ะคะ""เพราะผมมีเรื่องจะพูดกับคุณ ผมอยากให้มันพิเศษก็เลยพาคุณมาที่นี่""คุณหวานกับเขาก็เป็นเหรอเนี่ย แล้วจะพูดอะไรกับฉันเหรอ""แม่คุณคงเล่าให้ฟังแล้วล่ะสิ งั้นผมไม่ยืดเยื้อแล้วนะ คือ...พรุ่งนี้ผมจะไปแอฟริกาใต้แล้ว และก็ยังไม่มีกำหนดกลับที่แน่นอน""ที่ว่าไม่มีกำหนดกลับ มันนานขนาดไหนเหรอคะ สองเดือน หรือหนึ่งปี""สำหรับผมสามวันที่ต้องจากคุณ ผมก็กินไม่ได้นอนไม่หลับแล้ว""ไม่เชื่อหรอก เมื่อก่อนคุณเกลียดฉันจะตาย""คุณโกรธเหรอ""ไม่ได้โกรธค่ะ แค่หมั่นไส้นิดหน่อย""ผมยอมโดนคุณหมั่นไส้ไปทั้งชีวิตเลย ผมสัญญาว่าจะรีบกลับมาหาคุณนะเดมี่""นานแค่ไหนฉันก็จะรอคุณกลับมา สรุปมีแค่นี้เหรอคะที่จะพูดกับฉัน" ถ
นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มจดจ่ออยู่กับจอมอนิเตอร์ผ่านซอฟต์แวร์ที่เขาเขียนขึ้น 'ออร่าแสกนนิ่ง' ที่ใช้กับ 'ออร่าชิฟ' เป็นเทคโนโลยีที่เขาพัฒนาขึ้นเพื่อฝังลงบนร่างกายของมนุษย์โดยใช้แนวคิดของปรสิตที่อาศัยอยู่ในตัวของสิ่งมีชีวิตนั้น ๆนานวันเข้าออร่าชิฟนี้จะกลมกลืนไปกับสรีระและกายภาพ แม้จะตรวจจับได้ก็จะเห็นเป็นเพียงก้อนขนาดเล็กใต้ผิวหนังที่มีขนาดเท่ากับเม็ดข้าวหรือถูกเข้าใจว่าเป็นปรสิตจำพวกหนึ่งความสามารถและจุดเด่นของออร่าชิฟคือการบ่งชี้อารมณ์ ความรู้สึก กรุ๊ปเลือด สารสื่อสมอง ที่ผลิตอยู่ ณ เวลานั้น แนวโน้มของพฤติกรรมในอนาคต ช่วงเวลาที่จะเกิดขึ้น นอกจากนี้ยังเป็นเครื่องจีพีเอสระบุตำแหน่งที่แม่นยำสูงโปรแกรมออร่าแสกนนิ่งจะทำการวิเคราะห์ออกมาในรูปแบบของพลังงานจากแสงรังสีของร่างกาย ซึ่งพลังงานนี้ของบุคคลนั้นๆ จะส่งคลื่นความถี่ของสมองและอัตราการเต้นของหัวใจไปยังโปรแกรมประมวลผลอีกครั้งถ้าในคนที่มีฌาณอาจเรียกว่า 'ทิพย์จักษุ" แต่สำหรับแม็กนัส อาเวนชี่ มันคือวิวัฒนาการที่ผสานปรจิตวิทยาเข้ากับเทคโนโลยีขั้นสูงที่เป็นไปได้"ออร่า ชิฟของอาชญากรที่คนของสมาคมไปฝังไว้ เป็นของวัคกาโซ่ อดีตเจ้าหน้าที่SAPSของแอฟร
ล่วงเข้าอาทิตย์ที่สามของเดือน ช่างแสนยาวนานปานจะขาดใจไม่น่าเชื่อเลยว่าการอยู่ห่างไกลกับเขาจะทำให้หัวใจเหมือนคนตายด้านยังไงยังงั้น กินอะไรก็คล้ายกับว่าจะจืดชืดไร้รสชาติ วาดภาพก็ตวัดปลายพู่กันไปไม่สุดสักครั้งบวกกับเจ้าปาตาโกไททันมาโยรัมขี้งอน แมวอะไรทำนิสัยไม่ต่างกับเจ้าของแม้แต่น้อยดุอะไรนิดหน่อยก็น้อยใจเดินสะบัดก้นหายไปเป็นวันวัน พอเรียกเสียงหวาน ๆ และยื่นอาหารจานโปรดไปให้ ก็วิ่งหน้าตาตื่นทำตากลมบ้องแบ๊วมาถึงถาดอาหารภายในเสี้ยววิ"สเต็กปลาแสนอร่อยฝีมือผมเองครับคุณเดมี่" ฮัลค์ บอดี้การ์ดที่แปรสภาพเป็นพ่อบ้านชั่วคราววานจานสเต็กปลากลิ่นหอมร้อน ๆ บนโต๊ะอาหาร"ขอบคุณมากค่ะ แต่คุณฮัลค์ไม่ต้องดูแลฉันตลอดเวลาก็ได้นะคะ" "ไม่ได้หรอกครับ คุณแม็กสั่งไว้ว่าให้ดูแลคุณให้ดีที่สุด""เขาคงไม่ได้ห่วงลายแทงฉบับนี้มากกว่าฉันหรอกนะคะ" พูดยิ้ม ๆ แล้วใช้มือตบลงบนแผนที่ลายแทงกรุสมบัติโบราณที่เธอกำลังร่างรอยต่อที่ขาดหายไปตามกาลเวลา "ไม่มีทางครับ คุณแม็กน่ะห่วงคุณยิ่งกว่าชีวิตตัวเองซะอีก ขนาดครั้งก่อนที่คุณฟีโอน่าขาวีนมาออดอ้อนขอความรักจากคุณแม็ก แต่พอไม่สำเร็จก็ใช้พ่อคุณแม็กเป็นเครื่องมือ แถมยังถูกคนของ
มือที่จับปากกาสไตลัสอยู่นั้นค้างนิ่งกลางอากาศ ใบหน้าเงยขึ้นมองมายังต้นเสียงที่ขัดจังหวะศิลป์ของเธอ ดวงตากลมโตเหล่มองใบหน้าของฮัลค์อย่างคนมีคำถาม"คุณ?""พ่อสิ คุณอะไรเล่า?""อ่อ..ค่ะคุณพ่อ แล้วลมอะไรหอบคุณพ่อมาถึงที่นี่""ก็เธอเป็นลูกสะใภ้ตระกูลอาเวนชี่แล้วไม่ใช่รึไง""ค่ะ....แล้วมีธุระอะไรกับฉัน หรือว่ามาหาคุณแม็กคะ""ไอ้ลูกบ้านั่นฉันไปหามันเรียบร้อยแล้วล่ะ เพราะแบบนี้ไงถึงได้มาหาเธอ""เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าคะ?"เบลค อาเวนชี่ ย่อตัวนั่งลงบนโซฟาตัวยาวอย่างเหนื่อยหน่ายใจต่างกับคนเดิมที่เคยเกรี้ยวกราดใส่เธอ"แม็กนัสได้รู้ความจริงเรื่องแม่ของเขา ความจริงที่ฉันปิดบังมาตลอดหลายสิบกว่าปีมานี้ ที่ว่า.....แม่ของเขาเป็นอาชญากรที่ถูกทางการจีนหมายหัว และฉันเองเป็นคนที่ถูกส่งมาให้จัดการเธอ แต่แล้วฉันก็ไม่อาจทำเรื่องแบบนั้นได้ เพราะ.....""คุณรักเธอ" ดารินธิราต่อประโยคที่ขาดช่วงไปอย่างนุ่มนวล "ใช่....ฉันรักแม่ของเขามาก จนยอมเป็นคนเลว แต่ฉันไม่อยากให้เจ้าแม็กคิดว่าฉันกับแม่ของเขาให้กำเนิดเขาเพราะเหตุผลอื่น ที่ฉันแต่งงานกับแม่ของเขาเพราะความรักจากใจจริง ไม่ใช่เพราะภารกิจลับจากองค์กรไหนทั้งนั้น ฉันแ
เสียงของเธอถูกคงส่งไปไม่ถึงเขา เพราะโทรศัพท์ถูกตัดสายทิ้งซะก่อน และเขาก็ยังคงไม่รู้ว่าเธอโทรมา แล้วผู้หญิงที่อยู่ปลายสายนี้ล่ะ เธอเป็นใครกันแน่ ทำไมสามีของเธอถึงยอมให้หล่อนมาอยู่ด้วยจนมืดค่ำขนาดนี้ ใช่ว่าเธอจะเป็นคนขี้หึงหรอกนะ แต่นี่มันมากเกินไป อยู่ดีๆ นึกจะไปก็ไปไม่บอกไม่กล่าวเมียอย่างเธอเลยสักนิด ต้องให้คนอื่นมาบอก แถมโทรมาหาสักหน่อยก็ไม่มี เอาสิ! นังจิ้งจอกคนนั้นเป็นใครเธอไม่สนหรอก แต่หากคิดจะใช้โอกาสนี้รวบหัวรวบหางสามีของเธอ คงไม่ง่ายนักหรอก ดารินธิราเดินทางมาถึงสถาบันบีเดอะไลท์ตั้งแต่ยามเพิ่งจะเดินทามาถึง แม้สถาบันของเธอจะกลับมาอยู่ในสภาพใหม่ที่ดีและสวยงามกว่าเดิมหลายเท่าเพราะฝีมือของแม็กนัส แต่นั่นกลับไม่ไช่เหตุผลที่ทำให้เธอรีบร้อนมาทำงานเพื่อมาชื่นชมตึกใหม่ แต่เป็นเพราะบทสนทนาเมื่อคืนต่างหากที่ทำให้เธอใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว"อโลฮ่า! พี่เดมี่ วันนี้เราได้งานนออกาไนซ์จัดศิลปะการแสดงประจำปี, จัดนิทรรศการ ได้เป็นเจ้าภาพจัดงาน อ้อแถมมีงานเทียบเชิญขอให้พี่เดมี่ไปโชว์เต้นเปิดตัวให้กับองค์กรการกุศลด้วยนะคะ กุ๊กไก่ดีใจมากค่ะ ไม่น่าเชื่อเลยว่าคุณโมนาจะมีอิทธิพลขนาดนี้""ที่ไหน เมื
Count your age by friends, not years. Count your life by smiles, not tears.นับอายุของคุณด้วยจำนวนเพื่อน และนับชีวิตของคุณด้วยรอยยิ้มไม่ใช่หยดน้ำตา-John Lennon-ดวงตากลมโตฉายแววซุกซนไล่มองใบหน้าขาวเนียนดุจผิวทารกเพศชาย แม้ตอนนี้นาฬิกาบนผนังห้องจะบอกเวลาแค่ตีสามครึ่งเท่านั้น แต่แสงกระทบของพระจันทร์ที่ส่องสว่างเข้ามาในห้องนี้ กลับทำให้รู้สึกว่าเช้าวันใหม่ได้เดินทางมาถึงแล้วและเป็นวันแห่งการเริ่มต้นใหม่ของเธอกับเขา หลินเย่ซี สามีดีกรีมหาเศรษฐีที่จับผลัดจับพลูไปเป็นสายลับ ทำให้เธอต้องมาพัวพันกับเรื่องล่าอารยธรรมสุดขอบโลกกับเขาไปด้วยโดยไม่คาดคิด "เดมี่..........."เขาปรือตาขึ้นแล้วพลิกตัวตะแคงข้างสบตามาที่เจ้าของรอยยิ้มละมุนที่นั่งพับเพียบเรียบร้อยมองดูเขาอยู่อย่างเงียบๆ "ฉันปลุกคุณตื่นหรือเปล่าคะ?""เปล่าครับ แต่ตอนนี้.....ก็คล้ายว่าจะตาสว่างมากกกกก" เขาพูดจบก็เอาสองมือปิดตาตัวเอง หญิงสาวหลุบต่ำมองดูสภาพตัวเองที่อยู่ในชุดเสื้อยืดสีขาวตัวบางของเขาในสภาพไร้บรา คงไม่ต้องเดาแล้วล่ะว่า เขาปิดตาทำไม โมนายัยเบ๊อะเอ้ย! เดี๋ยวเขาก็หาว่าเธอจงใจอ่อยตั้งแต่ฟ้ายังไม่สางความอายแทบพลิกแผ่นดินทำให
เขาคิดว่าจะดึงแม่แมวน้อยเดมี่จอมยั่วเข้ามาบดจูบ แต่ทว่ากลับโดนอุ้งมือน้อยๆ ตะปปโน้มลำคอลงไปซะดื้อๆยามที่ริมฝีปากอวบอิ่มเคลือบลิปกลอสกลิ่นพีชอ่อนๆจรดกลีบปากของเขาเรียวปากหยักก็ตอบสนองอย่างรุนแรง บดคลึงเรียวปากนุ่มประดุจสูบพลังงานชีวิตทั้งหมดจากเรือนร่างงามนี้ มือหนาป่ายแปะลงบนสะโพกออกแรงยกขึ้นวางร่างบางลงบนโต๊ะที่วางตะกร้าผลไม้ปลอมที่ใช้ประดับตกแต่งห้อง จนแอปเปิ้ลผลปลอมกลิ้งตกลงพื้นระเกะระกะไปทั่วปลุกเรียกสติของดารินธิราที่อยู่ในวังวนแห่งความหวาบหวามนี้ให้ตื่นขึ้น ผลักเขาออกไปแรงๆ หายใจเข้าออกอย่างคนที่ขาดอากาศบริสุทธิ์"แอปเปิ้ล.....""ช่างแอปเปิ้ลเถอะครับ...."เขาบอกแล้วปล้นแกะกระดุมเสื้อตัวเองจนหมดเกลี้ยง แต่ได้นิ้วมือนุ่มของหญิงสาวช่วยแหวกสาบเสื้อสีขาวออกไม่นานชุดนอนซาตินสีดำตัวกะจ้อยร่อยก็ค่อย ๆ ถูกนิ้วเรียวยาวที่สักคำว่า 'เสี่ยว' เป็นภาษาจีนและมีความหมายชื่อเดียวกับเธอ นิ้วเรียวบรรจงเกี่ยวออกไปช้าๆ จนไม่เหลือสิ่งใดห้อหุ้มร่างแมวน้อยเดมี่ของเขาไว้อีกต่อไปฝ่ามือของหญิงสาวรีบตะปปกอดก่ายตนเองไว้เพร
โรงพยาบาล"ฮัดชิ้ว!"เสียงจามของหญิงสาวทำให้ใบหน้าคมขาวตวัดมองด้วยความตกใจและดีใจในเวลาเดียวกัน"เดมี่.....นี่คุณฟื้นแล้ว"ชายหนุ่มพรวดพราดเข้ามาประคองดวงหน้าสดใสด้วยความดีใจ แล้วประทับริมฝีปากสีแดงฉ่ำลงบนหน้าผากมนด้วยความคิดถึงขนาดหนัก"สบายดีหรือเปล่าคะ"เสียงแหบแห้งเอ่ยถามขึ้น แล้วฉีกยิ้มสดใสให้เขาเหมือนอย่างทุกครั้ง"ผมจะสบายดีได้ยังไง หืม ก็คุณเอาแต่หลับ ผมเหงานะรู้ไหม""ฉันเป็นของเล่นของคุณหรือไงคะ""คุณเป็นทุกอย่างของผมเดมี่"เขาบอกแล้วดึงเธอขึ้นมากอดบรรจงหอมแก้มซ้ำแล้วซ้ำอีกไม่รู้จักเบื่อณ รีสอร์ทหรูอันเงียบสงบในบิ๊กเซอร์ แคลิฟอร์เนีย บ้านพักที่ชายหนุ่มเลือกให้เธอมาพักฟื้นนั้นสวยราวกับภาพวาด เพราะตัวบ้านสไตล์โมเดริน์ที่ยื่นออกไปเห็นทิวทัศน์ของมหาสมุทรของแปซิฟิกแต่ตอนที่เธอเดินยืนอยู่บนลานชมวิวของรีสอร์ทสวยแห่งนี้ ก็สังเกตุเห็นผู้หญิงใส่หมวกสีเหลืองใบใหญ่กับคุณป้าคนหนึ่งที่ดูคล้ายกับยัยกุ๊กไก่และแม่ของเธอผลุบหายเข้าไปในบ้านพักอีกหลัง
"อยู่เฉยๆในนี้ จะได้ไม่ต้องตายอย่างทรมาน"หัวหน้าแม่บ้านตวาดเสียงดัง แล้วผลักตัวของเจ้าของสถาบันเข้าข้างในห้องอัดเสียง โดโรธีเดินไปเอาวัตถุไวไฟทั้งหลายในห้องทำความสะอาดออกมา รีบร้อนเปิดแกลลอนแล้วราดเทจนทั่วพื้น"กลิ่นน้ำมัน......ไม่นะคะ คุณอย่าทำแบบนี้เลยขอร้อง สถาบันแห่งนี้ฉันสร้างมากับมือ คุณอย่าทำลายมันทิ้งเลยนะคะ ฉันขอร้องล่ะ ได้โปรด"ดารินธิราตะโกนด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน และมองลอดออกมาจากช่องกระจกของห้องสตูดิโอด้วยใบขอความเมตตาป้าง! ป้าง!กระสุนสองนัดถูกยิงลงที่พื้นหน้าห้องสตูดิโอด้วยความรำคาญ หญิงสาวแน่นิ่งและเงียบไปอัตโนมัติกระทั่งไม้ขีดไฟถูกโยนลงบนคราบน้ำมันไหลเยิ้ม ไฟสีส้มก็ลุกโชนขึ้นในพริบตาเดียว หยาดน้ำตาของเธอมันก็พรั่งพรูออกมาราวกับเขื่อนแตกเรื่องแรกที่ทำให้เธอเสียใจคือเรื่องของแม็กนัส อาเวนชี่ ส่วนเรื่องที่สองก็คงเป็นสถาบันแห่งนี้ สถาบันที่ของเธอกำลังพังพินาศลงในค่ำคืนเดียวและวันนี้เธอคงจะตายอยู่ในกองเพลิงอย่างเดียวดาย แต่อย่างน้อยก็จะได้ตายไปพร้อมกับสิ่งที่เธอสร้างมากับมือคิดดูแล้วทำไมเธอต้องยอมแล
ดารินธิราอยู่เป็นเพื่อนคนรักที่คฤหาสน์อาเวนชี่จนฟ้าเริ่มมืด ชายหนุ่มยังคงนั่งจิ้มโน้ตบุ็ตอยู่หลายชั่วโมงราวกับว่ากำลังแฮคหาข้อมูลลับบางอย่างครู่หนึ่งเธอเห็นเขาทำหน้าช็อคราวกับได้ข้อมูลที่ว่า แล้วลุกพรวดเดินไปเปิดขวดวิสกี้รินใส่แก้ว กระดกใส่คอพรวด ๆ อย่างเอาเป็นเอาตายแต่พอเห็นเขาเตรียมรินวิสกี้แก้วที่สามก็รู้สึกว่าคงต้องลุกไปห้าม ก่อนจะน็อคไม่ได้สติไปอีก"พอแล้วค่ะ"ดวงตาขุ่นเขียวแย่งแก้วมาจากมือของอีกฝ่าย"ผมจะกินอีก""ถ้าคุณจะกิน กินฉันแทนได้ไหมล่ะ"เขาตวัดสายตามองอย่างไม่อยากเชื่อที่แม่แมวน้อยจะเสนอด้วยประโยคซาบซ่านใจทว่าตอนนี้เขามึนจนแทบจะยืนไม่อยู่ จะให้ทำอะไร ๆ ที่ร้อนรุ่มเวลานี้กับเธอก็เกรงว่าจะไม่ถึงพริกถึงขิงนัก"ผมปวดหัวไปหมด""มา...ฉันจะพยุงคุณไปนอน"เรียวแขนบางพยุงร่างสูงโปร่งที่เดินตุปั๊ดตุเป๊ พอขายาวแตะขอบตียงได้ไม่ทันไร ใบหน้าแดงจัดก็ปักคว่ำกับหมอนใบโตทันที แล้วก็หลับไม่รู้เรื่อง"โถป๋าของมี่....คออ่อนซะจริงเชียว"รุ่งเช้าเจ้าของ
หญิงสาวยังคงแค่นยิ้มให้สื่อมวลชนและคนด้านข้างที่แข็งเป็นหินนิ่งเป็นเป่าสากก็แหงล่ะเขาคงจะช็อคกับสิ่งที่เธอแสดงออก คงไม่เคยพบเคยเห็นผู้หญิงเช่นเธอมาก่อนผู้หญิงใจกล้าที่กล้าบุ่มบ่ามอาจหาญเผยความจริงกับสื่อมวลชนชนิดที่ไม่กลัวว่าชื่อเสียงที่สร้างมาจะป่นปี้ภายในพริบตาเดียวป่านนี้คนทั้งโลกคงสาปแช่งและกร่นด่าเธอจนติดแฮชแท็กโลกแล้วว่า#ยัยเดมี่ชะนีไร้ยางอายฮึ่ย! จะยังไงก็ช่างแล้ว เธอไม่แคร์ปากหอยปากปูอีกต่อไป อยากจะปั่นอยากจะเหยียบเธอให้จมดินเท่าไรก็เชิญเพราะเธอรู้อยู่แก่ใจดีว่า เธอเป็นยังไง และอัจฉริยะหนุ่มน้อยคนนี้ของเธอเป็นยังไง***************คฤหาสน์อาเวนชี่ ซี๊ด! "โอ๊ย.....อ๊อย""คุณร้องเบา ๆ หน่อยได้ไหมคะ เจ็บอะไรกันนักกันหนา" หญิงสาวบ่นอุบขณะที่กำลังบรรจงใช้สำลีชุบน้ำเกลือล้างแผลให้อย่างเบามือที่สุด แต่พ่อคนใจเสาะก็ร้องประหนึ่งอยู่ในอาการสาหัสสากรรจ์ขนาดปาตาโกไททันที่นั่งเลียขนหน้าแข้งอยู่นั้น ยังต้องชะงักลิ้นหนามแล้วถลนตามองดู ม่านตาของมันขยายใหญ่โตเพ่งมายังเจ้าของที่ร้องโอดครวญด้วยความสงสัย"เมี๊ยว ๆ" ปาตาโกไททันเพิ่งเคยใช้เสียงหวาน ๆ กับแม็กนัสเป็นครั้งแรก มันเดินย้ายก้นมาห
หลังจากที่เมื่อวานเขามาส่งเธอที่บ้าน และพูดกับเธอว่า "ดูแลตัวเองให้ดี เพราะอาทิตย์นี้เขาอาจจะไม่มีเวลามาหา" พอได้ยินแบบนั้นใจมันก็แป้วจนบอกไม่ถูก เหมือนมีลางว่าจะเกิดเรื่องโกลาหลอะไรขึ้นทั้งที่เกือบหนึ่่งเดือนมานี้ตอนที่อยู่แอฟริกาใต้เธอตัวติดกับเขาตลอดเวลา ถึงแม้จะมีเรื่องวุ่นวายทั้งหลายเข้ามาแทรกกลางบ้าง แต่เขาก็ตามไปช่วยเธอกลับมาได้ทุกครั้งทว่าเวลานี้.....เธอทำได้แค่ยืนมองดูเขา อยู่ในสถานการณ์ที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกผ่านหน้าจอทีวีเท่านั้นน่ะเหรอ เธอไม่สามารถที่จะช่วยอะไรเขาได้เลยพลันใดคำพูดของพี่โมนา ก็สะท้อนดังขึ้นมา ที่บอกว่า "การช่วยใครสักคนไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องจับปืนถือมีด แต่หมายถึงทำในสิ่งที่เราสามารถทำได้ เพื่อเขา""หนูจะไปทำธุระสักหน่อย ฝากทางนี้ด้วยนะคะคุณเบ็ค"บอกกับพนักงานอาวุโสที่สุดของสถาบันและเดินตรงออกไปจากสถาบันทันที"ได้จ้ะ"รถมินิคูปเปอร์ของหญิงสาวแล่นฉิวออกจากลานจอดรถด้วยความร้อนใจไม่นานนักก็ถึงตึกรูปตัวเอ็มสูงใหญ่ที่มองเห็นไกล ๆ ว่ามีคนหัวดำหัวสีหลายคนยืนมุงอยู่หน้าบริษัทจนมองไม่เห็นชายหนุ่มที่เธอเป็นห่วงไมค์หลายตัวยื่นจ่อปาก บางตัวก็เกือบเขกโดนหัวของเจ้