เรื่องที่ยายพลวงเสนอมาไม่เคยอยู่ในความคิดของคุณย่าอิสรีเลย ท่านรักเกล้ากมลเสมือนลูกหลานแท้ ๆ ไม่ได้เลี้ยงเพื่อจุดประสงค์อื่นแอบแฝง“จะเป็นไปได้ยังไง สองคนนั้นเขาโตกันมาแบบพี่น้อง”ยายพลวงบึนปาก“ถ้าพี่น้องต้องแบบลูกอิฉันสิคะ ดูยังไงสองคนนั้นก็ไม่ได้สมัครสมานสามัคคีกันขนาดนั้น”“ก็เขาไม่ได้รักชอบพอกัน ฉันจะไปบังคับได้ยังไง”“คุณท่านตามใจคุณอิธแล้วดูผลลัพธ์สิคะ ไปเลือกคนที่ทำให้เจ็บใจอยู่นั่นไง”ท่านอึ้งเถียงไม่ออก“คุณอิธหล่อ มีเสน่ห์ ทำให้เกล้าหลงรักได้ไม่ยากหรอกค่ะ ขึ้นอยู่กับเจ้าตัวว่าจะยอมทำไหม”ยายพลวงอธิบายอย่างคนรู้นิสัยจริงของหลานเจ้านาย เพราะเห็นมาแต่เล็กแต่น้อย“งั้นก็รอดูกันต่อไปอีกสักพักเถอะ”คืนนั้นคุณย่าอิสรีกลับไปคิดเรื่องหลานชายกับเกล้ากมล ไตร่ตรองข้อดีข้อเสียแล้วพบว่า เกล้ากมลเป็นตัวเลือกที่ไม่เลวนัก หากจะหาใครสักคนมาเป็นคู่ของอิธาน แม้อายุห่างกันเป็นสิบปี แต่เธอก็เพียบพร้อมทั้งกิริยามารยาท ความรู้ งานบ้านงานเรือน เพราะท่านฝึกมาเองกับมือเหลือแต่อิธานนั่นแหละจะยอมตกลงไหม ท่านไม่อยากให้เขาไปได้ผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้มาเป็นเมีย เพียงเพราะอารมณ์เปลี่ยวเหงาจากการอกหัก ก่อนนอ
อาการอิธานดีวันดีคืน เขาแฮงค์เพราะเหล้าไปหนึ่งคืนกับหนึ่งวันที่พอทรงตัวได้ จากนั้นก็ไม่ดื่มเหล้าอีกเลย แต่เกล้ากมลยังไม่ไว้ใจ จึงยังไม่เอาเหล้าสมบัติคุณปู่ออกมาจากห้องเก็บของยามเย็นเมื่อไม่ได้ดื่ม กลับมาจากทำงานชายหนุ่มมักจะมานั่งทอดขาเหยียดยาวดูพระอาทิตย์ตกดินที่ระเบียง กระทั่งวันหนึ่งหญิงสาวก็มานั่งข้าง ๆ“ออกไปเลยนะ ฉันไม่กินเหล้าแล้ว ขอเวลาอยู่คนเดียวบ้าง” เขาไล่แบบไม่มองหน้า เกล้ากมลยักไหล่“เกล้าอุตส่าห์มานั่งเป็นเพื่อน กลัวคุณอิธเหงา”“มีเธอมาอยู่ด้วย ฉันหนวกหูมากกว่า”“เกล้าจะพยายามหายใจเบา ๆ แต่ถ้ากลั้นนานแล้วตาย จะเป็นผีมาเอาคุณอิธไปอยู่ด้วย” เธอบอกเสียงทะเล้น ทำคนฟังหันมามองขวับ“พระอาทิตย์ตกดินต่อให้ดูคนเดียวก็ยังสวยอยู่ดีเนอะ”แสงสุดท้ายอาบไล้ใบหน้าขาวนวล ให้ออกสีส้มเหลือง เส้นผมยุ่ง ต้องแสงแล้วฟุ้งเบาราวขนมสายไหม เขาไม่เคยมองเต็ม ๆ ตาเลยสักครั้ง ตั้งแต่เกล้ากมลเริ่มโต เริ่มเป็นผู้หญิงเต็มตัว“เธอยังเด็กจะไปรู้อะไร”เกล้ากมลอายุห่างจากเขาสิบปี นับว่ายังเด็กนัก“รู้สิ เกล้าก็ชอบดูเพราะอาทิตย์ตกดินที่มหาลัย มันสวยดี”“ที่ว่าสวยน่ะ เธอดูกับใคร”“ดูกับเป็ดบ้าง ดูคนเดียวบ้าง
เกล้ากมลขับรถไปส่งสนานกับวรดาที่เรือนคนงาน จึงขับกลับบ้านใหญ่ เธอพยุงคนตัวโตพาเดินไปให้เงียบที่สุด ด้วยเกรงคุณย่าอิสรีจะตื่นมาเห็นแล้วจะถูกดุเรื่องไปดื่มเหล้าเสียเมามายหลังจากพากันขึ้นบันไดอย่างทุลักทุเลก็มาถึงห้องอิธาน เป็นครั้งแรกที่เกล้ากมลได้มาห้องเขา ภายในห้องตกแต่งแบบเรียบง่าย ไม่มีโปสเตอร์หรือรูปอะไรทั้งนั้น โต๊ะเครื่องแป้งก็มีเพียงแป้งเด็กขวดเล็กกับกล่องพลาสติกใส่ของจิปาถะ เธอจับเขาถอดสูทออก พาไปนอนลงบนเตียง“จะโดนผู้หญิงปล้ำอยู่แล้วยังไม่รู้ตัวอีก”เกล้ากมลย่นจมูกใส่คนเมา มือขาวแกะกระดุมเสื้อออก เมื่อเขาขยับคออย่างอึดอัด เผยให้เห็นไรขนรำไร ใช่ว่าเธอไม่เคยเห็นร่างกายผู้ชายมาก่อน...เอ่อ ยอมรับก็ได้ ว่าเธอไม่เคยเห็น ไม่เคยสัมผัสของจริง ที่รู้มามีแต่ผ่านสื่อทั้งนั้น ผู้ชายกล้ามไม่เหมือนผู้หญิง เพราะแน่นหนั่นแข็งแรงกว่าผิวสีคร้ามของเขาตัดกับผิวขาวของเธอ เกิดมีลูกด้วยกัน สีผิวหนูน้อยจะเป็นสีอะไรหนอ แต่ต้องรีบส่ายศีรษะไล่ความคิดเพ้อเจ้อออกจากสมอง เมื่อคิดถึงสิ่งไม่ควร ริมฝีปากหยักหนาขยับครางอือออ ก่อนจะเบาลงเหลือเพียงเสียงลมหายใจยาวนิ้วเรียวลองแตะจมูกโด่งเป็นสัน แบบไม่ต้องศัลยกร
เมื่อเกล้ากมลเปิดประตูเข้าไป ก็พบคุณย่าอิสรีนอนตาปรืออยู่บนเตียง ยายพลวงใช้พัดจีนพัดวีอยู่ อิธานนั่งพับเพียบบนพื้น ยายพลวงรับยาจากเธอไปให้ท่านจิบ ท่านพยักหน้าให้คนงานคนสนิทขยับเข้ามาใกล้ ๆ ซุบซิบอะไรบางอย่าง แล้วยายพลวงก็กวาดตามองทั้งเขาและเธอ“คุณอิธกับเกล้าออกไปก่อนค่ะ เดี๋ยวท่านจะเรียก”“แต่...” อิธานค้านเพราะยังไม่ได้อธิบายความเข้าใจผิด“กลับไปห้องของตัวเองเถอะค่ะ ถือว่าอิฉันขอ ไม่งั้นคุณท่านอาจจะเป็นหนักกว่านี้”เกล้ากมลกับเขาจึงจำต้องออกมานอกห้อง สายตาสองคู่สบกัน เพราะต่างยังมีเรื่องต้องเคลียร์“กลับห้องใครห้องมันค่ะ”ยายพลวงถึงกับออกมาไล่ซ้ำ เหมือนรู้ว่าทั้งสองต่างมีเรื่องค้างคาใจ อิธานขบฟันกรอด ยอมกลับเข้าห้องตน หญิงสาวจึงยอมเข้าห้องตามเธอทิ้งตัวลงนอนบนเตียง คิดสถานการณ์เลวร้ายไปร้อยแปด ก่นด่าตัวเองว่าไม่น่าเลย ไม่น่าทำตามใจ ไม่น่าทำตามความปรารถนาส่วนลึก ดูสิ...ผลเป็นอย่างไร วุ่นวายไปหมด เธอจะมองหน้าทุกคนติดได้อย่างไรนึกถึงใบหน้าซีดเซียวของคุณย่าอิสรีแล้วยิ่งรู้สึกผิด เธอช่างเป็นคนเลว อย่างร้ายกาจ กินบนเรือนขี้บนหลังคา เขาชุบเลี้ยงให้ที่คุ้มกะลาหัว แต่ไม่เจียมตัว กลับไปฝันใฝ
โต๊ะอาหารเช้านี้ไร้เงาบรรดาบุคคลสำคัญในไร่ ยายพลวงเล่าว่าคุณย่าอิสรียังเพลียไม่อยากคุยกับใคร ส่วนอิธานก็ออกจากบ้านไปแต่เช้า เพราะไม่เห็นรถกระบะคู่ใจเขาเกล้ากมลจึงนั่งดื่มโอวัลตินเหงา ๆ อยู่ในครัว คิดแผนต่อไปว่าจะทำอย่างไรดี เมื่อสถานการณ์มาถึงขนาดนี้คำนวณเงินเก็บในบัญชีธนาคารก็มีอยู่หลายหมื่น เก็บเล็กผสมน้อยจากที่คุณย่าท่านให้ กับรับจ้างสอนพิเศษยามเป็นนักศึกษาบวกกับเงินเดือนที่ได้รับ คงพอยาไส้ในช่วงตกงาน เธอตั้งใจไปจากที่นี่ ตั้งใจสารภาพความจริงกับทุกคน ยอมรับว่าตนเป็นเสือร้ายที่จ้องจะขย้ำสมันตัวโตอวบอิ่มอย่างอิธานคนตัวเล็กหัวเราะขื่นกับตัวเอง ที่เธอจะชดใช้ได้ดีที่สุดให้ทุกคนคือเท่านี้หญิงสาวกลับเข้าห้องเริ่มค้นหาเบอร์ติดต่อของเพื่อนนักศึกษา เลือกคนที่อยู่จังหวัดไกลออกไป จนได้คุยกับเพื่อนคนหนึ่งที่อยู่จังหวัดชายแดนทางเหนือ“แถวนี้เห็นป้ายรับสมัครงานอยู่นะ ฝ่ายบัญชี แต่อาจต้องไป ๆ มา ๆ กับฝั่งจีน”เรื่องการเดินทางไม่มีปัญหา เกล้ากมลรีบจดรายละเอียดและเบอร์ติดต่อที่รับสมัครงาน พอวางสายลงก็มีอีกสายหนึ่งมาต่อเลย พนักงานร้านขายของฝากในไร่โทรบอกว่าลูกไม่สบาย จะพาไปให้หมอไปดูในเมือง ขอลาห
“เธอทำบ้าอะไรน่ะหึ คิดจะลักหลับฉันเหรอ” อิธานเปิดฉากทันที เมื่ออยู่กันตามลำพัง“เกล้าไม่คิดจะลักหลับนะ แต่จูบ” เกล้ากมลยืนตัวลีบติดประตู พยายามบังคับใบหน้าให้มองเขา“นั่นแหละ ฉันเป็นฝ่ายเสียหาย”เขาอยากตะโกน อยากจับตัวเธอมาเขย่า แต่หากทำตอนนี้ไม่ดีแน่ เหตุการณ์มีแต่จะแย่ลง“เกล้าขอโทษ”“ขอโทษแล้วอะไรดีขึ้นไหม” มือใหญ่ยกขึ้นเท้าสะเอว“อย่างน้อยคนมีอารยธรรมเขาก็รู้จักให้อภัยกัน”อิธานเข่นเขี้ยว เกล้ากมลทำตัวกวนประสาทได้ทุกเมื่อ ทุกสถานการณ์“เรื่องเมื่อคืนช่างมันเถอะ ฉันถือว่าให้ทาน”เกล้ากมลกัดริมฝีปาก คำว่าให้ทาน มันใช้กับขอทานหรือสุนัขมิใช่หรือ เขาตีค่าเธอต่ำจนปวดหนึบในใจ“ที่สำคัญคือตอนนี้จะทำยังไงให้คุณย่าเปลี่ยนพินัยกรรมมากกว่า”“เกล้าจะไม่อยู่ที่นี่ จะไปให้ไกล”“คุณย่ายกทุกอย่างให้เธอนะ อย่าหนีไปสบายคนเดียว”“แล้วคุณอิธจะยอมได้ไหมล่ะ เกิดวันหนึ่งเกล้าคลั่งปล้ำคุณขึ้นมา”ปรกติหากมีผู้หญิงมาพูดเช่นนี้เขาคงหัวเราะใส่ แต่เพราะเหตุการณ์ลักจูบเมื่อคืนนี้ทำเอาหวั่นใจ ผู้หญิงช่างน่ากลัว...โดยเฉพาะคนที่ยืนเถียงกับเขาอยู่“หรือคุณจะยอมแต่งงานกับเกล้าเพื่อเอาสมบัติครึ่งหนึ่ง”“ทำไมฉันถึงจะต
เวดดิ้งแพลนเนอร์เจ้าดังของจังหวัดที่เป็นญาติของคนรู้จักของคุณย่าอิสรี เข้ามาไร่ตอนสิบโมง แต่ไร้แววว่าที่บ่าวสาว แม้คุณย่าอิสรีย้ำแล้วตอนกินอาหารค่ำเมื่อคืน เช้ามาต่างคนต่างหนีไปทำงานของตน จนต้องให้ยายพลวงโทรตามอิธานมาพร้อมด้วยตาไสวเป็นธุระไปดึงตัวมา ส่วนเกล้ากมล วรดาก็ขับมอเตอร์ไซค์ไปพาตัวมาจากร้านของฝาก ตอนนี้วรดาขึ้นมานอนเป็นเพื่อนเธอจนกว่าจะถึงงานแต่ง ยายพลวงบอกว่าเพื่อป้องกันเหตุอัน ‘ไม่งาม’ ทุกคนจึงจำต้องยอมทำตามคนสนิทคุณย่าอิสรีสั่งเมื่อบ่าวสาวมาถึงต่างคนก็ต่างนั่งเงียบ ไม่หือ ไม่อือ กันทั้งคู่“คุณเกล้ากับคุณอิธอยากให้งานออกมาแบบไหนคะ เรามีตัวอย่างธีมงานให้”เจ้าของเวดดิ้งแพลนเนอร์ยื่นรูปในไอแพดให้ดู อิธานส่งผ่านมันให้เธอ เกล้ากมลเลื่อนไปสองสามรูปภาพแล้วก็ยื่นให้คุณย่าอิสรี“ให้ย่าทำไม เลือกกันเองสิจ๊ะ”“ผมแต่งแบบไหนก็ได้ ข้าวหม้อแกงหม้อ ให้พระมาให้ศีลให้พรที่บ้านก็พอ”ช่างเป็นเจ้าบ่าวที่แสดงออกว่าเต็มใจแต่งเสียเหลือเกินในความคิดของคนมาเตรียมงาน“มันง่ายไป เงินทองเราก็มี ต้องจัดงานให้สมศักดิ์ศรีสิ เกล้าว่ายังบ้าง” ท่านผินหน้ามาทางเธอ“เกล้ายังไงก็ได้ค่ะ แล้วแต่คุณย่า”“เสร็จแ
การลงมาครัวทำให้ได้เจอคนไม่คาดคิด เจ้าบ่าวของเธอเมาฟุบอยู่หน้าเคาน์เตอร์มินิบาร์ ข้างศีรษะมีเหล้าพร่องไปครึ่งขวด นี่แสดงว่าดื่มตั้งแต่ที่ลงมา นี่มันสองชั่วโมงมาแล้วนะ“อือ...”เขาคราง เกล้ากมลจะแก้เผ็ดเขาโดยให้หลับอยู่ตรงนี้แหละ เธอเข้าห้องครัว เปิดตู้เย็น เปลี่ยนใจจากบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเป็นหยิบนมยูเอชทีมาดื่มขณะที่กำลังจะก้าวขึ้นบันได จิตสำนึกฝ่ายดีก็ผุดคำถาม เธอจะปล่อยให้เขานอนหลับอยู่อย่างนี้จริง ๆ น่ะหรือ หากคุณย่าอิสรีตื่นมาพบเข้าจะเป็นเช่นไร แต่อีกใจก็บอก สมน้ำหน้า เมื่อไม่กี่ชั่วโมงก่อนเขาเพิ่งทำร้ายจิตใจเธอ แต่คิดอีกทีที่เหตุการณ์มันมาถึงจุดนี้ ก็เพราะเริ่มจากจูบของเธอเกล้ากมลยอมรับว่าตนเป็นผู้หญิงชั่วร้าย แต่นั่นไม่ใช่เหตุผลที่เขาจะทำตัวไม่สมเป็นสุภาพบุรุษกับเธอ ระหว่างที่ใจทั้งสองฝั่งกำลังหาเหตุผลมาฟาดฟันกันร่างใหญ่โตก็ครางอือออเป็นครั้งที่สอง ศีรษะเขาเงยขึ้นชนขวดเหล้า มันโงนเงนจนเธอต้องรีบจับไว้ด้วยกลัวตกแตก แล้วจะเรียกคนทั้งบ้านให้ตื่นขึ้นมา“เธอเองเหรอ ยัยเกล้า เด็กบ้า”หญิงสาวเม้มปากที่โดนบริภาษต่อหน้า เธอรีบเอาเหล้าเก็บในตู้ เลื่อนแก้วเหล้าไปให้ไกลจากมือเขา“เพราะเธอ