ฮัลดายืนอยู่ตรงช่องประตู มองหญิงสาวที่นั่งอยู่ที่โต๊ะหน้าห้องทำงานของเจ้านาย ด้วยแววตาชิงชังราวกับมีความแค้นกันมานับร้อยนับพันปี
“อ้าว! ฮัลดาเข้ามาสิ ยืนอยู่ทำไม!”
ฮัลดาเดินเข้ามาใกล้อย่างอ้อยอิ่ง พริมโรสทำมือให้นั่งลงที่เก้าอี้หน้าโต๊ะ พร้อมหยิบกระดาษจดหมาย ที่นัดให้เธอไปพบในสวนของโรงแรม และกระดุมเม็ดหนึ่งวางไว้บนโต๊ะตรงหน้าหญิงสาว ในขณะที่สายตาก็มองอีกฝ่ายอย่างไม่วางตา จึงทันได้เห็นแววตาไหววูบแวบหนึ่งแล้วเลือนหายไปอย่างรวดเร็ว
“เธอรู้หรือเปล่าว่าชัยค์เคาะฮ์เนญ่า ถูกคนลวงไปทำมิดีมิร้าย”
“อะไรนะ! เกิดขึ้นเมื่อไหร่เจ้าคะ?” พริมโรสอ่านปฏิกิริยาของหญิงสาวจากสีหน้าอาการที่แสดงออกมาว่าตกใจจริงๆ ไม่ได้เสแสร้ง
“เวลาเดียวกับที่มีข้อความนัดพบนี้ส่งมาให้ฉัน เจตนาก็เพื่อล่อลวงให้ฉันถูกรุมทำร้าย แต่ที่ไม่เข้าใจคือกระดุมเม็ดนี้น่ะ เอามาให้ฉันทำไม ตั้งใจจะบอกอะไร? เธอพอจะให้คำตอบกับฉันได้ไหม?”
“ฉันจะรู้ได้ไงล่ะเจ้าคะ! นายหญิงต้องไปถามคนส่งเองถึงจะรู้เหตุผลที่แท้จริงของเขา”
“อ้าว! ก็กำลังถามอยู่นี่ไง อย่าทำตัวเป็นปลาทองลืมง่าย!” พริมโรสพูดพลางหยิบหลักฐานออกมาวางทีละอย่าง “นี่รอยนิ้วมือเจ้าของจดหมายและจากกระดุม และนี่ก็รอยนิ้วมือของมิสฮัลดาที่ประทับตราไว้ อ้อ! ยังไม่พอ! ตัวโปรแกรมยังบอกว่าทั้งรอยนิ้วมือและลายมือของเจ้าของจดหมาย แมทชิ่งกับของมิสฮัลดาเป๊ะๆ ราวกับเป็นคนคนเดียวกันเลย เธอดูสิ!” พริมพูดพลางหันโน้ตบุ๊คให้ดูที่หน้าจอ
ฮัลดาหน้าซีดเผือด ในขณะที่มองภาพเคลื่อนไหวสองภาพเลื่อนซ้อนเข้าหากันอย่างแนบสนิท เหมือนกันอย่างไม่มีผิดเพี้ยนทั้งรอยนิ้วมือ และตัวอักษรที่เขียนเหมือนกัน ฮัลดาตื่นตระหนกในใจ เหงื่อผุดขึ้นมาตามกรอบหน้าทั้งๆ ที่อากาศก็เย็นสบาย เธอไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะใช้วิธีนี้สร้างหลักฐานมาจับผิดเธอจนได้
พริมโรสแปลกใจ ที่ได้ยินอีกฝ่ายหัวเราะออกมาเสียงสดใส ดูไร้กังวล มือเรียวข้างหนึ่งยกขึ้นปิดบังริมฝีปากในลักษณะสงวนท่าที ส่งสายตามองมายังเธอคล้ายจะบอกว่าทำไมช่างอ่อนต่อโลกนัก
“แหมนายหญิงเจ้าคะ! วันๆ นึง ฉันต้องทำงานหลายอย่างจับนู่นนี่นั่นเยอะแยะไปหมด ยิ่งลายมือยิ่งไม่ต้องพูดถึง ใครๆ ก็ปลอมกันได้ หลักฐานพวกนี้อาจจะมีคนที่ไม่ชอบขี้หน้าฉันทำขึ้นมา เพื่อใส่ร้ายด้วยความอิจฉาริษยาก็ได้ใครจะรู้!” พูดจบก็กวาดสายตาขึ้นลงให้รู้ว่าคนที่คิดจะใส่ร้ายเธอนั้นเป็นใคร
หึ!! ถ้าคิดว่าแน่ก็แถต่อไป!! ถูไถเข้าไปให้สีข้างถลอก! อยากรู้นักว่าจะดิ้นกระเสือกกระสนไปทางไหนได้อีก!!
“ดี!! พูดได้ดี! แต่จะเก่งหรือจะกากเขาไม่ได้วัดกันที่ความปากดีหรอกนะ!” มุมปากข้างหนึ่งยกยิ้มอย่างกวนประสาทเพื่อยั่วยุอารมณ์ พลางลุกขึ้นมานั่งหมิ่นๆ ที่ขอบโต๊ะตรงหน้าอีกฝ่าย ยกแขนสองข้างขึ้นกอดอก โน้มตัวมาข้างหน้าเล็กน้อย มองคนตรงหน้าด้วยสายตายียวน เรื่องความกวนส้นตึกผู้อื่น เธอไม่จำเป็นต้องใส่แอคติ้งปลอมๆ เพราะมันเป็นนิสัยถาวรของเธออยู่แล้ว
“เอ๊ะ! นายหญิง! ใส่ความฉันไม่ได้เลยต้องใช้คำพูดกดให้ฉันดูต่ำลงหรือเจ้าคะ!!”
“เปล่านี่! คำพูดของฉันกดใครไม่ได้หรอก เธอทำตัวกลัวความสูงไปเองต่างหาก! ถ้าไม่เชื่อก็รอสักครู่” พูดจบก็หันไปหยิบโทรศัพท์มือถือที่วางอยู่บนโต๊ะ ที่มีเสียงแจ้งเตือนข้อความเข้ามาพอดี
นิ้วโป้งทั้งสองข้าง พิมพ์รัวเร็วบนโทรศัพท์มือถือ อย่างชำนาญอยู่ชั่วครู่ ก็คลี่ยิ้มบางๆ ออกมา จากนั้นก็ได้ยินเสียงเครื่องพริ้นเตอร์ทำงาน มือเรียวหยิบกระดาษที่พิมพ์เสร็จแล้วแผ่นหนึ่งมาวางข้างๆ ตัวเอง เงยหน้ามองคนที่นั่งตรงข้าม ซึ่งก็ขมวดคิ้วมุ่นทันที เมื่อเห็นเป็นภาพคล้ายฟิล์มเอกซเรย์เป็นแท่งๆ เรียงกัน คล้ายกับรหัสบาร์โค้ดบนกล่องสินค้า ยิ่งมองก็ยิ่งไม่เข้าใจจึงหยิบขึ้นไปดูใกล้ๆ
“ฉันให้รุ่นพี่ที่รู้จักกัน ส่งตรวจที่แล็บทันที ที่ได้หลักฐานจากห้องที่เกิดเหตุ ซึ่งก็เพิ่งจะได้มาวันนี้ ผลการตรวจพิสูจน์ความเกี่ยวข้อง เชื่อมโยงกันระหว่างวัตถุพยาน จำนวนสิบห้าตำแหน่ง จากรากเส้นผม เส้นขน และเลือด พบว่ารูปแบบดีเอ็นเอเป็นของบุคคลคนเดียวกัน โดยมีความเชื่อมั่น เท่ากับร้อยละเก้าสิบเก้าจุดแปดเก้า และนี่คือผลดีเอ็นเอ ที่ได้จากรากผมของเธอโดยตรง!” มือเรียวหยิบกระดาษอีกแผ่นหนึ่ง ที่เพิ่งจะปริ้นเสร็จวางลงบนโต๊ะพร้อมตบมือลงไปบนกระดาษปังใหญ่
ฮัลดาหน้าซีด นึกไปถึงวันก่อนที่เธอถูกเด็กที่ชื่อนัชนีน กระตุกผมจนหน้าหงาย เธอเจ็บจนแทบจะเข้าไปตบ แต่ถูกคนอื่นๆ ห้ามไว้เสียก่อน ที่แท้…
ว่าแต่..อะไรคือหลักฐานจากห้องที่เกิดเหตุ?? อย่าบอกนะว่ามีคนเห็นเราไปที่ห้องนั้น!!
“มีคลิปจากกล้องวงจรปิด ที่เธอพูดคุยกับชัยค์เคาะฮ์เนญ่าที่ล็อบบี้ แล้วเธอรู้อะไรไหม หลังจากนั้นก็มีคนส่งข้อความไปล่อลวงชัยค์เคาะฮ์เนญ่า ให้ไปที่ห้องเกิดเหตุ แล้วข่มขืนกระทำชำเราจนแทบปางตาย หลังจากนั้นก็วางกระดุมที่คล้ายกับเม็ดนี้วางไว้ให้เห็นเป็นหลักฐาน จุดมุ่งหมายก็เพื่อ ป้ายความผิดให้กับเชคฮ์อิสราร์!”
“อะไรนะเจ้าคะ!! ถูกทำมิดีมิร้ายที่ว่าคือโดนข่มขืน? แล้วห้องที่เกิดเหตุคงไม่ใช่ห้องหนึ่งสี่ศูนย์ห้าหรอกนะ!!” ฮัลดาอุทานออกมาแล้วทำตาโต ขบริมฝีปากล่างตัวเองเม้มไว้แน่น คล้ายหลุดปากพูดออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ
พริมโรสหยิบกระดุมเม็ดที่สอง ในห่อกระดาษทิชชู่ขึ้นมาวางใกล้ๆ กัน
“มีความหลังฝังใจกับห้องนั้นหรือไง? ถ้ากระดุมเม็ดนี้เป็นของผู้บงการ คนที่ทำร้ายชัยค์เคาะฮ์เนญ่า กับคนที่ส่งข้อความมาหาฉัน เป็นคนคนเดียวกันอย่างแน่นอน! วางแผนทำร้ายเชื้อพระวงศ์จนเกือบจะเอาชีวิตไม่รอด! ซ้ำยังเจตนาทำร้ายพระคู่หมั้นของมกุฏราชกุมารโดยไตร่ตรองไว้ก่อน! แผนชั่วร้ายถึงเพียงนี้คงไม่พ้นจำคุกตลอดชีวิต หรือถ้าชัยค์เคาะฮ์เนญ่าโชคร้ายเกิดเสียชีวิตขึ้นมากระทันหัน ก็ต้องโดนโทษประหารแน่ๆ แต่ระหว่างที่ถูกฝากขัง การเป็นนักโทษหญิงของโมสเลมก็รู้ๆ กันอยู่ว่า จะได้รับความทุกข์ทรมานแสนสาหัสยังไง แล้วถ้าท่านอักมัลรู้เรื่องของลูกสาวเมื่อไหร่ก็ฟันธงได้เลยว่า เธอจะมีชีวิตอยู่ไม่สู้หนีตายไปเลยยังดีกว่า!” พริมโรสสรุปออกมาง่ายๆ ทำให้อีกฝ่ายลุกพรวดขึ้น อุทรเรียกร้องความเป็นธรรมให้กับตัวเองทันที
“ไม่ใช่นะ! ฉันยอมรับว่าฉันเขียนจดหมายส่งให้นายหญิงเอง แต่ฉันไม่ได้ส่งข้อความไปล่อลวงชัยค์เคาะฮ์เนญ่า ไม่ใช่ฉัน! ฉันไม่ได้ทำ!”
“ทำไมจะเป็นเธอไม่ได้! ในเมื่อเธอก็มีกระดุมแบบเดียวกับที่คนร้ายจงใจวางไว้ในที่เกิดเหตุ! เธอเป็นไส้ศึก! เป็นหนอนบ่อนไส้ที่ทำงานให้กับศัตรู! สร้างสถานการณ์เหล่านี้ขึ้น เพื่อใส่ร้ายเชคฮ์อิสราร์!” พริมโรสพูดคำกล่าวหาโดยย้ำเสียงหนัก เพื่อให้กระแทกเข้าไปในต่อมสามัญสำนึกของอีกฝ่าย
ฮัลดาหน้าซีดเผือด คิดไม่ถึงว่าจากข้อหาล่อลวง ทำไมถึงกลายเป็นเจตนาวางแผนฆ่า จนถึงข้อหาทรยศคบคิดกับศัตรูไปได้ เธอรู้สึกตัวเหมือนลูกขนไก่ ที่ถูกตบซ้ายตบขวาจนน่วม แล้วต้อนให้จนมุมในที่สุด
“นายหญิง! บ่าวไม่เคยคิดให้ร้ายต่อเชคฮ์ บ่าวกับแม่ฮาน่าจงรักภักดีกับเชคฮ์และพระมารดามาโดยตลอด! เป็นชัยค์เคาะฮ์เนญ่า! ที่บอกให้บ่าวไปพบที่ล็อบบี้ บ่าวก็ไปตามคำสั่ง! บ่าวเป็นเพียงผู้น้อย ใครสั่งให้ทำอะไรก็ทำ ไม่มีอำนาจในการขัดขืน ขอนายหญิงให้ความเป็นธรรมด้วยเจ้าค่ะ!”
“ทั้งหมดเป็นแผนของชัยค์เคาะฮ์เนญ่า?”
“เจ้าค่ะๆ! บ่าวทำตามคำสั่งจริงๆ!”
“แต่เธอเป็นคนของเชคฮ์อิสราร์ ทำไมไปรับคำสั่งคนนอกแล้วมาทำร้ายผู้หญิงของท่านล่ะ? จะอ้างว่าถูกบังคับไม่กล้าขัดขืนก็ดูไม่สมเหตุสมผลเท่าไหร่ อีกอย่างเธอเป็นคนดูแลฉลองพระองค์ ทำไมกระดุมเม็ดนี้ถึงไปอยู่กับชัยค์เคาะฮ์เนญ่าได้?”
“เคยมีฉลองพระองค์ตัวหนึ่งหายไปเจ้าค่ะ ซึ่งบ่าวก็ไม่รู้หายไปได้ยังไง!”
“เธอจะบอกว่าเสื้อตัวนั้นเป็นชัยค์เคาะฮ์เนญ่าขโมยไป เพื่อสร้างสถานการณ์ให้คนมาข่มขืนตัวเองจนปางตาย แล้ววางหลักฐานไว้ เพื่อมัดให้เชคฮ์อิสราร์ต้องรับผิดชอบงั้นสิ ใช่ไหม?”
“ไม่ใช่เจ้าค่ะหายไปจริงๆ! หายไปแล้วก็กลับมา จากนั้นก็หายไปอีก ทุกวันนี้ก็ไม่เห็นเสื้อตัวนั้นแล้ว!”
“งั้นก็บอกมาดีกว่าว่าเธอได้กระดุมเม็ดแรกมายังไง ในเมื่อเธอก็พูดเองว่าเสื้อตัวนั้นมันหายไปแล้ว!”
“เอ่อ..คือ..” ฮัลดาอ้ำอึ้งสีหน้าแสดงลำบากใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด เธอไม่อยากประจานตัวเองว่าเสียความบริสุทธิ์ไปแล้วให้อีกฝ่ายรับรู้ จึงเงยหน้ามองคล้ายจะร้องขอความเห็นใจ แต่เมื่อเห็นสีหน้านิ่งแววตาเอาจริงเอาจังก็รู้ทันทีว่าเธอติดกับเสียแล้ว
ฮัลดาก้มหน้าคิดคำนวณในใจ ว่าถ้าเธอยังยืนกรานปฏิเสธอีกฝ่ายคงใช้กฎหมายมาจัดการกับเธอแน่ๆ แต่ถ้าเธอสารภาพและขอความเห็นอกเห็นใจ ก็ไม่แน่ว่าอาจจะได้รับความสงสารยอมประณีประณอมหรือให้ความช่วยเหลือ บางทีอาจจะให้ในสิ่งที่เธอต้องการมาตลอดด้วยซ้ำ
พอคิดได้ดังนั้นฮัลดาก็รีบลงไปคุกเข่าที่ข้างโต๊ะ ก้มศีรษะคำนับพื้นด้วยอาการเดือดเนื้อร้อนใจ
“นายหญิง! ได้โปรดเชื่อใจบ่าว สิ่งที่บ่าวจะพูดนี้เป็นความจริงทุกอย่าง และขอให้นายหญิงเห็นใจ นายหญิงเป็นเหมือนแม่พระที่มาโปรดในยามที่บ่าวกำลังมองไม่เห็นหนทางเลยในตอนนี้!”
“ภาพลักษณ์ของฉัน มันดูคล้ายนางเอกแม่พระ ที่อดทนให้ศัตรูมาทำร้ายซ้ำๆ จนใจอ่อนไปเองอย่างนั้นรึ?”
“บ่าวแค่เห็นว่านายหญิงใจดีมีเมตตา ทั้งยังใจกว้าง ชอบช่วยเหลือผู้ที่เดือดร้อน”
“ฉันไม่ใช่มูลนิธิบรรเทาทุกข์ และยิ่งไม่มีจิตสาธารณะ! บอกมาดีกว่าว่าได้กระดุมเม็ดนั้นมายังไง!"
ฮัลดาอ้ำอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง ก็ยอมเปิดปากเล่าตั้งแต่โดนทำมิดีมิร้ายครั้งแรก และเห็นกระดุมตกอยู่ที่พื้น นึกสงสัยจึงเอาไปเปรียบเทียบกับเสื้อของเจ้านาย ซึ่งก็มีกระดุมหายไปเม็ดหนึ่งจริงๆ แต่ก็นิ่งอยู่ ไม่ได้แพร่งพรายการกระทำของเจ้านาย ออกไปให้ใครได้รู้ จนมีคนอ้างข้อความว่า เจ้านายนัดให้ไปพบที่ห้องหนึ่งสี่ศูนย์ห้าและโดนกระทำแบบเดิม แต่ครั้งนี้เพื่อพิสูจน์ความจริง จึงคว้ากระดุมมาได้อีกเม็ดหนึ่ง ซึ่งก็เป็นรูปแบบเดียวกันกับเม็ดแรก อีกทั้งที่เสื้อก็เห็นอยู่ว่ามีเม็ดหนึ่งหายไปอยู่ก่อนแล้ว
“จนมาโป๊ะว่าชายคนนั้น ไม่ใช่เชคฮ์อิสราร์ ก็เพราะพระองค์บาดเจ็บกลับมาในวันเดียวกัน บ่าวจึงได้ไปสอบถามที่พนักงานต้อนรับของโรงแรม ปรากฏว่าชั้นนั้นทั้งชั้นจองในชื่อของเจ้าชายอิดรีสทั้งหมด นี่ต้องเป็นการจงใจให้บ่าวเข้าใจว่าเป็นฝีมือของเชคฮ์อิสราร์แน่ๆ เจ้าค่ะ!”
“เหตุการณ์เกิดขึ้นระยะประชิดขนาดนั้น ทำไมดูไม่รู้ล่ะว่าใครเป็นใคร?”
“เขาใส่หน้ากากสีทองปิดบังไว้ครึ่งหน้าเจ้าค่ะ”
“เจ้าชายอิดรีสงั้นรึ?” พริมโรสยกแขนข้างหนึ่งที่กอดอกไว้ตั้งชันขึ้น ขณะที่ฟันหน้าก็ขบกัดปลายนิ้วโป้งไปด้วยเบาๆ เป็นระยะๆ ตามความเคยชิน ที่มักจะเผลอทำอาการเช่นนี้ อยู่เสมอเวลาตกอยู่ในภวังค์ความคิด เดินใจลอยไปนั่งที่โซฟาแล้วทำท่าทางคล้ายนึกอะไรออกมาได้อย่างหนึ่ง
ฮัลดามองตามจนเหลียวหลัง แล้วลุกตามมานั่งลงที่พื้นข้างๆ โซฟา
“เจ้าชายอิดรีสก็น่าสงสัยจริงๆ น่ะแหละ แต่ที่แน่นอนที่สุดคือคนที่อยู่ใกล้ตัวเธอต่างหาก คนผู้นั้นต้องเป็นสายให้กับคนนอกอย่างไม่ต้องสงสัย!”
“คนใกล้ตัวหรือเจ้าคะ? แต่จะเป็นไปได้ยังไง!” ฮัลดานึกถึงเพื่อนร่วมห้องที่อยู่ด้วยกันมาตลอดสองปี ที่เธอชอบเพื่อนคนนี้เป็นเพราะหญิงสาวเป็นใบ้ ไม่สามารถพูดหรือบ่นให้เธอรกหูได้ ทั้งยังเป็นโรคแพนิค หวาดกลัวไปหมดทุกอย่าง เธอไม่อยากจะเชื่อว่าหญิงสาวที่น่าสงสารผู้นั้นจะเป็นสายลับไปได้
“ถ้าเธอจงรักภักดีกับเชคฮ์เหมือนที่ปากว่าจริงๆ ก็ต้องช่วยกันป้องกัน ลองไปคิดดูว่าระหว่างนี้จะทำอะไรเพื่อเชคฮ์ได้บ้าง ทำความดีลบล้างความผิดซะ พึงระลึกไว้เสมอว่าความปลอดภัยของเชคฮ์สำคัญที่สุด!”
“เรื่องนั้น..บ่าวรู้แล้วว่าต้องทำยังไง แต่ตอนนี้ หวังเพียงนายหญิงจะมีเมตตาสงสารช่วยเหลือบ่าวสักครั้ง เราลูกผู้หญิงเหมือนกันย่อมเข้าใจถึงความสูญเสียอันน่าขมขื่นนี้ดีที่สุด บาดแผลทางกายไม่นานก็หาย แต่บาดแผลทางจิตใจที่ได้รับจากเหตุการณ์นี้จะอยู่กับเราไปนานแสนนาน จนอาจกลายเป็นโรคซึมเศร้า หดหู่ หรืออาจจะถึงขั้นไม่อยากมีชีวิตอยู่! นายหญิงผู้มีเมตตา..บ่าวมีความปรารถนาเพียงสองข้อ อยากให้นายหญิงช่วยส่งเสริมและสนับสนุน ให้ความเจ็บปวดจากการสูญเสียในครั้งนี้ได้รับการเยียวยาด้วยเถอะเจ้าค่ะ”
พริมโรสเลิกคิ้วสูง ปรายตามองการสวมบทบาทหญิงสาวผู้ประสบภัยจากการได้ความเจ็บปวดและสูญเสีย เพื่อมากดดันต่อมมโนธรรมของเธอให้แสดงความเห็นอกเห็นใจออกมา
เธอมองกิริยาอาการ บีบน้ำตาร้องไห้สะอึกสะอื้นนั้นอย่างเพลียใจ ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายเคยไปเรียนการแสดงมาจากที่ไหน ถึงได้ร้องไห้ได้ปลอมมาก แอคติ้งสีหน้าให้ดูเศร้าสร้อยแล้วใช้เทคนิคหายใจเข้าลึกๆ หลายๆ ครั้ง ทำให้เหมือนว่ากำลังสะอึกสะอื้นระหว่างร้องไห้ได้อย่างแนบเนียน แต่ก่อนหน้านั้นยังถ่างตาไว้ไม่ยอมกระพริบ เพื่อให้เกิดการระคายเคือง เลี้ยงน้ำตาไว้ให้เอ่อจนเต็ม แล้วปล่อยให้ไหลพรากลงมาอาบแก้ม ตามมาด้วยเสียงสะอื้นเบาๆ จากนั้นก็ปาดน้ำตาจากขอบตาที่แดงช้ำอย่างมีจริต
ให้ตายเถอะ! อยากจะติดแฮชแทกร้องไห้ยังไงให้สวยให้นางเหลือเกิน ออสก้าต้องมา มงต้องลงให้แล้วแบบนี้!!
พริมโรสลืมคิดไปว่า ชั่วเพียงแวบเดียว เธอก็สามารถดูออกแล้วว่าเป็นการเข้าซีนดราม่า นั่นเป็นเพราะสกิลการตบตาผู้คนของเธอข้ามเลเวลของคำว่า..’ขั้นเทพ’ ไปแล้วนั่นเอง
“ไหนลองพูดมาซิ ถ้าช่วยได้ก็จะช่วย!” พริมโรสออกปากอนุญาต ถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรงเธอก็อยากจะช่วยจริงๆ
“อย่างแรก..บ่าวอยากล้างแค้นทวงคืนความยุติธรรมให้กับตัวเอง ไม่ว่าผู้หญิงคนไหน ก็ไม่สมควรมาเจอเหตุการณ์แบบนี้ อย่างที่สอง..ขอความเมตตาอนุญาตให้เชคฮ์รับบ่าวเป็นภรรยาอีกคนได้ไหมเจ้าคะ ในอนาคตข้างหน้าจะจัดให้ไปอยู่ในลำดับที่สี่ บ่าวก็จะน้อมรับ บ่าวสัญญาว่าจะเชื่อฟังนายหญิงทุกอย่าง พร้อมที่จะเป็นแขนเป็นขา สั่งให้ไปบุกน้ำลุยไฟ ก็จะทำทันทีโดยไม่ถามเหตุผลเลยเจ้าค่ะ!”
หึ!! เป็นคนฉลาดที่เอาความผิดพลาดมาหาประโยชน์ใส่ตัวได้อย่างบิดเบี้ยวมาก! ฉันต้องไร้สติขนาดไหน ถึงจะปล่อยให้ความเห็นอกเห็นใจ กลายมาเป็นสิ่งที่ทำลายตัวฉันเองในภายหลัง!
คนเห็นแก่ตัวบางคนใช้ความเมตตา และความเห็นอกเห็นใจของผู้อื่น มาเป็นเครื่องมือเพื่อเรียกร้องหาความชอบธรรมและกอบโกยผลประโยชน์ให้ตัวเอง การเรียนรู้ที่จะปฏิเสธคำขอร้องของเขา ทั้งที่เรารู้อยู่แก่ใจว่า เราต้องเดือดร้อนแน่ถ้าให้ความช่วยเหลือ ไม่ได้ทำให้เราดูเป็นคนไม่ดี กรณีแบบนี้อย่าไปคิดแทนว่าเขากำลังผิดหวัง หรือกำลังรู้สึกเจ็บปวดสูญเสีย จนหลงลืมไปว่าความรู้สึกของตัวเราเองนั้นก็สำคัญ อย่าเปิดโอกาสให้คนเช่นนี้แอบปลดปล่อยพลังงานด้านลบ มาทำร้ายเราได้ในภายหลัง เห็นอกเห็นใจผู้อื่นได้..แต่ก็ต้องใช้ปัญญากำกับไว้ด้วย
“โดยปกติผู้ที่โดนข่มขืนส่วนมากจะอยู่ในอาการช็อก และไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรต่อไปดี แต่ดูเหมือนเธอจะรู้ว่าตัวเองต้องการอะไร และคิดแทนฉันไว้หมดแล้ว!”
ไม่ว่าชายคนนั้นจะเป็นใคร ก็ต้องให้สามีฉันมารับผิดชอบชีวิตที่แสนรันทดของเธอให้ได้สินะ!
“อะไรทำให้นายหญิงคิดในแง่ร้ายอย่างนั้นเจ้าคะ บ่าวแค่ทวงความรับผิดชอบให้ตัวเองจากเชคฮ์ ที่ควรจะชดเชยให้บ่าวมาตั้งนานแล้วต่างหาก นายหญิงคงยังไม่รู้ หลายปีก่อนเชคฮ์ออกงานเลี้ยงรับรองแขกต่างประเทศแทนองค์สุลต่าน และจำเป็นต้องดื่มแอลกอฮอล์ ในตอนนั้นเชคฮ์ได้ล่วงเกินร่างกายบ่าวด้วยความมึนเมาทำให้ผิดประเพณี ตั้งแต่นั้นมาบ่าวก็รักษาตัวรักษาใจเพื่อเชคฮ์เท่านั้น ไม่ยอมออกเรือนไปกับชายใดเลยสักคน จนกระทั่งมีคนที่อ้างตัวเป็นเชคฮ์โผล่ขึ้นมา บ่าวจึงยอมเขาไปทั้งๆ ที่ไม่รู้”
“ขอโทษด้วย! ถือว่าฉันเป็นคนมองโลกในแง่ร้ายก็แล้วกันนะ ความสงสารไม่สามารถเยียวยาจิตใจใครได้ ในชีวิตคนเรามีการสูญเสียอยู่ทุกวัน บางวันก็เล็กจนเราไม่ทันได้สังเกตด้วยซ้ำ ฉันเข้าใจว่ามันเป็นเหตุการณ์ที่รุนแรงต่อชีวิตของผู้หญิงทุกคน และการทำจิตใจให้เข้มแข็งด้วยตัวเอง ก็ไม่ใช่เรื่องที่ใครจะทำกันได้ง่ายๆ แต่เธอก็จำเป็นต้องทำ! เพื่อให้ชีวิตมูฟออนไปข้างหน้าให้ได้โดยเร็วที่สุด!"
“นายหญิงใจดำ! คนเห็นแก่ตัว! ความเข้มแข็งที่ว่านั่นมันเกิดขึ้นจากความช่วยเหลือของคนรอบข้างไม่ใช่หรือไง ทำเป็นอ้างนู่นอ้างนี่ ที่แท้ก็หวงจะเก็บไว้คนเดียว ไม่รู้หรือไงว่าเขาสามารถมีภรรยาได้สี่คน!"
ฮัลดาลืมตัวเผลอแสดงความไม่พอใจออกมา พอๆ กับพริมโรสที่เริ่มจะหงุดหงิด กับความพูดไม่รู้เรื่องของอีกฝ่าย ขึ้นมาบ้างแล้วเหมือนกัน ไม่ว่าจะขู่จะปลอบยังไง ก็จะรับฟังแต่เหตุผลที่เข้าข้างตัวเองเท่านั้น
"ตรรกะเธอนี่ใสวิ้งเป็นกระจกเลยนะ! สะท้อนคนอื่นแต่ไม่สะท้อนเงาตัวเอง ฉันควรแสดงความเห็นอกเห็นใจด้วยการยกสามีให้เธอไปบำบัดจิตใจหรือไง! อีกอย่าง..เขาไม่ได้ล่วงประเวณี ไม่ได้ทำอะไรให้เธอต้องเสื่อมเสียถึงจารีตประเพณี ก็ไม่ถือเป็นการซินาแต่อย่างใด! สมองไม่มีไม่เป็นไร แต่กาลเทศะที่ใช้แยกแยะว่าอะไรสูงอะไรต่ำน่ะ ต้องมีนะ!”
"หึ! คนที่ทำอะไรต่ำๆ น่ะไม่ใช่ฉัน! คนที่ไม่เหมาะสมกับฝ่าบาทควรจะเป็นนายหญิงเองเสียมากกว่า คนต่ำศักดิ์ที่ไร้หัวนอนปลายเท้า! พวกนอกศาสนา! ตัวเองเป็นคนนอกจะมาเข้าใจกฏเกณฑ์ของศาสนาเราได้ยังไง! อะไรคือเสื่อมเสียศีลธรรมก็คงไม่รู้หรอก เพราะปล่อยตัวฟรีเซ็กส์กับเขาไปถึงไหนๆ แล้ว มันก็ไม่ต่างอะไรกับที่โสเภณีเขาทำกันเลยสักนิด!!”
“หุบปากเดี๋ยวนี้นะฮัลดา!!” ฮัลดาสะดุ้งสุดตัวทันทีที่ได้ยินเสียงทรงอำนาจตวาดลั่น
เจ้าชายอิสราร์ฟังอยู่นานแล้ว เห็นควรออกไปยุติความเข้าใจผิดๆ ของเด็กคนนี้ที่ยืดเยื้อมานานเสียที เขาเดินออกมายืนตรงช่องประตู และได้ยินประโยคสุดท้ายถนัดถนี่ ทำให้รู้สึกไม่พอใจเป็นอย่างมาก
ฮัลดาหันมาตามเสียง พอเห็นผู้สูงศักดิ์ที่เป็นชายในดวงใจยืนอยู่ตรงช่องประตูก็ปากอ้าตาค้างทันที เธอไม่คิดว่าเขาจะอยู่ในห้องทำงานเล็กนี้เอง คิดเอาเองว่ากลับไปที่ห้องนอนแล้วเสียอีก ซึ่งจะไม่สามารถได้ยินเสียงจากภายนอกได้เลย
นี่เขาได้ยินคำพูดของเราทุกคำเลยใช่ไหม!!
ชายหนุ่มเดินกระเพลกช้าๆ มานั่งลงข้างภรรยา เขานั่งฟังการสอบสวนที่ใช้วิธีทั้งปลอบทั้งขู่มาสักพักใหญ่ และอดที่จะชื่นชมอยู่ในใจไม่ได้ ที่ภรรยาสามารถทำให้ผู้ร้ายปากแข็ง ที่มีแต่คำพูดดิ้นไปดิ้นมาสารภาพความจริงออกมาได้ ถึงแม้จะจริงบ้างเท็จบ้าง แต่ก็สามารถนำมาปะติดปะต่อเป็นเรื่องเป็นราวได้พอสมควร
“ฉันควรจะบอกสิ่งที่เธอไม่เคยรู้ให้ได้รู้เสียที!”
“มีอะไรที่หม่อมฉันยังไม่รู้! ฝ่าบาทจะปัดความผิดให้พ้นตัวหรือเพคะ?”
“แล้วถ้าความผิดที่เธอกำลังหลอกตัวเองอยู่ มีพยานรู้เห็นคือฮาน่าแม่ของเธอล่ะ ยังจะค้านอีกต่อไปไหม?”
“ไม่จริง! แม่ก็โกหก! แม่เข้าข้างฝ่าบาท! แม่ไม่ได้รัก ไม่ได้เห็นใจหม่อมฉันอย่างที่ปากพูดสักนิด!” เจ้าชายอิสราร์ถอนหายใจคล้ายรู้สึกสงสารหญิงสาว
“ฟังนะ! ไม่ว่าเธอจะยอมรับหรือไม่ ฉันก็จะดูแลเธอกับแม่ไปตลอดชีวิตอยู่แล้ว อย่างเดียวที่ฉันไม่สามารถทำตามความต้องการของเธอได้คือการแต่งงาน ในชีวิตฉันจะมีภรรยาเพียงแค่คนเดียวเท่านั้น!”
“ฝ่าบาทใจร้าย! ทำไมถึงทำเหมือนหม่อมฉันเป็นผู้หญิงไร้ค่าถึงเพียงนี้!”
“ฉันไม่ได้ทำ! และไม่เคยทำ! วันนั้นฉันเมามากเลยปล่อยให้องครักษ์พากลับที่พัก เธอเองก็ถูกปิดตาอยู่ ฮาน่าเห็นเหตุการณ์ตอนที่มีคนพาฉันเข้าไปในห้องเธอจึงตามไปดู และเห็นกับตาว่าคนที่ถอดเสื้อผ้าเธอไม่ใช่ฉัน พอคนผู้นั้นออกไปฮาน่าจึงรีบเข้ามาทันที เธอจะให้ฉันรับผิดชอบอะไรในเมื่อหนังตาตัวเองยังลืมไม่ขึ้นด้วยซ้ำ!”
ฮัลดาเบะปากจนใบหน้าบิดเบี้ยว ร้องไห้ออกมาด้วยความเจ็บช้ำ ราวกับถูกข่มเหงจิตใจอย่างรุนแรง ไม่ได้บิ๊วอารมณ์ร้องไห้ให้สวยเพื่อเรียกคะแนนสงสารแบบในตอนแรก แต่ยังไม่ทันที่ใครจะพูดอะไรต่อ แอร์เพอร์เซอร์ก็รีบวิ่งมารายงานเหตุร้ายอย่างหน้าตาตื่น
"ฝ่าบาท! แย่แล้วเพคะ! กัปตันถูกทำร้ายขอความช่วยเหลือจากฝ่าบาทด่วนเลยเพคะ!"
……………………
ซินา - (Zina) หรือการผิดประเวณี ซึ่งหมายถึงการมีเพศสัมพันธ์นอกสมรสโดยผิดกฎหมายและจารีตอิสลาม
โรคแพนิค (Panic Disorder) เกิดจากระบบประสาทอัตโนมัติทำงานผิดปกติ ผู้ป่วยจะมีความรู้สึกกลัว ตื่นตระหนกอย่างมาก จนส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวัน
"ฝ่าบาท! แย่แล้วเพคะ! กัปตันถูกทำร้ายขอความช่วยเหลือจากฝ่าบาทด่วนเลยเพคะ!" เจ้าชายอิสราร์ลุกพรวดขึ้น พริมโรสผวาลุกตามแล้วพยุงแขนเขาไว้ข้างหนึ่ง"เกิดอะไรขึ้น?" ชายหนุ่มถามขณะก้าวเท้าออกเดินได้ไม่เร็วนัก มือเรียวจึงจับแขนเขายกขึ้นแล้วก้มตัวลอดศีรษะเข้าไปใต้แขนแข็งแรง ก่อนจะวางแขนเขาให้เกาะไหล่เธอไว้เพื่อช่วยพยุง ทำให้ชายหนุ่มเดินได้เร็วขึ้นกว่าเดิม"นักบินผู้ช่วยลอบทำร้ายกัปตันเพคะ! โชคดีว่าอยู่ในความสูงที่กัปตันเปิดโหมดออโต้ไพลอทเอาไว้ ทันทีที่เกิดเรื่องเขากดอันล็อกประตูทำให้พวกเราได้ยินเสียงและเข้าไปช่วยเหลือเขาไว้ได้ทันเวลา ตอนนี้องครักษ์ลากตัวหมอนั่นออกไปแล้วเพคะ!""ทำไมไม่ตามนักบินเสริมให้ขึ้นมาแทน?""หม่อมฉันไปปลุกแล้วไม่ตื่นเลยทั้งสองคน ไฟล์ทเนิร์ซกำลังดูอาการพวกเขาอยู่ กัปตันเลยให้มาขอความช่วยเหลือจากฝ่าบาทเพคะ!"ลูกเรือต่างก็เห็นพ้องต้องกันทุกคนว่า นาทีนี้ไม่มีใครจะเหมาะสมเท่ากับเจ้านายพระองค์นี้อีกแล้ว เขามีชั่วโมงบินของการเป็นนักบินเอฟสามสิบห้า ของกองทัพรวมห้าพันแปดสิบห้าชั่วโมง ในจำนวนนี้ มีชั่วโมงของการทำหน้าที่นักบินผู้ช่วย อยู่แปดร้อยแปดสิบสี่ชั่วโมงกับเครื่องบินรุ่นนี้
“อะไรนะ!! แล้วได้ลงจอดฉุกเฉินไหม? งั้นถ้าจำเป็นต้องเปลี่ยนแผนโยกย้ายคนจากรัฐดีไปรัฐอีก็ดำเนินการได้เลย! อืม..ฉันอยู่บนเครื่องบินแล้ว คงจะถึงไล่ๆ กัน!...ได้!…เอาตามนั้น!”เจ้าชายอิดรีสชะงักมือที่กำลังวางโทรศัพท์บนโต๊ะหัวเตียง ขณะที่ปรายหางตาเห็นหุ่นอรชรอ้อนแอ้นกำลังเยื้องกรายเข้ามาในห้องด้วยกิริยาท่าทางที่ยั่วยวนหญิงสาวเข้ามายืนห่างจากเตียงไปประมาณหนึ่งช่วงแขน ค่อยๆ ปลดอาภรณ์ออกจากตัวทีละชิ้นอย่างเชื่องช้า พร้อมช้อนสายตาขึ้นมองชายหนุ่มอย่างเย้ายวนชวนเชิญเจ้าชายอิดรีสหยิบหมอนสองใบมาซ้อนหลัง นั่งกึ่งเอนพิงพนักหัวเตียงพาดแขนไว้บนเข่าข้างหนึ่งที่ตั้งชันขึ้น หรี่ตามองด้วยสีหน้าเรียบเฉยแต่ดูเยือกเย็น กิริยาภายนอกยังคงสงบนิ่ง รอบกายยังเผยความเย่อหยิ่งจองหองออกมาด้วยเขาเหลือบตามองนาฬิกาที่โต๊ะหัวเตียง ทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายเลือกเวลาได้เหมาะเจาะ ไลลาไปสั่งงานกับเด็กรับใช้ได้สักพักใหญ่ๆ แล้ว และคงกำลังใกล้จะกลับมา เลยเปิดโอกาสให้น้องสาวสวมบทบาทน้องรักหักเหลี่ยมโหดเพื่อทำร้ายจิตใจผู้เป็นพี่ได้อย่างถูกที่ถูกเวลา เขาปล่อยให้อีกฝ่ายทำตามใจ โดยไม่ได้ปริปากเอ่ยทักท้วง เพื่อจะรอดูว่าเธอจะเปิดเผยเนื้อตั
รินรดานั่งเหม่อกำโทรศัพท์ไว้ในมือ หลังจากเพิ่งจะวางสายจากรามิล เขาสัญญาว่าจะรีบเคลียร์งานให้เรียบร้อย และจะตามไปหาที่เปเรซภายในสองวันเธอรู้สึกไม่สบายใจเมื่อนึกถึงความฝันเมื่อคืนที่ผ่านมา แสงสว่างที่ลอยละล่องในความมืดส่องมาที่เธอ พร้อมกับเสียงกระซิบที่แผ่วเบาแต่ชัดเจน เสียงนั้นไม่ใช่เสียงของใครในโลกนี้ มันเหมือนเสียงที่มาจากที่ไกลโพ้น ฟังดูทั้งใกล้และไกลในเวลาเดียวกัน ‘ถึงเวลาแล้ว…จงทำตามสัญญา’หญิงสาวไม่ได้บอกใครว่าหลังจากที่เธอ และพี่ชายฟื้นขึ้นมา เธอได้เห็นถึงความศักดิ์สิทธิ์ของหินพ่อมดลาบราดอไลต์ ด้วยความสงสัยและความหวัง เธอแอบพระมารดาเข้าไปในห้องลับ ท่องบทสวดที่เธอแอบจดเอาไว้ และอธิษฐานถึงสิ่งที่อยากรู้ที่สุดในชีวิตตอนนั้น นั่นก็คือการตามหาครอบครัวที่แท้จริงจากนั้นเธอก็ฝันซ้ำๆ เดิมๆ อยู่หลายครั้งจนมาถึงปัจจุบัน ไม่รู้ว่าบุคคลในฝันเป็นใคร เธอจำเรื่องราวได้ รู้ว่าคนในฝันเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย แต่จำหน้าไม่ได้เลยสักคน และครั้งที่ไปโรงพยาบาลจนเกิดอาการใจสั่น แล้วเจ็บแปลบอย่างรุนแรง จนหมดสติไปในครั้งนั้น ก็ทำให้เธอได้เห็นผู้หญิง ที่มีหน้าตาเหมือนเธอราวกับฝาแฝดชัดเจนเป็นครั้งแรก ในห้วงฝ
กัปตันลุกขึ้นแล้วเดินออกประตูไปก่อน ผงกศีรษะให้นิดหนึ่งเมื่อเห็นพริมโรสยืนอยู่หน้าประตู เจ้าชายอิสราร์ยืนมองหญิงสาวผ่านช่องประตูห้องนักบินอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอื้อมมือมาคว้าแขนเรียวเล็กดึงเข้ามาปะทะอกกว้าง รวบร่างบางเข้ามากอดรัดอย่างแนบแน่น ฝ่ามือข้างหนึ่งประคองไว้หลังศีรษะ แล้วบดขยี้ริมฝีปากร้อนระอุกับริมฝีปากนุ่มอย่างหิวกระหาย เร่าร้อนและดุเดือด เพราะอะดรีนาลีนที่หลั่งออกมาหลังจากเพิ่งจะผ่านเหตุการณ์เฉียดตาย กระตุ้นให้อารมณ์ของเขาพลุ่งพล่าน“อื้อ!..” ปลายลิ้นเงอะงะถูกดูดดุนและเกี่ยวกระหวัดไว้ด้วยลิ้นเร่าร้อนของอีกฝ่ายโดยไม่เปิดโอกาสให้ได้พักหายใจ ทำให้เกิดเสียงประท้วงแผ่วๆ ในลำคอ“ที่รัก~..ผมรักคุณ” เขาถอนริมฝีปากออก กระซิบเสียงแหบพร่าแนบชิดกับริมฝีปากนุ่มอุ่น เรียวลิ้นไล่ระไปบนริมฝีปากของอีกฝ่าย ก่อนประทับริมฝีปากลงมาอีกครั้ง หญิงสาวยกท่อนแขนขึ้นโอบรอบลำคอเขาไว้ ตอบรับจุมพิตด้วยจังหวะที่สอดรับกันเป็นอย่างดี เบียดร่างบอบบางเข้าแนบชิดร่างกำยำอย่างออดอ้อน ฝ่ามือหนาของเขาลูบไล้ไปตามแผ่นหลังไล่ลงไปถึงโค้งสะโพกกลมมนแล้วกดเข้าหาลำตัวตามแรงอารมณ์ที่กำลังเพิ่มมากขึ้น“เอ่อ..ทูลฝ่าบาท พายุท
ไลลานอนตัวอ่อนระทวยอยู่ครู่หนึ่ง สักพักก็ขยับตัวยกศีรษะขึ้นมานอนหนุนแขนแข็งแรงข้างหนึ่งของสามี เบียดเรือนร่างบอบบางเข้าชิดเพื่อขอความอบอุ่นจากร่างกายของเขา ซึ่งชายหนุ่มเองก็เพิ่งผ่อนคลายจากอาการหัวใจเต้นแรง หายใจหอบเหนื่อย เขาพลิกตัวตะแคง รั้งต้นขาของหญิงสาว ให้ขึ้นมาก่ายเกยอยู่ครึ่งๆ บนร่างกายของเขา ขาของเธอเบียดชิดจนเขารู้สึกอบอุ่นและชุ่มชื้นในซอกลี้ลับ ไล้ฝ่ามือจากโค้งสะโพกเลยมาถึงต้นขา ลูบผิวเรียบเนียนไปมาเบาๆ เป็นจังหวะอย่างเพลิดเพลิน พร้อมๆ กับปลอบโยนให้เธอคลายความอ่อนเพลีย เพื่อเข้าสู่โหมดพักผ่อน “ฝ่าบาทเพคะ?” “หืม?” ชายหนุ่มผงกศีรษะขึ้นมองอย่างแปลกใจเมื่อได้ยินเสียงของอีกฝ่าย ซึ่งเขาคิดว่าน่าจะเคลิ้มหลับไปแล้ว“คืนนี้เนญ่าเขาประกาศว่าจะเข้าหอกับฝ่าบาท แล้วทำไมพระองค์ถึงมาหาหม่อมฉันล่ะเพคะ?”“ก็ไม่อยากจะมา ตั้งใจจะสั่งสอนให้รู้สำนึกเสียหน่อยว่า การผลักดันให้ผัวไปมีผู้หญิงอื่น โดยไม่เต็มใจนั้นน่ะมันจะให้ผลยังไง แต่เผอิญว่าเห็นคนบางคน น้ำตาคลอเบ้าเลยมาดูเสียหน่อย ไม่รู้ว่าเสแสร้งแกล้งทำ หรือรู้จักที่จะหึงหวงผัวขึ้นมาบ้างแล้ว!”“หึงจริงๆ น่ะแหละเพคะ” ไลลายอมรับออกไปตรงๆ ถึงแม้ใ
“ตรวจสอบชายสองคนที่สิบสองนาฬิกา ประตูทางเข้าด้านนอก ในมือถือผ้าสีดำห่อหุ้มวัตถุลักษณะเป็นแท่งยาวทรงกระบอก เปลี่ยน!”“แลนด์โรเวอร์สีดำขับเข้ามาจอดหน้าประตูทางเข้าออกของพนักงานชั้นใต้ดินสองคัน คันหนึ่งประมาณห้าคนใส่ชุดพนักงานรักษาความปลอดภัยเดินเข้าไปด้านใน มีอาวุธปืนติดตัว เปลี่ยน!”“ประตูทางออกอาคารผู้โดยสารหนึ่งที่เก้านาฬิกา พนักงานรักษาความปลอดภัยกำลังลากโซ่ตะปูเรือใบมาขวางถนน คาดว่าไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของสนามบิน เปลี่ยน!”“ประตูทางออกฉุกเฉินของอาคารผู้โดยสารสอง ทางสะดวก ชาลีทีมเตรียมพร้อม รอรับคำสั่ง เปลี่ยน!” เสียงรายงานผ่านวิทยุสื่อสารเข้ามาเป็นระยะๆ หลังจากที่กระจายกำลังไปประจำตามจุดสำคัญต่างๆ เพื่อสังเกตความเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้าม“พวกมันเริ่มทยอยกันเข้ามาแล้ว แจ้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้เตรียมอพยพประชาชนหากมีเหตุฉุกเฉิน! แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจกับดับเพลิงหรือยัง?”“เรียบร้อยแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”“อืม ถ้าพร้อมแล้วก็ไปกันตอนนี้เลย!”“รับคำสั่ง!” องครักษ์รับคำสั่งแล้วแจ้งแต่ละทีมผ่านวิทยุสื่อสารทันที “อัลฟ่าทีมเคลียร์พื้นที่ บราโวเตรียมรถบรรทุกเปิดทางออกแล้วรอรับคำสั่ง ชาลีทีมวีไอพีเ
ความร้ายกาจของบิดาที่เธอได้ยินจากปากของคนอื่น เป็นเหมือนหนามแหลมคม ที่คอยทิ่มแทงจิตใจอยู่ตลอด แต่กระบวนการให้อภัย พยายามดิ้นรนที่จะผลักความคิด และความรู้สึกด้านลบเหล่านี้ออกไป ด้วยการจดจ่อกับความรัก และความทรงจำดีๆ นึกถึงช่วงเวลาที่ยากลำบาก ที่เขามักจะแบกรับความเจ็บปวดเหล่านั้นไว้แทนอยู่เสมอ แล้วผลักดันให้เธอก้าวข้ามผ่านช่วงเวลาเลวร้ายนั้นไปให้ได้ ฝึกฝนเธอให้เข้มแข็ง สอนให้ยอมรับทุกความผิดพลาด และความล้มเหลว แล้วเรียนรู้ที่จะเยียวยาตัวเองเพื่อปิดกั้นทุกความเจ็บปวดเธอรู้ดีว่าการยึดติดกับความรู้สึกในทางลบ รังแต่จะเพิ่มความทุกข์ให้กับชีวิตมากขึ้น และขัดขวางไม่ให้หัวใจได้พบกับความสงบสุข แต่การที่จะละวางด้วยการให้อภัยนั้น ก็ทำให้เกิดความรู้สึกผิด ต่อบุคคลที่ต้องเสียชีวิตไปอย่างไม่เป็นธรรมนั้นด้วยเช่นกันแต่เมื่อมองในมุมกลับกัน เขาก็เป็นเพียงแค่มนุษย์คนหนึ่ง ซึ่งไม่ว่าใครก็สามารถทำผิดได้ เธอเองก็ไม่ได้รับการยกเว้น ความผิดหวังมักจะทำให้คนเราจมอยู่กับอดีต จนลืมมองความสุขที่กำลังได้รับอยู่ในปัจจุบัน และกำลังจะตามมาอีกมากมายในอนาคต จึงเป็นความคิดที่โง่เขลาอยู่ไม่ใช่น้อย ถ้าเรายังหยุดอยู่ที่ควา
“ฮัลโหล? ว่าไง?”“ไอ้ชารีฟ! ไอ้ห่วย! สายของแกทำงานยังไงวะถึงได้รายงานผิดพลาด! เป้าหมายไปเส้นทางอื่นไม่ได้เฉียดมาทางนี้เลยด้วยซ้ำ!!”“จะเป็นไปได้ยังไง? ไม่ผิดแน่ๆ!! นายดักซุ่มอยู่ที่นั่นแหละเผื่อว่าจะเป็นแผนลวง!”ชารีฟหรือณัทธร กดปุ่มตัดสาย แล้วดึงหูฟังบลูทูธออกอย่างหงุดหงิด จะเกิดการผิดพลาดไปได้ยังไง ในเมื่อเขาเพิ่งจะได้รับการยืนยันเส้นทางมาจากสายที่แฝงตัวอยู่ในกลุ่มผู้ใต้บังคับบัญชาของเชคฮ์อิสราร์เมื่อไม่กี่นาทีมานี้เองหรือว่าเปลี่ยนเส้นทางกระทันหัน??เขาคิดว่าน่าจะมีการเปลี่ยนแปลงแบบฉุกเฉินมากกว่าการที่อีกฝ่ายจะรู้ตัวว่ามีข่าวรั่วไหลชายหนุ่มยกนาฬิกาข้อมือขึ้น เพื่อดูเวลาก่อนการตัดสินใจ ในเมื่อภารกิจลอบสังหารเชคฮ์อิสราร์ได้ผิดพลาดไปแล้ว เขาเลยคิดว่าไปปิดจ๊อบหนี้เก่าของตัวเองก่อนจะดีกว่า แล้วค่อยกลับไปรายงานภารกิจที่ล้มเหลว ซึ่งถ้ารีบไปตอนนี้ก็น่าจะไปทันเวลากับที่เป้าหมายขับมาถึงในจุดที่เขากำหนดเอาไว้ในแผนพอดี…ชารีฟหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา เปิดแอพพลิเคชันที่ใช้ตรวจสอบสัญญาณจีพีเอส เพื่อหาตำแหน่งปัจจุบันของรถเป้าหมาย ซึ่งก็เห็นในแผนที่ว่ารถยนต์คันดังกล่าว กำลังจะแล่นผ่านสี่แยกไฟแดง
“ฮ่าๆๆ ไง! ถึงกลับโกรธจนตัวเนื้อสั่นเลยเหรอ เป็นยังไงบ้างล่ะ รสชาติของการสูญเสีย ขมขื่นถึงอกถึงใจดีไหม?” คำพูดประโยคนี้ของเขาทำให้หญิงสาวแน่ใจได้ทันทีว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ“ฉันเกลียดแกจนอยากจะเป็นคนถ่อย จะได้ถ่มถุยใส่หน้าส้นตึกของแกให้สาสมกับความรู้สึกขยะแขยง!” ชารีฟหรือณัทธรสะอึก เมื่อเจอความโกรธเกลียดอย่างรุนแรงจากผู้หญิงที่เขารัก“เกลียดฉันงั้นรึ? ต้องเป็นฉันไหมที่จะพูดประโยคนั้น แทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่า เธอจะลืมฉันได้อย่างง่ายดายและไปแต่งงานใหม่!"“ฉันไม่ได้แต่งงานใหม่! นี่เป็นการแต่งงานครั้งแรกและครั้งเดียวของฉัน และอะไรคือลืมได้อย่างง่ายดาย? นายหนีตายไปเป็นปีๆ แล้วฉันจะต้องไปบวชชี เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้นายด้วยอย่างนั้นรึ! เรารักกันดูดดื่มขนาดนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่? ก่อนที่นายจะฆ่าพ่อฉัน เขายังพูดไม่ให้ฉันยึดติดกับตัวเขาเลย! ตรรกะของนายมันบิดเบี้ยวเป็นเวย์เดียวกับพวกโรคจิต ที่นายกับฉันมาถึงจุดนี้เป็นเพราะการตัดสินใจเลือกของตัวเองทั้งนั้น อย่าเอาฉันมาเป็นข้ออ้างเพื่อปกปิดยีนขี้แพ้ในตัวหน่อยเลย!”“ไม่ต้องมาทำปากดียั่วอารมณ์ให้ฉันรู้สึกละอายใจหรอก คำพูดยั่วยุของ
“ฮัลโหล? ว่าไง?”“ไอ้ชารีฟ! ไอ้ห่วย! สายของแกทำงานยังไงวะถึงได้รายงานผิดพลาด! เป้าหมายไปเส้นทางอื่นไม่ได้เฉียดมาทางนี้เลยด้วยซ้ำ!!”“จะเป็นไปได้ยังไง? ไม่ผิดแน่ๆ!! นายดักซุ่มอยู่ที่นั่นแหละเผื่อว่าจะเป็นแผนลวง!”ชารีฟหรือณัทธร กดปุ่มตัดสาย แล้วดึงหูฟังบลูทูธออกอย่างหงุดหงิด จะเกิดการผิดพลาดไปได้ยังไง ในเมื่อเขาเพิ่งจะได้รับการยืนยันเส้นทางมาจากสายที่แฝงตัวอยู่ในกลุ่มผู้ใต้บังคับบัญชาของเชคฮ์อิสราร์เมื่อไม่กี่นาทีมานี้เองหรือว่าเปลี่ยนเส้นทางกระทันหัน??เขาคิดว่าน่าจะมีการเปลี่ยนแปลงแบบฉุกเฉินมากกว่าการที่อีกฝ่ายจะรู้ตัวว่ามีข่าวรั่วไหลชายหนุ่มยกนาฬิกาข้อมือขึ้น เพื่อดูเวลาก่อนการตัดสินใจ ในเมื่อภารกิจลอบสังหารเชคฮ์อิสราร์ได้ผิดพลาดไปแล้ว เขาเลยคิดว่าไปปิดจ๊อบหนี้เก่าของตัวเองก่อนจะดีกว่า แล้วค่อยกลับไปรายงานภารกิจที่ล้มเหลว ซึ่งถ้ารีบไปตอนนี้ก็น่าจะไปทันเวลากับที่เป้าหมายขับมาถึงในจุดที่เขากำหนดเอาไว้ในแผนพอดี…ชารีฟหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา เปิดแอพพลิเคชันที่ใช้ตรวจสอบสัญญาณจีพีเอส เพื่อหาตำแหน่งปัจจุบันของรถเป้าหมาย ซึ่งก็เห็นในแผนที่ว่ารถยนต์คันดังกล่าว กำลังจะแล่นผ่านสี่แยกไฟแดง
ความร้ายกาจของบิดาที่เธอได้ยินจากปากของคนอื่น เป็นเหมือนหนามแหลมคม ที่คอยทิ่มแทงจิตใจอยู่ตลอด แต่กระบวนการให้อภัย พยายามดิ้นรนที่จะผลักความคิด และความรู้สึกด้านลบเหล่านี้ออกไป ด้วยการจดจ่อกับความรัก และความทรงจำดีๆ นึกถึงช่วงเวลาที่ยากลำบาก ที่เขามักจะแบกรับความเจ็บปวดเหล่านั้นไว้แทนอยู่เสมอ แล้วผลักดันให้เธอก้าวข้ามผ่านช่วงเวลาเลวร้ายนั้นไปให้ได้ ฝึกฝนเธอให้เข้มแข็ง สอนให้ยอมรับทุกความผิดพลาด และความล้มเหลว แล้วเรียนรู้ที่จะเยียวยาตัวเองเพื่อปิดกั้นทุกความเจ็บปวดเธอรู้ดีว่าการยึดติดกับความรู้สึกในทางลบ รังแต่จะเพิ่มความทุกข์ให้กับชีวิตมากขึ้น และขัดขวางไม่ให้หัวใจได้พบกับความสงบสุข แต่การที่จะละวางด้วยการให้อภัยนั้น ก็ทำให้เกิดความรู้สึกผิด ต่อบุคคลที่ต้องเสียชีวิตไปอย่างไม่เป็นธรรมนั้นด้วยเช่นกันแต่เมื่อมองในมุมกลับกัน เขาก็เป็นเพียงแค่มนุษย์คนหนึ่ง ซึ่งไม่ว่าใครก็สามารถทำผิดได้ เธอเองก็ไม่ได้รับการยกเว้น ความผิดหวังมักจะทำให้คนเราจมอยู่กับอดีต จนลืมมองความสุขที่กำลังได้รับอยู่ในปัจจุบัน และกำลังจะตามมาอีกมากมายในอนาคต จึงเป็นความคิดที่โง่เขลาอยู่ไม่ใช่น้อย ถ้าเรายังหยุดอยู่ที่ควา
“ตรวจสอบชายสองคนที่สิบสองนาฬิกา ประตูทางเข้าด้านนอก ในมือถือผ้าสีดำห่อหุ้มวัตถุลักษณะเป็นแท่งยาวทรงกระบอก เปลี่ยน!”“แลนด์โรเวอร์สีดำขับเข้ามาจอดหน้าประตูทางเข้าออกของพนักงานชั้นใต้ดินสองคัน คันหนึ่งประมาณห้าคนใส่ชุดพนักงานรักษาความปลอดภัยเดินเข้าไปด้านใน มีอาวุธปืนติดตัว เปลี่ยน!”“ประตูทางออกอาคารผู้โดยสารหนึ่งที่เก้านาฬิกา พนักงานรักษาความปลอดภัยกำลังลากโซ่ตะปูเรือใบมาขวางถนน คาดว่าไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของสนามบิน เปลี่ยน!”“ประตูทางออกฉุกเฉินของอาคารผู้โดยสารสอง ทางสะดวก ชาลีทีมเตรียมพร้อม รอรับคำสั่ง เปลี่ยน!” เสียงรายงานผ่านวิทยุสื่อสารเข้ามาเป็นระยะๆ หลังจากที่กระจายกำลังไปประจำตามจุดสำคัญต่างๆ เพื่อสังเกตความเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้าม“พวกมันเริ่มทยอยกันเข้ามาแล้ว แจ้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้เตรียมอพยพประชาชนหากมีเหตุฉุกเฉิน! แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจกับดับเพลิงหรือยัง?”“เรียบร้อยแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”“อืม ถ้าพร้อมแล้วก็ไปกันตอนนี้เลย!”“รับคำสั่ง!” องครักษ์รับคำสั่งแล้วแจ้งแต่ละทีมผ่านวิทยุสื่อสารทันที “อัลฟ่าทีมเคลียร์พื้นที่ บราโวเตรียมรถบรรทุกเปิดทางออกแล้วรอรับคำสั่ง ชาลีทีมวีไอพีเ
ไลลานอนตัวอ่อนระทวยอยู่ครู่หนึ่ง สักพักก็ขยับตัวยกศีรษะขึ้นมานอนหนุนแขนแข็งแรงข้างหนึ่งของสามี เบียดเรือนร่างบอบบางเข้าชิดเพื่อขอความอบอุ่นจากร่างกายของเขา ซึ่งชายหนุ่มเองก็เพิ่งผ่อนคลายจากอาการหัวใจเต้นแรง หายใจหอบเหนื่อย เขาพลิกตัวตะแคง รั้งต้นขาของหญิงสาว ให้ขึ้นมาก่ายเกยอยู่ครึ่งๆ บนร่างกายของเขา ขาของเธอเบียดชิดจนเขารู้สึกอบอุ่นและชุ่มชื้นในซอกลี้ลับ ไล้ฝ่ามือจากโค้งสะโพกเลยมาถึงต้นขา ลูบผิวเรียบเนียนไปมาเบาๆ เป็นจังหวะอย่างเพลิดเพลิน พร้อมๆ กับปลอบโยนให้เธอคลายความอ่อนเพลีย เพื่อเข้าสู่โหมดพักผ่อน “ฝ่าบาทเพคะ?” “หืม?” ชายหนุ่มผงกศีรษะขึ้นมองอย่างแปลกใจเมื่อได้ยินเสียงของอีกฝ่าย ซึ่งเขาคิดว่าน่าจะเคลิ้มหลับไปแล้ว“คืนนี้เนญ่าเขาประกาศว่าจะเข้าหอกับฝ่าบาท แล้วทำไมพระองค์ถึงมาหาหม่อมฉันล่ะเพคะ?”“ก็ไม่อยากจะมา ตั้งใจจะสั่งสอนให้รู้สำนึกเสียหน่อยว่า การผลักดันให้ผัวไปมีผู้หญิงอื่น โดยไม่เต็มใจนั้นน่ะมันจะให้ผลยังไง แต่เผอิญว่าเห็นคนบางคน น้ำตาคลอเบ้าเลยมาดูเสียหน่อย ไม่รู้ว่าเสแสร้งแกล้งทำ หรือรู้จักที่จะหึงหวงผัวขึ้นมาบ้างแล้ว!”“หึงจริงๆ น่ะแหละเพคะ” ไลลายอมรับออกไปตรงๆ ถึงแม้ใ
กัปตันลุกขึ้นแล้วเดินออกประตูไปก่อน ผงกศีรษะให้นิดหนึ่งเมื่อเห็นพริมโรสยืนอยู่หน้าประตู เจ้าชายอิสราร์ยืนมองหญิงสาวผ่านช่องประตูห้องนักบินอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอื้อมมือมาคว้าแขนเรียวเล็กดึงเข้ามาปะทะอกกว้าง รวบร่างบางเข้ามากอดรัดอย่างแนบแน่น ฝ่ามือข้างหนึ่งประคองไว้หลังศีรษะ แล้วบดขยี้ริมฝีปากร้อนระอุกับริมฝีปากนุ่มอย่างหิวกระหาย เร่าร้อนและดุเดือด เพราะอะดรีนาลีนที่หลั่งออกมาหลังจากเพิ่งจะผ่านเหตุการณ์เฉียดตาย กระตุ้นให้อารมณ์ของเขาพลุ่งพล่าน“อื้อ!..” ปลายลิ้นเงอะงะถูกดูดดุนและเกี่ยวกระหวัดไว้ด้วยลิ้นเร่าร้อนของอีกฝ่ายโดยไม่เปิดโอกาสให้ได้พักหายใจ ทำให้เกิดเสียงประท้วงแผ่วๆ ในลำคอ“ที่รัก~..ผมรักคุณ” เขาถอนริมฝีปากออก กระซิบเสียงแหบพร่าแนบชิดกับริมฝีปากนุ่มอุ่น เรียวลิ้นไล่ระไปบนริมฝีปากของอีกฝ่าย ก่อนประทับริมฝีปากลงมาอีกครั้ง หญิงสาวยกท่อนแขนขึ้นโอบรอบลำคอเขาไว้ ตอบรับจุมพิตด้วยจังหวะที่สอดรับกันเป็นอย่างดี เบียดร่างบอบบางเข้าแนบชิดร่างกำยำอย่างออดอ้อน ฝ่ามือหนาของเขาลูบไล้ไปตามแผ่นหลังไล่ลงไปถึงโค้งสะโพกกลมมนแล้วกดเข้าหาลำตัวตามแรงอารมณ์ที่กำลังเพิ่มมากขึ้น“เอ่อ..ทูลฝ่าบาท พายุท
รินรดานั่งเหม่อกำโทรศัพท์ไว้ในมือ หลังจากเพิ่งจะวางสายจากรามิล เขาสัญญาว่าจะรีบเคลียร์งานให้เรียบร้อย และจะตามไปหาที่เปเรซภายในสองวันเธอรู้สึกไม่สบายใจเมื่อนึกถึงความฝันเมื่อคืนที่ผ่านมา แสงสว่างที่ลอยละล่องในความมืดส่องมาที่เธอ พร้อมกับเสียงกระซิบที่แผ่วเบาแต่ชัดเจน เสียงนั้นไม่ใช่เสียงของใครในโลกนี้ มันเหมือนเสียงที่มาจากที่ไกลโพ้น ฟังดูทั้งใกล้และไกลในเวลาเดียวกัน ‘ถึงเวลาแล้ว…จงทำตามสัญญา’หญิงสาวไม่ได้บอกใครว่าหลังจากที่เธอ และพี่ชายฟื้นขึ้นมา เธอได้เห็นถึงความศักดิ์สิทธิ์ของหินพ่อมดลาบราดอไลต์ ด้วยความสงสัยและความหวัง เธอแอบพระมารดาเข้าไปในห้องลับ ท่องบทสวดที่เธอแอบจดเอาไว้ และอธิษฐานถึงสิ่งที่อยากรู้ที่สุดในชีวิตตอนนั้น นั่นก็คือการตามหาครอบครัวที่แท้จริงจากนั้นเธอก็ฝันซ้ำๆ เดิมๆ อยู่หลายครั้งจนมาถึงปัจจุบัน ไม่รู้ว่าบุคคลในฝันเป็นใคร เธอจำเรื่องราวได้ รู้ว่าคนในฝันเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย แต่จำหน้าไม่ได้เลยสักคน และครั้งที่ไปโรงพยาบาลจนเกิดอาการใจสั่น แล้วเจ็บแปลบอย่างรุนแรง จนหมดสติไปในครั้งนั้น ก็ทำให้เธอได้เห็นผู้หญิง ที่มีหน้าตาเหมือนเธอราวกับฝาแฝดชัดเจนเป็นครั้งแรก ในห้วงฝ
“อะไรนะ!! แล้วได้ลงจอดฉุกเฉินไหม? งั้นถ้าจำเป็นต้องเปลี่ยนแผนโยกย้ายคนจากรัฐดีไปรัฐอีก็ดำเนินการได้เลย! อืม..ฉันอยู่บนเครื่องบินแล้ว คงจะถึงไล่ๆ กัน!...ได้!…เอาตามนั้น!”เจ้าชายอิดรีสชะงักมือที่กำลังวางโทรศัพท์บนโต๊ะหัวเตียง ขณะที่ปรายหางตาเห็นหุ่นอรชรอ้อนแอ้นกำลังเยื้องกรายเข้ามาในห้องด้วยกิริยาท่าทางที่ยั่วยวนหญิงสาวเข้ามายืนห่างจากเตียงไปประมาณหนึ่งช่วงแขน ค่อยๆ ปลดอาภรณ์ออกจากตัวทีละชิ้นอย่างเชื่องช้า พร้อมช้อนสายตาขึ้นมองชายหนุ่มอย่างเย้ายวนชวนเชิญเจ้าชายอิดรีสหยิบหมอนสองใบมาซ้อนหลัง นั่งกึ่งเอนพิงพนักหัวเตียงพาดแขนไว้บนเข่าข้างหนึ่งที่ตั้งชันขึ้น หรี่ตามองด้วยสีหน้าเรียบเฉยแต่ดูเยือกเย็น กิริยาภายนอกยังคงสงบนิ่ง รอบกายยังเผยความเย่อหยิ่งจองหองออกมาด้วยเขาเหลือบตามองนาฬิกาที่โต๊ะหัวเตียง ทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายเลือกเวลาได้เหมาะเจาะ ไลลาไปสั่งงานกับเด็กรับใช้ได้สักพักใหญ่ๆ แล้ว และคงกำลังใกล้จะกลับมา เลยเปิดโอกาสให้น้องสาวสวมบทบาทน้องรักหักเหลี่ยมโหดเพื่อทำร้ายจิตใจผู้เป็นพี่ได้อย่างถูกที่ถูกเวลา เขาปล่อยให้อีกฝ่ายทำตามใจ โดยไม่ได้ปริปากเอ่ยทักท้วง เพื่อจะรอดูว่าเธอจะเปิดเผยเนื้อตั
"ฝ่าบาท! แย่แล้วเพคะ! กัปตันถูกทำร้ายขอความช่วยเหลือจากฝ่าบาทด่วนเลยเพคะ!" เจ้าชายอิสราร์ลุกพรวดขึ้น พริมโรสผวาลุกตามแล้วพยุงแขนเขาไว้ข้างหนึ่ง"เกิดอะไรขึ้น?" ชายหนุ่มถามขณะก้าวเท้าออกเดินได้ไม่เร็วนัก มือเรียวจึงจับแขนเขายกขึ้นแล้วก้มตัวลอดศีรษะเข้าไปใต้แขนแข็งแรง ก่อนจะวางแขนเขาให้เกาะไหล่เธอไว้เพื่อช่วยพยุง ทำให้ชายหนุ่มเดินได้เร็วขึ้นกว่าเดิม"นักบินผู้ช่วยลอบทำร้ายกัปตันเพคะ! โชคดีว่าอยู่ในความสูงที่กัปตันเปิดโหมดออโต้ไพลอทเอาไว้ ทันทีที่เกิดเรื่องเขากดอันล็อกประตูทำให้พวกเราได้ยินเสียงและเข้าไปช่วยเหลือเขาไว้ได้ทันเวลา ตอนนี้องครักษ์ลากตัวหมอนั่นออกไปแล้วเพคะ!""ทำไมไม่ตามนักบินเสริมให้ขึ้นมาแทน?""หม่อมฉันไปปลุกแล้วไม่ตื่นเลยทั้งสองคน ไฟล์ทเนิร์ซกำลังดูอาการพวกเขาอยู่ กัปตันเลยให้มาขอความช่วยเหลือจากฝ่าบาทเพคะ!"ลูกเรือต่างก็เห็นพ้องต้องกันทุกคนว่า นาทีนี้ไม่มีใครจะเหมาะสมเท่ากับเจ้านายพระองค์นี้อีกแล้ว เขามีชั่วโมงบินของการเป็นนักบินเอฟสามสิบห้า ของกองทัพรวมห้าพันแปดสิบห้าชั่วโมง ในจำนวนนี้ มีชั่วโมงของการทำหน้าที่นักบินผู้ช่วย อยู่แปดร้อยแปดสิบสี่ชั่วโมงกับเครื่องบินรุ่นนี้