อิธานกำลังขะมักเขม้นกับการอ่านหนังสือวิชาคณิตศาสตร์ ด้วยไม่ได้ชอบวิชานี้นัก แต่พรุ่งนี้มีเรียน หนุ่มสิบเจ็ดจำต้องอ่านผ่าน ๆ เผื่ออาจารย์จะถาม
ในโปรแกรมแช็ตบนคอมพิวเตอร์ เพื่อนทักมาชวนไปดูเด็กชมรมนาฏศิลป์ซ้อมรำ นัยว่ามีเด็กคนหนึ่งที่เพื่อนแอบเล็งอยู่ หากมีคนหล่อ ๆ อย่างเขาไปด้วย สาว ๆ ในชมรมจะได้ไม่ไล่ตะเพิดออกมา
อิธานตั้งใจจะชวนสนานไปด้วย อาจเพราะมีน้องสาวสนานจึงเข้ากับผู้หญิงได้ดี เป็นมิตรกับทุกคน จนบางครั้งเขาก็คิดว่าเพื่อนกึ่งคนงานสนิทบ้าหรือเปล่า ทำไมชอบยิ้มและทำดีกับทุกคน
นึกถึงสนานแล้วคิดขึ้นได้ ยายพลวงให้เพื่อนเอาองุ่นจากในสวนมาแช่ไว้ในตู้เย็นถุงใหญ่ มื้อเย็นคุณย่าอิสรีกินไปนิดเดียว เกล้ากมลก็กินลูกสองลูก อ่านหนังสือใช้พื้นที่สมองเยอะเขาจึงหิว เลยออกจากห้องตัวเองลงครัวหวังไปเปิดตู้เย็น
ขณะกำลังจะแง้มประตู ตาก็เห็นร่างหนึ่งผ่านห้องตนไป ทีแรกคิดว่าผี แต่พอปรับสายตาให้ค่อยชินกับความมืดจึงได้เห็นว่าเป็นเกล้ากมล เธอทำลับ ๆ ล่อ ๆ หน้าประตูบ้าน
ร่างสูงของหนุ่มสิบเจ็ดค่อยย่องตามไป จนเห็นเธอนั่งลงข้างพุ่มไม้ ยื่นมือไปควานหาอะไรสักอย่าง ก่อนผงะล้มก้นจ้ำเบ้า
“โอ๊ย!”
มือเกล้ากมลไปโดนอะไรสักอย่างที่ลื่น ๆ เย็น ๆ หูได้ยินเสียงขู่ฟ่อ หลังมือเจ็บแปลบ ทำให้ชักมือออกมาตกใจจนล้ม มีร่างสัตว์ยาว ๆ ตัวเป็นมันเลื่อมเลื้อยออกมาจากพุ่มไม้
“งู!” สาวน้อยสั่นไปทั้งตัว ยกหลังมือตนดู ปรากฏรอยเขี้ยวของอสรพิษร้าย
“เป็นอะไร” อิธานออกจากจากที่ซุ่ม เมื่อเห็นว่าเหตุการณ์ไม่ปรกติ
“งู...เกล้าโดนงูกัด”
ไม่รู้ว่าตอนนี้เธอกลัวอะไรมากกว่ากัน ระหว่างงูกับโดนจับได้ว่าขโมยเงิน คนมากวัยกว่าจับหลังมือเล็กดู เมื่อเห็นรอยเขี้ยวปากก็พึมพำ
“ต้องไปหาหมอ แล้วเธอมาทำอะไรดึก ๆ แบบนี้เนี่ย”
“เกล้า...เกล้า”
เด็กหญิงรู้สึกติดอ่างกะทันหัน ลมหายใจติด ๆ ขัด ๆ อิธานกระชากเสื้อนอนตนผูกไว้ที่แขนเธอ เพื่อยับยั้งไม่ให้พิษงูแล่นเข้าสู่หัวใจเร็วนัก
“เกล้าขอโทษ...เกล้าเป็นเด็กไม่ดี”
น้ำในตาไหลเผาะ เกล้ากมลคิดว่าตนเองกำลังจะตาย งูตัวนั้นคือการลงโทษที่บังอาจเป็นเด็กขี้ขโมย บังอาจหวังลิ้มลองในสิ่งที่ไม่สมควร
“ตั้งสติไว้ รออยู่นี่”
อิธานพาเธอมานั่งหน้าบันได เขาในสภาพเปลือยท่อนบนเข้าไปในตัวบ้าน สักครู่ คุณย่าอิสรีก็ออกมา และหน้าบ้านมีแสงไฟฉายของตาไสว
“เร็ว! รีบพาเกล้าไปโรงพยาบาล” คุณย่าอิสรีสั่งด้วยใบหน้าซีดเผือก
“ย่าไม่ต้องไปหรอกครับ เดี๋ยวผมไปดูเกล้าเอง”
หลานปรามเมื่อเห็นท่านจะขึ้นเอสยูวีคันโต เป็นครั้งแรกที่อิธานเรียกชื่อเล่นของเกล้ากมล
“หนานฝากดูย่าด้วย” เขาบอกเพื่อนที่มากับพ่อ
“อาการเกล้าเป็นยังไงแล้วจะโทรมาบอก”
ร่างสูงอุ้มสาวน้อยขึ้นประตูหลัง แล้วนั่งข้างเพื่อเป็นเพื่อนไม่ให้หลับ เพราะไม่รู้ว่างูที่กัดเป็นงูอะไร มีหลายชนิดที่มีพิษทำให้ง่วงซึม ต้องกันเอาไว้ก่อน หนุ่มน้อยนึกขอบคุณที่ตัวเองตั้งใจเรียนในวิชาชีววิทยา จึงจำที่อาจารย์สอนเรื่องนี้ได้
เกล้ากมลน้ำตาไหลไป จับแขนเขาแน่น อิธานรู้สึกถึงมือที่สั่นและเย็นจัด
“เกล้าขอโทษ เกล้าจะไม่ขโมยเงินอีกแล้วค่ะ จะไม่อยากกินขนมเค้กแล้วด้วย” ปากคนนั่งข้างก็พร่ำสารภาพ
“เธอขโมยเงินเหรอ”
เขาหรี่ตา นี่สินะพิรุธที่เขาจับได้ ความจริงที่เธอแอบซ่อนไว้
“ค่ะ”
เกล้ากมลพยักหน้ายอมรับหงึก ๆ สารภาพทุกอย่าง ด้วยคิดว่าเป็นนี่อาจจะเป็นช่วงเวลาสุดท้ายของชีวิต สารภาพบาปเสีย เธอจะได้ไม่ตกนรก
“ขโมยเงินใคร”
รถแล่นไปตามเส้นทางหลักของไร่ ตาไสวขับอย่างตั้งใจหูหนึ่งก็เงี่ยฟัง ชายชราแปลกใจอยู่เหมือนกันที่เด็กอายุเท่า ๆ กับลูกสาว จู่ ๆ ก็ถูกงูกัดกลางดึก
“ฮึก...” เกล้ากมลเริ่มเล่าเรื่องพลางสะอื้น
“เกล้าอยากกินขนมเค้กในโรงเรียนคุณอิธ แต่เก็บค่าขนมไม่ได้ วันนี้มีเงินวางอยู่ในครัวยี่สิบบาทของใครก็ไม่รู้ เกล้าเลยขโมยเงินเอามาซื้อขนมเค้ก”
เสียงเล็กขาดหายไปบางช่วงบ้างตอน สองหนุ่มต่างวัยพอจะปะติดปะต่อเหตุการณ์ได้ แต่กระนั้นก็อยากให้เจ้าตัวสารภาพเองดีกว่า
“แต่เกล้าไม่ได้กินนะ แค่ซื้อมา เกล้ากลัวคนอื่นรู้เรื่อง เลยเอามาทิ้งในพุ่มไม้ กะจะแอบเอาไปทิ้งไม่ให้มีคนเห็น แต่โดนงูกัดเสียก่อน”
น้ำตาเด็กเจ็บขวบเปียกเต็มหน้า ถ้าหมอรักษาไม่ได้เธออาจจะต้องตาย หรือถ้าไม่เช่นนั้นคุณย่าอิสรีต้องให้ยายเกดมารับเธอกลับแน่ ...โทษฐานเป็นเด็กขี้ขโมย
“เกล้ากำลังจะตายแล้วใช่ไหมคะ เหมือนที่สวรรค์ลงโทษคนร้ายในละคร”
ตาไสวกับอิธานถึงกับยิ้มขำในความช่างจินตนาการไปไกลของสาวน้อย
“ยัยเด็กบ้า! เธอไม่เป็นอะไรหรอก”
“แต่เกล้าโดนงูกัด” เธอค้านทั้งยังสะอึกสะอื้น
“เดี๋ยวหมอก็รักษาให้เองแหละ ทีนี้อยากกินขนมอะไรให้บอกคุณย่าล่ะ เดี๋ยวท่านก็หาให้ หรือจะให้ฉันซื้อเค้กนั่นให้เธอกินก็ได้ เอาเยอะ ๆ เลย เพราะฉะนั้นอย่าใจเสาะ งูเขียวกัดแค่นี้เอง หยุดร้องไห้ได้แล้ว”
อิธานไม่เคยปลอบผู้หญิง แต่เห็นสนานปลอบเวลาน้องสาวร้องไห้ด้วยการลูบศีรษะ ตอนนั้นไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเพื่อนทำไปทำไม แต่ตอนนี้ขอลักวิธีนี้มาใช้บ้าง
มือใหญ่สีคร้ามลูบลงไปบนผมดำสนิท ปรากฏว่านุ่มลื่นเหมือนเส้นไหม
“ไม่ใช่งูเขียว งูสีอะไรก็ไม่รู้ มันมืด คุณอิธเห็นเหรอ”มือที่ลูบอยู่ชะงัก เกล้ากมลช้อนตาบวมแดงมองเขา“จะงูอะไรก็ช่าง เดี๋ยวหมอรักษาได้เองแหละ”นี่คือข้อแตกต่างระหว่างวรดากับเกล้ากมล น้องสาวเพื่อนนุ่มนิ่ม เชื่อพี่ชายทุกอย่าง แต่เกล้ากมลเต็มไปด้วยคำถาม แสดงความเป็นคนไม่ยอมคน“อย่าหลับล่ะ แล้วก็เลิกร้องไห้ด้วย”รถแล่นออกจากอาณาเขตไร่แล้ว ตาไสวขับบนทางหลวงสายเปลี่ยวอย่างรวดเร็ว โรงพยาบาลห่างออกไปประมาณสิบกิโลเมตร คุยกันแป๊บเดียวก็ถึงเมื่อรถจอดหน้าห้องฉุกเฉิน อิธานอุ้มร่างน้อยออกจากรถ ระหว่างนั่งรถเข็นพยาบาลก็ซักถามอาการ เขาเป็นคนตอบแทนทั้งหมด เพราะเกล้ากมลทั้งตื่นกลัวทั้งร้องไห้ เธอจับมือเขาไว้แน่นตลอดเวลา“คุณอิธอย่าทิ้งเกล้านะคะ”ณ สถานที่แห่งนี้ มีเพียงเขาคนเดียวที่เธอพึ่งได้ เขาคนเดียวที่เธอจะเชื่อใจ“ฉันไม่ทิ้งเธอหรอก...เกล้า”เพราะด้วยสงสารหรืออะไรก็ไม่รู้ ทำให้หนุ่มน้อยรับปากด้วยสายตาที่มุ่งมั่น แพทย์ให้ฉีดเซรุ่ม แล้วนอนดูอาการสักคืน เขาบอกให้ตาไสวโทรไปบอกคุณย่าอิสรี“เดี๋ยวผมไปซื้อเสื้อในเซเว่นให้นะครับ”ตอนนั้นเองอิธานถึงเพิ่งรู้ตัวว่าเขาเปลือยท่อนบนอยู่ กว่าจะจัดการพาเกล้ากมลเข
ไร่สมบูรณ์ดีอยู่ในความสงบสุข กระทั่งสองปีต่อมาอิธานและสนานสอบติดมหาวิทยาลัยคณะเกษตรศาสตร์ เกล้ากมลกับวรดาอายุเก้าขวบ สองสาวน้อยรู้สึกใจหายกับคนกำลังจะจากไปเรียนไกล“แล้วพี่จะโทรหาเป็ดบ่อย ๆ นะ”สนานให้คำมั่นกับน้องสาวยามพากันไปริมลำธารชายป่าเพื่อตกปลา“ไม่เชื่อหรอก แม่บอกเดี๋ยวพี่หนานก็มีแฟน” น้องสะบัดหน้างอน คนเป็นพี่ยิ้มกว้าง“พี่ยังเอาตัวเองไม่รอด ไม่มีปัญญาเลี้ยงใครหรอก คิดดูสิขนาดค่าเรียนยังต้องอาศัยคุณท่านช่วยเหลือเลย”โชคดีที่เขาชอบทางการเกษตรอยู่แล้ว จึงได้ไปเรียนกับอิธาน“ถ้าพี่มีใครจะเอามาให้แม่กับเป็ดสแกนกรรมก่อนเลยจ้ะ” ว่าแล้วก็หัวเราะ วรดามองเขาตาขุ่นที่เห็นความห่วงใยของเธอเป็นเรื่องสนุก“แล้วคุณอิธล่ะ จะโทรมาหาคุณย่ากับเกล้าไหม”มือที่กำลังสาวเบ็ดอยู่ชะงักไปนิด“ถ้ามีธุระสำคัญก็จะโทร” อิธานเล่นลิ้น รู้ว่าเกล้ากมลกำลังจะเซ้าซี้เหมือนเคย“แสดงว่าจะไม่โทรล่ะสิ” เธอรู้ความที่จะค้อนแบบแง่งอนเป็นแล้ว“บอกแล้วถ้ามีธุระสำคัญก็จะโทร ยังไงเลขาหน้าห้องคุณย่าอย่างเธอต้องได้คุยกับฉันแน่” หนุ่มย่างสิบเก้าทำเสียงฮึในลำคอ เพราะรู้ว่าตอนนี้สาวน้อยคนนี้ทำตัวเป็นหูเป็นตาแทนผู้เป็นย่า เธอ
“งั้นซันก็ขี่ม้าเก่งดิวะ” หนึ่งในบรรดาเพื่อนเตะหมูเข้าปากหมา ยิ่งทำให้กรวีได้อวด“นิดหน่อยว่ะ พอได้รางวัลมาบ้าง”อกยิ่งยืด จมูกยิ่งเชิด แสดงความเหนือชั้นให้ได้เห็นกันชัด ๆ“อิธก็ขี่ม้าได้ใช่ปะ” คนเดิมตั้งคำถามกับหลานเจ้าของไร่“ใช่ ฉันขี่ต้อนวัวบ้างเป็นบางครั้ง”“งั้นซันลองขี่ม้าของอิธสิ เราอยากดูนักขี่ม้าได้รางวัลฝึกม้าธรรมดา อยากเห็นว่าจะเป็นยังไง”สาวที่นั่งข้างชนันธรรีบเสนอ ปรากฏแววตระหนกในดวงตากรวีเพียงแวบ แล้วเขาก็เรียกความมั่นใจกลับมาได้“ฉันไม่มีปัญหา ทางนายล่ะอิธ”“ม้าไร่ฉันเป็นม้าบ้าน ๆ ไม่มีหรอกนะพวกอานหรือบังเหียนดี ๆ”อิธานไม่ได้ขี่พวกมันมาเป็นปี ไม่รู้จะผิดกลิ่นหรือเปล่า แต่เท่าที่ไปหาม้าเมื่อวาน พวกมันก็เล่นกับเขาดี“งั้นไม่ต้องฝึกหรอกม้าน่ะ ขี่แข่งกันไปเลย”สาวนั่งข้างนางใจดวงใจกรวีรีบเสนอ...ชักอยากจะเห็นศึกชิงนางกลางไร่“เออ ก็ดีเนอะ แข่งกันให้จบ ๆ มา! ใครจะเดิมพันข้างใคร”วงอาหารปิกนิกกลายเป็นวงพนันขันต่อ อิธานกับสนานสบตากันอย่างรู้ใจ หากจะให้ศึกครั้งนี้สงบลงมีแต่จะต้องแข่งขันกันเท่านั้น“ให้เวลาเตรียมตัวสักวันทันไหมซัน แล้วค่อยแข่ง” เพื่อนอีกคนที่รับเป็นโต้โผใหญ่รีบ
อิธานเป็นผู้คว้าผ้าแดงมาอยู่ในมือ มีทั้งเสียงสบถทั้งเสียงยินดีดังทั่วไปหมด อิธานหายใจหนัก ๆ อยู่บนหลังม้า ชนันธรและเกล้ากมลมองเขาตาเป็นประกายด้วยใจที่เต้นระรัว ขณะผู้พ่ายแพ้ลงจากม้าอย่างหัวเสีย“แ-งเอ๊ย!”“อย่าโมโหไปเลยน่า แค่แข่งกันขำ ๆ”โต้โผใหญ่มาแก้สถานการณ์เมื่อเห็นว่าคนแพ้ชักจะไม่ตลกด้วย“ถ้าฉันอยากทำฟาร์มม้าจริง ๆ จัง ๆ จะให้นายช่วย”อิธานลงจากม้าเช่นกัน เขายื่นมือให้อีกฝ่ายจับ กรวีเม้มปากปิดความไม่พอใจไม่มิด แต่ก็ยอมจับมือแต่โดยดี เรียกเสียงปรบมือได้จากคนดู“ทุกคน ฉันทำตะโก้เป็นของหวานมากินกัน” ชนันธรตะโกน“ไหนว่าจะทำให้คนชนะกินไง”อีกหลายคนขมวดคิ้วกังขา“กินด้วยกันแหละดี ฉันทำไว้ตั้งเยอะ ไม่ต้องไปสนหรอกว่าใครจะแพ้หรือชนะ”ชนันธรโปรยยิ้มสวย ก่อนเพื่อนจะมาเดินจับแขนให้ไปด้วยกัน“คุณอิธขี่ม้าเก่ง สอนเกล้าด้วยสิคะ”เกล้ากมลมุดเชือกฟางที่ล้อมอยู่เข้ามาหาเขา ใบหน้ายิ้มแป้น“ให้ตาไสวสอนดีกว่า ฉันก็เรียนมาจากแกนั่นแหละ”“แต่เกล้ากลัวคุณย่าไม่ให้เรียน วันก่อนเกล้าชงโอวัลตินแล้วร้องเพลงไป ยังโดนดุ กลัวเกล้าจะมีผัวแก่”คนฟังถึงกับหลุดขำพรืด“ใครจะมาเอาเธอทำเมียฮึ ยัยเด็กแก่แดด นมมีหรือย
ก่อนที่เพื่อนอิธานจะแยกย้ายกันกลับบ้านหนึ่งวัน ชายหนุ่มได้พาเพื่อน ๆ ไปเที่ยวน้ำตกในวนอุทยานใกล้ไร่ เกล้ากมลกับวรดาเลยได้มีโอกาสติดสอยห้อยตามไปด้วยเหมือนเคยเนื่องจากน้ำตกแห่งนี้มีตาน้ำที่ไหลรินตลอดทั้งปี จึงมีน้ำเพียงพอในฤดูแล้งให้เล่นกัน ระดับน้ำสูงประมาณเอวผู้ใหญ่ แต่ก็มิดคอสำหรับเด็กเก้าขวบ“อย่าไปเล่นไหนไกลล่ะ อยู่ที่น้ำตื้น ๆ ไว้”อิธานสั่งสองสาวน้อยที่นั่งวักน้ำเล่นกันข้างโขดหิน แล้วเขาก็ไปโดดน้ำแข่งกับเพื่อน กรวีไม่ยอมลงน้ำ แต่ไปนั่งคุยกับกลุ่มชนันธรแทน“เล่นจับปลากันไหม”วรดาชี้ไปทางปลาตัวเล็ก ๆ กลุ่มหนึ่ง ที่ว่ายอยู่ท่ามกลางสายน้ำใส ๆ“เอาสิ”เธอและวรดาวิ่งไล่ต้อนฝูงปลาอย่างสนุกสนาน มันว่ายมาชนขาบ้าง หลบเลี้ยวไปทางก้อนหินบ้าง กระทั่งว่ายหนีไปอีกทาง เกล้ากมลจึงรีบลุยน้ำตามไป“เกล้าอย่าไปทางนั้น”ไม่ทันเสียแล้วเพราะเท้าเล็กพลาดเหยียบหิน ลื่นจมลงสู่ส่วนบริเวณน้ำลึก สาวน้อยรู้สึกตัวหนักไปหมด พยายามใช้เท้าตีน้ำ มือก็ตะกายขอความช่วยเหลือ หูได้ยินเสียงเพื่อนเรียกชื่อเธอดังลั่น ด้วยรู้สึกกำลังจะขาดอากาศหายใจ ทำให้เธอฮุบน้ำเข้าคออึกใหญ่สายน้ำยื้อยุดฉุดเกล้ากมลลงสู่เบื้องล่าง ตัวหนัก
“หนูลูกน้ำคนนั้น อิธชอบเขาเหรอ” หลานชายอึกอัก ยกมือเกาท้ายทอย“เขาน่ารักนะ”อิธานไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่ ออกจะหน้าตาดีด้วยซ้ำ การจะมีแฟนสักคนสองคนไม่ใช่เรื่องแปลก“ผมกับเขากำลังดู ๆ กันอยู่”“อย่าใจร้อนนักล่ะ ให้ค่อยเป็นค่อยไป เรายังเรียนอยู่ด้วยกันทั้งคู่” ท่านสอนด้วยใบหน้ายิ้ม ๆ“ครับ”คำตอบของเขาทำใจอีกคนที่เผลอมาได้ยินสั่น จนแทบทำแก้วโอวัลตินหล่นจากถาดเช้านั้นเกล้ากมลไม่กล้ามองหน้าอิธมากนัก สายหน่อยเธอไปหาวรดาที่เรือนคนงาน เพื่อนกำลังอ่านการ์ตูนซึ่งเป็นสมบัติตกทอดจากพี่ชายอยู่“ทำไมหน้าเศร้า ๆ” มือที่ถือหนังสือลดลงจากหน้า สบตาใสแจ๋วกับเธอ“คุณอิธกับพี่ลูกน้ำชอบกัน จะคบเป็นแฟน” เกล้ากมลดูละครบ่อย ไม่ยากที่จะปะติดปะต่อเรื่องราวได้ “ฉันอกหัก”คนฟังทำหน้าเหลอหลา เกิดมาไม่เคยเจอคนอกหักตัวเป็น ๆ เสียด้วย เคยเห็นแต่ในมิวสิควิดีโอ ที่ร้องไห้บ้าง เดินร้องเพลงเศร้าบ้าง“เกล้าโตเป็นผู้ใหญ่เร็วจัง รู้จักอกหักด้วย”เธอชม เพราะในวิดีโอที่เคยดูคนแสดงนั้นต่างสวยหล่อ แต่งตัวดี น่าหลงใหล“เป็ดคิดว่าฉันแก่แดดไปไหม”เกล้ากมลคิดว่าตัวเองแค่เก้าขวบ ไม่น่าจะมีความรู้สึกแบบนี้“ฉันไม่รู้สิ ไม่เคยได้ยินใคร
งานศพยายเกดเกิดขึ้นปลายเดือนมีนาคม อิธานเรียนจบมหาวิทยาลัยพอดี เขาจึงเป็นคนจัดการงานศพญาติให้เธออีกรอบ“อย่าทำหน้าหมาเหงาอย่างนั้นสิ”ชายหนุ่มทักตอนกำลังนั่งร่วมวงกันกินข้าวต้มงานศพ สมาชิกประกอบด้วย เกล้ากมล เขา สนานและวรดา“ทำหน้าทะเล้น ๆ ออดอ้อนคุณย่าเหมือนเดิมเถอะ”สองพี่น้องมองสบตากัน อิธานกำลังปลอบเกล้ากมล...ในแบบของเขา“ไม่มียายอยู่แล้ว เกล้าจะอยู่ยังไง”ไอร้อนควันฉุยจากชามต้มปะทะดวงตา จนเธอทำท่าจะร้องไห้อีกรอบ“ก็อยู่ที่นี่เหมือนเดิมแหละ อยู่ดูแลคุณย่า อย่าให้คนแก่อีกคนเสียใจไป”“คุณอิธไม่กลัวเกล้าจะฮุบไร่นี้เหรอคะ”เกล้ากมลโตพอจนได้ยินข่าวซุบซิบแล้วว่า...คุณย่าเลี้ยงเธอมาเพื่อเป็นเจ้าสาวของอิธาน แม้เขาจะมีแฟนอยู่แล้วก็ตาม“เธอตัวนี้แค่นี้มีปัญญาฮุบอะไรได้” เขาทำเสียงหึในลำคอ พลางตักข้าวต้มเข้าปาก “อยู่ที่นี่ ดูแลย่า ฉันกับหนานจะไปเรียนต่อที่ออสเตรเลียสักสองสามปี ถ้าเบื่องานบ้านก็ไปที่ออฟฟิศโน่น ไปช่วยงานเขา”“เกล้ายังเรียนหนังสืออยู่นะ” เธอค้าน ด้วยไม่ชอบคนออกสั่ง“ค่อย ๆ เรียนรู้งานไปสิ คุณย่าคงไม่อยากให้หลานสาวทำอะไรไม่เป็นหรอก”เกล้ากมลหน้างอ ดูเถิด...ในสถานการณ์แบบนี้อิธาน
ในปีที่อายุย่างเข้าสิบเก้า วรดาและเกล้ากมลสอบเข้าติดมหาวิทยาลัยในตัวจังหวัด ทั้งสองเลือกเรียนคณะบัญชี เมื่อคุณย่าอิสรีทราบเรื่องก็ดีใจเป็นอย่างมาก เล่าในวงอาหารเย็นไม่หยุดว่าจะจัดโต๊ะจีนมาฉลอง แต่เกล้ากมลทัดทานไว้ก่อน“ไม่เอาหรอกค่ะ เปลืองเงิน แค่กินข้าวด้วยกันเล็ก ๆ ในครอบครัวก็พอแล้ว”“หลานย่าเข้ามหาวิทยาลัยได้ทั้งที ไม่เปลืองหรอกใช่ไหมอิธ”“ครับ ถ้ากลัวเปลืองก็ฆ่าวัว ฆ่าไก่ในไร่เลี้ยงก็ได้” เขาแกล้งประชด เธอนึกทดเอาไว้ในใจกะจะเอาคืน“นาน ๆ ไร่ เราจะมีงานรื่นเริงบ้าง”ท่านทำเสียงเศร้า เล่นเอาคนได้ยินต้องคิดแผนสอง“เอาอย่างนี้ไหมคะ ทำขนมจีนเลี้ยงกัน ให้พระมาสวดทำบุญอัฐิธาตุประจำปีของทุกคน เกล้าจะทำของหวานเลี้ยง”“จะเหนื่อยไปไหมล่ะ”“ไม่เลยค่ะ เกล้าไหว ถือเป็นการเลี้ยงส่งก่อนเกล้าจะไปอยู่หอ”ผู้ใหญ่ตกลงกันแล้วว่าให้สองสาวไปเช่าหออยู่ด้วยกัน โดยจะให้อิธานกับสนานไปหาหอพักใกล้มหาวิทยาลัยให้...คิดแล้วก็ใจโหวง นี่เป็นครั้งแรกที่เธอต้องไปจากบ้านหลังนี้ แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ ก็ตาม“งั้นตกลงเอาตามนี้นะ”อิธานตัดบท กินข้าวต่อ แต่แล้วก็ต้องมาปวดหัวเมื่อสนานมาคุยในห้องทำงาน“เลือกหอพักที่มีแต่