“อะไรนะ!! แล้วได้ลงจอดฉุกเฉินไหม? งั้นถ้าจำเป็นต้องเปลี่ยนแผนโยกย้ายคนจากรัฐดีไปรัฐอีก็ดำเนินการได้เลย! อืม..ฉันอยู่บนเครื่องบินแล้ว คงจะถึงไล่ๆ กัน!...ได้!…เอาตามนั้น!”
เจ้าชายอิดรีสชะงักมือที่กำลังวางโทรศัพท์บนโต๊ะหัวเตียง ขณะที่ปรายหางตาเห็นหุ่นอรชรอ้อนแอ้นกำลังเยื้องกรายเข้ามาในห้องด้วยกิริยาท่าทางที่ยั่วยวน
หญิงสาวเข้ามายืนห่างจากเตียงไปประมาณหนึ่งช่วงแขน ค่อยๆ ปลดอาภรณ์ออกจากตัวทีละชิ้นอย่างเชื่องช้า พร้อมช้อนสายตาขึ้นมองชายหนุ่มอย่างเย้ายวนชวนเชิญ
เจ้าชายอิดรีสหยิบหมอนสองใบมาซ้อนหลัง นั่งกึ่งเอนพิงพนักหัวเตียงพาดแขนไว้บนเข่าข้างหนึ่งที่ตั้งชันขึ้น หรี่ตามองด้วยสีหน้าเรียบเฉยแต่ดูเยือกเย็น กิริยาภายนอกยังคงสงบนิ่ง รอบกายยังเผยความเย่อหยิ่งจองหองออกมาด้วย
เขาเหลือบตามองนาฬิกาที่โต๊ะหัวเตียง ทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายเลือกเวลาได้เหมาะเจาะ ไลลาไปสั่งงานกับเด็กรับใช้ได้สักพักใหญ่ๆ แล้ว และคงกำลังใกล้จะกลับมา เลยเปิดโอกาสให้น้องสาวสวมบทบาทน้องรักหักเหลี่ยมโหดเพื่อทำร้ายจิตใจผู้เป็นพี่ได้อย่างถูกที่ถูกเวลา
เขาปล่อยให้อีกฝ่ายทำตามใจ โดยไม่ได้ปริปากเอ่ยทักท้วง เพื่อจะรอดูว่าเธอจะเปิดเผยเนื้อตัวไปถึงขนาดไหน สีหน้าเขายังเรียบเฉยดังเดิมเมื่อร่างเปลือยเดินเข้ามาชิดขอบเตียง แล้วนั่งลงเบียดเรือนร่างอวบนุ่มนิ่มเข้ากับกายกำยำของเขาอย่างนุ่มนวล ไล้มือเรียวไปตามแผงอกกว้างแล้วลูบต่ำลงไปเรื่อยๆ วนเบาๆ ไปทั่วบริเวณกล้ามท้องที่เห็นเป็นลอนสุดเซ็กซี่ ก่อนจะสอดมือเข้าไปในขอบกางเกงนอนที่สวมอยู่
มือเรียวเล็กลูบไล้ความใหญ่โตเล่นไปมา แล้วดึงขอบกางเกงลงเพื่อปลดปล่อยความแข็งขึงให้เด้งผึงออกมาอย่างอิสระ
ใบหน้านวลเนียนเลื่อนเข้าไปใกล้ๆ แลบลิ้นนุ่มตวัดเลียลงบนท่อนเอ็นไปทั่วเป็นการทักทาย ไล้เลียวนเนิ่นนานตรงรอยหยักที่เป็นส่วนปลายท่อนเอ็น แล้วรวบเข้าไปในปาก จากนั้นก็เริ่มรูดขึ้นรูดลงช้าๆ มือข้างหนึ่งนวดคลึงลูกกลมสองลูกไปด้วยเบาๆ เพื่อเร่งเร้าให้เกิดอารมณ์ มือเรียวอีกข้างกุมท่อนเอ็นเอาไว้ ขยับชักขึ้นชักลงพร้อมๆ กับรัวลิ้นอย่างว่องไวไปโดยรอบอยู่ภายใน ทำให้เขารู้สึกเสียวจนท่อนเอ็นกระตุก
เจ้าชายอิดรีสรีบยกมือขึ้นมาวางบนแผ่นหลังเรียบเนียนของคนที่กำลังก้มๆ เงยๆ อยู่นั้นทันทีที่ได้ยินเสียงฝีเท้าด้านนอกเดินเข้ามาใกล้ สายตามองตรงไปที่บานประตูที่เปิดอ้าไว้นั้นอย่างท้าทายแฝงความนัยบางอย่าง ผู้มาใหม่ชะงักงันทันทีที่เห็นร่างเปลือยกำลังปรนเปรอความใคร่ให้กับผู้เป็นสามี
มือเรียวบางที่กำลังถือโทรศัพท์อยู่นั้นจู่ๆ ก็อ่อนแรงขึ้นมากระทันหัน ทำให้ไหลร่วงลงกระแทกกับพื้น ชิ้นส่วนหลุดแยกออกจากกันกระจัดกระจาย เกิดเป็นเสียงดังขึ้นมาท่ามกลางความเงียบ ทำให้ร่างเปลือยเปล่าที่เย้ายวนชะงักกิจกรรมเร้าอารมณ์ที่กำลังทำอยู่แล้วค่อยๆ หันมามองอย่างมีจริต
“อุ๊ย! พี่หญิง! ทำไมต้องมาทำยืนลับๆ ล่อๆ ให้พวกเราตกอกตกใจอย่างนั้นด้วย! ถึงจะเป็นคนกันเอง แต่ก็ควรจะมีมารยาทนะเพคะ!”
สมองไลลาว่างเปล่าขาวโพลน ได้ยินเพียงเสียงวิ้งลากยาวดังอยู่ในโสตประสาท ราวกับระบบรับรู้ในส่วนต่างๆ ของร่างกายกำลังชัตดาวน์ปิดตัวลง
“ถ้าจะมาทวงสิทธิ์ ก็บอกไว้ก่อนเลยว่า สวามีของพี่หญิง น้องขอนะเพคะ น้องจะเข้าหอกับฝ่าบาทคืนนี้ พี่หญิงจะได้มีเวลาส่วนตัวไว้พักยาวๆ คราวหน้าคราวหลังเห็นน้องอยู่กับฝ่าบาทก็หลบๆ ไปหน่อยนะเพคะ จะได้ไม่รู้สึกแสลงตาแสลงใจ แล้วนี่เมื่อไหร่จะไปๆ เสียที! จะยืนเป็นสากกระเบืออยู่ตรงนั้นอีกนานไหม!! เห็นหน้าแล้วเสียอารมณ์!!” เสียงหวานใสตวาดเสียงดังที่ประโยคหลังทำให้ไลลาได้สติ กระพริบตาถี่ๆ ไล่ความรู้สึกบางอย่างที่ตีตื้นขึ้นมาในอกอย่างกระทันหัน
ไลลามองสบตาดำล้ำลึก ที่กำลังมองเธอด้วยความรู้สึกบางอย่างที่เธออ่านไม่ออก เขาไม่ได้พูดอะไรสักคำ ไม่แม้กระทั่งห้ามปรามไม่ให้ภรรยาคนที่สองล่วงเกินภรรยาเอก ได้แต่จับจ้องเธอด้วยความเย็นเยียบแฝงความหยิ่งยโส มุมปากยักขึ้นนิดหนึ่งคล้ายยิ้มแต่ไม่ยิ้ม ซึ่งเธอก็ตีความไปเองว่าเขาคงติดใจกันมากจึงได้ให้ท้ายกันถึงขนาดนี้
คางมนถูกเชิดขึ้น ด้วยความหยิ่งในศักดิ์ศรี ราวกับจะต่อต้านคนทั้งโลก สวมมาดของนางพญาหันกายจากไปอย่างโนสนโนแคร์ แต่พอเดินลับมุมสายตาเท่านั้น น้ำตาก็ไหลทะลักออกมาราวกับทำนบของเขื่อนได้พังครืนลงมาทับบนศีรษะ แล้วแผ่ซ่านความเจ็บปวดไปทั่วทั้งเรือนร่าง คล้ายกำลังถูกเข็มนับร้อยนับพันทิ่มแทงแทรกซึมความรวดร้าวไปทั่วทุกอณูของรูขุมขน ก่อนจะเดินฝ่าม่านน้ำตาที่แทบจะมองไม่เห็นหนทางเข้าห้องนอนเล็ก
ทั้งๆ ที่เธอก็เตรียมตัวเตรียมใจไว้แล้วว่าสักวันจะต้องเป็นแบบนี้ พระมารดาก็พร่ำสอนเกี่ยวกับสิ่งที่สตรีที่ดีควรพึงปฏิบัติเมื่อสามีมีภรรยาหลายคนมาตั้งแต่เริ่มเป็นสาว เธอรู้และเข้าใจว่าอะไรควรทำไม่ควรทำ แต่ตอนนี้ความเจ็บปวดมันมีมากเหลือเกิน ใจสั่นรุนแรงจนเจ็บหน้าอกไปหมด ความผิดหวังมันอัดแน่นเสียจนหายใจแทบไม่ออก
การที่เขามีคนอื่นมีผลกระทบต่อจิตใจของเราได้ถึงเพียงนี้เชียวหรือ??
ปังๆๆๆ!!
“พี่หญิง!! เปิดประตูเดี๋ยวนี้! บอกมานะว่าตั้งใจทำแบบนี้ใช่ไหม!! ปากอย่างใจอย่างน่ารังเกียจที่สุด!! กลัวว่าคนอื่นจะได้ดีกว่าตัวเองล่ะสิใช่ไหม!!” เสียงตบประตูอย่างรุนแรงทำให้ไลลาสะดุ้งตื่นจากภวังค์ความคิด ตามมาด้วยเสียงหวานใสที่ตะโกนลั่นอย่างฉุนเฉียว
“คนโกหกตอแหล! เป็นพี่สาวแท้ๆ แต่ก็ยังเห็นแก่ตัวกับน้อง ออกมาพูดกันให้รู้เรื่องเดี๋ยวนี้นะ!! พี่หญิง!! พี่หญิง!!”
ปังๆๆๆ!!
หญิงสาวหยิบหมอนเอามาปิดทั้งสองหู ทิ้งตัวนอนคว่ำอย่างไม่สนใจใยดี จนน้ำตาเหือดแห้งและหลับไปโดยไม่รู้ตัว
…
ไลลารู้สึกว่ามีริมฝีปากอุ่นจัดประทับลงมาที่ข้างแก้ม ก่อนจะลากผ่านมาซุกไซ้ซอกคอหอมกรุ่น ขณะที่ฝ่ามือกำลังลูบไล้สะโพกกลมมนไปมา และในบางครั้งก็บีบขยำตามแรงปรารถนา
หญิงสาวรู้สึกว่านี่เป็นความฝันที่เหมือนจริงมาก เมื่อเสื้อนอนถูกดึงขึ้นและถอดออกไปทางศีรษะ ทำให้อยู่ในสภาพเนื้อแนบเนื้อกับอีกฝ่าย ริมฝีปากร้อนผ่าวพรมจูบไปทั่วลำคอเพียงแผ่วเบา แต่กลับสร้างความวาบหวิวให้คนที่กำลังหลับใหลจนรู้สึกสยิวอย่างรุนแรงไปตามผิวอย่างห้ามไม่ได้
อื้อ~...
ปากร้อนงับเม็ดเล็กบนเนินอก ปลายลิ้นอุ่นชื้นสะกิดไล้ลงบนปลายยอด แล้วดูดดุนขบเม้มจุดอ่อนไหวทั้งสองข้าง ฝ่ามือใหญ่ข้างหนึ่งบีบเคล้นทรวงอกอวบอิ่มอย่างมันมือ
ชายหนุ่มใช้เท้าจับแยกขาทั้งสองข้างออกจากกันจนกว้าง เลื่อนปลายนิ้วกรีดผ่านรอยแยกกลางกลีบ แล้วขยับไล้วนขึ้นลงอย่างเชื่องช้า ก่อนจะค่อยๆ กดปลายนิ้วล่วงล้ำเข้าไปทีละนิด
“อื้อ!...” หญิงสาวที่อยู่ในภาวะเคลิ้มฝันส่งเสียงในลำคอออกมา เมื่อนิ้วเรียวยาวกดลึกเข้ามาจนสุดแล้วควานหาปุ่มกระสันที่ซ่อนอยู่ภายใน
“อาา~..” เสียงหวานครางออกมาอย่างไม่อาจควบคุม ขณะที่นิ้วร้ายขยับเข้าออกสลับกับการถูไถบริเวณปุ่มกระสันที่อยู่ภายในซ้ำๆ สัมผัสที่วาบหวามแผ่ซ่านไปทั่วร่าง เป็นจังหวะเดียวกับการขบเม้มดูดดึงที่ยอดอกอวบด้วยลิ้นร้ายของเขา ส่งผลให้ช่องทางเนื้อนิ่มภายในกายของหญิงสาวหดเกร็งบีบรัดไปด้วยความปรารถนา จนน้ำรักสีใสหยาดเยิ้มชุ่มไปทั้งนิ้วเมื่อเขาถอนออกมา จากนั้นก็จับท่อนเอ็นลำใหญ่ถูไถไปมากับเนินเนื้อที่เปียกชุ่มที่บริเวณหว่างขาของเธอ แล้วพยายามดุนดันเข้าไปในซอกเนื้อที่หุบแน่น
“อ๊าา!..” หญิงสาวส่งเสียงครวญครางอย่างสุดกลั้น แผ่นหลังแอ่นสะท้านขึ้น เมื่อสัมผัสที่วาบหวามผสานกับความรู้สึกเจ็บนิดๆ เสียดแทงไปเข้าไปกายสาว แต่กลับรู้สึกดีเหลือเกิน
สัมผัสที่ทั้งร้อน และเปียกลื่นนั้น ทำให้ร่างของเธอแทบจะหลอมละลาย ร่างกายอ่อนเปลี้ยราวกับถูกดูดพลังชีวิต ส่วนฝ่ายชายนั้นก็กัดฟันแน่น ระหว่างที่พยามยามดุนดัน ท่อนลำเข้าไปในโพรงเนื้อนุ่มที่หุบสนิท ซึ่งมันแน่นขนัดจนแทบขยับไม่ได้ อกของเขาปวดหนึบ เบื้องล่างหนักอึ้งไปหมด
ชายหนุ่มกดริมฝีปากลงทาบทับกับริมฝีปากอิ่ม ตักตวงจุมพิตอย่างหิวกระหาย จากนั้นเลื่อนมือไปรั้งเอวเธอยึดไว้ให้นิ่งขณะที่เขาขยับสะโพกเข้าออกแบบจู่โจม ส่งผลให้ความรู้สึกหฤหรรษ์แผ่กระจายไปทั่วทั้งกายสาว แม้แต่ตัวเขาเองก็สั่นไหวไปด้วยเหมือนกัน
ความปรารถนาอันแสนเจ็บปวดแผ่ขยายไปทั่วเรือนร่าง เธอจึงขยับร่างพลิกไปมาอย่างกระสับกระส่าย ชายหนุ่มโอบแขนทั้งสองไปพยุงร่างเธอไว้จากด้านใต้ ก่อนจะดึงเข้ามากอดแน่นทั้งตัวพลางดุนปลายจมูกแนบชิดกับต้นคอ พร้อมขยับเคลื่อนไหวหนักหน่วงขึ้นยิ่งกว่าเดิม
“อ๊า!” เสียงหวีดร้องด้วยความรัญจวนที่ก่อตัวสูงขึ้นเรื่อยๆ ตามจังหวะการสอดแทรกนั้น ทำให้หญิงสาวรู้สึกตัวตื่นลืมตาขึ้นมาเต็มที่ ไม่มีความง่วงงุนหลงเหลืออยู่อีกไม่มีแม้ความตกใจ แต่กลับเผยสีหน้าของความสุขสมให้เขาเห็น เขาจ้องมองปฏิกิริยาตอบสนองด้วยสายตาอันเร่าร้อน
“ฝ่าบาท! รักหม่อมฉันนะเพคะ~ รักหม่อมฉันคนเดียวนะเพคะ~..นะ~” หญิงสาวส่งเสียงครางออดอ้อนร้องขอความรักโดยไม่รู้ตัวขณะที่บิดเร่าอยู่ใต้ร่างของเขา น้ำเสียงที่เล็ดรอดออกมานั้นเต็มไปด้วยความสุขสมจนแทบฟังไม่ชัด
ชายหนุ่มกระแทกกระทั้น เข้าไปด้วยจังหวะที่ทั้งแรง และลึก จนนิ้วเท้าของเธอจิกงอเข้าหากัน กระแสเพลิงพิศวาสแล่นพล่านไปทั่วทั้งร่าง ก่อนจะรวมเข้าที่ตรงกลาง และระเบิดออกอย่างรุนแรงเมื่อย่างกลายไปแตะขอบแห่งความสุขสม
“ฝ่าบาท!...อ๊าาา~” หญิงสาวกรีดเสียงร้องลั่น โพรงเนื้อนุ่มบีบรัดรอบความเป็นชายที่ยังคงไม่หยุดนิ่งของเขาไว้แน่น สองแขนกอดรัดร่างกายที่เต็มไปด้วยมัดกล้ามของเขาไว้ ราวกับว่ายึดไว้เป็นหลักท่ามกลางคลื่นอารมณ์ที่กำลังโหมซัดกระหน่ำอย่างรุนแรงนี้
“อ๊ากๆๆๆ!!...อาาา~…ซี้ดดด~”
ร่างของชายหนุ่มเริ่มขยับช้าลงจนหยุดนิ่ง เม็ดเหงื่อผุดพรายทั่วทั้งร่าง คลื่นความร้อนแผ่พุ่งออกมาจากทุกส่วนของร่างกาย เขาคำรามครางเสียงต่ำที่เต็มไปด้วยกามารมณ์ออกมา ขณะที่ฉีดพ่นน้ำรักขุ่นขาวเข้าไปในช่องทางสวรรค์ พร้อมก้มลงซุกไซ้ไปทั่วซอกคอของหญิงสาวอย่างคลั่งไคล้หลงใหล
“อาาาา~..อยากจะแข็งใจให้ได้รับบทเรียนเสียบ้าง แต่ก็อดใจไว้ไม่ไหว น่าเจ็บใจนัก!!” เขาระบายความในใจออกมาด้วยเสียงที่แหบพร่า ลมหายใจหอบถี่เป่ารดหูบอบบาง ขณะขยับสะโพกขึ้นแล้วแทงสวนเข้าไปอย่างหนักหน่วงอีกสองสามครั้งเพื่อเป็นการลงโทษ ทำให้คนใต้ร่างครางออกมาเสียงแผ่ว จากนั้นก็ค่อยๆ ถอนออกมาอย่างนุ่มนวล
เสียงหวานใสหัวเราะเบาๆ อย่างชอบใจ ทำให้เขารู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาเล็กน้อย จึงรวบร่างบอบบางเข้ามาในวงแขน ดึงเข้าหาแผ่นอกเปล่าเปลือยของตัวเอง
“ยังจะหัวเราะอีก เสน่ห์ของเธอทำอะไรฉันไม่ได้หรอกนะ!”
“แต่ก็เพิ่งจะถูกเสน่ห์ของหม่อมฉันรวบตึงไปแล้วไม่ใช่หรือไง?”
ริมฝีปากของเขา เผยออ้าออกอย่างประหลาดใจ เมื่อใบหน้านวลโน้มลงมาใกล้ กลิ่นกายสาวที่ชวนให้ลุ่มหลงลอยมาแตะจมูก ฝ่ามือของเธอที่ประคองข้างแก้มของเขาชื้นไปด้วยเหงื่อ ก่อนที่จะเคล้าเคลียปลายจมูกของตัวเองกับปลายจมูกของเขา แสดงความออดอ้อนออกมาอย่างเปิดเผยความรู้สึกเป็นครั้งแรก
ชายหนุ่มแอบก่นด่าตัวเองอยู่ในใจ คิดว่าช่างไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย ที่เธอสามารถเอาชนะเขา ได้แม้แค่การสัมผัสเพียงเล็กน้อยเท่านั้น!
“หม่อมฉันรักฝ่าบาท~” ไลลาพูดไปตามความรู้สึก เธอรู้แล้วว่าเขามีความสำคัญต่อหัวใจของเธอมากขนาดไหน ทำให้วงแขนแข็งแรงกอดรัดเอวเล็กกลมกลึงแน่นขึ้นไปอีก
เมื่อถูกล่อลวง ด้วยสุ้มเสียงหวานนุ่ม แฝงความเย้ายวน นัยน์ตาสีนิลของเขาก็ราวกับมีไฟลุกโชนอยู่ภายใน มันหรี่ปรือและเต็มไปด้วยไฟปรารถนาที่ถูกปลุกเร้าขึ้นมาอีกครั้ง โดยที่เธอยังไม่ทันได้ลงมือทำอะไรเลยแม้แต่น้อย
นี่เองสินะ ที่เขาเรียกว่ามีอิทธิพลต่อความรู้สึก และมีอำนาจอยู่เหนือจิตใจ!!
รินรดานั่งเหม่อกำโทรศัพท์ไว้ในมือ หลังจากเพิ่งจะวางสายจากรามิล เขาสัญญาว่าจะรีบเคลียร์งานให้เรียบร้อย และจะตามไปหาที่เปเรซภายในสองวันเธอรู้สึกไม่สบายใจเมื่อนึกถึงความฝันเมื่อคืนที่ผ่านมา แสงสว่างที่ลอยละล่องในความมืดส่องมาที่เธอ พร้อมกับเสียงกระซิบที่แผ่วเบาแต่ชัดเจน เสียงนั้นไม่ใช่เสียงของใครในโลกนี้ มันเหมือนเสียงที่มาจากที่ไกลโพ้น ฟังดูทั้งใกล้และไกลในเวลาเดียวกัน ‘ถึงเวลาแล้ว…จงทำตามสัญญา’หญิงสาวไม่ได้บอกใครว่าหลังจากที่เธอ และพี่ชายฟื้นขึ้นมา เธอได้เห็นถึงความศักดิ์สิทธิ์ของหินพ่อมดลาบราดอไลต์ ด้วยความสงสัยและความหวัง เธอแอบพระมารดาเข้าไปในห้องลับ ท่องบทสวดที่เธอแอบจดเอาไว้ และอธิษฐานถึงสิ่งที่อยากรู้ที่สุดในชีวิตตอนนั้น นั่นก็คือการตามหาครอบครัวที่แท้จริงจากนั้นเธอก็ฝันซ้ำๆ เดิมๆ อยู่หลายครั้งจนมาถึงปัจจุบัน ไม่รู้ว่าบุคคลในฝันเป็นใคร เธอจำเรื่องราวได้ รู้ว่าคนในฝันเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย แต่จำหน้าไม่ได้เลยสักคน และครั้งที่ไปโรงพยาบาลจนเกิดอาการใจสั่น แล้วเจ็บแปลบอย่างรุนแรง จนหมดสติไปในครั้งนั้น ก็ทำให้เธอได้เห็นผู้หญิง ที่มีหน้าตาเหมือนเธอราวกับฝาแฝดชัดเจนเป็นครั้งแรก ในห้วงฝ
กัปตันลุกขึ้นแล้วเดินออกประตูไปก่อน ผงกศีรษะให้นิดหนึ่งเมื่อเห็นพริมโรสยืนอยู่หน้าประตู เจ้าชายอิสราร์ยืนมองหญิงสาวผ่านช่องประตูห้องนักบินอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอื้อมมือมาคว้าแขนเรียวเล็กดึงเข้ามาปะทะอกกว้าง รวบร่างบางเข้ามากอดรัดอย่างแนบแน่น ฝ่ามือข้างหนึ่งประคองไว้หลังศีรษะ แล้วบดขยี้ริมฝีปากร้อนระอุกับริมฝีปากนุ่มอย่างหิวกระหาย เร่าร้อนและดุเดือด เพราะอะดรีนาลีนที่หลั่งออกมาหลังจากเพิ่งจะผ่านเหตุการณ์เฉียดตาย กระตุ้นให้อารมณ์ของเขาพลุ่งพล่าน“อื้อ!..” ปลายลิ้นเงอะงะถูกดูดดุนและเกี่ยวกระหวัดไว้ด้วยลิ้นเร่าร้อนของอีกฝ่ายโดยไม่เปิดโอกาสให้ได้พักหายใจ ทำให้เกิดเสียงประท้วงแผ่วๆ ในลำคอ“ที่รัก~..ผมรักคุณ” เขาถอนริมฝีปากออก กระซิบเสียงแหบพร่าแนบชิดกับริมฝีปากนุ่มอุ่น เรียวลิ้นไล่ระไปบนริมฝีปากของอีกฝ่าย ก่อนประทับริมฝีปากลงมาอีกครั้ง หญิงสาวยกท่อนแขนขึ้นโอบรอบลำคอเขาไว้ ตอบรับจุมพิตด้วยจังหวะที่สอดรับกันเป็นอย่างดี เบียดร่างบอบบางเข้าแนบชิดร่างกำยำอย่างออดอ้อน ฝ่ามือหนาของเขาลูบไล้ไปตามแผ่นหลังไล่ลงไปถึงโค้งสะโพกกลมมนแล้วกดเข้าหาลำตัวตามแรงอารมณ์ที่กำลังเพิ่มมากขึ้น“เอ่อ..ทูลฝ่าบาท พายุท
ไลลานอนตัวอ่อนระทวยอยู่ครู่หนึ่ง สักพักก็ขยับตัวยกศีรษะขึ้นมานอนหนุนแขนแข็งแรงข้างหนึ่งของสามี เบียดเรือนร่างบอบบางเข้าชิดเพื่อขอความอบอุ่นจากร่างกายของเขา ซึ่งชายหนุ่มเองก็เพิ่งผ่อนคลายจากอาการหัวใจเต้นแรง หายใจหอบเหนื่อย เขาพลิกตัวตะแคง รั้งต้นขาของหญิงสาว ให้ขึ้นมาก่ายเกยอยู่ครึ่งๆ บนร่างกายของเขา ขาของเธอเบียดชิดจนเขารู้สึกอบอุ่นและชุ่มชื้นในซอกลี้ลับ ไล้ฝ่ามือจากโค้งสะโพกเลยมาถึงต้นขา ลูบผิวเรียบเนียนไปมาเบาๆ เป็นจังหวะอย่างเพลิดเพลิน พร้อมๆ กับปลอบโยนให้เธอคลายความอ่อนเพลีย เพื่อเข้าสู่โหมดพักผ่อน “ฝ่าบาทเพคะ?” “หืม?” ชายหนุ่มผงกศีรษะขึ้นมองอย่างแปลกใจเมื่อได้ยินเสียงของอีกฝ่าย ซึ่งเขาคิดว่าน่าจะเคลิ้มหลับไปแล้ว“คืนนี้เนญ่าเขาประกาศว่าจะเข้าหอกับฝ่าบาท แล้วทำไมพระองค์ถึงมาหาหม่อมฉันล่ะเพคะ?”“ก็ไม่อยากจะมา ตั้งใจจะสั่งสอนให้รู้สำนึกเสียหน่อยว่า การผลักดันให้ผัวไปมีผู้หญิงอื่น โดยไม่เต็มใจนั้นน่ะมันจะให้ผลยังไง แต่เผอิญว่าเห็นคนบางคน น้ำตาคลอเบ้าเลยมาดูเสียหน่อย ไม่รู้ว่าเสแสร้งแกล้งทำ หรือรู้จักที่จะหึงหวงผัวขึ้นมาบ้างแล้ว!”“หึงจริงๆ น่ะแหละเพคะ” ไลลายอมรับออกไปตรงๆ ถึงแม้ใ
“ตรวจสอบชายสองคนที่สิบสองนาฬิกา ประตูทางเข้าด้านนอก ในมือถือผ้าสีดำห่อหุ้มวัตถุลักษณะเป็นแท่งยาวทรงกระบอก เปลี่ยน!”“แลนด์โรเวอร์สีดำขับเข้ามาจอดหน้าประตูทางเข้าออกของพนักงานชั้นใต้ดินสองคัน คันหนึ่งประมาณห้าคนใส่ชุดพนักงานรักษาความปลอดภัยเดินเข้าไปด้านใน มีอาวุธปืนติดตัว เปลี่ยน!”“ประตูทางออกอาคารผู้โดยสารหนึ่งที่เก้านาฬิกา พนักงานรักษาความปลอดภัยกำลังลากโซ่ตะปูเรือใบมาขวางถนน คาดว่าไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของสนามบิน เปลี่ยน!”“ประตูทางออกฉุกเฉินของอาคารผู้โดยสารสอง ทางสะดวก ชาลีทีมเตรียมพร้อม รอรับคำสั่ง เปลี่ยน!” เสียงรายงานผ่านวิทยุสื่อสารเข้ามาเป็นระยะๆ หลังจากที่กระจายกำลังไปประจำตามจุดสำคัญต่างๆ เพื่อสังเกตความเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้าม“พวกมันเริ่มทยอยกันเข้ามาแล้ว แจ้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้เตรียมอพยพประชาชนหากมีเหตุฉุกเฉิน! แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจกับดับเพลิงหรือยัง?”“เรียบร้อยแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”“อืม ถ้าพร้อมแล้วก็ไปกันตอนนี้เลย!”“รับคำสั่ง!” องครักษ์รับคำสั่งแล้วแจ้งแต่ละทีมผ่านวิทยุสื่อสารทันที “อัลฟ่าทีมเคลียร์พื้นที่ บราโวเตรียมรถบรรทุกเปิดทางออกแล้วรอรับคำสั่ง ชาลีทีมวีไอพีเ
ความร้ายกาจของบิดาที่เธอได้ยินจากปากของคนอื่น เป็นเหมือนหนามแหลมคม ที่คอยทิ่มแทงจิตใจอยู่ตลอด แต่กระบวนการให้อภัย พยายามดิ้นรนที่จะผลักความคิด และความรู้สึกด้านลบเหล่านี้ออกไป ด้วยการจดจ่อกับความรัก และความทรงจำดีๆ นึกถึงช่วงเวลาที่ยากลำบาก ที่เขามักจะแบกรับความเจ็บปวดเหล่านั้นไว้แทนอยู่เสมอ แล้วผลักดันให้เธอก้าวข้ามผ่านช่วงเวลาเลวร้ายนั้นไปให้ได้ ฝึกฝนเธอให้เข้มแข็ง สอนให้ยอมรับทุกความผิดพลาด และความล้มเหลว แล้วเรียนรู้ที่จะเยียวยาตัวเองเพื่อปิดกั้นทุกความเจ็บปวดเธอรู้ดีว่าการยึดติดกับความรู้สึกในทางลบ รังแต่จะเพิ่มความทุกข์ให้กับชีวิตมากขึ้น และขัดขวางไม่ให้หัวใจได้พบกับความสงบสุข แต่การที่จะละวางด้วยการให้อภัยนั้น ก็ทำให้เกิดความรู้สึกผิด ต่อบุคคลที่ต้องเสียชีวิตไปอย่างไม่เป็นธรรมนั้นด้วยเช่นกันแต่เมื่อมองในมุมกลับกัน เขาก็เป็นเพียงแค่มนุษย์คนหนึ่ง ซึ่งไม่ว่าใครก็สามารถทำผิดได้ เธอเองก็ไม่ได้รับการยกเว้น ความผิดหวังมักจะทำให้คนเราจมอยู่กับอดีต จนลืมมองความสุขที่กำลังได้รับอยู่ในปัจจุบัน และกำลังจะตามมาอีกมากมายในอนาคต จึงเป็นความคิดที่โง่เขลาอยู่ไม่ใช่น้อย ถ้าเรายังหยุดอยู่ที่ควา
“ฮัลโหล? ว่าไง?”“ไอ้ชารีฟ! ไอ้ห่วย! สายของแกทำงานยังไงวะถึงได้รายงานผิดพลาด! เป้าหมายไปเส้นทางอื่นไม่ได้เฉียดมาทางนี้เลยด้วยซ้ำ!!”“จะเป็นไปได้ยังไง? ไม่ผิดแน่ๆ!! นายดักซุ่มอยู่ที่นั่นแหละเผื่อว่าจะเป็นแผนลวง!”ชารีฟหรือณัทธร กดปุ่มตัดสาย แล้วดึงหูฟังบลูทูธออกอย่างหงุดหงิด จะเกิดการผิดพลาดไปได้ยังไง ในเมื่อเขาเพิ่งจะได้รับการยืนยันเส้นทางมาจากสายที่แฝงตัวอยู่ในกลุ่มผู้ใต้บังคับบัญชาของเชคฮ์อิสราร์เมื่อไม่กี่นาทีมานี้เองหรือว่าเปลี่ยนเส้นทางกระทันหัน??เขาคิดว่าน่าจะมีการเปลี่ยนแปลงแบบฉุกเฉินมากกว่าการที่อีกฝ่ายจะรู้ตัวว่ามีข่าวรั่วไหลชายหนุ่มยกนาฬิกาข้อมือขึ้น เพื่อดูเวลาก่อนการตัดสินใจ ในเมื่อภารกิจลอบสังหารเชคฮ์อิสราร์ได้ผิดพลาดไปแล้ว เขาเลยคิดว่าไปปิดจ๊อบหนี้เก่าของตัวเองก่อนจะดีกว่า แล้วค่อยกลับไปรายงานภารกิจที่ล้มเหลว ซึ่งถ้ารีบไปตอนนี้ก็น่าจะไปทันเวลากับที่เป้าหมายขับมาถึงในจุดที่เขากำหนดเอาไว้ในแผนพอดี…ชารีฟหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา เปิดแอพพลิเคชันที่ใช้ตรวจสอบสัญญาณจีพีเอส เพื่อหาตำแหน่งปัจจุบันของรถเป้าหมาย ซึ่งก็เห็นในแผนที่ว่ารถยนต์คันดังกล่าว กำลังจะแล่นผ่านสี่แยกไฟแดง
“ฮ่าๆๆ ไง! ถึงกลับโกรธจนตัวเนื้อสั่นเลยเหรอ เป็นยังไงบ้างล่ะ รสชาติของการสูญเสีย ขมขื่นถึงอกถึงใจดีไหม?” คำพูดประโยคนี้ของเขาทำให้หญิงสาวแน่ใจได้ทันทีว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ“ฉันเกลียดแกจนอยากจะเป็นคนถ่อย จะได้ถ่มถุยใส่หน้าส้นตึกของแกให้สาสมกับความรู้สึกขยะแขยง!” ชารีฟหรือณัทธรสะอึก เมื่อเจอความโกรธเกลียดอย่างรุนแรงจากผู้หญิงที่เขารัก“เกลียดฉันงั้นรึ? ต้องเป็นฉันไหมที่จะพูดประโยคนั้น แทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่า เธอจะลืมฉันได้อย่างง่ายดายและไปแต่งงานใหม่!"“ฉันไม่ได้แต่งงานใหม่! นี่เป็นการแต่งงานครั้งแรกและครั้งเดียวของฉัน และอะไรคือลืมได้อย่างง่ายดาย? นายหนีตายไปเป็นปีๆ แล้วฉันจะต้องไปบวชชี เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้นายด้วยอย่างนั้นรึ! เรารักกันดูดดื่มขนาดนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่? ก่อนที่นายจะฆ่าพ่อฉัน เขายังพูดไม่ให้ฉันยึดติดกับตัวเขาเลย! ตรรกะของนายมันบิดเบี้ยวเป็นเวย์เดียวกับพวกโรคจิต ที่นายกับฉันมาถึงจุดนี้เป็นเพราะการตัดสินใจเลือกของตัวเองทั้งนั้น อย่าเอาฉันมาเป็นข้ออ้างเพื่อปกปิดยีนขี้แพ้ในตัวหน่อยเลย!”“ไม่ต้องมาทำปากดียั่วอารมณ์ให้ฉันรู้สึกละอายใจหรอก คำพูดยั่วยุของ
หวอออออออ!! บรึ้ม!!เสียงไซเรนเตือนภัยทางอากาศดังยาวเพียงไม่กี่นาที ก็ถูกกลบด้วยเสียงระเบิด ที่ดังสะเทือนเลื่อนลั่นไปทั่วอาคารผู้โดยสารขาเข้าระหว่างประเทศ เสียงกรีดร้องของผู้คน ที่กำลังอยู่ในอาการประสาทสั่นขวัญผวา สอดแทรกขึ้นมาด้วยเสียงร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวดทรมานจนเกินจะรับไหวจากผู้เคราะห์ร้าย ที่แทบจะไม่เหลือเรี่ยวแรงใดๆ ให้ร้องขอความช่วยเหลือได้อีกแล้ว บางเสียงแหบระโหยอยู่ภายใต้ร่างของผู้เสียชีวิตที่เต็มไปด้วยเลือดและซากปรักหักพังทับถมกันเป็นชั้นๆ อยู่ด้านบนอย่างสยดสยองนักข่าวคนหนึ่งที่รอดตายอย่างปาฏิหาริย์ ราวกับเป็นลูกรักของพระเจ้า ทั้งๆ ที่อยู่ไกล้จุดเกิดเหตุเพียงไม่กี่เมตร ด้วยความตกใจจนลนลานทำให้มือที่ล้วงเข้าไปในเข้าไปในกระเป๋าเป้สั่นเทาไปหมด ในใจลึกๆ กำลังกระวนกระวาย เพราะกลัวจะพลาดบันทึกเหตุการณ์ระทึกขวัญไม่ทัน แต่พอควานเจอโทรศัพท์มือถืออย่างที่ต้องการ แล้วก็หยิบออกมาบันทึกภาพเหตุการณ์ตรงหน้าทันทีอย่างไม่กลัวลูกหลง นัยน์ตาคมจับจ้องผ่านจอแอลซีดี ในขณะที่ขยับมือแพนกล้อง จับภาพนาทีระทึกของผู้คนที่กำลังวิ่งหนีเอาตัวรอดกันอย่างอลหม่าน บางคนถูกวิ่งชนจนล้มไม่พอ ยังโดนเหยียบย่ำซ
“ฮ่าๆๆ ไง! ถึงกลับโกรธจนตัวเนื้อสั่นเลยเหรอ เป็นยังไงบ้างล่ะ รสชาติของการสูญเสีย ขมขื่นถึงอกถึงใจดีไหม?” คำพูดประโยคนี้ของเขาทำให้หญิงสาวแน่ใจได้ทันทีว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ“ฉันเกลียดแกจนอยากจะเป็นคนถ่อย จะได้ถ่มถุยใส่หน้าส้นตึกของแกให้สาสมกับความรู้สึกขยะแขยง!” ชารีฟหรือณัทธรสะอึก เมื่อเจอความโกรธเกลียดอย่างรุนแรงจากผู้หญิงที่เขารัก“เกลียดฉันงั้นรึ? ต้องเป็นฉันไหมที่จะพูดประโยคนั้น แทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่า เธอจะลืมฉันได้อย่างง่ายดายและไปแต่งงานใหม่!"“ฉันไม่ได้แต่งงานใหม่! นี่เป็นการแต่งงานครั้งแรกและครั้งเดียวของฉัน และอะไรคือลืมได้อย่างง่ายดาย? นายหนีตายไปเป็นปีๆ แล้วฉันจะต้องไปบวชชี เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้นายด้วยอย่างนั้นรึ! เรารักกันดูดดื่มขนาดนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่? ก่อนที่นายจะฆ่าพ่อฉัน เขายังพูดไม่ให้ฉันยึดติดกับตัวเขาเลย! ตรรกะของนายมันบิดเบี้ยวเป็นเวย์เดียวกับพวกโรคจิต ที่นายกับฉันมาถึงจุดนี้เป็นเพราะการตัดสินใจเลือกของตัวเองทั้งนั้น อย่าเอาฉันมาเป็นข้ออ้างเพื่อปกปิดยีนขี้แพ้ในตัวหน่อยเลย!”“ไม่ต้องมาทำปากดียั่วอารมณ์ให้ฉันรู้สึกละอายใจหรอก คำพูดยั่วยุของ
“ฮัลโหล? ว่าไง?”“ไอ้ชารีฟ! ไอ้ห่วย! สายของแกทำงานยังไงวะถึงได้รายงานผิดพลาด! เป้าหมายไปเส้นทางอื่นไม่ได้เฉียดมาทางนี้เลยด้วยซ้ำ!!”“จะเป็นไปได้ยังไง? ไม่ผิดแน่ๆ!! นายดักซุ่มอยู่ที่นั่นแหละเผื่อว่าจะเป็นแผนลวง!”ชารีฟหรือณัทธร กดปุ่มตัดสาย แล้วดึงหูฟังบลูทูธออกอย่างหงุดหงิด จะเกิดการผิดพลาดไปได้ยังไง ในเมื่อเขาเพิ่งจะได้รับการยืนยันเส้นทางมาจากสายที่แฝงตัวอยู่ในกลุ่มผู้ใต้บังคับบัญชาของเชคฮ์อิสราร์เมื่อไม่กี่นาทีมานี้เองหรือว่าเปลี่ยนเส้นทางกระทันหัน??เขาคิดว่าน่าจะมีการเปลี่ยนแปลงแบบฉุกเฉินมากกว่าการที่อีกฝ่ายจะรู้ตัวว่ามีข่าวรั่วไหลชายหนุ่มยกนาฬิกาข้อมือขึ้น เพื่อดูเวลาก่อนการตัดสินใจ ในเมื่อภารกิจลอบสังหารเชคฮ์อิสราร์ได้ผิดพลาดไปแล้ว เขาเลยคิดว่าไปปิดจ๊อบหนี้เก่าของตัวเองก่อนจะดีกว่า แล้วค่อยกลับไปรายงานภารกิจที่ล้มเหลว ซึ่งถ้ารีบไปตอนนี้ก็น่าจะไปทันเวลากับที่เป้าหมายขับมาถึงในจุดที่เขากำหนดเอาไว้ในแผนพอดี…ชารีฟหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา เปิดแอพพลิเคชันที่ใช้ตรวจสอบสัญญาณจีพีเอส เพื่อหาตำแหน่งปัจจุบันของรถเป้าหมาย ซึ่งก็เห็นในแผนที่ว่ารถยนต์คันดังกล่าว กำลังจะแล่นผ่านสี่แยกไฟแดง
ความร้ายกาจของบิดาที่เธอได้ยินจากปากของคนอื่น เป็นเหมือนหนามแหลมคม ที่คอยทิ่มแทงจิตใจอยู่ตลอด แต่กระบวนการให้อภัย พยายามดิ้นรนที่จะผลักความคิด และความรู้สึกด้านลบเหล่านี้ออกไป ด้วยการจดจ่อกับความรัก และความทรงจำดีๆ นึกถึงช่วงเวลาที่ยากลำบาก ที่เขามักจะแบกรับความเจ็บปวดเหล่านั้นไว้แทนอยู่เสมอ แล้วผลักดันให้เธอก้าวข้ามผ่านช่วงเวลาเลวร้ายนั้นไปให้ได้ ฝึกฝนเธอให้เข้มแข็ง สอนให้ยอมรับทุกความผิดพลาด และความล้มเหลว แล้วเรียนรู้ที่จะเยียวยาตัวเองเพื่อปิดกั้นทุกความเจ็บปวดเธอรู้ดีว่าการยึดติดกับความรู้สึกในทางลบ รังแต่จะเพิ่มความทุกข์ให้กับชีวิตมากขึ้น และขัดขวางไม่ให้หัวใจได้พบกับความสงบสุข แต่การที่จะละวางด้วยการให้อภัยนั้น ก็ทำให้เกิดความรู้สึกผิด ต่อบุคคลที่ต้องเสียชีวิตไปอย่างไม่เป็นธรรมนั้นด้วยเช่นกันแต่เมื่อมองในมุมกลับกัน เขาก็เป็นเพียงแค่มนุษย์คนหนึ่ง ซึ่งไม่ว่าใครก็สามารถทำผิดได้ เธอเองก็ไม่ได้รับการยกเว้น ความผิดหวังมักจะทำให้คนเราจมอยู่กับอดีต จนลืมมองความสุขที่กำลังได้รับอยู่ในปัจจุบัน และกำลังจะตามมาอีกมากมายในอนาคต จึงเป็นความคิดที่โง่เขลาอยู่ไม่ใช่น้อย ถ้าเรายังหยุดอยู่ที่ควา
“ตรวจสอบชายสองคนที่สิบสองนาฬิกา ประตูทางเข้าด้านนอก ในมือถือผ้าสีดำห่อหุ้มวัตถุลักษณะเป็นแท่งยาวทรงกระบอก เปลี่ยน!”“แลนด์โรเวอร์สีดำขับเข้ามาจอดหน้าประตูทางเข้าออกของพนักงานชั้นใต้ดินสองคัน คันหนึ่งประมาณห้าคนใส่ชุดพนักงานรักษาความปลอดภัยเดินเข้าไปด้านใน มีอาวุธปืนติดตัว เปลี่ยน!”“ประตูทางออกอาคารผู้โดยสารหนึ่งที่เก้านาฬิกา พนักงานรักษาความปลอดภัยกำลังลากโซ่ตะปูเรือใบมาขวางถนน คาดว่าไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของสนามบิน เปลี่ยน!”“ประตูทางออกฉุกเฉินของอาคารผู้โดยสารสอง ทางสะดวก ชาลีทีมเตรียมพร้อม รอรับคำสั่ง เปลี่ยน!” เสียงรายงานผ่านวิทยุสื่อสารเข้ามาเป็นระยะๆ หลังจากที่กระจายกำลังไปประจำตามจุดสำคัญต่างๆ เพื่อสังเกตความเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้าม“พวกมันเริ่มทยอยกันเข้ามาแล้ว แจ้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้เตรียมอพยพประชาชนหากมีเหตุฉุกเฉิน! แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจกับดับเพลิงหรือยัง?”“เรียบร้อยแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”“อืม ถ้าพร้อมแล้วก็ไปกันตอนนี้เลย!”“รับคำสั่ง!” องครักษ์รับคำสั่งแล้วแจ้งแต่ละทีมผ่านวิทยุสื่อสารทันที “อัลฟ่าทีมเคลียร์พื้นที่ บราโวเตรียมรถบรรทุกเปิดทางออกแล้วรอรับคำสั่ง ชาลีทีมวีไอพีเ
ไลลานอนตัวอ่อนระทวยอยู่ครู่หนึ่ง สักพักก็ขยับตัวยกศีรษะขึ้นมานอนหนุนแขนแข็งแรงข้างหนึ่งของสามี เบียดเรือนร่างบอบบางเข้าชิดเพื่อขอความอบอุ่นจากร่างกายของเขา ซึ่งชายหนุ่มเองก็เพิ่งผ่อนคลายจากอาการหัวใจเต้นแรง หายใจหอบเหนื่อย เขาพลิกตัวตะแคง รั้งต้นขาของหญิงสาว ให้ขึ้นมาก่ายเกยอยู่ครึ่งๆ บนร่างกายของเขา ขาของเธอเบียดชิดจนเขารู้สึกอบอุ่นและชุ่มชื้นในซอกลี้ลับ ไล้ฝ่ามือจากโค้งสะโพกเลยมาถึงต้นขา ลูบผิวเรียบเนียนไปมาเบาๆ เป็นจังหวะอย่างเพลิดเพลิน พร้อมๆ กับปลอบโยนให้เธอคลายความอ่อนเพลีย เพื่อเข้าสู่โหมดพักผ่อน “ฝ่าบาทเพคะ?” “หืม?” ชายหนุ่มผงกศีรษะขึ้นมองอย่างแปลกใจเมื่อได้ยินเสียงของอีกฝ่าย ซึ่งเขาคิดว่าน่าจะเคลิ้มหลับไปแล้ว“คืนนี้เนญ่าเขาประกาศว่าจะเข้าหอกับฝ่าบาท แล้วทำไมพระองค์ถึงมาหาหม่อมฉันล่ะเพคะ?”“ก็ไม่อยากจะมา ตั้งใจจะสั่งสอนให้รู้สำนึกเสียหน่อยว่า การผลักดันให้ผัวไปมีผู้หญิงอื่น โดยไม่เต็มใจนั้นน่ะมันจะให้ผลยังไง แต่เผอิญว่าเห็นคนบางคน น้ำตาคลอเบ้าเลยมาดูเสียหน่อย ไม่รู้ว่าเสแสร้งแกล้งทำ หรือรู้จักที่จะหึงหวงผัวขึ้นมาบ้างแล้ว!”“หึงจริงๆ น่ะแหละเพคะ” ไลลายอมรับออกไปตรงๆ ถึงแม้ใ
กัปตันลุกขึ้นแล้วเดินออกประตูไปก่อน ผงกศีรษะให้นิดหนึ่งเมื่อเห็นพริมโรสยืนอยู่หน้าประตู เจ้าชายอิสราร์ยืนมองหญิงสาวผ่านช่องประตูห้องนักบินอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอื้อมมือมาคว้าแขนเรียวเล็กดึงเข้ามาปะทะอกกว้าง รวบร่างบางเข้ามากอดรัดอย่างแนบแน่น ฝ่ามือข้างหนึ่งประคองไว้หลังศีรษะ แล้วบดขยี้ริมฝีปากร้อนระอุกับริมฝีปากนุ่มอย่างหิวกระหาย เร่าร้อนและดุเดือด เพราะอะดรีนาลีนที่หลั่งออกมาหลังจากเพิ่งจะผ่านเหตุการณ์เฉียดตาย กระตุ้นให้อารมณ์ของเขาพลุ่งพล่าน“อื้อ!..” ปลายลิ้นเงอะงะถูกดูดดุนและเกี่ยวกระหวัดไว้ด้วยลิ้นเร่าร้อนของอีกฝ่ายโดยไม่เปิดโอกาสให้ได้พักหายใจ ทำให้เกิดเสียงประท้วงแผ่วๆ ในลำคอ“ที่รัก~..ผมรักคุณ” เขาถอนริมฝีปากออก กระซิบเสียงแหบพร่าแนบชิดกับริมฝีปากนุ่มอุ่น เรียวลิ้นไล่ระไปบนริมฝีปากของอีกฝ่าย ก่อนประทับริมฝีปากลงมาอีกครั้ง หญิงสาวยกท่อนแขนขึ้นโอบรอบลำคอเขาไว้ ตอบรับจุมพิตด้วยจังหวะที่สอดรับกันเป็นอย่างดี เบียดร่างบอบบางเข้าแนบชิดร่างกำยำอย่างออดอ้อน ฝ่ามือหนาของเขาลูบไล้ไปตามแผ่นหลังไล่ลงไปถึงโค้งสะโพกกลมมนแล้วกดเข้าหาลำตัวตามแรงอารมณ์ที่กำลังเพิ่มมากขึ้น“เอ่อ..ทูลฝ่าบาท พายุท
รินรดานั่งเหม่อกำโทรศัพท์ไว้ในมือ หลังจากเพิ่งจะวางสายจากรามิล เขาสัญญาว่าจะรีบเคลียร์งานให้เรียบร้อย และจะตามไปหาที่เปเรซภายในสองวันเธอรู้สึกไม่สบายใจเมื่อนึกถึงความฝันเมื่อคืนที่ผ่านมา แสงสว่างที่ลอยละล่องในความมืดส่องมาที่เธอ พร้อมกับเสียงกระซิบที่แผ่วเบาแต่ชัดเจน เสียงนั้นไม่ใช่เสียงของใครในโลกนี้ มันเหมือนเสียงที่มาจากที่ไกลโพ้น ฟังดูทั้งใกล้และไกลในเวลาเดียวกัน ‘ถึงเวลาแล้ว…จงทำตามสัญญา’หญิงสาวไม่ได้บอกใครว่าหลังจากที่เธอ และพี่ชายฟื้นขึ้นมา เธอได้เห็นถึงความศักดิ์สิทธิ์ของหินพ่อมดลาบราดอไลต์ ด้วยความสงสัยและความหวัง เธอแอบพระมารดาเข้าไปในห้องลับ ท่องบทสวดที่เธอแอบจดเอาไว้ และอธิษฐานถึงสิ่งที่อยากรู้ที่สุดในชีวิตตอนนั้น นั่นก็คือการตามหาครอบครัวที่แท้จริงจากนั้นเธอก็ฝันซ้ำๆ เดิมๆ อยู่หลายครั้งจนมาถึงปัจจุบัน ไม่รู้ว่าบุคคลในฝันเป็นใคร เธอจำเรื่องราวได้ รู้ว่าคนในฝันเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย แต่จำหน้าไม่ได้เลยสักคน และครั้งที่ไปโรงพยาบาลจนเกิดอาการใจสั่น แล้วเจ็บแปลบอย่างรุนแรง จนหมดสติไปในครั้งนั้น ก็ทำให้เธอได้เห็นผู้หญิง ที่มีหน้าตาเหมือนเธอราวกับฝาแฝดชัดเจนเป็นครั้งแรก ในห้วงฝ
“อะไรนะ!! แล้วได้ลงจอดฉุกเฉินไหม? งั้นถ้าจำเป็นต้องเปลี่ยนแผนโยกย้ายคนจากรัฐดีไปรัฐอีก็ดำเนินการได้เลย! อืม..ฉันอยู่บนเครื่องบินแล้ว คงจะถึงไล่ๆ กัน!...ได้!…เอาตามนั้น!”เจ้าชายอิดรีสชะงักมือที่กำลังวางโทรศัพท์บนโต๊ะหัวเตียง ขณะที่ปรายหางตาเห็นหุ่นอรชรอ้อนแอ้นกำลังเยื้องกรายเข้ามาในห้องด้วยกิริยาท่าทางที่ยั่วยวนหญิงสาวเข้ามายืนห่างจากเตียงไปประมาณหนึ่งช่วงแขน ค่อยๆ ปลดอาภรณ์ออกจากตัวทีละชิ้นอย่างเชื่องช้า พร้อมช้อนสายตาขึ้นมองชายหนุ่มอย่างเย้ายวนชวนเชิญเจ้าชายอิดรีสหยิบหมอนสองใบมาซ้อนหลัง นั่งกึ่งเอนพิงพนักหัวเตียงพาดแขนไว้บนเข่าข้างหนึ่งที่ตั้งชันขึ้น หรี่ตามองด้วยสีหน้าเรียบเฉยแต่ดูเยือกเย็น กิริยาภายนอกยังคงสงบนิ่ง รอบกายยังเผยความเย่อหยิ่งจองหองออกมาด้วยเขาเหลือบตามองนาฬิกาที่โต๊ะหัวเตียง ทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายเลือกเวลาได้เหมาะเจาะ ไลลาไปสั่งงานกับเด็กรับใช้ได้สักพักใหญ่ๆ แล้ว และคงกำลังใกล้จะกลับมา เลยเปิดโอกาสให้น้องสาวสวมบทบาทน้องรักหักเหลี่ยมโหดเพื่อทำร้ายจิตใจผู้เป็นพี่ได้อย่างถูกที่ถูกเวลา เขาปล่อยให้อีกฝ่ายทำตามใจ โดยไม่ได้ปริปากเอ่ยทักท้วง เพื่อจะรอดูว่าเธอจะเปิดเผยเนื้อตั
"ฝ่าบาท! แย่แล้วเพคะ! กัปตันถูกทำร้ายขอความช่วยเหลือจากฝ่าบาทด่วนเลยเพคะ!" เจ้าชายอิสราร์ลุกพรวดขึ้น พริมโรสผวาลุกตามแล้วพยุงแขนเขาไว้ข้างหนึ่ง"เกิดอะไรขึ้น?" ชายหนุ่มถามขณะก้าวเท้าออกเดินได้ไม่เร็วนัก มือเรียวจึงจับแขนเขายกขึ้นแล้วก้มตัวลอดศีรษะเข้าไปใต้แขนแข็งแรง ก่อนจะวางแขนเขาให้เกาะไหล่เธอไว้เพื่อช่วยพยุง ทำให้ชายหนุ่มเดินได้เร็วขึ้นกว่าเดิม"นักบินผู้ช่วยลอบทำร้ายกัปตันเพคะ! โชคดีว่าอยู่ในความสูงที่กัปตันเปิดโหมดออโต้ไพลอทเอาไว้ ทันทีที่เกิดเรื่องเขากดอันล็อกประตูทำให้พวกเราได้ยินเสียงและเข้าไปช่วยเหลือเขาไว้ได้ทันเวลา ตอนนี้องครักษ์ลากตัวหมอนั่นออกไปแล้วเพคะ!""ทำไมไม่ตามนักบินเสริมให้ขึ้นมาแทน?""หม่อมฉันไปปลุกแล้วไม่ตื่นเลยทั้งสองคน ไฟล์ทเนิร์ซกำลังดูอาการพวกเขาอยู่ กัปตันเลยให้มาขอความช่วยเหลือจากฝ่าบาทเพคะ!"ลูกเรือต่างก็เห็นพ้องต้องกันทุกคนว่า นาทีนี้ไม่มีใครจะเหมาะสมเท่ากับเจ้านายพระองค์นี้อีกแล้ว เขามีชั่วโมงบินของการเป็นนักบินเอฟสามสิบห้า ของกองทัพรวมห้าพันแปดสิบห้าชั่วโมง ในจำนวนนี้ มีชั่วโมงของการทำหน้าที่นักบินผู้ช่วย อยู่แปดร้อยแปดสิบสี่ชั่วโมงกับเครื่องบินรุ่นนี้