เอ็นจิเนียและเมนเทนแนนซ์ กำลังทำการตรวจสอบรอบเครื่องบินอย่างละเอียดหรือที่เรียกว่าทรานซิทเช็ค ซึ่งใช้เวลาประมาณสามสิบนาที อีกทั้งยังเป็นหน้าที่ของนักบินที่ต้องตรวจความพร้อมอีกรอบ เพื่อให้มั่นใจว่าจะทำการบินได้อย่างปลอดภัยสูงสุด
พริมโรสเดินตามกัปตัน สำรวจความเรียบร้อยทั่วไป อย่างเงียบๆ ไม่พยายามไปรบกวนสมาธิของเขา เครื่องบินส่วนตัวลำนี้จอดอยู่บริเวณอาคารผู้โดยสารส่วนบุคคล ซึ่งเป็นไพรเวทเทอร์มินอลแบบวีไอพี แยกส่วนออกจากท่าจอดอากาศยานทั่วไปของสนามบิน
"ถ้าคุณสนใจ สามารถไปนั่งที่อ็อบเสิฟเฝอะสีท ได้นะครับ" กัปตันอนุญาตอย่างใจดี ซึ่งอ็อบเสิฟเฝอะสีทเป็นที่นั่งด้านหลังกัปตันเรียกว่าที่นั่งสังเกตการณ์ พริมโรสยิ้มให้อย่างสุภาพ
"ขอบคุณค่ะ ฉันแค่ตรวจสอบทั่วๆ ไปในฐานะผู้ดูแลความปลอดภัยของเชคฮ์เท่านั้นค่ะ แค่กัปตันอนุญาตให้ฉันเดินไปด้วยกันอย่างนี้ ก็รู้สึกเกรงใจมากแล้ว" พริมโรสกล่าวอย่างนอบน้อม
"อย่าพูดอย่างนั้นสิครับ ผมเข้าใจดีว่าความปลอดภัยของเชคฮ์ย่อมมาก่อนเสมอ เพียงแต่ผมประหลาดใจนิดหน่อยที่คุณทุ่มเท และใส่ใจในการทำงานมากกว่าองครักษ์คนอื่นๆ เสียอีก"
เขาได้ยินพวกลูกเรือคุยกันว่า เชคฮ์กับหัวหน้าองครักษ์หน่วยพิเศษมีความสัมพันธ์ลึกซึ้งต่อกัน มิหนำซ้ำเชคฮ์ยังเปิดตัวในฐานะพระคู่หมั้นอีกด้วย สร้างความประหลาดใจให้กับเหล่าบรรดาข้าราชบริพารทั้งหลายไม่น้อย เพราะทุกคนรู้ดีว่าคู่หมั้นที่สภาอาวุโสกำหนดไว้ให้เชคฮ์นั้นเป็นใคร เพียงแต่ยังไม่ได้เข้าพิธีอย่างเป็นทางการเท่านั้น แต่พอมาเจอในระยะประชิดเช่นนี้ เขาไม่แปลกใจเลยว่าทำไมเชคฮ์ถึงได้มีความกล้าท้าทายกฎและอำนาจของราชวงศ์ขึ้นมาอย่างแข็งขัน
"ฉันเป็นหัวหน้าพวกเขานี่คะ ย่อมเป็นหน้าที่ของฉันอยู่แล้ว .. ได้ยินเชคฮ์บอกว่าจะบินไปลงที่สนามบินรัฐดี"
"ใช่ครับ! เรื่องนี้ผมค่อนข้างกังวลเล็กน้อย"
"มีอะไรหรือคะ?"
"ผมได้ข้อมูลจากข่าวอากาศแจ้งมาว่า เราอาจเจอพายุทรายในขณะแลนดิ้ง ผมเคยเจอครั้งหนึ่งสมัยที่เป็นนักบินผู้ช่วย ซึ่งทัศนวิสัยในตอนนั้นแทบจะเป็นศูนย์ มันแย่กว่าการลงจอดท่ามกลางหมอกหนาเสียอีก!"
"ฉันเห็นในแมพเสิจว่าแถวนั้นเต็มไปด้วยหุบเขา"
"ใช่ครับ! นั่นก็เป็นตัวแปรสำคัญเลยทีเดียว! เพราะเมื่อไหร่ที่เกิดพายุทราย อาจทำให้เกิดกระแสอากาศปั่นป่วนขึ้นมาได้ โดยปกติจะมีความเร็วลมประมาณสามสิบนอต แต่ครั้งนี้คาดการณ์ว่าอาจจะถึงห้าสิบนอต ที่ระดับความสูงตั้งแต่สามร้อย ถึงหนึ่งพันฟุตเลยทีเดียว ซึ่งถ้าเราแลนในเวลานั้นคงไม่อาจหลีกเลี่ยงได้"
"ฉันเชื่อในทักษะและประสบการณ์ของกัปตันค่ะ!" พริมโรสพูดด้วยความเชื่อมั่น
เขาเป็นลูกครึ่งชาวออสซี่และเปเรซ ปัจจุบันอายุสามสิบห้าปี ชั่วโมงบินรวมเจ็ดพันเจ็ดร้อยห้าสิบหกชั่วโมง ทำงานกับรอเยล พีอาร์นายวันวัน ซึ่งเป็นอากาศยานของราชวงศ์ฟูลันมาตั้งแต่เขาอายุยี่สิบสามปี ในตำแหน่งนักบินผู้ช่วยให้กับกัปตันชาวออสซี่ที่เป็นพ่อแท้ๆ และเป็นนักบินผู้เก่งกล้าสามารถ ที่สามารถกู้สถานการณ์นำเครื่องบินลงจอดทั้งๆ ที่อุปกรณ์ไม่พร้อม ทำให้ทั่วโลกต้องทึ่งและจารึกฝีมือการบินของเขามาแล้ว
“ขอบคุณ” กัปตันก้มศีรษะเล็กน้อย คลี่ยิ้มออกมาอย่างอบอุ่น พร้อมเอ่ยถ้อยคำที่สร้างความเชื่อมั่นในตัวเขา “ตราบใดที่ผมยังอยู่พวกคุณทุกคนจะปลอดภัยแน่นอน! ขอตัวไปทำงานก่อนนะครับ”
พริมโรสยิ้มเป็นเชิงขอบคุณ และหันตัวจะเดินแยกไปอีกทางหนึ่ง พลันสายตาเหลือบไปเห็นฟะฮัดองครักษ์ตัวแสบถูกใส่กุญแจมือไว้ด้านหลัง ขนาบข้างด้วยองครักษ์สองคนที่กำลังหิ้วปีกคนละข้างเดินตรงไปขึ้นเครื่อง
ฟะฮัดพูดบางอย่างกับองครักษ์ทั้งสอง ซึ่งก็พยักหน้าและพากันเดินตรงเข้ามาหาเธอที่ยืนนิ่งมองอยู่ อีกฝ่ายมองพริมโรสด้วยแววตาหยามหยัน และขอให้องครักษ์ที่ควบคุมตัวเขารอสักครู่ ก่อนจะเปิดปากคุยกับพริมโรสด้วยภาษาทีแลนด์
“ดูคุณยังสุขกายสบายใจจังเลยนะ!”
“มีอะไรที่ฉันต้องกังวลอย่างนั้นหรือ? ว่าแต่นายเหอะ! เห็นไปลอยหน้าลอยตาอยู่ข้างกายสามีฉันอยู่ดีๆ ทำไมถึงถูกจำกัดอิสระภาพอีกแล้วล่ะ?”
“ผมเลือกที่จะสำนึกผิดเองต่างหาก!” เขาพูดพร้อมตวัดสายตายโสใส่ “ถ้าที่ผ่านมาไม่มีเรื่องอะไรที่ทำให้คุณต้องเดือดเนื้อร้อนใจได้ งั้นผมจะฝากเรื่องราวบางอย่างใส่สมองคุณเอาไว้สักหน่อย เผื่อว่ามีเวลาว่างจะได้มีปัญหาไว้ขบคิดเล่นๆ ชีวิตที่ราบรื่นจะได้ขมขื่นขึ้นมาเหมือนคนอื่นเขาบ้าง!”
“ไหนลองบอกมาสักเรื่องซิ ฉันจะพิจารณาเองว่าควรจะดราม่าดีไหม!”
“ผมรู้จักคู่หมั้นเก่าของคุณ เขาเป็นสายลับสองหน้าทำงานให้กับหลายฝ่าย แล้วรู้ไหมว่าเหตุผลอะไรที่เขาต้องมาเป็นสายลับอยู่ที่นี่ ทั้งๆ ที่กำลังจะแต่งงานอยู่แล้ว!”
“อันนี้ต้องยอมรับว่าไม่รู้จริงๆ และกำลังอยากรู้อยู่เหมือนกัน”
“เพราะพ่อคุณไง!!”
“พ่อฉันไปเกี่ยวอะไรกับเขาด้วย?”
“พ่อคุณน่ะรับเขามาเลี้ยงจากบ้านเด็กกำพร้า ส่งเสียดูแลจนโตแล้วฝึกให้เป็นสายลับ เขายอมทำงานให้ทุกอย่างสุดแต่พ่อคุณจะชี้นิ้วสั่งจนมีฝีมือเป็นที่ยอมรับในวงการ ต่อมาพ่อคุณได้มอบภารกิจให้เขาลอบฆ่าสายลับคนหนึ่ง โดยอ้างกับผู้บังบัญชาว่าจำเป็นต้องทำเพราะภารกิจที่สายลับคนนั้นได้รับไปเป็นความลับสุดยอด ถึงแม้จะสำเร็จแล้วตามแผนแต่ก็ต้องเก็บหลักฐานของผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดอยู่ดี!
แต่เนื่องจากชายคนนั้นเป็นสายลับที่เก่งมาก ส่งไปกี่คนก็ถูกเขากำจัดหมด จนมาถึงมือของชารีพจึงทำได้สำเร็จ แต่นั่นก็ช่างเถอะก็แค่ชีวิตกระจอกๆ ของสายลับคนหนึ่ง ใจความสำคัญมันอยู่ที่พ่อคุณเขาต้องการภรรยาของสายลับคนนั้นต่างหาก และดูเหมือนว่าทั้งสามคนจะเป็นเพื่อนกันมาก่อนเสียด้วย!
แต่ความลับมันไม่มีในโลก ผู้หญิงคนนั้นไม่เคยหยุดสืบเลยว่าใครเป็นคนฆ่าสามีของเธอจนมารู้ความจริงในที่สุด แต่พ่อคุณก็ไม่โง่ เขาสั่งให้ชารีฟไปจัดการกับผู้หญิงคนนั้นและทำให้ดูว่าเป็นอุบัติเหตุ ในขณะที่ผู้หญิงคนนั้นกำลังจะไปเปิดโปงความผิดของเขาต่อผู้บังคับบัญชา
ชารีฟจัดการได้เรียบร้อยตามเคย และพ่อคุณก็เลี้ยงดูลูกของเพื่อนทั้งสองมาจนโต และสอนให้เป็นสายลับเช่นเดียวกับพ่อและแม่ของพวกเขา ไง? ถูกใจเรื่องนี้ไหม?”
“ก็…ก็เล่นเอาอึ้งไปเหมือนกัน! แต่ที่ฉันสงสัยคือ ทำไมนายถึงรู้ประวัติของเขาดีนัก! ฉันเคยเป็นคู่หมั้นเขาแท้ๆ กลับไม่เคยระแคะระคายเรื่องนี้มาก่อนเลย! คาดว่าคงจะเป็นการโกหกคำใหญ่ของนายเสียมากกว่า!” ฟะฮัดได้ยินดังนั้นจึงแค่นเสียงเฮอะออกมาในลำคออย่างดูถูกดูแคลน
“ผมรู้มาจากปากของเขาเองเลยทีเดียว!”
“ถ้าเขาคายคำพูดออกมาได้อย่างสบายปากแบบนั้น ก็ไม่ควรเรียกตัวเองว่าสายลับแล้วล่ะ!”
“เขาพูดออกมาเองจริงๆ ครั้งหนึ่งผมกับเขาเคยทำภารกิจร่วมกัน และต้องแทรกซึมเข้าไปอยู่ในกลุ่มของผู้ก่อการร้ายในป่า แต่ผ่านไปสองสัปดาห์เขาก็ไข้ขึ้นหนัก และเพ้อเล่าเรื่องราวของตัวเองออกมา ผมฟังเข้าใจบ้างไม่เข้าใจบ้าง แต่ระยะหลังๆ ผมเข้าใจภาษาเขามากขึ้น พอเขาไข้ขึ้นทีไรก็จะเพ้อเหตุการณ์ซ้ำๆ ผมก็พอจะปะติดปะต่อเป็นเรื่องราวออกมาได้”
“มาลาเรีย?”
“ใช่! ชาวบ้านเรียกว่าไข้ป่า ทำให้ไข้ขึ้นวันเว้นวันเลยกว่าจะได้รับการรักษาที่ถูกต้อง ภารกิจนั้นเลยล้มเหลว เพราะผมต้องลอบพาเขาออกมาก่อนที่เชื้อมันจะลามจนรักษาไม่ได้!” พริมโรสได้ยินดังนั้นก็นิ่งไป เพราะสังเกตจากสภาพของเขาที่เห็นเมื่อไม่นานมานี้ ก็ดูทรุดโทรมไปจนน่าตกใจจริงๆ
“งั้นเขาได้เพ้อออกมาบ้างไหมว่า.. ทำไมเขาต้องสร้างสถานการณ์ฆ่าตัวตายด้วยวิธีเอาตัวเองเข้าไปอยู่ในดงระเบิด?”
“ก็พ่อคุณเขาไม่ใช่คนโง่นี่นา! ถ้าไม่ทำแบบนั้นชารีฟจะเป็นอิสระจากบุญคุณความแค้นของพ่อคุณไหม? แล้วก็ดูสิว่า เขาอยู่รอดปลอดภัยมาเป็นปีๆ จนมาเจอคุณอีกครั้งนี่แหละ!”
“.....” พริมโรสได้ยินแบบนี้ก็พูดไม่ออกบอกไม่ถูก นึกถึงตัวเองว่าถ้าเจอแบบนี้จะหาทางออกยังไง จะทำแบบเดียวกันหรือไม่
“เขาพูดว่า..เขาไม่รู้มาก่อนว่า สองคนนั้นจะเป็นพ่อแม่แท้ๆ ของคุณ จนเมื่อเขาได้รับภารกิจให้ไปลอบสังหารอดีตนายกรัฐมนตรีคนก่อนของทีแลนด์ ชารีฟปฏิเสธงานนี้และขอลาออก แต่พ่อคุณก็ขู่ว่าถ้าไม่ทำจะนำเรื่องที่เขาฆ่าพ่อแม่ของคุณมาบอกให้คุณรู้ เขาตกใจที่รู้ความจริง และได้ไปแอบสืบจนรู้ว่าพ่อแท้ๆ ของคุณกับพ่อของเขาต่างก็ถูกใส่ร้ายด้วยวิธีเดียวกัน เขาละอายใจจนไม่กล้าสู้หน้าคุณ และอยากหนีให้พ้นจากอำนาจมืดของคนคนนั้นจึงเลือกใช้วิธีระเบิดตัวเองขณะที่กำลังทำภารกิจ! ให้ดูว่าเป็นการทำงานพลาดจนเสียชีวิต!”
“เขามีชุดกันระเบิด?”
“ใช่! พ่อคุณเชื่ออย่างสนิทใจเพราะมีเพื่อนคุณอยู่ในเหตุการณ์ อีกอย่างเขาไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเองชารีฟเลยรอด แต่เรื่องนี้ยังไม่เด็ดนะ! มีอีกเรื่องที่เด็ดกว่านั้นอีก! คุณรู้แล้วต้องอึ้งไปหลายปีเลยเชียวล่ะ! หรืออาจจะตลอดชีวิต! ฮ่าๆๆ”
“ขนาดนั้นเชียว? มีอะไรที่น่าอึ้งไปกว่าคู่หมั้นเก่าฆ่าพ่อแม่ที่แท้จริงของฉันอีกงั้นหรือ?”
“เรื่องนั้นน่ะเด็กๆ ไปเลย! ฮ่าๆๆ ถึงผมคันปากอยากจะเล่าแค่ไหนแต่ขอไม่พูดดีกว่า ให้คนบางคนระแวงเล่นๆ!” เขาพูดแล้วหันตัวจะเดินออก สีหน้าดูมีความสุขกับการคิดเอาเองว่าหญิงสาวจะต้องทนทุกข์อยู่ไม่เป็นสุขไปกับการกระทำของเขา
พลั่ก!!
“เฮ้ย!! อิหมาบ้าเลือดเย็น! ทำบ้าอะไรวะเนี่ย!!” ฟะฮัดสบถคำก่นด่าออกมา รู้สึกทั้งตกใจทั้งเจ็บปวด เพราะในขณะหันตัวรอให้องครักษ์ทั้งสองมาหิ้วปีก ก็ถูกเตะขาพับอย่างแรงจนเข่าทรุดกระแทกพื้น ซึ่งเป็นข้างเดียวกับที่ถูกยิงเมื่อหลายวันก่อน
“นึกอยากเตะหมาสกปรกเล่นๆ สักตัวน่ะ!” พริมโรสดึงมีดสั้นออกมาจากข้อมือ ว่องไวเสียจนผู้คนมองแทบไม่ทัน เห็นอีกที-ปลายคมนั้นก็ได้จ่อที่ต้นคออีกฝ่ายเสียแล้ว
“ฉันไม่ถนัดใช้คำพูดเชือดเฉือนคนเหมือนนายหรอกนะ แต่ถนัดเฉือนเนื้อหมา!! ฉันจะให้นายได้เลือกตำแหน่งที่เจ็บน้อยที่สุดก่อน ว่าไง? ใจดีปะล่ะ?” ทั้งน้ำเสียงและหน้าตาท่าทางของคนพูด ยียวนกวนประสาทที่สุดในสามโลกในความคิดของเขา
“ดีกับผี!! อิปีศาจไบโพลาร์!! ต้องเป็นความเถื่อนสถุลในตัวเธอที่มันย้อนแย้งกับหน้าตาแน่ๆ ที่ไปโดนใจเชคฮ์เขาเข้าอย่างจัง! เวรกรรมแท้ๆ!”
“นายต้องการจะพูดว่า ฝนตกขี้หมูไหลคนอะไรมาเจอกันอย่างงั้นสิ!!”
“อย่าเอาคำพูดถ่อยๆ มาใส่ปากให้ฉันพูดทำลายเกียรติของเชคฮ์นะ!”
“ไอ้ขี้ข้าสองเจ้าบ่าวสองนาย!!” พริมโรสตวาดลั่น พร้อมกระชากคอเสื้อมันขึ้นมา “อย่าได้พ่นความจงรักภักดีที่น่าสะอิดสะเอียนออกมา!!”
แคว้กๆๆๆๆ!!
“อ๊ายยย!! อีบ้า!! อีชะนีตกมันส์!!” ฟะฮัดร้องออกมาอย่างเสียขวัญ เมื่อหญิงสาวกระชากคอเสื้อของเขาขึ้น แล้วปาดมีดสั้นเฉือนลงไปบนเสื้อเป็นทางยาว เฉียดผิวเนื้อไปในระยะประชิด ความคมของมีดทำให้เสื้อขาดออกจากกันทันที
เฮอะ!! ถึงกับแต๋วแตก!! ไหนว่ามีลูก! แอ๊บมานานแค่ไหนแล้ว??
“ยิ่งเธอทำตัวโหดร้าย ฉันยิ่งไม่พูด!! แน่จริงก็ฆ่าฉันเสียเลยสิ ชาตินี้เธอก็จะไม่มีวันได้รู้ เชคฮ์ไม่มีวันเล่าเรื่องที่น่าอับอายนี้ออกมาอย่างแน่นอน!!”
“ฮึ!! ฉันก็ไม่ได้อยากรู้!! อะไรที่เชคฮ์ไม่พูด ไม่ได้หมายความว่าเขาจะทำไม่ดีลับหลังฉัน ตรงกันข้ามมันแสดงให้เห็นว่าเขากำลังปกป้องฉันจากสิ่งที่ไม่ควรรู้ต่างหาก จำใส่สมองแกเอาไว้ไอ้กร๊วก!! อย่าได้สะเออะมาสร้างความร้าวฉาน!!” หญิงสาวเงื้อมือขึ้นเตรียมจะฟาดปากไม่มีหูรูดของมัน
“โรส!!” พริมโรสสะดุ้งเมื่อได้ยินเสียงดุเรียกชื่อตัวเองจากทางด้านหลัง จึงรีบเหวี่ยงหลังมือไปข้างหน้าด้วยความหมั่นไส้โดยเร็วก่อนที่จะไม่มีโอกาสให้ได้ทำ
พลั่ก!!
“โอ๊ย!! อิ…!!” ฟะฮัดร้องออกมาอย่างเดือดดาล กล้ำกลืนคำก่นด่าที่เหลือลงไปในคอ เขาแทบจะระเบิดโทสะออกมาต่อหน้าผู้สูงศักดิ์เมื่อโดนสันมือฟาดเข้าที่ปากเต็มแรงอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว เขาบ้วนฟันซี่หนึ่งที่หลุดออกมาพร้อมเลือดที่ไหลกลบปาก
ฟะฮัดเห็นฟันกับเลือดแล้วรู้สึกคับแค้นในใจ ภารกิจที่เขารับทำล่าสุดคือทำให้ผู้หญิงคนนี้แตกหักกับเชคฮ์ให้ได้ เขาเห็นด้วยกับภารกิจนี้ ผู้หญิงที่เป็นได้แค่เครื่องบรรณาการไม่เหมาะสมกับเชคฮ์เป็นอย่างยิ่ง แต่ไม่ว่าจะใช้วิธีไหนก็ไม่สามารถก่อกวนจิตใจของอีกฝ่ายให้สั่นคลอนได้เลย ไม่ว่าจะเป็นทางด้านพละกำลัง หรือคำพูด
“ต่อไปถ้าเจอหน้าฉันก็ให้สำนึกไว้ว่า ควรเก็บปากเอาไว้กินข้าวดีกว่า..นะ!!” พริมโรสพูดเสียงเบา ใช้สองนิ้วตบไปที่แก้มที่แดงเถือกไปทั้งใบหน้านั่น แล้วหันไปหาเสียงทรงอำนาจที่เข้ามาถึงตัวพอดี
“มีเรื่องอะไรกัน?” เจ้าชายอิสราร์ถามด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย สีหน้าไม่บ่งบอกความรู้สึก
“มียุงเกาะปากเขาเพคะ หม่อมฉันหวังดีเลยตบให้ แต่คงจะออกแรงมากไปหน่อย”
มารดาเธอเหอะ!! ยุงบ้านญาติเธอต้องออกแรงตบจนเลือดกลบปากแบบนี้ไหม ตอแหลสดๆ!!
“เอาตัวไปได้แล้ว!” ผู้สูงศักดิ์สั่งการด้วยน้ำเสียงทรงอำนาจ พริมโรสปรายหางตาไปมองอาการฮึดฮัดอย่างฉุนเฉียวของคนที่กำลังส่งสายตาอาฆาตมาให้เธออย่างมุ่งร้ายหมายขวัญ หญิงสาวเชิดหน้าตอบกลับไปอย่างท้าทาย ส่งสายตาไร้ซึ่งความละอายแก่ใจก่อกวนอารมณ์อีกฝ่ายให้รู้สึกโมโหหนักยิ่งขึ้นไปอีก ก่อนจะถูกองครักษ์สองคนหิ้วปีกจากไปอย่างทุลักทุเล
ยิ้มชั่วร้ายที่ค้างอยู่บนใบหน้าหุบฉับทันทีที่หันมาสบสายตาคมกริบ ที่กำลังมองจ้องเธออยู่ด้วยใบหน้าที่เรียบเฉย
“เบาๆ มือหน่อย ผมยังต้องใช้งานเขาอยู่!”
“เพคะ..หม่อมฉันจะระวัง เดี๋ยว!! ฝ่าบาทจะทำอะไรเพคะ!” หญิงสาวร้องออกมาอย่างตกใจ รีบผวาเข้าไปประคองเมื่อเห็นเขากำลังทรงตัวลุกขึ้น ทำท่าคล้ายต้องการจะเดินไปเอง
“นั่งมาหลายวันแล้ว แข้งขาพาลไม่มีแรง กะว่าจะออกกำลังเสียหน่อย!”
“แต่ฝ่าบาทยังไม่หายดี นั่งดีกว่าเพคะ หม่อมฉันจะเข็นให้เอง!” เขายื่นมือมาจับมือเล็กกำไว้ แล้วพูดเสียงเบา
“คุณไม่รู้จริงๆ หรือว่าผมอยากให้ขาแข็งแรงเร็วๆ เพราะอะไร?” สายตาคมหวานสบประสานเข้ากับความร้อนแรงที่ซ่อนอยู่ในประกายตาของเขาก็เดาออกทันทีว่าหมายถึงอะไร พลันทำให้แก้มนวลแดงก่ำขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด
“เอ่อ..ถ้างั้นเดินเยอะๆ เลยเพคะ ไม่เมื่อยไม่ต้องนั่ง มาๆ! หม่อมฉันจะช่วยพยุงไปเอง!”
ชายหนุ่มลอบอมยิ้มในใจ เมื่อเห็นความกระตือรือล้นของอีกฝ่ายที่แสดงออกจนนอกหน้า พาลเสียวแปลบขึ้นมาแวบหนึ่งบริเวณท้องน้อย เมื่อนึกถึงความหฤหรรษ์ที่ห่างหายไปหลายวันขึ้นมา ทำให้เขาโอบแขนกอดคนที่กำลังตั้งใจพาเขาออกกำลังกายขาอย่างแข็งขันนั้นแน่นขึ้นกว่าเดิม
ไลลายังไม่ได้หลับ กำลังนึกถึงคำขอร้องของน้องสาวอย่างลำบากใจ เนญ่าขอให้เธอรับเป็นขายารองของเจ้าชายอิดรีสอย่างถูกต้องตามธรรมเนียม ในฐานะลูกผู้หญิงเหมือนกันก็พอจะเข้าใจถึงความสูญเสียอันน่าขมขื่น และยิ่งรู้สึกแย่ที่สถานการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นในครอบครัวของเธอเอง แต่การที่จะไปยัดเยียดผู้หญิงให้เขาทั้งๆ ที่เห็นอยู่กับตาแล้วว่าเขาไม่ได้แยแสน้องสาวเธอเลยสักนิด ดูจะเป็นการหาเรื่องใส่ตัวเองเสียมากกว่า เธอจึงปฎิเสธไปตรงๆ และจะช่วยหาวิธีแก้ไขปัญหาทางอื่นให้ แต่ก็กลายเป็นคนที่โหดร้ายและแล้งน้ำใจในสายตาอีกฝ่ายขึ้นมาทันที"ถ้าพี่หญิงไม่ช่วย น้องจะฆ่าตัวตายหนีความอัปยศ! ถ้าไม่ใช่เชคฮ์อิสราร์เป็นคนทำก็ต้องเป็นเชคฮ์อิดรีส เหตุมันเกิดในพื้นที่ของเขาจะปัดความรับผิดชอบทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นได้ยังไง! เผลอๆ เขาอาจจะเป็นคนบงการก็ได้ โรงแรมมีระบบรักษาความปลอดภัยหลายชั้น ใครหน้าไหนจะกล้าเข้ามา!" “อย่าพูดจาเพ้อเจ้อ! เขาจะไปทำเรื่องแบบนั้นได้ยังไงในเมื่อเขาอยู่กับพี่ตลอดเวลา!”“น้องไม่รับรู้ ถ้าพี่หญิงไม่ช่วย น้องจะทำร้ายตัวเองจนกว่าพี่หญิงจะยอม!” ไลลารู้ว่าน้องสาวกำลังกดดันให้เธอรู้สึกผิดทั้งๆ ที่ไม่ได้ทำอะไรผิด ได้
ฮัลดายืนอยู่ตรงช่องประตู มองหญิงสาวที่นั่งอยู่ที่โต๊ะหน้าห้องทำงานของเจ้านาย ด้วยแววตาชิงชังราวกับมีความแค้นกันมานับร้อยนับพันปี“อ้าว! ฮัลดาเข้ามาสิ ยืนอยู่ทำไม!”ฮัลดาเดินเข้ามาใกล้อย่างอ้อยอิ่ง พริมโรสทำมือให้นั่งลงที่เก้าอี้หน้าโต๊ะ พร้อมหยิบกระดาษจดหมาย ที่นัดให้เธอไปพบในสวนของโรงแรม และกระดุมเม็ดหนึ่งวางไว้บนโต๊ะตรงหน้าหญิงสาว ในขณะที่สายตาก็มองอีกฝ่ายอย่างไม่วางตา จึงทันได้เห็นแววตาไหววูบแวบหนึ่งแล้วเลือนหายไปอย่างรวดเร็ว“เธอรู้หรือเปล่าว่าชัยค์เคาะฮ์เนญ่า ถูกคนลวงไปทำมิดีมิร้าย”“อะไรนะ! เกิดขึ้นเมื่อไหร่เจ้าคะ?” พริมโรสอ่านปฏิกิริยาของหญิงสาวจากสีหน้าอาการที่แสดงออกมาว่าตกใจจริงๆ ไม่ได้เสแสร้ง“เวลาเดียวกับที่มีข้อความนัดพบนี้ส่งมาให้ฉัน เจตนาก็เพื่อล่อลวงให้ฉันถูกรุมทำร้าย แต่ที่ไม่เข้าใจคือกระดุมเม็ดนี้น่ะ เอามาให้ฉันทำไม ตั้งใจจะบอกอะไร? เธอพอจะให้คำตอบกับฉันได้ไหม?”“ฉันจะรู้ได้ไงล่ะเจ้าคะ! นายหญิงต้องไปถามคนส่งเองถึงจะรู้เหตุผลที่แท้จริงของเขา”“อ้าว! ก็กำลังถามอยู่นี่ไง อย่าทำตัวเป็นปลาทองลืมง่าย!” พริมโรสพูดพลางหยิบหลักฐานออกมาวางทีละอย่าง “นี่รอยนิ้วมือเจ้าของจดหมายแ
"ฝ่าบาท! แย่แล้วเพคะ! กัปตันถูกทำร้ายขอความช่วยเหลือจากฝ่าบาทด่วนเลยเพคะ!" เจ้าชายอิสราร์ลุกพรวดขึ้น พริมโรสผวาลุกตามแล้วพยุงแขนเขาไว้ข้างหนึ่ง"เกิดอะไรขึ้น?" ชายหนุ่มถามขณะก้าวเท้าออกเดินได้ไม่เร็วนัก มือเรียวจึงจับแขนเขายกขึ้นแล้วก้มตัวลอดศีรษะเข้าไปใต้แขนแข็งแรง ก่อนจะวางแขนเขาให้เกาะไหล่เธอไว้เพื่อช่วยพยุง ทำให้ชายหนุ่มเดินได้เร็วขึ้นกว่าเดิม"นักบินผู้ช่วยลอบทำร้ายกัปตันเพคะ! โชคดีว่าอยู่ในความสูงที่กัปตันเปิดโหมดออโต้ไพลอทเอาไว้ ทันทีที่เกิดเรื่องเขากดอันล็อกประตูทำให้พวกเราได้ยินเสียงและเข้าไปช่วยเหลือเขาไว้ได้ทันเวลา ตอนนี้องครักษ์ลากตัวหมอนั่นออกไปแล้วเพคะ!""ทำไมไม่ตามนักบินเสริมให้ขึ้นมาแทน?""หม่อมฉันไปปลุกแล้วไม่ตื่นเลยทั้งสองคน ไฟล์ทเนิร์ซกำลังดูอาการพวกเขาอยู่ กัปตันเลยให้มาขอความช่วยเหลือจากฝ่าบาทเพคะ!"ลูกเรือต่างก็เห็นพ้องต้องกันทุกคนว่า นาทีนี้ไม่มีใครจะเหมาะสมเท่ากับเจ้านายพระองค์นี้อีกแล้ว เขามีชั่วโมงบินของการเป็นนักบินเอฟสามสิบห้า ของกองทัพรวมห้าพันแปดสิบห้าชั่วโมง ในจำนวนนี้ มีชั่วโมงของการทำหน้าที่นักบินผู้ช่วย อยู่แปดร้อยแปดสิบสี่ชั่วโมงกับเครื่องบินรุ่นนี้
“อะไรนะ!! แล้วได้ลงจอดฉุกเฉินไหม? งั้นถ้าจำเป็นต้องเปลี่ยนแผนโยกย้ายคนจากรัฐดีไปรัฐอีก็ดำเนินการได้เลย! อืม..ฉันอยู่บนเครื่องบินแล้ว คงจะถึงไล่ๆ กัน!...ได้!…เอาตามนั้น!”เจ้าชายอิดรีสชะงักมือที่กำลังวางโทรศัพท์บนโต๊ะหัวเตียง ขณะที่ปรายหางตาเห็นหุ่นอรชรอ้อนแอ้นกำลังเยื้องกรายเข้ามาในห้องด้วยกิริยาท่าทางที่ยั่วยวนหญิงสาวเข้ามายืนห่างจากเตียงไปประมาณหนึ่งช่วงแขน ค่อยๆ ปลดอาภรณ์ออกจากตัวทีละชิ้นอย่างเชื่องช้า พร้อมช้อนสายตาขึ้นมองชายหนุ่มอย่างเย้ายวนชวนเชิญเจ้าชายอิดรีสหยิบหมอนสองใบมาซ้อนหลัง นั่งกึ่งเอนพิงพนักหัวเตียงพาดแขนไว้บนเข่าข้างหนึ่งที่ตั้งชันขึ้น หรี่ตามองด้วยสีหน้าเรียบเฉยแต่ดูเยือกเย็น กิริยาภายนอกยังคงสงบนิ่ง รอบกายยังเผยความเย่อหยิ่งจองหองออกมาด้วยเขาเหลือบตามองนาฬิกาที่โต๊ะหัวเตียง ทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายเลือกเวลาได้เหมาะเจาะ ไลลาไปสั่งงานกับเด็กรับใช้ได้สักพักใหญ่ๆ แล้ว และคงกำลังใกล้จะกลับมา เลยเปิดโอกาสให้น้องสาวสวมบทบาทน้องรักหักเหลี่ยมโหดเพื่อทำร้ายจิตใจผู้เป็นพี่ได้อย่างถูกที่ถูกเวลา เขาปล่อยให้อีกฝ่ายทำตามใจ โดยไม่ได้ปริปากเอ่ยทักท้วง เพื่อจะรอดูว่าเธอจะเปิดเผยเนื้อตั
รินรดานั่งเหม่อกำโทรศัพท์ไว้ในมือ หลังจากเพิ่งจะวางสายจากรามิล เขาสัญญาว่าจะรีบเคลียร์งานให้เรียบร้อย และจะตามไปหาที่เปเรซภายในสองวันเธอรู้สึกไม่สบายใจเมื่อนึกถึงความฝันเมื่อคืนที่ผ่านมา แสงสว่างที่ลอยละล่องในความมืดส่องมาที่เธอ พร้อมกับเสียงกระซิบที่แผ่วเบาแต่ชัดเจน เสียงนั้นไม่ใช่เสียงของใครในโลกนี้ มันเหมือนเสียงที่มาจากที่ไกลโพ้น ฟังดูทั้งใกล้และไกลในเวลาเดียวกัน ‘ถึงเวลาแล้ว…จงทำตามสัญญา’หญิงสาวไม่ได้บอกใครว่าหลังจากที่เธอ และพี่ชายฟื้นขึ้นมา เธอได้เห็นถึงความศักดิ์สิทธิ์ของหินพ่อมดลาบราดอไลต์ ด้วยความสงสัยและความหวัง เธอแอบพระมารดาเข้าไปในห้องลับ ท่องบทสวดที่เธอแอบจดเอาไว้ และอธิษฐานถึงสิ่งที่อยากรู้ที่สุดในชีวิตตอนนั้น นั่นก็คือการตามหาครอบครัวที่แท้จริงจากนั้นเธอก็ฝันซ้ำๆ เดิมๆ อยู่หลายครั้งจนมาถึงปัจจุบัน ไม่รู้ว่าบุคคลในฝันเป็นใคร เธอจำเรื่องราวได้ รู้ว่าคนในฝันเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย แต่จำหน้าไม่ได้เลยสักคน และครั้งที่ไปโรงพยาบาลจนเกิดอาการใจสั่น แล้วเจ็บแปลบอย่างรุนแรง จนหมดสติไปในครั้งนั้น ก็ทำให้เธอได้เห็นผู้หญิง ที่มีหน้าตาเหมือนเธอราวกับฝาแฝดชัดเจนเป็นครั้งแรก ในห้วงฝ
กัปตันลุกขึ้นแล้วเดินออกประตูไปก่อน ผงกศีรษะให้นิดหนึ่งเมื่อเห็นพริมโรสยืนอยู่หน้าประตู เจ้าชายอิสราร์ยืนมองหญิงสาวผ่านช่องประตูห้องนักบินอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอื้อมมือมาคว้าแขนเรียวเล็กดึงเข้ามาปะทะอกกว้าง รวบร่างบางเข้ามากอดรัดอย่างแนบแน่น ฝ่ามือข้างหนึ่งประคองไว้หลังศีรษะ แล้วบดขยี้ริมฝีปากร้อนระอุกับริมฝีปากนุ่มอย่างหิวกระหาย เร่าร้อนและดุเดือด เพราะอะดรีนาลีนที่หลั่งออกมาหลังจากเพิ่งจะผ่านเหตุการณ์เฉียดตาย กระตุ้นให้อารมณ์ของเขาพลุ่งพล่าน“อื้อ!..” ปลายลิ้นเงอะงะถูกดูดดุนและเกี่ยวกระหวัดไว้ด้วยลิ้นเร่าร้อนของอีกฝ่ายโดยไม่เปิดโอกาสให้ได้พักหายใจ ทำให้เกิดเสียงประท้วงแผ่วๆ ในลำคอ“ที่รัก~..ผมรักคุณ” เขาถอนริมฝีปากออก กระซิบเสียงแหบพร่าแนบชิดกับริมฝีปากนุ่มอุ่น เรียวลิ้นไล่ระไปบนริมฝีปากของอีกฝ่าย ก่อนประทับริมฝีปากลงมาอีกครั้ง หญิงสาวยกท่อนแขนขึ้นโอบรอบลำคอเขาไว้ ตอบรับจุมพิตด้วยจังหวะที่สอดรับกันเป็นอย่างดี เบียดร่างบอบบางเข้าแนบชิดร่างกำยำอย่างออดอ้อน ฝ่ามือหนาของเขาลูบไล้ไปตามแผ่นหลังไล่ลงไปถึงโค้งสะโพกกลมมนแล้วกดเข้าหาลำตัวตามแรงอารมณ์ที่กำลังเพิ่มมากขึ้น“เอ่อ..ทูลฝ่าบาท พายุท
ไลลานอนตัวอ่อนระทวยอยู่ครู่หนึ่ง สักพักก็ขยับตัวยกศีรษะขึ้นมานอนหนุนแขนแข็งแรงข้างหนึ่งของสามี เบียดเรือนร่างบอบบางเข้าชิดเพื่อขอความอบอุ่นจากร่างกายของเขา ซึ่งชายหนุ่มเองก็เพิ่งผ่อนคลายจากอาการหัวใจเต้นแรง หายใจหอบเหนื่อย เขาพลิกตัวตะแคง รั้งต้นขาของหญิงสาว ให้ขึ้นมาก่ายเกยอยู่ครึ่งๆ บนร่างกายของเขา ขาของเธอเบียดชิดจนเขารู้สึกอบอุ่นและชุ่มชื้นในซอกลี้ลับ ไล้ฝ่ามือจากโค้งสะโพกเลยมาถึงต้นขา ลูบผิวเรียบเนียนไปมาเบาๆ เป็นจังหวะอย่างเพลิดเพลิน พร้อมๆ กับปลอบโยนให้เธอคลายความอ่อนเพลีย เพื่อเข้าสู่โหมดพักผ่อน “ฝ่าบาทเพคะ?” “หืม?” ชายหนุ่มผงกศีรษะขึ้นมองอย่างแปลกใจเมื่อได้ยินเสียงของอีกฝ่าย ซึ่งเขาคิดว่าน่าจะเคลิ้มหลับไปแล้ว“คืนนี้เนญ่าเขาประกาศว่าจะเข้าหอกับฝ่าบาท แล้วทำไมพระองค์ถึงมาหาหม่อมฉันล่ะเพคะ?”“ก็ไม่อยากจะมา ตั้งใจจะสั่งสอนให้รู้สำนึกเสียหน่อยว่า การผลักดันให้ผัวไปมีผู้หญิงอื่น โดยไม่เต็มใจนั้นน่ะมันจะให้ผลยังไง แต่เผอิญว่าเห็นคนบางคน น้ำตาคลอเบ้าเลยมาดูเสียหน่อย ไม่รู้ว่าเสแสร้งแกล้งทำ หรือรู้จักที่จะหึงหวงผัวขึ้นมาบ้างแล้ว!”“หึงจริงๆ น่ะแหละเพคะ” ไลลายอมรับออกไปตรงๆ ถึงแม้ใ
“ตรวจสอบชายสองคนที่สิบสองนาฬิกา ประตูทางเข้าด้านนอก ในมือถือผ้าสีดำห่อหุ้มวัตถุลักษณะเป็นแท่งยาวทรงกระบอก เปลี่ยน!”“แลนด์โรเวอร์สีดำขับเข้ามาจอดหน้าประตูทางเข้าออกของพนักงานชั้นใต้ดินสองคัน คันหนึ่งประมาณห้าคนใส่ชุดพนักงานรักษาความปลอดภัยเดินเข้าไปด้านใน มีอาวุธปืนติดตัว เปลี่ยน!”“ประตูทางออกอาคารผู้โดยสารหนึ่งที่เก้านาฬิกา พนักงานรักษาความปลอดภัยกำลังลากโซ่ตะปูเรือใบมาขวางถนน คาดว่าไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของสนามบิน เปลี่ยน!”“ประตูทางออกฉุกเฉินของอาคารผู้โดยสารสอง ทางสะดวก ชาลีทีมเตรียมพร้อม รอรับคำสั่ง เปลี่ยน!” เสียงรายงานผ่านวิทยุสื่อสารเข้ามาเป็นระยะๆ หลังจากที่กระจายกำลังไปประจำตามจุดสำคัญต่างๆ เพื่อสังเกตความเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้าม“พวกมันเริ่มทยอยกันเข้ามาแล้ว แจ้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้เตรียมอพยพประชาชนหากมีเหตุฉุกเฉิน! แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจกับดับเพลิงหรือยัง?”“เรียบร้อยแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”“อืม ถ้าพร้อมแล้วก็ไปกันตอนนี้เลย!”“รับคำสั่ง!” องครักษ์รับคำสั่งแล้วแจ้งแต่ละทีมผ่านวิทยุสื่อสารทันที “อัลฟ่าทีมเคลียร์พื้นที่ บราโวเตรียมรถบรรทุกเปิดทางออกแล้วรอรับคำสั่ง ชาลีทีมวีไอพีเ
“ฮ่าๆๆ ไง! ถึงกลับโกรธจนตัวเนื้อสั่นเลยเหรอ เป็นยังไงบ้างล่ะ รสชาติของการสูญเสีย ขมขื่นถึงอกถึงใจดีไหม?” คำพูดประโยคนี้ของเขาทำให้หญิงสาวแน่ใจได้ทันทีว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ“ฉันเกลียดแกจนอยากจะเป็นคนถ่อย จะได้ถ่มถุยใส่หน้าส้นตึกของแกให้สาสมกับความรู้สึกขยะแขยง!” ชารีฟหรือณัทธรสะอึก เมื่อเจอความโกรธเกลียดอย่างรุนแรงจากผู้หญิงที่เขารัก“เกลียดฉันงั้นรึ? ต้องเป็นฉันไหมที่จะพูดประโยคนั้น แทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่า เธอจะลืมฉันได้อย่างง่ายดายและไปแต่งงานใหม่!"“ฉันไม่ได้แต่งงานใหม่! นี่เป็นการแต่งงานครั้งแรกและครั้งเดียวของฉัน และอะไรคือลืมได้อย่างง่ายดาย? นายหนีตายไปเป็นปีๆ แล้วฉันจะต้องไปบวชชี เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้นายด้วยอย่างนั้นรึ! เรารักกันดูดดื่มขนาดนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่? ก่อนที่นายจะฆ่าพ่อฉัน เขายังพูดไม่ให้ฉันยึดติดกับตัวเขาเลย! ตรรกะของนายมันบิดเบี้ยวเป็นเวย์เดียวกับพวกโรคจิต ที่นายกับฉันมาถึงจุดนี้เป็นเพราะการตัดสินใจเลือกของตัวเองทั้งนั้น อย่าเอาฉันมาเป็นข้ออ้างเพื่อปกปิดยีนขี้แพ้ในตัวหน่อยเลย!”“ไม่ต้องมาทำปากดียั่วอารมณ์ให้ฉันรู้สึกละอายใจหรอก คำพูดยั่วยุของ
“ฮัลโหล? ว่าไง?”“ไอ้ชารีฟ! ไอ้ห่วย! สายของแกทำงานยังไงวะถึงได้รายงานผิดพลาด! เป้าหมายไปเส้นทางอื่นไม่ได้เฉียดมาทางนี้เลยด้วยซ้ำ!!”“จะเป็นไปได้ยังไง? ไม่ผิดแน่ๆ!! นายดักซุ่มอยู่ที่นั่นแหละเผื่อว่าจะเป็นแผนลวง!”ชารีฟหรือณัทธร กดปุ่มตัดสาย แล้วดึงหูฟังบลูทูธออกอย่างหงุดหงิด จะเกิดการผิดพลาดไปได้ยังไง ในเมื่อเขาเพิ่งจะได้รับการยืนยันเส้นทางมาจากสายที่แฝงตัวอยู่ในกลุ่มผู้ใต้บังคับบัญชาของเชคฮ์อิสราร์เมื่อไม่กี่นาทีมานี้เองหรือว่าเปลี่ยนเส้นทางกระทันหัน??เขาคิดว่าน่าจะมีการเปลี่ยนแปลงแบบฉุกเฉินมากกว่าการที่อีกฝ่ายจะรู้ตัวว่ามีข่าวรั่วไหลชายหนุ่มยกนาฬิกาข้อมือขึ้น เพื่อดูเวลาก่อนการตัดสินใจ ในเมื่อภารกิจลอบสังหารเชคฮ์อิสราร์ได้ผิดพลาดไปแล้ว เขาเลยคิดว่าไปปิดจ๊อบหนี้เก่าของตัวเองก่อนจะดีกว่า แล้วค่อยกลับไปรายงานภารกิจที่ล้มเหลว ซึ่งถ้ารีบไปตอนนี้ก็น่าจะไปทันเวลากับที่เป้าหมายขับมาถึงในจุดที่เขากำหนดเอาไว้ในแผนพอดี…ชารีฟหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา เปิดแอพพลิเคชันที่ใช้ตรวจสอบสัญญาณจีพีเอส เพื่อหาตำแหน่งปัจจุบันของรถเป้าหมาย ซึ่งก็เห็นในแผนที่ว่ารถยนต์คันดังกล่าว กำลังจะแล่นผ่านสี่แยกไฟแดง
ความร้ายกาจของบิดาที่เธอได้ยินจากปากของคนอื่น เป็นเหมือนหนามแหลมคม ที่คอยทิ่มแทงจิตใจอยู่ตลอด แต่กระบวนการให้อภัย พยายามดิ้นรนที่จะผลักความคิด และความรู้สึกด้านลบเหล่านี้ออกไป ด้วยการจดจ่อกับความรัก และความทรงจำดีๆ นึกถึงช่วงเวลาที่ยากลำบาก ที่เขามักจะแบกรับความเจ็บปวดเหล่านั้นไว้แทนอยู่เสมอ แล้วผลักดันให้เธอก้าวข้ามผ่านช่วงเวลาเลวร้ายนั้นไปให้ได้ ฝึกฝนเธอให้เข้มแข็ง สอนให้ยอมรับทุกความผิดพลาด และความล้มเหลว แล้วเรียนรู้ที่จะเยียวยาตัวเองเพื่อปิดกั้นทุกความเจ็บปวดเธอรู้ดีว่าการยึดติดกับความรู้สึกในทางลบ รังแต่จะเพิ่มความทุกข์ให้กับชีวิตมากขึ้น และขัดขวางไม่ให้หัวใจได้พบกับความสงบสุข แต่การที่จะละวางด้วยการให้อภัยนั้น ก็ทำให้เกิดความรู้สึกผิด ต่อบุคคลที่ต้องเสียชีวิตไปอย่างไม่เป็นธรรมนั้นด้วยเช่นกันแต่เมื่อมองในมุมกลับกัน เขาก็เป็นเพียงแค่มนุษย์คนหนึ่ง ซึ่งไม่ว่าใครก็สามารถทำผิดได้ เธอเองก็ไม่ได้รับการยกเว้น ความผิดหวังมักจะทำให้คนเราจมอยู่กับอดีต จนลืมมองความสุขที่กำลังได้รับอยู่ในปัจจุบัน และกำลังจะตามมาอีกมากมายในอนาคต จึงเป็นความคิดที่โง่เขลาอยู่ไม่ใช่น้อย ถ้าเรายังหยุดอยู่ที่ควา
“ตรวจสอบชายสองคนที่สิบสองนาฬิกา ประตูทางเข้าด้านนอก ในมือถือผ้าสีดำห่อหุ้มวัตถุลักษณะเป็นแท่งยาวทรงกระบอก เปลี่ยน!”“แลนด์โรเวอร์สีดำขับเข้ามาจอดหน้าประตูทางเข้าออกของพนักงานชั้นใต้ดินสองคัน คันหนึ่งประมาณห้าคนใส่ชุดพนักงานรักษาความปลอดภัยเดินเข้าไปด้านใน มีอาวุธปืนติดตัว เปลี่ยน!”“ประตูทางออกอาคารผู้โดยสารหนึ่งที่เก้านาฬิกา พนักงานรักษาความปลอดภัยกำลังลากโซ่ตะปูเรือใบมาขวางถนน คาดว่าไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของสนามบิน เปลี่ยน!”“ประตูทางออกฉุกเฉินของอาคารผู้โดยสารสอง ทางสะดวก ชาลีทีมเตรียมพร้อม รอรับคำสั่ง เปลี่ยน!” เสียงรายงานผ่านวิทยุสื่อสารเข้ามาเป็นระยะๆ หลังจากที่กระจายกำลังไปประจำตามจุดสำคัญต่างๆ เพื่อสังเกตความเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้าม“พวกมันเริ่มทยอยกันเข้ามาแล้ว แจ้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้เตรียมอพยพประชาชนหากมีเหตุฉุกเฉิน! แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจกับดับเพลิงหรือยัง?”“เรียบร้อยแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”“อืม ถ้าพร้อมแล้วก็ไปกันตอนนี้เลย!”“รับคำสั่ง!” องครักษ์รับคำสั่งแล้วแจ้งแต่ละทีมผ่านวิทยุสื่อสารทันที “อัลฟ่าทีมเคลียร์พื้นที่ บราโวเตรียมรถบรรทุกเปิดทางออกแล้วรอรับคำสั่ง ชาลีทีมวีไอพีเ
ไลลานอนตัวอ่อนระทวยอยู่ครู่หนึ่ง สักพักก็ขยับตัวยกศีรษะขึ้นมานอนหนุนแขนแข็งแรงข้างหนึ่งของสามี เบียดเรือนร่างบอบบางเข้าชิดเพื่อขอความอบอุ่นจากร่างกายของเขา ซึ่งชายหนุ่มเองก็เพิ่งผ่อนคลายจากอาการหัวใจเต้นแรง หายใจหอบเหนื่อย เขาพลิกตัวตะแคง รั้งต้นขาของหญิงสาว ให้ขึ้นมาก่ายเกยอยู่ครึ่งๆ บนร่างกายของเขา ขาของเธอเบียดชิดจนเขารู้สึกอบอุ่นและชุ่มชื้นในซอกลี้ลับ ไล้ฝ่ามือจากโค้งสะโพกเลยมาถึงต้นขา ลูบผิวเรียบเนียนไปมาเบาๆ เป็นจังหวะอย่างเพลิดเพลิน พร้อมๆ กับปลอบโยนให้เธอคลายความอ่อนเพลีย เพื่อเข้าสู่โหมดพักผ่อน “ฝ่าบาทเพคะ?” “หืม?” ชายหนุ่มผงกศีรษะขึ้นมองอย่างแปลกใจเมื่อได้ยินเสียงของอีกฝ่าย ซึ่งเขาคิดว่าน่าจะเคลิ้มหลับไปแล้ว“คืนนี้เนญ่าเขาประกาศว่าจะเข้าหอกับฝ่าบาท แล้วทำไมพระองค์ถึงมาหาหม่อมฉันล่ะเพคะ?”“ก็ไม่อยากจะมา ตั้งใจจะสั่งสอนให้รู้สำนึกเสียหน่อยว่า การผลักดันให้ผัวไปมีผู้หญิงอื่น โดยไม่เต็มใจนั้นน่ะมันจะให้ผลยังไง แต่เผอิญว่าเห็นคนบางคน น้ำตาคลอเบ้าเลยมาดูเสียหน่อย ไม่รู้ว่าเสแสร้งแกล้งทำ หรือรู้จักที่จะหึงหวงผัวขึ้นมาบ้างแล้ว!”“หึงจริงๆ น่ะแหละเพคะ” ไลลายอมรับออกไปตรงๆ ถึงแม้ใ
กัปตันลุกขึ้นแล้วเดินออกประตูไปก่อน ผงกศีรษะให้นิดหนึ่งเมื่อเห็นพริมโรสยืนอยู่หน้าประตู เจ้าชายอิสราร์ยืนมองหญิงสาวผ่านช่องประตูห้องนักบินอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอื้อมมือมาคว้าแขนเรียวเล็กดึงเข้ามาปะทะอกกว้าง รวบร่างบางเข้ามากอดรัดอย่างแนบแน่น ฝ่ามือข้างหนึ่งประคองไว้หลังศีรษะ แล้วบดขยี้ริมฝีปากร้อนระอุกับริมฝีปากนุ่มอย่างหิวกระหาย เร่าร้อนและดุเดือด เพราะอะดรีนาลีนที่หลั่งออกมาหลังจากเพิ่งจะผ่านเหตุการณ์เฉียดตาย กระตุ้นให้อารมณ์ของเขาพลุ่งพล่าน“อื้อ!..” ปลายลิ้นเงอะงะถูกดูดดุนและเกี่ยวกระหวัดไว้ด้วยลิ้นเร่าร้อนของอีกฝ่ายโดยไม่เปิดโอกาสให้ได้พักหายใจ ทำให้เกิดเสียงประท้วงแผ่วๆ ในลำคอ“ที่รัก~..ผมรักคุณ” เขาถอนริมฝีปากออก กระซิบเสียงแหบพร่าแนบชิดกับริมฝีปากนุ่มอุ่น เรียวลิ้นไล่ระไปบนริมฝีปากของอีกฝ่าย ก่อนประทับริมฝีปากลงมาอีกครั้ง หญิงสาวยกท่อนแขนขึ้นโอบรอบลำคอเขาไว้ ตอบรับจุมพิตด้วยจังหวะที่สอดรับกันเป็นอย่างดี เบียดร่างบอบบางเข้าแนบชิดร่างกำยำอย่างออดอ้อน ฝ่ามือหนาของเขาลูบไล้ไปตามแผ่นหลังไล่ลงไปถึงโค้งสะโพกกลมมนแล้วกดเข้าหาลำตัวตามแรงอารมณ์ที่กำลังเพิ่มมากขึ้น“เอ่อ..ทูลฝ่าบาท พายุท
รินรดานั่งเหม่อกำโทรศัพท์ไว้ในมือ หลังจากเพิ่งจะวางสายจากรามิล เขาสัญญาว่าจะรีบเคลียร์งานให้เรียบร้อย และจะตามไปหาที่เปเรซภายในสองวันเธอรู้สึกไม่สบายใจเมื่อนึกถึงความฝันเมื่อคืนที่ผ่านมา แสงสว่างที่ลอยละล่องในความมืดส่องมาที่เธอ พร้อมกับเสียงกระซิบที่แผ่วเบาแต่ชัดเจน เสียงนั้นไม่ใช่เสียงของใครในโลกนี้ มันเหมือนเสียงที่มาจากที่ไกลโพ้น ฟังดูทั้งใกล้และไกลในเวลาเดียวกัน ‘ถึงเวลาแล้ว…จงทำตามสัญญา’หญิงสาวไม่ได้บอกใครว่าหลังจากที่เธอ และพี่ชายฟื้นขึ้นมา เธอได้เห็นถึงความศักดิ์สิทธิ์ของหินพ่อมดลาบราดอไลต์ ด้วยความสงสัยและความหวัง เธอแอบพระมารดาเข้าไปในห้องลับ ท่องบทสวดที่เธอแอบจดเอาไว้ และอธิษฐานถึงสิ่งที่อยากรู้ที่สุดในชีวิตตอนนั้น นั่นก็คือการตามหาครอบครัวที่แท้จริงจากนั้นเธอก็ฝันซ้ำๆ เดิมๆ อยู่หลายครั้งจนมาถึงปัจจุบัน ไม่รู้ว่าบุคคลในฝันเป็นใคร เธอจำเรื่องราวได้ รู้ว่าคนในฝันเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย แต่จำหน้าไม่ได้เลยสักคน และครั้งที่ไปโรงพยาบาลจนเกิดอาการใจสั่น แล้วเจ็บแปลบอย่างรุนแรง จนหมดสติไปในครั้งนั้น ก็ทำให้เธอได้เห็นผู้หญิง ที่มีหน้าตาเหมือนเธอราวกับฝาแฝดชัดเจนเป็นครั้งแรก ในห้วงฝ
“อะไรนะ!! แล้วได้ลงจอดฉุกเฉินไหม? งั้นถ้าจำเป็นต้องเปลี่ยนแผนโยกย้ายคนจากรัฐดีไปรัฐอีก็ดำเนินการได้เลย! อืม..ฉันอยู่บนเครื่องบินแล้ว คงจะถึงไล่ๆ กัน!...ได้!…เอาตามนั้น!”เจ้าชายอิดรีสชะงักมือที่กำลังวางโทรศัพท์บนโต๊ะหัวเตียง ขณะที่ปรายหางตาเห็นหุ่นอรชรอ้อนแอ้นกำลังเยื้องกรายเข้ามาในห้องด้วยกิริยาท่าทางที่ยั่วยวนหญิงสาวเข้ามายืนห่างจากเตียงไปประมาณหนึ่งช่วงแขน ค่อยๆ ปลดอาภรณ์ออกจากตัวทีละชิ้นอย่างเชื่องช้า พร้อมช้อนสายตาขึ้นมองชายหนุ่มอย่างเย้ายวนชวนเชิญเจ้าชายอิดรีสหยิบหมอนสองใบมาซ้อนหลัง นั่งกึ่งเอนพิงพนักหัวเตียงพาดแขนไว้บนเข่าข้างหนึ่งที่ตั้งชันขึ้น หรี่ตามองด้วยสีหน้าเรียบเฉยแต่ดูเยือกเย็น กิริยาภายนอกยังคงสงบนิ่ง รอบกายยังเผยความเย่อหยิ่งจองหองออกมาด้วยเขาเหลือบตามองนาฬิกาที่โต๊ะหัวเตียง ทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายเลือกเวลาได้เหมาะเจาะ ไลลาไปสั่งงานกับเด็กรับใช้ได้สักพักใหญ่ๆ แล้ว และคงกำลังใกล้จะกลับมา เลยเปิดโอกาสให้น้องสาวสวมบทบาทน้องรักหักเหลี่ยมโหดเพื่อทำร้ายจิตใจผู้เป็นพี่ได้อย่างถูกที่ถูกเวลา เขาปล่อยให้อีกฝ่ายทำตามใจ โดยไม่ได้ปริปากเอ่ยทักท้วง เพื่อจะรอดูว่าเธอจะเปิดเผยเนื้อตั
"ฝ่าบาท! แย่แล้วเพคะ! กัปตันถูกทำร้ายขอความช่วยเหลือจากฝ่าบาทด่วนเลยเพคะ!" เจ้าชายอิสราร์ลุกพรวดขึ้น พริมโรสผวาลุกตามแล้วพยุงแขนเขาไว้ข้างหนึ่ง"เกิดอะไรขึ้น?" ชายหนุ่มถามขณะก้าวเท้าออกเดินได้ไม่เร็วนัก มือเรียวจึงจับแขนเขายกขึ้นแล้วก้มตัวลอดศีรษะเข้าไปใต้แขนแข็งแรง ก่อนจะวางแขนเขาให้เกาะไหล่เธอไว้เพื่อช่วยพยุง ทำให้ชายหนุ่มเดินได้เร็วขึ้นกว่าเดิม"นักบินผู้ช่วยลอบทำร้ายกัปตันเพคะ! โชคดีว่าอยู่ในความสูงที่กัปตันเปิดโหมดออโต้ไพลอทเอาไว้ ทันทีที่เกิดเรื่องเขากดอันล็อกประตูทำให้พวกเราได้ยินเสียงและเข้าไปช่วยเหลือเขาไว้ได้ทันเวลา ตอนนี้องครักษ์ลากตัวหมอนั่นออกไปแล้วเพคะ!""ทำไมไม่ตามนักบินเสริมให้ขึ้นมาแทน?""หม่อมฉันไปปลุกแล้วไม่ตื่นเลยทั้งสองคน ไฟล์ทเนิร์ซกำลังดูอาการพวกเขาอยู่ กัปตันเลยให้มาขอความช่วยเหลือจากฝ่าบาทเพคะ!"ลูกเรือต่างก็เห็นพ้องต้องกันทุกคนว่า นาทีนี้ไม่มีใครจะเหมาะสมเท่ากับเจ้านายพระองค์นี้อีกแล้ว เขามีชั่วโมงบินของการเป็นนักบินเอฟสามสิบห้า ของกองทัพรวมห้าพันแปดสิบห้าชั่วโมง ในจำนวนนี้ มีชั่วโมงของการทำหน้าที่นักบินผู้ช่วย อยู่แปดร้อยแปดสิบสี่ชั่วโมงกับเครื่องบินรุ่นนี้