หลี่หงอี้ที่เพิ่งจะถอดเสื้อออกก็หันมายังต้นเสียงที่แลดูตื่นตกใจนั้น เขาอมยิ้มเล็กน้อยเมื่อเห็นว่านางกำลังใช้มือเรียวบางคู่นั้นปิดที่ดวงตาของตัวเอง
“เจ้าจะปิดตาไปทำไมกัน มากกว่านี้ก็เคยเห็นมาแล้วนะ”
“ท่านว่าอะไรนะ”
หยวนจือหลินค่อยๆ เปิดตาออกมาทีละนิดจนเห็นว่าเขาหันหน้ามามองที่นางแล้ว แผ่นอกเปลือยเปล่ากับผิวสีน้ำผึ้งที่มีมัดกล้ามแน่นๆดูเป็นลอนสวย หยวนจือหลินกลืนน้ำลายเล็กน้อยน่าเสียดายที่เขาถอดเพียงช่วงบนน่าจะถอดช่วงล่างไปด้วยเสียเลย ฮิๆ
“ยิ้มอะไรหรือ”
“ไม่มีอะไรเจ้าค่ะคือว่าข้า..ความจริงข้าตั้งใจจะมาเตรียมเสื้อผ้าให้ท่าน แต่ในเมื่อท่านจัดการเองแล้วเช่นนั้นข้าขอตัวล่ะ”
“เดี๋ยวสิ!”
หลี่หงอี้คว้าเอวของนางมากอดเอาไว้แน่น
“เจ้าไม่โกรธข้าแล้วหรือ”
“ข้าโกรธอะไรท่านเรื่องอะไรงั้นหรือ”
“ก็เรื่องที่ข้าต่อว่าใต้เท้าเจิ้งอย่างไรเล่าเจ้าไม่โกรธข้าแล้วใช่หรือไม่”
“เหตุใดข้าต้องโกรธด้วยล่ะ แล้วใต้เท้าอะไรนั่นก็เป็นคนนอกครอบครัวนะเจ้าคะท่านเลิกพูดถึงเขาเสียทีสิ”
“ก็ได้ๆ”
ขณะที่ทั้งคู่จ้องตากันอยู่นั้นก็ได้ยินเสียงของบุตรชายตะโกนร้องเรียกอยู่หน้าห้อง
“ท่านพ่อ ท่านแม่ ทำอะไรอยู่หรือขอรับ”
อาเฟยอาชิงที่โผล่หน้าเข้ามาในห้องแบบไม่ให้สุ่มให้เสียงก่อนทำให้ทั้งคู่รีบผละออกจากกันด้วยความรวดเร็ว
“ทะ ท่านรีบไปอาบน้ำเถอะเจ้าค่ะ ลูกๆ คงจะหิวข้าวกันแล้ว”
“ได้ๆ”
หยวนจือหลินรีบดึงแขนของเด็กทั้งคู่ออกไปจากห้องทันทีภายใต้สายตาอันอ่อนโยนของหลี่หงอี
เขารู้สึกว่าตั้งแต่ที่กลับมาบ้านในครั้งนี้นางก็ดูจะเปลี่ยนไปเป็นคนละคนแต่เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นเป็นอย่างมาก
‘นางใช่หยวนจือหลินที่เขารู้จักจริงๆ หรือไม่นะ’
-เช้าวันถัดมา-
หลังจากทำอาหารเช้าให้เด็กๆ และสามีเสร็จเรียบร้อยแล้วหยวนจือหลินก็ออกมานั่งรับลมตรงม้านั่งใต้ต้นไม้ใหญ่ในสวนข้างเรือนเพียงลำพัง นางกำลังนั่งคัดเมล็ดพันธ์ผักเพื่อใช้ปลูกลงแปลงผัก เสียงฝีเท้าของใครบางคนเดินเข้ามาใกล้ทำให้นางเงยหน้าขึ้นไปมองก็พบว่าเป็นสามีของนางนั่นเอง
“เจ้าทำอะไรอยู่หรือหลินเอ๋อร์”
“ข้ากำลังคัดเมล็ดผักเอาไว้ปลูกผักเจ้าค่ะ บ้านของเรามีพื้นที่กว้างขวางถึงเพียงนี้ไม่ใช้ประโยชน์เลยคงเสียดายแย่เลย”
“เมล็ดผักงั้นหรือ เหตุใดข้าถึงไม่รู้มาก่อนว่าเจ้ามีของพวกนี้ด้วย”
“คือว่า”
“ช่างเถอะแล้วทำอย่างไรบ้างให้ข้าช่วยหรือไม่”
“ท่านช่วยพรวนดินตรงนี้ไปก่อนนะเจ้าคะ ข้าจะไปเตรียมน้ำมาไว้รดหน้าดิน”
“เดี๋ยวสิหลินเอ๋อร์ถังใส่น้ำมันหนักนะ เช่นนั้นเจ้าก็รออยู่ตรงนี้แหล่ะข้าจะไปตามคนมาช่วย”
“ใครหรือเจ้าคะ”
“ก็…ชาวบ้านแถวนี้ที่เคยไปขึ้นเขาด้วยกันกับข้านี่แหล่ะ เจ้ารอข้าครู่เดียวเดี๋ยวข้ากลับมา”
“ก็ได้เจ้าค่ะ เช่นนั้นข้าจะไปดูลูกๆ ก่อน”
“อืม”
หยวนจือหลินยิ้มหวานให้เขาไปทีหนึ่งก่อนจะเดินหันหลังกลับเข้าไปในเรือน หลี่หงอี้รู้สึกว่ารอยยิ้มของนางนั้นช่างหอมหวานขึ้นมากจริงๆ เขาตัดใจเลิกมองตามแผ่นหลังตรงสวยของนางก่อนจะเดินไปที่หน้าประตูรั้วหมายจะออกไปเรียกคนมาช่วยทำแปลงผัก
หยวนจือหลินที่ตอนนี้อยู่กับเด็กๆ ที่ระเบียงหน้าบ้านนางนั่งบนเก้าอี้แล้วนำหนังสือที่ซื้อจากเพื่อนบ้านระแวกนั้นออกมาเพื่อสอนหนังสือให้กับเด็กๆ บางครั้งก็เงยหน้าขึ้นไปมองผู้เป็นสามีที่กำลังจัดการแปลงผักให้นาง มีบุรุษอีกสองคนมาช่วยกันปลูกผักอย่างขะมักเขม้นไม่มีทีท่าว่าจะเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้ากันเลยแม้เพียงนิด
‘จะว่าไปแล้วท่านพี่ไปหาคนมาจากไหนกันถึงได้เร็วเพียงนี้นะ เหมือนยืนอยู่หน้าบ้านของเราอย่างไรอย่างนั้นล่ะ’
หยวนจือหลินเลิกสนใจพวกเขานางสอนตั้งใจหนังสือเด็กๆ ต่อและคัดเมล็ดผักไปด้วย
หลังจากทั้งสามจัดการหน้าดินเสร็จหยวนจือหลินก็นำเมล็ดพันธุ์ผักไปฝังลงดินรดน้ำพอชุ่มเป็นอันเรียบร้อย
ส่วนแปลงด้านข้างนางให้หลี่หงอี้ทำแผงไม้สำหรับปลูกถั่วฝักยาว ตำลึง นางปลูกพริกและข้าวโพดบางส่วนในที่ดินข้างๆกันด้วย
“ข้าไม่รู้ว่าเจ้าทำงานเช่นนี้ก็เป็นด้วย”
“ทำไมหรือเจ้าคะคนเราเมื่อเติบโตขึ้นย่อมเปลี่ยนแปลงไปตามวันเวลาอะไรที่ไม่เคยทำก็ลงมือทำเสีย เกิดมาทั้งทีจะให้นั่งๆ นอนๆ เท่านั้นได้อย่างไรเจ้าคะเสียดายเวลาพอดี”
“ฮึ..เจ้าไม่เหมือนหยวนจือหลินคนก่อนเลยนะ”
“ท่านหมายความว่าอย่างไร?”
“ข้าหมายถึงเจ้าเปลี่ยนไปในทางที่ดีแต่เป็นแบบนี้ก็ดีแล้ว”
หยวนจือหลินเงยหน้าขึ้นไปมองหลี่หงอี้ก็เห็นว่าเขายิ้มให้นางอยู่ก่อนแล้ว แต่ทำไมนางถึงได้รู้สึกว่าเป็นรอยยิ้มที่หล่อกระชากใจเช่นนี้กันนะ
‘ไม่ได้ๆ นั่นสามีของคนอื่นนะหยวนจือหลิน เฮ้อ…จะว่าไปแล้วหากว่าเจ้าของร่างเดิมนี้กลับมาแล้วข้าจะเป็นอย่างไรกันนะ หากวิญญาณหลุดออกจากร่างครั้งนี้ก็คงต้องกลายไปเป็นผีเร่ร่อนอย่างนั้นหรือ’
“เจ้าไปพักก่อนเถอะทางนี้พวกข้าจะจัดการเอง”
“ก็ได้เจ้าค่ะ เช่นนั้นข้าจะไปเตรียมอาหารไว้รอพวกท่านนะเจ้าคะ”
“อืม”
ครึ่งชั่วยามผ่านไป[1]
“ท่านพี่ไปกินข้าวกันได้แล้วเจ้าค่ะ พวกท่านด้วยนะเจ้าคะ”
“ฮูหยินให้พวกข้าร่วมโต๊ะด้วยหรือขอรับ”
“แน่นอนสิข้าไม่มีสิ่งใดตอบแทนพวกท่าน เช่นนั้นก็อยู่กินข้าวด้วยกันนั่นแหล่ะเจ้าค่ะ”
บุรุษทั้งสองคนนั้นยิ้มออกมาทันทีก่อนจะหันไปมองหลี่หงอี้เป็นเชิงขออนุญาตก็เห็นเพียงเขาพยักหน้าตอบกลับมาเท่านั้น
พวกเขาฉีกยิ้มกว้างก่อนจะรีบเดินไปล้างมือแล้วเดินไปที่โต๊ะอาหารทันที กลิ่นหอมๆ ของอาหารบนโต๊ะเรียกน้ำลายของทุกคนได้เป็นอย่างดี
“นั่งเถอะเจ้าค่ะ”
“หอมมากเลยขอรับ”
“กินให้อร่อยนะเจ้าคะ”
“เช่นนั้นพวกข้าไม่เกรงใจแล้วนะขอรับ”
หยวนจือหลินพยักหน้าให้พวกเขาก่อนจะหันไปมองเจ้าก้อนแป้งทั้งสองที่เอาแต่นั่งมองผู้มาเยือนใหม่สองคนนั้น
“พวกเจ้าก็กินกันได้แล้ว” หยวนจือหลินเอ่ยปากบอกเด็กๆ ทั้งสองคนอย่างนึกเอ็นดูที่เอาแต่จ้องหน้าบุรุษแปลกหน้าทั้งสอง
“ขอรับ / เจ้าค่ะ”
หยวนจือหลินมองคนนั้นทีคนนั้นทีเห็นพวกเขากินอาหารกันอย่างเอร็ดอร่อยก็รู้สึกมีความสุขยิ่งนัก
“ท่านพี่ทานเยอะๆ นะเจ้าคะ”
“ขอบใจนะหลินเอ๋อร์ เจ้าเองก็กินเยอะๆ ล่ะตัวเจ้าผอมจนจะปลิวตามแรงลมได้อยู่แล้ว”
“ท่านก็พูดเป็นเล่นไป กินข้าวได้แล้วเจ้าค่ะ”
หลี่หงอี้ส่งยิ้มให้ภรรยาของเขาภายใต้สายตาที่จับจ้องมองของบุรุษตรงหน้าทั้งสองคน
“ช่างน่าอิจฉานายท่านเสียจริง”
“หุบปากน่า!”
“ท่านพี่พูดอะไรเช่นนั้นเจ้าคะเสียมารยาทจริงๆ ขออภัยพวกท่านด้วยสามีของข้าวาจาช่างร้ายกาจยิ่งนัก”
“ข้าไม่ถือสาขอรับฮูหยิน”
เวลานี้หลี่หงอี้ไม่ว่าจะพูดอะไรทำอะไรก็ดูขัดใจนางไปหมดเขาจึงได้แต่เงียบปากเอาไว้เท่านั้น
“ท่านแม่ขอรับพวกข้าขอกินขนมนั่นอีกได้หรือไม่ขอรับ”
“ได้สิจ๊ะแต่กินเสร็จแล้วต้องแปรงฟันด้วยนะ”
“เจ้าค่ะ/ขอรับ เย่ๆ”
“ดูสิเด็กๆ ดีใจกระโดดโลดเต้นกันยกใหญ่เลยน่ารักน่าเอ็นดูเสียจริง”
ตั้งแต่ภรรยาของเขาเปลี่ยนไปหลี่หงอี้ก็รู้สึกว่าบรรยากาศของเรือนนี้อบอวลไปด้วยความสุข สุขที่เป็นสุขจริงๆ เสียที
- - - - - - - -
[1] ครึ่งชั่วยาม = 1 ชั่วโมง
ยามซวี[1] เมื่อหยวนจือหลินส่งเด็กๆ ทั้งสองเข้านอนเรียบร้อยแล้วก็ออกมานั่งรับลมเล่นที่ระเบียงหน้าบ้าน บนท้องฟ้ายามมืดมิดในเวลานี้มีแสงจากดวงดาวท่ามกลางดวงจันทร์ที่เปล่งประกายงดงามท่ามกลางความเงียบเหงาความรู้สึกหลายหลายอย่างก็ประเดประดังเข้ามาไม่รู้จบสิ้นใจหนึ่งของนางก็คิดถึงบ้านที่จากมาแต่อีกใจหนึ่งก็รู้สึกว่าการอยู่ที่นี่นั้นก็ไม่ได้เลวร้ายไปเสียทีเดียวหยวนจือหลินเองก็ไม่ได้อยากจะสร้างความรู้สึกผูกพันธ์กับคนที่นี่นักเพราะหากเจ้าของร่างเดิมนี้กลับมาได้จริงๆ ตัวของนางคงจะทำใจลำบากอย่างแน่นอนแต่ในเมื่อได้มาอยู่ที่นี่แล้วนางก็จะตั้งใจช่วยปรับปรุงบ้านหลังนี้และสร้างชีวิตดีๆ ให้กับเด็กๆ และสามีป้ายแดงของนางก่อนที่นางจะได้กลับบ้านไปจริงๆ“หลินเอ๋อร์เป็นอะไรไปคิดอะไรอยู่หรือ”“ท่านพี่เองหรอกหรือเจ้าคะ""แล้วคิดว่าใครกันเล่า ว่าอย่างไรข้าเห็นเจ้าเอาแต่นั่งเหม่อเป็นอะไรไปงั้นหรือ""ไม่มีอะไรเจ้าค่ะข้าก็เพียงแค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่ก็เท่านั้น ท่านพี่บ้านของเราเวลานี้มีเงินหรือไม่เจ้าคะ”“ก็พอมีอยู่บ้างไม่ได้ลำบากมากถึงกับไม่มีอะไรจะกิน เจ้าถามทำไมหรือ”'ไม่ลำบากมากอย่างงั้นหรือ? แต่เท่าที่
ยามเหม่า[1]"ท่านพี่ตื่นเถอะเจ้าคะ ท่านพี่”“อืม หลินเอ๋อร์เช้าแล้วหรือ” “ใกล้ถึงยามเหม่าแล้วนะเจ้าคะวันนี้ข้าจะเข้าเมืองท่านลืมไปแล้วหรือ”“ไม่ได้ลืมข้าแค่เหนื่อยนิดหน่อยเลยตื่นสาย”“เช่นนั้นข้าไปเองก็ได้ท่านพี่ดูแลลูกๆ แทนข้านะเจ้าคะ”“ไม่ได้ เจ้าจะไปคนเดียวได้อย่างไรรอข้าก่อนไม่นานนักหรอก”“ก็ได้เจ้าค่ะ”หลี่หงอี้ที่ยังงัวเงียเหมือนคนนอนไม่เต็มอิ่มนั้นรีบลุกขึ้นจากเตียงนอนด้วยความเร่งรีบไม่มีอิดออดเลยสักนิด เพราะไม่ว่าภรรยาของเขาจะร้องขอสิ่งใดเขาล้วนทำให้นางได้ทุกอย่างอยู่แล้ว“ท่านแม่ ท่านพ่อ พวกข้าพร้อมแล้วขอรับ”เสียงเล็กๆ ที่ดูมีชีวิตชีวาของลูกชายลูกสาวฝาแฝดของนางดังขึ้นด้านหลังพวกเขา“อาเฟยอาชิงพวกเจ้าตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน”“ตื่นพร้อมๆ กันกับท่านแม่เลยเจ้าค่ะ ข้าเห็นท่านแม่ลุกขึ้นจากที่นอนข้าก็ปลุกท่านพี่แล้วก็ลุกตามไปล้างหน้าอาชิงแปรงฟันแล้วด้วยนะเจ้าคะ”พูดจบก็ส่งยิ้มแฉ่งอวดฟันเล่มเล็กๆ ที่เรียงตัวกันอย่างสวยงามให้นางดูทันที“เก่งมากจ๊ะอาชิง อาเฟยล้างหน้าแปรงฟันใช่หรือไม่”“เรียบร้อยแล้วขอรับ”“เช่นนั้นพวกข้าจะไปรอข้างนอกนะเจ้าคะ”“อืม ไปเถอะ”หยวนจือหลินหันไปส่งยิ้มให้ผู
รถม้าเคลื่อนเข้ามาในตัวเมืองก่อนจะมาหยุดอยู่ตรงข้างกำแพงว่างเปล่ายาวเป็นทอด ดูแล้วน่าจะเป็นบ้านของเศรษฐีคนใดคนหนึ่งเป็นแน่“ถึงแล้วขอรับฮูหยิน”“อืม”
“ฮูหยินหยวน ไม่พบกันนานเลยนะขอรับ”“?”
-เช้าวันถัดไป-หยวนจือหลินรีบตื่นนอนเพื่อมาจัดเตรียมข้าวของสำหรับทำอาหารในการเปิดร้านวันแรกโดยมีหย่งฉีคอยช่วยเป็นลูกมือในการทำอาหาร ส่วนเต๋อหมิงนั้นก็ไปช่วยจัดโต๊ะเก้าอี้เพื่อเตรียมเปิดร้านกับหลี่หงอี้อีกทาง
-เช้าวันถัดไป-หยวนจือหลินกำลังนั่งทำบัญชีร้านโดยมีอาชิงเป็นคนป้อนขนนมนางอยู่ด้านข้างส่วนอาเฟยก็คอยนวดต้นขาของนางอย่างเอาอกเอาใจ นางเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อยด้วยความสงสัยในท่าทีของเด็กน้อยทั้งคู่คิดภายในใจว่าเด็กสองคนนี้มีสิ่งที่ต้องการจากนางอย่างแน่นอนเพราะดูเหมือนจะมาประจบประแจงเพื่อขออะไรบางอย่างจากนาง“อาเฟยเจ้ามีสิ่งใดที่อยากได้งั้นหรือ ถึงได้มาลงทุนมาดูแลข้าแต่เช้าเช่นนี้”“โธ่ท่านแม่ พูดอะไรเช่นนั้นกันขอรับข้าแค่อยากดูแลท่านแม่เองนะขอรับ”“จริงหรือ”น้ำเสียงของนางที่ดูเหมือนจะไม่ค่อยเชื่อบุตรชายเท่าใดนัก“คือว่าจริงๆ แล้วข้าแค่อยากได้อะไรบางอย่างน่ะขอรับ”“ว่าแล้วเชียวพวกเจ้าทำดีกับข้าคงไม่ใช่เพราะอยากช่วยจริงๆ”“ใครบอกเจ้าคะ อาชิงไม่มีสิ่งที่อยากได้เสียหน่อยก็แค่มาดูแลท่านแม่เพระกลัวท่านหิวต่างหากเล่า”เสียงน้อยๆ ของนางพูดแย้งหยวนจือหลินขึ้นมาและปากน้อยๆ ก็เอาแต่จิ้มผลไม้เข้าปากอย่างไม่หยุดหย่อน&ldquo
ร้านอาหารของหยวนจือหลินเปิดกิจการมาได้เกือบครึ่งเดือนแล้วนางรู้สึกยินดีมากที่อาหารขายหมดแทบทุกวัน บางวันลูกค้าแทบจะร้องโอดโอยเพราะมาซื้อไม่ทันแม้ว่านางจะเตรียมวัตถุดิบเผื่อเอาไว้มากพอสมควรก็ตาม เป้าหมายต่อไปคือการเปิดร้านขายอาหารในเมืองเพิ่มอีกสักร้าน นางจะเก็บเงินเอาไว้ให้มากๆ เพื่อความมั่นคงของครอบครัว เด็กๆ และสามีของนางจะได้ไม่ต้องลำบากอีกวันนี้เป็นวันหยุดของร้านเมื่อทำงานบ้านทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว หยวนจือหลินจึงนอนพักผ่อนที่หน้าระเบียงบ้านโดยมีมือน้อยๆ ของอาเฟยและอาชิงคอยนวดบริเวณขาและแขนของนางให้ลมเย็นๆ ทำให้นางแทบจะหลับไปอยู่แล้ว“เก่งมากเลยอาเฟยอาชิงนวดเก่งขึ้นกันแล้วนี่นา”“อาชิงฝึกนวดตั้งนานเลยนะเจ้าคะ”“จริงหรือ?”“จริงสิขอรับท่านอาเต๋อหมิงชมนางอยู่เรื่อยว่าฝีมือของนางนั้นดียิ่งกว่าสตรีในหอโคมแดงอีก”“อะไรนะ!”“หืม อะไรหรือขอรับ? ข้าพูดอะไรผิดไปหรือ”“อะ เอ่อ..ไม่มีอะไรหรอกจ๊ะ”‘เจ้าพวกนั้นกล้าพูดเรื่องในหอนางโลมให้ลูกๆ ของนางฟังได้อย่างไร เดี๋ยวเถอะพรุ่งนี้เจอกันข้าจะจัดการให้หนักเลย’บ่นในใจได้ไม่นานนักก็ได้ยินเสียงของผู้เป็นสามีตะโกนเรียกนางจากหลังเรือน“หลินเอ๋อร์เจ้าอ
“ฮู ฮูหยิน”“…”“ฮูหยินอะไรของเจ้ากัน ฮูหยินของใต้เท้าก็อยู่ที่บ้านสิจะมาอยู่ทำไมตรงนี้”“ก็อยู่ไปแล้วหรือไม่เล่า”หลี่หงอี้เมื่อได้ยินที่หย่งฉีพูดออกมาก็เริ่มรู้สึกถึงอะไรบางอย่างทิ่มแทงมาจากด้านหลังของเขา‘ให้ตายสิเป็นแม่ทัพอยู่ในสนามรบมาร่วมสิบปีแค่ออกมาจัดการงานนอกสนามรบเพียงไม่กี่ปี เหตุใดความรู้สึกของข้าถึงช้าลงได้เช่นนี้กันนะ ไม่รู้ได้อย่างไรว่านางมาอยู่ข้างหลังตั้งแต่เมื่อไหร่กัน’หลี่หงอี้ค่อยๆ หันไปทางด้านหลังก็พบกับภรรยารักของเขายืนกอดอกขมวดคิ้วจ้องมองเขาอยู่ก่อนแล้ว ทุกคนในที่นั้นต่างก็ตกตะลึงกันไปหมด ความลับที่ตั้งใจช่วยกันปกปิดมานานนั้นไม่น่าจะเหลือแล้วกระมัง“ท่านทำอะไรอยู่หรือเจ้าคะ”เสียงของนางในเวลานี้ช่างเยือกเย็นเสียจริง“หลินเอ๋อร์คือว่าข้าอธิบายได้นะ”“เช่นนั้นก็พูดมาสิ”“คือว่า”“ว่า”“คือความจริงแล้วข้า”“พูดไม่ออกหรือเจ้าคะเหตุใดคนพวกนั้นถึงเรียกท่านว่า ท่านแม่ทัพ ท่านไม่ได้เป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาหรอกหรือแล้วตัวตนของท่านคือใครกัน แล้วข้าล่ะข้าเป็นอะไรกับท่านกันแน่”“ก็ต้องเป็นภรรยาของข้าสิ หลินเอ๋อร์คือว่าข้า”“ท่านเลิกเรียกชื่อข้าแล้วตอบข้ามาเดี๋ยวนี้”“ข้า”ห
หมวกควันสีแดงลอยปกคลุมไปทั่วพื้นที่ดูเหมือนเลือดที่ค่อยๆ กลืนกินทุกสิ่ง วิญญาณของผู้เสียชีวิตจากฝีมือของนางค่อยๆ ปรากฎตัวขึ้นในหมอกนั้น“ปล่อยข้าออกไปนะ ปล่อยข้าออกไป”‘ฮึๆๆ ฮ่าๆๆๆ’“น่ะ…นั่นใคร เสียงใครกันออกมาเดี๋ยวนี้นะ!”‘น้องหญิงเจ้าลืมพี่สาวเช่นข้าไปแล้วหรือ’“จะ เจ้า หยวนจือหลิน!”‘ใช่แล้ว ข้าเอง’“เจ้ามาทำไม เจ้าจะทำอะไรข้า”‘ข้าก็มาเอาชีวิตของเจ้าอย่างไรเล่า’“กรี๊ดดดด! ออกไปนะออกไป!”‘เจ้าทำให้ข้าเป็นเช่นนี้ข้าก็จะลากเจ้าไปลงนรกพร้อมกันกับข้า!’“กรี๊ดดดดด! ม่ายยย!”‘ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า ฮ่า’หน้าผาที่ถูกเชื่อว่าเป็นที่สาปแช่งของหญิงสาวที่ฆ่าตัวตายเพราะผิดหวังจากความรักนั้น เมื่อมีใครมายืนอยู่ที่หน้าผาเงาดำของหญิงสาวจะปรากฎและดึงพวกเขาให้ตกลงไปตายเหมือนพวกนางนางก็เช่นกัน
“พ่อบ้านซือท่านออกมาข้างนอกเร็วเข้า!”“อะไรของพวกเจ้าเนี่ยเรียกอยู่ได้ ข้ายุ่งอยู่ไม่เห็นหรืออย่างไร”“ฮูหยินมาแล้ว ท่านแม่ทัพพาฮูหยินกลับมาแล้ว”“อะ อะไรนะ! แล้วพวกเจ้าจะยืนรออะไรอยู่เล่ารีบออกไปรับพวกท่านเร็วเข้าสิ”พ่อบ้านซือตะโกนดังลั่นไปทั่วทั้งจวนก่อนจะรนรานรีบวิ่งออกไปหน้าประตูจวนด้วยความรวดเร็วจนเกือบจะสะดุดขาตนเองไปเสียแล้ว ภายใต้สายตางุนงงของแม่นมจางและลี่เหมยหัวหน้าบ่าวรับใช้ผู้ดูแลจวนแม่ทัพหลี่“อ้าวเป็นงั้นไปเมื่อครู่ยังดุพวกเราอยู่เลยนะเจ้าคะแม่นม”“ช่างเถอะน่าไปรับนายท่านกันลี่เหมย”“เจ้าค่ะแม่นมจาง”บรรดาบ่าวรับใช้ในจวนต่างก็ออกมายืนรอรับแม่ทัพหลี่และฮูหยินกันจนเต็มหน้าประตูจวน เด็กๆ เองเมื่อเห็นจวนขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ตรงหน้าก็ดูตื่นเต้นกันยกใหญ่“โอ้โหท่านพ่อนี่พวกข้าจะได้อยู่ที่นี่กันจริงๆ หรือขอรับ”“ใช่แล้วล่ะต่อจากนี้ไปที่นี่คือบ้านของพวกเรานะ”“ว้าวใหญ่โตมากเลยเจ้าค่ะท่านพ่อ
การเดินทางจากเมืองลั่วอันที่อยู่ฝั่งตะวันออกของแคว้นต้าฮั่นมายังเมืองหลวงนั้นใช้เวลาประมาณเจ็ดวัน เดิมทีหลี่หงอี้คิดว่าเด็กๆ จะเหนื่อยล้ากับการเดินทางไกลกันแต่กลับตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิงพวกเขาดูสนุกสนานและตื่นตาตื่นใจที่ได้เห็นสีสันของเมืองหลวงยิ่งนักหยวนจือหลินนั่งมองทิวทัศน์ในรถม้าเพียงลำพังปล่อยให้อาเฟยออกมานั่งม้ากับหย่งฉีส่วนอาชิงก็ออกมานั่งม้าตัวเดียวกันกับบิดาของนาง พวกเด็กๆ ดูจะชื่นชอบที่ได้ขี่ม้ากันเป็นอย่างมาก“หย่งฉีข้าอยากขี่ม้าเองบ้าง”“นายน้อยรอท่านโตอีกหน่อยข้าจะสอนท่านเองนะขอรับ แต่ตอนนี้ท่านยังเด็กนักเกรงว่าจะยังควบคุมม้าเองไม่ได้”“ข้าไม่เด็กแล้วนะ”อาเฟยพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูเหมือนถูกขัดใจทั้งยังกอดอกแสดงให้เห็นว่ากำลังไม่พอใจคนสนิทของผู้เป็นบิดาอย่างมาก“อะ เอ่อ”หย่งฉีหันไปขอความช่วยเหลือจากแม่ทัพหลี่หงอี้เมื่อเห็นว่าผู้เป็นนายพยักหน้าให้ เขาจึงยอมให้อาเฟยมาควบม้าต่อจากตนเองทันทีหย่งฉีปล่อยมือจากบังเหียนแล้วให้นายน้อยของเขาบังคับม้าต่อแรกเริ่มเขาก็กลัวว่
“ใครบอกว่าข้าจะไม่กลับเล่าเจ้าคะ”“เจ้าว่าอะไรนะ”
วันเวลาล่วงเลยผ่านไปเกือบครึ่งเดือนแล้ว ใต้เท้าหยวนบิดาของหยวนจือหลินก็ยังคงปักหลักที่เมืองลั่วอันแห่งนี้ไม่ยอมกลับเมืองหลวงไปเสียทีจนนางคร้านที่จะสนใจเขาแล้ว ขอเพียงแค่ครอบครัวของนางในเวลานี้นั้นมีความสุขก็เพียงพอแล้ว“อร่อยมากเลยขอรับฮูหยิน” หย่งฉีบอกนางทั้งๆ ที่ข้าวยังเต็มปากทั้งอย่างนั้น”
“อาเฟย อาชิงมานี่สิ”“เจ้าค่า/ขอรับ”“มาไหว้ท่านตาสิลูก”เด็กน้อยทั้งสองที่ได้ยินสิ่งที่ผู้เป็นมารดาบอกแม้จะงุนงงเล็กน้อยแต่ก็ยอมเดินเข้ามาหานางอย่างไม่อิดออดแต่อย่างใด“พวกข้ามีท่านตาด้วยหรือขอรับท่านแม่”“มีสิ แล้วก็นั่งอยู่ตรงนี้แล้วมาให้ตากอดหน่อยสิหลานรัก”เด็กน้อยทั้งสองหันไปมองหยวนจือหลินเมื่อเห็นว่านางพยักหน้าให้ก็ส่งยิ้มกว้างก่อนจะรีบวิ่งเข้าไปหาชายชราผู้นั้นท่ามกลางเสียงหัวเราะยินดีของเขา“นี่ตามีของเล่นมาให้พวกเจ้าด้วยนะ อาเฉินเอาของเล่นมาให้หลานของข้าเร็วเข้า”“ขอรับใต้เท้า”‘มาที่นี่เพื่อมาหาหลานจริงๆ ด้วย’หยวนจือหลินยืนกอดอกมองดูสามตาหลานที่กำลังพูดคุยหยอกล้อกันอย่างสนุกสนานโดยมีหลี่หงอี้ยืนอยู่ข้างๆ นาง สองแขนของเขาโอบกอดนางเบาๆ“เป็นอะไรไปเหตุใดถึงหน้างอเช่นนั้นกัน”“ไหนท่านบอกว่าเขามาที่นี่เพื่อปรับความเข้าใจกับข้าอย่างไรล่ะ”“ก็ถูกแล้วนี่นา&r
วันนี้ที่ร้านอาหารของนางยังคงคึกคักเหมือนเช่นทุกวันที่ผ่านมาและก็เป็นอีกวันที่ชายชราผู้หนึ่งมานั่งกินอาหารอยู่เพียงลำพังเช่นทุกวัน วันนี้เขาสั่งอาหารเพียงแค่ไม่กี่อย่างแต่กลับนั่งนานเสียจนหยวนจือหลินเองก็อดจะสงสัยเขาอยู่ไม่น้อยแต่ไม่ทันได้เข้าไปทักทายชายผู้นั้นก็ลุกเดินออกจากร้านไปเสียแล้ว ทั้งยังทิ้งตำลึงเงินเอาไว้เกินราคาอาหารอีกด้วยครั้นนางจะเดินตามไปก็ถูกเรียกโดยลูกค้าคนอื่นเข้าพอดีชายผู้นั้นเดินออกไปท่ามกลางสายตาของใครบางคนที่จับจ้องเขาอยู่อย่างไม่วางตาตั้งแต่เขาเดินเข้ามาในร้านแล้ว“จะกลับแล้วหรือขอรับ”เขาหยุดเดินก่อนจะหันหลังไปมองดูก็พบว่าเป็นซ่งหงอี้ สามีของเจ้าของร้านนั้นนั่นเอง“เหตุใดถึงกลับไวเช่นนี้ท่านเดินทางมาตั้งไกลอย่าบอกนะขอรับว่ามาเพื่อดูหน้านางเท่านั้น”“คือว่าข้า”“ใต้เท้าข้าว่าหากท่านมีสิ่งใดอยากจะสนทนากับนาง ท่านควรที่จะเปิดใจกับนางตรงๆ ไปเลยจะดีกว่านะขอรับ”“แต่ว่านางจะไม่ไล่ข้าไปอีกหรือ ที่ผ่านมานั้น…”“นางไม่ใช่คนเดิมอีกต
“ฮู ฮูหยิน”“…”“ฮูหยินอะไรของเจ้ากัน ฮูหยินของใต้เท้าก็อยู่ที่บ้านสิจะมาอยู่ทำไมตรงนี้”“ก็อยู่ไปแล้วหรือไม่เล่า”หลี่หงอี้เมื่อได้ยินที่หย่งฉีพูดออกมาก็เริ่มรู้สึกถึงอะไรบางอย่างทิ่มแทงมาจากด้านหลังของเขา‘ให้ตายสิเป็นแม่ทัพอยู่ในสนามรบมาร่วมสิบปีแค่ออกมาจัดการงานนอกสนามรบเพียงไม่กี่ปี เหตุใดความรู้สึกของข้าถึงช้าลงได้เช่นนี้กันนะ ไม่รู้ได้อย่างไรว่านางมาอยู่ข้างหลังตั้งแต่เมื่อไหร่กัน’หลี่หงอี้ค่อยๆ หันไปทางด้านหลังก็พบกับภรรยารักของเขายืนกอดอกขมวดคิ้วจ้องมองเขาอยู่ก่อนแล้ว ทุกคนในที่นั้นต่างก็ตกตะลึงกันไปหมด ความลับที่ตั้งใจช่วยกันปกปิดมานานนั้นไม่น่าจะเหลือแล้วกระมัง“ท่านทำอะไรอยู่หรือเจ้าคะ”เสียงของนางในเวลานี้ช่างเยือกเย็นเสียจริง“หลินเอ๋อร์คือว่าข้าอธิบายได้นะ”“เช่นนั้นก็พูดมาสิ”“คือว่า”“ว่า”“คือความจริงแล้วข้า”“พูดไม่ออกหรือเจ้าคะเหตุใดคนพวกนั้นถึงเรียกท่านว่า ท่านแม่ทัพ ท่านไม่ได้เป็นเพียงชาวบ้านธรรมดาหรอกหรือแล้วตัวตนของท่านคือใครกัน แล้วข้าล่ะข้าเป็นอะไรกับท่านกันแน่”“ก็ต้องเป็นภรรยาของข้าสิ หลินเอ๋อร์คือว่าข้า”“ท่านเลิกเรียกชื่อข้าแล้วตอบข้ามาเดี๋ยวนี้”“ข้า”ห
ร้านอาหารของหยวนจือหลินเปิดกิจการมาได้เกือบครึ่งเดือนแล้วนางรู้สึกยินดีมากที่อาหารขายหมดแทบทุกวัน บางวันลูกค้าแทบจะร้องโอดโอยเพราะมาซื้อไม่ทันแม้ว่านางจะเตรียมวัตถุดิบเผื่อเอาไว้มากพอสมควรก็ตาม เป้าหมายต่อไปคือการเปิดร้านขายอาหารในเมืองเพิ่มอีกสักร้าน นางจะเก็บเงินเอาไว้ให้มากๆ เพื่อความมั่นคงของครอบครัว เด็กๆ และสามีของนางจะได้ไม่ต้องลำบากอีกวันนี้เป็นวันหยุดของร้านเมื่อทำงานบ้านทุกอย่างเรียบร้อยแล้ว หยวนจือหลินจึงนอนพักผ่อนที่หน้าระเบียงบ้านโดยมีมือน้อยๆ ของอาเฟยและอาชิงคอยนวดบริเวณขาและแขนของนางให้ลมเย็นๆ ทำให้นางแทบจะหลับไปอยู่แล้ว“เก่งมากเลยอาเฟยอาชิงนวดเก่งขึ้นกันแล้วนี่นา”“อาชิงฝึกนวดตั้งนานเลยนะเจ้าคะ”“จริงหรือ?”“จริงสิขอรับท่านอาเต๋อหมิงชมนางอยู่เรื่อยว่าฝีมือของนางนั้นดียิ่งกว่าสตรีในหอโคมแดงอีก”“อะไรนะ!”“หืม อะไรหรือขอรับ? ข้าพูดอะไรผิดไปหรือ”“อะ เอ่อ..ไม่มีอะไรหรอกจ๊ะ”‘เจ้าพวกนั้นกล้าพูดเรื่องในหอนางโลมให้ลูกๆ ของนางฟังได้อย่างไร เดี๋ยวเถอะพรุ่งนี้เจอกันข้าจะจัดการให้หนักเลย’บ่นในใจได้ไม่นานนักก็ได้ยินเสียงของผู้เป็นสามีตะโกนเรียกนางจากหลังเรือน“หลินเอ๋อร์เจ้าอ