ในปีที่อายุย่างเข้าสิบเก้า วรดาและเกล้ากมลสอบเข้าติดมหาวิทยาลัยในตัวจังหวัด ทั้งสองเลือกเรียนคณะบัญชี เมื่อคุณย่าอิสรีทราบเรื่องก็ดีใจเป็นอย่างมาก เล่าในวงอาหารเย็นไม่หยุดว่าจะจัดโต๊ะจีนมาฉลอง แต่เกล้ากมลทัดทานไว้ก่อน“ไม่เอาหรอกค่ะ เปลืองเงิน แค่กินข้าวด้วยกันเล็ก ๆ ในครอบครัวก็พอแล้ว”“หลานย่าเข้ามหาวิทยาลัยได้ทั้งที ไม่เปลืองหรอกใช่ไหมอิธ”“ครับ ถ้ากลัวเปลืองก็ฆ่าวัว ฆ่าไก่ในไร่เลี้ยงก็ได้” เขาแกล้งประชด เธอนึกทดเอาไว้ในใจกะจะเอาคืน“นาน ๆ ไร่ เราจะมีงานรื่นเริงบ้าง”ท่านทำเสียงเศร้า เล่นเอาคนได้ยินต้องคิดแผนสอง“เอาอย่างนี้ไหมคะ ทำขนมจีนเลี้ยงกัน ให้พระมาสวดทำบุญอัฐิธาตุประจำปีของทุกคน เกล้าจะทำของหวานเลี้ยง”“จะเหนื่อยไปไหมล่ะ”“ไม่เลยค่ะ เกล้าไหว ถือเป็นการเลี้ยงส่งก่อนเกล้าจะไปอยู่หอ”ผู้ใหญ่ตกลงกันแล้วว่าให้สองสาวไปเช่าหออยู่ด้วยกัน โดยจะให้อิธานกับสนานไปหาหอพักใกล้มหาวิทยาลัยให้...คิดแล้วก็ใจโหวง นี่เป็นครั้งแรกที่เธอต้องไปจากบ้านหลังนี้ แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้น ๆ ก็ตาม“งั้นตกลงเอาตามนี้นะ”อิธานตัดบท กินข้าวต่อ แต่แล้วก็ต้องมาปวดหัวเมื่อสนานมาคุยในห้องทำงาน“เลือกหอพักที่มีแต่
เกล้ากมลซึ่งตอนนี้อายุยี่สิบปี กำลังมองผู้ชายตัวโต ๆ อายุสามสิบปีอกหัก กลางวันเขาไปทำงานก็จริง แต่พอค่ำกลับมาก็ยกเหล้ามาดื่มที่ริมระเบียงบ้านทุกวัน สิ่งที่เรียกว่าอาหารเย็นคือจำพวกกับแกล้มที่พร่องไปเพียงนิด ฝีมือการทำอาหารโดยยายพลวง“ย่าไม่รู้จะทำยังไงแล้วเกล้า บอกไปก็มีแต่นิ่ง เหมือนคุยกับกำแพง” คุณย่าอิสรีใบหน้าเศร้าหมอง ยายพลวงที่คอยพยุงก็มีสีหน้าคล้าย ๆ กัน“ปล่อยเนื้อปล่อยตัว ผมเผ้ารุงรัง มีหนวดเคราเหมือนมหาโจร” มารดาวรดาฟ้อง“แล้วเขามีติดต่อมาหรือเปล่าคะ พี่ลูกน้ำน่ะ”“โอ้ย! ไม่มีหรอก มีแต่ส่งของคืน กล่องใหญ่เชียว ได้ยินเสียงคุณอิธขว้างทิ้งเสียงดังลั่น”ชนันธรช่างร้ายกาจ ตัดบัวไม่ให้เหลือใยเลย มิน่าเล่า คนอกหักถึงได้อาการหนักขนาดนี้“เกล้าดูคุณอิธหน่อย ฉันจะพาคุณท่านไปพักผ่อน ไม่ไหว ๆ สงสารใจคนแก่”เกล้ากมลมองตามหลังผู้สูงอายุที่ขึ้นบันไดไป เธอต้องทำอะไรสักอย่าง!อิธานเกลียดเวลากลางคืน เพราะทั้งมืดและเหงา เกลียดแสงดาวระยิบระยับน่ารำคาญ เกลียดอากาศหนาว ที่แผ่ซ่านเข้ามาถึงกระดูกเขาชอบกลางวัน แดดจัดจ้า ที่ทำให้มีแรงออกไปทำงาน เพื่อให้ลืมเรื่องเจ็บใจ แต่ก็ลืมได้ไม่หมด จนต้องทำเขามา
เรื่องที่ยายพลวงเสนอมาไม่เคยอยู่ในความคิดของคุณย่าอิสรีเลย ท่านรักเกล้ากมลเสมือนลูกหลานแท้ ๆ ไม่ได้เลี้ยงเพื่อจุดประสงค์อื่นแอบแฝง“จะเป็นไปได้ยังไง สองคนนั้นเขาโตกันมาแบบพี่น้อง”ยายพลวงบึนปาก“ถ้าพี่น้องต้องแบบลูกอิฉันสิคะ ดูยังไงสองคนนั้นก็ไม่ได้สมัครสมานสามัคคีกันขนาดนั้น”“ก็เขาไม่ได้รักชอบพอกัน ฉันจะไปบังคับได้ยังไง”“คุณท่านตามใจคุณอิธแล้วดูผลลัพธ์สิคะ ไปเลือกคนที่ทำให้เจ็บใจอยู่นั่นไง”ท่านอึ้งเถียงไม่ออก“คุณอิธหล่อ มีเสน่ห์ ทำให้เกล้าหลงรักได้ไม่ยากหรอกค่ะ ขึ้นอยู่กับเจ้าตัวว่าจะยอมทำไหม”ยายพลวงอธิบายอย่างคนรู้นิสัยจริงของหลานเจ้านาย เพราะเห็นมาแต่เล็กแต่น้อย“งั้นก็รอดูกันต่อไปอีกสักพักเถอะ”คืนนั้นคุณย่าอิสรีกลับไปคิดเรื่องหลานชายกับเกล้ากมล ไตร่ตรองข้อดีข้อเสียแล้วพบว่า เกล้ากมลเป็นตัวเลือกที่ไม่เลวนัก หากจะหาใครสักคนมาเป็นคู่ของอิธาน แม้อายุห่างกันเป็นสิบปี แต่เธอก็เพียบพร้อมทั้งกิริยามารยาท ความรู้ งานบ้านงานเรือน เพราะท่านฝึกมาเองกับมือเหลือแต่อิธานนั่นแหละจะยอมตกลงไหม ท่านไม่อยากให้เขาไปได้ผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้มาเป็นเมีย เพียงเพราะอารมณ์เปลี่ยวเหงาจากการอกหัก ก่อนนอ
อาการอิธานดีวันดีคืน เขาแฮงค์เพราะเหล้าไปหนึ่งคืนกับหนึ่งวันที่พอทรงตัวได้ จากนั้นก็ไม่ดื่มเหล้าอีกเลย แต่เกล้ากมลยังไม่ไว้ใจ จึงยังไม่เอาเหล้าสมบัติคุณปู่ออกมาจากห้องเก็บของยามเย็นเมื่อไม่ได้ดื่ม กลับมาจากทำงานชายหนุ่มมักจะมานั่งทอดขาเหยียดยาวดูพระอาทิตย์ตกดินที่ระเบียง กระทั่งวันหนึ่งหญิงสาวก็มานั่งข้าง ๆ“ออกไปเลยนะ ฉันไม่กินเหล้าแล้ว ขอเวลาอยู่คนเดียวบ้าง” เขาไล่แบบไม่มองหน้า เกล้ากมลยักไหล่“เกล้าอุตส่าห์มานั่งเป็นเพื่อน กลัวคุณอิธเหงา”“มีเธอมาอยู่ด้วย ฉันหนวกหูมากกว่า”“เกล้าจะพยายามหายใจเบา ๆ แต่ถ้ากลั้นนานแล้วตาย จะเป็นผีมาเอาคุณอิธไปอยู่ด้วย” เธอบอกเสียงทะเล้น ทำคนฟังหันมามองขวับ“พระอาทิตย์ตกดินต่อให้ดูคนเดียวก็ยังสวยอยู่ดีเนอะ”แสงสุดท้ายอาบไล้ใบหน้าขาวนวล ให้ออกสีส้มเหลือง เส้นผมยุ่ง ต้องแสงแล้วฟุ้งเบาราวขนมสายไหม เขาไม่เคยมองเต็ม ๆ ตาเลยสักครั้ง ตั้งแต่เกล้ากมลเริ่มโต เริ่มเป็นผู้หญิงเต็มตัว“เธอยังเด็กจะไปรู้อะไร”เกล้ากมลอายุห่างจากเขาสิบปี นับว่ายังเด็กนัก“รู้สิ เกล้าก็ชอบดูเพราะอาทิตย์ตกดินที่มหาลัย มันสวยดี”“ที่ว่าสวยน่ะ เธอดูกับใคร”“ดูกับเป็ดบ้าง ดูคนเดียวบ้าง
เกล้ากมลขับรถไปส่งสนานกับวรดาที่เรือนคนงาน จึงขับกลับบ้านใหญ่ เธอพยุงคนตัวโตพาเดินไปให้เงียบที่สุด ด้วยเกรงคุณย่าอิสรีจะตื่นมาเห็นแล้วจะถูกดุเรื่องไปดื่มเหล้าเสียเมามายหลังจากพากันขึ้นบันไดอย่างทุลักทุเลก็มาถึงห้องอิธาน เป็นครั้งแรกที่เกล้ากมลได้มาห้องเขา ภายในห้องตกแต่งแบบเรียบง่าย ไม่มีโปสเตอร์หรือรูปอะไรทั้งนั้น โต๊ะเครื่องแป้งก็มีเพียงแป้งเด็กขวดเล็กกับกล่องพลาสติกใส่ของจิปาถะ เธอจับเขาถอดสูทออก พาไปนอนลงบนเตียง“จะโดนผู้หญิงปล้ำอยู่แล้วยังไม่รู้ตัวอีก”เกล้ากมลย่นจมูกใส่คนเมา มือขาวแกะกระดุมเสื้อออก เมื่อเขาขยับคออย่างอึดอัด เผยให้เห็นไรขนรำไร ใช่ว่าเธอไม่เคยเห็นร่างกายผู้ชายมาก่อน...เอ่อ ยอมรับก็ได้ ว่าเธอไม่เคยเห็น ไม่เคยสัมผัสของจริง ที่รู้มามีแต่ผ่านสื่อทั้งนั้น ผู้ชายกล้ามไม่เหมือนผู้หญิง เพราะแน่นหนั่นแข็งแรงกว่าผิวสีคร้ามของเขาตัดกับผิวขาวของเธอ เกิดมีลูกด้วยกัน สีผิวหนูน้อยจะเป็นสีอะไรหนอ แต่ต้องรีบส่ายศีรษะไล่ความคิดเพ้อเจ้อออกจากสมอง เมื่อคิดถึงสิ่งไม่ควร ริมฝีปากหยักหนาขยับครางอือออ ก่อนจะเบาลงเหลือเพียงเสียงลมหายใจยาวนิ้วเรียวลองแตะจมูกโด่งเป็นสัน แบบไม่ต้องศัลยกร
เมื่อเกล้ากมลเปิดประตูเข้าไป ก็พบคุณย่าอิสรีนอนตาปรืออยู่บนเตียง ยายพลวงใช้พัดจีนพัดวีอยู่ อิธานนั่งพับเพียบบนพื้น ยายพลวงรับยาจากเธอไปให้ท่านจิบ ท่านพยักหน้าให้คนงานคนสนิทขยับเข้ามาใกล้ ๆ ซุบซิบอะไรบางอย่าง แล้วยายพลวงก็กวาดตามองทั้งเขาและเธอ“คุณอิธกับเกล้าออกไปก่อนค่ะ เดี๋ยวท่านจะเรียก”“แต่...” อิธานค้านเพราะยังไม่ได้อธิบายความเข้าใจผิด“กลับไปห้องของตัวเองเถอะค่ะ ถือว่าอิฉันขอ ไม่งั้นคุณท่านอาจจะเป็นหนักกว่านี้”เกล้ากมลกับเขาจึงจำต้องออกมานอกห้อง สายตาสองคู่สบกัน เพราะต่างยังมีเรื่องต้องเคลียร์“กลับห้องใครห้องมันค่ะ”ยายพลวงถึงกับออกมาไล่ซ้ำ เหมือนรู้ว่าทั้งสองต่างมีเรื่องค้างคาใจ อิธานขบฟันกรอด ยอมกลับเข้าห้องตน หญิงสาวจึงยอมเข้าห้องตามเธอทิ้งตัวลงนอนบนเตียง คิดสถานการณ์เลวร้ายไปร้อยแปด ก่นด่าตัวเองว่าไม่น่าเลย ไม่น่าทำตามใจ ไม่น่าทำตามความปรารถนาส่วนลึก ดูสิ...ผลเป็นอย่างไร วุ่นวายไปหมด เธอจะมองหน้าทุกคนติดได้อย่างไรนึกถึงใบหน้าซีดเซียวของคุณย่าอิสรีแล้วยิ่งรู้สึกผิด เธอช่างเป็นคนเลว อย่างร้ายกาจ กินบนเรือนขี้บนหลังคา เขาชุบเลี้ยงให้ที่คุ้มกะลาหัว แต่ไม่เจียมตัว กลับไปฝันใฝ
โต๊ะอาหารเช้านี้ไร้เงาบรรดาบุคคลสำคัญในไร่ ยายพลวงเล่าว่าคุณย่าอิสรียังเพลียไม่อยากคุยกับใคร ส่วนอิธานก็ออกจากบ้านไปแต่เช้า เพราะไม่เห็นรถกระบะคู่ใจเขาเกล้ากมลจึงนั่งดื่มโอวัลตินเหงา ๆ อยู่ในครัว คิดแผนต่อไปว่าจะทำอย่างไรดี เมื่อสถานการณ์มาถึงขนาดนี้คำนวณเงินเก็บในบัญชีธนาคารก็มีอยู่หลายหมื่น เก็บเล็กผสมน้อยจากที่คุณย่าท่านให้ กับรับจ้างสอนพิเศษยามเป็นนักศึกษาบวกกับเงินเดือนที่ได้รับ คงพอยาไส้ในช่วงตกงาน เธอตั้งใจไปจากที่นี่ ตั้งใจสารภาพความจริงกับทุกคน ยอมรับว่าตนเป็นเสือร้ายที่จ้องจะขย้ำสมันตัวโตอวบอิ่มอย่างอิธานคนตัวเล็กหัวเราะขื่นกับตัวเอง ที่เธอจะชดใช้ได้ดีที่สุดให้ทุกคนคือเท่านี้หญิงสาวกลับเข้าห้องเริ่มค้นหาเบอร์ติดต่อของเพื่อนนักศึกษา เลือกคนที่อยู่จังหวัดไกลออกไป จนได้คุยกับเพื่อนคนหนึ่งที่อยู่จังหวัดชายแดนทางเหนือ“แถวนี้เห็นป้ายรับสมัครงานอยู่นะ ฝ่ายบัญชี แต่อาจต้องไป ๆ มา ๆ กับฝั่งจีน”เรื่องการเดินทางไม่มีปัญหา เกล้ากมลรีบจดรายละเอียดและเบอร์ติดต่อที่รับสมัครงาน พอวางสายลงก็มีอีกสายหนึ่งมาต่อเลย พนักงานร้านขายของฝากในไร่โทรบอกว่าลูกไม่สบาย จะพาไปให้หมอไปดูในเมือง ขอลาห
“เธอทำบ้าอะไรน่ะหึ คิดจะลักหลับฉันเหรอ” อิธานเปิดฉากทันที เมื่ออยู่กันตามลำพัง“เกล้าไม่คิดจะลักหลับนะ แต่จูบ” เกล้ากมลยืนตัวลีบติดประตู พยายามบังคับใบหน้าให้มองเขา“นั่นแหละ ฉันเป็นฝ่ายเสียหาย”เขาอยากตะโกน อยากจับตัวเธอมาเขย่า แต่หากทำตอนนี้ไม่ดีแน่ เหตุการณ์มีแต่จะแย่ลง“เกล้าขอโทษ”“ขอโทษแล้วอะไรดีขึ้นไหม” มือใหญ่ยกขึ้นเท้าสะเอว“อย่างน้อยคนมีอารยธรรมเขาก็รู้จักให้อภัยกัน”อิธานเข่นเขี้ยว เกล้ากมลทำตัวกวนประสาทได้ทุกเมื่อ ทุกสถานการณ์“เรื่องเมื่อคืนช่างมันเถอะ ฉันถือว่าให้ทาน”เกล้ากมลกัดริมฝีปาก คำว่าให้ทาน มันใช้กับขอทานหรือสุนัขมิใช่หรือ เขาตีค่าเธอต่ำจนปวดหนึบในใจ“ที่สำคัญคือตอนนี้จะทำยังไงให้คุณย่าเปลี่ยนพินัยกรรมมากกว่า”“เกล้าจะไม่อยู่ที่นี่ จะไปให้ไกล”“คุณย่ายกทุกอย่างให้เธอนะ อย่าหนีไปสบายคนเดียว”“แล้วคุณอิธจะยอมได้ไหมล่ะ เกิดวันหนึ่งเกล้าคลั่งปล้ำคุณขึ้นมา”ปรกติหากมีผู้หญิงมาพูดเช่นนี้เขาคงหัวเราะใส่ แต่เพราะเหตุการณ์ลักจูบเมื่อคืนนี้ทำเอาหวั่นใจ ผู้หญิงช่างน่ากลัว...โดยเฉพาะคนที่ยืนเถียงกับเขาอยู่“หรือคุณจะยอมแต่งงานกับเกล้าเพื่อเอาสมบัติครึ่งหนึ่ง”“ทำไมฉันถึงจะต