“ว่าไง? มีอะไรก็รีบๆ พูด กำลังจะขึ้นเครื่องแล้ว!” ท่านอักมัลเร่งปลายสาย เพราะได้ยินแอร์กราวนด์ประกาศเรียกผู้โดยสารในโซนที่นั่งของเขาให้ขึ้นเครื่อง ดังขึ้นมาพอดี
“เหมืองบิทคอยน์ที่รัฐบีถูกพบแล้วพ่ะย่ะค่ะ เจ้าหน้าที่ได้ตรวจยึดทรัพย์สินไปทั้งหมด!”
“อะไรนะ!! เพิ่งจะโดนที่รัฐเอไปหยกๆ แล้วที่รัฐบีโดนทุกที่เลยหรือเปล่า?”
“ทุกที่กระหม่อม! เหมือนกับมีคนชี้เป้าระบุตำแหน่งให้เจ้าหน้าที่ ตอนนี้เหลือเพียงที่รัฐดี แต่พวกเราได้เคลื่อนย้ายเครื่องมือออกจากพื้นที่ เคลียร์สถานที่และทำลายหลักฐานหมดแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”
“แล้วก่อนหน้านั้นพวกนายมัวทำอะไรกันอยู่ ไม่มีใครแจ้งเตือนก่อนเจ้าหน้าที่จะบุกเข้ามาเลยหรือไง?”
“พวกเขาตัดสัญญาการเชื่อมต่ออินเนอร์เนต จากนั้นก็ตัดสัญญาณไฟฉุกเฉิน ช่างและคนที่อยู่เวรในช่วงนั้นๆ จึงมัวแต่แก้ปัญหากันอยู่ พอเจ้าหน้าที่บุกเข้ามาจึงไม่มีใครรู้ตัวเลยกระหม่อม! และเข้ายึดพร้อมกันหมดเลยทุกที่!”
“แล้วคนล่ะ ยังอยู่หรือเปล่า?”
“พระชนนีถูกพาตัวไปแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”
“หึย!! ไอ้พวกบ้า! ไร้ประโยชน์จริงๆ!” ท่านอักมัลตัดสายอุทานออกมาด้วยความเดือดดาล โดนบุกทลายแหล่งทำเงินก็ช่างเถอะ แต่พาคนสำคัญไปด้วยนี่สิ มันทำให้เส้นเลือดในสมองของเขาแทบจะปริแตก กว่าจะหาวิธีลักพาตัวมาได้ไม่ใช่เรื่องง่าย แล้วก็ไม่รู้ว่าเจ้าหน้าที่พวกนั้น เป็นคนของฝ่ายไหนกันแน่
การได้ตัวพระชนนีมาไว้ในการควบคุม นอกจากจะเอาไว้ต่อรองอำนาจกับสุลต่านโอมาร์ได้แล้ว เขายังมีเหตุผลส่วนตัวอีกอย่าง เธอเป็นคนรักของเขามาก่อน ที่จะถูกผู้ใหญ่บังคับให้แต่งงานกับน้องชาย การสูญเสียเธอไปอีกครั้งทำให้เขาร้อนใจอยู่ไม่น้อย เขาต้องรีบสืบหาให้ได้ว่าตอนนี้เธอไปอยู่ที่ไหน
…………………….
เมื่อเหล่าองครักษ์ของไลลากลับไปหมดแล้ว เจ้าชายอิสราร์ไม่เห็นว่าภรรยาจะออกมาจากห้องสักที จึงพยุงตัวนั่งบนรถวีลแชร์ แล้วกดเปิดสวิตช์ให้วงล้อหมุนแบบอัตโนมัติเข้าไปในห้อง
เขาเลิกคิ้วอย่างแปลกใจที่เห็นเธอกำลังง่วนกับการบดบรัชออนให้เป็นผง ที่ข้างกันมีกาต้มชาไฟฟ้าของโรงแรมใส่น้ำอยู่ครึ่งหนึ่งและกำลังเดือดปุดๆ ข้างในกาวางแก้วทรงสูงใบหนึ่งใส่น้ำสีฟ้าอยู่ครึ่งแก้ว คล้ายกำลังต้มน้ำสีฟ้าผ่านน้ำร้อนจนมีไอน้ำเริ่มลอยขึ้นมาจากแก้วเป็นควันจางๆ ด้านข้างมีสิ่งของวางไว้หลายอย่าง ทั้งเทปใส ขวดน้ำยาบ้วนปาก แปลงบรัชออนกับกระดาษแผ่นหนึ่ง
“ทำอะไร?”
“กำลังตามล่าหาความจริงเพคะ”
“ไหนเล่าให้ฟังหน่อยสิว่าเกิดอะไรขึ้น!”
พริมโรสเล่าให้เขาฟังขณะที่มือก็บดบรัชออนไปด้วย ตั้งแต่ได้รับข้อความที่ในกระดาษ มีกระดุมเม็ดหนึ่งที่มีตัวอักษรไอเอสซ่อนอยู่ข้างใน เธอก็เลยไปตามที่นัดเพราะอยากรู้ว่าคนส่งจดหมายมีจุดประสงค์อะไร แล้วก็มาเจอเหตุกาณณ์ที่องครักษ์ทั้งแปดข่มขู่ จากนั้นก็มีชายฉกรรจ์สามคนเข้ามาเพื่อจะมาจับตัวเธอ แต่องครักษ์ทั้งแปดก็ได้ปกป้องไว้ จนเธอสามารถหลบมาจากจุดเกิดเหตุ และมาเจออดีตคู่หมั้น
“ฝ่าบาทคิดว่า คนที่นัดหม่อมฉันไปพบ กับเจ้านายของเจ้าสามคนนั้นเป็นคนคนเดียวกันหรือเปล่าเพคะ?”
“คำตอบคงอยู่ในลายนิ้วมือแฝงบนกระดาษละมัง” เขาพูดแล้วหมุนวงล้อเข้ามาใกล้โต๊ะ พริมโรสเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ
“มีอะไรที่ฝ่าบาทไม่รู้บ้างเพคะ?”
“ผมเป็นผู้บัญชาการทหารสูงสุดมาก่อนนะ หน้าที่ของประเทศอื่นผมไม่รู้ แต่สำหรับผมอย่างน้อยต้องรู้การทำงานคร่าวๆ ในสายงานต่างๆ ไว้บ้าง”
“ข้าน้อย นับถือๆ!” พริมโรสอยากล้อเลียนเขาจึงยกสองมือกุมระดับหน้าอกคารวะแบบเป้าเฉวียน แต่ไม่คิดว่าเขาจะเล่นกลับด้วยการตอบรับการคารวะจากเธอ
“ไม่ต้องเกรงใจ” เขาพูดออกมาหน้าตายคล้ายพวกโป๊กเกอร์เฟสที่ทำหน้านิ่งๆ เพื่อไม่ให้ใครอ่านสีหน้าออก ทำให้หญิงสาวหัวเราะจนตาหยี รอยยิ้มงดงามขยายกว้างจนแก้มข้างหนึ่งบุ๋มคล้ายลักยิ้มเล็กๆ ดูน่ารัก ทำให้ใบหน้างดงามมีเสน่ห์เย้ายวนกว่าทุกครั้ง
เจ้าชายอิสราร์ชะงัก มองรอยยิ้มสว่างไสวชวนให้ใจสั่นนั้นอย่างไม่วางตา เขาไม่เคยเห็นเธอหัวเราะเต็มที่มาก่อน แววตาลึกล้ำจับจ้องอยู่ที่ดวงหน้างามมองนิ่งซ้ำแล้วซ้ำเล่า วนเวียนทั่วใบหน้า
น่ารักมากจริงๆ…
“ฝ่าบาท! อย่าน่ารักมากกว่านี้นะเพคะ ไม่อย่างนั้นวันนี้หม่อมฉันคงไม่ได้ทำงานกันล่ะ!” พริมโรสพูดแล้วหันไปทำงานต่อ ขณะที่ชายหนุ่มเลิกคิ้วอย่างประหลาดใจ ที่ได้ยินหญิงสาวพูดออกมาตรงกับที่ใจเขากำลังรู้สึกอยู่พอดี
“มีอะไรที่ดึงความสนใจของคุณออกไปจากงานได้ด้วยเหรอ?” เจ้าชายอิสราร์เอ่ยปากถาม ขณะที่มองหญิงสาวใช้สองมือจับตรงมุมกระดาษที่วางอยู่ใกล้ๆ หันด้านหลังขึ้นมาอังไอน้ำที่กำลังลอยขึ้นมาจากแก้วทรงสูงอยู่ชั่วครู่ ก็ปรากฏลายนิ้วมือสีเข้มกว่ากระดาษขึ้นมาตรงขอบทั้งสองข้างเป็นแนวยาว
เขายักมุมปากข้างหนึ่งขึ้นอย่างชื่นชม เพราะลายนิ้วมือเจ้าของจดหมายจะอยู่ด้านหลังมากกว่าด้านใน ซึ่งจะเกิดจากการกดกระดาษเพื่อทำรอยพับ ด้านในจึงเป็นลายนิ้วมือของผู้รับเสียมากกว่า
“มีสิเพคะ หม่อมฉันถึงต้องพยายามไม่หันไปมองอยู่นี่ไง!”
พริมโรสวางกระดาษลง หยิบแปรงปัดแป้งฝุ่นขนกระต่ายมาจุ่มผงบรัชออนสีเข้ม แล้วกระเทาะให้ผงกระจายตัวไปโดยรอบ จากนั้นไล้แปรงไปบนกระดาษตรงตำแหน่งลายนิ้วมือเบาๆ จนปรากฏเป็นลายชัดขึ้นมา ดึงเทปใสซึ่งตัดไว้แล้วและแปะติดอยู่ตรงขอบโต๊ะ มากดทับลงไปบนลายนิ้วมือแล้วถูวนๆ เพื่อเพิ่มการยึดติดให้มากขึ้น
สายตาคมกริบ มองเลยไปที่กล่องสี่เหลี่ยมเล็กสีใส ซึ่งใส่กระดุมเม็ดหนึ่งอยู่
“กระดุมเม็ดนั้นเป็นแบบเดียวกับของผมงั้นรึ?”
“ดูเผินๆ เหมือนกันทุกอย่างเลยเพคะ แต่ฝ่าบาทเคยบอกหม่อมฉันว่า ของพระองค์จะไม่เหมือนใคร ตรงที่สะท้อนแสงแบลคไลท์ได้”
“แล้วไงต่อ?”
“หม่อมฉันก็เอาไฟฉายยูวีมาส่อง แล้วก็ไม่ใช่จริงๆ”
“สงสัยจะเป็นกระดุมรุ่นเก่าของผมหรือเปล่า?” หญิงสาวเลิกคิ้วขึ้นอย่างแปลกใจ
“ยังไงเพคะ?”
“เสื้อผมตัวหนึ่งเคยหายไปอย่างไร้ร่องรอย เผอิญว่าเป็นตัวโปรดก็เลยรู้ ผมเลยสั่งเปลี่ยนกระดุมทั้งหมดป้องกันเหตุไม่คาดฝันเอาไว้ก่อน”
“รุ่นใหม่นี้สั่งทำมาทั้งหมดเท่าไหร่เพคะ?”
“หนึ่งพันเม็ด”
“ทำไมฝ่าบาทถึงคิดว่าอาจจะมีเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้น?”
“เรื่องมันยาว ต้องเล่าย้อนไปไกลมาก เริ่มจาก…”
พลันมีเสียงโทรศัพท์มือถือของเจ้าชายดังขึ้น พริมโรสจึงเดินไปหยิบมาส่งให้
“ว่าไง?....อะไรนะ!!...ได้!..จะไปเดี๋ยวนี้!!” เขาวางสายแล้วมองหญิงสาว
“เจอเนญ่าแล้ว! อิดรีสให้ไปเจอกันที่ห้องเขา”
“รอสักครู่เพคะ เก็บของก่อน!”
…………………….
เจ้าชายอิสราร์กับพริมโรสไปถึงหน้าห้องของเจ้าชายอิดรีส พอองครักษ์ไปรายงานเขาก็เดินออกมาทันที
“ตามฉันมา จะพาไปที่เกิดเหตุ!”
เจ้าชายอิดรีสนำไปก่อน พริมโรสเข็นรถวีลแชร์เข้าลิฟต์ตามไปติดๆ จนมาถึงห้องๆ หนึ่งในจำนวนห้องพักทั้งหมดที่จองในนามของเจ้าชายอิดรีส
“ฉันให้หมอมาดูอาการเนญ่าแล้ว ยืนยันว่าโดนข่มขืนแน่ๆ ตอนนี้ให้รถพยาบาลมารับไปแล้ว ฉันสั่งคนทั้งหมดปิดปาก และห้ามคนเข้าออกห้องนี้ เพราะกลัวหลักฐานทุกอย่างขยับเขยื้อน แต่สิ่งหนึ่งที่นายต้องเห็นด้วยตาตัวเองก่อน” เขาพาไปที่โต๊ะปลายเตียงหยิบของชิ้นเล็กชิ้นหนึ่งส่งมาให้ เจ้าชายอิสราร์รับมาพิจารณา
“ดูเผินๆ เหมือนว่าจะเป็นของฉัน”
“ใช่! ในแก้วนั่นมีคราบขาวๆ นอนก้นอยู่ ไม่รู้ว่าเป็นยาอะไร คนร้ายจงใจวางกระดุมเม็ดนั้นไว้ให้สังเกตเห็นโดยง่าย ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่โง่มาก!”
“เอาไฟฉายยูวีมาด้วยหรือเปล่า?” เจ้าชายหันมาถามพริมโรส
“ไม่ได้เอามาเพคะ แต่หม่อมฉันจะเอากลับไปตรวจสอบให้”
หญิงสาวหยิบทิชชู่มาสองแผ่นแบมือรับกระดุมจากมือเขาห่อไว้มิดชิดแล้วสอดไว้ในกระเป๋าเสื้อ อีกแผ่นไปคลุมไว้ที่แก้วแล้วหยิบมาถือไว้ในมือ
“บอกไลลาหรือยัง?” เจ้าชายหันไปถามเจ้าชายอิดรีส
“บอกแล้ว! เขาสงสัยแต่แรกแล้วว่าเรื่องนี้มีเงื่อนงำ เพราะ เนญ่าได้รับข้อความนัดพบจากนายจึงออกจากห้องไป ไลลาจึงขอให้ฉันตรวจสอบกล้องวงจรปิด ปรากฏว่าช่วงเวลาที่ออกจากห้องมาถึงที่นี่ ภาพหายไปอย่างไร้ร่องรอย แต่ช่วงเวลาก่อนหน้านั้น พบว่าได้พูดคุยอยู่กับคนของนายที่ล็อบบี้”
“ฮัลดา!” พริมโรสเอ่ยขึ้นมา เมื่อนึกถึงคำสารภาพขององครักษ์ทั้งแปด
“แต่ฉันเจอมากกว่านั้น เพราะหลังจากที่สองคนนั้นออกจากล็อบบี้ไป คนที่เราคิดไม่ถึงก็ปรากฎตัวออกมาจากหลังฉาก เดินตามหลังไปไม่ห่าง”
ดวงตาดำสนิทของเจ้าชายอิสราร์ พลันสาดประกายเย็นยะเยียบดูเข้มขึ้นอย่างน่ากลัว ดุร้ายราวเทพสังหาร กรามขบเข้าหากันแน่นจนเป็นสันนูน ถึงแม้เจ้าชายอิดรีสจะไม่ได้เอ่ยชื่อออกมา เขาก็รู้ได้ทันทีว่าคนผู้นั้นเป็นใคร
“ระยำจริงๆ!! น่ารำคาญยิ่งกว่ามดหนูแมลงสาบ ชาวบ้านเดือดร้อนไปทั่ว! ทำตัวรกโลกขึ้นทุกวัน!!” ชายหนุ่มสบถออกมาอย่างเหลืออด เขาทนมานาน ทนไม่รู้ว่าจะอดทนอย่างไรแล้ว
“แต่เห็นว่าหลังจากเกิดเหตุการณ์นี้ เขาก็กลับไปทันทีนะ คนของฉันยืนยันว่าเครื่องบินของเขาออกไปแล้วเมื่อสักพักนี้เอง”
พริมโรสยืนตรึงอยู่กับที่ เบิ่งตากว้างด้วยความประหลาดใจ มือน้อยยกขึ้นทาบอก มองคนนั้นทีคนนี้ทีอย่างคาดไม่ถึง แต่ความอยากรู้อยากเห็นทำให้อดใจไม่ไหวจึงถามขึ้นมาอย่างที่ใจคิด
“เอ่อ ขอประทานอภัยเพคะที่พูดแทรก หม่อมฉันได้ยินมาว่าทั้งสองพระองค์ยืนอยู่คนละฝ่าย อุดมการณ์ก็ไม่เหมือนกันเลยสักอย่าง แต่เท่าที่เห็นด้วยตาตอนนี้ เหมือนกับว่ายืนอยู่จุดเดียวกันมาตั้งแต่แรกแล้ว หรือหม่อมฉันเข้าใจผิด?”
“ไม่ผิด! ผมกับเขาเป็นญาติพี่น้อง ที่สนิทกันมาตั้งแต่เด็กแล้ว แต่พวกเราไม่ได้บอกใครเท่านั้นเอง! เราเป็นลูกเมียรองที่ไม่มีใครคบด้วยกันทั้งคู่!” รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ของเจ้าชายอิดรีสระบายทั่วใบหน้า ในขณะที่พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงร่าเริง คล้ายต้องการกลบความรู้สึกบางอย่างเมื่อนึกถึงอดีต
“เพราะไม่เปิดเผย นายเลยถึงยังมีลมหายใจอยู่ไงล่ะ!”
“ก็จริง! ไม่อย่างนั้นชะตาฉันคงขาดเหมือนกับนายอิฟราอิมไปแล้ว! เออ! ใกล้ครบรอบวันตายของเขาแล้วนี่ อีกไม่กี่วัน!”
“อืม ฉันว่าพรุ่งนี้จะกลับแล้ว กะว่าจะเลยไปบ้านเกิดของเขา นายจะไปด้วยไหม?”
“จะตามไปทีหลังแล้วกัน เผื่อเบาะแสนายรั่วไหลแล้วทางนั้นตามมาไล่ล่านายต่อ ฉันจะพลอยโดนสังหารหมู่ไปด้วย! ใครอยู่ใกล้นายรนหาที่ตายชัดๆ!”
พริมโรสได้ยินนั้นก็หลับตาลงอย่างยอมรับชะตากรรม คนเราช้าเร็วก็ต้องตาย แต่ถ้าเลือกได้เธอขอตายก่อนเขา
“แล้วเรื่องเนญ่าจะเอาไง?” เจ้าชายอิดรีสเอ่ยถามสหาย
“คงต้องรอให้ฟื้นก่อน แต่สั่งให้ทุกคนปิดข่าวไว้แล้ว ถ้าเรื่องนี้แพร่งพรายออกไป เนญ่าอาจถูกลงทัณฑ์ในฐานะนักโทษของราชวงศ์โดยที่ไม่ใช่ความผิดของตัวเองเลยแม้แต่น้อย ไลลาคงต้องอยู่ที่นี่ไปก่อนเพื่อรอดูอาการน้องสาว เพราะฉันต้องรีบกลับเปเรซเหมือนกัน ตอนนี้เหตุการณ์วุ่นวายถึงขีดสุดแล้ว ถึงคราวที่ต้องไปเร่งมือให้แตกหักขึ้นให้เร็วกว่านี้!”
หาาา!!
พริมโรสอ้าปากเหวอ เพราะคิดไม่ถึงว่าสองหนุ่มนี้จะอยู่เบื้องหลังเหตุวุ่นวายทั้งประเทศนั่น
“ร้ายกาจนัก! กล้าเอาชีวิตประชาชนมาล้อเล่นได้ยังไง!” พริมโรสตกใจ ที่เห็นสองหนุ่มหันมามองหน้าเธอเป็นจุดเดียว ราวกับได้ยินสิ่งที่เธอกำลังคิดอยู่ในหัว
เอ๊ะ!! ฉันอ้าปากผิดวิธี หรือว่าคิดดังไปนะ??
“พูดอย่างนั้นก็ไม่ถูก! ต้นเหตุแห่งหายนะมันมีอยู่ ช้าหรือเร็วมันก็ต้องเกิดอยู่แล้ว พวกเราแค่เร่งให้มันเร็วขึ้นกว่าปกติแค่นั้น จะได้แก้ไขได้ทันท่วงที ซึ่งถ้าเกิดขึ้นหลังจากที่ผมตายไปแล้ว ถึงตอนนั้นประเทศต้องล่มสลายจนยากที่จะฟื้นคืนได้แน่ๆ!” เจ้าชายอิสราร์พูดแก้ขึ้นมาทันที
นี่ฉันพูดออกไปอย่างที่คิดจริงๆ หรือนี่!! กรรมของสัตว์โลก!! ปากไวกว่าความคิดเสียอีก!!
“แฟนนายน่าสนใจเหมือนกันนี่!! เข้าใจแล้วว่าทำไมนายถึงถูกใจความเยือกเย็นนี้นักหนา!”
“เมีย! ไม่ใช่แฟน!”
“โว๊ะ! รวดเร็วปานนั้นเชียว! เท่ากับเหยียบหน้าแก๊งผู้เฒ่าทั้งตระกูลเลยนะนี่! ฉายาอิสราร์ไร้ใจคงกลายเป็นเพียงตำนานไปแล้ว! สงสัยฉันต้องเอาอย่างนายบ้าง จับรวบหัวรวบหางเสียเลยน่าจะดี พ่อเขาก็เปิดทางให้อยู่แล้ว มัวแต่รอเวลาเดี๋ยวทางนั้นจะเปลี่ยนใจเสียก่อน อารมณ์ยิ่งขึ้นๆ ลงๆ อยู่ด้วย!”
“เฮอะ!! ไม่ต้องรีบ! ไม่น่าจะมีคู่แข่ง ไม่มีใครเขาชอบรสนิยมแปลกๆ เหมือนนายหรอก หยิ่งจองหองก็ปานนั้น!”
“ฉันจะถือว่าเป็นคำชม! ฮ่าๆ แต่เกราะความหยิ่งยโสของเขานี่แหละเป็นสิ่งที่น่ารัก ตานายไม่มีแววที่จะเห็นมุมอื่นของเขาเองต่างหาก ฉันไปล่ะ! เจอกันที่บ้านอิฟราอิม แล้วเจอกันนะครับคนสวย”
“อิลัลลิกออฺ” พริมโรสบอกเขาว่าแล้วพบกันใหม่ ทำให้เขาเลิกคิ้วขึ้นอย่างเจ้าเล่ห์ตามนิสัย แล้วยิ้มกริ่มที่มุมปาก
“มะอัสสลามะฮ อ้อ! คุณแกล้งไม่รู้ภาษาอาหรับได้เนียนมากเลยนะ!” เขากล่าวว่าลาก่อน ขยิบตาข้างหนึ่งให้ แล้วเดินออกไป
ทำไมฟังดูเป็นคำชมที่ไม่น่าเชื่อถือชอบกล?
…………………….
น้ำยาบ้วนปาก มีส่วนประกอบสำคัญคือ ZnNO3 เป็นไนเตรทไอออนเช่นเดียวกับ AgNO3 ซึ่งเป็นสารสำหรับใช้ในการหาลายนิ้วมือแฝง
เจ้าชายอิสราร์ นั่งกึ่งเอนพิงพนักหัวเตียง อ่านรายงานขอเสนออนุมัติโครงการของบริษัทที่รินรดานำมาให้เขาเซ็น พออ่านจบก็ลงลายมือชื่อเพื่อให้ดำเนินการได้ จากนั้นก็ปิดแฟ้มนำไปวางที่หัวเตียง ถอดแว่นตาวางไว้ด้านบน แล้วหยิบโทรศัพท์มาอ่านข่าวทั่วไปเพื่อฆ่าเวลาเขารู้ว่าห้ามภรรยาไม่ให้กลับไปที่เกิดเหตุอีกไม่ได้ จึงทำเป็นนิ่งเฉยแล้วตรงเข้ามาห้องนอนเลย รอเวลาให้เธอได้ทำในสิ่งที่อยากทำให้เต็มที่ เสร็จแล้วก็คงกลับมาเอง…พริมโรสออกมาจากลิฟต์แล้วตรงไปที่ห้องเกิดเหตุ บอกตรงๆ ว่าเธอไม่ใว้ใจใครทั้งนั้น โดยเฉพาะเพื่อนที่เจ้าเล่ห์อย่างเจ้าชายอิดรีส ขนาดบางรายเป็นเพื่อนที่คบกันมาเกือบสิบปี ยังลงมือทำร้ายกันได้ภายในสิบวินาที เพียงแค่มีความเห็นที่แตกต่างและมีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง ถ้าเพื่อนยังกลายมาเป็นศัตรูได้แบบนี้เราก็ไม่ต้องกลัวใครอีกแล้ว เพราะศัตรูที่น่ากลัวที่สุดก็คือคนที่เราเชื่อได้อย่างสนิทใจกรณีนี้ก็เช่นกัน ใครจะรู้ว่าเขาอาจจะเป็นคนเดียวกันกับคนร้ายที่สร้างสถานการณ์เช่นนี้ขึ้นมาเพื่อใส่ร้ายสามีเธอก็ได้ เพราะนี่มันเป็นพื้นที่ของเขา เพราะฉะนั้นหาหลักฐานเพื่อเป็นการป้องกันตัวเองไว้ก่อนจึงเป็นการดี
เอ็นจิเนียและเมนเทนแนนซ์ กำลังทำการตรวจสอบรอบเครื่องบินอย่างละเอียดหรือที่เรียกว่าทรานซิทเช็ค ซึ่งใช้เวลาประมาณสามสิบนาที อีกทั้งยังเป็นหน้าที่ของนักบินที่ต้องตรวจความพร้อมอีกรอบ เพื่อให้มั่นใจว่าจะทำการบินได้อย่างปลอดภัยสูงสุดพริมโรสเดินตามกัปตัน สำรวจความเรียบร้อยทั่วไป อย่างเงียบๆ ไม่พยายามไปรบกวนสมาธิของเขา เครื่องบินส่วนตัวลำนี้จอดอยู่บริเวณอาคารผู้โดยสารส่วนบุคคล ซึ่งเป็นไพรเวทเทอร์มินอลแบบวีไอพี แยกส่วนออกจากท่าจอดอากาศยานทั่วไปของสนามบิน"ถ้าคุณสนใจ สามารถไปนั่งที่อ็อบเสิฟเฝอะสีท ได้นะครับ" กัปตันอนุญาตอย่างใจดี ซึ่งอ็อบเสิฟเฝอะสีทเป็นที่นั่งด้านหลังกัปตันเรียกว่าที่นั่งสังเกตการณ์ พริมโรสยิ้มให้อย่างสุภาพ "ขอบคุณค่ะ ฉันแค่ตรวจสอบทั่วๆ ไปในฐานะผู้ดูแลความปลอดภัยของเชคฮ์เท่านั้นค่ะ แค่กัปตันอนุญาตให้ฉันเดินไปด้วยกันอย่างนี้ ก็รู้สึกเกรงใจมากแล้ว" พริมโรสกล่าวอย่างนอบน้อม"อย่าพูดอย่างนั้นสิครับ ผมเข้าใจดีว่าความปลอดภัยของเชคฮ์ย่อมมาก่อนเสมอ เพียงแต่ผมประหลาดใจนิดหน่อยที่คุณทุ่มเท และใส่ใจในการทำงานมากกว่าองครักษ์คนอื่นๆ เสียอีก" เขาได้ยินพวกลูกเรือคุยกันว่า เชคฮ์กับหัวหน้าอง
ไลลายังไม่ได้หลับ กำลังนึกถึงคำขอร้องของน้องสาวอย่างลำบากใจ เนญ่าขอให้เธอรับเป็นขายารองของเจ้าชายอิดรีสอย่างถูกต้องตามธรรมเนียม ในฐานะลูกผู้หญิงเหมือนกันก็พอจะเข้าใจถึงความสูญเสียอันน่าขมขื่น และยิ่งรู้สึกแย่ที่สถานการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นในครอบครัวของเธอเอง แต่การที่จะไปยัดเยียดผู้หญิงให้เขาทั้งๆ ที่เห็นอยู่กับตาแล้วว่าเขาไม่ได้แยแสน้องสาวเธอเลยสักนิด ดูจะเป็นการหาเรื่องใส่ตัวเองเสียมากกว่า เธอจึงปฎิเสธไปตรงๆ และจะช่วยหาวิธีแก้ไขปัญหาทางอื่นให้ แต่ก็กลายเป็นคนที่โหดร้ายและแล้งน้ำใจในสายตาอีกฝ่ายขึ้นมาทันที"ถ้าพี่หญิงไม่ช่วย น้องจะฆ่าตัวตายหนีความอัปยศ! ถ้าไม่ใช่เชคฮ์อิสราร์เป็นคนทำก็ต้องเป็นเชคฮ์อิดรีส เหตุมันเกิดในพื้นที่ของเขาจะปัดความรับผิดชอบทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นได้ยังไง! เผลอๆ เขาอาจจะเป็นคนบงการก็ได้ โรงแรมมีระบบรักษาความปลอดภัยหลายชั้น ใครหน้าไหนจะกล้าเข้ามา!" “อย่าพูดจาเพ้อเจ้อ! เขาจะไปทำเรื่องแบบนั้นได้ยังไงในเมื่อเขาอยู่กับพี่ตลอดเวลา!”“น้องไม่รับรู้ ถ้าพี่หญิงไม่ช่วย น้องจะทำร้ายตัวเองจนกว่าพี่หญิงจะยอม!” ไลลารู้ว่าน้องสาวกำลังกดดันให้เธอรู้สึกผิดทั้งๆ ที่ไม่ได้ทำอะไรผิด ได้
ฮัลดายืนอยู่ตรงช่องประตู มองหญิงสาวที่นั่งอยู่ที่โต๊ะหน้าห้องทำงานของเจ้านาย ด้วยแววตาชิงชังราวกับมีความแค้นกันมานับร้อยนับพันปี“อ้าว! ฮัลดาเข้ามาสิ ยืนอยู่ทำไม!”ฮัลดาเดินเข้ามาใกล้อย่างอ้อยอิ่ง พริมโรสทำมือให้นั่งลงที่เก้าอี้หน้าโต๊ะ พร้อมหยิบกระดาษจดหมาย ที่นัดให้เธอไปพบในสวนของโรงแรม และกระดุมเม็ดหนึ่งวางไว้บนโต๊ะตรงหน้าหญิงสาว ในขณะที่สายตาก็มองอีกฝ่ายอย่างไม่วางตา จึงทันได้เห็นแววตาไหววูบแวบหนึ่งแล้วเลือนหายไปอย่างรวดเร็ว“เธอรู้หรือเปล่าว่าชัยค์เคาะฮ์เนญ่า ถูกคนลวงไปทำมิดีมิร้าย”“อะไรนะ! เกิดขึ้นเมื่อไหร่เจ้าคะ?” พริมโรสอ่านปฏิกิริยาของหญิงสาวจากสีหน้าอาการที่แสดงออกมาว่าตกใจจริงๆ ไม่ได้เสแสร้ง“เวลาเดียวกับที่มีข้อความนัดพบนี้ส่งมาให้ฉัน เจตนาก็เพื่อล่อลวงให้ฉันถูกรุมทำร้าย แต่ที่ไม่เข้าใจคือกระดุมเม็ดนี้น่ะ เอามาให้ฉันทำไม ตั้งใจจะบอกอะไร? เธอพอจะให้คำตอบกับฉันได้ไหม?”“ฉันจะรู้ได้ไงล่ะเจ้าคะ! นายหญิงต้องไปถามคนส่งเองถึงจะรู้เหตุผลที่แท้จริงของเขา”“อ้าว! ก็กำลังถามอยู่นี่ไง อย่าทำตัวเป็นปลาทองลืมง่าย!” พริมโรสพูดพลางหยิบหลักฐานออกมาวางทีละอย่าง “นี่รอยนิ้วมือเจ้าของจดหมายแ
"ฝ่าบาท! แย่แล้วเพคะ! กัปตันถูกทำร้ายขอความช่วยเหลือจากฝ่าบาทด่วนเลยเพคะ!" เจ้าชายอิสราร์ลุกพรวดขึ้น พริมโรสผวาลุกตามแล้วพยุงแขนเขาไว้ข้างหนึ่ง"เกิดอะไรขึ้น?" ชายหนุ่มถามขณะก้าวเท้าออกเดินได้ไม่เร็วนัก มือเรียวจึงจับแขนเขายกขึ้นแล้วก้มตัวลอดศีรษะเข้าไปใต้แขนแข็งแรง ก่อนจะวางแขนเขาให้เกาะไหล่เธอไว้เพื่อช่วยพยุง ทำให้ชายหนุ่มเดินได้เร็วขึ้นกว่าเดิม"นักบินผู้ช่วยลอบทำร้ายกัปตันเพคะ! โชคดีว่าอยู่ในความสูงที่กัปตันเปิดโหมดออโต้ไพลอทเอาไว้ ทันทีที่เกิดเรื่องเขากดอันล็อกประตูทำให้พวกเราได้ยินเสียงและเข้าไปช่วยเหลือเขาไว้ได้ทันเวลา ตอนนี้องครักษ์ลากตัวหมอนั่นออกไปแล้วเพคะ!""ทำไมไม่ตามนักบินเสริมให้ขึ้นมาแทน?""หม่อมฉันไปปลุกแล้วไม่ตื่นเลยทั้งสองคน ไฟล์ทเนิร์ซกำลังดูอาการพวกเขาอยู่ กัปตันเลยให้มาขอความช่วยเหลือจากฝ่าบาทเพคะ!"ลูกเรือต่างก็เห็นพ้องต้องกันทุกคนว่า นาทีนี้ไม่มีใครจะเหมาะสมเท่ากับเจ้านายพระองค์นี้อีกแล้ว เขามีชั่วโมงบินของการเป็นนักบินเอฟสามสิบห้า ของกองทัพรวมห้าพันแปดสิบห้าชั่วโมง ในจำนวนนี้ มีชั่วโมงของการทำหน้าที่นักบินผู้ช่วย อยู่แปดร้อยแปดสิบสี่ชั่วโมงกับเครื่องบินรุ่นนี้
“อะไรนะ!! แล้วได้ลงจอดฉุกเฉินไหม? งั้นถ้าจำเป็นต้องเปลี่ยนแผนโยกย้ายคนจากรัฐดีไปรัฐอีก็ดำเนินการได้เลย! อืม..ฉันอยู่บนเครื่องบินแล้ว คงจะถึงไล่ๆ กัน!...ได้!…เอาตามนั้น!”เจ้าชายอิดรีสชะงักมือที่กำลังวางโทรศัพท์บนโต๊ะหัวเตียง ขณะที่ปรายหางตาเห็นหุ่นอรชรอ้อนแอ้นกำลังเยื้องกรายเข้ามาในห้องด้วยกิริยาท่าทางที่ยั่วยวนหญิงสาวเข้ามายืนห่างจากเตียงไปประมาณหนึ่งช่วงแขน ค่อยๆ ปลดอาภรณ์ออกจากตัวทีละชิ้นอย่างเชื่องช้า พร้อมช้อนสายตาขึ้นมองชายหนุ่มอย่างเย้ายวนชวนเชิญเจ้าชายอิดรีสหยิบหมอนสองใบมาซ้อนหลัง นั่งกึ่งเอนพิงพนักหัวเตียงพาดแขนไว้บนเข่าข้างหนึ่งที่ตั้งชันขึ้น หรี่ตามองด้วยสีหน้าเรียบเฉยแต่ดูเยือกเย็น กิริยาภายนอกยังคงสงบนิ่ง รอบกายยังเผยความเย่อหยิ่งจองหองออกมาด้วยเขาเหลือบตามองนาฬิกาที่โต๊ะหัวเตียง ทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายเลือกเวลาได้เหมาะเจาะ ไลลาไปสั่งงานกับเด็กรับใช้ได้สักพักใหญ่ๆ แล้ว และคงกำลังใกล้จะกลับมา เลยเปิดโอกาสให้น้องสาวสวมบทบาทน้องรักหักเหลี่ยมโหดเพื่อทำร้ายจิตใจผู้เป็นพี่ได้อย่างถูกที่ถูกเวลา เขาปล่อยให้อีกฝ่ายทำตามใจ โดยไม่ได้ปริปากเอ่ยทักท้วง เพื่อจะรอดูว่าเธอจะเปิดเผยเนื้อตั
รินรดานั่งเหม่อกำโทรศัพท์ไว้ในมือ หลังจากเพิ่งจะวางสายจากรามิล เขาสัญญาว่าจะรีบเคลียร์งานให้เรียบร้อย และจะตามไปหาที่เปเรซภายในสองวันเธอรู้สึกไม่สบายใจเมื่อนึกถึงความฝันเมื่อคืนที่ผ่านมา แสงสว่างที่ลอยละล่องในความมืดส่องมาที่เธอ พร้อมกับเสียงกระซิบที่แผ่วเบาแต่ชัดเจน เสียงนั้นไม่ใช่เสียงของใครในโลกนี้ มันเหมือนเสียงที่มาจากที่ไกลโพ้น ฟังดูทั้งใกล้และไกลในเวลาเดียวกัน ‘ถึงเวลาแล้ว…จงทำตามสัญญา’หญิงสาวไม่ได้บอกใครว่าหลังจากที่เธอ และพี่ชายฟื้นขึ้นมา เธอได้เห็นถึงความศักดิ์สิทธิ์ของหินพ่อมดลาบราดอไลต์ ด้วยความสงสัยและความหวัง เธอแอบพระมารดาเข้าไปในห้องลับ ท่องบทสวดที่เธอแอบจดเอาไว้ และอธิษฐานถึงสิ่งที่อยากรู้ที่สุดในชีวิตตอนนั้น นั่นก็คือการตามหาครอบครัวที่แท้จริงจากนั้นเธอก็ฝันซ้ำๆ เดิมๆ อยู่หลายครั้งจนมาถึงปัจจุบัน ไม่รู้ว่าบุคคลในฝันเป็นใคร เธอจำเรื่องราวได้ รู้ว่าคนในฝันเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย แต่จำหน้าไม่ได้เลยสักคน และครั้งที่ไปโรงพยาบาลจนเกิดอาการใจสั่น แล้วเจ็บแปลบอย่างรุนแรง จนหมดสติไปในครั้งนั้น ก็ทำให้เธอได้เห็นผู้หญิง ที่มีหน้าตาเหมือนเธอราวกับฝาแฝดชัดเจนเป็นครั้งแรก ในห้วงฝ
กัปตันลุกขึ้นแล้วเดินออกประตูไปก่อน ผงกศีรษะให้นิดหนึ่งเมื่อเห็นพริมโรสยืนอยู่หน้าประตู เจ้าชายอิสราร์ยืนมองหญิงสาวผ่านช่องประตูห้องนักบินอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอื้อมมือมาคว้าแขนเรียวเล็กดึงเข้ามาปะทะอกกว้าง รวบร่างบางเข้ามากอดรัดอย่างแนบแน่น ฝ่ามือข้างหนึ่งประคองไว้หลังศีรษะ แล้วบดขยี้ริมฝีปากร้อนระอุกับริมฝีปากนุ่มอย่างหิวกระหาย เร่าร้อนและดุเดือด เพราะอะดรีนาลีนที่หลั่งออกมาหลังจากเพิ่งจะผ่านเหตุการณ์เฉียดตาย กระตุ้นให้อารมณ์ของเขาพลุ่งพล่าน“อื้อ!..” ปลายลิ้นเงอะงะถูกดูดดุนและเกี่ยวกระหวัดไว้ด้วยลิ้นเร่าร้อนของอีกฝ่ายโดยไม่เปิดโอกาสให้ได้พักหายใจ ทำให้เกิดเสียงประท้วงแผ่วๆ ในลำคอ“ที่รัก~..ผมรักคุณ” เขาถอนริมฝีปากออก กระซิบเสียงแหบพร่าแนบชิดกับริมฝีปากนุ่มอุ่น เรียวลิ้นไล่ระไปบนริมฝีปากของอีกฝ่าย ก่อนประทับริมฝีปากลงมาอีกครั้ง หญิงสาวยกท่อนแขนขึ้นโอบรอบลำคอเขาไว้ ตอบรับจุมพิตด้วยจังหวะที่สอดรับกันเป็นอย่างดี เบียดร่างบอบบางเข้าแนบชิดร่างกำยำอย่างออดอ้อน ฝ่ามือหนาของเขาลูบไล้ไปตามแผ่นหลังไล่ลงไปถึงโค้งสะโพกกลมมนแล้วกดเข้าหาลำตัวตามแรงอารมณ์ที่กำลังเพิ่มมากขึ้น“เอ่อ..ทูลฝ่าบาท พายุท
“ฮ่าๆๆ ไง! ถึงกลับโกรธจนตัวเนื้อสั่นเลยเหรอ เป็นยังไงบ้างล่ะ รสชาติของการสูญเสีย ขมขื่นถึงอกถึงใจดีไหม?” คำพูดประโยคนี้ของเขาทำให้หญิงสาวแน่ใจได้ทันทีว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ“ฉันเกลียดแกจนอยากจะเป็นคนถ่อย จะได้ถ่มถุยใส่หน้าส้นตึกของแกให้สาสมกับความรู้สึกขยะแขยง!” ชารีฟหรือณัทธรสะอึก เมื่อเจอความโกรธเกลียดอย่างรุนแรงจากผู้หญิงที่เขารัก“เกลียดฉันงั้นรึ? ต้องเป็นฉันไหมที่จะพูดประโยคนั้น แทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่า เธอจะลืมฉันได้อย่างง่ายดายและไปแต่งงานใหม่!"“ฉันไม่ได้แต่งงานใหม่! นี่เป็นการแต่งงานครั้งแรกและครั้งเดียวของฉัน และอะไรคือลืมได้อย่างง่ายดาย? นายหนีตายไปเป็นปีๆ แล้วฉันจะต้องไปบวชชี เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้นายด้วยอย่างนั้นรึ! เรารักกันดูดดื่มขนาดนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่? ก่อนที่นายจะฆ่าพ่อฉัน เขายังพูดไม่ให้ฉันยึดติดกับตัวเขาเลย! ตรรกะของนายมันบิดเบี้ยวเป็นเวย์เดียวกับพวกโรคจิต ที่นายกับฉันมาถึงจุดนี้เป็นเพราะการตัดสินใจเลือกของตัวเองทั้งนั้น อย่าเอาฉันมาเป็นข้ออ้างเพื่อปกปิดยีนขี้แพ้ในตัวหน่อยเลย!”“ไม่ต้องมาทำปากดียั่วอารมณ์ให้ฉันรู้สึกละอายใจหรอก คำพูดยั่วยุของ
“ฮัลโหล? ว่าไง?”“ไอ้ชารีฟ! ไอ้ห่วย! สายของแกทำงานยังไงวะถึงได้รายงานผิดพลาด! เป้าหมายไปเส้นทางอื่นไม่ได้เฉียดมาทางนี้เลยด้วยซ้ำ!!”“จะเป็นไปได้ยังไง? ไม่ผิดแน่ๆ!! นายดักซุ่มอยู่ที่นั่นแหละเผื่อว่าจะเป็นแผนลวง!”ชารีฟหรือณัทธร กดปุ่มตัดสาย แล้วดึงหูฟังบลูทูธออกอย่างหงุดหงิด จะเกิดการผิดพลาดไปได้ยังไง ในเมื่อเขาเพิ่งจะได้รับการยืนยันเส้นทางมาจากสายที่แฝงตัวอยู่ในกลุ่มผู้ใต้บังคับบัญชาของเชคฮ์อิสราร์เมื่อไม่กี่นาทีมานี้เองหรือว่าเปลี่ยนเส้นทางกระทันหัน??เขาคิดว่าน่าจะมีการเปลี่ยนแปลงแบบฉุกเฉินมากกว่าการที่อีกฝ่ายจะรู้ตัวว่ามีข่าวรั่วไหลชายหนุ่มยกนาฬิกาข้อมือขึ้น เพื่อดูเวลาก่อนการตัดสินใจ ในเมื่อภารกิจลอบสังหารเชคฮ์อิสราร์ได้ผิดพลาดไปแล้ว เขาเลยคิดว่าไปปิดจ๊อบหนี้เก่าของตัวเองก่อนจะดีกว่า แล้วค่อยกลับไปรายงานภารกิจที่ล้มเหลว ซึ่งถ้ารีบไปตอนนี้ก็น่าจะไปทันเวลากับที่เป้าหมายขับมาถึงในจุดที่เขากำหนดเอาไว้ในแผนพอดี…ชารีฟหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา เปิดแอพพลิเคชันที่ใช้ตรวจสอบสัญญาณจีพีเอส เพื่อหาตำแหน่งปัจจุบันของรถเป้าหมาย ซึ่งก็เห็นในแผนที่ว่ารถยนต์คันดังกล่าว กำลังจะแล่นผ่านสี่แยกไฟแดง
ความร้ายกาจของบิดาที่เธอได้ยินจากปากของคนอื่น เป็นเหมือนหนามแหลมคม ที่คอยทิ่มแทงจิตใจอยู่ตลอด แต่กระบวนการให้อภัย พยายามดิ้นรนที่จะผลักความคิด และความรู้สึกด้านลบเหล่านี้ออกไป ด้วยการจดจ่อกับความรัก และความทรงจำดีๆ นึกถึงช่วงเวลาที่ยากลำบาก ที่เขามักจะแบกรับความเจ็บปวดเหล่านั้นไว้แทนอยู่เสมอ แล้วผลักดันให้เธอก้าวข้ามผ่านช่วงเวลาเลวร้ายนั้นไปให้ได้ ฝึกฝนเธอให้เข้มแข็ง สอนให้ยอมรับทุกความผิดพลาด และความล้มเหลว แล้วเรียนรู้ที่จะเยียวยาตัวเองเพื่อปิดกั้นทุกความเจ็บปวดเธอรู้ดีว่าการยึดติดกับความรู้สึกในทางลบ รังแต่จะเพิ่มความทุกข์ให้กับชีวิตมากขึ้น และขัดขวางไม่ให้หัวใจได้พบกับความสงบสุข แต่การที่จะละวางด้วยการให้อภัยนั้น ก็ทำให้เกิดความรู้สึกผิด ต่อบุคคลที่ต้องเสียชีวิตไปอย่างไม่เป็นธรรมนั้นด้วยเช่นกันแต่เมื่อมองในมุมกลับกัน เขาก็เป็นเพียงแค่มนุษย์คนหนึ่ง ซึ่งไม่ว่าใครก็สามารถทำผิดได้ เธอเองก็ไม่ได้รับการยกเว้น ความผิดหวังมักจะทำให้คนเราจมอยู่กับอดีต จนลืมมองความสุขที่กำลังได้รับอยู่ในปัจจุบัน และกำลังจะตามมาอีกมากมายในอนาคต จึงเป็นความคิดที่โง่เขลาอยู่ไม่ใช่น้อย ถ้าเรายังหยุดอยู่ที่ควา
“ตรวจสอบชายสองคนที่สิบสองนาฬิกา ประตูทางเข้าด้านนอก ในมือถือผ้าสีดำห่อหุ้มวัตถุลักษณะเป็นแท่งยาวทรงกระบอก เปลี่ยน!”“แลนด์โรเวอร์สีดำขับเข้ามาจอดหน้าประตูทางเข้าออกของพนักงานชั้นใต้ดินสองคัน คันหนึ่งประมาณห้าคนใส่ชุดพนักงานรักษาความปลอดภัยเดินเข้าไปด้านใน มีอาวุธปืนติดตัว เปลี่ยน!”“ประตูทางออกอาคารผู้โดยสารหนึ่งที่เก้านาฬิกา พนักงานรักษาความปลอดภัยกำลังลากโซ่ตะปูเรือใบมาขวางถนน คาดว่าไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของสนามบิน เปลี่ยน!”“ประตูทางออกฉุกเฉินของอาคารผู้โดยสารสอง ทางสะดวก ชาลีทีมเตรียมพร้อม รอรับคำสั่ง เปลี่ยน!” เสียงรายงานผ่านวิทยุสื่อสารเข้ามาเป็นระยะๆ หลังจากที่กระจายกำลังไปประจำตามจุดสำคัญต่างๆ เพื่อสังเกตความเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้าม“พวกมันเริ่มทยอยกันเข้ามาแล้ว แจ้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้เตรียมอพยพประชาชนหากมีเหตุฉุกเฉิน! แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจกับดับเพลิงหรือยัง?”“เรียบร้อยแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”“อืม ถ้าพร้อมแล้วก็ไปกันตอนนี้เลย!”“รับคำสั่ง!” องครักษ์รับคำสั่งแล้วแจ้งแต่ละทีมผ่านวิทยุสื่อสารทันที “อัลฟ่าทีมเคลียร์พื้นที่ บราโวเตรียมรถบรรทุกเปิดทางออกแล้วรอรับคำสั่ง ชาลีทีมวีไอพีเ
ไลลานอนตัวอ่อนระทวยอยู่ครู่หนึ่ง สักพักก็ขยับตัวยกศีรษะขึ้นมานอนหนุนแขนแข็งแรงข้างหนึ่งของสามี เบียดเรือนร่างบอบบางเข้าชิดเพื่อขอความอบอุ่นจากร่างกายของเขา ซึ่งชายหนุ่มเองก็เพิ่งผ่อนคลายจากอาการหัวใจเต้นแรง หายใจหอบเหนื่อย เขาพลิกตัวตะแคง รั้งต้นขาของหญิงสาว ให้ขึ้นมาก่ายเกยอยู่ครึ่งๆ บนร่างกายของเขา ขาของเธอเบียดชิดจนเขารู้สึกอบอุ่นและชุ่มชื้นในซอกลี้ลับ ไล้ฝ่ามือจากโค้งสะโพกเลยมาถึงต้นขา ลูบผิวเรียบเนียนไปมาเบาๆ เป็นจังหวะอย่างเพลิดเพลิน พร้อมๆ กับปลอบโยนให้เธอคลายความอ่อนเพลีย เพื่อเข้าสู่โหมดพักผ่อน “ฝ่าบาทเพคะ?” “หืม?” ชายหนุ่มผงกศีรษะขึ้นมองอย่างแปลกใจเมื่อได้ยินเสียงของอีกฝ่าย ซึ่งเขาคิดว่าน่าจะเคลิ้มหลับไปแล้ว“คืนนี้เนญ่าเขาประกาศว่าจะเข้าหอกับฝ่าบาท แล้วทำไมพระองค์ถึงมาหาหม่อมฉันล่ะเพคะ?”“ก็ไม่อยากจะมา ตั้งใจจะสั่งสอนให้รู้สำนึกเสียหน่อยว่า การผลักดันให้ผัวไปมีผู้หญิงอื่น โดยไม่เต็มใจนั้นน่ะมันจะให้ผลยังไง แต่เผอิญว่าเห็นคนบางคน น้ำตาคลอเบ้าเลยมาดูเสียหน่อย ไม่รู้ว่าเสแสร้งแกล้งทำ หรือรู้จักที่จะหึงหวงผัวขึ้นมาบ้างแล้ว!”“หึงจริงๆ น่ะแหละเพคะ” ไลลายอมรับออกไปตรงๆ ถึงแม้ใ
กัปตันลุกขึ้นแล้วเดินออกประตูไปก่อน ผงกศีรษะให้นิดหนึ่งเมื่อเห็นพริมโรสยืนอยู่หน้าประตู เจ้าชายอิสราร์ยืนมองหญิงสาวผ่านช่องประตูห้องนักบินอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอื้อมมือมาคว้าแขนเรียวเล็กดึงเข้ามาปะทะอกกว้าง รวบร่างบางเข้ามากอดรัดอย่างแนบแน่น ฝ่ามือข้างหนึ่งประคองไว้หลังศีรษะ แล้วบดขยี้ริมฝีปากร้อนระอุกับริมฝีปากนุ่มอย่างหิวกระหาย เร่าร้อนและดุเดือด เพราะอะดรีนาลีนที่หลั่งออกมาหลังจากเพิ่งจะผ่านเหตุการณ์เฉียดตาย กระตุ้นให้อารมณ์ของเขาพลุ่งพล่าน“อื้อ!..” ปลายลิ้นเงอะงะถูกดูดดุนและเกี่ยวกระหวัดไว้ด้วยลิ้นเร่าร้อนของอีกฝ่ายโดยไม่เปิดโอกาสให้ได้พักหายใจ ทำให้เกิดเสียงประท้วงแผ่วๆ ในลำคอ“ที่รัก~..ผมรักคุณ” เขาถอนริมฝีปากออก กระซิบเสียงแหบพร่าแนบชิดกับริมฝีปากนุ่มอุ่น เรียวลิ้นไล่ระไปบนริมฝีปากของอีกฝ่าย ก่อนประทับริมฝีปากลงมาอีกครั้ง หญิงสาวยกท่อนแขนขึ้นโอบรอบลำคอเขาไว้ ตอบรับจุมพิตด้วยจังหวะที่สอดรับกันเป็นอย่างดี เบียดร่างบอบบางเข้าแนบชิดร่างกำยำอย่างออดอ้อน ฝ่ามือหนาของเขาลูบไล้ไปตามแผ่นหลังไล่ลงไปถึงโค้งสะโพกกลมมนแล้วกดเข้าหาลำตัวตามแรงอารมณ์ที่กำลังเพิ่มมากขึ้น“เอ่อ..ทูลฝ่าบาท พายุท
รินรดานั่งเหม่อกำโทรศัพท์ไว้ในมือ หลังจากเพิ่งจะวางสายจากรามิล เขาสัญญาว่าจะรีบเคลียร์งานให้เรียบร้อย และจะตามไปหาที่เปเรซภายในสองวันเธอรู้สึกไม่สบายใจเมื่อนึกถึงความฝันเมื่อคืนที่ผ่านมา แสงสว่างที่ลอยละล่องในความมืดส่องมาที่เธอ พร้อมกับเสียงกระซิบที่แผ่วเบาแต่ชัดเจน เสียงนั้นไม่ใช่เสียงของใครในโลกนี้ มันเหมือนเสียงที่มาจากที่ไกลโพ้น ฟังดูทั้งใกล้และไกลในเวลาเดียวกัน ‘ถึงเวลาแล้ว…จงทำตามสัญญา’หญิงสาวไม่ได้บอกใครว่าหลังจากที่เธอ และพี่ชายฟื้นขึ้นมา เธอได้เห็นถึงความศักดิ์สิทธิ์ของหินพ่อมดลาบราดอไลต์ ด้วยความสงสัยและความหวัง เธอแอบพระมารดาเข้าไปในห้องลับ ท่องบทสวดที่เธอแอบจดเอาไว้ และอธิษฐานถึงสิ่งที่อยากรู้ที่สุดในชีวิตตอนนั้น นั่นก็คือการตามหาครอบครัวที่แท้จริงจากนั้นเธอก็ฝันซ้ำๆ เดิมๆ อยู่หลายครั้งจนมาถึงปัจจุบัน ไม่รู้ว่าบุคคลในฝันเป็นใคร เธอจำเรื่องราวได้ รู้ว่าคนในฝันเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย แต่จำหน้าไม่ได้เลยสักคน และครั้งที่ไปโรงพยาบาลจนเกิดอาการใจสั่น แล้วเจ็บแปลบอย่างรุนแรง จนหมดสติไปในครั้งนั้น ก็ทำให้เธอได้เห็นผู้หญิง ที่มีหน้าตาเหมือนเธอราวกับฝาแฝดชัดเจนเป็นครั้งแรก ในห้วงฝ
“อะไรนะ!! แล้วได้ลงจอดฉุกเฉินไหม? งั้นถ้าจำเป็นต้องเปลี่ยนแผนโยกย้ายคนจากรัฐดีไปรัฐอีก็ดำเนินการได้เลย! อืม..ฉันอยู่บนเครื่องบินแล้ว คงจะถึงไล่ๆ กัน!...ได้!…เอาตามนั้น!”เจ้าชายอิดรีสชะงักมือที่กำลังวางโทรศัพท์บนโต๊ะหัวเตียง ขณะที่ปรายหางตาเห็นหุ่นอรชรอ้อนแอ้นกำลังเยื้องกรายเข้ามาในห้องด้วยกิริยาท่าทางที่ยั่วยวนหญิงสาวเข้ามายืนห่างจากเตียงไปประมาณหนึ่งช่วงแขน ค่อยๆ ปลดอาภรณ์ออกจากตัวทีละชิ้นอย่างเชื่องช้า พร้อมช้อนสายตาขึ้นมองชายหนุ่มอย่างเย้ายวนชวนเชิญเจ้าชายอิดรีสหยิบหมอนสองใบมาซ้อนหลัง นั่งกึ่งเอนพิงพนักหัวเตียงพาดแขนไว้บนเข่าข้างหนึ่งที่ตั้งชันขึ้น หรี่ตามองด้วยสีหน้าเรียบเฉยแต่ดูเยือกเย็น กิริยาภายนอกยังคงสงบนิ่ง รอบกายยังเผยความเย่อหยิ่งจองหองออกมาด้วยเขาเหลือบตามองนาฬิกาที่โต๊ะหัวเตียง ทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายเลือกเวลาได้เหมาะเจาะ ไลลาไปสั่งงานกับเด็กรับใช้ได้สักพักใหญ่ๆ แล้ว และคงกำลังใกล้จะกลับมา เลยเปิดโอกาสให้น้องสาวสวมบทบาทน้องรักหักเหลี่ยมโหดเพื่อทำร้ายจิตใจผู้เป็นพี่ได้อย่างถูกที่ถูกเวลา เขาปล่อยให้อีกฝ่ายทำตามใจ โดยไม่ได้ปริปากเอ่ยทักท้วง เพื่อจะรอดูว่าเธอจะเปิดเผยเนื้อตั
"ฝ่าบาท! แย่แล้วเพคะ! กัปตันถูกทำร้ายขอความช่วยเหลือจากฝ่าบาทด่วนเลยเพคะ!" เจ้าชายอิสราร์ลุกพรวดขึ้น พริมโรสผวาลุกตามแล้วพยุงแขนเขาไว้ข้างหนึ่ง"เกิดอะไรขึ้น?" ชายหนุ่มถามขณะก้าวเท้าออกเดินได้ไม่เร็วนัก มือเรียวจึงจับแขนเขายกขึ้นแล้วก้มตัวลอดศีรษะเข้าไปใต้แขนแข็งแรง ก่อนจะวางแขนเขาให้เกาะไหล่เธอไว้เพื่อช่วยพยุง ทำให้ชายหนุ่มเดินได้เร็วขึ้นกว่าเดิม"นักบินผู้ช่วยลอบทำร้ายกัปตันเพคะ! โชคดีว่าอยู่ในความสูงที่กัปตันเปิดโหมดออโต้ไพลอทเอาไว้ ทันทีที่เกิดเรื่องเขากดอันล็อกประตูทำให้พวกเราได้ยินเสียงและเข้าไปช่วยเหลือเขาไว้ได้ทันเวลา ตอนนี้องครักษ์ลากตัวหมอนั่นออกไปแล้วเพคะ!""ทำไมไม่ตามนักบินเสริมให้ขึ้นมาแทน?""หม่อมฉันไปปลุกแล้วไม่ตื่นเลยทั้งสองคน ไฟล์ทเนิร์ซกำลังดูอาการพวกเขาอยู่ กัปตันเลยให้มาขอความช่วยเหลือจากฝ่าบาทเพคะ!"ลูกเรือต่างก็เห็นพ้องต้องกันทุกคนว่า นาทีนี้ไม่มีใครจะเหมาะสมเท่ากับเจ้านายพระองค์นี้อีกแล้ว เขามีชั่วโมงบินของการเป็นนักบินเอฟสามสิบห้า ของกองทัพรวมห้าพันแปดสิบห้าชั่วโมง ในจำนวนนี้ มีชั่วโมงของการทำหน้าที่นักบินผู้ช่วย อยู่แปดร้อยแปดสิบสี่ชั่วโมงกับเครื่องบินรุ่นนี้