เด็กหญิงอ้อยอิ่งอยู่บนรถสองแถวนาน พยายามเดินให้ช้าที่สุด อิธานเลิกสนใจเธอแล้ว เพราะยายพลวงที่รออยู่หน้าประตูบ้านบอกว่า วันนี้คุณย่าอิสรีลงครัวเอง ท่านตำน้ำพริกปลาทูของโปรดหลาน เด็กหนุ่มจึงรีบไปอาบน้ำเพื่อเตรียมมากินข้าวเย็น
เกล้ากมลยังไม่กล้าเข้าบ้าน ซึ่งตอนนี้เธอรู้สึกว่ามันเหมือนเป็นยักษ์ตัวใหญ่ รอตะปบเด็กที่ทำความผิดอย่างเธอ กระเป๋านักเรียนที่ถืออยู่รู้สึกหนักอึ้ง ด้วยไม่รู้จากน้ำหนักเค้กหรือบาปในจิตใจ
อิธานต้องรู้แล้วแน่ ๆ ว่าเธอแอบเอาเงินในครัวมาซื้อเค้ก แถมเขาไม่ชอบเธอ คงไม่พลาดที่จะเล่าให้คุณย่าฟัง แล้วเธอจะโดนทำโทษ
เกล้ากมลตัวสั่นเมื่อคิดว่าคุณย่าอิสรีต้องเรียกยายเกดมา ปรกติยายรักเธอ แต่เวลาแกลงโทษจะตีด้วยไม้ขัดหม้อข้าว มันทั้งเจ็บทั้งทิ้งรอยใหญ่บนขา เธอเคยเจอมาแล้วตอนแอบไปเที่ยวงานวัดกับครอบครัวเพื่อนบ้าน
เธอไม่อยากโดนตี แต่จะทำอย่างไรดีล่ะ ในเมื่อหลักฐานก็ทนโท่อยู่ในกระเป๋านักเรียน...หลักฐาน ทันใดนั้นสมองเด็กอายุเจ็ดขวบก็สว่างวาบ ถ้าไม่มีหลักฐานก็จะไม่มีใครรู้ว่าเธอทำผิด
ตากลมเหลียวซ้ายแลขวา เวลานี้ตะวันโพล้เพล้ คนงานไปกินข้าวกันที่โรงอาหาร มีเหลือคอยรับใช้ในบ้านใหญ่ไม่กี่คนและอยู่ในบ้านกันหมด
เกล้ากมลเปิดกระเป๋านักเรียน หยิบกล่องเค้กยัดใส่พุ่มดอกเข็มที่ตัดเป็นทรงสี่เหลี่ยมยาวในสวน ยัดมันลงไปให้ลึกที่สุดเท่าที่แรงจะมี ...ต้องไม่มีใครเห็น ต้องไม่มีใครรู้
“เกล้า”
ร่างในชุดนักเรียนสะดุ้งโหยง เงยหน้าขึ้นดูบนชาน ยายพลวงยืนอยู่ตรงนั้น
“รีบได้แล้ว มาอาบน้ำกินข้าว อย่าปล่อยให้คุณท่านรอ”
ผู้สูงวัยบอกเสียงเรียบ แล้วรีบกลับเข้าบ้าน เธอถอนหายใจยาว ท่าทางอย่างนี้แสดงว่าไม่เห็นของที่ยัดในพุ่มดอกเข็ม เกล้ากมลตรวจดูอีกครั้งว่ามันเร้นจากสายตาผู้คนแล้ว เธอจึงค่อยขึ้นเรือนไป
แต่พิรุธในเด็กเจ็ดขวบเป็นเรื่องไม่ยากเลยที่อิธานจะสังเกตเห็น ด้วยสาวน้อยเงียบจนเกินไปบนโต๊ะกินข้าว ปรกติเธอจะเล่าเจื้อยแจ้วเรื่องโรงเรียน ห้องสมุด หมาแมว ในไร่ ล้วนแต่เรียกรอยยิ้มจากคุณย่าบ่อยนัก
“กินทิ้งกินขว้าง ไม่ดีนะรู้ไหม”
เขาเอ็ดเมื่อเห็นเธอเขี่ยผักไว้ขอบจาน มื้อเย็นวันนี้มีแกงเทโพหมูสามชั้น น้ำพริกปลาทู ไข่เจียว ผัดกุ๊ยช่ายขาว
“กับข้าวเผ็ดไปเหรอเกล้า”
แกงเทโพสีส้มน่ากิน ยายพลวงมีรสมือในการทำอาหารหนักเครื่อง คงเผ็ดร้อนเกินไปกับปากเด็ก
“เปล่าค่ะ ที่เกล้าไม่กินเพราะมันขมผิวมะกรูด”
ตาโตไม่มองอิธาน แต่ตอบผู้สูงวัยแทน
“ถึงยายเกดจะสอนว่าหวานเป็นลมขมเป็นยา แต่เกล้าไม่ชอบของขม ๆ”
“เรื่องมากจริงเธอ”
“อิธอย่าว่าน้องสิ” หลานชายตัวจริงยิ่งหน้าบึ้ง “งั้นก็กินไข่เจียวไปนะ”
เขาไม่พอใจ แต่อิธานไม่ใช่พวกหนีตะบึงตะบอน จะนั่งคอยกัด เป็นก้างขวางคออยู่อย่างนี้แหละ
คุณย่าอิสรีส่ายศีรษะกับหลานชายและหลานสาว ท่านอยากให้ทั้งสองสนิทกัน เหมือนคู่สนานกับวรดา บ้านใหญ่หลังนี้ที่แห้งแล้งเสียงหัวเราะจะได้แจ่มใสขึ้นบ้าง
แต่เปล่าเลย ผลที่ได้กลับตรงข้าม ทว่าท่านต้องไปปรึกษาเรื่องการเลี้ยงเด็กกับยายพลวงและนายไสวสามีเสียแล้ว
เสร็จจากมื้อค่ำ เกล้ากมลก็เอาการบ้านมาทำในห้องนั่งเล่น พร้อมดูโทรทัศน์เป็นเพื่อนคุณย่าอิสรีไปด้วย เธอค่อยโล่งใจหน่อยที่ไม่มีสายตาจ้องจับผิดจากอิธาน
พรุ่งนี้ต้องตื่นแต่เช้า รีบเอาขนมในพุ่มไม้ไปทิ้งในถังขยะโรงอาหาร แค่นี้ก็จะไม่มีใครรู้ว่าเธอแอบซื้อมันมา
เด็กหญิงตัวน้อยวางแผนที่คิดว่าฉลาดที่สุดเท่าที่เด็กอายุเจ็ดขวบจะมีได้ คืนนั้นเธอหลับไปพร้อมรอยยิ้มกริ่ม จนสะดุ้งตื่นขึ้นมาเพราะฝันร้าย เกล้ากมลฝันเห็นยายเกดถือไม้ขัดหม้อชี้หน้าเธอ
“เอ็งริจะเป็นขโมยเรอะ”
ผู้เป็นยายเสียงเกรี้ยวกราด หน้าถมึงทึง ข้างกันเป็นคุณย่าอิสรีที่คิ้วตก มองเธอด้วยสายตาตำหนิ
“เกล้า...”
ในฝันเธออึกอัก ทันใดนั้น ก็มีก้อนขนมเค้กตกเผละมากลางวง มันขยายขึ้นอย่างรวดเร็ว จนเบียดกลืนร่างเธอ ครีมสีขาวไหลเข้าปากและมีรสขม เหมือนยาสมุนไพรที่ยายเกดเคยต้มให้กินยามป่วยไข้
ในฝันเด็กน้อยดิ้นหนีสุดแรง แต่เจ้าเค้กยักษ์มีแต่จะยิ่งกลืนเธอเข้าไปเป็นเนื้อเดียวกับมัน ทั้งยังได้ยินเสียงดังเปรี๊ยะ ๆ น่าจะเป็นกระดูกที่แตกหัก ในฝันเธอไม่รู้สึกเจ็บ แต่ใจเต้นแรง เหงื่อท่วม จนต้องทะลึ่งกายขึ้นกลางดึก
เกล้ากมลกำลังจะโดนเจ้าเค้กร้ายนั้นลงโทษ ความหวานน่ากินกลับเป็นอสุรกายเสียแล้ว สองเท้าเล็กลงจากเตียงไปเปิดม่านดูพุ่มดอกเข็ม เธอต้องทำอะไรสักอย่าง เพื่อไม่ให้ความฝันเป็นความจริง ไม่อาจรอจนถึงเช้าได้
สาวน้อยวัยเจ็ดขวบข่มความกลัว แอบย่องลงมาจากห้องตน เปิดประตูหน้าบ้าน มองซ้ายมองขวาดูว่าไม่มีคน รีบวิ่งไปยังพุ่มไม้ สอดมือไขว่คว้าหากล่องเค้ก ต้องทำลายมันเสียในคืนนี้!
อิธานกำลังขะมักเขม้นกับการอ่านหนังสือวิชาคณิตศาสตร์ ด้วยไม่ได้ชอบวิชานี้นัก แต่พรุ่งนี้มีเรียน หนุ่มสิบเจ็ดจำต้องอ่านผ่าน ๆ เผื่ออาจารย์จะถามในโปรแกรมแช็ตบนคอมพิวเตอร์ เพื่อนทักมาชวนไปดูเด็กชมรมนาฏศิลป์ซ้อมรำ นัยว่ามีเด็กคนหนึ่งที่เพื่อนแอบเล็งอยู่ หากมีคนหล่อ ๆ อย่างเขาไปด้วย สาว ๆ ในชมรมจะได้ไม่ไล่ตะเพิดออกมาอิธานตั้งใจจะชวนสนานไปด้วย อาจเพราะมีน้องสาวสนานจึงเข้ากับผู้หญิงได้ดี เป็นมิตรกับทุกคน จนบางครั้งเขาก็คิดว่าเพื่อนกึ่งคนงานสนิทบ้าหรือเปล่า ทำไมชอบยิ้มและทำดีกับทุกคนนึกถึงสนานแล้วคิดขึ้นได้ ยายพลวงให้เพื่อนเอาองุ่นจากในสวนมาแช่ไว้ในตู้เย็นถุงใหญ่ มื้อเย็นคุณย่าอิสรีกินไปนิดเดียว เกล้ากมลก็กินลูกสองลูก อ่านหนังสือใช้พื้นที่สมองเยอะเขาจึงหิว เลยออกจากห้องตัวเองลงครัวหวังไปเปิดตู้เย็นขณะกำลังจะแง้มประตู ตาก็เห็นร่างหนึ่งผ่านห้องตนไป ทีแรกคิดว่าผี แต่พอปรับสายตาให้ค่อยชินกับความมืดจึงได้เห็นว่าเป็นเกล้ากมล เธอทำลับ ๆ ล่อ ๆ หน้าประตูบ้านร่างสูงของหนุ่มสิบเจ็ดค่อยย่องตามไป จนเห็นเธอนั่งลงข้างพุ่มไม้ ยื่นมือไปควานหาอะไรสักอย่าง ก่อนผงะล้มก้นจ้ำเบ้า“โอ๊ย!”มือเกล้ากมลไปโดนอะไรสั
“ไม่ใช่งูเขียว งูสีอะไรก็ไม่รู้ มันมืด คุณอิธเห็นเหรอ”มือที่ลูบอยู่ชะงัก เกล้ากมลช้อนตาบวมแดงมองเขา“จะงูอะไรก็ช่าง เดี๋ยวหมอรักษาได้เองแหละ”นี่คือข้อแตกต่างระหว่างวรดากับเกล้ากมล น้องสาวเพื่อนนุ่มนิ่ม เชื่อพี่ชายทุกอย่าง แต่เกล้ากมลเต็มไปด้วยคำถาม แสดงความเป็นคนไม่ยอมคน“อย่าหลับล่ะ แล้วก็เลิกร้องไห้ด้วย”รถแล่นออกจากอาณาเขตไร่แล้ว ตาไสวขับบนทางหลวงสายเปลี่ยวอย่างรวดเร็ว โรงพยาบาลห่างออกไปประมาณสิบกิโลเมตร คุยกันแป๊บเดียวก็ถึงเมื่อรถจอดหน้าห้องฉุกเฉิน อิธานอุ้มร่างน้อยออกจากรถ ระหว่างนั่งรถเข็นพยาบาลก็ซักถามอาการ เขาเป็นคนตอบแทนทั้งหมด เพราะเกล้ากมลทั้งตื่นกลัวทั้งร้องไห้ เธอจับมือเขาไว้แน่นตลอดเวลา“คุณอิธอย่าทิ้งเกล้านะคะ”ณ สถานที่แห่งนี้ มีเพียงเขาคนเดียวที่เธอพึ่งได้ เขาคนเดียวที่เธอจะเชื่อใจ“ฉันไม่ทิ้งเธอหรอก...เกล้า”เพราะด้วยสงสารหรืออะไรก็ไม่รู้ ทำให้หนุ่มน้อยรับปากด้วยสายตาที่มุ่งมั่น แพทย์ให้ฉีดเซรุ่ม แล้วนอนดูอาการสักคืน เขาบอกให้ตาไสวโทรไปบอกคุณย่าอิสรี“เดี๋ยวผมไปซื้อเสื้อในเซเว่นให้นะครับ”ตอนนั้นเองอิธานถึงเพิ่งรู้ตัวว่าเขาเปลือยท่อนบนอยู่ กว่าจะจัดการพาเกล้ากมลเข
ไร่สมบูรณ์ดีอยู่ในความสงบสุข กระทั่งสองปีต่อมาอิธานและสนานสอบติดมหาวิทยาลัยคณะเกษตรศาสตร์ เกล้ากมลกับวรดาอายุเก้าขวบ สองสาวน้อยรู้สึกใจหายกับคนกำลังจะจากไปเรียนไกล“แล้วพี่จะโทรหาเป็ดบ่อย ๆ นะ”สนานให้คำมั่นกับน้องสาวยามพากันไปริมลำธารชายป่าเพื่อตกปลา“ไม่เชื่อหรอก แม่บอกเดี๋ยวพี่หนานก็มีแฟน” น้องสะบัดหน้างอน คนเป็นพี่ยิ้มกว้าง“พี่ยังเอาตัวเองไม่รอด ไม่มีปัญญาเลี้ยงใครหรอก คิดดูสิขนาดค่าเรียนยังต้องอาศัยคุณท่านช่วยเหลือเลย”โชคดีที่เขาชอบทางการเกษตรอยู่แล้ว จึงได้ไปเรียนกับอิธาน“ถ้าพี่มีใครจะเอามาให้แม่กับเป็ดสแกนกรรมก่อนเลยจ้ะ” ว่าแล้วก็หัวเราะ วรดามองเขาตาขุ่นที่เห็นความห่วงใยของเธอเป็นเรื่องสนุก“แล้วคุณอิธล่ะ จะโทรมาหาคุณย่ากับเกล้าไหม”มือที่กำลังสาวเบ็ดอยู่ชะงักไปนิด“ถ้ามีธุระสำคัญก็จะโทร” อิธานเล่นลิ้น รู้ว่าเกล้ากมลกำลังจะเซ้าซี้เหมือนเคย“แสดงว่าจะไม่โทรล่ะสิ” เธอรู้ความที่จะค้อนแบบแง่งอนเป็นแล้ว“บอกแล้วถ้ามีธุระสำคัญก็จะโทร ยังไงเลขาหน้าห้องคุณย่าอย่างเธอต้องได้คุยกับฉันแน่” หนุ่มย่างสิบเก้าทำเสียงฮึในลำคอ เพราะรู้ว่าตอนนี้สาวน้อยคนนี้ทำตัวเป็นหูเป็นตาแทนผู้เป็นย่า เธอ
“งั้นซันก็ขี่ม้าเก่งดิวะ” หนึ่งในบรรดาเพื่อนเตะหมูเข้าปากหมา ยิ่งทำให้กรวีได้อวด“นิดหน่อยว่ะ พอได้รางวัลมาบ้าง”อกยิ่งยืด จมูกยิ่งเชิด แสดงความเหนือชั้นให้ได้เห็นกันชัด ๆ“อิธก็ขี่ม้าได้ใช่ปะ” คนเดิมตั้งคำถามกับหลานเจ้าของไร่“ใช่ ฉันขี่ต้อนวัวบ้างเป็นบางครั้ง”“งั้นซันลองขี่ม้าของอิธสิ เราอยากดูนักขี่ม้าได้รางวัลฝึกม้าธรรมดา อยากเห็นว่าจะเป็นยังไง”สาวที่นั่งข้างชนันธรรีบเสนอ ปรากฏแววตระหนกในดวงตากรวีเพียงแวบ แล้วเขาก็เรียกความมั่นใจกลับมาได้“ฉันไม่มีปัญหา ทางนายล่ะอิธ”“ม้าไร่ฉันเป็นม้าบ้าน ๆ ไม่มีหรอกนะพวกอานหรือบังเหียนดี ๆ”อิธานไม่ได้ขี่พวกมันมาเป็นปี ไม่รู้จะผิดกลิ่นหรือเปล่า แต่เท่าที่ไปหาม้าเมื่อวาน พวกมันก็เล่นกับเขาดี“งั้นไม่ต้องฝึกหรอกม้าน่ะ ขี่แข่งกันไปเลย”สาวนั่งข้างนางใจดวงใจกรวีรีบเสนอ...ชักอยากจะเห็นศึกชิงนางกลางไร่“เออ ก็ดีเนอะ แข่งกันให้จบ ๆ มา! ใครจะเดิมพันข้างใคร”วงอาหารปิกนิกกลายเป็นวงพนันขันต่อ อิธานกับสนานสบตากันอย่างรู้ใจ หากจะให้ศึกครั้งนี้สงบลงมีแต่จะต้องแข่งขันกันเท่านั้น“ให้เวลาเตรียมตัวสักวันทันไหมซัน แล้วค่อยแข่ง” เพื่อนอีกคนที่รับเป็นโต้โผใหญ่รีบ
อิธานเป็นผู้คว้าผ้าแดงมาอยู่ในมือ มีทั้งเสียงสบถทั้งเสียงยินดีดังทั่วไปหมด อิธานหายใจหนัก ๆ อยู่บนหลังม้า ชนันธรและเกล้ากมลมองเขาตาเป็นประกายด้วยใจที่เต้นระรัว ขณะผู้พ่ายแพ้ลงจากม้าอย่างหัวเสีย“แ-งเอ๊ย!”“อย่าโมโหไปเลยน่า แค่แข่งกันขำ ๆ”โต้โผใหญ่มาแก้สถานการณ์เมื่อเห็นว่าคนแพ้ชักจะไม่ตลกด้วย“ถ้าฉันอยากทำฟาร์มม้าจริง ๆ จัง ๆ จะให้นายช่วย”อิธานลงจากม้าเช่นกัน เขายื่นมือให้อีกฝ่ายจับ กรวีเม้มปากปิดความไม่พอใจไม่มิด แต่ก็ยอมจับมือแต่โดยดี เรียกเสียงปรบมือได้จากคนดู“ทุกคน ฉันทำตะโก้เป็นของหวานมากินกัน” ชนันธรตะโกน“ไหนว่าจะทำให้คนชนะกินไง”อีกหลายคนขมวดคิ้วกังขา“กินด้วยกันแหละดี ฉันทำไว้ตั้งเยอะ ไม่ต้องไปสนหรอกว่าใครจะแพ้หรือชนะ”ชนันธรโปรยยิ้มสวย ก่อนเพื่อนจะมาเดินจับแขนให้ไปด้วยกัน“คุณอิธขี่ม้าเก่ง สอนเกล้าด้วยสิคะ”เกล้ากมลมุดเชือกฟางที่ล้อมอยู่เข้ามาหาเขา ใบหน้ายิ้มแป้น“ให้ตาไสวสอนดีกว่า ฉันก็เรียนมาจากแกนั่นแหละ”“แต่เกล้ากลัวคุณย่าไม่ให้เรียน วันก่อนเกล้าชงโอวัลตินแล้วร้องเพลงไป ยังโดนดุ กลัวเกล้าจะมีผัวแก่”คนฟังถึงกับหลุดขำพรืด“ใครจะมาเอาเธอทำเมียฮึ ยัยเด็กแก่แดด นมมีหรือย
ก่อนที่เพื่อนอิธานจะแยกย้ายกันกลับบ้านหนึ่งวัน ชายหนุ่มได้พาเพื่อน ๆ ไปเที่ยวน้ำตกในวนอุทยานใกล้ไร่ เกล้ากมลกับวรดาเลยได้มีโอกาสติดสอยห้อยตามไปด้วยเหมือนเคยเนื่องจากน้ำตกแห่งนี้มีตาน้ำที่ไหลรินตลอดทั้งปี จึงมีน้ำเพียงพอในฤดูแล้งให้เล่นกัน ระดับน้ำสูงประมาณเอวผู้ใหญ่ แต่ก็มิดคอสำหรับเด็กเก้าขวบ“อย่าไปเล่นไหนไกลล่ะ อยู่ที่น้ำตื้น ๆ ไว้”อิธานสั่งสองสาวน้อยที่นั่งวักน้ำเล่นกันข้างโขดหิน แล้วเขาก็ไปโดดน้ำแข่งกับเพื่อน กรวีไม่ยอมลงน้ำ แต่ไปนั่งคุยกับกลุ่มชนันธรแทน“เล่นจับปลากันไหม”วรดาชี้ไปทางปลาตัวเล็ก ๆ กลุ่มหนึ่ง ที่ว่ายอยู่ท่ามกลางสายน้ำใส ๆ“เอาสิ”เธอและวรดาวิ่งไล่ต้อนฝูงปลาอย่างสนุกสนาน มันว่ายมาชนขาบ้าง หลบเลี้ยวไปทางก้อนหินบ้าง กระทั่งว่ายหนีไปอีกทาง เกล้ากมลจึงรีบลุยน้ำตามไป“เกล้าอย่าไปทางนั้น”ไม่ทันเสียแล้วเพราะเท้าเล็กพลาดเหยียบหิน ลื่นจมลงสู่ส่วนบริเวณน้ำลึก สาวน้อยรู้สึกตัวหนักไปหมด พยายามใช้เท้าตีน้ำ มือก็ตะกายขอความช่วยเหลือ หูได้ยินเสียงเพื่อนเรียกชื่อเธอดังลั่น ด้วยรู้สึกกำลังจะขาดอากาศหายใจ ทำให้เธอฮุบน้ำเข้าคออึกใหญ่สายน้ำยื้อยุดฉุดเกล้ากมลลงสู่เบื้องล่าง ตัวหนัก
“หนูลูกน้ำคนนั้น อิธชอบเขาเหรอ” หลานชายอึกอัก ยกมือเกาท้ายทอย“เขาน่ารักนะ”อิธานไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่ ออกจะหน้าตาดีด้วยซ้ำ การจะมีแฟนสักคนสองคนไม่ใช่เรื่องแปลก“ผมกับเขากำลังดู ๆ กันอยู่”“อย่าใจร้อนนักล่ะ ให้ค่อยเป็นค่อยไป เรายังเรียนอยู่ด้วยกันทั้งคู่” ท่านสอนด้วยใบหน้ายิ้ม ๆ“ครับ”คำตอบของเขาทำใจอีกคนที่เผลอมาได้ยินสั่น จนแทบทำแก้วโอวัลตินหล่นจากถาดเช้านั้นเกล้ากมลไม่กล้ามองหน้าอิธมากนัก สายหน่อยเธอไปหาวรดาที่เรือนคนงาน เพื่อนกำลังอ่านการ์ตูนซึ่งเป็นสมบัติตกทอดจากพี่ชายอยู่“ทำไมหน้าเศร้า ๆ” มือที่ถือหนังสือลดลงจากหน้า สบตาใสแจ๋วกับเธอ“คุณอิธกับพี่ลูกน้ำชอบกัน จะคบเป็นแฟน” เกล้ากมลดูละครบ่อย ไม่ยากที่จะปะติดปะต่อเรื่องราวได้ “ฉันอกหัก”คนฟังทำหน้าเหลอหลา เกิดมาไม่เคยเจอคนอกหักตัวเป็น ๆ เสียด้วย เคยเห็นแต่ในมิวสิควิดีโอ ที่ร้องไห้บ้าง เดินร้องเพลงเศร้าบ้าง“เกล้าโตเป็นผู้ใหญ่เร็วจัง รู้จักอกหักด้วย”เธอชม เพราะในวิดีโอที่เคยดูคนแสดงนั้นต่างสวยหล่อ แต่งตัวดี น่าหลงใหล“เป็ดคิดว่าฉันแก่แดดไปไหม”เกล้ากมลคิดว่าตัวเองแค่เก้าขวบ ไม่น่าจะมีความรู้สึกแบบนี้“ฉันไม่รู้สิ ไม่เคยได้ยินใคร
งานศพยายเกดเกิดขึ้นปลายเดือนมีนาคม อิธานเรียนจบมหาวิทยาลัยพอดี เขาจึงเป็นคนจัดการงานศพญาติให้เธออีกรอบ“อย่าทำหน้าหมาเหงาอย่างนั้นสิ”ชายหนุ่มทักตอนกำลังนั่งร่วมวงกันกินข้าวต้มงานศพ สมาชิกประกอบด้วย เกล้ากมล เขา สนานและวรดา“ทำหน้าทะเล้น ๆ ออดอ้อนคุณย่าเหมือนเดิมเถอะ”สองพี่น้องมองสบตากัน อิธานกำลังปลอบเกล้ากมล...ในแบบของเขา“ไม่มียายอยู่แล้ว เกล้าจะอยู่ยังไง”ไอร้อนควันฉุยจากชามต้มปะทะดวงตา จนเธอทำท่าจะร้องไห้อีกรอบ“ก็อยู่ที่นี่เหมือนเดิมแหละ อยู่ดูแลคุณย่า อย่าให้คนแก่อีกคนเสียใจไป”“คุณอิธไม่กลัวเกล้าจะฮุบไร่นี้เหรอคะ”เกล้ากมลโตพอจนได้ยินข่าวซุบซิบแล้วว่า...คุณย่าเลี้ยงเธอมาเพื่อเป็นเจ้าสาวของอิธาน แม้เขาจะมีแฟนอยู่แล้วก็ตาม“เธอตัวนี้แค่นี้มีปัญญาฮุบอะไรได้” เขาทำเสียงหึในลำคอ พลางตักข้าวต้มเข้าปาก “อยู่ที่นี่ ดูแลย่า ฉันกับหนานจะไปเรียนต่อที่ออสเตรเลียสักสองสามปี ถ้าเบื่องานบ้านก็ไปที่ออฟฟิศโน่น ไปช่วยงานเขา”“เกล้ายังเรียนหนังสืออยู่นะ” เธอค้าน ด้วยไม่ชอบคนออกสั่ง“ค่อย ๆ เรียนรู้งานไปสิ คุณย่าคงไม่อยากให้หลานสาวทำอะไรไม่เป็นหรอก”เกล้ากมลหน้างอ ดูเถิด...ในสถานการณ์แบบนี้อิธาน
เกล้ากมลและอิธานได้ลูกสาว เด็กหญิงกาญน์เกล้า หรือน้องเอิร์ธ เป็นหนูน้อยลูกเสี้ยวที่สดใส เธอได้จมูกโด่งมาจากผู้เป็นพ่อ และตาโตใสแจ๋วมาจากผู้เป็นแม่ กินรีซื้อทองรับขวัญหลานหลายสิบบาท นางญาติดีกับอิธานหลังจากรู้ว่าให้เงินสิบล้านเป็นสินสอด“ขอโทษที่ช้าไปหน่อยครับคุณแม่”เงินทำให้นางอารมณ์ดีขึ้นหน่อย แต่ก็ฝากคืนในบัญชีส่วนตัวของเกล้ากมล ผู้เป็นแม่แค่กลัวอิธานจะไม่รัก ทิ้งขว้างลูกสาวเหมือนครั้งหนึ่งที่นางเคยเจอ เมื่อได้เห็นความจริงใจของเขาเป็นเงินนางก็เบาใจลงบ้างอิธานไม่ให้เกล้ากมลทำงานเลย เขาให้เธอเลี้ยงลูกอย่างเดียว แล้วตั้งวรดาเป็นผู้ช่วยผู้จัดการร้านขายของฝาก แต่กระนั้นหากมีเวลาว่าง เกล้ากมลก็หอบหนูน้อยไปเยี่ยมทุกคนที่ร้านเสมอ ชนันธรกับกรวีคลอดลูกชายที่อเมริกาก่อนลูกสาวเธอไม่กี่สัปดาห์ และพูดเล่น ๆ ว่าอยากให้ลูก ๆ ดองกัน ท่ามกลางเสียงคัดค้านของคนหวงลูกสาวอย่างอิธานคุณพ่อหลงหนูน้อยขนาดหนัก ยอมลงทุนโกนหนวดให้เกลี้ยงเกลาทุกวัน หลังจากเอาหน้าไปถูแล้วแก้มลูกสาวเป็นปื้นแดงเพราะรอยหนวดกาญจน์เกล้าก็ติดพ่อ ตอนเช้าส่งเสียงปลุก ให้พ่อป้อนอาหารเช้า โบกมือหย็อย ๆ ส่งจูบให้อิธานตอนไปทำงาน เย็นก็ต้
“คุณอิธออกไปเกล้าอึดอัด”ถัดจากให้ดอกไม้ อาบน้ำแต่งตัวเสร็จเขาก็มานอนรัดเธอเป็นงูเหลือมอยู่บนเตียง“เตียงออกจะกว้าง”อ้อมแขนมีแต่จะยิ่งแน่น หญิงสาวกำลังคิดหาวิธีไล่เขาออกไป แต่ก็ยังคิดไม่ออก“ท้องเกล้าเริ่มใหญ่ ตัวคุณก็โต นอนเบียดกันบนเตียงยิ่งอึดอัด มันไม่ดีต่อลูกนะคะ เดี๋ยวแกไม่โต”เกล้ากมลเอาคนในท้องมาอ้าง เล่นเอาอ้อมแขนที่รัดรอบอยู่ชะงัก เขาเงยศีรษะขึ้น สำรวจหน้าท้องภรรยา“ท้องเธอยังไม่โตขนาดนั้นสักหน่อย”“แต่เกล้าอึดอัดค่ะ ดิ้นไปดิ้นมาลำบาก”ยิ่งเขาขมวดคิ้วกังวลแสดงว่าข้ออ้างเธอได้ผล“พรุ่งนี้จะให้คนหาเตียงไซซ์พิเศษมาให้”“งั้นคืนนี้ คุณอิธให้เกล้านอนคนเดียวนะคะ ลูกจะได้ไม่อึดอัด”“ไม่ได้ ๆ” ดวงตาคมเปล่งแสงไม่ยอมตามที่พูด “เกิดเธอปวดท้อง หรือเป็นอะไรขึ้นมาล่ะ”“เกล้าท้องแค่สามเดือนเองนะคะ” คุณแม่ท้องสาวทำแก้มป่อง บ่นในใจว่าเขาจะห่วงอะไรหนักหนา“จะกี่เดือนฉันก็ไม่ไว้ใจ”“ถ้าคุณอิธห่วง เกล้าไปนอนกับคุณย่าก็ได้”“อย่านะ!”เขาร้อง ถ้าทำเช่นนั้นต้องตอบคำถามคุณย่านานแน่ แถมด้วยมีสายตาทิ่มแทงจากยายพลวงเป็นของแถม“ถ้าอย่างนั้นจะทำยังไงล่ะ”เกล้ากมลกอดอก รู้สึกตนกำลังเป็นต่อ“ฉันจะนอนพื้น
เกล้ากมลอาศัยจังวะที่อีกฝ่ายอึ้งระบายความในใจต่อ“คุณย่าให้เราแต่งงานกันเพราะความเข้าใจผิด”“แต่เรามีลูกด้วยกัน” เขาพยายามย้ำ“เก๊าะ...ก็คืนนั้นเกล้าปล้ำคุณ”ไม่รู้ใครปล้ำใคร แต่เธอถือว่าตัวเองเป็นคนทำ ยังสบายใจเสียกว่า“มันจะไม่สำเร็จถ้าฉันไม่ใช่ความร่วมมือ เราทำกันทั้งสองคน”ผู้สมรู้ร่วมคิดรับสารภาพอย่างไม่สะทกสะท้าน“แล้วคุณอิธจะเล่าเรื่องของเราให้ลูกฟังแบบไหนล่ะ”ทำนบที่กลั้นสิ่งค้างคาใจกำลังแตกออก เกล้ากมลพรั่งพรูถ้อยคำที่อยากถาม“เพราะมันไม่มีการจีบ ไม่มีการบอกรัก ไม่มีของขวัญ ไม่มีอะไรเลย ยอมรับเถอะค่ะ คุณอิธไม่ได้รักเกล้า แล้วจะทนอยู่อย่างนี้ไปทำไม”“เธออย่ามาพูดเหมือนรู้ดีเลยเกล้า”ในดวงตาสีน้ำตาลนั้น หาได้หวั่นไหวกับคำถามเธอไม่“เกล้าพูดอย่างที่ตาเห็นค่ะ แค่นี้นะคะ วันนี้เหนื่อยแล้ว เกล้าอยากพักผ่อน”เกล้ากมลกลับเข้าห้อง ล็อกมันเสียจากเขา ทิ้งตัวลงนอน...แล้วน้ำตาก็ไหล พูดไปเสียตั้งมากมาย คำว่ารักที่ได้กลับไม่มีหลุดจากปากเขาหากให้คะแนนผู้ชายยอดแย่ ตอนนี้เธอให้กรวีกับอิธานคะแนนเท่ากัน พวกชอบทำร้ายจิตใจผู้หญิง หากคิดพินิจสักนิด หากไตร่ตรองเสียหน่อย แค่คำว่ารักสั้น ๆ คำเดียวก็ท
เป็นรุ่งเช้าที่เกล้ากมลตื่นมาเพียงลำพังในห้องนอน แต่พอเปิดตู้เสื้อผ้าตามความเคยชิน ก็พบว่าเสื้อทุกตัวของเธอจากบ้านมารดามาอยู่ที่นี่แล้ว บนโต๊ะเครื่องแป้งมีถุงยาและสมุดฝากครรภ์จากคลินิกวันดี อิธานเอามันมาได้อย่างไร!อาการโมโหของเธอยังไม่ได้คำตอบ พอดีกับชายหนุ่มในสภาพเพิ่งอาบน้ำเสร็จ นุ่งผ้าขนหนูผืนเดียว เดินออกมาจากห้องน้ำ“นอนต่ออีกไหม เดี๋ยวสักเจ็ดโมงฉันจะปลุก”เขาหอมหน้าผากมนของภรรยาที่กำลังตะลึงอยู่“คุณอิธไปเอาของเกล้ามาได้ยังไง”“ก็ให้คนไปเอาที่กรุงเทพ ไม่รู้เธอจะใช้ชิ้นไหนบ้าง เลยเอามาหมด”โดยมีสนานกับคนงานอีกสองคน ติดตามกึ่งขู่ คนขับรถกินรีจนไปถึงบ้านที่กรุงเทพฯ ได้สำเร็จ“บ้าไปแล้วหรือยังไง”“ก็ฉันบอกแล้วว่าให้เธออยู่นี่” เขาไปเปิดอีกตู้หนึ่งเพื่อเปลี่ยนเสื้อผ้า“วันนี้เรามีแขกด้วยนะ ซันมันมา”เกล้ากมลเลิกคิ้ว“พี่ซันมาทำไมคะ”อิธานไม่ชอบตงิด ๆ ที่เธอเรียกคู่แข่งตัวฉกาจของเขาแบบนั้น“มารับเมียมันกลับ”ใจเกล้ากมลหล่นไปอยู่ที่ตาตุ่ม“พาฉันไปหาพี่ลูกน้ำทีค่ะ คุณอิธนะคุณอิธ ทำให้เรื่องยุ่งเข้าไปอีกทำไม”ภาพในหัวเธอคือชนันธรโดนกรวีทำร้าย ร้องไห้น้ำตานอง แต่ที่ไปเห็นจริง ๆ คือกรกวีโ
“มานี่เลยนะเกล้า”ไม่ยากนักที่ชายหนุ่มจะดันประตูให้เปิดกว้าง แล้วคว้าแขนกึ่งลากเธอไปยังห้องหอของทั้งสอง“เราไม่มีอะไรต้องพูดกันแล้ว พรุ่งนี้เกล้าจะไปหย่าให้ ลูกนี่เกล้าก็จะดูแลเอง ไม่ให้ใช้นามสกุลคุณ เกล้าจะไม่เอาอะไรไปสักบาท”เกล้ากมลบอกพลางหอบ เพราะต้องต้านแรงเขาที่ลากเธอไปยังห้องหอได้สำเร็จ“คุณไปมีลูกใหม่กับคนอื่นเถอะ พี่ลูกน้ำนั่นไง”“นั่นเมียคนอื่น ฉันมีเมียเดียวคือเธอ”สมองเกล้ากมลต้องห้ามใจตัวเองอย่างหนัก ไม่ให้เต้นแรงเกินไป บอกว่าไม่ให้เชื่อคำพูดเขา“ไม่ต้องไปเฝ้าคุณย่า นอนให้ห้องนี้กับฉัน” เขากดเธอนั่งลงบนเตียง“เกล้าจะหย่า” หญิงสาวบอกเสียงหอบ หน้าแดงจัด“ฉันไม่ยอมให้หย่า”“ลูกเกิดจากความไม่ตั้งใจของเราทั้งคู่นะ”เธอเตือน หวังว่าเขาจะนึกได้บ้างว่าหลังจากคืนนั้นเขาทำตัวเย็นชากับเธอขนาดไหน“ไม่ว่าลูกจะเกิดจากอะไร ฉันยินดีต้อนรับแก”เขายิ้มกว้าง มือใหญ่หยาบกร้านลูบหน้าท้องเธอไปทั่ว“คุณอิธเป็นผู้ชายที่แย่มาก พอรู้ว่ามีลูกกับเกล้าก็จะทิ้งพี่ลูกน้ำเลยเหรอคะ”“ฉันกับเขาไม่ได้รู้สึกอะไรกันแล้ว เธอนั่นแหละไปอยู่บ้านแม่ทำไม”หน้าท้องเธออุ่นและเรียบเนียน ส่วนไหนหนอที่เป็นที่อยู่ของเจ้
“คุณท่านไม่สบาย”วรดาส่งข่าวมาในเช้าวันศุกร์หลังกินรีเดินทางไปอเมริกาหนึ่งอาทิตย์“โรคคนแก่ ตั้งแต่เกล้าไปอยู่กรุงเทพ ท่านก็ดูซึม ๆ มาเยี่ยมท่านไหม”ยายพลวงทำปากพะงาบ ๆ บอกบทลูกสาว จนเกล้ากมลบอกว่าจะมาเยี่ยมนั่นแหละนางจึงยิ้มได้“แล้วคุณท่านจะยอมเล่นเป็นคนป่วยเหรอแม่”หลังจบสายเพื่อน วรดาก็ถามผู้เป็นแม่เสียงอ่อย“ยอมสิวะ ท่านก็คิดถึงเกล้าจะตาย”ยายพลวงกำลังวางแผนให้ทุกคนกลับมาอยู่ด้วยกัน เมื่อเจ้านายถือทิฐิกันนัก คนรับใช้อย่างนางนี่แหละจะจัดการทุกอย่างเอง เพื่อให้ไร่สมบูรณ์ดีกลับมาสุขสงบเหมือนเคยเกล้ากมลมาด้วยการนั่งรถยุโรปคันโต เธอผิวขาวนวลขึ้น ใบหน้าผุดผาด วรดาถึงกับห่อปากเพราะเพื่อนดูสวยแม้แต่งหน้าเพียงบางเบา“รัศมีคุณหนูจับมากเลยเกล้า สวยจริง”เธอเลือกใส่ชุดแซกทรงตรง เพื่อพรางรูปร่างที่กำลังขยาย“คุณย่าล่ะ”วรดาพาหญิงสาวไปพบผู้สูงวัยซึ่งนอนดูโทรทัศน์อยู่ในห้องนอน ยายพลวงต้องรีบสะกิดให้ท่านทำตัวโศกเมื่อเกล้ากมลเข้ามา คุณย่าอิสรีดูผอมลง ผมขาวมีแซมบนศีรษะมากขึ้น หญิงก้มลงกราบที่หน้าอก ท่านเอามือเหี่ยวย่นลูบศีรษะคนที่เลี้ยงมาแต่เล็กแต่น้อย“เกล้าสบายดีไหม”“สบายดีค่ะ คุณย่าล่ะคะ”“สุ
เช้าวันต่อมามีเมฆฝนครึ้ม ลมพัดแรง ร้านของฝากเงียบเหงา ไร้ลูกค้า พนักงานจับกลุ่มกันคุยด้วยความเป็นห่วงชนันธรที่ลาป่วยติดกันสามวันยายพลวงโทรมาหาเธอบอกให้รีบกลับบ้านใหญ่โดยเร็ว คุณย่าอิสรีมีเรื่องสำคัญจะคุย เธอจึงขับรถคู่กายฝ่าอากาศอึมครึมเข้าไป มีรถยุโรปยี่ห้อดาวสามแฉกสีงาช้างจอดที่โรงรถ คุณย่าอิสรีมีแขกอีกแล้ว แต่เมื่อเธอไปยังห้องรับแขกแล้วก็ต้องตะลึง“เกล้า” ผู้หญิงที่เคยอยู่ในรูปถ่ายที่ยายเกดให้ดูเรียกชื่อเธอ “แม่คิดถึงหนูมากเลย”เกล้ากมลตัวแข็ง หายใจขัด เมื่อผู้ให้กำเนิดมายืนตัวเป็น ๆ อยู่ตรงหน้า แม่ที่เธอเคยคิดว่าอาจจะตายไปแล้ว เพราะแม้แต่งานศพตายายก็ไม่ยอมปรากฏตัว“แม่ไปอยู่ที่ไหนมา”กว่าหญิงสาวจะหาเสียงตัวเองเจอก็เป็นเวลานานผู้มาใหม่มีเค้าหน้าคลายเธอ ส่วนสูงเตี้ยกว่าเล็กน้อย ผมดำยาวสยายถึงกลางหลัง ทั้งการแต่งตัวและเครื่องประดับเหมือนผู้มีอันจะกินในละคร หากไม่รู้อดีตแต่หนหลัง คงไม่มีใครจะเชื่อว่ามารดาเป็นลูกสาวตายายผู้ซอมซ่อกินรีมีเรื่องเล่ามากมายในชีวิต ตั้งแต่เธอหนีออกจากบ้าน มากรุงเทพฯ เพื่อหางานทำ หนีชีวิตที่ยากจน กระทั่งมาเจอกับพ่อเกล้ากมล อยู่ด้วยกันไม่นาน เมื่อท้องกินรีก
คำอธิษฐานของยายพลวงไม่เป็นจริง ซ้ำยิ่งร้ายเข้าไปอีกเพราะวันหนึ่งเงินในเครื่องคิดเงินหายไปห้าพันบาท วันนั้นเป็นวันที่วุ่นวายเพราะมีทัวร์ทั้งคนไทยและคนจีนมาลง เกล้ากมลวิ่งทำงานหัวหมุนทั้งเติมของทั้งเข้ามาช่วยคิดเงิน แต่เมื่อสิ้นวันมานับเงินกับปรากฏว่าหายไปห้าพันบาท ตรวจดูกล้องวงจรปิดก็ไม่มีอะไรผิดปรกติ“ในเมื่อหาตัวคนผิดไม่ได้ เราก็ต้องรับผิดชอบร่วมกัน”ผู้จัดการร้านให้ทุกคนที่มาทำงานในวันนี้หารเงินจำนวนที่ขาดไป ท่ามกลางเสียงบ่นของทุกคน“ฉันจะแช่งให้ขโมยมันโดนวัวในไร่ขวิด” สาวนางหนึ่งถึงกับยกมือขึ้นขอพลังสิ่งศักดิ์สิทธิ์“ให้ท้องเสียสามวันเจ็ดวันไปเลย”“เฮ้ย! ตายกันพอดี” กลุ่มสาวอาวุโสท้วง“คนเลว ๆ ที่ทำคนอื่นเดือดร้อน ไม่สมควรมีชีวิตอยู่ พี่จะห่วงมันทำไม หรือพี่เป็นคนทำ”สาวนางนั้นจ้องเขม็ง กลายเป็นมีเสียงซุบซิบอื้ออึงไปทั่ว ผู้จัดการเห็นว่าจะมีปัญหาเลยเปลี่ยนใจให้ไม่ต้องมีใครชดใช้“ไม่เป็นไรค่ะ เดี๋ยวเกล้าขอเงินคุณย่ามาเติมให้ก็ได้”เกล้ากมลเสนออีกทางเลือก โดยไม่รู้เลยว่าชนันธรจะฉวยโอกาสนี้ฟื้นอดีตขึ้นมา เกล้ากมลกลับบ้านใหญ่ตามปรกติ ขณะกำลังแต่งตัวลงไปกินข้าวเย็นวรดาก็โทรเข้ามา“ฉันได
ปรกตินางร้ายในละครจะแต่งหน้าจัด ดัดขนตางอนเช้ง ทาลิปสติกแดง ชนิดมองเห็นตั้งแต่ต้นซอยก็บอกยี่ห้อ “ฉันเป็นนางร้ายนะจ๊ะ” แต่คนที่อยู่ตรงหน้าเกล้ากมลกลับเป็นนางร้ายหน้าใสในคราบนางเอก ชนันธรกล้ามากที่มาขอสามีเธอคืน“มันไม่ง่ายไปหน่อยเหรอคะที่จะมาเอาเขาคืน”เกล้ากมลแสดงการดูถูกโดยการมองตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า“เขายังรักฉันและฉันก็ยังรักเขา ส่วนเธอไม่ใช่นะเกล้า”เจ็บเหมือนโดนมีดปักอกเป็นอย่างไรหญิงสาวเพิ่งเข้าใจวันนี้เอง“ถอยไปเสียเถอะ เธอเป็นคนที่บังเอิญเข้ามาในเรื่องระหว่างฉันกับอิธเท่านั้นแหละ”“พี่ไม่มีสิทธิ์มาบอกให้ใครอยู่หรือถอย ฉันตัดสินใจเองได้”เกล้ากมลเดินเบียดชนันธรหวังจะไปสูดอากาศข้างนอกเพื่อสงบใจ“เดี๋ยวฟังก่อน ฉันไม่อยากให้เธอเจ็บ”ปากชนันธรว่าอย่างนั้น แต่กลับจิกเล็บแน่นที่แขนของเกล้ากมล หญิงสาวสะบัดมันออก ทำเอาอีกคนล้มไปโดนชั้นวางของกล่องที่ซ้อนกันอยู่ด้านบนจึงหล่นมาทับ“ว๊าย!”ชนันธรร้องสุดเสียง พนักงานในร้านรีบเปิดประตูห้องเก็บของทันที ภาพที่เห็นคือเกล้ากมลยืนอยู่ แล้วชนันธรโดนของทับ“คุณลูกน้ำ ใครก็ได้ช่วยที”หลังจากนั้นคือความโกลาหลในร้านขายของฝาก พนักงานกรูกันเข้ามาช่วยเ