“งั้นซันก็ขี่ม้าเก่งดิวะ” หนึ่งในบรรดาเพื่อนเตะหมูเข้าปากหมา ยิ่งทำให้กรวีได้อวด“นิดหน่อยว่ะ พอได้รางวัลมาบ้าง”อกยิ่งยืด จมูกยิ่งเชิด แสดงความเหนือชั้นให้ได้เห็นกันชัด ๆ“อิธก็ขี่ม้าได้ใช่ปะ” คนเดิมตั้งคำถามกับหลานเจ้าของไร่“ใช่ ฉันขี่ต้อนวัวบ้างเป็นบางครั้ง”“งั้นซันลองขี่ม้าของอิธสิ เราอยากดูนักขี่ม้าได้รางวัลฝึกม้าธรรมดา อยากเห็นว่าจะเป็นยังไง”สาวที่นั่งข้างชนันธรรีบเสนอ ปรากฏแววตระหนกในดวงตากรวีเพียงแวบ แล้วเขาก็เรียกความมั่นใจกลับมาได้“ฉันไม่มีปัญหา ทางนายล่ะอิธ”“ม้าไร่ฉันเป็นม้าบ้าน ๆ ไม่มีหรอกนะพวกอานหรือบังเหียนดี ๆ”อิธานไม่ได้ขี่พวกมันมาเป็นปี ไม่รู้จะผิดกลิ่นหรือเปล่า แต่เท่าที่ไปหาม้าเมื่อวาน พวกมันก็เล่นกับเขาดี“งั้นไม่ต้องฝึกหรอกม้าน่ะ ขี่แข่งกันไปเลย”สาวนั่งข้างนางใจดวงใจกรวีรีบเสนอ...ชักอยากจะเห็นศึกชิงนางกลางไร่“เออ ก็ดีเนอะ แข่งกันให้จบ ๆ มา! ใครจะเดิมพันข้างใคร”วงอาหารปิกนิกกลายเป็นวงพนันขันต่อ อิธานกับสนานสบตากันอย่างรู้ใจ หากจะให้ศึกครั้งนี้สงบลงมีแต่จะต้องแข่งขันกันเท่านั้น“ให้เวลาเตรียมตัวสักวันทันไหมซัน แล้วค่อยแข่ง” เพื่อนอีกคนที่รับเป็นโต้โผใหญ่รีบ
อิธานเป็นผู้คว้าผ้าแดงมาอยู่ในมือ มีทั้งเสียงสบถทั้งเสียงยินดีดังทั่วไปหมด อิธานหายใจหนัก ๆ อยู่บนหลังม้า ชนันธรและเกล้ากมลมองเขาตาเป็นประกายด้วยใจที่เต้นระรัว ขณะผู้พ่ายแพ้ลงจากม้าอย่างหัวเสีย“แ-งเอ๊ย!”“อย่าโมโหไปเลยน่า แค่แข่งกันขำ ๆ”โต้โผใหญ่มาแก้สถานการณ์เมื่อเห็นว่าคนแพ้ชักจะไม่ตลกด้วย“ถ้าฉันอยากทำฟาร์มม้าจริง ๆ จัง ๆ จะให้นายช่วย”อิธานลงจากม้าเช่นกัน เขายื่นมือให้อีกฝ่ายจับ กรวีเม้มปากปิดความไม่พอใจไม่มิด แต่ก็ยอมจับมือแต่โดยดี เรียกเสียงปรบมือได้จากคนดู“ทุกคน ฉันทำตะโก้เป็นของหวานมากินกัน” ชนันธรตะโกน“ไหนว่าจะทำให้คนชนะกินไง”อีกหลายคนขมวดคิ้วกังขา“กินด้วยกันแหละดี ฉันทำไว้ตั้งเยอะ ไม่ต้องไปสนหรอกว่าใครจะแพ้หรือชนะ”ชนันธรโปรยยิ้มสวย ก่อนเพื่อนจะมาเดินจับแขนให้ไปด้วยกัน“คุณอิธขี่ม้าเก่ง สอนเกล้าด้วยสิคะ”เกล้ากมลมุดเชือกฟางที่ล้อมอยู่เข้ามาหาเขา ใบหน้ายิ้มแป้น“ให้ตาไสวสอนดีกว่า ฉันก็เรียนมาจากแกนั่นแหละ”“แต่เกล้ากลัวคุณย่าไม่ให้เรียน วันก่อนเกล้าชงโอวัลตินแล้วร้องเพลงไป ยังโดนดุ กลัวเกล้าจะมีผัวแก่”คนฟังถึงกับหลุดขำพรืด“ใครจะมาเอาเธอทำเมียฮึ ยัยเด็กแก่แดด นมมีหรือย
ก่อนที่เพื่อนอิธานจะแยกย้ายกันกลับบ้านหนึ่งวัน ชายหนุ่มได้พาเพื่อน ๆ ไปเที่ยวน้ำตกในวนอุทยานใกล้ไร่ เกล้ากมลกับวรดาเลยได้มีโอกาสติดสอยห้อยตามไปด้วยเหมือนเคยเนื่องจากน้ำตกแห่งนี้มีตาน้ำที่ไหลรินตลอดทั้งปี จึงมีน้ำเพียงพอในฤดูแล้งให้เล่นกัน ระดับน้ำสูงประมาณเอวผู้ใหญ่ แต่ก็มิดคอสำหรับเด็กเก้าขวบ“อย่าไปเล่นไหนไกลล่ะ อยู่ที่น้ำตื้น ๆ ไว้”อิธานสั่งสองสาวน้อยที่นั่งวักน้ำเล่นกันข้างโขดหิน แล้วเขาก็ไปโดดน้ำแข่งกับเพื่อน กรวีไม่ยอมลงน้ำ แต่ไปนั่งคุยกับกลุ่มชนันธรแทน“เล่นจับปลากันไหม”วรดาชี้ไปทางปลาตัวเล็ก ๆ กลุ่มหนึ่ง ที่ว่ายอยู่ท่ามกลางสายน้ำใส ๆ“เอาสิ”เธอและวรดาวิ่งไล่ต้อนฝูงปลาอย่างสนุกสนาน มันว่ายมาชนขาบ้าง หลบเลี้ยวไปทางก้อนหินบ้าง กระทั่งว่ายหนีไปอีกทาง เกล้ากมลจึงรีบลุยน้ำตามไป“เกล้าอย่าไปทางนั้น”ไม่ทันเสียแล้วเพราะเท้าเล็กพลาดเหยียบหิน ลื่นจมลงสู่ส่วนบริเวณน้ำลึก สาวน้อยรู้สึกตัวหนักไปหมด พยายามใช้เท้าตีน้ำ มือก็ตะกายขอความช่วยเหลือ หูได้ยินเสียงเพื่อนเรียกชื่อเธอดังลั่น ด้วยรู้สึกกำลังจะขาดอากาศหายใจ ทำให้เธอฮุบน้ำเข้าคออึกใหญ่สายน้ำยื้อยุดฉุดเกล้ากมลลงสู่เบื้องล่าง ตัวหนัก
“หนูลูกน้ำคนนั้น อิธชอบเขาเหรอ” หลานชายอึกอัก ยกมือเกาท้ายทอย“เขาน่ารักนะ”อิธานไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่ ออกจะหน้าตาดีด้วยซ้ำ การจะมีแฟนสักคนสองคนไม่ใช่เรื่องแปลก“ผมกับเขากำลังดู ๆ กันอยู่”“อย่าใจร้อนนักล่ะ ให้ค่อยเป็นค่อยไป เรายังเรียนอยู่ด้วยกันทั้งคู่” ท่านสอนด้วยใบหน้ายิ้ม ๆ“ครับ”คำตอบของเขาทำใจอีกคนที่เผลอมาได้ยินสั่น จนแทบทำแก้วโอวัลตินหล่นจากถาดเช้านั้นเกล้ากมลไม่กล้ามองหน้าอิธมากนัก สายหน่อยเธอไปหาวรดาที่เรือนคนงาน เพื่อนกำลังอ่านการ์ตูนซึ่งเป็นสมบัติตกทอดจากพี่ชายอยู่“ทำไมหน้าเศร้า ๆ” มือที่ถือหนังสือลดลงจากหน้า สบตาใสแจ๋วกับเธอ“คุณอิธกับพี่ลูกน้ำชอบกัน จะคบเป็นแฟน” เกล้ากมลดูละครบ่อย ไม่ยากที่จะปะติดปะต่อเรื่องราวได้ “ฉันอกหัก”คนฟังทำหน้าเหลอหลา เกิดมาไม่เคยเจอคนอกหักตัวเป็น ๆ เสียด้วย เคยเห็นแต่ในมิวสิควิดีโอ ที่ร้องไห้บ้าง เดินร้องเพลงเศร้าบ้าง“เกล้าโตเป็นผู้ใหญ่เร็วจัง รู้จักอกหักด้วย”เธอชม เพราะในวิดีโอที่เคยดูคนแสดงนั้นต่างสวยหล่อ แต่งตัวดี น่าหลงใหล“เป็ดคิดว่าฉันแก่แดดไปไหม”เกล้ากมลคิดว่าตัวเองแค่เก้าขวบ ไม่น่าจะมีความรู้สึกแบบนี้“ฉันไม่รู้สิ ไม่เคยได้ยินใคร
งานศพยายเกดเกิดขึ้นปลายเดือนมีนาคม อิธานเรียนจบมหาวิทยาลัยพอดี เขาจึงเป็นคนจัดการงานศพญาติให้เธออีกรอบ“อย่าทำหน้าหมาเหงาอย่างนั้นสิ”ชายหนุ่มทักตอนกำลังนั่งร่วมวงกันกินข้าวต้มงานศพ สมาชิกประกอบด้วย เกล้ากมล เขา สนานและวรดา“ทำหน้าทะเล้น ๆ ออดอ้อนคุณย่าเหมือนเดิมเถอะ”สองพี่น้องมองสบตากัน อิธานกำลังปลอบเกล้ากมล...ในแบบของเขา“ไม่มียายอยู่แล้ว เกล้าจะอยู่ยังไง”ไอร้อนควันฉุยจากชามต้มปะทะดวงตา จนเธอทำท่าจะร้องไห้อีกรอบ“ก็อยู่ที่นี่เหมือนเดิมแหละ อยู่ดูแลคุณย่า อย่าให้คนแก่อีกคนเสียใจไป”“คุณอิธไม่กลัวเกล้าจะฮุบไร่นี้เหรอคะ”เกล้ากมลโตพอจนได้ยินข่าวซุบซิบแล้วว่า...คุณย่าเลี้ยงเธอมาเพื่อเป็นเจ้าสาวของอิธาน แม้เขาจะมีแฟนอยู่แล้วก็ตาม“เธอตัวนี้แค่นี้มีปัญญาฮุบอะไรได้” เขาทำเสียงหึในลำคอ พลางตักข้าวต้มเข้าปาก “อยู่ที่นี่ ดูแลย่า ฉันกับหนานจะไปเรียนต่อที่ออสเตรเลียสักสองสามปี ถ้าเบื่องานบ้านก็ไปที่ออฟฟิศโน่น ไปช่วยงานเขา”“เกล้ายังเรียนหนังสืออยู่นะ” เธอค้าน ด้วยไม่ชอบคนออกสั่ง“ค่อย ๆ เรียนรู้งานไปสิ คุณย่าคงไม่อยากให้หลานสาวทำอะไรไม่เป็นหรอก”เกล้ากมลหน้างอ ดูเถิด...ในสถานการณ์แบบนี้อิธาน
ในปีที่อายุย่างเข้าสิบเก้า วรดาและเกล้ากมลสอบเข้าติดมหาวิทยาลัยในตัวจังหวัด ทั้งสองเลือกเรียนคณะบัญชี เมื่อคุณย่าอิสรีทราบเรื่องก็ดีใจเป็นอย่างมาก เล่าในวงอาหารเย็นไม่หยุดว่าจะจัดโต๊ะจีนมาฉลอง แต่เกล้ากมลทัดทานไว้ก่อน“ไม่เอาหรอกค่ะ เปลืองเงิน แค่กินข้าวด้วยกันเล็ก ๆ ในครอบครัวก็พอแล้ว”“หลานย่าเข้ามหาวิทยาลัยได้ทั้งที ไม่เปลืองหรอกใช่ไหมอิธ”“ครับ ถ้ากลัวเปลืองก็ฆ่าวัว ฆ่าไก่ในไร่เลี้ยงก็ได้” เขาแกล้งประชด เธอนึกทดเอาไว้ในใจกะจะเอาคืน“นาน ๆ ไร่ เราจะมีงานรื่นเริงบ้าง”ท่านทำเสียงเศร้า เล่นเอาคนได้ยินต้องคิดแผนสอง“เอาอย่างนี้ไหมคะ ทำขนมจีนเลี้ยงกัน ให้พระมาสวดทำบุญอัฐิธาตุประจำปีของทุกคน เกล้าจะทำของหวานเลี้ยง”“จะเหนื่อยไปไหมล่ะ”“ไม่เลยค่ะ เกล้าไหว ถือเป็นการเลี้ยงส่งก่อนเกล้าจะไปอยู่หอ”ผู้ใหญ่ตกลงกันแล้วว่าให้สองสาวไปเช่าหออยู่ด้วยกัน โดยจะให้อิธานกับสนานไปหาหอพักใกล้มหาวิทยาลัยให้...คิดแล้วก็ใจโหวง นี่เป็นครั้งแรกที่เธอต้องไปจากบ้านหลังนี้ แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ ก็ตาม“งั้นตกลงเอาตามนี้นะ”อิธานตัดบท กินข้าวต่อ แต่แล้วก็ต้องมาปวดหัวเมื่อสนานมาคุยในห้องทำงาน“เลือกหอพักที่มีแต่
เกล้ากมลซึ่งตอนนี้อายุยี่สิบปี กำลังมองผู้ชายตัวโต ๆ อายุสามสิบปีอกหัก กลางวันเขาไปทำงานก็จริง แต่พอค่ำกลับมาก็ยกเหล้ามาดื่มที่ริมระเบียงบ้านทุกวัน สิ่งที่เรียกว่าอาหารเย็นคือจำพวกกับแกล้มที่พร่องไปเพียงนิด ฝีมือการทำอาหารโดยยายพลวง“ย่าไม่รู้จะทำยังไงแล้วเกล้า บอกไปก็มีแต่นิ่ง เหมือนคุยกับกำแพง” คุณย่าอิสรีใบหน้าเศร้าหมอง ยายพลวงที่คอยพยุงก็มีสีหน้าคล้าย ๆ กัน“ปล่อยเนื้อปล่อยตัว ผมเผ้ารุงรัง มีหนวดเคราเหมือนมหาโจร” มารดาวรดาฟ้อง“แล้วเขามีติดต่อมาหรือเปล่าคะ พี่ลูกน้ำน่ะ”“โอ้ย! ไม่มีหรอก มีแต่ส่งของคืน กล่องใหญ่เชียว ได้ยินเสียงคุณอิธขว้างทิ้งเสียงดังลั่น”ชนันธรช่างร้ายกาจ ตัดบัวไม่ให้เหลือใยเลย มิน่าเล่า คนอกหักถึงได้อาการหนักขนาดนี้“เกล้าดูคุณอิธหน่อย ฉันจะพาคุณท่านไปพักผ่อน ไม่ไหว ๆ สงสารใจคนแก่”เกล้ากมลมองตามหลังผู้สูงอายุที่ขึ้นบันไดไป เธอต้องทำอะไรสักอย่าง!อิธานเกลียดเวลากลางคืน เพราะทั้งมืดและเหงา เกลียดแสงดาวระยิบระยับน่ารำคาญ เกลียดอากาศหนาว ที่แผ่ซ่านเข้ามาถึงกระดูกเขาชอบกลางวัน แดดจัดจ้า ที่ทำให้มีแรงออกไปทำงาน เพื่อให้ลืมเรื่องเจ็บใจ แต่ก็ลืมได้ไม่หมด จนต้องทำเขามา
เรื่องที่ยายพลวงเสนอมาไม่เคยอยู่ในความคิดของคุณย่าอิสรีเลย ท่านรักเกล้ากมลเสมือนลูกหลานแท้ ๆ ไม่ได้เลี้ยงเพื่อจุดประสงค์อื่นแอบแฝง“จะเป็นไปได้ยังไง สองคนนั้นเขาโตกันมาแบบพี่น้อง”ยายพลวงบึนปาก“ถ้าพี่น้องต้องแบบลูกอิฉันสิคะ ดูยังไงสองคนนั้นก็ไม่ได้สมัครสมานสามัคคีกันขนาดนั้น”“ก็เขาไม่ได้รักชอบพอกัน ฉันจะไปบังคับได้ยังไง”“คุณท่านตามใจคุณอิธแล้วดูผลลัพธ์สิคะ ไปเลือกคนที่ทำให้เจ็บใจอยู่นั่นไง”ท่านอึ้งเถียงไม่ออก“คุณอิธหล่อ มีเสน่ห์ ทำให้เกล้าหลงรักได้ไม่ยากหรอกค่ะ ขึ้นอยู่กับเจ้าตัวว่าจะยอมทำไหม”ยายพลวงอธิบายอย่างคนรู้นิสัยจริงของหลานเจ้านาย เพราะเห็นมาแต่เล็กแต่น้อย“งั้นก็รอดูกันต่อไปอีกสักพักเถอะ”คืนนั้นคุณย่าอิสรีกลับไปคิดเรื่องหลานชายกับเกล้ากมล ไตร่ตรองข้อดีข้อเสียแล้วพบว่า เกล้ากมลเป็นตัวเลือกที่ไม่เลวนัก หากจะหาใครสักคนมาเป็นคู่ของอิธาน แม้อายุห่างกันเป็นสิบปี แต่เธอก็เพียบพร้อมทั้งกิริยามารยาท ความรู้ งานบ้านงานเรือน เพราะท่านฝึกมาเองกับมือเหลือแต่อิธานนั่นแหละจะยอมตกลงไหม ท่านไม่อยากให้เขาไปได้ผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้มาเป็นเมีย เพียงเพราะอารมณ์เปลี่ยวเหงาจากการอกหัก ก่อนนอ