สมองของคนฟังเบลอไปชั่วขณะ เมื่อได้ยินประโยคที่เสียงหวานเอ่ยถามขึ้นอย่างชัดเจนเต็มสองหู
สายฟ้าที่ฟาดลงมาดังเปรี้ยงปร้างก็ไม่อาจดับความตื่นเต้นแปลกใหม่ที่ก่อตัวขึ้นในใจ ฮัลค์ทำตาลุกวาวมองเจ้านายหนุ่มพร้อมกับเกาหัวแกรก ๆ แก้อาการเขิน
"ทำไมคุณเดมี่ต้องขออนุญาตผมด้วยล่ะครับ ก็ขอกับคุณแม็กเองเลยสิครับ เอ่อ...คุณแม็กครับผมขอตัวก่อนนะครับ"
มือขวาคนสนิทเดินสับขาเข้าห้องนอนชั้นล่างของตนเองในพริบตาเดียว เพราะตอนนี้ไม่ใช่เรื่องที่เขาจะยื่นมือเข้ามายุ่งเกี่ยวได้ที่เหลือคงต้องให้เจ้านายหนุ่มของเขาตัดสินใจเอาเอง
ฝ่ามือของดารินธิรายังคงยื่นค้างรอให้เขาจับ แต่ชายหนุ่มก็ยังคงหยิ่งยโส ทำเมินเฉยกับสิ่งที่เธอถาม
"จะนั่งตัวเปียกอยู่ตรงนี้ไปยันเช้าเลยเหรอคะ"
"คุณพูดอะไรออกมารู้ตัวไหม"
หญิงสาวถอนหายใจเฮือกใหญ่ ก้มลงรวบใบหน้าขาวมึนตึงของเขามากอบกุมแล้วบดจูบลงไปยังเรียวปากซีดเซียวนั่น
ดวงตาของคนโดนปล้นจูบถึงกับลุกวาวตื่นตะลึง กระทั่งปากอิ่มละออก กระซิบบอกข้าง ๆ กกหูร้อนผ่าวของเขา
"ขอบคุณสำหรับทุกเรื่องที่คุณทำให้ฉัน หลินเย่ซี"
ยิ้มกว้างสดใสและลุกเดินจากเขามาด้วยความรู้สึกกระดากอาย จังหวะที่มือน้อย ๆ กำลังผลักเข้าประตูห้องนอน มือหนาก็ตะปปลงที่ประตูห้องของเธอ ดารินธิราหันขวับมองหัวใจเต้นส่ำระรัว
"เมื่อกี้ใครกันชวนผมอาบน้ำ ลืมไปแล้วเหรอครับ ห้องคุณหรือห้องผมดีล่ะ"
และแล้วเธอก็มาอยู่ในห้องน้ำขนาดใหญ่ในห้องสีเขียวอ่อนของขาว มือที่จิ้มลงไปตรวจดูน้ำในอ่างว่าร้อนพอดีหรือยังชักออกเมื่อชายหนุ่มเดินเข้ามาพร้อมกับผ้าขนหนูสีขาว
แต่ทว่าเธอยังอยู่ในชุดเสื้อฮู้ดสีดำเปียกชื้นอยู่เหมือนเดิม
"คุณจะอาบน้ำทั้งเสื้อหนา ๆ แบบนั้นเลยเหรอ"
"เปล่าค่ะ งั้นคุณก็แช่น้ำในอ่างไปก่อน น้ำกำลังอุ่นได้ที่ ฉะ...ฉันขอไปเอาผ้าขนหนูก่อน"
พั่บ!!
ผ้าขนหนูสีขาวถูกโยนมาครอบหัวของดารินธิราอย่างรวดเร็ว เอาแล้วสิ! เธอไม่หน้าพูดทะลึ่งตึงตังออกไปแบบนั้นเลยจริง ๆ สิน่า
พ่อคนหัวหงอกคิดเลยเถิดไปจนกู่ไม่กลับซะแล้วมั้งเนี่ย
หญิงสาวถอดเสื้อผ้าออกอย่างทุลักทุเล เพราะถอดอยู่อีกด้านของห้องที่มีฝักบัวและมีเพียงกำแพงกั้นระหว่างเธอกับเขาเท่านั้น
ผิวกายรู้สึกหนาวสะท้านขึ้นมายามที่ก้าวขาเดินตรงมาหา ใบหน้าที่หลับพริ้มแหงนหัวพิงกับขอบอ่างอาบน้ำอยู่ พอบั้นท้ายหย่อนลงบนเก้าอี้ตัวสั้นที่อยู่ข้าง ๆ ฝ่ามือหนาก็คว้าหมับลงมาจนทำให้ขนแขนแสตนด์อัพขึ้นมาอย่างสามัคคีกัน
"อาบน้ำสิ ผมไม่ดูคุณหรอก" เขาสั่งทั้งที่ยังหลับตาอยู่
ดารินธิรายิ้มอ่อน ดวงตาจดจ้องรอยแดงจากริมฝีปากของผู้หญิงคนอื่นที่ประทับอยู่บนลำคอเขาอย่างหงุดหงิด
ไหนจะรอยฟกช้ำตามแผ่นหลังนั่น และรอยสักที่เธอเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรกบนต้นคอด้านหลังอีก
"akanandaba เป็นภาษาของแอฟริกาใต้หรือเปล่าคะ"
"เป็นภาษาซูลู รากศัพท์มาจากละติน คำว่า Tenax"
"ความหมายเดียวกับ Tenacious ใช่ไหมคะ ฉันเข้าใจถูกไหม"
"ถูกครับ แล้วคุณชอบหรือเปล่าล่ะ"
"ค่ะ" นิ้วเรียวไล้รอยสักที่หลังต้นคอของเขาอย่างลืมตัว อะไรที่เป็นงานศิลป์ทุกอย่างก็เหมือนมนต์สะกดดึงดูดเธอให้เข้าไปหา
เฉกเช่นเดียวกับรอยสักนี้ที่ดูสง่างามเป็นพิเศษ ยามที่ปลายนิ้วไล้วนความวูบวาบในช่องท้องของแม็กนัสก็ระอุขึ้น
ชายหนุ่มต้องหันกลับไปคว้ามือนั่นให้หยุดก่อนที่สติของเขาจะระเบิดออกเหมือนขีปนาวุธพร้อมที่จะทำลายล้าง
"ผมมีความอดกลั้นเหลือเพียงแค่ 1% เท่านั้น ถ้าคุณยังทำแบบเมื่อกี้อีก ผมอาจจะทนไม่ไหว"
ก้นของดารินธิากระเถิบหนีจนร่วงกระแทกพื้นห้องน้ำ เบิกตากว้างแล้วรีบตั้งหน้าตั้งตาลุกพรวดไปอีกฝั่งที่เป็นห้องอาบน้ำแบบฝักบัว
สรุปแล้วเธอก็ไม่กล้าพอทีจะรุกฆาตเขาก่อนอยู่ดี แถมยังไม่รู้ด้วยว่าต้องเริ่มจากเล้าโลมก่อนหรือจู่โจมยังไงให้เขาไม่คิดว่าเธอกำลังอ่อย
ชายหนุ่มพาดเสื้อคลุมอาบน้ำของเขาไว้ให้ดารินธิราก่อนที่ตัวเองจะเป็นฝ่ายลุกเดินออกจากห้องน้ำล่วงหน้าไปก่อน
หลังจากนั้นเธอจึงค่อย ๆ ย่องเบาออกมาและเห็นเขากำลังแชทคุยบางอย่างกับชายคนหนึ่งในคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊ค
"มะรึนนายก็เดินทางแล้วสิ ระวังตัวด้วยนะ ที่นั่นอาชญากรตัวเป้งทั้งนั้น แล้วออร่าชิฟที่นายจัดการให้สายของเราแอบฝังไว้บนตัวของพวกมัน ก็ไม่รู้ว่าพวกมันจะรู้ตัวแล้วหรือเปล่า"
"ไม่มีทางรู้แน่ครับ เพราะผมพัฒนาชิฟตัวนั้นให้เล็กเท่ากับเม็ดข้าว ยิ่งนานวันชิฟตัวนี้อยู่ในร่างกายมากเท่าไหร่ก็ยิ่งกลมกลืนไปกับสรีระและกายภาพของคน ๆ นั้น"
"ยังไงนายก็ห้ามประมาท วันนี้เซทบอกฉันว่านายโดนพ่อตามเล่นงานอีกแล้ว มีพ่ออยู่ในกลุ่มก้อนอาชญากรข้ามชาติแบบนี้ นายจะรับมือไหวแน่เหรอเจ้าแม็ก"
"ถ้าเขาเป็นคนเลว ก็เท่ากับว่าเป็นศัตรูของผมครับพี่อิศ"
แม้จะฟังไม่ค่อยรู้เรื่องแต่คนแอบฟังอยู่ก็พอจะวิเคราะห์ในสิ่งที่ได้ยินว่าอัจฉริยะที่พัฒนาสิ่งประดิษฐ์ล้ำโลกอยู่เสมอ
ความจริงเขาทำงานเป็นสายลับตำรวจให้กับซีไอเออะไรประมาณนั้น เพราะเธอมักจะเห็นเขาบินข้ามประเทศหายไปเป็นเดือนเดือน ทุกครั้งที่เขากลับมายังซิลิคอนวัลเลย์ก็มักจะเป็นวันที่มีข่าวว่าพวกลักลอบขนสมบัติของประเทศนั้น ๆ ถูกจับเข้าคุกบ้าง หรือจับตายบ้าง
ตอนนี้เธอชักสงสัยกับเบื้องหลังการทำงานของเขาซะแล้วสิ
ดารินธิราออกมาจากห้องนอนของชายหนุ่มได้อย่างโล่งใจ ใจหนึ่งก็อยากรู้ว่าเขาคุยอะไรกับคนในแชทต่อ แต่ว่ามันไม่ใช่กงการอะไรที่เธอจะต้องรับรู้ ต่อให้รู้ก็คงช่วยอะไรเขาไม่ได้อยู่ดี ม๊าว! ม๊าว!"ว่าไง ปาตาโกไททันมาโยรัมสุดหล่อ" หญิงสาวเขี่ยคางของเจ้าเหมียวขี้อ้อนแล้วอุ้มมันขึ้นมานอนบนเตียงด้วยทว่าขณะที่สมองเริ่มเกิดอาการสะลืมสะลือ ร่างสูงก็เข้ามายืนจังก้าอยู่ปลายเตียงเสียแล้ว"ไอ้ปาตาโกไททัน มาโยรัมนี่มันที่ฉัน" พูดกับเจ้าเหมียวที่นอนซุกหลับอยู่บนหน้าท้องของดารินธิรา จนเจ้านายขนฟูลุกบิดขี้เกียจพลางกระโดดตุ้บลงไปหาทาสหนุ่มขี้อิจฉา ทำเป็นออดอ้อนไซ้หน้าขาให้ตายใจแต่พอทีเผลอก็ฝังเขี้ยวแหลมคมลงมาที่ข้อเท้าของเขาอย่างแรง"โอ๊ย! แกไอ้แมวขี้โกง ไปนอนโน่นเลย " เขาทะเลาะกับปาตาโกไททันมาโยรัม แล้วจับเจ้าแมวหนุ่มโยนเข้าไปในห้องนอนของตัวเองขณะที่ใบหน้างัวเงียผุดลุกขึ้นดูพลางใช้มือขยี่ดวงตาชะเง้อมองว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างคนกับแมว"เสียงดังอะไรอีกล่ะคุณ แล้วเจ้าเหมียวล่ะ" "ผมให้ไปนอนที่ห้องผมแทน""ทำไมล่ะคะ""ก็คืนนี้ผมจะนอนกับคุณไง""ห๊ะ!! เดี๋ยว ๆ นอนยังไง ต่างคนต่างหลับ หรือนอนแบบนู๊ดคอนเซ็ปต์" "โฮ้
หญิงสาวเดินตรงไปสะกิดหัวไหล่ ขณะกำลังคุยกับพ่อครัวของร้านอาหาร และพลิกหันกลับตามแรงสะกิด ทันใดนั้นดินสอพองในขันน้ำลายไทยสีเงินของเธอก็ถูกป้ายลงมาที่ใบหน้าขาวใสอย่างว่องไวแม็กนัสเบิกตากว้างไม่ใช่เพราะกำลังรู้สึกเหวอกับสิ่งที่เธอป้ายลงมาทีหน้าซึ่งมาพร้อมกับความหอมจรุงจมูกแบบไทย แต่สิ่งที่เขาไม่ชอบใจนักเพราะแม่ศิลปินสาวดันอยู่ในชุดเดรสสั้น ความยาวกระโปรงนั่นที่เป็นปัญหา เพราะมันยาวเลยเข่ามาเล็กน้อย ทำให้ดูจะสั้นเกินไปสำหรับเขา ดวงตาเรียวสีน้ำตาลเข้มมองสลับซ้ายสลับขวา สอดส่องดูว่ามีสายตาหื่นคู่ไหนบ้างแอบมองแม่แมวเหมียวเดมี่ของเขาอยู่บ้าง "เป็นอะไรคะ ทำไมต้องทำหน้าทำตาล่อกแล่กแบบนั้นด้วยอ่ะ""ก็...กระโปรงมันจะดูสั้นไปหน่อยไหมคุณ""วันสงกรานต์ใครเขาจะมาใส่เสื้อยืดกางเกงยีนส์อยู่ล่ะคะ""ผมว่ามันโป๊ไปหน่อย แต่เอาเถอะ...ให้ใส่แค่ช่วงเทศกาลสงกรานต์เท่านั้นนะ เทศกาลอื่นคุณต้องงด แต่อนุญาตให้ใส่เฉพาะอยู่กับผมคนเดียวเท่านั้น""คุณแม็กครับ อาหารโต๊ะ 12 ได้แล้วครับ" "ครับพ่อครัวแสง" เขาขานรับพ่อครัวแสงด้วยน้ำเสียงดังฟังชัด รับถาดอาหารแล้วเดินไปเสริฟ์ปล่อยทิ้งให้คนขี้เล่นอย่างดารินธิรายืนเก้อเซ็ง
ชายหญิงโบกมือร่ำลาทุกคนในร้านก่อนจะพากันเดินขึ้นรถมุ่งหน้ากลับบ้านสีลูกกวาด แต่เจ้าของรถเลือกที่จะขับไปอีกทางซึ่งเป็นเส้นทางมุ่งสู่ทวินเพริกส์ จุดชมวิวที่สวยที่สุดอีกแห่งหนึ่งของซานฟรานซิสโก และเป็นยอดเขาสูงใจกลางเมืองที่สูงจากระดับน้ำทะเลประมาณสองร้อยกว่าเมตรบรรยากาศยามค่ำที่นี่จะสวยงามตระการตา ทำให้สามารถมองเห็นหมู่ดาวระยิบระยับทอแสงเหนือน่านฟ้าอ่าวซานฟรานซิสโกได้อย่างชัดเจน"ทำไมถึงพาฉันมาที่นี่ล่ะคะ""เพราะผมมีเรื่องจะพูดกับคุณ ผมอยากให้มันพิเศษก็เลยพาคุณมาที่นี่""คุณหวานกับเขาก็เป็นเหรอเนี่ย แล้วจะพูดอะไรกับฉันเหรอ""แม่คุณคงเล่าให้ฟังแล้วล่ะสิ งั้นผมไม่ยืดเยื้อแล้วนะ คือ...พรุ่งนี้ผมจะไปแอฟริกาใต้แล้ว และก็ยังไม่มีกำหนดกลับที่แน่นอน""ที่ว่าไม่มีกำหนดกลับ มันนานขนาดไหนเหรอคะ สองเดือน หรือหนึ่งปี""สำหรับผมสามวันที่ต้องจากคุณ ผมก็กินไม่ได้นอนไม่หลับแล้ว""ไม่เชื่อหรอก เมื่อก่อนคุณเกลียดฉันจะตาย""คุณโกรธเหรอ""ไม่ได้โกรธค่ะ แค่หมั่นไส้นิดหน่อย""ผมยอมโดนคุณหมั่นไส้ไปทั้งชีวิตเลย ผมสัญญาว่าจะรีบกลับมาหาคุณนะเดมี่""นานแค่ไหนฉันก็จะรอคุณกลับมา สรุปมีแค่นี้เหรอคะที่จะพูดกับฉัน" ถ
นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มจดจ่ออยู่กับจอมอนิเตอร์ผ่านซอฟต์แวร์ที่เขาเขียนขึ้น 'ออร่าแสกนนิ่ง' ที่ใช้กับ 'ออร่าชิฟ' เป็นเทคโนโลยีที่เขาพัฒนาขึ้นเพื่อฝังลงบนร่างกายของมนุษย์โดยใช้แนวคิดของปรสิตที่อาศัยอยู่ในตัวของสิ่งมีชีวิตนั้น ๆนานวันเข้าออร่าชิฟนี้จะกลมกลืนไปกับสรีระและกายภาพ แม้จะตรวจจับได้ก็จะเห็นเป็นเพียงก้อนขนาดเล็กใต้ผิวหนังที่มีขนาดเท่ากับเม็ดข้าวหรือถูกเข้าใจว่าเป็นปรสิตจำพวกหนึ่งความสามารถและจุดเด่นของออร่าชิฟคือการบ่งชี้อารมณ์ ความรู้สึก กรุ๊ปเลือด สารสื่อสมอง ที่ผลิตอยู่ ณ เวลานั้น แนวโน้มของพฤติกรรมในอนาคต ช่วงเวลาที่จะเกิดขึ้น นอกจากนี้ยังเป็นเครื่องจีพีเอสระบุตำแหน่งที่แม่นยำสูงโปรแกรมออร่าแสกนนิ่งจะทำการวิเคราะห์ออกมาในรูปแบบของพลังงานจากแสงรังสีของร่างกาย ซึ่งพลังงานนี้ของบุคคลนั้นๆ จะส่งคลื่นความถี่ของสมองและอัตราการเต้นของหัวใจไปยังโปรแกรมประมวลผลอีกครั้งถ้าในคนที่มีฌาณอาจเรียกว่า 'ทิพย์จักษุ" แต่สำหรับแม็กนัส อาเวนชี่ มันคือวิวัฒนาการที่ผสานปรจิตวิทยาเข้ากับเทคโนโลยีขั้นสูงที่เป็นไปได้"ออร่า ชิฟของอาชญากรที่คนของสมาคมไปฝังไว้ เป็นของวัคกาโซ่ อดีตเจ้าหน้าที่SAPSของแอฟร
ล่วงเข้าอาทิตย์ที่สามของเดือน ช่างแสนยาวนานปานจะขาดใจไม่น่าเชื่อเลยว่าการอยู่ห่างไกลกับเขาจะทำให้หัวใจเหมือนคนตายด้านยังไงยังงั้น กินอะไรก็คล้ายกับว่าจะจืดชืดไร้รสชาติ วาดภาพก็ตวัดปลายพู่กันไปไม่สุดสักครั้งบวกกับเจ้าปาตาโกไททันมาโยรัมขี้งอน แมวอะไรทำนิสัยไม่ต่างกับเจ้าของแม้แต่น้อยดุอะไรนิดหน่อยก็น้อยใจเดินสะบัดก้นหายไปเป็นวันวัน พอเรียกเสียงหวาน ๆ และยื่นอาหารจานโปรดไปให้ ก็วิ่งหน้าตาตื่นทำตากลมบ้องแบ๊วมาถึงถาดอาหารภายในเสี้ยววิ"สเต็กปลาแสนอร่อยฝีมือผมเองครับคุณเดมี่" ฮัลค์ บอดี้การ์ดที่แปรสภาพเป็นพ่อบ้านชั่วคราววานจานสเต็กปลากลิ่นหอมร้อน ๆ บนโต๊ะอาหาร"ขอบคุณมากค่ะ แต่คุณฮัลค์ไม่ต้องดูแลฉันตลอดเวลาก็ได้นะคะ" "ไม่ได้หรอกครับ คุณแม็กสั่งไว้ว่าให้ดูแลคุณให้ดีที่สุด""เขาคงไม่ได้ห่วงลายแทงฉบับนี้มากกว่าฉันหรอกนะคะ" พูดยิ้ม ๆ แล้วใช้มือตบลงบนแผนที่ลายแทงกรุสมบัติโบราณที่เธอกำลังร่างรอยต่อที่ขาดหายไปตามกาลเวลา "ไม่มีทางครับ คุณแม็กน่ะห่วงคุณยิ่งกว่าชีวิตตัวเองซะอีก ขนาดครั้งก่อนที่คุณฟีโอน่าขาวีนมาออดอ้อนขอความรักจากคุณแม็ก แต่พอไม่สำเร็จก็ใช้พ่อคุณแม็กเป็นเครื่องมือ แถมยังถูกคนของ
กลางดึกคืนหนึ่งในบ้านสีลูกกวาดที่เธอกำลังเร่งสเก็ตภาพส่วนสุดท้ายและแก้ไข้บางส่วนของเนื้อกระดาษที่เสียหายไป โดยมีฮัลค์ชายร่างใหญ่คอยอยู่อำนวยความสะดวกและความปลอดภัยให้กับคนพิเศษของเจ้านายหญิงสาวที่นั่งอยู่ใต้โคมไฟชะโงกหน้ามองออกไปที่หน้าต่างและเห็นว่าฮัลค์เดินออกไปดูลาดเลารอบบ้านพร้อมกับพูดคุยโทรศัพท์กับใครบางคนอยู่ สักพักเขาก็ผลุบหายเข้ามาในบ้านกระนั้นเสียงเคาะประตูห้องของเธอก็ดังขึ้นจนชวนให้รู้สึกใจคอไม่ดี"มีอะไรหรือเปล่าคะ" "มีครับ เดี๋ยวผมจะเล่าให้คุณเดมี่ฟังอีกทีนะครับ แต่ตอนนี้คุณต้องเก็บของแล้วเตรียมไปกับผมที่สนามบินเดี๋ยวนี้""ไปเดี๋ยวนี้" "ครับ เพราะตอนนี้คนของพ่อเจ้านายกำลังมาที่นี่เพื่อมาจับตัวคุณไปเป็นตัวประกัน"หญิงสาวไม่ต่อความยาวสาวความยืดให้เสียเวลาและชีวิต เร่งเก็บแผนที่ฉบับเก่าและใหม่ลงในหลอดเก็บม้วนกระดาษแล้วหยิบของสำคัญเสื้อผ้าสองสามตัวลงในกระเป๋าเป้ขนาดกระทัดรัดด้วยความรวดเร็ว หลังจากนั้นไม่นานเธอก็มาอยู่บนเครื่องบินส่วนตัวของ Magnus Co. ขณะที่ปาตาโกไททันมาโยรัมเอาแต่นั่งจ้องหน้าเธออย่างมีคำถามว่ามันทำไมถึงมาอยู่ที่นี่แต่พอฮัลค์ยื่นลูกบอลสมุนไพรมาให้เจ้าแมวต
หลังจากที่ฮัลค์ไปนอนเฝ้ายามที่กระท่อมบนไหล่เขาสูงความเงียบก็ประเดประดังเข้ามา ทำให้ชายหนุ่มเห็นท่าทีเย็นชาดุจหิมะขาวโพลนข้างนอกของเธอ เขาจึงไม่ค่อยสบายใจนักขณะที่กำลังคิดหาวิธีการพูดให้เธอเพื่อไม่ให้ดูตกอกตกใจกับงานเบื้องลึกเบื้องหลังของเขามากนักพลันใดดวงตาสีเข้มก็สะดุดเข้ากับเจ้าปาตาโกไททันมาโยรัมที่กำลังปีนต้นเรดวูดเล่นอยู่ด้านนอกหน้าต่างแล้วทำท่าจะปีนขึ้นไปสูงเรื่อยเรื่อยเขาเห็นท่าไม่ดีเพราะพายุหิมะกำลังจะตก จึงรีบวิ่งออกไปห้ามเจ้าแมวแสนซนอย่างร้อนลนกับพฤติกรรมไม่อยู่สุขของมัน"เฮ้! ปาตาโกไททัน แกลงมาเดี๋ยวนี้เลยนะ" ม๊าว! ม๊าว! เจ้าเหมียวตัวเขื่องร้องตอบ มันหันหลังมองลงมาอย่างกล้า ๆกลัว ๆ เพราะรู้ตัวอีกทีก็ปีนขึ้นมาซะสูงยากต่อการตะเกียกตะกายลงไปหาเจ้าของปากจัดด้านล่างเสียแล้วซึ่งระดับความสูงของพื้นกับกิ่งไม้ใหญ่ที่มันเกาะอยู่ก็ห่างกันจนแมวอย่างมันทำได้เพียงร้องเสียงเงี้ยวง๊าวขอความช่วยเหลืออย่างเดียว"ทีนี้จะทำยังไงล่ะ เดือดร้อนฉันอีกแล้ว"เสียงเอะอะโวยวายระหว่างคนกับแมวทำให้ใบหน้าที่หันคุยกับกำผนังบ้านด้วยความหงุดหงิดอยู่นั้นต้องชะเง้อมองดู และเห็นว่านายหงอกของเธอกำลังแบกบั
ฮัลค์เล่าต่ออีกว่าพ่อของแม็กนัสมาส่งแม่กับเขาที่บ้านเกิดในเดนมาร์ก เพราะแม่อยากย้ายกลับมาอยู่ที่นี่ถาวรส่วนพ่อก็กลับไปเจรจาธุรกิจ และรับปากว่าถ้าว่างเมื่อไหร่จะมาเยี่ยม แต่พ่อก็ไม่เคยมา กระทั่งหนังสือพิมพ์ลงข่าวอึกทึกครึมโครมว่า พ่อกำลังคบหากับนักเต้นบัลเล่ต์ดาวรุ่งคนหนึ่ง ซึ่งก็คือ ดมิสา ธนินกุล น้าแท้ ๆ ของเธอหลังจากนั้นไม่กี่เดือนแม่ของเขาที่ป่วยด้วยโรคมะเร็งตับก็เสียชีวิตอย่างสงบ ดังนั้นเด็กหนุ่มอายุเพียง 6 ขวบอย่างเขาก็ถูกเลี้ยงดูจากเพื่อนสนิทคนหนึ่งที่แม่ไว้ใจ แม็กนัส ณ เวลานั้น แม้จะยังเป็นเพียงแค่เด็กที่ยังไม่ตาสีตาสาแต่ก็พยายามเสาะหาสาเหตุที่พ่อทิ้งแม่ไป กระทั่งรู้ว่าพ่อนอกใจแม่ ไปมีผู้หญิงคนอื่นนานแล้ว และยังมีอีกหลาย ๆ คนตามมาไม่นานพวกผู้หญิงเหล่านั้นก็ล้วนแต่มีชะตากรรมอันแสนอัปยศไม่ต่างจากแม่ใครก็ตามที่ให้ประโยชน์แก่พ่อของเขา พ่อจะเข้าไปผูกสัมพันธ์อย่างไม่ลังเล เพื่อแลกกับอำนาจในมือ ต่อให้ต้องสูญเสียสิ่งใดเขาก็ไม่เคยแยแสจวบจนปู่แท้ ๆ ของเขา มารับเขาไปดูแลต่อที่เมืองจีน ที่นั่นเขาได้พบกับพ่ออีกครั้ง ทว่าความเกลียดชังที่เขามีต่อพ่อของตัวเองก็ยากที่จะสลายให้มลายไปเสียแล
เดมี่ได้ยินพวกคิสท์ โอซัลลิแวนคุยกันเรื่องแผนที่ และแผนฆ่าสามีของเธอ ซึ่งความจริงเรื่องแผนที่นั้นไม่ใช่เรื่องสำคัญอีกต่อไปพราะทุกๆ เส้นทางแทบจะปรากฏเด่นชัดอยู่ในรอยหยักสมองเรียบร้อยแล้ว เรื่องสำคัญกว่าที่เธอต้องกังวลคือจะปกป้องสามียังไงดีในสถานการณ์ที่คับขันเช่นนี้ผู้หญิงอย่างเธออาจจะไม่ได้ดีพร้อมและเก่งไปหมดทุกเรื่อง แต่บางเรื่องก็จำเป็นแม้จะไม่เก่งและพร้อมก็ตาม ก่อนที่จะตัดสินใจว่าจะขอเป็นเบี้ยตัวหนึ่งที่จะดึงความสนใจของศัตรูสามีมาเป็นเธอแทน เธอไม่ลังเลเลย แต่เลือกด้วยความเด็ดขาด ในชีวิตนี้เธอเคยสูญเสียพ่อไป และก็เคยเสียศูนย์จากการไร้พ่อมานานหลายปี รวมทั้งเสียเวลากับการไม่เข้าใจความเจ็บปวดของคนที่เธอรัก และกว่าจะเข้าใจความรู้สึกของกันและกัน ก็ต้องผ่านร้อนผ่านหนาวมานับไม่ถ้วน วินาทีที่เธอก้าวมายังจุดที่อันตรายสุดขีดแล้ว จะถอยหลังกลับไปยังจุดเริ่มต้นก็คงจะป่วยการเสียแล้ว ถ้าแม็กนัสจะโกรธเธอเพราะความบุ่มบ่ามใจร้อนและเข้ามายุ่งกับงานของเขา เธอก็จะยอมรับ เพียงแต่ว่าขอให้เธอมีโอกาสช่วยเขาบ้างก็พอ ในห้องพักหรูวีไอพีชั้นสุดของโรงแรมซึ่งห้องของเดมี่อยู่ห่างกับห้องที่แม็กนัสอยู่เพียงสองห้อ
ฮัลค์ผู้ที่กุมความลับทุกอย่างไว้รีบวิ่งตามภรรยาของเจ้านายไปด้วยความเป็นกังวล เพราะเขากลัวว่ามันจะกลายเป็นเรื่องราวบานปลายใหญ่โต ทางที่ดีเปิดเผยความจริงกับเธอก่อนดีกว่า แล้วอย่างอื่นค่อยว่ากันอีกที“พาฉันไปร้านอาหารของแม่หน่อยได้ไหมคะ?”“คือว่า....ก่อนที่คุณเดมี่จะไป ผมขอให้คุณเดมี่ไปที่ๆ หนึ่งด้วยกันก่อนได้ไหมครับ”หญิงสาวรีบเช็ดน้ำหูน้ำตาที่เลอะเปื้อนเต็มดวงหน้า แล้วพยักหน้ารับเกือบสี่สิบนาทีบอดี้การ์ดหนุ่มจึงได้พาดารินธิรามาส่งที่บ้านทรงเอเฟรมของเธอ ดารินธิราหันไปมองหน้าเขาอย่างสับสนงุนงง“รีบเข้าบ้านก่อนเถอะครับ เพราะผมไม่รู้ว่ามีหูตาสัปปะรดที่ไหนคอยมองดูพวกเราอยู่หรือเปล่า”“ทำไมล่ะคะ?”เอ่ยถามพลางรีบร้อนลงจากรถก่อนจะยืนมองบ้านของตัวเองที่ไม่ได้กลับมาพักใหญ่ หญิงสาวหากุญแจบ้านที่ซ่อนไว้ใต้กระถางต้นไม้แล้วไขกุญแจ ทว่าไขเท่าไหร่ก็ไขไม่เข้า“เอ้…..หรือมันจะเสียแล้ว”“มันไม่ได้เสียหรอกครับ”ชายหนุ่มตัวโตยิ้มแล้วหยิบเอากุญแจอีกดอกที่อยู่ใต้กระถางต้นดอกคาเมเลียหน้าบ้านของดารินธิราออกมา แล้วหันซ้ายหันขวาดูท่าทีก่อนจะรีบไขเข้าไปในตัวบ้าน เขาก็ปลดปล่อยทุกสิ่งทุกอย่างออกมาหลังจากที่สับคัทเอ
มือที่จับปากกาสไตลัสอยู่นั้นค้างนิ่งกลางอากาศ ใบหน้าเงยขึ้นมองมายังต้นเสียงที่ขัดจังหวะศิลป์ของเธอ ดวงตากลมโตเหล่มองใบหน้าของฮัลค์อย่างคนมีคำถาม"คุณ?""พ่อสิ คุณอะไรเล่า?""อ่อ..ค่ะคุณพ่อ แล้วลมอะไรหอบคุณพ่อมาถึงที่นี่""ก็เธอเป็นลูกสะใภ้ตระกูลอาเวนชี่แล้วไม่ใช่รึไง""ค่ะ....แล้วมีธุระอะไรกับฉัน หรือว่ามาหาคุณแม็กคะ""ไอ้ลูกบ้านั่นฉันไปหามันเรียบร้อยแล้วล่ะ เพราะแบบนี้ไงถึงได้มาหาเธอ""เกิดอะไรขึ้นหรือเปล่าคะ?"เบลค อาเวนชี่ ย่อตัวนั่งลงบนโซฟาตัวยาวอย่างเหนื่อยหน่ายใจต่างกับคนเดิมที่เคยเกรี้ยวกราดใส่เธอ"แม็กนัสได้รู้ความจริงเรื่องแม่ของเขา ความจริงที่ฉันปิดบังมาตลอดหลายสิบกว่าปีมานี้ ที่ว่า.....แม่ของเขาเป็นอาชญากรที่ถูกทางการจีนหมายหัว และฉันเองเป็นคนที่ถูกส่งมาให้จัดการเธอ แต่แล้วฉันก็ไม่อาจทำเรื่องแบบนั้นได้ เพราะ.....""คุณรักเธอ" ดารินธิราต่อประโยคที่ขาดช่วงไปอย่างนุ่มนวล "ใช่....ฉันรักแม่ของเขามาก จนยอมเป็นคนเลว แต่ฉันไม่อยากให้เจ้าแม็กคิดว่าฉันกับแม่ของเขาให้กำเนิดเขาเพราะเหตุผลอื่น ที่ฉันแต่งงานกับแม่ของเขาเพราะความรักจากใจจริง ไม่ใช่เพราะภารกิจลับจากองค์กรไหนทั้งนั้น ฉันแ
เสียงของเธอถูกคงส่งไปไม่ถึงเขา เพราะโทรศัพท์ถูกตัดสายทิ้งซะก่อน และเขาก็ยังคงไม่รู้ว่าเธอโทรมา แล้วผู้หญิงที่อยู่ปลายสายนี้ล่ะ เธอเป็นใครกันแน่ ทำไมสามีของเธอถึงยอมให้หล่อนมาอยู่ด้วยจนมืดค่ำขนาดนี้ ใช่ว่าเธอจะเป็นคนขี้หึงหรอกนะ แต่นี่มันมากเกินไป อยู่ดีๆ นึกจะไปก็ไปไม่บอกไม่กล่าวเมียอย่างเธอเลยสักนิด ต้องให้คนอื่นมาบอก แถมโทรมาหาสักหน่อยก็ไม่มี เอาสิ! นังจิ้งจอกคนนั้นเป็นใครเธอไม่สนหรอก แต่หากคิดจะใช้โอกาสนี้รวบหัวรวบหางสามีของเธอ คงไม่ง่ายนักหรอก ดารินธิราเดินทางมาถึงสถาบันบีเดอะไลท์ตั้งแต่ยามเพิ่งจะเดินทามาถึง แม้สถาบันของเธอจะกลับมาอยู่ในสภาพใหม่ที่ดีและสวยงามกว่าเดิมหลายเท่าเพราะฝีมือของแม็กนัส แต่นั่นกลับไม่ไช่เหตุผลที่ทำให้เธอรีบร้อนมาทำงานเพื่อมาชื่นชมตึกใหม่ แต่เป็นเพราะบทสนทนาเมื่อคืนต่างหากที่ทำให้เธอใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว"อโลฮ่า! พี่เดมี่ วันนี้เราได้งานนออกาไนซ์จัดศิลปะการแสดงประจำปี, จัดนิทรรศการ ได้เป็นเจ้าภาพจัดงาน อ้อแถมมีงานเทียบเชิญขอให้พี่เดมี่ไปโชว์เต้นเปิดตัวให้กับองค์กรการกุศลด้วยนะคะ กุ๊กไก่ดีใจมากค่ะ ไม่น่าเชื่อเลยว่าคุณโมนาจะมีอิทธิพลขนาดนี้""ที่ไหน เมื
Count your age by friends, not years. Count your life by smiles, not tears.นับอายุของคุณด้วยจำนวนเพื่อน และนับชีวิตของคุณด้วยรอยยิ้มไม่ใช่หยดน้ำตา-John Lennon-ดวงตากลมโตฉายแววซุกซนไล่มองใบหน้าขาวเนียนดุจผิวทารกเพศชาย แม้ตอนนี้นาฬิกาบนผนังห้องจะบอกเวลาแค่ตีสามครึ่งเท่านั้น แต่แสงกระทบของพระจันทร์ที่ส่องสว่างเข้ามาในห้องนี้ กลับทำให้รู้สึกว่าเช้าวันใหม่ได้เดินทางมาถึงแล้วและเป็นวันแห่งการเริ่มต้นใหม่ของเธอกับเขา หลินเย่ซี สามีดีกรีมหาเศรษฐีที่จับผลัดจับพลูไปเป็นสายลับ ทำให้เธอต้องมาพัวพันกับเรื่องล่าอารยธรรมสุดขอบโลกกับเขาไปด้วยโดยไม่คาดคิด "เดมี่..........."เขาปรือตาขึ้นแล้วพลิกตัวตะแคงข้างสบตามาที่เจ้าของรอยยิ้มละมุนที่นั่งพับเพียบเรียบร้อยมองดูเขาอยู่อย่างเงียบๆ "ฉันปลุกคุณตื่นหรือเปล่าคะ?""เปล่าครับ แต่ตอนนี้.....ก็คล้ายว่าจะตาสว่างมากกกกก" เขาพูดจบก็เอาสองมือปิดตาตัวเอง หญิงสาวหลุบต่ำมองดูสภาพตัวเองที่อยู่ในชุดเสื้อยืดสีขาวตัวบางของเขาในสภาพไร้บรา คงไม่ต้องเดาแล้วล่ะว่า เขาปิดตาทำไม โมนายัยเบ๊อะเอ้ย! เดี๋ยวเขาก็หาว่าเธอจงใจอ่อยตั้งแต่ฟ้ายังไม่สางความอายแทบพลิกแผ่นดินทำให
เขาคิดว่าจะดึงแม่แมวน้อยเดมี่จอมยั่วเข้ามาบดจูบ แต่ทว่ากลับโดนอุ้งมือน้อยๆ ตะปปโน้มลำคอลงไปซะดื้อๆยามที่ริมฝีปากอวบอิ่มเคลือบลิปกลอสกลิ่นพีชอ่อนๆจรดกลีบปากของเขาเรียวปากหยักก็ตอบสนองอย่างรุนแรง บดคลึงเรียวปากนุ่มประดุจสูบพลังงานชีวิตทั้งหมดจากเรือนร่างงามนี้ มือหนาป่ายแปะลงบนสะโพกออกแรงยกขึ้นวางร่างบางลงบนโต๊ะที่วางตะกร้าผลไม้ปลอมที่ใช้ประดับตกแต่งห้อง จนแอปเปิ้ลผลปลอมกลิ้งตกลงพื้นระเกะระกะไปทั่วปลุกเรียกสติของดารินธิราที่อยู่ในวังวนแห่งความหวาบหวามนี้ให้ตื่นขึ้น ผลักเขาออกไปแรงๆ หายใจเข้าออกอย่างคนที่ขาดอากาศบริสุทธิ์"แอปเปิ้ล.....""ช่างแอปเปิ้ลเถอะครับ...."เขาบอกแล้วปล้นแกะกระดุมเสื้อตัวเองจนหมดเกลี้ยง แต่ได้นิ้วมือนุ่มของหญิงสาวช่วยแหวกสาบเสื้อสีขาวออกไม่นานชุดนอนซาตินสีดำตัวกะจ้อยร่อยก็ค่อย ๆ ถูกนิ้วเรียวยาวที่สักคำว่า 'เสี่ยว' เป็นภาษาจีนและมีความหมายชื่อเดียวกับเธอ นิ้วเรียวบรรจงเกี่ยวออกไปช้าๆ จนไม่เหลือสิ่งใดห้อหุ้มร่างแมวน้อยเดมี่ของเขาไว้อีกต่อไปฝ่ามือของหญิงสาวรีบตะปปกอดก่ายตนเองไว้เพร
โรงพยาบาล"ฮัดชิ้ว!"เสียงจามของหญิงสาวทำให้ใบหน้าคมขาวตวัดมองด้วยความตกใจและดีใจในเวลาเดียวกัน"เดมี่.....นี่คุณฟื้นแล้ว"ชายหนุ่มพรวดพราดเข้ามาประคองดวงหน้าสดใสด้วยความดีใจ แล้วประทับริมฝีปากสีแดงฉ่ำลงบนหน้าผากมนด้วยความคิดถึงขนาดหนัก"สบายดีหรือเปล่าคะ"เสียงแหบแห้งเอ่ยถามขึ้น แล้วฉีกยิ้มสดใสให้เขาเหมือนอย่างทุกครั้ง"ผมจะสบายดีได้ยังไง หืม ก็คุณเอาแต่หลับ ผมเหงานะรู้ไหม""ฉันเป็นของเล่นของคุณหรือไงคะ""คุณเป็นทุกอย่างของผมเดมี่"เขาบอกแล้วดึงเธอขึ้นมากอดบรรจงหอมแก้มซ้ำแล้วซ้ำอีกไม่รู้จักเบื่อณ รีสอร์ทหรูอันเงียบสงบในบิ๊กเซอร์ แคลิฟอร์เนีย บ้านพักที่ชายหนุ่มเลือกให้เธอมาพักฟื้นนั้นสวยราวกับภาพวาด เพราะตัวบ้านสไตล์โมเดริน์ที่ยื่นออกไปเห็นทิวทัศน์ของมหาสมุทรของแปซิฟิกแต่ตอนที่เธอเดินยืนอยู่บนลานชมวิวของรีสอร์ทสวยแห่งนี้ ก็สังเกตุเห็นผู้หญิงใส่หมวกสีเหลืองใบใหญ่กับคุณป้าคนหนึ่งที่ดูคล้ายกับยัยกุ๊กไก่และแม่ของเธอผลุบหายเข้าไปในบ้านพักอีกหลัง
"อยู่เฉยๆในนี้ จะได้ไม่ต้องตายอย่างทรมาน"หัวหน้าแม่บ้านตวาดเสียงดัง แล้วผลักตัวของเจ้าของสถาบันเข้าข้างในห้องอัดเสียง โดโรธีเดินไปเอาวัตถุไวไฟทั้งหลายในห้องทำความสะอาดออกมา รีบร้อนเปิดแกลลอนแล้วราดเทจนทั่วพื้น"กลิ่นน้ำมัน......ไม่นะคะ คุณอย่าทำแบบนี้เลยขอร้อง สถาบันแห่งนี้ฉันสร้างมากับมือ คุณอย่าทำลายมันทิ้งเลยนะคะ ฉันขอร้องล่ะ ได้โปรด"ดารินธิราตะโกนด้วยน้ำเสียงอ้อนวอน และมองลอดออกมาจากช่องกระจกของห้องสตูดิโอด้วยใบขอความเมตตาป้าง! ป้าง!กระสุนสองนัดถูกยิงลงที่พื้นหน้าห้องสตูดิโอด้วยความรำคาญ หญิงสาวแน่นิ่งและเงียบไปอัตโนมัติกระทั่งไม้ขีดไฟถูกโยนลงบนคราบน้ำมันไหลเยิ้ม ไฟสีส้มก็ลุกโชนขึ้นในพริบตาเดียว หยาดน้ำตาของเธอมันก็พรั่งพรูออกมาราวกับเขื่อนแตกเรื่องแรกที่ทำให้เธอเสียใจคือเรื่องของแม็กนัส อาเวนชี่ ส่วนเรื่องที่สองก็คงเป็นสถาบันแห่งนี้ สถาบันที่ของเธอกำลังพังพินาศลงในค่ำคืนเดียวและวันนี้เธอคงจะตายอยู่ในกองเพลิงอย่างเดียวดาย แต่อย่างน้อยก็จะได้ตายไปพร้อมกับสิ่งที่เธอสร้างมากับมือคิดดูแล้วทำไมเธอต้องยอมแล
ดารินธิราอยู่เป็นเพื่อนคนรักที่คฤหาสน์อาเวนชี่จนฟ้าเริ่มมืด ชายหนุ่มยังคงนั่งจิ้มโน้ตบุ็ตอยู่หลายชั่วโมงราวกับว่ากำลังแฮคหาข้อมูลลับบางอย่างครู่หนึ่งเธอเห็นเขาทำหน้าช็อคราวกับได้ข้อมูลที่ว่า แล้วลุกพรวดเดินไปเปิดขวดวิสกี้รินใส่แก้ว กระดกใส่คอพรวด ๆ อย่างเอาเป็นเอาตายแต่พอเห็นเขาเตรียมรินวิสกี้แก้วที่สามก็รู้สึกว่าคงต้องลุกไปห้าม ก่อนจะน็อคไม่ได้สติไปอีก"พอแล้วค่ะ"ดวงตาขุ่นเขียวแย่งแก้วมาจากมือของอีกฝ่าย"ผมจะกินอีก""ถ้าคุณจะกิน กินฉันแทนได้ไหมล่ะ"เขาตวัดสายตามองอย่างไม่อยากเชื่อที่แม่แมวน้อยจะเสนอด้วยประโยคซาบซ่านใจทว่าตอนนี้เขามึนจนแทบจะยืนไม่อยู่ จะให้ทำอะไร ๆ ที่ร้อนรุ่มเวลานี้กับเธอก็เกรงว่าจะไม่ถึงพริกถึงขิงนัก"ผมปวดหัวไปหมด""มา...ฉันจะพยุงคุณไปนอน"เรียวแขนบางพยุงร่างสูงโปร่งที่เดินตุปั๊ดตุเป๊ พอขายาวแตะขอบตียงได้ไม่ทันไร ใบหน้าแดงจัดก็ปักคว่ำกับหมอนใบโตทันที แล้วก็หลับไม่รู้เรื่อง"โถป๋าของมี่....คออ่อนซะจริงเชียว"รุ่งเช้าเจ้าของ