“ไม่ใช่งูเขียว งูสีอะไรก็ไม่รู้ มันมืด คุณอิธเห็นเหรอ”
มือที่ลูบอยู่ชะงัก เกล้ากมลช้อนตาบวมแดงมองเขา
“จะงูอะไรก็ช่าง เดี๋ยวหมอรักษาได้เองแหละ”
นี่คือข้อแตกต่างระหว่างวรดากับเกล้ากมล น้องสาวเพื่อนนุ่มนิ่ม เชื่อพี่ชายทุกอย่าง แต่เกล้ากมลเต็มไปด้วยคำถาม แสดงความเป็นคนไม่ยอมคน
“อย่าหลับล่ะ แล้วก็เลิกร้องไห้ด้วย”
รถแล่นออกจากอาณาเขตไร่แล้ว ตาไสวขับบนทางหลวงสายเปลี่ยวอย่างรวดเร็ว โรงพยาบาลห่างออกไปประมาณสิบกิโลเมตร คุยกันแป๊บเดียวก็ถึง
เมื่อรถจอดหน้าห้องฉุกเฉิน อิธานอุ้มร่างน้อยออกจากรถ ระหว่างนั่งรถเข็นพยาบาลก็ซักถามอาการ เขาเป็นคนตอบแทนทั้งหมด เพราะเกล้ากมลทั้งตื่นกลัวทั้งร้องไห้ เธอจับมือเขาไว้แน่นตลอดเวลา
“คุณอิธอย่าทิ้งเกล้านะคะ”
ณ สถานที่แห่งนี้ มีเพียงเขาคนเดียวที่เธอพึ่งได้ เขาคนเดียวที่เธอจะเชื่อใจ
“ฉันไม่ทิ้งเธอหรอก...เกล้า”
เพราะด้วยสงสารหรืออะไรก็ไม่รู้ ทำให้หนุ่มน้อยรับปากด้วยสายตาที่มุ่งมั่น แพทย์ให้ฉีดเซรุ่ม แล้วนอนดูอาการสักคืน เขาบอกให้ตาไสวโทรไปบอกคุณย่าอิสรี
“เดี๋ยวผมไปซื้อเสื้อในเซเว่นให้นะครับ”
ตอนนั้นเองอิธานถึงเพิ่งรู้ตัวว่าเขาเปลือยท่อนบนอยู่ กว่าจะจัดการพาเกล้ากมลเข้าห้องพักได้ก็ปาไปตีสองของวันใหม่ อิธานนั่งหลับ ๆ ตื่น ๆ เฝ้าอยู่ที่ข้างเตียง โดยมีพยาบาลเวียนกันเข้าออกดูอาการทุกชั่วโมง
กระทั่งเช้าประมาณแปดโมงคุณย่าอิสรีและยายพลวงจึงมาเยี่ยม อิธานห้ามไม่ให้ตาไสวบอกความจริงที่เกล้ากมลขโมยเงินไปซื้อขนมเค้ก เขาคิดว่าเธอได้รับการลงโทษที่พอแล้ว
อีกอย่างก็ไม่อยากให้ผู้เป็นย่าไม่สบายใจ เมื่อท่านถามสาเหตุที่เธอออกมาในสวนตอนดึก อิธานจึงเล่าแทน
“คุณครูของเกล้าให้หาดอกไม้เป็นแบบวาดรูป เกล้ากลัวลืมเลยออกมาเอาตอนดึก”
เขาขยิบตากับสาวน้อยที่อ้าปากพะงาบ ๆ เตรียมสารภาพ
“ทำไมไม่บอกย่าก่อน จะได้ให้คนไปตัดให้”
คนป่วยหลุบตาลง ด้วยจนปัญญาจะตอบคำถาม
“เกล้าบอกแล้วแต่ผมลืม เขาเลยลงไปเอาเอง”
สาวน้อยเงยหน้ามาอีกครั้ง มองอิธานตาโต ไม่อยากเชื่อหูว่าเขารับผิดแทนเธอ
“อิธไม่ดูน้อง เห็นไหมเลยเกิดเรื่อง”
เป็นอันสิ้นข้อสงสัยของผู้ใหญ่ ขณะคนสมอ้างว่าตนผิดได้แต่ยิ้มให้ย่าเจื่อน ๆ
“ผมขอโทษครับ ต่อไปจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีกแล้ว”
ปลายประโยคเป็นคำสัญญาแน่แน่วที่เกล้ากมลจำได้ไปจนตลอดชีวิต
“ไหน ๆ คุณย่าก็มาโรงพยาบาลแล้ว ไม่ไปคุยกับหมอ...เหรอครับ”
เขาเอ่ยชื่อแพทย์อาวุโสที่เป็นตาของเพื่อน ท่านทำงานอยู่โรงพยาบาลแห่งนี้และเชี่ยวชาญเรื่องโรคหัวใจ
“ไม่ได้นัด ไม่รู้คิวจะว่างหรือเปล่า”
อิธานจึงโทรจากในห้องถามพยาบาลให้ แล้วพบว่าแพทย์คนดังกล่าวมีเวลาว่างตอนสิบนาฬิกาอยู่ครึ่งชั่วโมง ลับหลังคุณย่าและคนสนิทออกไปแล้ว เกล้ากมลก็เอ่ยขึ้น
“คุณอิธโกหกช่วยเกล้าทำไม”
ตากลมแป๋วมองตรงมาที่เขา อิธานกอดอก เชิดหน้าขึ้น
“ถ้าเธอบอกความจริงล่ะก็ คิดดูสิว่าคุณย่าจะเสียใจขนาดไหน”
ริมฝีปากน้อยเม้มแน่น มือกำผ้าห่ม
“ยายบอกว่าใครโกหกคนนั้นนิสัยไม่ดี”
เออนะ เมื่อคืนยังร้องไห้ตาบวม วันนี้กลับมาเถียงฉอด ๆ ยัยเด็กคนนี้คาดเดาไม่ได้จริง ๆ
“ถ้าโกหกแล้วทำให้คนอื่นสบายใจ ไม่มีใครตาย ก็ทำไปเถอะ เธอยังเด็ก อยู่นิ่ง ๆ นั่งเฉย ๆ ให้ฉันจัดการ”
เขาแจงแล้วตบท้ายด้วยการสั่งหน่อย ๆ เกล้ากมลทำหน้าคิด ก่อนจะเอ่ย
“ก็ได้...ขอบคุณที่ช่วยนะคะคุณอิธ” เธอกระพุ่มมือไหว้
“ไม่เป็นไร ทีหลังอยากกินอะไรก็บอกคุณย่าหรือยายพลวง บ้านฉันไม่ได้เลี้ยงคนให้อดอยากเสียหน่อย” อิธานหลบตาเธอ ยกมือขึ้นเกาต้นคอ “ฉันไปห้องน้ำนะ อยู่คนเดียวได้ใช่ไหม”
คนบนเตียงพยักหน้า ร่างสูงใหญ่จึงเดินออกไป และในวันนั้นเอง ความคลางแคลงใจต่าง ๆ ที่มีกับเขามลายหายไปเหมือนหมอกยามสาย
พิษงูถูกรักษาด้วยเซรุ่ม แต่บางอย่างในใจดวงน้อยกลับถูกปลุกเร้า เกล้ากมลยังเด็กนัก เธอยังไม่เข้าใจความรู้สึกที่อยากอยู่ใกล้ อยากตามติด อยากให้เขาสนใจ
ด้วยคิดว่านั่นคือความรู้สึกที่มีต่อพี่ชาย เหมือนวรดารู้สึกกับสนาน อิธานมักทำหน้าดุเหมือนเคยยามเห็นเธอ แต่เกล้ากมลไม่สน เธอคุยเจื้อยแจ้ว เรียกเขาด้วยเสียงเล็ก ๆ ว่า
“คุณอิธ...”
กระทั่งกลายเป็นเสียงที่คุ้นหู ภาพที่ชินตากับคนในไร่สมบูรณ์ดีไปในที่สุด
ไร่สมบูรณ์ดีอยู่ในความสงบสุข กระทั่งสองปีต่อมาอิธานและสนานสอบติดมหาวิทยาลัยคณะเกษตรศาสตร์ เกล้ากมลกับวรดาอายุเก้าขวบ สองสาวน้อยรู้สึกใจหายกับคนกำลังจะจากไปเรียนไกล“แล้วพี่จะโทรหาเป็ดบ่อย ๆ นะ”สนานให้คำมั่นกับน้องสาวยามพากันไปริมลำธารชายป่าเพื่อตกปลา“ไม่เชื่อหรอก แม่บอกเดี๋ยวพี่หนานก็มีแฟน” น้องสะบัดหน้างอน คนเป็นพี่ยิ้มกว้าง“พี่ยังเอาตัวเองไม่รอด ไม่มีปัญญาเลี้ยงใครหรอก คิดดูสิขนาดค่าเรียนยังต้องอาศัยคุณท่านช่วยเหลือเลย”โชคดีที่เขาชอบทางการเกษตรอยู่แล้ว จึงได้ไปเรียนกับอิธาน“ถ้าพี่มีใครจะเอามาให้แม่กับเป็ดสแกนกรรมก่อนเลยจ้ะ” ว่าแล้วก็หัวเราะ วรดามองเขาตาขุ่นที่เห็นความห่วงใยของเธอเป็นเรื่องสนุก“แล้วคุณอิธล่ะ จะโทรมาหาคุณย่ากับเกล้าไหม”มือที่กำลังสาวเบ็ดอยู่ชะงักไปนิด“ถ้ามีธุระสำคัญก็จะโทร” อิธานเล่นลิ้น รู้ว่าเกล้ากมลกำลังจะเซ้าซี้เหมือนเคย“แสดงว่าจะไม่โทรล่ะสิ” เธอรู้ความที่จะค้อนแบบแง่งอนเป็นแล้ว“บอกแล้วถ้ามีธุระสำคัญก็จะโทร ยังไงเลขาหน้าห้องคุณย่าอย่างเธอต้องได้คุยกับฉันแน่” หนุ่มย่างสิบเก้าทำเสียงฮึในลำคอ เพราะรู้ว่าตอนนี้สาวน้อยคนนี้ทำตัวเป็นหูเป็นตาแทนผู้เป็นย่า เธอ
“งั้นซันก็ขี่ม้าเก่งดิวะ” หนึ่งในบรรดาเพื่อนเตะหมูเข้าปากหมา ยิ่งทำให้กรวีได้อวด“นิดหน่อยว่ะ พอได้รางวัลมาบ้าง”อกยิ่งยืด จมูกยิ่งเชิด แสดงความเหนือชั้นให้ได้เห็นกันชัด ๆ“อิธก็ขี่ม้าได้ใช่ปะ” คนเดิมตั้งคำถามกับหลานเจ้าของไร่“ใช่ ฉันขี่ต้อนวัวบ้างเป็นบางครั้ง”“งั้นซันลองขี่ม้าของอิธสิ เราอยากดูนักขี่ม้าได้รางวัลฝึกม้าธรรมดา อยากเห็นว่าจะเป็นยังไง”สาวที่นั่งข้างชนันธรรีบเสนอ ปรากฏแววตระหนกในดวงตากรวีเพียงแวบ แล้วเขาก็เรียกความมั่นใจกลับมาได้“ฉันไม่มีปัญหา ทางนายล่ะอิธ”“ม้าไร่ฉันเป็นม้าบ้าน ๆ ไม่มีหรอกนะพวกอานหรือบังเหียนดี ๆ”อิธานไม่ได้ขี่พวกมันมาเป็นปี ไม่รู้จะผิดกลิ่นหรือเปล่า แต่เท่าที่ไปหาม้าเมื่อวาน พวกมันก็เล่นกับเขาดี“งั้นไม่ต้องฝึกหรอกม้าน่ะ ขี่แข่งกันไปเลย”สาวนั่งข้างนางใจดวงใจกรวีรีบเสนอ...ชักอยากจะเห็นศึกชิงนางกลางไร่“เออ ก็ดีเนอะ แข่งกันให้จบ ๆ มา! ใครจะเดิมพันข้างใคร”วงอาหารปิกนิกกลายเป็นวงพนันขันต่อ อิธานกับสนานสบตากันอย่างรู้ใจ หากจะให้ศึกครั้งนี้สงบลงมีแต่จะต้องแข่งขันกันเท่านั้น“ให้เวลาเตรียมตัวสักวันทันไหมซัน แล้วค่อยแข่ง” เพื่อนอีกคนที่รับเป็นโต้โผใหญ่รีบ
อิธานเป็นผู้คว้าผ้าแดงมาอยู่ในมือ มีทั้งเสียงสบถทั้งเสียงยินดีดังทั่วไปหมด อิธานหายใจหนัก ๆ อยู่บนหลังม้า ชนันธรและเกล้ากมลมองเขาตาเป็นประกายด้วยใจที่เต้นระรัว ขณะผู้พ่ายแพ้ลงจากม้าอย่างหัวเสีย“แ-งเอ๊ย!”“อย่าโมโหไปเลยน่า แค่แข่งกันขำ ๆ”โต้โผใหญ่มาแก้สถานการณ์เมื่อเห็นว่าคนแพ้ชักจะไม่ตลกด้วย“ถ้าฉันอยากทำฟาร์มม้าจริง ๆ จัง ๆ จะให้นายช่วย”อิธานลงจากม้าเช่นกัน เขายื่นมือให้อีกฝ่ายจับ กรวีเม้มปากปิดความไม่พอใจไม่มิด แต่ก็ยอมจับมือแต่โดยดี เรียกเสียงปรบมือได้จากคนดู“ทุกคน ฉันทำตะโก้เป็นของหวานมากินกัน” ชนันธรตะโกน“ไหนว่าจะทำให้คนชนะกินไง”อีกหลายคนขมวดคิ้วกังขา“กินด้วยกันแหละดี ฉันทำไว้ตั้งเยอะ ไม่ต้องไปสนหรอกว่าใครจะแพ้หรือชนะ”ชนันธรโปรยยิ้มสวย ก่อนเพื่อนจะมาเดินจับแขนให้ไปด้วยกัน“คุณอิธขี่ม้าเก่ง สอนเกล้าด้วยสิคะ”เกล้ากมลมุดเชือกฟางที่ล้อมอยู่เข้ามาหาเขา ใบหน้ายิ้มแป้น“ให้ตาไสวสอนดีกว่า ฉันก็เรียนมาจากแกนั่นแหละ”“แต่เกล้ากลัวคุณย่าไม่ให้เรียน วันก่อนเกล้าชงโอวัลตินแล้วร้องเพลงไป ยังโดนดุ กลัวเกล้าจะมีผัวแก่”คนฟังถึงกับหลุดขำพรืด“ใครจะมาเอาเธอทำเมียฮึ ยัยเด็กแก่แดด นมมีหรือย
ก่อนที่เพื่อนอิธานจะแยกย้ายกันกลับบ้านหนึ่งวัน ชายหนุ่มได้พาเพื่อน ๆ ไปเที่ยวน้ำตกในวนอุทยานใกล้ไร่ เกล้ากมลกับวรดาเลยได้มีโอกาสติดสอยห้อยตามไปด้วยเหมือนเคยเนื่องจากน้ำตกแห่งนี้มีตาน้ำที่ไหลรินตลอดทั้งปี จึงมีน้ำเพียงพอในฤดูแล้งให้เล่นกัน ระดับน้ำสูงประมาณเอวผู้ใหญ่ แต่ก็มิดคอสำหรับเด็กเก้าขวบ“อย่าไปเล่นไหนไกลล่ะ อยู่ที่น้ำตื้น ๆ ไว้”อิธานสั่งสองสาวน้อยที่นั่งวักน้ำเล่นกันข้างโขดหิน แล้วเขาก็ไปโดดน้ำแข่งกับเพื่อน กรวีไม่ยอมลงน้ำ แต่ไปนั่งคุยกับกลุ่มชนันธรแทน“เล่นจับปลากันไหม”วรดาชี้ไปทางปลาตัวเล็ก ๆ กลุ่มหนึ่ง ที่ว่ายอยู่ท่ามกลางสายน้ำใส ๆ“เอาสิ”เธอและวรดาวิ่งไล่ต้อนฝูงปลาอย่างสนุกสนาน มันว่ายมาชนขาบ้าง หลบเลี้ยวไปทางก้อนหินบ้าง กระทั่งว่ายหนีไปอีกทาง เกล้ากมลจึงรีบลุยน้ำตามไป“เกล้าอย่าไปทางนั้น”ไม่ทันเสียแล้วเพราะเท้าเล็กพลาดเหยียบหิน ลื่นจมลงสู่ส่วนบริเวณน้ำลึก สาวน้อยรู้สึกตัวหนักไปหมด พยายามใช้เท้าตีน้ำ มือก็ตะกายขอความช่วยเหลือ หูได้ยินเสียงเพื่อนเรียกชื่อเธอดังลั่น ด้วยรู้สึกกำลังจะขาดอากาศหายใจ ทำให้เธอฮุบน้ำเข้าคออึกใหญ่สายน้ำยื้อยุดฉุดเกล้ากมลลงสู่เบื้องล่าง ตัวหนัก
“หนูลูกน้ำคนนั้น อิธชอบเขาเหรอ” หลานชายอึกอัก ยกมือเกาท้ายทอย“เขาน่ารักนะ”อิธานไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่ ออกจะหน้าตาดีด้วยซ้ำ การจะมีแฟนสักคนสองคนไม่ใช่เรื่องแปลก“ผมกับเขากำลังดู ๆ กันอยู่”“อย่าใจร้อนนักล่ะ ให้ค่อยเป็นค่อยไป เรายังเรียนอยู่ด้วยกันทั้งคู่” ท่านสอนด้วยใบหน้ายิ้ม ๆ“ครับ”คำตอบของเขาทำใจอีกคนที่เผลอมาได้ยินสั่น จนแทบทำแก้วโอวัลตินหล่นจากถาดเช้านั้นเกล้ากมลไม่กล้ามองหน้าอิธมากนัก สายหน่อยเธอไปหาวรดาที่เรือนคนงาน เพื่อนกำลังอ่านการ์ตูนซึ่งเป็นสมบัติตกทอดจากพี่ชายอยู่“ทำไมหน้าเศร้า ๆ” มือที่ถือหนังสือลดลงจากหน้า สบตาใสแจ๋วกับเธอ“คุณอิธกับพี่ลูกน้ำชอบกัน จะคบเป็นแฟน” เกล้ากมลดูละครบ่อย ไม่ยากที่จะปะติดปะต่อเรื่องราวได้ “ฉันอกหัก”คนฟังทำหน้าเหลอหลา เกิดมาไม่เคยเจอคนอกหักตัวเป็น ๆ เสียด้วย เคยเห็นแต่ในมิวสิควิดีโอ ที่ร้องไห้บ้าง เดินร้องเพลงเศร้าบ้าง“เกล้าโตเป็นผู้ใหญ่เร็วจัง รู้จักอกหักด้วย”เธอชม เพราะในวิดีโอที่เคยดูคนแสดงนั้นต่างสวยหล่อ แต่งตัวดี น่าหลงใหล“เป็ดคิดว่าฉันแก่แดดไปไหม”เกล้ากมลคิดว่าตัวเองแค่เก้าขวบ ไม่น่าจะมีความรู้สึกแบบนี้“ฉันไม่รู้สิ ไม่เคยได้ยินใคร
งานศพยายเกดเกิดขึ้นปลายเดือนมีนาคม อิธานเรียนจบมหาวิทยาลัยพอดี เขาจึงเป็นคนจัดการงานศพญาติให้เธออีกรอบ“อย่าทำหน้าหมาเหงาอย่างนั้นสิ”ชายหนุ่มทักตอนกำลังนั่งร่วมวงกันกินข้าวต้มงานศพ สมาชิกประกอบด้วย เกล้ากมล เขา สนานและวรดา“ทำหน้าทะเล้น ๆ ออดอ้อนคุณย่าเหมือนเดิมเถอะ”สองพี่น้องมองสบตากัน อิธานกำลังปลอบเกล้ากมล...ในแบบของเขา“ไม่มียายอยู่แล้ว เกล้าจะอยู่ยังไง”ไอร้อนควันฉุยจากชามต้มปะทะดวงตา จนเธอทำท่าจะร้องไห้อีกรอบ“ก็อยู่ที่นี่เหมือนเดิมแหละ อยู่ดูแลคุณย่า อย่าให้คนแก่อีกคนเสียใจไป”“คุณอิธไม่กลัวเกล้าจะฮุบไร่นี้เหรอคะ”เกล้ากมลโตพอจนได้ยินข่าวซุบซิบแล้วว่า...คุณย่าเลี้ยงเธอมาเพื่อเป็นเจ้าสาวของอิธาน แม้เขาจะมีแฟนอยู่แล้วก็ตาม“เธอตัวนี้แค่นี้มีปัญญาฮุบอะไรได้” เขาทำเสียงหึในลำคอ พลางตักข้าวต้มเข้าปาก “อยู่ที่นี่ ดูแลย่า ฉันกับหนานจะไปเรียนต่อที่ออสเตรเลียสักสองสามปี ถ้าเบื่องานบ้านก็ไปที่ออฟฟิศโน่น ไปช่วยงานเขา”“เกล้ายังเรียนหนังสืออยู่นะ” เธอค้าน ด้วยไม่ชอบคนออกสั่ง“ค่อย ๆ เรียนรู้งานไปสิ คุณย่าคงไม่อยากให้หลานสาวทำอะไรไม่เป็นหรอก”เกล้ากมลหน้างอ ดูเถิด...ในสถานการณ์แบบนี้อิธาน
ในปีที่อายุย่างเข้าสิบเก้า วรดาและเกล้ากมลสอบเข้าติดมหาวิทยาลัยในตัวจังหวัด ทั้งสองเลือกเรียนคณะบัญชี เมื่อคุณย่าอิสรีทราบเรื่องก็ดีใจเป็นอย่างมาก เล่าในวงอาหารเย็นไม่หยุดว่าจะจัดโต๊ะจีนมาฉลอง แต่เกล้ากมลทัดทานไว้ก่อน“ไม่เอาหรอกค่ะ เปลืองเงิน แค่กินข้าวด้วยกันเล็ก ๆ ในครอบครัวก็พอแล้ว”“หลานย่าเข้ามหาวิทยาลัยได้ทั้งที ไม่เปลืองหรอกใช่ไหมอิธ”“ครับ ถ้ากลัวเปลืองก็ฆ่าวัว ฆ่าไก่ในไร่เลี้ยงก็ได้” เขาแกล้งประชด เธอนึกทดเอาไว้ในใจกะจะเอาคืน“นาน ๆ ไร่ เราจะมีงานรื่นเริงบ้าง”ท่านทำเสียงเศร้า เล่นเอาคนได้ยินต้องคิดแผนสอง“เอาอย่างนี้ไหมคะ ทำขนมจีนเลี้ยงกัน ให้พระมาสวดทำบุญอัฐิธาตุประจำปีของทุกคน เกล้าจะทำของหวานเลี้ยง”“จะเหนื่อยไปไหมล่ะ”“ไม่เลยค่ะ เกล้าไหว ถือเป็นการเลี้ยงส่งก่อนเกล้าจะไปอยู่หอ”ผู้ใหญ่ตกลงกันแล้วว่าให้สองสาวไปเช่าหออยู่ด้วยกัน โดยจะให้อิธานกับสนานไปหาหอพักใกล้มหาวิทยาลัยให้...คิดแล้วก็ใจโหวง นี่เป็นครั้งแรกที่เธอต้องไปจากบ้านหลังนี้ แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ ก็ตาม“งั้นตกลงเอาตามนี้นะ”อิธานตัดบท กินข้าวต่อ แต่แล้วก็ต้องมาปวดหัวเมื่อสนานมาคุยในห้องทำงาน“เลือกหอพักที่มีแต่
เกล้ากมลซึ่งตอนนี้อายุยี่สิบปี กำลังมองผู้ชายตัวโต ๆ อายุสามสิบปีอกหัก กลางวันเขาไปทำงานก็จริง แต่พอค่ำกลับมาก็ยกเหล้ามาดื่มที่ริมระเบียงบ้านทุกวัน สิ่งที่เรียกว่าอาหารเย็นคือจำพวกกับแกล้มที่พร่องไปเพียงนิด ฝีมือการทำอาหารโดยยายพลวง“ย่าไม่รู้จะทำยังไงแล้วเกล้า บอกไปก็มีแต่นิ่ง เหมือนคุยกับกำแพง” คุณย่าอิสรีใบหน้าเศร้าหมอง ยายพลวงที่คอยพยุงก็มีสีหน้าคล้าย ๆ กัน“ปล่อยเนื้อปล่อยตัว ผมเผ้ารุงรัง มีหนวดเคราเหมือนมหาโจร” มารดาวรดาฟ้อง“แล้วเขามีติดต่อมาหรือเปล่าคะ พี่ลูกน้ำน่ะ”“โอ้ย! ไม่มีหรอก มีแต่ส่งของคืน กล่องใหญ่เชียว ได้ยินเสียงคุณอิธขว้างทิ้งเสียงดังลั่น”ชนันธรช่างร้ายกาจ ตัดบัวไม่ให้เหลือใยเลย มิน่าเล่า คนอกหักถึงได้อาการหนักขนาดนี้“เกล้าดูคุณอิธหน่อย ฉันจะพาคุณท่านไปพักผ่อน ไม่ไหว ๆ สงสารใจคนแก่”เกล้ากมลมองตามหลังผู้สูงอายุที่ขึ้นบันไดไป เธอต้องทำอะไรสักอย่าง!อิธานเกลียดเวลากลางคืน เพราะทั้งมืดและเหงา เกลียดแสงดาวระยิบระยับน่ารำคาญ เกลียดอากาศหนาว ที่แผ่ซ่านเข้ามาถึงกระดูกเขาชอบกลางวัน แดดจัดจ้า ที่ทำให้มีแรงออกไปทำงาน เพื่อให้ลืมเรื่องเจ็บใจ แต่ก็ลืมได้ไม่หมด จนต้องทำเขามา