“ค่ะคุณย่า” หนูน้อยรับคำพร้อมน้ำตารื้น
ยายจ๋าคุณย่าอิสรีเป็นคนใจดีจริง ๆ เธอชักเข้าใจแล้วว่าทำไมยายเกดจึงอยากให้มาอยู่ที่นี่
ละครเล่นไปได้ครึ่งเรื่องเกล้ากมลก็ปวดฉี่ คุณย่าอิสรีชี้ให้ไปเข้าห้องน้ำถัดจากครัวไปหน่อย หลังเสร็จธุระเธอกำลังจะออกมาจากห้องน้ำก็ได้ยินคนเปิดประตูหลังบ้าน เกล้ากมลใจตกไปอยู่ตาตุ่ม ใครกันจะมาบ้านเวลานี้และเข้าทางประตูหลัง
เธอแอบแง้มดูจากประตูห้องน้ำ เห็นหลังกว้างในความมืดตะคุ่ม ๆ ตายล่ะ มันกำลังไปทางห้องนั่งเล่น เธอเหลียวหาอาวุธต่อสู้กับคนร้าย ซึ่งไม่มีเลย
จนตาเหลือบไปเห็นตะกร้าผลไม้ปลอมบนโต๊ะเตรียมอาหารในครัว มือเล็กจึงคว้าอาวุธจำเป็นวิ่งตามหลังไปติด ๆ แล้วขว้างผลไม้พลาสติก ทั้งมะม่วง แอปเปิล ส้ม มะละกอ โดยเฉพาะกล้วยที่โดนหัวคนร้ายดังปั๊ก
“อย่าทำอะไรคุณย่านะไอ้โจรชั่ว!” เกล้ากมลตะโกนสุดเสียงพร้อมวิ่งไปจับขามันไว้
“เฮ้ย! อะไรกันนี่ ยัยเด็กบ้า ปล่อยฉันนะ”
มันพยายามสลัดคนเกาะให้หลุด แต่เธอยังมือเหนียวหนึบเป็นตุ๊กแก
“คุณย่าหนีไปค่ะ” เธอรีบบอกผู้อาวุโสที่ตะลึงในเหตุการณ์อยู่
“ปล่อยสิวะ” เจ้าโจรร้ายดันมือที่ศีรษะเล็ก หวังให้เธอไปไกล ๆ แต่เกล้ากมลร้ายกว่านั้น เธอกัดมือมันเสียจมเขี้ยว
“โอ๊ย!” มันร้องลั่น จนคุณย่าอิสรีต้องบอก
“เกล้า นั่นอิธเอง”
ตาโตช้อนมองเจ้าของมือที่ตนกัดจมเขี้ยว อิธานมองเธอตาเขียว ปากเล็กคลายออกทันใด ได้กลิ่นและรสของเลือดจากรอยกัด
“เธอเป็นหมาหรือยังไง ถึงกัดคน นี่ฉีดยาหรือยัง ไม่ใช่เอาเชื้อโรคพิษสุนัขบ้ามาติดฉันหรอกนะ” เขากล่าวหาเธอ พร้อม ๆ ที่คุณย่ามาจับมือดูแผล
“เกล้าเป็นคน ไม่เคยโดนหมากัด เกล้าคิดว่าคุณอิธเป็นคนร้าย” เกล้ากมลเถียงหน้าง้ำ รู้สึกผิด แต่ก็ไม่ยอมหากโดนว่า
“ทั้งคู่พอก่อน อิธมานั่งนี่ เดี๋ยวย่าทำแผลให้”
คุณย่าอิสรีเดินไปทางห้องรับแขกเพื่อหากระเป๋าปฐมพยาบาล อิธานนั่งกัดฟันกรอด โมโหมาก แต่ข่มใจไว้เพื่อไม่ให้ถูกว่ารังแกเด็ก
ยามค่ำเขาเข้าประตูหลังบ้านอยู่แล้ว เพราะไม่อยากโดนคุณย่าบ่นเรื่องกลับบ้านค่ำ ปกติผ่านไปได้ทุกทีไม่เคยมีปัญหา จนกระทั่งเกล้ากมลเข้ามา
เขาไม่ชอบที่เวลาเธอมอง มันแข็งกร้าวบ่งบอกว่าจะไม่ยอมสยบ ทั้ง ๆ ที่เด็กคนนี้ก็รู้แล้วว่าเขาเป็นใคร และจะเป็นเจ้าของไร่นี้ต่อไป อิธานมองดูก็รู้ว่าเด็กผู้หญิงคนนี้ปกครองยาก
“มา...มาทำแผล เกล้า ไปหาถังขยะมาให้หน่อย”
สาวน้อยวิ่งไปทางห้องน้ำ สักพักก็กลับมาพร้อมถังขยะใบย่อม
“ผมจะเป็นโรคพิษสุนัขบ้าไหมฮะย่า”
เขามองแผลตัวเองที่ค่อย ๆ ถูกเช็ดด้วยแอลกอฮอล์
“อันนั้นมันจากการถูกหมากัดต่างหากล่ะ นี่เกล้าเป็นคน”
นางเอ็ดหลานชายที่หน้าบอกบุญไม่รับ
“ไว้ใจได้ที่ไหน เด็กนี่ฉีดวัคซีนครบหรือยังก็ไม่รู้ มีโรคอะไรแฝงหรือเปล่า”
“เกล้าฉีดวัคซีนทุกครั้งที่หมอมาฉีดนะคะ ไม่เคยขาด คุณหมอยังชมเลยว่าเก่งมาก ไม่หลับตาตอนโดนเข็มจิ้ม”
คนโดนกล่าวหาแจง ขณะอิธานทำเสียงฮึในลำคอแบบไม่เชื่อถือเธอเลย
“งั้นพรุ่งนี้ก็หยุดเรียนให้คนพาไปหาหมอ” เช็ดแผลเสร็จก็ใส่ยาฆ่าเชื้อและพันผ้าก๊อซ
“ไม่ได้นะครับย่า พรุ่งนี้วันจันทร์ ผมมีสอบเลข อาจารย์คนนี้เขี้ยวมาก ผมไม่อยากอยู่สอบซ่อมช่วงเย็น”
อิธานตวัดสายตาขุ่นมาทางเธอ ใจคอจะโทษเธอคนเดียวน่ะหรือ
“รู้ว่าพรุ่งนี้มีสอบแล้วทำไมเข้าบ้านค่ำ นี่มันสามทุ่มแล้วนะอิธ” และแล้วเธอก็ได้เห็น คนตัวโตโดนเอ็ดบ้าง “เรื่องนี้ไม่ต้องโทษน้อง เราก็มีส่วนผิด พรุ่งนี้สอบเสร็จแล้วลาครึ่งวันไปหาหมอเสีย”
อิธานอ้าปากค้าง ด้วยไม่คิดว่าคนที่มาเป็นเด็กรับใช้ย่าตน กลายเป็น ‘น้อง’ ยัยเด็กนี่ทำอะไรกับย่าเขากันแน่ สถานะจึงเปลี่ยนในวันเดียว
“ไปนอนกันได้แล้ว พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า”
คุณย่าอิสรีตัดบท ปิดโทรทัศน์เก็บกล่องปฐมพยาบาล เกล้ากมลสบกับตาหลานชายท่านที่วาววับ บ่งบอกได้เลยว่าเธอชักจะอยู่บ้านนี้ยากเสียแล้ว
“เมื่อคืนนี้เกล้ากัดคุณอิธเหรอ”
วรดาที่มักติดสอยห้อยตามยายพลวงมาทำกับข้าวให้คุณย่าอิสรีถาม เมนูวันนี้เป็นผัดถั่วงอก สาวน้อยทั้งสองจึงมีหน้าที่เก็บเปลือกดำเขียวเข้มออก เกล้ากมลไม่ตอบ วรดาจึงเฉลยที่มาของข่าว
“พี่หนานเล่าให้ฟัง พอดีต้องไปหาหมอเป็นเพื่อนคุณอิธ เกล้าเก่งจัง กล้าเข้าใกล้คุณอิธ ฉันล่ะกลัวเขาดุจะตาย” ลูกสาวยายพลวงทำหน้าสยอง
“ฉันไม่ได้ตั้งใจ คิดว่าเขาเป็นโจรจะมาทำร้ายคุณย่า”
เกล้ากมลแก้ตัวเสียงอ่อย ๆ คนที่พอจะคุยอะไรตอนนี้ได้ตอนนี้คงมีแต่เป็ดคนเดียวกระมัง
“เก่งจัง ถ้าเป็นฉันคงวิ่งหนีไปหาพี่หนานแล้ว”
วรดาเป็นสาวน้อยรักสงบและติดพี่ชาย สนานก็เป็นคนตามใจน้องสาวเสียด้วย
“ยายสอนว่าถ้าเราทำดีก็ไม่ต้องหนีอะไร”
สาวน้อยคิดถึงยายเกดมาก น้ำตาแทบไหลตอนเห็นเสื้อผ้าตนกับอุปกรณ์การเรียนถูกส่งมาให้ในกล่องหลายใบ มีจดหมายจากยายสอนให้อดทนและมีเงินสดอยู่ในซองอีกหนึ่งพันบาท
“ยายเกล้าท่าทางใจดี แต่ที่นี่ไม่มีใครใจดีเท่าคุณท่านอีกแล้ว” วรดาป้องปากกระซิบ
“สองคนนั้นน่ะ อย่ามัวแต่คุยกัน ถั่วงอกได้หรือยัง” ยายพลวงถามมาจากหน้าเตาที่กำลังเอากระทะตั้ง
“จ้า ได้แล้วแม่” เด็กหญิงรีบเอาถั่วงอกสดสะอาดไปให้ผู้เป็นแม่ทำอาหารทันที
“เกล้าอยู่ก่อนนะ คอยดูอยู่นี่ โตไปจะได้ทำอาหารให้คุณท่านกินได้”
เกล้ากมลพยักหน้า ยืนมองการทำอาหารในครัวไปจนจบรายการ พร้อมตั้งใจมั่นว่าสักวันคุณย่าอิสรีต้องได้ชิมอาหารฝีมือเธอ
อิธานอายุสิบเจ็ดปีกำลังเรียนมัธยมปลายโรงเรียนในจังหวัดที่เดียวกับสนานและหนุ่มสาวลูกชาวไร่อายุเท่ากัน ส่วนเกล้ากมลและวรดาอยู่ชั้นประถมในโรงเรียนอนุบาลประจำจังหวัดที่ห่างกันไปสองกิโลเมตรด้วยมีจำนวนเด็กในวัยเรียนมาก คุณย่าอิสรีจึงเหมารถสองแถวคันโตให้มารับส่งนักเรียนทุกวัน เด็กประถมเลิกเร็วแต่เด็กมัธยมมักมีการเข้าชมรม พวกเธอจึงได้นั่งแกร่วรอคนอายุมากกว่าบนรถสองแถวอยู่บ่อย ๆสมาชิกในรุ่นอายุเจ็ดขวบของไร่เฉพาะเพศหญิงมีเพียงเกล้ากมลกับวรดา ส่วนคนอยู่มาก่อนดีใจมากที่มีเพื่อนเล่นเพิ่มมาอีกคน“พี่หนานพาแต่ฉันไปตกปลาหรือขึ้นป่าไปวางกับดักกระต่าย”วรดาระบายความอัดอั้นตันใจแก้มป่อง สนานใจดีกับน้องสาว แต่อย่างไรเสียเขาก็เป็นผู้ชาย ไม่อาจเข้าถึงจิตใจสาวน้อยได้ ครั้นจะชวนเล่นทำกับข้าวหรือเล่นพ่อแม่ลูกเขาก็ไม่ยอม บอกว่าเด็กไป“ตกปลาเหรอ ฟังดูน่าสนุก”เกล้ากมลคิดถึงปลาดุกย่างเสียบไม้ ผิวชโลมเครื่องเทศกรอบหอม ๆ ควันฉุย ซึ่งนานทียายเกดจะซื้อให้กิน“ฉันไม่ชอบเวลาปลามันดิ้นกระแด่ว ๆ น่าสงสาร” คนเล่าคิ้วตก “เกล้านิสัยท่าทางจะไปได้ดีคุณอิธกับพี่หนานนะ”“กับพี่หนานน่ะเฉย ๆ แต่กับคุณอิธเขาไม่ชอบฉัน”อิธานมักม
“อ้าว...เกล้า”กายเล็กสะดุ้งเฮือกเมื่อยายพลวงทัก เธอเสมองพื้นไม่กล้าสบตา“ไปรออยู่ที่โต๊ะไป บอกคุณท่านด้วยว่าอาหารเสร็จแล้ว เดี๋ยวจะเอาไปเสิร์ฟ”เธอพยักหน้าแรงแบบคอแทบหัก วิ่งตื๋อไปที่โต๊ะอาหาร คุณย่าอิสรีนั่งดื่มกาแฟอยู่ ท่านยิ้มให้เธอที่ไปนั่งเก้าอี้ตัวใกล้ ๆอิธานเป็นคนสุดท้ายที่ลงมา เขาบ่นว่าเครื่องปรับอากาศห้องเขาอาจจะเสียเพราะมันไม่เย็นเลยวันนั้นตลอดทั้งวันเกล้ากมลไม่รับรู้อะไร ได้แต่นับรอเวลาให้เลิกเรียนโดยเร็ว เพื่อหวังจะไปซื้อเค้ก โชคเข้าข้างเธอเพราะวันนี้วรดาหยุดเรียนเนื่องจากเป็นตาแดงเกล้ากมลบอกเด็กผู้ชายที่นั่งข้างกันว่าจะไปเข้าห้องน้ำ แล้วเธอรีบไปยังสหกรณ์ ตู้เค้กปิดไฟแล้ว โลกมืดดับพร้อมแสงไฟ ใจสาวน้อยหล่นวูบ“เอาอะไรจ๊ะหนู” คนขายคนเดิมชะโงกหน้าทักเธอจากบนตู้“เค้ก”ไม่มีเหลือแม้สักชิ้น บนชั้นวางขนมว่างเปล่า“เหลือชิ้นสุดท้ายพอดีเลย หน้ามันเละไปหน่อย ขายให้แค่ยี่สิบบาทจ้ะ”คนขายหันหลังไปหยิบถาดสี่เหลี่ยมที่มีขนมเค้กตกแต่งเป็นรูปแมลงเต่าทอง แต่เจลลี่สีแดงถูกครีมขาวเปื้อนจนเละ“เอาไหม”สาวน้อยพยักหน้ารัว ๆ จนน่ากลัวคอจะโยก พนักงานตักเค้กใส่กล่องกระดาษที่มีพลาสติกใสด้านบน
เด็กหญิงอ้อยอิ่งอยู่บนรถสองแถวนาน พยายามเดินให้ช้าที่สุด อิธานเลิกสนใจเธอแล้ว เพราะยายพลวงที่รออยู่หน้าประตูบ้านบอกว่า วันนี้คุณย่าอิสรีลงครัวเอง ท่านตำน้ำพริกปลาทูของโปรดหลาน เด็กหนุ่มจึงรีบไปอาบน้ำเพื่อเตรียมมากินข้าวเย็นเกล้ากมลยังไม่กล้าเข้าบ้าน ซึ่งตอนนี้เธอรู้สึกว่ามันเหมือนเป็นยักษ์ตัวใหญ่ รอตะปบเด็กที่ทำความผิดอย่างเธอ กระเป๋านักเรียนที่ถืออยู่รู้สึกหนักอึ้ง ด้วยไม่รู้จากน้ำหนักเค้กหรือบาปในจิตใจอิธานต้องรู้แล้วแน่ ๆ ว่าเธอแอบเอาเงินในครัวมาซื้อเค้ก แถมเขาไม่ชอบเธอ คงไม่พลาดที่จะเล่าให้คุณย่าฟัง แล้วเธอจะโดนทำโทษเกล้ากมลตัวสั่นเมื่อคิดว่าคุณย่าอิสรีต้องเรียกยายเกดมา ปรกติยายรักเธอ แต่เวลาแกลงโทษจะตีด้วยไม้ขัดหม้อข้าว มันทั้งเจ็บทั้งทิ้งรอยใหญ่บนขา เธอเคยเจอมาแล้วตอนแอบไปเที่ยวงานวัดกับครอบครัวเพื่อนบ้านเธอไม่อยากโดนตี แต่จะทำอย่างไรดีล่ะ ในเมื่อหลักฐานก็ทนโท่อยู่ในกระเป๋านักเรียน...หลักฐาน ทันใดนั้นสมองเด็กอายุเจ็ดขวบก็สว่างวาบ ถ้าไม่มีหลักฐานก็จะไม่มีใครรู้ว่าเธอทำผิดตากลมเหลียวซ้ายแลขวา เวลานี้ตะวันโพล้เพล้ คนงานไปกินข้าวกันที่โรงอาหาร มีเหลือคอยรับใช้ในบ้านใหญ่ไม่กี่คน
อิธานกำลังขะมักเขม้นกับการอ่านหนังสือวิชาคณิตศาสตร์ ด้วยไม่ได้ชอบวิชานี้นัก แต่พรุ่งนี้มีเรียน หนุ่มสิบเจ็ดจำต้องอ่านผ่าน ๆ เผื่ออาจารย์จะถามในโปรแกรมแช็ตบนคอมพิวเตอร์ เพื่อนทักมาชวนไปดูเด็กชมรมนาฏศิลป์ซ้อมรำ นัยว่ามีเด็กคนหนึ่งที่เพื่อนแอบเล็งอยู่ หากมีคนหล่อ ๆ อย่างเขาไปด้วย สาว ๆ ในชมรมจะได้ไม่ไล่ตะเพิดออกมาอิธานตั้งใจจะชวนสนานไปด้วย อาจเพราะมีน้องสาวสนานจึงเข้ากับผู้หญิงได้ดี เป็นมิตรกับทุกคน จนบางครั้งเขาก็คิดว่าเพื่อนกึ่งคนงานสนิทบ้าหรือเปล่า ทำไมชอบยิ้มและทำดีกับทุกคนนึกถึงสนานแล้วคิดขึ้นได้ ยายพลวงให้เพื่อนเอาองุ่นจากในสวนมาแช่ไว้ในตู้เย็นถุงใหญ่ มื้อเย็นคุณย่าอิสรีกินไปนิดเดียว เกล้ากมลก็กินลูกสองลูก อ่านหนังสือใช้พื้นที่สมองเยอะเขาจึงหิว เลยออกจากห้องตัวเองลงครัวหวังไปเปิดตู้เย็นขณะกำลังจะแง้มประตู ตาก็เห็นร่างหนึ่งผ่านห้องตนไป ทีแรกคิดว่าผี แต่พอปรับสายตาให้ค่อยชินกับความมืดจึงได้เห็นว่าเป็นเกล้ากมล เธอทำลับ ๆ ล่อ ๆ หน้าประตูบ้านร่างสูงของหนุ่มสิบเจ็ดค่อยย่องตามไป จนเห็นเธอนั่งลงข้างพุ่มไม้ ยื่นมือไปควานหาอะไรสักอย่าง ก่อนผงะล้มก้นจ้ำเบ้า“โอ๊ย!”มือเกล้ากมลไปโดนอะไรสั
“ไม่ใช่งูเขียว งูสีอะไรก็ไม่รู้ มันมืด คุณอิธเห็นเหรอ”มือที่ลูบอยู่ชะงัก เกล้ากมลช้อนตาบวมแดงมองเขา“จะงูอะไรก็ช่าง เดี๋ยวหมอรักษาได้เองแหละ”นี่คือข้อแตกต่างระหว่างวรดากับเกล้ากมล น้องสาวเพื่อนนุ่มนิ่ม เชื่อพี่ชายทุกอย่าง แต่เกล้ากมลเต็มไปด้วยคำถาม แสดงความเป็นคนไม่ยอมคน“อย่าหลับล่ะ แล้วก็เลิกร้องไห้ด้วย”รถแล่นออกจากอาณาเขตไร่แล้ว ตาไสวขับบนทางหลวงสายเปลี่ยวอย่างรวดเร็ว โรงพยาบาลห่างออกไปประมาณสิบกิโลเมตร คุยกันแป๊บเดียวก็ถึงเมื่อรถจอดหน้าห้องฉุกเฉิน อิธานอุ้มร่างน้อยออกจากรถ ระหว่างนั่งรถเข็นพยาบาลก็ซักถามอาการ เขาเป็นคนตอบแทนทั้งหมด เพราะเกล้ากมลทั้งตื่นกลัวทั้งร้องไห้ เธอจับมือเขาไว้แน่นตลอดเวลา“คุณอิธอย่าทิ้งเกล้านะคะ”ณ สถานที่แห่งนี้ มีเพียงเขาคนเดียวที่เธอพึ่งได้ เขาคนเดียวที่เธอจะเชื่อใจ“ฉันไม่ทิ้งเธอหรอก...เกล้า”เพราะด้วยสงสารหรืออะไรก็ไม่รู้ ทำให้หนุ่มน้อยรับปากด้วยสายตาที่มุ่งมั่น แพทย์ให้ฉีดเซรุ่ม แล้วนอนดูอาการสักคืน เขาบอกให้ตาไสวโทรไปบอกคุณย่าอิสรี“เดี๋ยวผมไปซื้อเสื้อในเซเว่นให้นะครับ”ตอนนั้นเองอิธานถึงเพิ่งรู้ตัวว่าเขาเปลือยท่อนบนอยู่ กว่าจะจัดการพาเกล้ากมลเข
ไร่สมบูรณ์ดีอยู่ในความสงบสุข กระทั่งสองปีต่อมาอิธานและสนานสอบติดมหาวิทยาลัยคณะเกษตรศาสตร์ เกล้ากมลกับวรดาอายุเก้าขวบ สองสาวน้อยรู้สึกใจหายกับคนกำลังจะจากไปเรียนไกล“แล้วพี่จะโทรหาเป็ดบ่อย ๆ นะ”สนานให้คำมั่นกับน้องสาวยามพากันไปริมลำธารชายป่าเพื่อตกปลา“ไม่เชื่อหรอก แม่บอกเดี๋ยวพี่หนานก็มีแฟน” น้องสะบัดหน้างอน คนเป็นพี่ยิ้มกว้าง“พี่ยังเอาตัวเองไม่รอด ไม่มีปัญญาเลี้ยงใครหรอก คิดดูสิขนาดค่าเรียนยังต้องอาศัยคุณท่านช่วยเหลือเลย”โชคดีที่เขาชอบทางการเกษตรอยู่แล้ว จึงได้ไปเรียนกับอิธาน“ถ้าพี่มีใครจะเอามาให้แม่กับเป็ดสแกนกรรมก่อนเลยจ้ะ” ว่าแล้วก็หัวเราะ วรดามองเขาตาขุ่นที่เห็นความห่วงใยของเธอเป็นเรื่องสนุก“แล้วคุณอิธล่ะ จะโทรมาหาคุณย่ากับเกล้าไหม”มือที่กำลังสาวเบ็ดอยู่ชะงักไปนิด“ถ้ามีธุระสำคัญก็จะโทร” อิธานเล่นลิ้น รู้ว่าเกล้ากมลกำลังจะเซ้าซี้เหมือนเคย“แสดงว่าจะไม่โทรล่ะสิ” เธอรู้ความที่จะค้อนแบบแง่งอนเป็นแล้ว“บอกแล้วถ้ามีธุระสำคัญก็จะโทร ยังไงเลขาหน้าห้องคุณย่าอย่างเธอต้องได้คุยกับฉันแน่” หนุ่มย่างสิบเก้าทำเสียงฮึในลำคอ เพราะรู้ว่าตอนนี้สาวน้อยคนนี้ทำตัวเป็นหูเป็นตาแทนผู้เป็นย่า เธอ
“งั้นซันก็ขี่ม้าเก่งดิวะ” หนึ่งในบรรดาเพื่อนเตะหมูเข้าปากหมา ยิ่งทำให้กรวีได้อวด“นิดหน่อยว่ะ พอได้รางวัลมาบ้าง”อกยิ่งยืด จมูกยิ่งเชิด แสดงความเหนือชั้นให้ได้เห็นกันชัด ๆ“อิธก็ขี่ม้าได้ใช่ปะ” คนเดิมตั้งคำถามกับหลานเจ้าของไร่“ใช่ ฉันขี่ต้อนวัวบ้างเป็นบางครั้ง”“งั้นซันลองขี่ม้าของอิธสิ เราอยากดูนักขี่ม้าได้รางวัลฝึกม้าธรรมดา อยากเห็นว่าจะเป็นยังไง”สาวที่นั่งข้างชนันธรรีบเสนอ ปรากฏแววตระหนกในดวงตากรวีเพียงแวบ แล้วเขาก็เรียกความมั่นใจกลับมาได้“ฉันไม่มีปัญหา ทางนายล่ะอิธ”“ม้าไร่ฉันเป็นม้าบ้าน ๆ ไม่มีหรอกนะพวกอานหรือบังเหียนดี ๆ”อิธานไม่ได้ขี่พวกมันมาเป็นปี ไม่รู้จะผิดกลิ่นหรือเปล่า แต่เท่าที่ไปหาม้าเมื่อวาน พวกมันก็เล่นกับเขาดี“งั้นไม่ต้องฝึกหรอกม้าน่ะ ขี่แข่งกันไปเลย”สาวนั่งข้างนางใจดวงใจกรวีรีบเสนอ...ชักอยากจะเห็นศึกชิงนางกลางไร่“เออ ก็ดีเนอะ แข่งกันให้จบ ๆ มา! ใครจะเดิมพันข้างใคร”วงอาหารปิกนิกกลายเป็นวงพนันขันต่อ อิธานกับสนานสบตากันอย่างรู้ใจ หากจะให้ศึกครั้งนี้สงบลงมีแต่จะต้องแข่งขันกันเท่านั้น“ให้เวลาเตรียมตัวสักวันทันไหมซัน แล้วค่อยแข่ง” เพื่อนอีกคนที่รับเป็นโต้โผใหญ่รีบ
อิธานเป็นผู้คว้าผ้าแดงมาอยู่ในมือ มีทั้งเสียงสบถทั้งเสียงยินดีดังทั่วไปหมด อิธานหายใจหนัก ๆ อยู่บนหลังม้า ชนันธรและเกล้ากมลมองเขาตาเป็นประกายด้วยใจที่เต้นระรัว ขณะผู้พ่ายแพ้ลงจากม้าอย่างหัวเสีย“แ-งเอ๊ย!”“อย่าโมโหไปเลยน่า แค่แข่งกันขำ ๆ”โต้โผใหญ่มาแก้สถานการณ์เมื่อเห็นว่าคนแพ้ชักจะไม่ตลกด้วย“ถ้าฉันอยากทำฟาร์มม้าจริง ๆ จัง ๆ จะให้นายช่วย”อิธานลงจากม้าเช่นกัน เขายื่นมือให้อีกฝ่ายจับ กรวีเม้มปากปิดความไม่พอใจไม่มิด แต่ก็ยอมจับมือแต่โดยดี เรียกเสียงปรบมือได้จากคนดู“ทุกคน ฉันทำตะโก้เป็นของหวานมากินกัน” ชนันธรตะโกน“ไหนว่าจะทำให้คนชนะกินไง”อีกหลายคนขมวดคิ้วกังขา“กินด้วยกันแหละดี ฉันทำไว้ตั้งเยอะ ไม่ต้องไปสนหรอกว่าใครจะแพ้หรือชนะ”ชนันธรโปรยยิ้มสวย ก่อนเพื่อนจะมาเดินจับแขนให้ไปด้วยกัน“คุณอิธขี่ม้าเก่ง สอนเกล้าด้วยสิคะ”เกล้ากมลมุดเชือกฟางที่ล้อมอยู่เข้ามาหาเขา ใบหน้ายิ้มแป้น“ให้ตาไสวสอนดีกว่า ฉันก็เรียนมาจากแกนั่นแหละ”“แต่เกล้ากลัวคุณย่าไม่ให้เรียน วันก่อนเกล้าชงโอวัลตินแล้วร้องเพลงไป ยังโดนดุ กลัวเกล้าจะมีผัวแก่”คนฟังถึงกับหลุดขำพรืด“ใครจะมาเอาเธอทำเมียฮึ ยัยเด็กแก่แดด นมมีหรือย