แดดสิบนาฬิกาเริ่มแรงด้วยอีกสองชั่วโมงจะใกล้เที่ยง เวลาที่ดวงอาทิตย์จะทำมุมกับโลกและแดดส่องแสงร้อนที่สุดของวัน หญิงสาวในรถแท็กซี่ไม่อนาทรร้อนใจ ด้วยเธอกำลังกังวลกับสถานที่ที่จะไปถึงต่างหาก
เสียงเพลงในวิทยุรถดังแว่วมาพอคลายความอึดอัดที่คนแปลกหน้ามานั่งอยู่ในรถด้วยกันถึงสองคน ทว่าไม่ได้เข้าถึงโสตประสาทเธอ ด้วยสมองกระหวัดเห็นภาพเครื่องหมายสองขีดสีแดงบนพื้นขาว
“จอดตรงข้างนี้แหละค่ะ”
เป้าหมายอยู่เลยจากจุดเดิมมาประมาณสิบนาที เธอชำระค่าโดยสาร มือบางกระชับสายกระเป๋าทรงเมสเซนเจอร์สะพายข้างใบโปรดไว้มั่น
“ติดต่อเรื่องอะไรคะ” ประชาสัมพันธ์หน้าเคาน์เตอร์ส่งยิ้มสวย
“เอ่อ...ที่โทรมานัดคุณหมอไว้ค่ะ ชื่อเกล้ากมล ผ่องบุรี”
เธอหลบสายตา เสมองแจกันดอกกล้วยไม้ที่ตั้งอยู่ใกล้เคาน์เตอร์
“เชิญชั่งน้ำหนัก วัดส่วนสูง แล้วก็ซักประวัติ ในห้องนั้นนะคะ”
มือบางผายไปยังอีกห้องที่ประตูเลื่อนเปิดโล่งอยู่ มีพยาบาลรุ่นคุณป้าคอยทำหน้าที่
“ไปรอเรียกคิวหน้าห้องตรวจนะคะ”
นางผายมือไปอีกห้องซึ่งอยู่ด้านใน หลังซักประวัติเธอเรียบร้อย ผู้มาใช้บริการวันนี้มีแต่เพศหญิง หุ่นยังเพรียวสมส่วนอย่างเธอบ้าง หรืออวบอูมตามอายุครรภ์ บางคนก็อ่านหนังสือ บางคนก็เล่นมือถือ
มีเพียงเกล้ากมลคนเดียวกระมังที่นั่งตัวเกร็งมองห้องตรวจที่มีชื่อหมอติดอยู่ คิวถูกเรียกไปเรื่อย ๆ จนสิบเอ็ดโมงก็ถึงเธอ
แพทย์ที่ได้พบทั้งสาวและสวย แทบเดาอายุไม่ออก นั่งเก้าอี้อ่านประวัติของคนไข้อย่างตั้งใจเงยหน้าขึ้นมามอง หลังเธอยกมือไหว้สวัสดี
“คุณเกล้ากมลนะคะ” แพทย์หญิงที่ติดป้ายชื่อหน้าห้องว่าวันดี ส่งยิ้มอ่อนโยน “เรามาลองอัลตราซาวน์ดูน้องกันนะคะ”
พยาบาลพาเธอไปยังเตียงข้างกำแพงที่มีผ้าสำหรับเปลี่ยน แล้วแพทย์ก็ถลกเสื้อเธอขึ้น ทาเจลเย็น ๆ ที่ท้อง จากนั้นเอาเครื่องบางอย่างมาถูท้องเธออย่างแผ่วเบา ภาพอันน่าอัศจรรย์เกิดขึ้นบนจอมอนิเตอร์ จุดเล็กดำเข้มรูปร่างเหมือนเม็ดถั่วลิสง เมล็ดพันธุ์แห่งชีวิตเคลื่อนไหว ทำใจหญิงสาวเต้นระรัวแรงกว่าที่เคย พร้อม ๆ กับอาการเต็มตื้อในลำคอ
“แปดสัปดาห์แล้วนะคะ”
“ค่ะ”
เป็นเวลานานทีเดียวกว่าเกล้ากมลจะหาเสียงตัวเองเจอ เจ้าตัวน้อยในจอทำขอบตาร้อนผ่าว
“ช่วงนี้ต้องดูแลตัวเองเพิ่มเยอะหน่อยนะ”
แพทย์กลับมานั่งที่อยู่เดิม ขณะเธอเปลี่ยนมาสวมเสื้อผ้าเหมือนตอนขามา
“ค่ะ”
“หมอจะจัดยาบำรุงให้...”
และต่อด้วยอีกหลายประโยค แต่ความสนใจไปหยุดอยู่ที่น้ำตาซึ่งกำลังไหลพรั่งพรู พยาบาลรีบดึงทิชชูให้
“หนูอยากจะเอาเด็กไว้ ทำยังไงก็ได้ให้เขาแข็งแรงขึ้น”
แพทย์เหลือบดูประวัติคนไข้ในคอมพิวเตอร์ ระบุอายุยี่สิบสาม สถานะโสด เธอไม่ใช่คุณแม่วัยใสที่อายุน้อยสุดที่เคยตรวจหรอก แต่จากท่าทางและอายุพอจะเดาได้ว่าการตั้งครรภ์ครั้งนี้เป็นความไม่ตั้งใจ แต่ดูเหมือนหญิงสาวเต็มใจจะเลี้ยงดูเสียด้วย
“ค่ะ แค่ทำตามคู่มือคุณแม่ตามที่หมอจะให้ไป แล้วก็มาตรวจตามนัด ถ้ามีอะไรผิดปรกติเราจะได้รีบแก้ไข”
คนไข้กระพุ่มมือไหว้ เดินตามพยาบาลออกไป สถานที่แห่งนี้เป็นที่โอบอุ้มบรรดาคุณแม่และลูกน้อยในครรภ์ ไม่ว่าจะก่อกำเนิดขึ้นมาด้วยเหตุผลใด
แม่ทุกคนที่มาใช้บริการก็พยายามรักษาลูกน้อยในอุทรไว้จนถึงวันที่จะลืมตาดูโลก แม้บางคนจะสมัครใจเป็นแม่เลี้ยงเดี่ยวอย่างเกล้ากมลก็ตาม
เรื่องราวของเธอมันยาวนัก กว่าจะมาถึงจุดนี้ เริ่มต้นจากวันหนึ่งที่ร้อนอบอ้าวในเดือนเมษา ปีที่เกล้ากมลอายุครบเจ็ดขวบ ยายเกดของเธอพานั่งหลังรถเข้าไปยังอาณาเขต ณ ไร่สมบูรณ์ดี
เด็กหญิงเกล้ากมลอ้าปากกว้างเมื่อรถหกล้อขนพืชผลการเกษตรแล่นเข้าสู่อาณาเขตไร่สมบูรณ์ดี ทุ่งหญ้าเขียวขจีเหมือนใครเอาสีเขียวเข้มมาเทบนพื้นตัดกับสีฟ้าของท้องฟ้าใสไร้เมฆ แต่งแต้มด้วยลายขาวดำของวัวที่แทะเล็มหญ้าอยู่เป็นจุด ๆ ลมฤดูร้อนพัดมาโลมผิว แต่หนูน้อยไม่รู้สึก ด้วยกำลังตื่นเต้นกับทุกอย่างในครรลองสายตา กระทั่งรถมาจอด ณ โรงครัวใหญ่ ที่มีผู้คนเดินไปมาขวักไขว่“ยายพลวง ๆ”คนขับรถเรียกหญิงชราวัยเดียวกับยายเกดที่ยืนคุยกับแม่ครัวโพกหัวผูกผ้ากันเปื้อน“อะไรเจ้าพร” เจ้าของชื่อร้องถาม“ยายเกดจะมาหาคุณท่าน”ยายพลวงยกมือไหว้ผู้อายุมากกว่าทันทีที่เห็น“ไปยังไงมายังไงล่ะพี่”“ว่าจะมาเยี่ยมคุณท่านนานแล้ว ไม่มีโอกาสเสียที วันนี้ว่างเลยมาหา” ยายเธอเล่า พลางแนะนำ “นี่หลานฉัน เกล้า ไหว้ยายพลวงเสียสิ”เกล้ากมลกระพุ่มมือไหว้ ผู้ใหญ่มองเธอด้วยสายตาเอ็นดู“ไหว้พระเถอะลูก ใกล้เที่ยงแล้ว มา...กินข้าวด้วยกันก่อนสิ”“ฉันกินเรียบร้อยมาตั้งแต่ในตลาดแล้ว”“แต่หนูหิวนะยาย”เกล้ากมลไม่เข้าใจว่ายายเกดจะโกหกไปทำไม เพราะในตลาดได้กินเพียงขนมครกเท่านั้น มันมิใช่ข้าวเลยมิใช่หรือ ผู้เป็นยายขึงตาใส่หลาน ยายพลวงหัวเราะ พอรู้ว
เกล้ากมลรีบสาวเท้าไปดู จักรยานเป็นของที่เธออยากได้อีกอย่าง แต่ยายเกดให้ไม่ได้ สีแดงสลับเงินของมันทอประกายยามต้องแสงแดดที่ลอดผ่านกิ่งก้านใบไหม้ลงมา ยั่วยวนชวนให้สัมผัส จนมือน้อย ๆ อดไม่ได้ที่จะลูบไล้“ทำอะไรน่ะ”เสียงห้าวตะโกนฉุนเฉียวมาจากหน้าบ้านใหญ่ เด็กหญิงตัวน้อยสะดุ้งหันมองขวับ เจ้าของเสียงก้าวยาว ๆ มายืนตรงหน้า เขารูปร่างสูงจนต้องมองคอแหงนตั้งบ่า ผิวคร้ามแดด ตาสีน้ำตาลอ่อนและที่สำคัญหน้าฝรั่ง จมูกโด่ง“เด็กที่ไหนเนี่ย อย่ามาจับจักรยานของฉัน”เขาปัดมือเธอออกไม่ต่างกับปัดแมลง แล้วย่อตัวสูงใหญ่ลงสำรวจพาหนะตน ราวกับการแตะต้องของเธอก่อให้เกิดความสึกหรอใหญ่หลวง“เห็นสวยเลยขอจับหน่อย”เกล้ากมลแก้ตัว สายตามองผมรองทรงที่ตัดอย่างประณีต เหมือนพี่นักเรียนชายมอปลายที่เคยเห็นในตลาด“ไม่ให้จับ มือสกปรกหรือเปล่าก็ไม่รู้” เจ้าของรถผินหน้ามาทางเธอด้วยความบึ้งตึง“หน้าตาดีเหมือนตุ๊กตา แต่นิสัยไม่ดีขี้เหนียว”เธอเบ้ปากด้วยยึดหลักใครดีมาก็ดีตอบ แต่หากร้ายมาเกล้ากมลก็จะร้ายไป“เธอ!” เขากัดฟันกรอด ในดวงตาสีน้ำตาลวาวโรจน์ “ปากเสีย ลูกใคร บอกมาเดี๋ยวนี้ ฉันจะไปจัดการพ่อแม่เธอ”หนุ่มผมรองทรงลุกขึ้นยืนเต็ม
“พลวงไปจัดห้องข้างบนให้หนูเกล้าที เอาห้องว่างปีกขวาที่ติดกับห้องฉันนะ” คุณย่าอิสรีสั่งให้ยายพลวงจัดห้องชั้นสองให้เกล้ากมล “จะได้เรียกใช้สะดวก ๆ กลางคืนก็มานอนเฝ้าหน้าเตียงฉัน”เด็กหญิงจึงอยู่ในฐานะเด็กรับใช้ของเจ้าของไร่ นอกจากนั้นเธอยังมีโอกาสได้กินข้าวร่วมโต๊ะกับอิธานอีกด้วย“ไหน ๆ รับปากยายเกดมาแล้วว่าจะเลี้ยงหลานให้ ต้องเลี้ยงให้ดีที่สุด”คุณย่าอิสรีเอ่ยอย่างเอ็นดู ชอบแววตาฉลาด ไม่กลัวคน นึกชอบใจที่ยายเกดเลี้ยงหลานมาได้ดี ด้วยท่านมีมดลูกที่ไม่แข็งแรง ตั้งครรภ์กี่ครั้งก็แท้งหมด จนมาถึงคราวพ่ออิธาน สามีต้องตระเวนไปบนหลวงพ่อดัง ๆ ลูกชายจึงรอดมาได้ แต่ก็เคราะห์กรรมยังไม่หมด จู่ ๆ เขาก็เกิดอุบัติเครื่องบินตกที่อังกฤษคุณปู่สมบูรณ์จึงไปพาหลานกลับมาเลี้ยง ไม่ทันไรคุณปู่ก็เสียไปอีกคน คุณย่าที่ไม่เคยทำงานไร่เลยต้องมารับช่วงต่อ ดีที่ยังมีคนงานเก่าแก่คอยช่วยเหลือ ทั้งบริหารงานในไร่และเลี้ยงดูอิธานไปด้วยหลานชายรักย่าก็จริง แต่ออกจะเป็นคนแข็ง ๆ ชอบอยู่ในไร่ มากกว่าจะอยู่ในบ้าน ทำให้ท่านเหงาบ้างเป็นบางที ได้เกล้ากมลมาก็ดีเหมือนกันจะได้มีเพื่อนเกล้ากมลตกใจกับห้องนอนใหม่ มีเตียงหลังใหญ่ ผ้าปูที
“ค่ะคุณย่า” หนูน้อยรับคำพร้อมน้ำตารื้นยายจ๋าคุณย่าอิสรีเป็นคนใจดีจริง ๆ เธอชักเข้าใจแล้วว่าทำไมยายเกดจึงอยากให้มาอยู่ที่นี่ละครเล่นไปได้ครึ่งเรื่องเกล้ากมลก็ปวดฉี่ คุณย่าอิสรีชี้ให้ไปเข้าห้องน้ำถัดจากครัวไปหน่อย หลังเสร็จธุระเธอกำลังจะออกมาจากห้องน้ำก็ได้ยินคนเปิดประตูหลังบ้าน เกล้ากมลใจตกไปอยู่ตาตุ่ม ใครกันจะมาบ้านเวลานี้และเข้าทางประตูหลังเธอแอบแง้มดูจากประตูห้องน้ำ เห็นหลังกว้างในความมืดตะคุ่ม ๆ ตายล่ะ มันกำลังไปทางห้องนั่งเล่น เธอเหลียวหาอาวุธต่อสู้กับคนร้าย ซึ่งไม่มีเลยจนตาเหลือบไปเห็นตะกร้าผลไม้ปลอมบนโต๊ะเตรียมอาหารในครัว มือเล็กจึงคว้าอาวุธจำเป็นวิ่งตามหลังไปติด ๆ แล้วขว้างผลไม้พลาสติก ทั้งมะม่วง แอปเปิล ส้ม มะละกอ โดยเฉพาะกล้วยที่โดนหัวคนร้ายดังปั๊ก“อย่าทำอะไรคุณย่านะไอ้โจรชั่ว!” เกล้ากมลตะโกนสุดเสียงพร้อมวิ่งไปจับขามันไว้“เฮ้ย! อะไรกันนี่ ยัยเด็กบ้า ปล่อยฉันนะ”มันพยายามสลัดคนเกาะให้หลุด แต่เธอยังมือเหนียวหนึบเป็นตุ๊กแก“คุณย่าหนีไปค่ะ” เธอรีบบอกผู้อาวุโสที่ตะลึงในเหตุการณ์อยู่“ปล่อยสิวะ” เจ้าโจรร้ายดันมือที่ศีรษะเล็ก หวังให้เธอไปไกล ๆ แต่เกล้ากมลร้ายกว่านั้น เธอกัดมือ
อิธานอายุสิบเจ็ดปีกำลังเรียนมัธยมปลายโรงเรียนในจังหวัดที่เดียวกับสนานและหนุ่มสาวลูกชาวไร่อายุเท่ากัน ส่วนเกล้ากมลและวรดาอยู่ชั้นประถมในโรงเรียนอนุบาลประจำจังหวัดที่ห่างกันไปสองกิโลเมตรด้วยมีจำนวนเด็กในวัยเรียนมาก คุณย่าอิสรีจึงเหมารถสองแถวคันโตให้มารับส่งนักเรียนทุกวัน เด็กประถมเลิกเร็วแต่เด็กมัธยมมักมีการเข้าชมรม พวกเธอจึงได้นั่งแกร่วรอคนอายุมากกว่าบนรถสองแถวอยู่บ่อย ๆสมาชิกในรุ่นอายุเจ็ดขวบของไร่เฉพาะเพศหญิงมีเพียงเกล้ากมลกับวรดา ส่วนคนอยู่มาก่อนดีใจมากที่มีเพื่อนเล่นเพิ่มมาอีกคน“พี่หนานพาแต่ฉันไปตกปลาหรือขึ้นป่าไปวางกับดักกระต่าย”วรดาระบายความอัดอั้นตันใจแก้มป่อง สนานใจดีกับน้องสาว แต่อย่างไรเสียเขาก็เป็นผู้ชาย ไม่อาจเข้าถึงจิตใจสาวน้อยได้ ครั้นจะชวนเล่นทำกับข้าวหรือเล่นพ่อแม่ลูกเขาก็ไม่ยอม บอกว่าเด็กไป“ตกปลาเหรอ ฟังดูน่าสนุก”เกล้ากมลคิดถึงปลาดุกย่างเสียบไม้ ผิวชโลมเครื่องเทศกรอบหอม ๆ ควันฉุย ซึ่งนานทียายเกดจะซื้อให้กิน“ฉันไม่ชอบเวลาปลามันดิ้นกระแด่ว ๆ น่าสงสาร” คนเล่าคิ้วตก “เกล้านิสัยท่าทางจะไปได้ดีคุณอิธกับพี่หนานนะ”“กับพี่หนานน่ะเฉย ๆ แต่กับคุณอิธเขาไม่ชอบฉัน”อิธานมักม
“อ้าว...เกล้า”กายเล็กสะดุ้งเฮือกเมื่อยายพลวงทัก เธอเสมองพื้นไม่กล้าสบตา“ไปรออยู่ที่โต๊ะไป บอกคุณท่านด้วยว่าอาหารเสร็จแล้ว เดี๋ยวจะเอาไปเสิร์ฟ”เธอพยักหน้าแรงแบบคอแทบหัก วิ่งตื๋อไปที่โต๊ะอาหาร คุณย่าอิสรีนั่งดื่มกาแฟอยู่ ท่านยิ้มให้เธอที่ไปนั่งเก้าอี้ตัวใกล้ ๆอิธานเป็นคนสุดท้ายที่ลงมา เขาบ่นว่าเครื่องปรับอากาศห้องเขาอาจจะเสียเพราะมันไม่เย็นเลยวันนั้นตลอดทั้งวันเกล้ากมลไม่รับรู้อะไร ได้แต่นับรอเวลาให้เลิกเรียนโดยเร็ว เพื่อหวังจะไปซื้อเค้ก โชคเข้าข้างเธอเพราะวันนี้วรดาหยุดเรียนเนื่องจากเป็นตาแดงเกล้ากมลบอกเด็กผู้ชายที่นั่งข้างกันว่าจะไปเข้าห้องน้ำ แล้วเธอรีบไปยังสหกรณ์ ตู้เค้กปิดไฟแล้ว โลกมืดดับพร้อมแสงไฟ ใจสาวน้อยหล่นวูบ“เอาอะไรจ๊ะหนู” คนขายคนเดิมชะโงกหน้าทักเธอจากบนตู้“เค้ก”ไม่มีเหลือแม้สักชิ้น บนชั้นวางขนมว่างเปล่า“เหลือชิ้นสุดท้ายพอดีเลย หน้ามันเละไปหน่อย ขายให้แค่ยี่สิบบาทจ้ะ”คนขายหันหลังไปหยิบถาดสี่เหลี่ยมที่มีขนมเค้กตกแต่งเป็นรูปแมลงเต่าทอง แต่เจลลี่สีแดงถูกครีมขาวเปื้อนจนเละ“เอาไหม”สาวน้อยพยักหน้ารัว ๆ จนน่ากลัวคอจะโยก พนักงานตักเค้กใส่กล่องกระดาษที่มีพลาสติกใสด้านบน
เด็กหญิงอ้อยอิ่งอยู่บนรถสองแถวนาน พยายามเดินให้ช้าที่สุด อิธานเลิกสนใจเธอแล้ว เพราะยายพลวงที่รออยู่หน้าประตูบ้านบอกว่า วันนี้คุณย่าอิสรีลงครัวเอง ท่านตำน้ำพริกปลาทูของโปรดหลาน เด็กหนุ่มจึงรีบไปอาบน้ำเพื่อเตรียมมากินข้าวเย็นเกล้ากมลยังไม่กล้าเข้าบ้าน ซึ่งตอนนี้เธอรู้สึกว่ามันเหมือนเป็นยักษ์ตัวใหญ่ รอตะปบเด็กที่ทำความผิดอย่างเธอ กระเป๋านักเรียนที่ถืออยู่รู้สึกหนักอึ้ง ด้วยไม่รู้จากน้ำหนักเค้กหรือบาปในจิตใจอิธานต้องรู้แล้วแน่ ๆ ว่าเธอแอบเอาเงินในครัวมาซื้อเค้ก แถมเขาไม่ชอบเธอ คงไม่พลาดที่จะเล่าให้คุณย่าฟัง แล้วเธอจะโดนทำโทษเกล้ากมลตัวสั่นเมื่อคิดว่าคุณย่าอิสรีต้องเรียกยายเกดมา ปรกติยายรักเธอ แต่เวลาแกลงโทษจะตีด้วยไม้ขัดหม้อข้าว มันทั้งเจ็บทั้งทิ้งรอยใหญ่บนขา เธอเคยเจอมาแล้วตอนแอบไปเที่ยวงานวัดกับครอบครัวเพื่อนบ้านเธอไม่อยากโดนตี แต่จะทำอย่างไรดีล่ะ ในเมื่อหลักฐานก็ทนโท่อยู่ในกระเป๋านักเรียน...หลักฐาน ทันใดนั้นสมองเด็กอายุเจ็ดขวบก็สว่างวาบ ถ้าไม่มีหลักฐานก็จะไม่มีใครรู้ว่าเธอทำผิดตากลมเหลียวซ้ายแลขวา เวลานี้ตะวันโพล้เพล้ คนงานไปกินข้าวกันที่โรงอาหาร มีเหลือคอยรับใช้ในบ้านใหญ่ไม่กี่คน
อิธานกำลังขะมักเขม้นกับการอ่านหนังสือวิชาคณิตศาสตร์ ด้วยไม่ได้ชอบวิชานี้นัก แต่พรุ่งนี้มีเรียน หนุ่มสิบเจ็ดจำต้องอ่านผ่าน ๆ เผื่ออาจารย์จะถามในโปรแกรมแช็ตบนคอมพิวเตอร์ เพื่อนทักมาชวนไปดูเด็กชมรมนาฏศิลป์ซ้อมรำ นัยว่ามีเด็กคนหนึ่งที่เพื่อนแอบเล็งอยู่ หากมีคนหล่อ ๆ อย่างเขาไปด้วย สาว ๆ ในชมรมจะได้ไม่ไล่ตะเพิดออกมาอิธานตั้งใจจะชวนสนานไปด้วย อาจเพราะมีน้องสาวสนานจึงเข้ากับผู้หญิงได้ดี เป็นมิตรกับทุกคน จนบางครั้งเขาก็คิดว่าเพื่อนกึ่งคนงานสนิทบ้าหรือเปล่า ทำไมชอบยิ้มและทำดีกับทุกคนนึกถึงสนานแล้วคิดขึ้นได้ ยายพลวงให้เพื่อนเอาองุ่นจากในสวนมาแช่ไว้ในตู้เย็นถุงใหญ่ มื้อเย็นคุณย่าอิสรีกินไปนิดเดียว เกล้ากมลก็กินลูกสองลูก อ่านหนังสือใช้พื้นที่สมองเยอะเขาจึงหิว เลยออกจากห้องตัวเองลงครัวหวังไปเปิดตู้เย็นขณะกำลังจะแง้มประตู ตาก็เห็นร่างหนึ่งผ่านห้องตนไป ทีแรกคิดว่าผี แต่พอปรับสายตาให้ค่อยชินกับความมืดจึงได้เห็นว่าเป็นเกล้ากมล เธอทำลับ ๆ ล่อ ๆ หน้าประตูบ้านร่างสูงของหนุ่มสิบเจ็ดค่อยย่องตามไป จนเห็นเธอนั่งลงข้างพุ่มไม้ ยื่นมือไปควานหาอะไรสักอย่าง ก่อนผงะล้มก้นจ้ำเบ้า“โอ๊ย!”มือเกล้ากมลไปโดนอะไรสั