ความร้ายกาจของบิดาที่เธอได้ยินจากปากของคนอื่น เป็นเหมือนหนามแหลมคม ที่คอยทิ่มแทงจิตใจอยู่ตลอด แต่กระบวนการให้อภัย พยายามดิ้นรนที่จะผลักความคิด และความรู้สึกด้านลบเหล่านี้ออกไป ด้วยการจดจ่อกับความรัก และความทรงจำดีๆ นึกถึงช่วงเวลาที่ยากลำบาก ที่เขามักจะแบกรับความเจ็บปวดเหล่านั้นไว้แทนอยู่เสมอ แล้วผลักดันให้เธอก้าวข้ามผ่านช่วงเวลาเลวร้ายนั้นไปให้ได้ ฝึกฝนเธอให้เข้มแข็ง สอนให้ยอมรับทุกความผิดพลาด และความล้มเหลว แล้วเรียนรู้ที่จะเยียวยาตัวเองเพื่อปิดกั้นทุกความเจ็บปวด
เธอรู้ดีว่าการยึดติดกับความรู้สึกในทางลบ รังแต่จะเพิ่มความทุกข์ให้กับชีวิตมากขึ้น และขัดขวางไม่ให้หัวใจได้พบกับความสงบสุข แต่การที่จะละวางด้วยการให้อภัยนั้น ก็ทำให้เกิดความรู้สึกผิด ต่อบุคคลที่ต้องเสียชีวิตไปอย่างไม่เป็นธรรมนั้นด้วยเช่นกัน
แต่เมื่อมองในมุมกลับกัน เขาก็เป็นเพียงแค่มนุษย์คนหนึ่ง ซึ่งไม่ว่าใครก็สามารถทำผิดได้ เธอเองก็ไม่ได้รับการยกเว้น ความผิดหวังมักจะทำให้คนเราจมอยู่กับอดีต จนลืมมองความสุขที่กำลังได้รับอยู่ในปัจจุบัน และกำลังจะตามมาอีกมากมายในอนาคต จึงเป็นความคิดที่โง่เขลาอยู่ไม่ใช่น้อย ถ้าเรายังหยุดอยู่ที่ความเสียใจซ้ำๆ เดิมๆ ที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ใดๆ เลยกับชีวิต
บิดาเคยสอนเธอว่า..ผู้หญิงฉลาดควรตัดสินใจ โดยคำนึงถึงเหตุและผล ชั่งน้ำหนักทั้งข้อดีและข้อเสีย พิจารณาอย่างรอบคอบถึงผลกระทบที่จะมีต่อชีวิต สิ่งสำคัญที่สุดคือการเลือกในสิ่งที่ดีสำหรับตัวเอง ซึ่งอาจจะไม่ใช่สิ่งที่ดีที่สุด แต่สิ่งนั้นจะไม่ทำให้ตัวเอง และผู้อื่นต้องเดือดร้อนอย่างแน่นอน
พริมโรสทบทวนจนตกตะกอนทางความคิด ในที่สุดก็ตัดสินใจได้อย่างเด็ดขาด เธอไม่สามารถเปลี่ยนแปลงในสิ่งที่ผ่านพ้นไปแล้ว แต่สามารถเปลี่ยนวิธีการตอบสนอง ต่อสิ่งเหล่านั้นได้ด้วยความสมดุล โดยใช้ความมีเหตุและผลเป็นตัวชี้นำ
หญิงสาวเงยหน้าขึ้น สบตาของบิดาที่กำลังมองอยู่อย่างเข้าใจ เธอมองเห็นความห่วงใยภายใต้ดวงตาล้ำลึกนั้นได้อย่างชัดเจน และรับรู้ได้ว่าหลังจากที่ปลดปล่อยความเจ็บปวดเหล่านั้นทิ้งไปได้แล้ว ความรู้สึกทุกสิ่งทุกอย่างที่เคยมีต่อเขา ก็ยังคงเป็นเหมือนเช่นเดิม โดยเฉพาะนิสัยต่อปากต่อคำที่ชอบกวนอารมณ์เขาอยู่บ่อยๆ ก็ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยนแปลงไปเลยแม้แต่น้อย
"น่าแปลกใจ… ที่พ่อสามารถหลุดรอด เงื้อมมือของตำรวจสากลมาได้!"
“หึ! พอปฏิบัติการล้มเหลว ก็จะโยนตราบาปของสังคมมาให้ฉันต้องรับผิดชอบ ใครจะยอมอยู่เฉยๆ เป็นแพะรับบาปให้พวกมันลากไปเชือดฟรีๆ ล่ะ แกเห็นฉันไร้น้ำยาขนาดนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“ถ้าไม่ใช่เป็นเพราะฝีมือตก พ่อก็คงรู้ตัวก่อนที่จะเข้าไปเป็นแมลงเม่าให้เขาต้อนไปเข้ากองไฟแล้วล่ะ! เห็นอยู่ชัดๆ ว่าอายุมากแล้ว ความเฉียบคมก็เลยลดลงไปด้วย ถึงเวลาที่ควรจะหลีกทางให้คลื่นลูกใหม่ที่ชั่วร้ายกว่าขึ้นมาแทนที่ได้แล้ว!”
“ทำไมฉันรู้สึกเหมือนถูกแกหลอกด่า?”
สองคนด้านหน้า เมื่อเห็นพ่อลูกคุยกัน เป็นภาษาที่เขาไม่เข้าใจก็พยายามหันมามองเป็นระยะๆ แต่เมื่อเห็นว่าไม่ได้มีอะไรที่ผิดปกติก็ไม่หันมาอีก มีเพียงอาการเอียงหูฟัง และสังเกตการณ์อย่างเงียบๆ
“เอาล่ะ! มาเคลียร์เรื่องของเราเสียที! เหมือนว่าแกจะรู้อะไรบางอย่างมาแต่ไม่กล้าถามฉันตรงๆ ใช่ไหม?”
"ค่ะ..หนูไม่รู้ว่าควรจะพูดหรือรู้สึกอย่างไรดี ใจหนึ่งก็อยากจะเกลียดกับสิ่งที่พ่อทำลงไป แต่อีกใจก็รู้สึกขอบคุณสำหรับสิ่งที่พ่อทำให้หนู"
"เรื่องที่จะสามารถทำให้แกแสดงสีหน้า กลืนไม่เข้าคายไม่ออกแบบนี้กับฉันได้ คงจะเกี่ยวพันกับตัวฉัน และจะต้องร้ายแรงจนกระทบจิตใจมากพอสมควร อย่าบอกนะว่าเป็นเรื่องพ่อกับแม่ของแกน่ะ!”
“ใช่เลยค่ะ..พ่อยังเก่งเรื่องอ่านใจหนูออกได้อีกตามเคย หนูรู้ว่าพ่อมีความจำเป็นบางอย่าง ที่เป็นแรงจูงใจให้ทำลงไปอย่างนั้น แต่พอจะอธิบายให้หนูเข้าใจหน่อยได้ไหมว่า ความจำเป็นนั้นคืออะไร?” คำถามของลูกสาวทำให้เขานิ่งไปครู่หนึ่ง พลางนึกย้อนไปถึงสาเหตุอันสุดแสนจะขมขื่นในตอนนั้น ก่อนจะพูดด้วยเสียงที่เนิบช้า ราวกับกำลังรู้สึกเจ็บปวดที่ต้องจะเอ่ยออกมาอีกครั้ง
“ฉันเข้าใจ.. มันเป็นสถานการณ์ที่ยากลำบาก และซับซ้อน แต่ฉันก็อยากให้แกรู้ว่าฉันเสียใจจริงๆ สำหรับเรื่องแม่ของแก แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับพ่อของแก ฉันไม่เคยเสียใจเลยสักนิด ถึงจะมีโอกาสให้เลือกอีกกี่ครั้ง ฉันก็จะไม่เปลี่ยนแปลงอะไรทั้งนั้น!"
“ทำไมคะ? เพราะอะไรพ่อถึงได้โกรธเกลียดเขานักหนา?”
"ฉันไม่ได้อยากพูด เพื่อชี้นำให้แกรู้สึกไม่ดีกับพ่อคนนั้นของแกหรอกนะ แต่มันก็เป็นความจริง ความแสนดีของแม่แก ไม่ได้ทำให้คนโสมมอย่างนั้นหยุดสร้างตำนานได้ เขามีด้านมืดที่ใช้การผูกสัมพันธ์กับผู้หญิง เพื่อหาประโยชน์ให้ตัวเอง และจะทำทุกวิถีทาง เพื่อให้ได้มาในสิ่งที่เขาต้องการ ไม่ว่าจะใช้วิธีหลอกลวง เพื่อทำลายความสัมพันธ์ของใครก็ตาม ไม่เว้นแม้แต่การใส่ร้ายเพื่อนเพื่อแสวงหาความสุขและอำนาจ ฉันไม่เคยใส่ใจเรื่องด้านมืดของเขามาก่อนเลย จนกระทั่งมาโดนเข้ากับตัวเอง”
"แล้วพ่อล่ะคะ? มีพฤติกรรมที่แตกต่างจากเขาตรงไหนกัน หรือว่าพ่อไม่เคยคิดหาผลประโยชน์จากหนูเลย ไม่เคยคิดที่จะเอาตัวหนูไปแลกกับอำนาจวาสนาบ้าบอที่ว่านั่น!"
"ดูเหมือนแกจะรู้มาหลายอย่างเลยสินะ? แต่ถ้าฉันบอกว่าฉันทำเพื่อหลักประกันของเราทั้งสองคนในอนาคตล่ะ จะเชื่อไหม?"
"ด้วยการส่งตัวหนูไปเข้าฮาเร็มเพื่อบำเรอกามเนี่ยนะ! นี่มันตรรกะอะไรกัน? หลักประกันในชีวิตของหนู หาได้จากในฮาเร็มที่เดียวหรือไง?" น้ำเสียงของหญิงสาวดังขึ้นกว่าเดิมโดยไม่รู้ตัว จนคนที่อยู่ข้างหน้าเธอ ต้องหันมามองด้วยความสงสัยว่ากำลังทะเลาะกันอยู่หรือเปล่า
“นี่มันยุคดิจิทัลดิสรัปชั่นแล้วนะคะ! ถึงพ่อจะเลี้ยงดูหนูมา แต่ก็ไม่มีสิทธิ์มาละเมิดสิทธิการตัดสินใจ หรือเลือกทางเดินชีวิตแทนหนู ทำไมต้องมาเจ้ากี้เจ้าการคิดแทนว่า หนูจะมีความสุขกับการได้เป็นเมียน้อยคนอื่น! ตอนที่ได้ยินเรื่องนี้หนูแทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเป็นความคิดของพ่อ หนูรู้ว่าพ่อห่วงหนูจากใจจริง แต่ในทางกลับกัน พ่อก็ดีดลูกคิดคำนวณ เรื่องของตัวเองไปด้วยใช่ไหมล่ะ!”
“แกพูดถูก! ฉันทำผิดมหันต์ที่ทำลงไปโดยไม่ปรึกษาแกก่อน ซ้ำยังไปหลงเชื่อลมปากของเขามากเกินไป จนลืมพิจารณาองค์ประกอบอื่นๆ โดยรวมรอบๆ ตัวของเขา แต่เหนือสิ่งอื่นใด ฉันไม่อยากให้แกถูกลากมาเกี่ยวข้องกับเรื่องเลวร้ายนี้ การมีผู้มีอิทธิพลคอยสนับสนุนอยู่เบื้องหลัง ย่อมทำให้ชีวิตของแกปลอดภัยกว่าการต้องสู้อยู่คนเดียวเป็นแน่!”
“ใครว่าหนูจะสู้คนเดียว!”
“อย่าบอกนะว่า..เพราะแกยังมีฉันอยู่? ฉันจะหายใจไปอีกนานแค่ไหนก็ยังไม่รู้เลย!”
“หนูไม่พูดประโยคเลี่ยนๆ อะไรแบบนั้นออกมาหรอก!”
“ถ้าไม่ใช่ฉันแล้วจะเป็นใครไปได้ หรือว่า?...” เขาปล่อยคำพูดขาดหาย หันมาเบิกตาโพลงเลิกคิ้วขึ้นสูงอย่างคาดไม่ถึง
“เขาเป็นสามีของหนู” หญิงสาวพูดสิ่งที่บิดากำลังคิดออกมาให้ได้ยินชัดๆ
“อะไรนะ!!!”
“จะอะไรล่ะ! แค่หนูมีหลัวพ่อจำเป็นต้องตกใจขนาดนั้นเลย?”
“แล้วไม่ควรตกใจหรือไง?!? ฉันส่งแกมาทำงานนะ เอาเวลาที่ไหนไปมีหลัวกัน!!”
“ก็เรื่องราวมันออกจะสลับซับซ้อน เวลาสั้นๆ อธิบายไม่หมดหรอก!”
“นี่คือสาเหตุที่แกเดินตามเขาต้อยๆ ไปทีแลนด์ เหมือนลูกหมาเดินตามเจ้าของสินะ!”
“หนูไปทำงานต่างหาก มันคือข้อแลกเปลี่ยน!”
“แล้วนี่จะทำยังไงล่ะ? ฉันรับปากเขาไปแล้ว ถ้าผิดคำพูดมีหวังโดนหั่นจนเละไปทั้งตัวแน่ๆ!”
“พ่อก็ต้องร่วมมือกับหนู ไม่งั้นหนูจะไม่อภัยให้!”
“ฮึ! คนอย่างฉันต้องขอความเห็นใจจากแกด้วยหรือไง?” หญิงสาวแอบหัวเราะในใจ เพราะเขาพูดออกมาอย่างหยิ่งยโสตามนิสัย ซึ่งลูกสาวอย่างเธอรู้ดีว่ามันเป็นเพียงแค่เปลือกนอกเท่านั้น เธอเห็นมาตั้งแต่เด็กแล้วว่า เขาเป็นตาแก่ที่ปากไม่ตรงกับใจมากแค่ไหน
“เรื่องของพ่อคนนั้นที่เสียชีวิต หนูไม่อยากเก็บมาคิดให้ปวดใจ เพราะไม่มีความทรงจำอะไรที่เกี่ยวกับเขาเลย แต่กับแม่…”
“แกคิดว่าฉันสั่งฆ่าแม่แก?”
“หนูก็ได้ยินมาอย่างนั้น!”
“ฉันเปล่า!! ไอ้หมอนั่นมันทำเกินคำสั่ง ฉันบอกแค่ว่าให้ไปหยุดแม่แกไว้อย่าให้ไปที่สำนักงานกลางฯได้ ไม่ได้พูดสักคำว่าให้ไปฆ่าปิดปาก แม่แกไม่ได้ไปที่นั่นเพื่อจะเปิดโปงฉัน แต่กำลังจะเอาหลักฐานที่ฉันเก็บรวบรวมไว้ไปให้ท่านนายกฯ เพื่อช่วยฉันจากการถูกใส่ร้ายห่วยๆ ต่างหากล่ะ!”
อะไรกันนี่!! ทำไมถึงได้พลิกจากหน้ามือเป็นหลังเท้าแบบนี้ล่ะ?? อย่างกับหนังคนละม้วน!!
พริมโรสกระพริบตาปริบๆ รู้สึกตกใจกับสิ่งที่ได้ยินจากปากของบิดา และเขาก็ไม่เคยพูดโกหกกับเธอเลยสักครั้ง
“แล้วนี่..ไม่เท่ากับว่าแม่ต้องมาตายๆ ฟรีๆ เพราะความเข้าใจผิดงั้นรึ?”
“ฉันถึงได้ตามเล่นงานมัน จนต้องไปหาที่ตายในดงระเบิดยังไงล่ะ!!”
“เอ้อ!..หนูเพิ่งจะนึกออก นายจอมทัพทรยศพวกเราจริงๆ หรือคะ?”
"หึ! ไม่ใช่! คิดแล้วยังเจ็บใจไม่หาย ไม่รู้ว่าไอ้กากเดนตัวไหนเอาข้อมูลลับของฉันไปเปิดโปงจนดีลล่ม ทำให้คนของเราต้องมาตายฟรี! แต่ที่แน่ๆ ไอ้หมาตัวนั้นมันต้องร่วมมือกับองค์กรภราดรภาพแน่ๆ! พวกมันหาโอกาสที่จะล้มล้างอำนาจของฉันในสายงานมานานแล้ว!"
พริมโรสได้ยินดังนั้นก็เหมือนจะนึกรู้ว่าคนผู้นั้นเป็นใคร คนที่ทำได้อย่างนั้นต้องเป็นคนที่รู้จักพ่อของเธอเป็นอย่างดี และต้องรู้วิธีที่จะฟันขาเก้าอี้ของเขาให้ขาดได้ภายในดาบเดียวด้วย
"บอกหนูได้ไหมคะว่าพ่อกำลังร่วมมือกับใครในเปเรซ?"
"องค์กรลับฮาริรี"
"องค์กรลับฮาริรี? องค์กรนี้หรือคะที่อยู่เบื้องหลังทุนมหาศาลสำหรับวิจัยอาวุธชีวภาพในทีแลนด์!"
"ใช่!"
"หนูนึกว่าพ่อร่วมมือกับสหพันธ์เฮชบุลเสียอีก! เพราะเคยเห็นว่าพ่อติดต่อกับท่านอักมัล!"
"ท่านอักมัลไม่ใช่ผู้นำสหพันธ์ฯ อัชรอฟผู้เป็นพี่ตะหากที่อยู่เบื้องหลัง ได้ยื่นข้อเสนอในการร่วมมือมาทางฉันเป็นการส่วนตัว และพร้อมที่จะออฟเฟอร์ให้มากกว่าองค์กรลับฮาริรีเสียอีก แต่แนวคิดของสหพันธ์ฯ คือล้มล้างอำนาจรัฐบาลต่อต้านราชวงศ์ เป็นกลุ่มอำนาจของฝ่ายตรงข้าม รวมถึงมีพันธมิตรเป็นประเทศคู่แข่งที่สนับสนุนกองกำลังก่อการร้ายแบ่งแยกดินแดน ซึ่งฉันไม่อยากจะร่วมมือด้วยอยู่แล้ว อีกอย่างรัฐบาลฝ่ายเราก็ได้เซ็นสัญญาร่วมมือกับรัฐบาลเปเรซ ไปก่อนหน้าที่ท่านอักมัลจะติดต่อมาเสียอีก!”
“แต่ว่า…” พริมโรสชะงัก เมื่อบิดาสะกิดที่ต้นขาแล้วมองไปทางข้างหน้า เธอหันไปมองตาม เลยเห็นชายคนที่นั่งข้างหน้ากำลังหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเพื่อกดบันทึกเสียง เธอเลยต้องเปลี่ยนเรื่องที่จะซักถาม คงเป็นเพราะเธอเผลอเอ่ยคำพูดที่พวกเขาคุ้นหูขึ้นมา
“แต่ว่า.. ทำไมพ่อถึงมาที่นี่คะ จะมาเกลี้ยกล่อมหนูให้เต็มใจไปเป็นนางในฮาเร็มหรือไง?”
“ใช่! ฮ่าๆๆ เขาบอกให้ฉันมาคุมแกเสียเอง แกจะได้เชื่อฟังและไม่พยายามหาทางหนีไปเสียก่อน”
“แล้วพ่อก็ทำตาม?”
“ฉันมีเรื่องจะคุยกับแกอยู่พอดี ก็เลยรับปากเขา”
“จะไม่บอกให้หนูรู้สักหน่อยหรือคะว่าเขาเป็นใคร?.. พ่อ!! ระวัง!!”
พริมโรสตะโกนสุดเสียงด้วยความตกใจ นัยน์ตาเบิกโตกว้าง มือข้างหนึ่งรีบดึงแขนบิดาเข้าหาตัว เมื่อเห็นรถบรรทุกพ่วงสิบแปดล้อแล่นฝ่าสัญญาณไฟแดงเข้ามากลางสี่แยกด้วยความเร็วสูงโดยไม่มีการแตะเบรก
โครมมมม!!
คนขับรถตกใจที่หญิงสาวตะโกนขึ้นมา จึงหันไปมองทางซ้ายมือตัวเองตามสัญชาตญาณ เลยทันได้เห็นรถพ่วงมฤตยูกำลังขับตรงมาโดยไม่มีทีท่าว่าจะชะลอความเร็วลงแม้แต่น้อย ความตกใจทำให้เขาเกิดปฏิกิริยาตอบสนองด้วยการกระทืบคันเร่งลงไปจนเต็มเท้า แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังหลบไม่พ้น รถพ่วงตีนผีพุ่งเข้าชนท้ายรถอย่างจังจนเกิดเสียงกระแทกดังสนั่นหวั่นไหว ตัวรถกระเด็นออกไปทางด้านข้าง แล้วหมุนควงอย่างควบคุมทิศทางไม่ได้ ก่อนจะหยุดลงเกือบชิดเกาะกลางถนนในที่สุด
หลังจากรถพ่วงสิบแปดนรกพุ่งฝ่าไฟแดงจนก่อวีรกรรมความบรรลัยขึ้นมาแล้ว ก็ดูเหมือนว่าจะชะลอช้าลงอยู่ชั่วเสี้ยวนาทีแต่ก็ไม่ได้หยุด สุดท้ายก็แล่นมุ่งหน้าต่อไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
…………………….
Digital Disruption คือ การเปลี่ยนแปลงแบบฉับพลันด้วยดิจิทัล เป็นการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นจากเทคโนโลยีดิจิทัล ที่พัฒนาขึ้นถึงจุดที่สร้างนวัตกรรมใหม่ให้เกิดขึ้น ซึ่งเป็นได้ทั้งผลิตภัณฑ์แพลตฟอร์ม หรือโมเดล
“ฮัลโหล? ว่าไง?”“ไอ้ชารีฟ! ไอ้ห่วย! สายของแกทำงานยังไงวะถึงได้รายงานผิดพลาด! เป้าหมายไปเส้นทางอื่นไม่ได้เฉียดมาทางนี้เลยด้วยซ้ำ!!”“จะเป็นไปได้ยังไง? ไม่ผิดแน่ๆ!! นายดักซุ่มอยู่ที่นั่นแหละเผื่อว่าจะเป็นแผนลวง!”ชารีฟหรือณัทธร กดปุ่มตัดสาย แล้วดึงหูฟังบลูทูธออกอย่างหงุดหงิด จะเกิดการผิดพลาดไปได้ยังไง ในเมื่อเขาเพิ่งจะได้รับการยืนยันเส้นทางมาจากสายที่แฝงตัวอยู่ในกลุ่มผู้ใต้บังคับบัญชาของเชคฮ์อิสราร์เมื่อไม่กี่นาทีมานี้เองหรือว่าเปลี่ยนเส้นทางกระทันหัน??เขาคิดว่าน่าจะมีการเปลี่ยนแปลงแบบฉุกเฉินมากกว่าการที่อีกฝ่ายจะรู้ตัวว่ามีข่าวรั่วไหลชายหนุ่มยกนาฬิกาข้อมือขึ้น เพื่อดูเวลาก่อนการตัดสินใจ ในเมื่อภารกิจลอบสังหารเชคฮ์อิสราร์ได้ผิดพลาดไปแล้ว เขาเลยคิดว่าไปปิดจ๊อบหนี้เก่าของตัวเองก่อนจะดีกว่า แล้วค่อยกลับไปรายงานภารกิจที่ล้มเหลว ซึ่งถ้ารีบไปตอนนี้ก็น่าจะไปทันเวลากับที่เป้าหมายขับมาถึงในจุดที่เขากำหนดเอาไว้ในแผนพอดี…ชารีฟหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา เปิดแอพพลิเคชันที่ใช้ตรวจสอบสัญญาณจีพีเอส เพื่อหาตำแหน่งปัจจุบันของรถเป้าหมาย ซึ่งก็เห็นในแผนที่ว่ารถยนต์คันดังกล่าว กำลังจะแล่นผ่านสี่แยกไฟแดง
“ฮ่าๆๆ ไง! ถึงกลับโกรธจนตัวเนื้อสั่นเลยเหรอ เป็นยังไงบ้างล่ะ รสชาติของการสูญเสีย ขมขื่นถึงอกถึงใจดีไหม?” คำพูดประโยคนี้ของเขาทำให้หญิงสาวแน่ใจได้ทันทีว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ“ฉันเกลียดแกจนอยากจะเป็นคนถ่อย จะได้ถ่มถุยใส่หน้าส้นตึกของแกให้สาสมกับความรู้สึกขยะแขยง!” ชารีฟหรือณัทธรสะอึก เมื่อเจอความโกรธเกลียดอย่างรุนแรงจากผู้หญิงที่เขารัก“เกลียดฉันงั้นรึ? ต้องเป็นฉันไหมที่จะพูดประโยคนั้น แทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่า เธอจะลืมฉันได้อย่างง่ายดายและไปแต่งงานใหม่!"“ฉันไม่ได้แต่งงานใหม่! นี่เป็นการแต่งงานครั้งแรกและครั้งเดียวของฉัน และอะไรคือลืมได้อย่างง่ายดาย? นายหนีตายไปเป็นปีๆ แล้วฉันจะต้องไปบวชชี เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้นายด้วยอย่างนั้นรึ! เรารักกันดูดดื่มขนาดนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่? ก่อนที่นายจะฆ่าพ่อฉัน เขายังพูดไม่ให้ฉันยึดติดกับตัวเขาเลย! ตรรกะของนายมันบิดเบี้ยวเป็นเวย์เดียวกับพวกโรคจิต ที่นายกับฉันมาถึงจุดนี้เป็นเพราะการตัดสินใจเลือกของตัวเองทั้งนั้น อย่าเอาฉันมาเป็นข้ออ้างเพื่อปกปิดยีนขี้แพ้ในตัวหน่อยเลย!”“ไม่ต้องมาทำปากดียั่วอารมณ์ให้ฉันรู้สึกละอายใจหรอก คำพูดยั่วยุของ
หวอออออออ!! บรึ้ม!!เสียงไซเรนเตือนภัยทางอากาศดังยาวเพียงไม่กี่นาที ก็ถูกกลบด้วยเสียงระเบิด ที่ดังสะเทือนเลื่อนลั่นไปทั่วอาคารผู้โดยสารขาเข้าระหว่างประเทศ เสียงกรีดร้องของผู้คน ที่กำลังอยู่ในอาการประสาทสั่นขวัญผวา สอดแทรกขึ้นมาด้วยเสียงร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวดทรมานจนเกินจะรับไหวจากผู้เคราะห์ร้าย ที่แทบจะไม่เหลือเรี่ยวแรงใดๆ ให้ร้องขอความช่วยเหลือได้อีกแล้ว บางเสียงแหบระโหยอยู่ภายใต้ร่างของผู้เสียชีวิตที่เต็มไปด้วยเลือดและซากปรักหักพังทับถมกันเป็นชั้นๆ อยู่ด้านบนอย่างสยดสยองนักข่าวคนหนึ่งที่รอดตายอย่างปาฏิหาริย์ ราวกับเป็นลูกรักของพระเจ้า ทั้งๆ ที่อยู่ไกล้จุดเกิดเหตุเพียงไม่กี่เมตร ด้วยความตกใจจนลนลานทำให้มือที่ล้วงเข้าไปในเข้าไปในกระเป๋าเป้สั่นเทาไปหมด ในใจลึกๆ กำลังกระวนกระวาย เพราะกลัวจะพลาดบันทึกเหตุการณ์ระทึกขวัญไม่ทัน แต่พอควานเจอโทรศัพท์มือถืออย่างที่ต้องการ แล้วก็หยิบออกมาบันทึกภาพเหตุการณ์ตรงหน้าทันทีอย่างไม่กลัวลูกหลง นัยน์ตาคมจับจ้องผ่านจอแอลซีดี ในขณะที่ขยับมือแพนกล้อง จับภาพนาทีระทึกของผู้คนที่กำลังวิ่งหนีเอาตัวรอดกันอย่างอลหม่าน บางคนถูกวิ่งชนจนล้มไม่พอ ยังโดนเหยียบย่ำซ
“เหตุระเบิดท่าอากาศยานนานาชาติเอวาเปเรซ สร้างความเสียหายให้แก่บริเวณรับสัมภาระ ของอาคารผู้โดยสารขาเข้าระหว่างประเทศ จากกล้องวงจรปิดได้จับภาพฝูงโดรนคามิกาเซที่บินร่อนอยู่เหนือท่าอากาศยานอยู่หลายนาที ก่อนที่จะร่อนลงสู่เป้าหมาย และจุดระเบิดขึ้นเหตุระเบิดดังกล่าว ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อยสามสิบห้าราย และได้รับบาดเจ็บมากกว่าหนึ่งร้อยแปดสิบราย จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ ปรากฏว่าได้มีผู้โดยสายหายไปจากรายชื่อห้าคน และหนึ่งในนั้นคือพระชนนีขององค์สุลต่าน ซึ่งแหล่งที่มาของการโจมตีดังกล่าวยังไม่ชัดเจน แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงคาดการณ์ว่ากลุ่มผู้ก่อการร้ายกลุ่มนี้ อาจเป็นผู้ทำสงครามโมเสลมจากสมาชิกอัลเคดาสาขาเปเรซ ถึงแม้ข้อมูลเหล่านั้นยังไม่ได้รับการยืนยันก็ตาม ขณะนี้เจ้าหน้าที่ทหาร และตำรวจกำลังอยู่ระหว่างการไล่ล่ากลุ่มผู้ก่อการร้าย”เสียงในทีวี รายงานข่าวภาษาอาหรับ เกี่ยวกับสถานการณ์การระเบิดสนามบิน บริเวณอาคารผู้โดยสารขาเข้า และได้ลักพาตัวประกันไปด้วย เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลทำตามข้อตกลง ตามมาด้วยข่าวการประท้วงที่หน้าสถานทูต เพื่อกดดันและเรียกร้องให้รัฐบาลและฝ่ายผู้ก่อการร้ายยุติสงครามกล
ติ๊ง!!ประตูลิฟต์เปิดออกที่ชั้นหนึ่ง ชายหนุ่มหันไปมองทันที เมื่อได้ยินเสียง เขาหายใจเข้าแรงแล้วสะดุดไปในทันที เมื่อเห็นหญิงสาวเอวบางร่างน้อย นัยน์ตากลมโต ใบหน้าคมหวาน ผมดำยาวสลวยสยายเต็มหลัง สวมชุดแม็กซี่เดรสสีขาวปักฉลุลายดอกไม้ตัวยาวจนถึงข้อเท้า แขนยาวสามส่วนเลียนแบบชุดอาบายะห์ แต่จะออกไปในสไตล์ตะวันตกมากกว่า ซึ่งเข้ากันได้ดีกับรองเท้าผ้าหุ้มส้นพิมพ์ลายดอกไม้วินเทจสีเทา กำลังเดินเข็นกระเป๋าเดินทางออกมาจากลิฟต์ รูปร่างหน้าตาของหญิงสาวโดดเด่นเสียจนดึงดูดสายตาของผู้คนทั้งชายและหญิง ที่นั่งอยู่ในล็อบบี้ให้มองมาอย่างสนใจใคร่รู้ ดวงตาคมกริบล้ำลึกของชายหนุ่ม กำลังถูกตรึงจนไม่อาจถอนสายตาไปมองที่อื่นได้ พูดอะไรไม่ออกอยู่ชั่วครู่ราวกับวิญญาณของเขาก็กำลังถูกดูดกลืนหายไปด้วยเสียอย่างนั้น ก่อนที่จะได้สติเมื่อหญิงสาวเดินเข้ามาใกล้ เขาจึงรีบลุกขึ้นเดินเข้าไปทักทายด้วยหัวใจที่กำลังเต้นรัวแรง “มิสนรากร?” เขาทักขึ้นก่อน เพื่อยืนยันว่าใช่คนที่กำลังรออยู่หรือเปล่านัยน์ตากลมโตมองชายหนุ่ม ที่มีใบหน้าเต็มไปด้วยหนวดเคราจนดูครึ้มไปหมด แต่กลับรู้สึกสะดุดที่นัยน์ตายาวรีคู่นั้น ถึงแม้จะดูคมกริบดุดันในนาทีแรก
พริมโรสรู้สึกหิวน้ำ จึงลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงีย พยายามตั้งสติอยู่ชั่วครู่ โฟกัสไปรอบๆ ห้อง คิดอยู่ในใจว่าน่าจะเป็นบ้านของโฮสต์เลยคลายความระวังตัว ลุกขึ้นเดินจะไปเปิดประตู แต่แล้วก็ต้องชะงัก เมื่อสายตาไปปะทะกับร่างสูงที่นอนหลับสนิทเหยียดยาวอยู่บนโซฟาหญิงสาวระงับความไม่พอใจเอาไว้ หลังจากได้คิดว่าคงเป็นการแสดงบทบาทให้สมจริงของเขาอีกแล้ว เพื่อให้ข้อมูลสอดคล้องกันตั้งแต่เริ่มแรก เธอมองเขาด้วยสายตาเฉยเมย ก่อนที่จะเปิดประตูออกไปข้างนอก“มิสนรากร สวัสดีตอนเช้าค่ะ” พริมโรสคิดในใจว่าผู้หญิงหน้าตาเป็นมิตรคนนี้คงจะเป็นภรรยาเจ้าของบ้าน จึงยิ้มตอบอย่างอบอุ่น“สวัสดีตอนเช้าค่ะ มิสซิสซัลมาใช่ไหมคะ?”“ค่ะ ฉันชื่ออัลวานี ส่วนสามีฉันบาซิม” บาซิมซึ่งอยู่ไม่ไกล หันมายิ้มอย่างสุภาพ พริมโรสยิ้มตอบ แล้วผงกศีรษะนิดหนึ่ง“เรียกฉันว่าพริมก็ได้ค่ะ เอ่อ..พอดีหิวน้ำ อยากจะหาน้ำดื่มสักแก้ว”“อ๋อ ได้สิคะ น้ำเย็นหรือน้ำอุ่นดีคะ?” อัลวานีกุลีกุจอหยิบแก้วใสทรงดอกทิวลิปมาวางตรงหน้าพร้อมจานรอง“อะไรก็ได้ค่ะ”“งั้นแนะนำให้เป็นชาดีกว่า ชาวเปเรซชอบดื่มชาค่ะ จะมีติดบ้านไว้เสมอ”“ได้ค่ะ ขอบคุณ” อัลวานีเดินกระฉับกระเฉงไป
พริมโรสนอนหอบหายใจแรงอยู่กับพื้น ในขณะที่มือทั้งสองข้างถูกเขากดไว้ข้างตัว ขาทั้งสองข้างถูกทับไว้ด้วยขาของเขาจนยกแทบไม่ขึ้น“จะยอมได้หรือยัง? พยศเป็นม้าบ้าเลยนี่!”“คุณมันชอบเอาชนะผู้หญิง! หาความเป็นสุภาพบุรุษไม่มี!” หญิงสาวตะโกนตอบโต้ทั้งๆ ที่ยังหายใจหอบ“แล้วสุภาพสตรีที่ไหน เขาเล่นแรงกันแบบนี้ล่ะ! ถ้าสู้ไม่ได้อาจถึงขั้นพิการได้เลยนะ!”“ใครใช้ให้คุณมาทำรุ่มร่ามกับฉันล่ะ! คุณมันทุเรศ! ไอ้คนบ้า! ไอ้หน้ารังแกผู้หญิง!”“ถ้าไม่เลิกสบถใส่ผม คุณโดนดีแน่!”“กล้าดีก็ลองดู! ฉันจะอัดไอ้หนูคุณให้น่วมจนพิการเลย! ไอ้คน.. อื๊อ!”พริมโรสตกใจเพราะเขากดจุมพิตหนักหน่วงลงมาทั้งๆ ที่ยังพูดไม่จบ เป็นจุมพิตที่ต้องการจะลงโทษ มากกว่าจะอยู่ในอารมณ์พิศวาสเธอพยายามจะดิ้นหนี แต่ก็สู้แรงที่แข็งดังหินของเขาไม่ได้ จึงทำได้เพียงเบี่ยงศีรษะออก เป็นผลให้เขาไถลจุมพิตลงมาที่ข้างแก้ม แล้วไล้เลยมาถึงซอกคอ จู่ๆ แรงจุมพิตของเขาอ่อนโยนขึ้นอย่างเห็นได้ชัด วนเวียนซุกไซ้ไปมาอย่างหลงไหล เธอดิ้นขลุกขลักอยู่เป็นครู่ ทำได้แค่ดึงขาออกจากการพันธนาการได้เท่านั้นขณะที่เขากำลังไล้จุมพิตมาถึงแอ่งหลังใบหู ประตูห้องก็เปิดออก ทั้งสี่ชีวิตย
“ยังไม่หายโกรธผมอีกรึ?” อิฟราอิมเดินตามมาทัน จึงรั้งแขนไว้ แล้วจับไหล่ให้หันมาเผชิญหน้า แต่หญิงสาวเบี่ยงตัวออก“ฉันดูลักษณะเหมือนคนเจ้าคิดเจ้าแค้นอย่างนั้นหรือ?” หญิงสาวพูดด้วยสีหน้าเฉยเมย ไร้ความรู้สึก“ไม่เอาน่า! เราเป็นทีมเดียวกันไม่ใช่หรือไง? โกรธกันข้ามวันมันไม่ดีต่อความสัมพันธ์นะ”“ผู้พันคะ! ฉันคิดว่าคุณจะอินกับบทบาทมากเกินไปหน่อยแล้ว ฉันจะขอบคุณมาก..ถ้าเราจะทำให้สถานที่นี้ปลอดจากยุงที่เกิดมาจากบทละครน้ำเน่าของคุณ! แค่นี้ฉันก็เบื่อจนถึงรังไข่แล้ว…อึ๊!”หญิงสาวตกใจไม่ทันป้องกันตัว เมื่อเขาดันตัวเธอติดผนัง จับข้อมือทั้งสองข้างของเธอยกขึ้น แล้วรวบไว้ด้วยมือข้างเดียว ใช้มืออีกข้างปิดปากที่กำลังพร่ำบ่นไม่หยุด “ผมจะเลี้ยงอาหารที่แพงที่สุดในเมืองนี้เพื่อเป็นการไถ่โทษดีไหม?” ชายหนุ่มพยายามต่อรองพริมโรสได้ยินดังนั้นก็ชะงักขาที่กำลังจะยกตั้งขึ้นเพื่อทำการใหญ่ เขาปล่อยมือที่ปิดปากออก แต่ยังคงจับข้อมือสองข้างรั้งไว้“ก็..ก็ยุติธรรมดี แต่ไม่ใช่ว่าคนอย่างฉันจะเห็นแก่กิน หรือติดสินบนอะไรได้ง่ายๆ หรอกนะ อย่าเข้าใจผิด! แค่อยากเรียนรู้เรื่องวัฒนธรรมอาหารการกินของคนที่นี่ก็แค่นั้น!” อิฟราอิมเบ้ป
“ฮ่าๆๆ ไง! ถึงกลับโกรธจนตัวเนื้อสั่นเลยเหรอ เป็นยังไงบ้างล่ะ รสชาติของการสูญเสีย ขมขื่นถึงอกถึงใจดีไหม?” คำพูดประโยคนี้ของเขาทำให้หญิงสาวแน่ใจได้ทันทีว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ“ฉันเกลียดแกจนอยากจะเป็นคนถ่อย จะได้ถ่มถุยใส่หน้าส้นตึกของแกให้สาสมกับความรู้สึกขยะแขยง!” ชารีฟหรือณัทธรสะอึก เมื่อเจอความโกรธเกลียดอย่างรุนแรงจากผู้หญิงที่เขารัก“เกลียดฉันงั้นรึ? ต้องเป็นฉันไหมที่จะพูดประโยคนั้น แทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่า เธอจะลืมฉันได้อย่างง่ายดายและไปแต่งงานใหม่!"“ฉันไม่ได้แต่งงานใหม่! นี่เป็นการแต่งงานครั้งแรกและครั้งเดียวของฉัน และอะไรคือลืมได้อย่างง่ายดาย? นายหนีตายไปเป็นปีๆ แล้วฉันจะต้องไปบวชชี เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้นายด้วยอย่างนั้นรึ! เรารักกันดูดดื่มขนาดนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่? ก่อนที่นายจะฆ่าพ่อฉัน เขายังพูดไม่ให้ฉันยึดติดกับตัวเขาเลย! ตรรกะของนายมันบิดเบี้ยวเป็นเวย์เดียวกับพวกโรคจิต ที่นายกับฉันมาถึงจุดนี้เป็นเพราะการตัดสินใจเลือกของตัวเองทั้งนั้น อย่าเอาฉันมาเป็นข้ออ้างเพื่อปกปิดยีนขี้แพ้ในตัวหน่อยเลย!”“ไม่ต้องมาทำปากดียั่วอารมณ์ให้ฉันรู้สึกละอายใจหรอก คำพูดยั่วยุของ
“ฮัลโหล? ว่าไง?”“ไอ้ชารีฟ! ไอ้ห่วย! สายของแกทำงานยังไงวะถึงได้รายงานผิดพลาด! เป้าหมายไปเส้นทางอื่นไม่ได้เฉียดมาทางนี้เลยด้วยซ้ำ!!”“จะเป็นไปได้ยังไง? ไม่ผิดแน่ๆ!! นายดักซุ่มอยู่ที่นั่นแหละเผื่อว่าจะเป็นแผนลวง!”ชารีฟหรือณัทธร กดปุ่มตัดสาย แล้วดึงหูฟังบลูทูธออกอย่างหงุดหงิด จะเกิดการผิดพลาดไปได้ยังไง ในเมื่อเขาเพิ่งจะได้รับการยืนยันเส้นทางมาจากสายที่แฝงตัวอยู่ในกลุ่มผู้ใต้บังคับบัญชาของเชคฮ์อิสราร์เมื่อไม่กี่นาทีมานี้เองหรือว่าเปลี่ยนเส้นทางกระทันหัน??เขาคิดว่าน่าจะมีการเปลี่ยนแปลงแบบฉุกเฉินมากกว่าการที่อีกฝ่ายจะรู้ตัวว่ามีข่าวรั่วไหลชายหนุ่มยกนาฬิกาข้อมือขึ้น เพื่อดูเวลาก่อนการตัดสินใจ ในเมื่อภารกิจลอบสังหารเชคฮ์อิสราร์ได้ผิดพลาดไปแล้ว เขาเลยคิดว่าไปปิดจ๊อบหนี้เก่าของตัวเองก่อนจะดีกว่า แล้วค่อยกลับไปรายงานภารกิจที่ล้มเหลว ซึ่งถ้ารีบไปตอนนี้ก็น่าจะไปทันเวลากับที่เป้าหมายขับมาถึงในจุดที่เขากำหนดเอาไว้ในแผนพอดี…ชารีฟหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา เปิดแอพพลิเคชันที่ใช้ตรวจสอบสัญญาณจีพีเอส เพื่อหาตำแหน่งปัจจุบันของรถเป้าหมาย ซึ่งก็เห็นในแผนที่ว่ารถยนต์คันดังกล่าว กำลังจะแล่นผ่านสี่แยกไฟแดง
ความร้ายกาจของบิดาที่เธอได้ยินจากปากของคนอื่น เป็นเหมือนหนามแหลมคม ที่คอยทิ่มแทงจิตใจอยู่ตลอด แต่กระบวนการให้อภัย พยายามดิ้นรนที่จะผลักความคิด และความรู้สึกด้านลบเหล่านี้ออกไป ด้วยการจดจ่อกับความรัก และความทรงจำดีๆ นึกถึงช่วงเวลาที่ยากลำบาก ที่เขามักจะแบกรับความเจ็บปวดเหล่านั้นไว้แทนอยู่เสมอ แล้วผลักดันให้เธอก้าวข้ามผ่านช่วงเวลาเลวร้ายนั้นไปให้ได้ ฝึกฝนเธอให้เข้มแข็ง สอนให้ยอมรับทุกความผิดพลาด และความล้มเหลว แล้วเรียนรู้ที่จะเยียวยาตัวเองเพื่อปิดกั้นทุกความเจ็บปวดเธอรู้ดีว่าการยึดติดกับความรู้สึกในทางลบ รังแต่จะเพิ่มความทุกข์ให้กับชีวิตมากขึ้น และขัดขวางไม่ให้หัวใจได้พบกับความสงบสุข แต่การที่จะละวางด้วยการให้อภัยนั้น ก็ทำให้เกิดความรู้สึกผิด ต่อบุคคลที่ต้องเสียชีวิตไปอย่างไม่เป็นธรรมนั้นด้วยเช่นกันแต่เมื่อมองในมุมกลับกัน เขาก็เป็นเพียงแค่มนุษย์คนหนึ่ง ซึ่งไม่ว่าใครก็สามารถทำผิดได้ เธอเองก็ไม่ได้รับการยกเว้น ความผิดหวังมักจะทำให้คนเราจมอยู่กับอดีต จนลืมมองความสุขที่กำลังได้รับอยู่ในปัจจุบัน และกำลังจะตามมาอีกมากมายในอนาคต จึงเป็นความคิดที่โง่เขลาอยู่ไม่ใช่น้อย ถ้าเรายังหยุดอยู่ที่ควา
“ตรวจสอบชายสองคนที่สิบสองนาฬิกา ประตูทางเข้าด้านนอก ในมือถือผ้าสีดำห่อหุ้มวัตถุลักษณะเป็นแท่งยาวทรงกระบอก เปลี่ยน!”“แลนด์โรเวอร์สีดำขับเข้ามาจอดหน้าประตูทางเข้าออกของพนักงานชั้นใต้ดินสองคัน คันหนึ่งประมาณห้าคนใส่ชุดพนักงานรักษาความปลอดภัยเดินเข้าไปด้านใน มีอาวุธปืนติดตัว เปลี่ยน!”“ประตูทางออกอาคารผู้โดยสารหนึ่งที่เก้านาฬิกา พนักงานรักษาความปลอดภัยกำลังลากโซ่ตะปูเรือใบมาขวางถนน คาดว่าไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของสนามบิน เปลี่ยน!”“ประตูทางออกฉุกเฉินของอาคารผู้โดยสารสอง ทางสะดวก ชาลีทีมเตรียมพร้อม รอรับคำสั่ง เปลี่ยน!” เสียงรายงานผ่านวิทยุสื่อสารเข้ามาเป็นระยะๆ หลังจากที่กระจายกำลังไปประจำตามจุดสำคัญต่างๆ เพื่อสังเกตความเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้าม“พวกมันเริ่มทยอยกันเข้ามาแล้ว แจ้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้เตรียมอพยพประชาชนหากมีเหตุฉุกเฉิน! แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจกับดับเพลิงหรือยัง?”“เรียบร้อยแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”“อืม ถ้าพร้อมแล้วก็ไปกันตอนนี้เลย!”“รับคำสั่ง!” องครักษ์รับคำสั่งแล้วแจ้งแต่ละทีมผ่านวิทยุสื่อสารทันที “อัลฟ่าทีมเคลียร์พื้นที่ บราโวเตรียมรถบรรทุกเปิดทางออกแล้วรอรับคำสั่ง ชาลีทีมวีไอพีเ
ไลลานอนตัวอ่อนระทวยอยู่ครู่หนึ่ง สักพักก็ขยับตัวยกศีรษะขึ้นมานอนหนุนแขนแข็งแรงข้างหนึ่งของสามี เบียดเรือนร่างบอบบางเข้าชิดเพื่อขอความอบอุ่นจากร่างกายของเขา ซึ่งชายหนุ่มเองก็เพิ่งผ่อนคลายจากอาการหัวใจเต้นแรง หายใจหอบเหนื่อย เขาพลิกตัวตะแคง รั้งต้นขาของหญิงสาว ให้ขึ้นมาก่ายเกยอยู่ครึ่งๆ บนร่างกายของเขา ขาของเธอเบียดชิดจนเขารู้สึกอบอุ่นและชุ่มชื้นในซอกลี้ลับ ไล้ฝ่ามือจากโค้งสะโพกเลยมาถึงต้นขา ลูบผิวเรียบเนียนไปมาเบาๆ เป็นจังหวะอย่างเพลิดเพลิน พร้อมๆ กับปลอบโยนให้เธอคลายความอ่อนเพลีย เพื่อเข้าสู่โหมดพักผ่อน “ฝ่าบาทเพคะ?” “หืม?” ชายหนุ่มผงกศีรษะขึ้นมองอย่างแปลกใจเมื่อได้ยินเสียงของอีกฝ่าย ซึ่งเขาคิดว่าน่าจะเคลิ้มหลับไปแล้ว“คืนนี้เนญ่าเขาประกาศว่าจะเข้าหอกับฝ่าบาท แล้วทำไมพระองค์ถึงมาหาหม่อมฉันล่ะเพคะ?”“ก็ไม่อยากจะมา ตั้งใจจะสั่งสอนให้รู้สำนึกเสียหน่อยว่า การผลักดันให้ผัวไปมีผู้หญิงอื่น โดยไม่เต็มใจนั้นน่ะมันจะให้ผลยังไง แต่เผอิญว่าเห็นคนบางคน น้ำตาคลอเบ้าเลยมาดูเสียหน่อย ไม่รู้ว่าเสแสร้งแกล้งทำ หรือรู้จักที่จะหึงหวงผัวขึ้นมาบ้างแล้ว!”“หึงจริงๆ น่ะแหละเพคะ” ไลลายอมรับออกไปตรงๆ ถึงแม้ใ
กัปตันลุกขึ้นแล้วเดินออกประตูไปก่อน ผงกศีรษะให้นิดหนึ่งเมื่อเห็นพริมโรสยืนอยู่หน้าประตู เจ้าชายอิสราร์ยืนมองหญิงสาวผ่านช่องประตูห้องนักบินอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอื้อมมือมาคว้าแขนเรียวเล็กดึงเข้ามาปะทะอกกว้าง รวบร่างบางเข้ามากอดรัดอย่างแนบแน่น ฝ่ามือข้างหนึ่งประคองไว้หลังศีรษะ แล้วบดขยี้ริมฝีปากร้อนระอุกับริมฝีปากนุ่มอย่างหิวกระหาย เร่าร้อนและดุเดือด เพราะอะดรีนาลีนที่หลั่งออกมาหลังจากเพิ่งจะผ่านเหตุการณ์เฉียดตาย กระตุ้นให้อารมณ์ของเขาพลุ่งพล่าน“อื้อ!..” ปลายลิ้นเงอะงะถูกดูดดุนและเกี่ยวกระหวัดไว้ด้วยลิ้นเร่าร้อนของอีกฝ่ายโดยไม่เปิดโอกาสให้ได้พักหายใจ ทำให้เกิดเสียงประท้วงแผ่วๆ ในลำคอ“ที่รัก~..ผมรักคุณ” เขาถอนริมฝีปากออก กระซิบเสียงแหบพร่าแนบชิดกับริมฝีปากนุ่มอุ่น เรียวลิ้นไล่ระไปบนริมฝีปากของอีกฝ่าย ก่อนประทับริมฝีปากลงมาอีกครั้ง หญิงสาวยกท่อนแขนขึ้นโอบรอบลำคอเขาไว้ ตอบรับจุมพิตด้วยจังหวะที่สอดรับกันเป็นอย่างดี เบียดร่างบอบบางเข้าแนบชิดร่างกำยำอย่างออดอ้อน ฝ่ามือหนาของเขาลูบไล้ไปตามแผ่นหลังไล่ลงไปถึงโค้งสะโพกกลมมนแล้วกดเข้าหาลำตัวตามแรงอารมณ์ที่กำลังเพิ่มมากขึ้น“เอ่อ..ทูลฝ่าบาท พายุท
รินรดานั่งเหม่อกำโทรศัพท์ไว้ในมือ หลังจากเพิ่งจะวางสายจากรามิล เขาสัญญาว่าจะรีบเคลียร์งานให้เรียบร้อย และจะตามไปหาที่เปเรซภายในสองวันเธอรู้สึกไม่สบายใจเมื่อนึกถึงความฝันเมื่อคืนที่ผ่านมา แสงสว่างที่ลอยละล่องในความมืดส่องมาที่เธอ พร้อมกับเสียงกระซิบที่แผ่วเบาแต่ชัดเจน เสียงนั้นไม่ใช่เสียงของใครในโลกนี้ มันเหมือนเสียงที่มาจากที่ไกลโพ้น ฟังดูทั้งใกล้และไกลในเวลาเดียวกัน ‘ถึงเวลาแล้ว…จงทำตามสัญญา’หญิงสาวไม่ได้บอกใครว่าหลังจากที่เธอ และพี่ชายฟื้นขึ้นมา เธอได้เห็นถึงความศักดิ์สิทธิ์ของหินพ่อมดลาบราดอไลต์ ด้วยความสงสัยและความหวัง เธอแอบพระมารดาเข้าไปในห้องลับ ท่องบทสวดที่เธอแอบจดเอาไว้ และอธิษฐานถึงสิ่งที่อยากรู้ที่สุดในชีวิตตอนนั้น นั่นก็คือการตามหาครอบครัวที่แท้จริงจากนั้นเธอก็ฝันซ้ำๆ เดิมๆ อยู่หลายครั้งจนมาถึงปัจจุบัน ไม่รู้ว่าบุคคลในฝันเป็นใคร เธอจำเรื่องราวได้ รู้ว่าคนในฝันเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย แต่จำหน้าไม่ได้เลยสักคน และครั้งที่ไปโรงพยาบาลจนเกิดอาการใจสั่น แล้วเจ็บแปลบอย่างรุนแรง จนหมดสติไปในครั้งนั้น ก็ทำให้เธอได้เห็นผู้หญิง ที่มีหน้าตาเหมือนเธอราวกับฝาแฝดชัดเจนเป็นครั้งแรก ในห้วงฝ
“อะไรนะ!! แล้วได้ลงจอดฉุกเฉินไหม? งั้นถ้าจำเป็นต้องเปลี่ยนแผนโยกย้ายคนจากรัฐดีไปรัฐอีก็ดำเนินการได้เลย! อืม..ฉันอยู่บนเครื่องบินแล้ว คงจะถึงไล่ๆ กัน!...ได้!…เอาตามนั้น!”เจ้าชายอิดรีสชะงักมือที่กำลังวางโทรศัพท์บนโต๊ะหัวเตียง ขณะที่ปรายหางตาเห็นหุ่นอรชรอ้อนแอ้นกำลังเยื้องกรายเข้ามาในห้องด้วยกิริยาท่าทางที่ยั่วยวนหญิงสาวเข้ามายืนห่างจากเตียงไปประมาณหนึ่งช่วงแขน ค่อยๆ ปลดอาภรณ์ออกจากตัวทีละชิ้นอย่างเชื่องช้า พร้อมช้อนสายตาขึ้นมองชายหนุ่มอย่างเย้ายวนชวนเชิญเจ้าชายอิดรีสหยิบหมอนสองใบมาซ้อนหลัง นั่งกึ่งเอนพิงพนักหัวเตียงพาดแขนไว้บนเข่าข้างหนึ่งที่ตั้งชันขึ้น หรี่ตามองด้วยสีหน้าเรียบเฉยแต่ดูเยือกเย็น กิริยาภายนอกยังคงสงบนิ่ง รอบกายยังเผยความเย่อหยิ่งจองหองออกมาด้วยเขาเหลือบตามองนาฬิกาที่โต๊ะหัวเตียง ทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายเลือกเวลาได้เหมาะเจาะ ไลลาไปสั่งงานกับเด็กรับใช้ได้สักพักใหญ่ๆ แล้ว และคงกำลังใกล้จะกลับมา เลยเปิดโอกาสให้น้องสาวสวมบทบาทน้องรักหักเหลี่ยมโหดเพื่อทำร้ายจิตใจผู้เป็นพี่ได้อย่างถูกที่ถูกเวลา เขาปล่อยให้อีกฝ่ายทำตามใจ โดยไม่ได้ปริปากเอ่ยทักท้วง เพื่อจะรอดูว่าเธอจะเปิดเผยเนื้อตั
"ฝ่าบาท! แย่แล้วเพคะ! กัปตันถูกทำร้ายขอความช่วยเหลือจากฝ่าบาทด่วนเลยเพคะ!" เจ้าชายอิสราร์ลุกพรวดขึ้น พริมโรสผวาลุกตามแล้วพยุงแขนเขาไว้ข้างหนึ่ง"เกิดอะไรขึ้น?" ชายหนุ่มถามขณะก้าวเท้าออกเดินได้ไม่เร็วนัก มือเรียวจึงจับแขนเขายกขึ้นแล้วก้มตัวลอดศีรษะเข้าไปใต้แขนแข็งแรง ก่อนจะวางแขนเขาให้เกาะไหล่เธอไว้เพื่อช่วยพยุง ทำให้ชายหนุ่มเดินได้เร็วขึ้นกว่าเดิม"นักบินผู้ช่วยลอบทำร้ายกัปตันเพคะ! โชคดีว่าอยู่ในความสูงที่กัปตันเปิดโหมดออโต้ไพลอทเอาไว้ ทันทีที่เกิดเรื่องเขากดอันล็อกประตูทำให้พวกเราได้ยินเสียงและเข้าไปช่วยเหลือเขาไว้ได้ทันเวลา ตอนนี้องครักษ์ลากตัวหมอนั่นออกไปแล้วเพคะ!""ทำไมไม่ตามนักบินเสริมให้ขึ้นมาแทน?""หม่อมฉันไปปลุกแล้วไม่ตื่นเลยทั้งสองคน ไฟล์ทเนิร์ซกำลังดูอาการพวกเขาอยู่ กัปตันเลยให้มาขอความช่วยเหลือจากฝ่าบาทเพคะ!"ลูกเรือต่างก็เห็นพ้องต้องกันทุกคนว่า นาทีนี้ไม่มีใครจะเหมาะสมเท่ากับเจ้านายพระองค์นี้อีกแล้ว เขามีชั่วโมงบินของการเป็นนักบินเอฟสามสิบห้า ของกองทัพรวมห้าพันแปดสิบห้าชั่วโมง ในจำนวนนี้ มีชั่วโมงของการทำหน้าที่นักบินผู้ช่วย อยู่แปดร้อยแปดสิบสี่ชั่วโมงกับเครื่องบินรุ่นนี้