“พลวงไปจัดห้องข้างบนให้หนูเกล้าที เอาห้องว่างปีกขวาที่ติดกับห้องฉันนะ” คุณย่าอิสรีสั่งให้ยายพลวงจัดห้องชั้นสองให้เกล้ากมล “จะได้เรียกใช้สะดวก ๆ กลางคืนก็มานอนเฝ้าหน้าเตียงฉัน”
เด็กหญิงจึงอยู่ในฐานะเด็กรับใช้ของเจ้าของไร่ นอกจากนั้นเธอยังมีโอกาสได้กินข้าวร่วมโต๊ะกับอิธานอีกด้วย
“ไหน ๆ รับปากยายเกดมาแล้วว่าจะเลี้ยงหลานให้ ต้องเลี้ยงให้ดีที่สุด”
คุณย่าอิสรีเอ่ยอย่างเอ็นดู ชอบแววตาฉลาด ไม่กลัวคน นึกชอบใจที่ยายเกดเลี้ยงหลานมาได้ดี ด้วยท่านมีมดลูกที่ไม่แข็งแรง ตั้งครรภ์กี่ครั้งก็แท้งหมด จนมาถึงคราวพ่ออิธาน สามีต้องตระเวนไปบนหลวงพ่อดัง ๆ ลูกชายจึงรอดมาได้ แต่ก็เคราะห์กรรมยังไม่หมด จู่ ๆ เขาก็เกิดอุบัติเครื่องบินตกที่อังกฤษ
คุณปู่สมบูรณ์จึงไปพาหลานกลับมาเลี้ยง ไม่ทันไรคุณปู่ก็เสียไปอีกคน คุณย่าที่ไม่เคยทำงานไร่เลยต้องมารับช่วงต่อ ดีที่ยังมีคนงานเก่าแก่คอยช่วยเหลือ ทั้งบริหารงานในไร่และเลี้ยงดูอิธานไปด้วย
หลานชายรักย่าก็จริง แต่ออกจะเป็นคนแข็ง ๆ ชอบอยู่ในไร่ มากกว่าจะอยู่ในบ้าน ทำให้ท่านเหงาบ้างเป็นบางที ได้เกล้ากมลมาก็ดีเหมือนกันจะได้มีเพื่อน
เกล้ากมลตกใจกับห้องนอนใหม่ มีเตียงหลังใหญ่ ผ้าปูที่นอนกับหมอนก็ขาวสะอาด โต๊ะเครื่องแป้งและตู้เสื้อผ้าก็เป็นของใหม่หรือผ่านการใช้งานมาน้อยมาก ไม่เต็มไปด้วยรอยขีดข่วนเหมือนที่บ้านยาย
“นี่เป็นห้องนอนหนูจริง ๆ เหรอจ๊ะยายพลวง” ตาโตกวาดไปทั่วห้อง ปากห่อเป็นรูปตัวโต
“ใช่ นอนห้องนี้แหละ วันนี้เดี๋ยวจะให้ยืมเสื้อผ้าเป็ดใส่ก่อน พรุ่งนี้ยายเกดจะเก็บเสื้อผ้ามาให้”
นางเปิดดูตู้ว่ากลอนยังใช้ได้หรือไม่ ห้องนี้เป็นหนึ่งในห้องรับรองแขกหลาย ๆ ห้องในบ้านนี้
“เป็ดเป็นใครจ๊ะ”
“ลูกข้าเอง มันเจ็ดขวบแล้ว อายุน่าจะพอ ๆ กับเอ็งนั่นแหละ”
พูดไม่ทันขาดคำประตูห้องก็มีเสียงเคาะ หนุ่มน้อยหน้าคมผมเกรียนเยี่ยมหน้าเข้ามา
“ฉันเอาเสื้อผ้ามาให้จ้ะแม่”
“ข้าบอกให้เป็ดเอามาให้ไหงเป็นเอ็งเอามาล่ะหนาน”
“เป็ดก็มาจ้ะ”
เด็กหญิงตัวเล็กผมถักยาวเป็นเปียสองข้างอีกคน ดันร่างหนุ่มน้อยออก
“ฉันกลัวเป็ดมาทำอะไรซุ่มซ่ามในบ้านนี้จ้ะ เลยตามมาด้วย” เขาแจงยิ้ม ๆ ขณะน้องสาวหน้าแดงแก้มเป็นสีชมพู
“งั้นก็รู้จักกันไว้ นี่สนานลูกชายข้า แล้วก็นี่ เป็ดลูกสาว”
ผู้มาใหม่กระพุ่มมือไหว้คนอายุมากกว่า
“นี่เกล้า จะมาช่วยรับใช้คุณท่าน”
เด็กหญิงที่มีชื่อเล่นว่าเป็ด แล้วเธอมารู้ทีหลังว่าชื่อจริงวรดา ฉีกยิ้มให้จนตาหยี ด้วยดีใจที่จะมีเพื่อนรุ่นเดียวกัน
“เสร็จธุระแล้ว ฉันไปล่ะนะแม่ นัดกับคุณอิธว่าจะไปดูม้าตกลูก”
“อย่าพากันเถลไถลล่ะ พาคุณอิธกลับมาอย่าค่ำนัก คุณท่านจะเป็นห่วง”
เธอจึงได้รู้อีกอย่างว่าสนานเป็นคนสนิทของอิธาน
“เกล้ารีบไปอาบน้ำ จะได้ไปดูคุณท่าน ข้าจะได้กลับเรือน”
ยายพลวงบุ้ยปากไปทางห้องน้ำ เธอรีบเอาเสื้อใหม่เข้าไปด้วย ภายในห้องน้ำก็ทำให้เด็กน้อยตื่นตาตื่นใจ เพราะทั้งสะอาด มีอ่างอาบน้ำเหมือนในละคร เกล้ากมลอาบไม่เป็น...แต่คิดไว้ว่าวันหลังจะหาทางนอนแช่น้ำให้ชุ่มปอด เธอหันเหความสนใจไปที่ห้องอาบฝักบัวที่มีกระจกกั้น
ประมาณยี่สิบนาทียายพลวงก็พาเธอมาที่ห้องนั่งเล่น คุณย่าอิสรีกำลังดูละครโทรทัศน์ ยายพลวงกับวรดาจึงได้โอกาสลา ปล่อยให้เธออยู่กับท่านตามลำพัง
เกล้ากมลนั่งข้างโซฟาท่านบนพรมผืนหนา แรก ๆ ก็สบายดี หลัง ๆ ชักเมื่อย จึงขยับตัวยุกยิกตามประสา
“เบื่อเหรอ” เจ้าบ้านทอดสายตาปราณี
“เปล่าค่ะ หนูแค่เมื่อย”
“งั้นก็ขึ้นมานั่งบนนี้” มือเหี่ยวย่นตบไปที่พื้นโซฟาข้าง ๆกัน
“หนูไม่กล้าหรอกค่ะ หนูมาเป็นคนรับใช้คุณท่าน ในละครคนรับใช้ต้องนั่งต่ำกว่าเจ้านาย” เด็กหญิงอธิบายตามละครที่เคยดู คุณย่าอิสรีหัวเราะ
“ไม่ได้รับเกล้ามาเป็นคนรับใช้ ฉันจะมาให้อยู่เป็นเพื่อน”
“แล้วคุณท่านไม่มีเพื่อนเลยเหรอคะ” ตาซื่อใสแจ๋วที่ส่งมายิ่งเพิ่มความน่าเอ็นดู
“คนเราน่ะนะ พออายุมากขึ้น แข้งขาก็ไม่ดี เพื่อนที่จะมาเยี่ยมกันก็น้อยลง”
“คุณท่านนั่งรถที่มีคนขับไปก็ได้นี่คะ”
ไร่สมบูรณ์ดีออกจะกว้าง คงมีรถหลายคัน
“ฉันแก่แล้ว ไม่อยากนั่งรถไปไหนทั้งนั้นแหละ มาสิ...ขึ้นมานั่งด้วยกัน”
เธอมองคุณย่าอิสรีสลับกับโซฟา เมื่อเห็นอีกฝ่ายยิ้มด้วยไมตรี ร่างน้อยจึงลุกขึ้นไปนั่งข้าง
“ปรกติตอนกลางคืนอยู่กับยายเกดทำอะไรบ้าง”
ท่านชวนคุยระหว่างละครตัดเข้าโฆษณา เกล้ากมลเล่ากิจวัตรประจำวันของตัวเองจ้อย ๆ พร้อมเล่าตอนต่อไปของละครได้ด้วยเพราะเธอแอบอ่านจากหนังสือพิมพ์ในห้องสมุดโรงเรียนมา
“ต่อไปเรียกแทนตัวเองว่า ‘เกล้า’ เถอะ แล้วเรียกฉันว่าคุณย่า”
คุณย่าอิสรีเคยฝันอยากได้ลูกสาว แต่ด้วยสภาพร่างกายไม่แข็งแรงจึงมีลูกคนเดียว แถมหลานหนึ่งหน่อก็เป็นผู้ชายอีก การได้รับเลี้ยงเกล้ากมลนางจึงคิดเลี้ยงอย่างลูกอย่างหลาน เด็กคนนี้แววฉลาด ต่อไปอาจเป็นกำลังสำคัญช่วยอิธานดูแลไร่
“ค่ะคุณย่า” หนูน้อยรับคำพร้อมน้ำตารื้นยายจ๋าคุณย่าอิสรีเป็นคนใจดีจริง ๆ เธอชักเข้าใจแล้วว่าทำไมยายเกดจึงอยากให้มาอยู่ที่นี่ละครเล่นไปได้ครึ่งเรื่องเกล้ากมลก็ปวดฉี่ คุณย่าอิสรีชี้ให้ไปเข้าห้องน้ำถัดจากครัวไปหน่อย หลังเสร็จธุระเธอกำลังจะออกมาจากห้องน้ำก็ได้ยินคนเปิดประตูหลังบ้าน เกล้ากมลใจตกไปอยู่ตาตุ่ม ใครกันจะมาบ้านเวลานี้และเข้าทางประตูหลังเธอแอบแง้มดูจากประตูห้องน้ำ เห็นหลังกว้างในความมืดตะคุ่ม ๆ ตายล่ะ มันกำลังไปทางห้องนั่งเล่น เธอเหลียวหาอาวุธต่อสู้กับคนร้าย ซึ่งไม่มีเลยจนตาเหลือบไปเห็นตะกร้าผลไม้ปลอมบนโต๊ะเตรียมอาหารในครัว มือเล็กจึงคว้าอาวุธจำเป็นวิ่งตามหลังไปติด ๆ แล้วขว้างผลไม้พลาสติก ทั้งมะม่วง แอปเปิล ส้ม มะละกอ โดยเฉพาะกล้วยที่โดนหัวคนร้ายดังปั๊ก“อย่าทำอะไรคุณย่านะไอ้โจรชั่ว!” เกล้ากมลตะโกนสุดเสียงพร้อมวิ่งไปจับขามันไว้“เฮ้ย! อะไรกันนี่ ยัยเด็กบ้า ปล่อยฉันนะ”มันพยายามสลัดคนเกาะให้หลุด แต่เธอยังมือเหนียวหนึบเป็นตุ๊กแก“คุณย่าหนีไปค่ะ” เธอรีบบอกผู้อาวุโสที่ตะลึงในเหตุการณ์อยู่“ปล่อยสิวะ” เจ้าโจรร้ายดันมือที่ศีรษะเล็ก หวังให้เธอไปไกล ๆ แต่เกล้ากมลร้ายกว่านั้น เธอกัดมือ
อิธานอายุสิบเจ็ดปีกำลังเรียนมัธยมปลายโรงเรียนในจังหวัดที่เดียวกับสนานและหนุ่มสาวลูกชาวไร่อายุเท่ากัน ส่วนเกล้ากมลและวรดาอยู่ชั้นประถมในโรงเรียนอนุบาลประจำจังหวัดที่ห่างกันไปสองกิโลเมตรด้วยมีจำนวนเด็กในวัยเรียนมาก คุณย่าอิสรีจึงเหมารถสองแถวคันโตให้มารับส่งนักเรียนทุกวัน เด็กประถมเลิกเร็วแต่เด็กมัธยมมักมีการเข้าชมรม พวกเธอจึงได้นั่งแกร่วรอคนอายุมากกว่าบนรถสองแถวอยู่บ่อย ๆสมาชิกในรุ่นอายุเจ็ดขวบของไร่เฉพาะเพศหญิงมีเพียงเกล้ากมลกับวรดา ส่วนคนอยู่มาก่อนดีใจมากที่มีเพื่อนเล่นเพิ่มมาอีกคน“พี่หนานพาแต่ฉันไปตกปลาหรือขึ้นป่าไปวางกับดักกระต่าย”วรดาระบายความอัดอั้นตันใจแก้มป่อง สนานใจดีกับน้องสาว แต่อย่างไรเสียเขาก็เป็นผู้ชาย ไม่อาจเข้าถึงจิตใจสาวน้อยได้ ครั้นจะชวนเล่นทำกับข้าวหรือเล่นพ่อแม่ลูกเขาก็ไม่ยอม บอกว่าเด็กไป“ตกปลาเหรอ ฟังดูน่าสนุก”เกล้ากมลคิดถึงปลาดุกย่างเสียบไม้ ผิวชโลมเครื่องเทศกรอบหอม ๆ ควันฉุย ซึ่งนานทียายเกดจะซื้อให้กิน“ฉันไม่ชอบเวลาปลามันดิ้นกระแด่ว ๆ น่าสงสาร” คนเล่าคิ้วตก “เกล้านิสัยท่าทางจะไปได้ดีคุณอิธกับพี่หนานนะ”“กับพี่หนานน่ะเฉย ๆ แต่กับคุณอิธเขาไม่ชอบฉัน”อิธานมักม
“อ้าว...เกล้า”กายเล็กสะดุ้งเฮือกเมื่อยายพลวงทัก เธอเสมองพื้นไม่กล้าสบตา“ไปรออยู่ที่โต๊ะไป บอกคุณท่านด้วยว่าอาหารเสร็จแล้ว เดี๋ยวจะเอาไปเสิร์ฟ”เธอพยักหน้าแรงแบบคอแทบหัก วิ่งตื๋อไปที่โต๊ะอาหาร คุณย่าอิสรีนั่งดื่มกาแฟอยู่ ท่านยิ้มให้เธอที่ไปนั่งเก้าอี้ตัวใกล้ ๆอิธานเป็นคนสุดท้ายที่ลงมา เขาบ่นว่าเครื่องปรับอากาศห้องเขาอาจจะเสียเพราะมันไม่เย็นเลยวันนั้นตลอดทั้งวันเกล้ากมลไม่รับรู้อะไร ได้แต่นับรอเวลาให้เลิกเรียนโดยเร็ว เพื่อหวังจะไปซื้อเค้ก โชคเข้าข้างเธอเพราะวันนี้วรดาหยุดเรียนเนื่องจากเป็นตาแดงเกล้ากมลบอกเด็กผู้ชายที่นั่งข้างกันว่าจะไปเข้าห้องน้ำ แล้วเธอรีบไปยังสหกรณ์ ตู้เค้กปิดไฟแล้ว โลกมืดดับพร้อมแสงไฟ ใจสาวน้อยหล่นวูบ“เอาอะไรจ๊ะหนู” คนขายคนเดิมชะโงกหน้าทักเธอจากบนตู้“เค้ก”ไม่มีเหลือแม้สักชิ้น บนชั้นวางขนมว่างเปล่า“เหลือชิ้นสุดท้ายพอดีเลย หน้ามันเละไปหน่อย ขายให้แค่ยี่สิบบาทจ้ะ”คนขายหันหลังไปหยิบถาดสี่เหลี่ยมที่มีขนมเค้กตกแต่งเป็นรูปแมลงเต่าทอง แต่เจลลี่สีแดงถูกครีมขาวเปื้อนจนเละ“เอาไหม”สาวน้อยพยักหน้ารัว ๆ จนน่ากลัวคอจะโยก พนักงานตักเค้กใส่กล่องกระดาษที่มีพลาสติกใสด้านบน
เด็กหญิงอ้อยอิ่งอยู่บนรถสองแถวนาน พยายามเดินให้ช้าที่สุด อิธานเลิกสนใจเธอแล้ว เพราะยายพลวงที่รออยู่หน้าประตูบ้านบอกว่า วันนี้คุณย่าอิสรีลงครัวเอง ท่านตำน้ำพริกปลาทูของโปรดหลาน เด็กหนุ่มจึงรีบไปอาบน้ำเพื่อเตรียมมากินข้าวเย็นเกล้ากมลยังไม่กล้าเข้าบ้าน ซึ่งตอนนี้เธอรู้สึกว่ามันเหมือนเป็นยักษ์ตัวใหญ่ รอตะปบเด็กที่ทำความผิดอย่างเธอ กระเป๋านักเรียนที่ถืออยู่รู้สึกหนักอึ้ง ด้วยไม่รู้จากน้ำหนักเค้กหรือบาปในจิตใจอิธานต้องรู้แล้วแน่ ๆ ว่าเธอแอบเอาเงินในครัวมาซื้อเค้ก แถมเขาไม่ชอบเธอ คงไม่พลาดที่จะเล่าให้คุณย่าฟัง แล้วเธอจะโดนทำโทษเกล้ากมลตัวสั่นเมื่อคิดว่าคุณย่าอิสรีต้องเรียกยายเกดมา ปรกติยายรักเธอ แต่เวลาแกลงโทษจะตีด้วยไม้ขัดหม้อข้าว มันทั้งเจ็บทั้งทิ้งรอยใหญ่บนขา เธอเคยเจอมาแล้วตอนแอบไปเที่ยวงานวัดกับครอบครัวเพื่อนบ้านเธอไม่อยากโดนตี แต่จะทำอย่างไรดีล่ะ ในเมื่อหลักฐานก็ทนโท่อยู่ในกระเป๋านักเรียน...หลักฐาน ทันใดนั้นสมองเด็กอายุเจ็ดขวบก็สว่างวาบ ถ้าไม่มีหลักฐานก็จะไม่มีใครรู้ว่าเธอทำผิดตากลมเหลียวซ้ายแลขวา เวลานี้ตะวันโพล้เพล้ คนงานไปกินข้าวกันที่โรงอาหาร มีเหลือคอยรับใช้ในบ้านใหญ่ไม่กี่คน
อิธานกำลังขะมักเขม้นกับการอ่านหนังสือวิชาคณิตศาสตร์ ด้วยไม่ได้ชอบวิชานี้นัก แต่พรุ่งนี้มีเรียน หนุ่มสิบเจ็ดจำต้องอ่านผ่าน ๆ เผื่ออาจารย์จะถามในโปรแกรมแช็ตบนคอมพิวเตอร์ เพื่อนทักมาชวนไปดูเด็กชมรมนาฏศิลป์ซ้อมรำ นัยว่ามีเด็กคนหนึ่งที่เพื่อนแอบเล็งอยู่ หากมีคนหล่อ ๆ อย่างเขาไปด้วย สาว ๆ ในชมรมจะได้ไม่ไล่ตะเพิดออกมาอิธานตั้งใจจะชวนสนานไปด้วย อาจเพราะมีน้องสาวสนานจึงเข้ากับผู้หญิงได้ดี เป็นมิตรกับทุกคน จนบางครั้งเขาก็คิดว่าเพื่อนกึ่งคนงานสนิทบ้าหรือเปล่า ทำไมชอบยิ้มและทำดีกับทุกคนนึกถึงสนานแล้วคิดขึ้นได้ ยายพลวงให้เพื่อนเอาองุ่นจากในสวนมาแช่ไว้ในตู้เย็นถุงใหญ่ มื้อเย็นคุณย่าอิสรีกินไปนิดเดียว เกล้ากมลก็กินลูกสองลูก อ่านหนังสือใช้พื้นที่สมองเยอะเขาจึงหิว เลยออกจากห้องตัวเองลงครัวหวังไปเปิดตู้เย็นขณะกำลังจะแง้มประตู ตาก็เห็นร่างหนึ่งผ่านห้องตนไป ทีแรกคิดว่าผี แต่พอปรับสายตาให้ค่อยชินกับความมืดจึงได้เห็นว่าเป็นเกล้ากมล เธอทำลับ ๆ ล่อ ๆ หน้าประตูบ้านร่างสูงของหนุ่มสิบเจ็ดค่อยย่องตามไป จนเห็นเธอนั่งลงข้างพุ่มไม้ ยื่นมือไปควานหาอะไรสักอย่าง ก่อนผงะล้มก้นจ้ำเบ้า“โอ๊ย!”มือเกล้ากมลไปโดนอะไรสั
“ไม่ใช่งูเขียว งูสีอะไรก็ไม่รู้ มันมืด คุณอิธเห็นเหรอ”มือที่ลูบอยู่ชะงัก เกล้ากมลช้อนตาบวมแดงมองเขา“จะงูอะไรก็ช่าง เดี๋ยวหมอรักษาได้เองแหละ”นี่คือข้อแตกต่างระหว่างวรดากับเกล้ากมล น้องสาวเพื่อนนุ่มนิ่ม เชื่อพี่ชายทุกอย่าง แต่เกล้ากมลเต็มไปด้วยคำถาม แสดงความเป็นคนไม่ยอมคน“อย่าหลับล่ะ แล้วก็เลิกร้องไห้ด้วย”รถแล่นออกจากอาณาเขตไร่แล้ว ตาไสวขับบนทางหลวงสายเปลี่ยวอย่างรวดเร็ว โรงพยาบาลห่างออกไปประมาณสิบกิโลเมตร คุยกันแป๊บเดียวก็ถึงเมื่อรถจอดหน้าห้องฉุกเฉิน อิธานอุ้มร่างน้อยออกจากรถ ระหว่างนั่งรถเข็นพยาบาลก็ซักถามอาการ เขาเป็นคนตอบแทนทั้งหมด เพราะเกล้ากมลทั้งตื่นกลัวทั้งร้องไห้ เธอจับมือเขาไว้แน่นตลอดเวลา“คุณอิธอย่าทิ้งเกล้านะคะ”ณ สถานที่แห่งนี้ มีเพียงเขาคนเดียวที่เธอพึ่งได้ เขาคนเดียวที่เธอจะเชื่อใจ“ฉันไม่ทิ้งเธอหรอก...เกล้า”เพราะด้วยสงสารหรืออะไรก็ไม่รู้ ทำให้หนุ่มน้อยรับปากด้วยสายตาที่มุ่งมั่น แพทย์ให้ฉีดเซรุ่ม แล้วนอนดูอาการสักคืน เขาบอกให้ตาไสวโทรไปบอกคุณย่าอิสรี“เดี๋ยวผมไปซื้อเสื้อในเซเว่นให้นะครับ”ตอนนั้นเองอิธานถึงเพิ่งรู้ตัวว่าเขาเปลือยท่อนบนอยู่ กว่าจะจัดการพาเกล้ากมลเข
ไร่สมบูรณ์ดีอยู่ในความสงบสุข กระทั่งสองปีต่อมาอิธานและสนานสอบติดมหาวิทยาลัยคณะเกษตรศาสตร์ เกล้ากมลกับวรดาอายุเก้าขวบ สองสาวน้อยรู้สึกใจหายกับคนกำลังจะจากไปเรียนไกล“แล้วพี่จะโทรหาเป็ดบ่อย ๆ นะ”สนานให้คำมั่นกับน้องสาวยามพากันไปริมลำธารชายป่าเพื่อตกปลา“ไม่เชื่อหรอก แม่บอกเดี๋ยวพี่หนานก็มีแฟน” น้องสะบัดหน้างอน คนเป็นพี่ยิ้มกว้าง“พี่ยังเอาตัวเองไม่รอด ไม่มีปัญญาเลี้ยงใครหรอก คิดดูสิขนาดค่าเรียนยังต้องอาศัยคุณท่านช่วยเหลือเลย”โชคดีที่เขาชอบทางการเกษตรอยู่แล้ว จึงได้ไปเรียนกับอิธาน“ถ้าพี่มีใครจะเอามาให้แม่กับเป็ดสแกนกรรมก่อนเลยจ้ะ” ว่าแล้วก็หัวเราะ วรดามองเขาตาขุ่นที่เห็นความห่วงใยของเธอเป็นเรื่องสนุก“แล้วคุณอิธล่ะ จะโทรมาหาคุณย่ากับเกล้าไหม”มือที่กำลังสาวเบ็ดอยู่ชะงักไปนิด“ถ้ามีธุระสำคัญก็จะโทร” อิธานเล่นลิ้น รู้ว่าเกล้ากมลกำลังจะเซ้าซี้เหมือนเคย“แสดงว่าจะไม่โทรล่ะสิ” เธอรู้ความที่จะค้อนแบบแง่งอนเป็นแล้ว“บอกแล้วถ้ามีธุระสำคัญก็จะโทร ยังไงเลขาหน้าห้องคุณย่าอย่างเธอต้องได้คุยกับฉันแน่” หนุ่มย่างสิบเก้าทำเสียงฮึในลำคอ เพราะรู้ว่าตอนนี้สาวน้อยคนนี้ทำตัวเป็นหูเป็นตาแทนผู้เป็นย่า เธอ
“งั้นซันก็ขี่ม้าเก่งดิวะ” หนึ่งในบรรดาเพื่อนเตะหมูเข้าปากหมา ยิ่งทำให้กรวีได้อวด“นิดหน่อยว่ะ พอได้รางวัลมาบ้าง”อกยิ่งยืด จมูกยิ่งเชิด แสดงความเหนือชั้นให้ได้เห็นกันชัด ๆ“อิธก็ขี่ม้าได้ใช่ปะ” คนเดิมตั้งคำถามกับหลานเจ้าของไร่“ใช่ ฉันขี่ต้อนวัวบ้างเป็นบางครั้ง”“งั้นซันลองขี่ม้าของอิธสิ เราอยากดูนักขี่ม้าได้รางวัลฝึกม้าธรรมดา อยากเห็นว่าจะเป็นยังไง”สาวที่นั่งข้างชนันธรรีบเสนอ ปรากฏแววตระหนกในดวงตากรวีเพียงแวบ แล้วเขาก็เรียกความมั่นใจกลับมาได้“ฉันไม่มีปัญหา ทางนายล่ะอิธ”“ม้าไร่ฉันเป็นม้าบ้าน ๆ ไม่มีหรอกนะพวกอานหรือบังเหียนดี ๆ”อิธานไม่ได้ขี่พวกมันมาเป็นปี ไม่รู้จะผิดกลิ่นหรือเปล่า แต่เท่าที่ไปหาม้าเมื่อวาน พวกมันก็เล่นกับเขาดี“งั้นไม่ต้องฝึกหรอกม้าน่ะ ขี่แข่งกันไปเลย”สาวนั่งข้างนางใจดวงใจกรวีรีบเสนอ...ชักอยากจะเห็นศึกชิงนางกลางไร่“เออ ก็ดีเนอะ แข่งกันให้จบ ๆ มา! ใครจะเดิมพันข้างใคร”วงอาหารปิกนิกกลายเป็นวงพนันขันต่อ อิธานกับสนานสบตากันอย่างรู้ใจ หากจะให้ศึกครั้งนี้สงบลงมีแต่จะต้องแข่งขันกันเท่านั้น“ให้เวลาเตรียมตัวสักวันทันไหมซัน แล้วค่อยแข่ง” เพื่อนอีกคนที่รับเป็นโต้โผใหญ่รีบ