Share

Chapter 2

เด็กหญิงเกล้ากมลอ้าปากกว้างเมื่อรถหกล้อขนพืชผลการเกษตรแล่นเข้าสู่อาณาเขตไร่สมบูรณ์ดี ทุ่งหญ้าเขียวขจีเหมือนใครเอาสีเขียวเข้มมาเทบนพื้นตัดกับสีฟ้าของท้องฟ้าใสไร้เมฆ แต่งแต้มด้วยลายขาวดำของวัวที่แทะเล็มหญ้าอยู่เป็นจุด ๆ

 ลมฤดูร้อนพัดมาโลมผิว แต่หนูน้อยไม่รู้สึก ด้วยกำลังตื่นเต้นกับทุกอย่างในครรลองสายตา กระทั่งรถมาจอด ณ โรงครัวใหญ่ ที่มีผู้คนเดินไปมาขวักไขว่

“ยายพลวง ๆ”

คนขับรถเรียกหญิงชราวัยเดียวกับยายเกดที่ยืนคุยกับแม่ครัวโพกหัวผูกผ้ากันเปื้อน

“อะไรเจ้าพร” เจ้าของชื่อร้องถาม

“ยายเกดจะมาหาคุณท่าน”

ยายพลวงยกมือไหว้ผู้อายุมากกว่าทันทีที่เห็น

“ไปยังไงมายังไงล่ะพี่”

“ว่าจะมาเยี่ยมคุณท่านนานแล้ว ไม่มีโอกาสเสียที วันนี้ว่างเลยมาหา” ยายเธอเล่า พลางแนะนำ “นี่หลานฉัน เกล้า ไหว้ยายพลวงเสียสิ”

เกล้ากมลกระพุ่มมือไหว้ ผู้ใหญ่มองเธอด้วยสายตาเอ็นดู

“ไหว้พระเถอะลูก ใกล้เที่ยงแล้ว มา...กินข้าวด้วยกันก่อนสิ”

“ฉันกินเรียบร้อยมาตั้งแต่ในตลาดแล้ว”

“แต่หนูหิวนะยาย”

เกล้ากมลไม่เข้าใจว่ายายเกดจะโกหกไปทำไม เพราะในตลาดได้กินเพียงขนมครกเท่านั้น มันมิใช่ข้าวเลยมิใช่หรือ ผู้เป็นยายขึงตาใส่หลาน ยายพลวงหัวเราะ พอรู้ว่าคนรุ่นพี่เป็นคนยังไง คงเกรงอกเกรงใจน่ะแหละ

“เออ หลานยายนี่กล้าดีนะ ไม่เหนียมอาย ไปหนู เที่ยงนี้มีขนมจีนกับไข่ต้ม เฮ้ย! ใครก็ได้เอาขนมจีนซาวน้ำปลากับไข่ให้เด็กนี่หน่อย”

นางสั่งแม่ครัวแล้วชี้ให้เด็กหญิงไปนั่งที่โต๊ะไม้ที่มีม้านั่งยาว เกล้ากมลจัดการอาหารอย่างเอร็ดอร่อย โดยไม่ทันสังเกตว่าสองผู้เฒ่าเดินไปทางไหน จนขนมจีนหมดชามแล้วจึงได้เหลียวหาญาติ

“ยายพลวงพายายเกดไปพบคุณท่าน หนูรออยู่นี่ก่อนนะ”

แม่ครัวเอาน้ำใส่แก้วมาให้ ขณะนั้นเป็นเวลาเที่ยงวัน คนงานบางส่วนกลับมากินข้าวที่โรงอาหาร เสียงพูดคุยดังจอแจแต่ไม่ดังเท่าที่ตลาด ซึ่งยายเกดขายของอยู่

แต่กระนั้นการรอญาติอยู่นาน ๆ ก็ทำให้หนูน้อยเบื่อ เห็นลูกคนงานเดินมากับพ่อแม่บ้าง บางคนก็เดินมาตัวคนเดียว แต่อย่างน้อยพวกเขาต้องมีพ่อแม่ญาติพี่น้องทำงานอยู่ในนี้ มิเช่นนั้นจะไม่มีสิทธิ์ได้มากินข้าว

พูดถึงการทำงานที่นี่มีคนงานทั้งชายและหญิง ถ้าจะพูดให้ถูกตลอดอายุเจ็ดปีที่เกิดมา เกล้ากมลก็เห็นคนทั้งสองเพศทำงานกันทั้งนั้น

คงมีแต่บ้านเธอที่ยายทำงานคนเดียว ส่วนตาต๊อกเอาแต่กินเหล้ากับนอน ตื่นมาก็โวยวายหรือไม่ก็ใช้เธอไปซื้อเหล้ามาให้ดื่มกับเพื่อน ซึ่งแต่ละคนมีแต่น่ากลัว ๆ หรือไม่ก็มองเธอด้วยสายตาแปลก ๆ แบบทำให้เด็กอายุเจ็ดขวบขนลุกขนชัน ยังดีที่ยายสั่งห้ามเด็ดขาดว่าหลังหกโมงเย็นให้อยู่แต่ในบ้านไม่ต้องออกมาเดินเพ่นพ่าน เพื่อไม่ต้องมาเผชิญกับวงเหล้าของตา

หากจะถามถึงแม่ เกล้ากมลก็ไม่เคยเห็นตัวจริง มีเพียงรูปถ่ายในอัลบั้มเก่าเท่านั้น แม่เอาเธอมาให้ยายเลี้ยงตั้งแต่ตัวแดง ๆ โดยส่งเงินมาบ้างนาน ๆ ที

เพื่อนที่โรงเรียนล้อว่าเกล้ากมลเป็นเด็กถูกทิ้ง ก่อนที่คนโดนล้อจะโดนเธอชกแก้มปูด จนยายต้องซื้อขนมไปขอโทษ แต่พอเธอเล่าต้นเหตุให้ฟังยายถึงกับไปตามด่าพ่อแม่เด็กคนนั้นถึงบ้าน

“เลี้ยงลูกประสาอะไร ถึงเอาปมด้อยคนอื่นมาล้อ ชอบเล่นกับความรู้สึกของผู้อื่น แบบนี้มันใช่ได้ที่ไหน” เมื่อยายด่าคนบ้านนั้น ท่านก็หันมาพูดกับเธอด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ไม่เป็นไรนะลูก ใครจะว่ายังไงก็ช่าง แต่ให้หลานจำไว้ ยังไงหนูก็เป็นลูกของยายที่รักและหวังดีเสมอ”

เวลายายเกดได้ด่าใครล่ะก็ อย่าหวังว่าจะหยุดได้ง่าย ๆ การด่าของยายเป็นแบบที่ผู้ใหญ่ซุบซิบกันว่า “แม่ค้าปากตลาด” ถึงใคร ๆ จะขนานนามยายแบบนี้ แต่เธอก็รักและเทิดทูนท่านเป็นที่สุด

ด้วยนั่งนาน ๆ ชักเบื่อ สาวน้อยวัยเจ็ดขวบจึงนึกสนุกลองเดินสำรวจอาณาเขตใหม่ ทุกอย่างดูสวย ทางเดินปูนซีเมนต์สะอาดตา โรงครัวมีพุ่มดอกเข็มที่ตัดแต่งเป็นรั้วอย่างดีล้อมรอบ ถัดไปอีกหน่อยเป็นบ้านไม้สองชั้นหลังใหญ่

เกล้ากมลคาดว่าเป็นบ้านของ “คุณท่าน” เจ้าของที่นี่ เพราะตามในละครโทรทัศน์คนรวยต้องอยู่บ้านหลังใหญ่

การเดินจากโรงครัวมายังบ้านเป้าหมายทำให้เธอหอบเล็กน้อย เป็นคนรวยนี่ก็ดีไปอย่าง ไม่ต้องเดิน ขึ้นรถไป มีคนขับให้อย่างโก้ ตามที่เคยเห็นในละคร

ความจริงเกล้ากมลชอบอ่านหนังสือมากกว่า หนังสือสำหรับเด็กเจ็ดขวบเท่าที่อ่านได้ในห้องสมุด เธอไล่อ่านจนหมด จนคุณครูชมว่าเธอเป็นเด็กเรียนรู้เกินวัย

แต่เธอยังอยากได้หนังสือที่มีภาพสีของเจ้าหญิงแสนสวย ทว่ามันแพงเล่มละเป็นร้อย ยายเกดบอกว่าซื้อไม่ไหว เพราะฉะนั้นโทรทัศน์จึงเป็นความสุขราคาถูกที่เธอหาได้ รองจากวิทยุที่ตาต๊อกเอาไว้เปิดฟังผลหวยออก

เกล้ากมลมาถึงบ้านใหญ่เมื่อตะวันเริ่มคล้อย นอกจากบ้านจะสวยแล้ว ยังปลูกดอกไม้หลากสี คุณนายตื่นสาย ดอกผีเสื้อไหวล้อแรงลม

บ้านนี้ปลูกดอกไม้ทั้งสวนหย่อมหน้าบ้าน ทั้งกระถางแขวนตามชาน บนหน้าต่างชั้นสองก็ปลูกดอกไม้สีชมพู คนในบ้านคงมีความสุข ตื่นเช้ามาเจออะไรสวย ๆ หอม ๆ

 เธออยากจะขึ้นไปหายาย แต่ไม่รู้ยายไปอยู่ส่วนไหนของตัวบ้าน จะตะโกนหาก็กลัวถูกดุ จึงได้แต่ยืนด้อม ๆ มอง ๆ ปลายสายตาเห็นอะไรเป็นสีแดง ๆ สะท้อนแดด ใต้ร่มไม้ใหญ่มีชิงช้าเชือก แล้วก็มีจักรยานสีแดง

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status