ไลลานอนตัวอ่อนระทวยอยู่ครู่หนึ่ง สักพักก็ขยับตัวยกศีรษะขึ้นมานอนหนุนแขนแข็งแรงข้างหนึ่งของสามี เบียดเรือนร่างบอบบางเข้าชิดเพื่อขอความอบอุ่นจากร่างกายของเขา ซึ่งชายหนุ่มเองก็เพิ่งผ่อนคลายจากอาการหัวใจเต้นแรง หายใจหอบเหนื่อย
เขาพลิกตัวตะแคง รั้งต้นขาของหญิงสาว ให้ขึ้นมาก่ายเกยอยู่ครึ่งๆ บนร่างกายของเขา ขาของเธอเบียดชิดจนเขารู้สึกอบอุ่นและชุ่มชื้นในซอกลี้ลับ ไล้ฝ่ามือจากโค้งสะโพกเลยมาถึงต้นขา ลูบผิวเรียบเนียนไปมาเบาๆ เป็นจังหวะอย่างเพลิดเพลิน พร้อมๆ กับปลอบโยนให้เธอคลายความอ่อนเพลีย เพื่อเข้าสู่โหมดพักผ่อน
“ฝ่าบาทเพคะ?”
“หืม?” ชายหนุ่มผงกศีรษะขึ้นมองอย่างแปลกใจเมื่อได้ยินเสียงของอีกฝ่าย ซึ่งเขาคิดว่าน่าจะเคลิ้มหลับไปแล้ว
“คืนนี้เนญ่าเขาประกาศว่าจะเข้าหอกับฝ่าบาท แล้วทำไมพระองค์ถึงมาหาหม่อมฉันล่ะเพคะ?”
“ก็ไม่อยากจะมา ตั้งใจจะสั่งสอนให้รู้สำนึกเสียหน่อยว่า การผลักดันให้ผัวไปมีผู้หญิงอื่น โดยไม่เต็มใจนั้นน่ะมันจะให้ผลยังไง แต่เผอิญว่าเห็นคนบางคน น้ำตาคลอเบ้าเลยมาดูเสียหน่อย ไม่รู้ว่าเสแสร้งแกล้งทำ หรือรู้จักที่จะหึงหวงผัวขึ้นมาบ้างแล้ว!”
“หึงจริงๆ น่ะแหละเพคะ” ไลลายอมรับออกไปตรงๆ ถึงแม้ในสมองของเธอ จะเต็มไปด้วยความยุ่งเหยิง จนแยกแยะอะไรไม่ถูก แต่ความเจ็บปวดจากการจงใจ ให้เธอได้รับการลงโทษของเขา ทำให้มองเห็นความรู้สึกของตัวเองได้อย่างชัดเจน
“แต่หม่อมฉันก็ควรเริ่มเตรียมตัวเตรียมใจไว้ อนาคตข้างหน้าอาจจะมีคนอื่นเพิ่มเข้ามา และอาจเลวร้ายกว่าน้องสาวของตัวเองเสียอีก” เขายิ้ม ใช้โคนนิ้วโป้งลูบข้างแก้มหญิงสาวอย่างอ่อนโยน อ้อมกอดอันทรงพลังถ่ายเทความรู้สึกอบอุ่นปลอดภัยให้เธออย่างต่อเนื่องไม่ขาดสาย ทำให้เธอสงบนิ่งได้อย่างประหลาด
“สมัยก่อนฉันอาจจะทำตัวเจ้าชู้เพลย์บอย แต่นั่นเป็นเพราะฉันไม่มีพันธะใดๆ แต่ตอนนี้สถานการณ์ได้เปลี่ยนไปแล้ว ฉันต้องดูแลรับผิดชอบเธอไปทั้งชีวิต จำเป็นต้องทิ้งความเสเพลเหล่านั้นไว้ในอดีต และเอาใจใส่ดูแลเธอให้ดีในปัจจุบันกับอนาคต ส่วนเรื่องของเนญ่าหรือผู้หญิงอื่น ฉันเคยบอกแล้วไม่ใช่หรือว่า อย่าเอาตัวเองไปเปรียบเทียบให้เสียอารมณ์ รองจากพระมารดาแล้วเธอมีค่ามากกว่าผู้หญิงทุกคนบนโลกใบนี้!”
ไลลานิ่งอึ้ง หัวใจสั่นสะท้านรุนแรงกับคำพูดของเขา ไม่รู้ว่าชาติที่แล้วเธอได้เคยกู้โลกไว้หรืออย่างไร ถึงได้รับความโชคดีระดับพรีเมี่ยมที่ทำให้ได้พบความรักดีๆ จากสุดยอดสามีแห่งชาติเช่นเขาคนนี้ ความรักของเขาที่มอบให้ทำให้เธอรู้สึกถึงคุณค่าของตัวเอง และเห็นความสำคัญของการที่มีเขาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตคู่
“ฉันอาจจะไม่ใช่ผู้ชายที่ดีที่สุด แต่ฉันจะทำให้เธอมีความสุขที่สุดในฐานะสามีที่ดี” ฝ่ามือใหญ่ ลูบไล้แผ่นหลังนวลเนียน อยู่ไปมา ไล้เลยไปถึงสะโพกกลมมน รู้สึกรักทุกอย่างที่ประกอบกันเป็นตัวของหญิงสาว
“ฝ่าบาท~” ความรู้สึกซาบซึ้งใจที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนแผ่ซ่านไปทั่วทั้งทรวงอก สอดแขนข้างหนึ่งที่กำลังสั่นระริกกอดเอวเขาไว้อย่างตื้นตันใจ จนหยุดน้ำตาแห่งความปีติเอาไว้ไม่ได้
“ที่ฉันรับเนญ่าเป็นภรรยาเพียงเพราะเธอขอร้องเท่านั้น ถ้าเขาอยากมีครอบครัวเป็นของตัวเองเมื่อไหร่ฉันก็จะหย่าให้ แต่ห้ามคบชู้ในระหว่างที่ใช้นามสกุลของฉันอย่างเด็ดขาด! เธอรักในเกียรติของตระกูลเธอ ฉันเองก็เช่นกัน ถ้าเกิดอะไรขึ้น จะมา-กล่าวหาว่าฉันใจดำอำมหิต กับน้องของเธอไม่ได้นะ เข้าใจหรือไม่?”
ไลลาคลายอ้อมแขน เพื่อมองหน้าที่สมชายชาตรีของเขา หลุบสายตาลงมองปลายนิ้วโป้ง ที่กำลังเช็ดน้ำตาให้เธออย่างอ่อนโยนแวบหนึ่ง แล้วพยักหน้าให้กับน้ำเสียงเย็นยะเยียบ แฝงความน่าหวั่นเกรงนั้น
“เพคะ หม่อมฉันเข้าใจแล้ว สุดแท้แต่ฝ่าบาทจะเห็นสมควร”
……………………
พริมโรสรู้สึกตัวตื่น หลังจากรู้สึกว่าร่างกายเกิดการกระเด้งกระดอนขึ้นลงเพราะแรงสั่นสะเทือนอย่างต่อเนื่อง นอนลืมตาเบิกโพลงมองเพดานด้านบนอย่างวิงเวียนอยู่ชั่วครู่ พยายามตั้งสติสำรวจตัวเองว่ากำลังนอนแผ่หราเหยียดยาวอยู่ที่ไหน จากนั้นก็พลิกศีรษะมองแขนข้างหนึ่งของตัวเองที่ถูกคล้องกุญแจมือห้อยอยู่กับโครงพนักพิงศีรษะของเบาะฝั่งขวาข้างคนขับ
คนที่นั่งอยู่ด้านหน้าเธอ คงจะรู้สึกจากแรงสะเทือน ที่หญิงสาวขยับกุญแจมือไปมาจึงหันมามอง คนขับก็หันมามองตามด้วยแวบหนึ่ง พริมโรสเห็นว่าไหนๆ พวกมันก็รู้ว่าเธอฟื้นแล้ว จึงยันกายลุกขึ้นนั่งอย่างโงนเงน ซึ่งคงเป็นผลข้างเคียงจากยาสลบที่พวกมันใช้จัดการกับเธอ
“น้องสาวอย่าตุกติกนะ นั่งเฉยๆ ไม่งั้นอย่าหาว่าพวกเราไม่เตือน!” คนด้านหน้าสื่อสารคำเตือนเป็นภาษาอังกฤษ ทำให้พริมโรสโต้ตอบกลับไปอย่างอดไม่ได้
“โธ่พี่! ก่อนจะเตือนดูรูปร่างผอมแห้งแรงน้อยของฉันเสียก่อนไหม จะเอาความกล้าที่ไหนไปสู้ มือข้างเดียวของพี่ฟาดเอวฉันทีเดียวก็หักสองท่อนแล้ว!”
สองคนข้างหน้าได้ยินดังนั้นก็หัวเราะอย่างชอบใจ เหมือนพวกเขาจะเห็นด้วยกับคำพูดของเธอ เพราะดูคลายความหวาดระแวงลงไปกว่าตอนแรกเป็นอย่างมาก
“แต่ฉันขอถอดถุงเท้าออกได้ไหม มีทรายยัดอยู่ข้างในเยอะเลย ผิวฉันบอบบางแพ้ง่าย ขยับเท้าทีไรโดนเม็ดทรายบาดจนเจ็บระบมไปหมด!”
คนที่นั่งฝั่งขวา ก้มตัวมามองรองเท้าผ้าใบไซส์เล็กของเธออย่างฉงน คงจะรู้สึกสงสัยว่าทรายเม็ดใหญ่มันแทรกซึมเข้าข้างในได้ยังไง แต่ก็พยักหน้าอนุญาตโดยดี
เธอเลยใช้มือข้างที่ว่าง พับขากางเกงขึ้น แล้วดึงเท้าออกมาจากรองเท้า เหลือบสายตามองคนข้างหน้านิดหนึ่ง เมื่อเห็นว่าเขาไม่ได้มองจึงถอดถุงเท้าออก ดึงแหวนวงแรกที่สามีเคยให้ไว้ออกจากนิ้วนางแล้วสวมไปที่นิ้วเท้า เธอกลัวว่าจะเกิดสถานการณ์ที่ควบคุมไม่ได้อีกจึงป้องกันเอาไว้ก่อน อย่างน้อยเขาก็จะได้ตามตัวเธอมาถูกทาง จากนั้นก็สวมถุงเท้าปิดบังไว้ แล้วถอดถุงเท้าอีกข้างหนึ่งเอามาสวมที่มือ สอดส่วนปลายลอดเข้าไปในห่วงของกุญแจมือด้านใน
“ทำอะไร!” คนที่นั่งด้านหน้ากระชากเสียงถามอย่างคุกคาม ทำให้พริมโรสสะดุ้ง แต่ก็ไม่ได้แสดงท่าทีหวาดกลัวอะไรออกไป เงยหน้ามองเขาอย่างไร้เดียงสา
“เจ็บข้อมือค่ะ รถเหวี่ยงไปเหวี่ยงมาทำให้คมของกุญแจมือมันบาด ทำแบบนี้ช่วยลดแรงกระแทกไปได้เยอะเลย!”
เขามองสำรวจอย่างไม่ไว้ใจอยู่ครู่หนึ่ งก็หันกายกลับไปนั่งตรงดังเดิม จากนั้นก็คุยกับคนขับรถเป็นภาษาอาหรับ โดยไม่ได้สนใจเธออีก
“หัวหน้าบอกว่าพอเข้าเขตเมืองหลวง ให้เลี่ยงไปใช้เส้นทางรอบเมืองแทน ตอนนี้พวกชุมนุมประท้วงขับไล่รัฐบาลกำเริบหนักปิดถนนสายหลักไม่ให้ผู้คนสัญจรไปมา”
“เฮอะ! ไม่ใช่ว่าฝ่าบาทกำลังหาหนูทดลองอนุภาพของอาวุธชีวภาพอยู่หรอกหรือ น่าจะใช้สถานการณ์นี้แพร่ไวรัสให้กระจายไปทั่วทุกพื้นที่ จะได้เลิกทำอะไรไร้สาระกันเสียที!”
“เฮ่ย! ไม่ได้! จำนวนคนมันเยอะเกินไป ได้ข่าวว่ายาแรงมากเดี๋ยวจะควบคุมไม่อยู่ ยาต้านก็ยังผลิตไม่ได้ พวกเราจะซวยไปด้วย!”
“อ่าว! ก็ไหนพูดกันว่าสายลับทีแลนด์คนนั้น ขโมยมาจากเพื่อนเขาแล้วไม่ใช่เหรอไง?”
“คนที่ชื่อนายจอมทัพอะไรนั่นน่ะเหรอ? มันโลภคิดหักหลังพวกเรา ไปต่อรองกับพวกสหพันธ์ด้วย ฝ่าบาทเลยสั่งให้เฉือนอวัยวะมันออกทีละชิ้น ให้สาสมกับที่มันคิดเล่นลูกไม้กับเบื้องสูง!”
“แล้วตอนนี้ยาต้านไวรัสอยู่ที่ใคร?”
“ไม่รู้! ในกล่องที่ชิงมาจากสายลับคนนั้นมีแค่หลอดต้นแบบของเชื้อไวรัสตัวใหม่แต่ไม่มีวัคซีน ก็นี่แหละที่ทำให้ฝ่าบาทโกรธมาก สั่งเฉือนมันทีละชิ้นให้มันตายก็ไม่ได้อยู่ก็ทรมาน สมน้ำหน้าแล้วอยากเจ้าเล่ห์นัก!”
“หัวหน้าองค์กรมันก็ใช่ย่อย เหลี่ยมจัดไม่แพ้กัน หรืออาจจะยิ่งกว่า เคยหลอกให้ฝ่าบาทไปที่พิพิธภัณฑ์เพื่อรับผู้หญิงคนหนึ่งบอกว่ามอบลูกสาวของตัวเอง กับยาต้านไวรัส ให้เป็นเครื่องบรรณาการ เพื่อแสดงถึงความจริงใจในความร่วมมือกันของทั้งสองฝ่าย แต่สุดท้ายฝ่าบาทก็ไปเก้อ ทุกวันนี้ยังไม่เห็นทั้งยาทั้งผู้หญิงโผล่มาเลยสักคน!”
“อันนี้ฉันอยู่ในเหตุการณ์ วันที่ติดตามฝ่าบาทเดินทางไปทีแลนด์ มันอ้างว่าลูกสาวเดินทางกลับมาทีแลนด์พร้อมกับเชคฮ์อิสราร์โดยไม่ได้แจ้งให้มันรู้ล่วงหน้า พอฝ่าบาทรู้ว่าอยู่กับใครก็เลยไม่ได้เอาเรื่องมัน แล้วก็สั่งพวกเราให้พาตัวไปด้วยให้ได้ ไม่ว่าจะใช้วิธีไหนก็ตาม”
“เฮ้ย! อย่าบอกนะว่าเป็นผู้หญิงคนนี้!!”
“ก็คนนี้แหละ! พ่อเขาคุยนักคุยหนาว่าลูกสาวมีทักษะรอบตัวเก่งทั้งบุ๋นและบู๊ เตือนให้พวกเราระมัดระวังตัวเอาไว้ให้ดี แต่ดูเหมือนจะเป็นโฆษณาชวนเชื่อ เพื่ออัพเกรดสินค้าของตัวเองเสียมากกว่า ฉันกับหัวหน้าเห็นมากับตาเลยว่ายัยนี่ขี้ขลาดตาขาวมากแค่ไหน!”
“คงจะเก่งแต่เรื่องบนเตียงเสียมากกว่า ก็เหมือนผู้หญิงในฮาเร็มของฝ่าบาทน่ะแหละ จะแตกต่างจากคนอื่นก็ตรงที่มีรูปร่างหน้าตาที่สวยแบบไม่แคร์เพื่อนร่วมโลก สวยใสแต่ไร้ความคิด! ฉันว่าฝ่าบาทคงจะสนใจยาต้านไวรัสที่พ่อเขาจะมอบให้มากกว่า ยัยนี่คงเป็นได้แค่ตัวแถม ฮ่าๆๆๆ .. เออ! ฝ่าบาทบอกว่าให้พาท่านหญิงมาด้วย ไม่รู้ว่าทีมนั้นจะพากันหลงทิศไปไหนหรือเปล่า ไม่คุ้นเคยพื้นที่เสียด้วย!”
“ไม่น่าพลาดนะ ก่อนที่พวกเราจะออกรถก็เห็นว่ากำลังช่วยกันอุ้มใส่รถอีกคันอยู่”
ในขณะที่พริมโรสเงี่ยหูฟังทั้งสองคนกำลังคุยกัน มือเรียวก็ค่อยๆ ขยับถุงเท้าให้ถอยร่นไปยังปลายมือเรื่อยๆ ทีละนิดทีละหน่อยไม่ได้รีบร้อน จนช่วงกว้างของสันมือหลุดลอดจากวงของกุญแจมือออกมาได้ในที่สุด จากนั้นก็จับกุญแจมือนั้นไว้แล้วสวมถุงเท้าปกคลุมทับไว้ทั้งหมด
มืออีกข้าง ก็ทำการกลบเกลื่อนพฤติกรรม ด้วยการหยิบรองเท้าผ้าใบมาเคาะๆ เพื่อเอาเม็ดทรายออกทีละข้างแล้วใส่กลับเข้าไปเหมือนเก่า พอเงยหน้าขึ้นก็สบนัยน์ตาขี้สงสัยของคนตรงหน้าที่กำลังจ้องมองอยู่พอดี แต่เขากลับหันไปพูดกับคนขับรถ
“ผู้หญิงคนนี้ดูจะอ๊องๆ นะแกว่าไหม ไม่รู้ว่าเป็นเพราะฤทธิ์ยาตกค้าง หรือว่าเอ๋อจนเป็นปกติ แกดูดิใส่ถุงเท้าข้างเดียวก็ได้ อีกข้างอยู่ที่มือ แถมยังทำหน้าตาไร้เดียงสาเหมือนไม่รู้ร้อนรู้หนาวอีก ฮ่าๆๆ ตลกว่ะ!”
“เออจริง! ปกติคนทั่วไปถูกลักพาตัวมาแบบนี้ต้องมีหน้าตาแตกตื่นกันบ้างแล้ว แต่นี่นั่งหน้าซื่อตาใสมองนั่นมองนี่ทำอย่างกับพวกเรากำลังขับรถพาเที่ยวซะงั้น!”
“พี่ๆ พวกเราจะไปไหนกันหรือคะ?” พริมโรสถามขึ้นทันควันเป็นภาษาอังกฤษด้วยน้ำเสียงกระตือรือล้น
“นั่งรถมาตั้งไกลแล้วเพิ่งจะสงสัยหรือคนสวย! กำลังจะพาไปขายตัวในเมือง ฮ่าๆๆ กลัวหรือเปล่า?”
“จริงหรือคะ? ก็ดีน่ะสิ! มาเปเรซเป็นเดือนๆ แล้ว ยังไม่เคยไปเที่ยวที่อย่างว่าเลย พวกพี่ๆ ใจดีจัง! แล้วตอนนี้เราอยู่ที่ไหนกันหรอ?”
“กำลังจะพ้นเขตรัฐอี เรากำลังจะไปเมืองหลวง ถามไปเรื่อยเปื่อยนะเรา เป็นคนต่างชาติรู้หรือว่ารัฐไหนเป็นรัฐไหน ฮ่าๆๆ”
“นั่นดิ ฮ่าๆๆ” หญิงสาวพูดเออออแล้วก็หัวเราะตามน้ำไปด้วย “แต่ตอนนี้ฉันหิวแล้วล่ะ มีอะไรพอจะให้กินได้มั่งไหม?”
“เออว่ะ! พวกเราก็ยังไม่ได้กินอะไรเหมือนกัน งั้นเดี๋ยวถึงจุดพักรถจะลงไปหาอะไรรองท้องให้”
“เขาว่าคนหน้าตาดี๊ดีมักมีน้ำใจ พี่สองคนเกิดมาเพื่อโชว์ความหล่อขั้นเทพให้ขัดตาขัดใจผู้คนขนาดนี้ได้ยังไงกัน!!” พริมโรสออกปากยกหางทั้งสองคนให้สูงไว้ก่อน ซึ่งต่างก็หันมามองหน้ากันแล้วอมยิ้มขำกับคำพูดของเธอ
ต้องอย่างนั้นสิ!! ระเริงกับคำยกยอของฉันเข้าไว้ ฉันจะหลับหูหลับตาอวยพวกนายไปอีกหลายชั่วโมงเลยเชียวล่ะ!!
“ตรวจสอบชายสองคนที่สิบสองนาฬิกา ประตูทางเข้าด้านนอก ในมือถือผ้าสีดำห่อหุ้มวัตถุลักษณะเป็นแท่งยาวทรงกระบอก เปลี่ยน!”“แลนด์โรเวอร์สีดำขับเข้ามาจอดหน้าประตูทางเข้าออกของพนักงานชั้นใต้ดินสองคัน คันหนึ่งประมาณห้าคนใส่ชุดพนักงานรักษาความปลอดภัยเดินเข้าไปด้านใน มีอาวุธปืนติดตัว เปลี่ยน!”“ประตูทางออกอาคารผู้โดยสารหนึ่งที่เก้านาฬิกา พนักงานรักษาความปลอดภัยกำลังลากโซ่ตะปูเรือใบมาขวางถนน คาดว่าไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของสนามบิน เปลี่ยน!”“ประตูทางออกฉุกเฉินของอาคารผู้โดยสารสอง ทางสะดวก ชาลีทีมเตรียมพร้อม รอรับคำสั่ง เปลี่ยน!” เสียงรายงานผ่านวิทยุสื่อสารเข้ามาเป็นระยะๆ หลังจากที่กระจายกำลังไปประจำตามจุดสำคัญต่างๆ เพื่อสังเกตความเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้าม“พวกมันเริ่มทยอยกันเข้ามาแล้ว แจ้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้เตรียมอพยพประชาชนหากมีเหตุฉุกเฉิน! แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจกับดับเพลิงหรือยัง?”“เรียบร้อยแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”“อืม ถ้าพร้อมแล้วก็ไปกันตอนนี้เลย!”“รับคำสั่ง!” องครักษ์รับคำสั่งแล้วแจ้งแต่ละทีมผ่านวิทยุสื่อสารทันที “อัลฟ่าทีมเคลียร์พื้นที่ บราโวเตรียมรถบรรทุกเปิดทางออกแล้วรอรับคำสั่ง ชาลีทีมวีไอพีเ
ความร้ายกาจของบิดาที่เธอได้ยินจากปากของคนอื่น เป็นเหมือนหนามแหลมคม ที่คอยทิ่มแทงจิตใจอยู่ตลอด แต่กระบวนการให้อภัย พยายามดิ้นรนที่จะผลักความคิด และความรู้สึกด้านลบเหล่านี้ออกไป ด้วยการจดจ่อกับความรัก และความทรงจำดีๆ นึกถึงช่วงเวลาที่ยากลำบาก ที่เขามักจะแบกรับความเจ็บปวดเหล่านั้นไว้แทนอยู่เสมอ แล้วผลักดันให้เธอก้าวข้ามผ่านช่วงเวลาเลวร้ายนั้นไปให้ได้ ฝึกฝนเธอให้เข้มแข็ง สอนให้ยอมรับทุกความผิดพลาด และความล้มเหลว แล้วเรียนรู้ที่จะเยียวยาตัวเองเพื่อปิดกั้นทุกความเจ็บปวดเธอรู้ดีว่าการยึดติดกับความรู้สึกในทางลบ รังแต่จะเพิ่มความทุกข์ให้กับชีวิตมากขึ้น และขัดขวางไม่ให้หัวใจได้พบกับความสงบสุข แต่การที่จะละวางด้วยการให้อภัยนั้น ก็ทำให้เกิดความรู้สึกผิด ต่อบุคคลที่ต้องเสียชีวิตไปอย่างไม่เป็นธรรมนั้นด้วยเช่นกันแต่เมื่อมองในมุมกลับกัน เขาก็เป็นเพียงแค่มนุษย์คนหนึ่ง ซึ่งไม่ว่าใครก็สามารถทำผิดได้ เธอเองก็ไม่ได้รับการยกเว้น ความผิดหวังมักจะทำให้คนเราจมอยู่กับอดีต จนลืมมองความสุขที่กำลังได้รับอยู่ในปัจจุบัน และกำลังจะตามมาอีกมากมายในอนาคต จึงเป็นความคิดที่โง่เขลาอยู่ไม่ใช่น้อย ถ้าเรายังหยุดอยู่ที่ควา
“ฮัลโหล? ว่าไง?”“ไอ้ชารีฟ! ไอ้ห่วย! สายของแกทำงานยังไงวะถึงได้รายงานผิดพลาด! เป้าหมายไปเส้นทางอื่นไม่ได้เฉียดมาทางนี้เลยด้วยซ้ำ!!”“จะเป็นไปได้ยังไง? ไม่ผิดแน่ๆ!! นายดักซุ่มอยู่ที่นั่นแหละเผื่อว่าจะเป็นแผนลวง!”ชารีฟหรือณัทธร กดปุ่มตัดสาย แล้วดึงหูฟังบลูทูธออกอย่างหงุดหงิด จะเกิดการผิดพลาดไปได้ยังไง ในเมื่อเขาเพิ่งจะได้รับการยืนยันเส้นทางมาจากสายที่แฝงตัวอยู่ในกลุ่มผู้ใต้บังคับบัญชาของเชคฮ์อิสราร์เมื่อไม่กี่นาทีมานี้เองหรือว่าเปลี่ยนเส้นทางกระทันหัน??เขาคิดว่าน่าจะมีการเปลี่ยนแปลงแบบฉุกเฉินมากกว่าการที่อีกฝ่ายจะรู้ตัวว่ามีข่าวรั่วไหลชายหนุ่มยกนาฬิกาข้อมือขึ้น เพื่อดูเวลาก่อนการตัดสินใจ ในเมื่อภารกิจลอบสังหารเชคฮ์อิสราร์ได้ผิดพลาดไปแล้ว เขาเลยคิดว่าไปปิดจ๊อบหนี้เก่าของตัวเองก่อนจะดีกว่า แล้วค่อยกลับไปรายงานภารกิจที่ล้มเหลว ซึ่งถ้ารีบไปตอนนี้ก็น่าจะไปทันเวลากับที่เป้าหมายขับมาถึงในจุดที่เขากำหนดเอาไว้ในแผนพอดี…ชารีฟหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา เปิดแอพพลิเคชันที่ใช้ตรวจสอบสัญญาณจีพีเอส เพื่อหาตำแหน่งปัจจุบันของรถเป้าหมาย ซึ่งก็เห็นในแผนที่ว่ารถยนต์คันดังกล่าว กำลังจะแล่นผ่านสี่แยกไฟแดง
“ฮ่าๆๆ ไง! ถึงกลับโกรธจนตัวเนื้อสั่นเลยเหรอ เป็นยังไงบ้างล่ะ รสชาติของการสูญเสีย ขมขื่นถึงอกถึงใจดีไหม?” คำพูดประโยคนี้ของเขาทำให้หญิงสาวแน่ใจได้ทันทีว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ“ฉันเกลียดแกจนอยากจะเป็นคนถ่อย จะได้ถ่มถุยใส่หน้าส้นตึกของแกให้สาสมกับความรู้สึกขยะแขยง!” ชารีฟหรือณัทธรสะอึก เมื่อเจอความโกรธเกลียดอย่างรุนแรงจากผู้หญิงที่เขารัก“เกลียดฉันงั้นรึ? ต้องเป็นฉันไหมที่จะพูดประโยคนั้น แทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่า เธอจะลืมฉันได้อย่างง่ายดายและไปแต่งงานใหม่!"“ฉันไม่ได้แต่งงานใหม่! นี่เป็นการแต่งงานครั้งแรกและครั้งเดียวของฉัน และอะไรคือลืมได้อย่างง่ายดาย? นายหนีตายไปเป็นปีๆ แล้วฉันจะต้องไปบวชชี เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้นายด้วยอย่างนั้นรึ! เรารักกันดูดดื่มขนาดนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่? ก่อนที่นายจะฆ่าพ่อฉัน เขายังพูดไม่ให้ฉันยึดติดกับตัวเขาเลย! ตรรกะของนายมันบิดเบี้ยวเป็นเวย์เดียวกับพวกโรคจิต ที่นายกับฉันมาถึงจุดนี้เป็นเพราะการตัดสินใจเลือกของตัวเองทั้งนั้น อย่าเอาฉันมาเป็นข้ออ้างเพื่อปกปิดยีนขี้แพ้ในตัวหน่อยเลย!”“ไม่ต้องมาทำปากดียั่วอารมณ์ให้ฉันรู้สึกละอายใจหรอก คำพูดยั่วยุของ
หวอออออออ!! บรึ้ม!!เสียงไซเรนเตือนภัยทางอากาศดังยาวเพียงไม่กี่นาที ก็ถูกกลบด้วยเสียงระเบิด ที่ดังสะเทือนเลื่อนลั่นไปทั่วอาคารผู้โดยสารขาเข้าระหว่างประเทศ เสียงกรีดร้องของผู้คน ที่กำลังอยู่ในอาการประสาทสั่นขวัญผวา สอดแทรกขึ้นมาด้วยเสียงร้องโหยหวนอย่างเจ็บปวดทรมานจนเกินจะรับไหวจากผู้เคราะห์ร้าย ที่แทบจะไม่เหลือเรี่ยวแรงใดๆ ให้ร้องขอความช่วยเหลือได้อีกแล้ว บางเสียงแหบระโหยอยู่ภายใต้ร่างของผู้เสียชีวิตที่เต็มไปด้วยเลือดและซากปรักหักพังทับถมกันเป็นชั้นๆ อยู่ด้านบนอย่างสยดสยองนักข่าวคนหนึ่งที่รอดตายอย่างปาฏิหาริย์ ราวกับเป็นลูกรักของพระเจ้า ทั้งๆ ที่อยู่ไกล้จุดเกิดเหตุเพียงไม่กี่เมตร ด้วยความตกใจจนลนลานทำให้มือที่ล้วงเข้าไปในเข้าไปในกระเป๋าเป้สั่นเทาไปหมด ในใจลึกๆ กำลังกระวนกระวาย เพราะกลัวจะพลาดบันทึกเหตุการณ์ระทึกขวัญไม่ทัน แต่พอควานเจอโทรศัพท์มือถืออย่างที่ต้องการ แล้วก็หยิบออกมาบันทึกภาพเหตุการณ์ตรงหน้าทันทีอย่างไม่กลัวลูกหลง นัยน์ตาคมจับจ้องผ่านจอแอลซีดี ในขณะที่ขยับมือแพนกล้อง จับภาพนาทีระทึกของผู้คนที่กำลังวิ่งหนีเอาตัวรอดกันอย่างอลหม่าน บางคนถูกวิ่งชนจนล้มไม่พอ ยังโดนเหยียบย่ำซ
“เหตุระเบิดท่าอากาศยานนานาชาติเอวาเปเรซ สร้างความเสียหายให้แก่บริเวณรับสัมภาระ ของอาคารผู้โดยสารขาเข้าระหว่างประเทศ จากกล้องวงจรปิดได้จับภาพฝูงโดรนคามิกาเซที่บินร่อนอยู่เหนือท่าอากาศยานอยู่หลายนาที ก่อนที่จะร่อนลงสู่เป้าหมาย และจุดระเบิดขึ้นเหตุระเบิดดังกล่าว ทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อยสามสิบห้าราย และได้รับบาดเจ็บมากกว่าหนึ่งร้อยแปดสิบราย จากการตรวจสอบของเจ้าหน้าที่ ปรากฏว่าได้มีผู้โดยสายหายไปจากรายชื่อห้าคน และหนึ่งในนั้นคือพระชนนีขององค์สุลต่าน ซึ่งแหล่งที่มาของการโจมตีดังกล่าวยังไม่ชัดเจน แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านความมั่นคงคาดการณ์ว่ากลุ่มผู้ก่อการร้ายกลุ่มนี้ อาจเป็นผู้ทำสงครามโมเสลมจากสมาชิกอัลเคดาสาขาเปเรซ ถึงแม้ข้อมูลเหล่านั้นยังไม่ได้รับการยืนยันก็ตาม ขณะนี้เจ้าหน้าที่ทหาร และตำรวจกำลังอยู่ระหว่างการไล่ล่ากลุ่มผู้ก่อการร้าย”เสียงในทีวี รายงานข่าวภาษาอาหรับ เกี่ยวกับสถานการณ์การระเบิดสนามบิน บริเวณอาคารผู้โดยสารขาเข้า และได้ลักพาตัวประกันไปด้วย เพื่อเรียกร้องให้รัฐบาลทำตามข้อตกลง ตามมาด้วยข่าวการประท้วงที่หน้าสถานทูต เพื่อกดดันและเรียกร้องให้รัฐบาลและฝ่ายผู้ก่อการร้ายยุติสงครามกล
ติ๊ง!!ประตูลิฟต์เปิดออกที่ชั้นหนึ่ง ชายหนุ่มหันไปมองทันที เมื่อได้ยินเสียง เขาหายใจเข้าแรงแล้วสะดุดไปในทันที เมื่อเห็นหญิงสาวเอวบางร่างน้อย นัยน์ตากลมโต ใบหน้าคมหวาน ผมดำยาวสลวยสยายเต็มหลัง สวมชุดแม็กซี่เดรสสีขาวปักฉลุลายดอกไม้ตัวยาวจนถึงข้อเท้า แขนยาวสามส่วนเลียนแบบชุดอาบายะห์ แต่จะออกไปในสไตล์ตะวันตกมากกว่า ซึ่งเข้ากันได้ดีกับรองเท้าผ้าหุ้มส้นพิมพ์ลายดอกไม้วินเทจสีเทา กำลังเดินเข็นกระเป๋าเดินทางออกมาจากลิฟต์ รูปร่างหน้าตาของหญิงสาวโดดเด่นเสียจนดึงดูดสายตาของผู้คนทั้งชายและหญิง ที่นั่งอยู่ในล็อบบี้ให้มองมาอย่างสนใจใคร่รู้ ดวงตาคมกริบล้ำลึกของชายหนุ่ม กำลังถูกตรึงจนไม่อาจถอนสายตาไปมองที่อื่นได้ พูดอะไรไม่ออกอยู่ชั่วครู่ราวกับวิญญาณของเขาก็กำลังถูกดูดกลืนหายไปด้วยเสียอย่างนั้น ก่อนที่จะได้สติเมื่อหญิงสาวเดินเข้ามาใกล้ เขาจึงรีบลุกขึ้นเดินเข้าไปทักทายด้วยหัวใจที่กำลังเต้นรัวแรง “มิสนรากร?” เขาทักขึ้นก่อน เพื่อยืนยันว่าใช่คนที่กำลังรออยู่หรือเปล่านัยน์ตากลมโตมองชายหนุ่ม ที่มีใบหน้าเต็มไปด้วยหนวดเคราจนดูครึ้มไปหมด แต่กลับรู้สึกสะดุดที่นัยน์ตายาวรีคู่นั้น ถึงแม้จะดูคมกริบดุดันในนาทีแรก
พริมโรสรู้สึกหิวน้ำ จึงลืมตาตื่นขึ้นมาอย่างงัวเงีย พยายามตั้งสติอยู่ชั่วครู่ โฟกัสไปรอบๆ ห้อง คิดอยู่ในใจว่าน่าจะเป็นบ้านของโฮสต์เลยคลายความระวังตัว ลุกขึ้นเดินจะไปเปิดประตู แต่แล้วก็ต้องชะงัก เมื่อสายตาไปปะทะกับร่างสูงที่นอนหลับสนิทเหยียดยาวอยู่บนโซฟาหญิงสาวระงับความไม่พอใจเอาไว้ หลังจากได้คิดว่าคงเป็นการแสดงบทบาทให้สมจริงของเขาอีกแล้ว เพื่อให้ข้อมูลสอดคล้องกันตั้งแต่เริ่มแรก เธอมองเขาด้วยสายตาเฉยเมย ก่อนที่จะเปิดประตูออกไปข้างนอก“มิสนรากร สวัสดีตอนเช้าค่ะ” พริมโรสคิดในใจว่าผู้หญิงหน้าตาเป็นมิตรคนนี้คงจะเป็นภรรยาเจ้าของบ้าน จึงยิ้มตอบอย่างอบอุ่น“สวัสดีตอนเช้าค่ะ มิสซิสซัลมาใช่ไหมคะ?”“ค่ะ ฉันชื่ออัลวานี ส่วนสามีฉันบาซิม” บาซิมซึ่งอยู่ไม่ไกล หันมายิ้มอย่างสุภาพ พริมโรสยิ้มตอบ แล้วผงกศีรษะนิดหนึ่ง“เรียกฉันว่าพริมก็ได้ค่ะ เอ่อ..พอดีหิวน้ำ อยากจะหาน้ำดื่มสักแก้ว”“อ๋อ ได้สิคะ น้ำเย็นหรือน้ำอุ่นดีคะ?” อัลวานีกุลีกุจอหยิบแก้วใสทรงดอกทิวลิปมาวางตรงหน้าพร้อมจานรอง“อะไรก็ได้ค่ะ”“งั้นแนะนำให้เป็นชาดีกว่า ชาวเปเรซชอบดื่มชาค่ะ จะมีติดบ้านไว้เสมอ”“ได้ค่ะ ขอบคุณ” อัลวานีเดินกระฉับกระเฉงไป
“ฮ่าๆๆ ไง! ถึงกลับโกรธจนตัวเนื้อสั่นเลยเหรอ เป็นยังไงบ้างล่ะ รสชาติของการสูญเสีย ขมขื่นถึงอกถึงใจดีไหม?” คำพูดประโยคนี้ของเขาทำให้หญิงสาวแน่ใจได้ทันทีว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ“ฉันเกลียดแกจนอยากจะเป็นคนถ่อย จะได้ถ่มถุยใส่หน้าส้นตึกของแกให้สาสมกับความรู้สึกขยะแขยง!” ชารีฟหรือณัทธรสะอึก เมื่อเจอความโกรธเกลียดอย่างรุนแรงจากผู้หญิงที่เขารัก“เกลียดฉันงั้นรึ? ต้องเป็นฉันไหมที่จะพูดประโยคนั้น แทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่า เธอจะลืมฉันได้อย่างง่ายดายและไปแต่งงานใหม่!"“ฉันไม่ได้แต่งงานใหม่! นี่เป็นการแต่งงานครั้งแรกและครั้งเดียวของฉัน และอะไรคือลืมได้อย่างง่ายดาย? นายหนีตายไปเป็นปีๆ แล้วฉันจะต้องไปบวชชี เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้นายด้วยอย่างนั้นรึ! เรารักกันดูดดื่มขนาดนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่? ก่อนที่นายจะฆ่าพ่อฉัน เขายังพูดไม่ให้ฉันยึดติดกับตัวเขาเลย! ตรรกะของนายมันบิดเบี้ยวเป็นเวย์เดียวกับพวกโรคจิต ที่นายกับฉันมาถึงจุดนี้เป็นเพราะการตัดสินใจเลือกของตัวเองทั้งนั้น อย่าเอาฉันมาเป็นข้ออ้างเพื่อปกปิดยีนขี้แพ้ในตัวหน่อยเลย!”“ไม่ต้องมาทำปากดียั่วอารมณ์ให้ฉันรู้สึกละอายใจหรอก คำพูดยั่วยุของ
“ฮัลโหล? ว่าไง?”“ไอ้ชารีฟ! ไอ้ห่วย! สายของแกทำงานยังไงวะถึงได้รายงานผิดพลาด! เป้าหมายไปเส้นทางอื่นไม่ได้เฉียดมาทางนี้เลยด้วยซ้ำ!!”“จะเป็นไปได้ยังไง? ไม่ผิดแน่ๆ!! นายดักซุ่มอยู่ที่นั่นแหละเผื่อว่าจะเป็นแผนลวง!”ชารีฟหรือณัทธร กดปุ่มตัดสาย แล้วดึงหูฟังบลูทูธออกอย่างหงุดหงิด จะเกิดการผิดพลาดไปได้ยังไง ในเมื่อเขาเพิ่งจะได้รับการยืนยันเส้นทางมาจากสายที่แฝงตัวอยู่ในกลุ่มผู้ใต้บังคับบัญชาของเชคฮ์อิสราร์เมื่อไม่กี่นาทีมานี้เองหรือว่าเปลี่ยนเส้นทางกระทันหัน??เขาคิดว่าน่าจะมีการเปลี่ยนแปลงแบบฉุกเฉินมากกว่าการที่อีกฝ่ายจะรู้ตัวว่ามีข่าวรั่วไหลชายหนุ่มยกนาฬิกาข้อมือขึ้น เพื่อดูเวลาก่อนการตัดสินใจ ในเมื่อภารกิจลอบสังหารเชคฮ์อิสราร์ได้ผิดพลาดไปแล้ว เขาเลยคิดว่าไปปิดจ๊อบหนี้เก่าของตัวเองก่อนจะดีกว่า แล้วค่อยกลับไปรายงานภารกิจที่ล้มเหลว ซึ่งถ้ารีบไปตอนนี้ก็น่าจะไปทันเวลากับที่เป้าหมายขับมาถึงในจุดที่เขากำหนดเอาไว้ในแผนพอดี…ชารีฟหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา เปิดแอพพลิเคชันที่ใช้ตรวจสอบสัญญาณจีพีเอส เพื่อหาตำแหน่งปัจจุบันของรถเป้าหมาย ซึ่งก็เห็นในแผนที่ว่ารถยนต์คันดังกล่าว กำลังจะแล่นผ่านสี่แยกไฟแดง
ความร้ายกาจของบิดาที่เธอได้ยินจากปากของคนอื่น เป็นเหมือนหนามแหลมคม ที่คอยทิ่มแทงจิตใจอยู่ตลอด แต่กระบวนการให้อภัย พยายามดิ้นรนที่จะผลักความคิด และความรู้สึกด้านลบเหล่านี้ออกไป ด้วยการจดจ่อกับความรัก และความทรงจำดีๆ นึกถึงช่วงเวลาที่ยากลำบาก ที่เขามักจะแบกรับความเจ็บปวดเหล่านั้นไว้แทนอยู่เสมอ แล้วผลักดันให้เธอก้าวข้ามผ่านช่วงเวลาเลวร้ายนั้นไปให้ได้ ฝึกฝนเธอให้เข้มแข็ง สอนให้ยอมรับทุกความผิดพลาด และความล้มเหลว แล้วเรียนรู้ที่จะเยียวยาตัวเองเพื่อปิดกั้นทุกความเจ็บปวดเธอรู้ดีว่าการยึดติดกับความรู้สึกในทางลบ รังแต่จะเพิ่มความทุกข์ให้กับชีวิตมากขึ้น และขัดขวางไม่ให้หัวใจได้พบกับความสงบสุข แต่การที่จะละวางด้วยการให้อภัยนั้น ก็ทำให้เกิดความรู้สึกผิด ต่อบุคคลที่ต้องเสียชีวิตไปอย่างไม่เป็นธรรมนั้นด้วยเช่นกันแต่เมื่อมองในมุมกลับกัน เขาก็เป็นเพียงแค่มนุษย์คนหนึ่ง ซึ่งไม่ว่าใครก็สามารถทำผิดได้ เธอเองก็ไม่ได้รับการยกเว้น ความผิดหวังมักจะทำให้คนเราจมอยู่กับอดีต จนลืมมองความสุขที่กำลังได้รับอยู่ในปัจจุบัน และกำลังจะตามมาอีกมากมายในอนาคต จึงเป็นความคิดที่โง่เขลาอยู่ไม่ใช่น้อย ถ้าเรายังหยุดอยู่ที่ควา
“ตรวจสอบชายสองคนที่สิบสองนาฬิกา ประตูทางเข้าด้านนอก ในมือถือผ้าสีดำห่อหุ้มวัตถุลักษณะเป็นแท่งยาวทรงกระบอก เปลี่ยน!”“แลนด์โรเวอร์สีดำขับเข้ามาจอดหน้าประตูทางเข้าออกของพนักงานชั้นใต้ดินสองคัน คันหนึ่งประมาณห้าคนใส่ชุดพนักงานรักษาความปลอดภัยเดินเข้าไปด้านใน มีอาวุธปืนติดตัว เปลี่ยน!”“ประตูทางออกอาคารผู้โดยสารหนึ่งที่เก้านาฬิกา พนักงานรักษาความปลอดภัยกำลังลากโซ่ตะปูเรือใบมาขวางถนน คาดว่าไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของสนามบิน เปลี่ยน!”“ประตูทางออกฉุกเฉินของอาคารผู้โดยสารสอง ทางสะดวก ชาลีทีมเตรียมพร้อม รอรับคำสั่ง เปลี่ยน!” เสียงรายงานผ่านวิทยุสื่อสารเข้ามาเป็นระยะๆ หลังจากที่กระจายกำลังไปประจำตามจุดสำคัญต่างๆ เพื่อสังเกตความเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้าม“พวกมันเริ่มทยอยกันเข้ามาแล้ว แจ้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้เตรียมอพยพประชาชนหากมีเหตุฉุกเฉิน! แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจกับดับเพลิงหรือยัง?”“เรียบร้อยแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”“อืม ถ้าพร้อมแล้วก็ไปกันตอนนี้เลย!”“รับคำสั่ง!” องครักษ์รับคำสั่งแล้วแจ้งแต่ละทีมผ่านวิทยุสื่อสารทันที “อัลฟ่าทีมเคลียร์พื้นที่ บราโวเตรียมรถบรรทุกเปิดทางออกแล้วรอรับคำสั่ง ชาลีทีมวีไอพีเ
ไลลานอนตัวอ่อนระทวยอยู่ครู่หนึ่ง สักพักก็ขยับตัวยกศีรษะขึ้นมานอนหนุนแขนแข็งแรงข้างหนึ่งของสามี เบียดเรือนร่างบอบบางเข้าชิดเพื่อขอความอบอุ่นจากร่างกายของเขา ซึ่งชายหนุ่มเองก็เพิ่งผ่อนคลายจากอาการหัวใจเต้นแรง หายใจหอบเหนื่อย เขาพลิกตัวตะแคง รั้งต้นขาของหญิงสาว ให้ขึ้นมาก่ายเกยอยู่ครึ่งๆ บนร่างกายของเขา ขาของเธอเบียดชิดจนเขารู้สึกอบอุ่นและชุ่มชื้นในซอกลี้ลับ ไล้ฝ่ามือจากโค้งสะโพกเลยมาถึงต้นขา ลูบผิวเรียบเนียนไปมาเบาๆ เป็นจังหวะอย่างเพลิดเพลิน พร้อมๆ กับปลอบโยนให้เธอคลายความอ่อนเพลีย เพื่อเข้าสู่โหมดพักผ่อน “ฝ่าบาทเพคะ?” “หืม?” ชายหนุ่มผงกศีรษะขึ้นมองอย่างแปลกใจเมื่อได้ยินเสียงของอีกฝ่าย ซึ่งเขาคิดว่าน่าจะเคลิ้มหลับไปแล้ว“คืนนี้เนญ่าเขาประกาศว่าจะเข้าหอกับฝ่าบาท แล้วทำไมพระองค์ถึงมาหาหม่อมฉันล่ะเพคะ?”“ก็ไม่อยากจะมา ตั้งใจจะสั่งสอนให้รู้สำนึกเสียหน่อยว่า การผลักดันให้ผัวไปมีผู้หญิงอื่น โดยไม่เต็มใจนั้นน่ะมันจะให้ผลยังไง แต่เผอิญว่าเห็นคนบางคน น้ำตาคลอเบ้าเลยมาดูเสียหน่อย ไม่รู้ว่าเสแสร้งแกล้งทำ หรือรู้จักที่จะหึงหวงผัวขึ้นมาบ้างแล้ว!”“หึงจริงๆ น่ะแหละเพคะ” ไลลายอมรับออกไปตรงๆ ถึงแม้ใ
กัปตันลุกขึ้นแล้วเดินออกประตูไปก่อน ผงกศีรษะให้นิดหนึ่งเมื่อเห็นพริมโรสยืนอยู่หน้าประตู เจ้าชายอิสราร์ยืนมองหญิงสาวผ่านช่องประตูห้องนักบินอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอื้อมมือมาคว้าแขนเรียวเล็กดึงเข้ามาปะทะอกกว้าง รวบร่างบางเข้ามากอดรัดอย่างแนบแน่น ฝ่ามือข้างหนึ่งประคองไว้หลังศีรษะ แล้วบดขยี้ริมฝีปากร้อนระอุกับริมฝีปากนุ่มอย่างหิวกระหาย เร่าร้อนและดุเดือด เพราะอะดรีนาลีนที่หลั่งออกมาหลังจากเพิ่งจะผ่านเหตุการณ์เฉียดตาย กระตุ้นให้อารมณ์ของเขาพลุ่งพล่าน“อื้อ!..” ปลายลิ้นเงอะงะถูกดูดดุนและเกี่ยวกระหวัดไว้ด้วยลิ้นเร่าร้อนของอีกฝ่ายโดยไม่เปิดโอกาสให้ได้พักหายใจ ทำให้เกิดเสียงประท้วงแผ่วๆ ในลำคอ“ที่รัก~..ผมรักคุณ” เขาถอนริมฝีปากออก กระซิบเสียงแหบพร่าแนบชิดกับริมฝีปากนุ่มอุ่น เรียวลิ้นไล่ระไปบนริมฝีปากของอีกฝ่าย ก่อนประทับริมฝีปากลงมาอีกครั้ง หญิงสาวยกท่อนแขนขึ้นโอบรอบลำคอเขาไว้ ตอบรับจุมพิตด้วยจังหวะที่สอดรับกันเป็นอย่างดี เบียดร่างบอบบางเข้าแนบชิดร่างกำยำอย่างออดอ้อน ฝ่ามือหนาของเขาลูบไล้ไปตามแผ่นหลังไล่ลงไปถึงโค้งสะโพกกลมมนแล้วกดเข้าหาลำตัวตามแรงอารมณ์ที่กำลังเพิ่มมากขึ้น“เอ่อ..ทูลฝ่าบาท พายุท
รินรดานั่งเหม่อกำโทรศัพท์ไว้ในมือ หลังจากเพิ่งจะวางสายจากรามิล เขาสัญญาว่าจะรีบเคลียร์งานให้เรียบร้อย และจะตามไปหาที่เปเรซภายในสองวันเธอรู้สึกไม่สบายใจเมื่อนึกถึงความฝันเมื่อคืนที่ผ่านมา แสงสว่างที่ลอยละล่องในความมืดส่องมาที่เธอ พร้อมกับเสียงกระซิบที่แผ่วเบาแต่ชัดเจน เสียงนั้นไม่ใช่เสียงของใครในโลกนี้ มันเหมือนเสียงที่มาจากที่ไกลโพ้น ฟังดูทั้งใกล้และไกลในเวลาเดียวกัน ‘ถึงเวลาแล้ว…จงทำตามสัญญา’หญิงสาวไม่ได้บอกใครว่าหลังจากที่เธอ และพี่ชายฟื้นขึ้นมา เธอได้เห็นถึงความศักดิ์สิทธิ์ของหินพ่อมดลาบราดอไลต์ ด้วยความสงสัยและความหวัง เธอแอบพระมารดาเข้าไปในห้องลับ ท่องบทสวดที่เธอแอบจดเอาไว้ และอธิษฐานถึงสิ่งที่อยากรู้ที่สุดในชีวิตตอนนั้น นั่นก็คือการตามหาครอบครัวที่แท้จริงจากนั้นเธอก็ฝันซ้ำๆ เดิมๆ อยู่หลายครั้งจนมาถึงปัจจุบัน ไม่รู้ว่าบุคคลในฝันเป็นใคร เธอจำเรื่องราวได้ รู้ว่าคนในฝันเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย แต่จำหน้าไม่ได้เลยสักคน และครั้งที่ไปโรงพยาบาลจนเกิดอาการใจสั่น แล้วเจ็บแปลบอย่างรุนแรง จนหมดสติไปในครั้งนั้น ก็ทำให้เธอได้เห็นผู้หญิง ที่มีหน้าตาเหมือนเธอราวกับฝาแฝดชัดเจนเป็นครั้งแรก ในห้วงฝ
“อะไรนะ!! แล้วได้ลงจอดฉุกเฉินไหม? งั้นถ้าจำเป็นต้องเปลี่ยนแผนโยกย้ายคนจากรัฐดีไปรัฐอีก็ดำเนินการได้เลย! อืม..ฉันอยู่บนเครื่องบินแล้ว คงจะถึงไล่ๆ กัน!...ได้!…เอาตามนั้น!”เจ้าชายอิดรีสชะงักมือที่กำลังวางโทรศัพท์บนโต๊ะหัวเตียง ขณะที่ปรายหางตาเห็นหุ่นอรชรอ้อนแอ้นกำลังเยื้องกรายเข้ามาในห้องด้วยกิริยาท่าทางที่ยั่วยวนหญิงสาวเข้ามายืนห่างจากเตียงไปประมาณหนึ่งช่วงแขน ค่อยๆ ปลดอาภรณ์ออกจากตัวทีละชิ้นอย่างเชื่องช้า พร้อมช้อนสายตาขึ้นมองชายหนุ่มอย่างเย้ายวนชวนเชิญเจ้าชายอิดรีสหยิบหมอนสองใบมาซ้อนหลัง นั่งกึ่งเอนพิงพนักหัวเตียงพาดแขนไว้บนเข่าข้างหนึ่งที่ตั้งชันขึ้น หรี่ตามองด้วยสีหน้าเรียบเฉยแต่ดูเยือกเย็น กิริยาภายนอกยังคงสงบนิ่ง รอบกายยังเผยความเย่อหยิ่งจองหองออกมาด้วยเขาเหลือบตามองนาฬิกาที่โต๊ะหัวเตียง ทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายเลือกเวลาได้เหมาะเจาะ ไลลาไปสั่งงานกับเด็กรับใช้ได้สักพักใหญ่ๆ แล้ว และคงกำลังใกล้จะกลับมา เลยเปิดโอกาสให้น้องสาวสวมบทบาทน้องรักหักเหลี่ยมโหดเพื่อทำร้ายจิตใจผู้เป็นพี่ได้อย่างถูกที่ถูกเวลา เขาปล่อยให้อีกฝ่ายทำตามใจ โดยไม่ได้ปริปากเอ่ยทักท้วง เพื่อจะรอดูว่าเธอจะเปิดเผยเนื้อตั
"ฝ่าบาท! แย่แล้วเพคะ! กัปตันถูกทำร้ายขอความช่วยเหลือจากฝ่าบาทด่วนเลยเพคะ!" เจ้าชายอิสราร์ลุกพรวดขึ้น พริมโรสผวาลุกตามแล้วพยุงแขนเขาไว้ข้างหนึ่ง"เกิดอะไรขึ้น?" ชายหนุ่มถามขณะก้าวเท้าออกเดินได้ไม่เร็วนัก มือเรียวจึงจับแขนเขายกขึ้นแล้วก้มตัวลอดศีรษะเข้าไปใต้แขนแข็งแรง ก่อนจะวางแขนเขาให้เกาะไหล่เธอไว้เพื่อช่วยพยุง ทำให้ชายหนุ่มเดินได้เร็วขึ้นกว่าเดิม"นักบินผู้ช่วยลอบทำร้ายกัปตันเพคะ! โชคดีว่าอยู่ในความสูงที่กัปตันเปิดโหมดออโต้ไพลอทเอาไว้ ทันทีที่เกิดเรื่องเขากดอันล็อกประตูทำให้พวกเราได้ยินเสียงและเข้าไปช่วยเหลือเขาไว้ได้ทันเวลา ตอนนี้องครักษ์ลากตัวหมอนั่นออกไปแล้วเพคะ!""ทำไมไม่ตามนักบินเสริมให้ขึ้นมาแทน?""หม่อมฉันไปปลุกแล้วไม่ตื่นเลยทั้งสองคน ไฟล์ทเนิร์ซกำลังดูอาการพวกเขาอยู่ กัปตันเลยให้มาขอความช่วยเหลือจากฝ่าบาทเพคะ!"ลูกเรือต่างก็เห็นพ้องต้องกันทุกคนว่า นาทีนี้ไม่มีใครจะเหมาะสมเท่ากับเจ้านายพระองค์นี้อีกแล้ว เขามีชั่วโมงบินของการเป็นนักบินเอฟสามสิบห้า ของกองทัพรวมห้าพันแปดสิบห้าชั่วโมง ในจำนวนนี้ มีชั่วโมงของการทำหน้าที่นักบินผู้ช่วย อยู่แปดร้อยแปดสิบสี่ชั่วโมงกับเครื่องบินรุ่นนี้