เจ้าชายอิสราร์ นั่งกึ่งเอนพิงพนักหัวเตียง อ่านรายงานขอเสนออนุมัติโครงการของบริษัทที่รินรดานำมาให้เขาเซ็น พออ่านจบก็ลงลายมือชื่อเพื่อให้ดำเนินการได้ จากนั้นก็ปิดแฟ้มนำไปวางที่หัวเตียง ถอดแว่นตาวางไว้ด้านบน แล้วหยิบโทรศัพท์มาอ่านข่าวทั่วไปเพื่อฆ่าเวลา
เขารู้ว่าห้ามภรรยาไม่ให้กลับไปที่เกิดเหตุอีกไม่ได้ จึงทำเป็นนิ่งเฉยแล้วตรงเข้ามาห้องนอนเลย รอเวลาให้เธอได้ทำในสิ่งที่อยากทำให้เต็มที่ เสร็จแล้วก็คงกลับมาเอง
…
พริมโรสออกมาจากลิฟต์แล้วตรงไปที่ห้องเกิดเหตุ บอกตรงๆ ว่าเธอไม่ใว้ใจใครทั้งนั้น โดยเฉพาะเพื่อนที่เจ้าเล่ห์อย่างเจ้าชายอิดรีส ขนาดบางรายเป็นเพื่อนที่คบกันมาเกือบสิบปี ยังลงมือทำร้ายกันได้ภายในสิบวินาที เพียงแค่มีความเห็นที่แตกต่างและมีผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง ถ้าเพื่อนยังกลายมาเป็นศัตรูได้แบบนี้เราก็ไม่ต้องกลัวใครอีกแล้ว เพราะศัตรูที่น่ากลัวที่สุดก็คือคนที่เราเชื่อได้อย่างสนิทใจ
กรณีนี้ก็เช่นกัน ใครจะรู้ว่าเขาอาจจะเป็นคนเดียวกันกับคนร้ายที่สร้างสถานการณ์เช่นนี้ขึ้นมาเพื่อใส่ร้ายสามีเธอก็ได้ เพราะนี่มันเป็นพื้นที่ของเขา เพราะฉะนั้นหาหลักฐานเพื่อเป็นการป้องกันตัวเองไว้ก่อนจึงเป็นการดีที่สุด
คาดการณ์ทุกเรื่องก่อนศัตรู ย่อมอยู่ในจุดที่ไม่พ่ายแพ้!!
พริมโรสหยุดยืนหน้าห้องมองหน้ามองหลังเพื่อความมั่นใจ สอดมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อแจ็คเก็ตแล้วล้วงบอร์ดคอมพิวเตอร์ขนาดจิ๋วที่เสียบพ่วงเครื่องอ่านชิปอาร์เอฟไอดีออกมา
เธอได้ใช้เจ้าตัวอ่านชิปเครื่องนี้ สแกนคีย์การ์ดต้นแบบซึ่งเป็นห้องพักของเจ้าชายอิสราร์ไว้ก่อนแล้ว วิธีการแฮกก็ง่ายๆ ตัวเครื่องอ่านจะไปกระตุ้นชิปอาร์เอฟไอดีที่อยู่ในคีย์การ์ดต้นแบบให้ส่งข้อมูลออกมาในรูปแบบคลื่นวิทยุที่มีคลื่นความถี่ต่ำ และทำการถอดรหัสข้อมูลที่เป็นหมายเลขห้องและข้อมูลอื่นๆ เช่นการอนุญาตให้ใช้ลิฟต์ ใช้พื้นที่ส่วนกลาง หรือแม้แต่ระบบไฟในห้องพัก ออกมาจากคีย์การ์ดต้นแบบนั้น
หลังจากนั้นเธอก็เปลี่ยนโค้ดสถานะจากเดิมที่เซตค่าไว้ให้เป็นเกสต์หรือแขกที่เข้าพักทั่วไป ให้เปลี่ยนมาเป็นแท็กแบบมาสเตอร์การ์ดแทน เท่านี้ก็สามารถที่จะเปิดประตูห้องพักห้องไหนก็ได้ในโรงแรมแห่งนี้ได้แล้ว
ตี๊ด!!
เพียงไม่กี่วินาทีประตูก็ปลดล็อค หลังจากที่แตะตัวอ่านการ์ดไปที่แผงวงจร และไม่รู้ว่าเธอตาฝาดไปหรือเปล่าที่เห็นแสงขาวๆ แวบหนึ่งผ่านสายตาไป ในขณะที่ประตูได้เปิดแง้มออกในตอนแรก แต่คิดว่าอาจจะเป็นแสงวาบที่เกิดขึ้นจากนัยน์ตาตัวเองก็เป็นได้ จึงไม่ได้เอะใจอีก
พริมโรสปลดสายคล้องไหล่ลงมา เปิดกระเป๋าเป้แล้วเอาอุปกรณ์ใส่เข้าไป หันมองซ้ายมองขวาขณะที่มือก็รูดซิปปิดไปด้วย แล้าเอาคล้องไหล่ไว้ดังเดิม มือเรียวผลักประตูให้แง้มออกกว้างอีกหน่อย แล้วแทรกตัวเข้าประตูไปอย่างรวดเร็ว
ร่างบอบบางยืนนิ่งเพื่อปรับสายตาให้ชินกับความมืด แล้วสอดมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อที่สวมอยู่ ล้วงไฟฉายแสงยูวีหรือแบล็คไลท์ที่มีค่าความยาวคลื่นสั้นออกมา กดปุ่มเปิดแล้วส่องไปตามพื้นผิวตามโต๊ะและที่นอนแต่ก็ไม่พบอะไร จึงย่อตัวลงมาส่องที่พื้นพรม
หญิงสาวตาวาบขึ้นด้วยความยินดีเมื่อเจอบางสิ่งที่สะท้อนแสงกลับมาหลายอย่าง เธอวางไฟฉายกับพื้น ดึงสายคล้องไหล่ของกระเป๋าเป้ลงมาเปิดเอาอุปกรณ์สำหรับเก็บหลักฐานต่างๆ ออกมาวางเรียงกับพื้น
มือเรียวหยิบสำลีพันก้านขึ้นมาแตะลงไปบนคราบที่เข้มกว่าสีพรม ซึ่งคาดว่าน่าจะเป็นอสุจิ กดย้ำๆ อยู่หลายรอบแล้วยกขึ้นมาส่องไฟ ปรากฏว่าไม่มีแสงสะท้อนติดอยู่ที่สำลี จึงไปหยิบกรรไกรมาตัดขนของพรมตรงตำแหน่งนั้น แล้วคีบใส่ถุงซิปล็อคแยกไว้สองถุง จากนั้นคีบเส้นผมทั้งเส้นสั้นเส้นยาวใส่รวมไปในถุงเดียวกัน
จุดต่อไปเธอคาดว่าน่าจะเป็นคราบเลือด จึงใช้กรรไกรตัดขนพรมส่วนนั้นแล้วเก็บใส่ถุงแยกไว้หนึ่งถุงต่อหนึ่งจุด เมื่อเสร็จเรียบร้อยก็เก็บอุปกรณ์ทั้งหมดลงกล่อง รวบรวมถุงซิปล็อคที่มีหลักฐานสำคัญใส่ไปในกระเป๋าเป้
จากนั้นส่องไฟกราดไปตามพื้นบริเวณอื่นๆ เพื่อหาหลักฐานเพิ่ม จนมาสะดุดที่รองเท้าหนังคู่หนึ่งตรงมุมห้อง ทำให้ชะงักกึกทันที
เฮ้ย!!
ปฏิกิริยาไวกว่าความคิด เธอม้วนตัวกลับหลังอย่างว่องไว แต่ยังไม่ทันที่จะตั้งหลักลุกขึ้นได้ ก็ถูกเตะมาที่ไหล่ข้างหนึ่งอย่างหนักหน่วง แรงปะทะทำให้ร่างบางถลานอนคว่ำไปกับพื้น ไฟฉายหลุดมือกระเด็นกลิ้งขลุกๆ ห่างมือไปไกล
เธอเห็นเงาดำเคลื่อนไหวรางๆ ในความมืด กำลังเคลื่อนตัวเข้ามาใกล้ จึงรีบบิดตัวตะแคงข้างอย่างรวดเร็ว วางมือและแขนค้ำยันกับพื้น เอาเท้าข้างหนึ่งเกี่ยวล็อคที่ข้อเท้าของคนในความมืดไว้ทางด้านหน้า แล้วกวาดเท้าอีกข้างเตะกลับหลังอย่างเต็มแรงไปที่ข้อพับเข่าของอีกฝ่าย จนมันเข่าทรุดล้มคะมำคว่ำหน้าลงพื้น จากนั้นเอาขาตัวเองกดไว้ใต้พับเข่าแล้วเอาขาอีกข้างเกี่ยวขาของคนร้ายแล้วพับขึ้น เป็นการหนีบล็อคไว้เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายพลิกตัวกลับมาได้ แต่จังหวะที่เธอกำลังยกแขนบิดเพื่อไปเอาไปล็อคไว้กลางหลัง คนร้ายยอมเจ็บที่ขาเบี่ยงตัวเหวี่ยงศอกหมายจะกระแทกที่ศีรษะเธอ พริมโรสจึงรีบปล่อยมือ ผละตัวเองออกไปตั้งหลัก
ในระยะที่แสงส่องถึง เธอเห็นชายปริศนาคนนั้น กำลังยันตัวลุกขึ้น จึงรีบยกมือเรียวข้างขวากุมไปที่สายรัดข้อมือที่เป็นเชือกพาราคอร์ดถัก นิ้วโป้งกับนิ้วชี้กดอยู่ตรงตำแหน่งของตัวล็อคก้ามปูแล้วบีบนิ้วทั้งสองข้างเข้าหากันอย่างรวดเร็ว หัวล็อคก้ามปูหลุดออกจากกัน ด้านที่เธอกำอยู่ คือใบมีดที่ทำจากแสตนเลจ ที่มีความยาวประมาณห้าเซนติเมตร เมื่อหญิงสาวเหวี่ยงปลายหัวล็อคให้อ้อมหลังมือเข้ามาด้านใน ตัวล็อคจึงดึงดูดเข้าหากับส่วนท้ายของด้ามมีดที่เป็นแถบแม่เหล็ก แล้วดูดติดกันไว้อย่างเหนียวแน่น กลายเป็นด้ามจับแบบสายรัดที่มือ เตรียมพร้อมจะต่อสู้ในระยะประชิดได้ในทันที
เจ้าของรองเท้าหนังเดินเข้ามาใกล้กับแสงไฟ ก้มตัวทำท่าจะหยิบไฟฉายขึ้นมา ร่างบางจึงพุ่งตัวออกไปทันทีพร้อมง้างมีดในมือนำหน้าไปก่อน อีกฝ่ายเหมือนระวังตัวอยู่แล้วจึงส่องไฟเข้าใบหน้า ทำให้เห็นคนที่กำลังจู่โจมเข้าหาเขาอย่างชัดเจน
“โอ๊ะ!!” เขาร้องออกมาคล้ายตกใจที่เพิ่งจะเห็นอาวุธ รีบยกมือขึ้นสะบัดตีที่แขนข้างที่มีมีดให้ออกห่าง แล้วยกเท้าขึ้นคาดว่าคงจะเตะหรือถีบยัน แต่หญิงสาวตาไวเพราะเห็นจากแสงที่วูบไหวไปมาอยู่แวบๆ จึงกระโดดหลบไปอีกทาง แล้ววาดมีดในกำมือโผนเข้าไปใหม่ไม่ให้เขาได้ทันตั้งตัว
“หยุดก่อน!! ผมเอง!” ชายปริศนาร้องห้ามออกมาเสียงลั่น กระโดดหลบไปแถวประตู แล้วสอดคีย์การ์ดเข้าไปในกล่องเสียบข้างผนังอย่างรวดเร็วเพื่อเปิดไฟ ห้องทั้งห้องสว่างจ้าขึ้นมาในทันที ตามด้วยเสียงหึ่งๆ ของแอร์คอนดิชั่นเนอร์ภายในห้องพัก
“เจ้าชายอิดรีส!!”
“ใช่! ผมเอง”
“ให้ตาย! ฝ่าบาท! ทำไมยังอยู่ที่นี่ล่ะเพคะ?”
“ผมควรจะสบถมากกว่าไหม? แล้วคุณล่ะทำไมถึงกล้ามาคนเดียว? ถ้าเจอคนร้ายจะทำยังไง?”
“หวังว่าคงไม่ใช่ฝ่าบาท!!”
“ต้องไม่ใช่ผมอยู่แล้ว! ผมไม่มีรสนิยมขืนใจผู้หญิง! ผมเคร่งศาสนามากทีเดียว บอกเอาไว้เผื่อคุณยังไม่รู้!”
“แล้วมาทำอะไรในห้องมืดๆ เพคะ ไฟก็ไม่เปิด?”
“ตอนแรกก็เปิดอยู่ แต่พอได้ยินเสียงติ๊ดที่ประตูเลยดึงคีย์การ์ดออก ผมก็ไม่นึกว่าจะเป็นคุณ จนไฟฉายส่องหน้าถึงได้รู้! คุณนี่ขวัญกล้ามากทีเดียวที่ทำแบบนี้!”
“หม่อมฉันต้องทำทุกทางเท่าที่จะทำได้ เพื่อปกป้องสามีจากเหตุการณ์ร้ายๆ เพคะ!”
“ตอนนี้เข้าใจกระจ่างแล้วว่า ทำไมเขาถึงได้ถูกใจคุณนักหนา! มา! มานั่งคุยกันก่อนสิ”
เขาผายมือให้ไปนั่งที่โซฟามุมห้องแล้วนั่งลง พริมโรสมองเขายกขาขึ้นไขว่ห้างแต่เธอไม่ได้เดินตามไปนั่งด้วย ยังคงยืนอยู่ที่เดิม
“หม่อมฉันขอถามคำถาม ที่ค่อนข้างจะละลาบละล้วง ได้ไหมเพคะ? หญิงสาวยิงคำถามที่อยากรู้ทันที โดยตีมึนทำเป็นลืมเรื่องความควรไม่ควรไปเสียชั่วคราว
“ส่วนตัวขนาดไหนล่ะ? ลองถามมาก่อนก็ได้ ตอบได้ก็จะตอบ”
“พระบิดาของฝ่าบาท ถูกเจ้าชายอิสราร์ ลากลงจากบัลลังก์โดยการทำรัฐประหาร ฝ่าบาทไม่รู้สึกโกรธแค้นแทนบ้างเลยหรือเพคะ? หรือเหตุผลที่ร่วมมือกับเขาก็เพื่อรอวันที่จะเอาคืน!”
“ขี้ระแวงเสียจริง! เอาเป็นว่าถึงพ่อผมจะเป็นพวกไซโคพาธสังหารบิดาฆ่าพี่น้อง และแน่นอนว่าผมก็อาจจะมียีนฆาตกรของเขาอยู่ในตัวไม่มากก็น้อย แต่ผมและพระมารดาถูกเขาทำร้ายร่างกาย และจิตใจมาตลอด การล่มสลายของเขาจึงไม่มีผลต่อชีวิตและจิตใจของผม อาจเพราะมีพระมารดารักและเอาใจใส่ตั้งแต่เล็กละมัง จึงรู้สึกว่าโลกนี้ก็ไม่ได้โหดร้ายกับผมเท่าไหร่นัก เพราะฉะนั้นผมจะไม่มีวันทำร้ายสามีคุณ เขาคือเพื่อนร่วมชะตากรรม และเป็นคนที่เข้าใจความรู้สึกของผมมากที่สุดในโลก!”
“แล้ว..เขา..ที่ฝ่าบาทพูดถึงคนนั้น เป็นใครกันหรือเพคะ?”
“อ้าว! อิสราร์ไม่ได้เล่าให้ฟังหรอกรึ? ถ้าไม่เล่าแสดงว่าต้องมีเหตุผล คุณกลับไปถามเขาเองดีกว่า เพราะมันมีเบื้องลึกเบื้องหลังที่พัวพันกับเขามากมาย ผมว่าเขาน่าจะให้คำตอบได้กระจ่างชัดกว่า”
“คนที่วางระเบิด กับที่ยิงกราดผู้คน ในศูนย์ประชุมนานาชาติ เป็นฝีมือของเขาคนนั้นด้วยหรือเปล่าเพคะ?”
“นั่นไม่ใช่การวางระเบิดแต่เป็นโดรนพิฆาต ฝีมือพ่อผมเองที่เอาคืนประธาธิบดีอเมริโกย เขาหวังผลให้เกิดสงครามกับประเทศเรียซัส ซึ่งความเป็นความตายของอิสราร์ก็คือผลพลอยได้ของเขาไปด้วย ส่วนไอ้ที่ยิงกราดนั่น ผมว่าคุณไปหาไล่เลียงกับทางทีแลนด์เองดีกว่าว่ากำลังร่วมมืออยู่กับใคร!” พริมโรสได้ยินดังนั้นก็เบิกตากว้างขึ้น เพราะเป็นสิ่งที่เธอพยายามหลีกเลี่ยงที่จะค้นหาคำตอบ เธอกลัวที่จะรับรู้เรื่องนี้
“และเหตุระเบิดรถพระที่นั่งที่ทางหลวง กับตามไล่ล่าที่คอนโดริมน้ำ ฝ่าบาทพอจะรู้ที่มาที่ไปหรือไม่เพคะ?”
“ฝีมือของเขาทั้งหมด ผมยังส่งคนไปช่วยตามหาสามีคุณด้วยเลย แต่รู้สึกว่าจะไปช้ากว่ามือสังหารนั่นเสียอีก คุณก็รู้จักคนของผมดีนี่! เขาเป็นคนทีแลนด์เหมือนกัน!” เจ้าชายอิดรีสยิ้มกริ่มที่มุมปาก
“ชารีฟหรือเพคะ?” พริมโรสอุทาน เบิกตากว้างอย่างคาดไม่ถึง
“เขานั่นล่ะ! แต่ตอนนี้กำลังทำงานสำคัญ เขาเป็นสายลับสองหน้า ทำหน้าที่แทรกซึมเข้าไปทำงานกับฝ่ายนั้น แล้วคอยส่งข่าวให้ผม ซึ่งฝ่ายนั้น ก็ส่งคนปะปนมา โดยที่พวกเราไม่รู้เหมือนกัน อย่างเช่นเหตุการณ์ในครั้งนี้เป็นตัวอย่าง ต่อไปนี้ก็ต้องคอยระแวดระวังให้มากขึ้นกว่าเดิมไปอีก อ้อ! แล้วหลักฐานที่เพิ่งจะเก็บไป ส่งให้ผมได้ไหม? ผมจะจัดการให้เอง!”
“แต่ว่า…” ชายหนุ่มอ่านความไม่ไว้เนื้อเชื่อใจในน้ำเสียงนั้นออก หรืออาจจะถึงขั้นไม่น่าเชื่อถือเสียด้วยซ้ำ
“ไม่ไว้ใจผม?”
“เพคะ!” เจ้าชายอิดรีสหงายหน้าหัวเราะอย่างอารมณ์ดี เขาชอบคนที่แสดงออกอย่างตรงไปตรงมาแบบนี้ รู้สึกถูกชะตากับหญิงสาวมากขึ้นกว่าเก่า
เขาหยุดหัวเราะเมื่อได้ยินเสียงอย่างหนึ่งดังขึ้น จึงหันมองไปทางประตู พอแน่ใจว่าเป็นเสียงเคาะประตู จึงรีบลุกเดินไปเปิดโดยเร็ว
“มาช้าจัง! นึกว่าจะไม่มาแล้ว!”
“เพิ่งจะเห็นข้อความเพคะ อ๊ะ!” ไลลาชะงักที่เห็นผู้หญิงอีกคนในห้อง หันขวับไปมองว่าที่คู่หมั้นทันทีแล้วจ้องเขม็ง ดวงตาคมหวานที่กำลังหรี่ลงคล้ายมีประกายไฟแล่บออกมาด้วยจางๆ ขบริมฝีปากล่างเอาไว้ราวกับกำลังข่มกลั้นอารมณ์บางอย่าง กำหมัดทั้งสองข้างเข้าหากันแน่น ร่างทั้งร่างแผ่รังสีโหดเหี้ยมออกมาจนเขารู้สึกได้
“เปล่านะ!! ฉันไม่ได้นัดเขามา ถามเขาได้เลย! เขาแอบสะเดาะกุญแจเข้ามาเองด้วยซ้ำ!” เจ้าชายอิดรีสรีบแก้ตัวเป็นพัลวัน
“อ่า.. พอดีหม่อมฉันเข้ามาเก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุเพคะ ก็ไม่นึกว่าจะได้พบเชคฮ์เหมือนกัน” พริมโรสเห็นควรออกตัวสนับสนุนคำพูดของเขา ซึ่งก็ดูเหมือนจะได้ผล รังสีอำมหิตสลายไปอย่างรวดเร็ว และมีสีหน้าสดใสขึ้นมาทันตาราวกับฟ้าหลังฝน ชายหนุ่มที่กลั้นหายใจมองอยู่ ลอบเป่าปากออกมาอย่างโล่งอก
“แล้วเจอหลักฐานอื่นอีกไหม นอกจากหลักฐานปรักปรำเชคฮ์อิสราร์น่ะ?” ไลลาหันมาถามอย่างอยากรู้เต็มที่
“เจอเพคะ แต่ว่า…”
“เขาไม่เชื่อใจฉันน่ะ ยังคงคิดอยู่ว่าฉันคือคนร้ายคนนั้น!” เขายักคิ้วหลิ่วตาให้ ในขณะที่ปากก็บ่นเธอไปด้วย
“ก็สภาพแวดล้อมคือหลักฐานที่ปรักปรำฝ่าบาท พอๆ กับที่เชคฮ์อิสราร์ก็โดนเหมือนกันนี่เพคะ” ไลลายิ้มหวานให้ชายหนุ่มเพื่อปลอบใจ หันมาพูดกับพริมโรสอย่างหนักแน่น ดวงตาทอประกายเด็ดเดี่ยวอย่างที่ไม่มีใครจะมาสั่นคลอนได้
”เพราะฉะนั้นคุณพริมโรสคู่หมั้นของฉันกับคู่หมั้นของคุณ ถูกจัดฉากทั้งคู่ เรามาทำให้คนร้ายตัวจริง ที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์เลวทรามนี้ได้รับผลกรรมที่มันก่อกันเถอะค่ะ! ฉันสัญญาด้วยชีวิตเลยว่า จะลากมันไปให้ฝูงชนประณามและลงประชาทัณฑ์ให้ได้! การขังไว้แค่ในคุกจะทำให้มันสบายเกินไป คุณต้องเห็นสภาพของน้องสาวฉัน แล้วคุณจะรู้ว่าทำไมฉันถึงได้รู้สึกโกรธขนาดนี้!” ดวงตาคมหวานหรี่ลง สายตาเหมือนอยากจะฆ่าใครสักคนขึ้นมาเดี๋ยวนั้น ปลายเสียงสั่นนิดๆ คล้ายกำลังสะเทือนใจ
ประกายอ่อนโยนวาบขึ้นมา ในส่วนลึกของดวงตาสีดำสนิท ชายหนุ่มเอื้อมมือ ดึงแขนเรียวให้เข้ามาใกล้ แล้วโอบเอวไว้หลวมๆ พยายามที่จะถ่ายทอดพลังความรักและความอบอุ่นให้กับหญิงสาว
“โอเคเพคะ!” พริมโรสตัดสินใจในที่สุด “หม่อมฉันเชื่อใจฝ่าบาท ยังไงเราก็เป็นเพศหญิงเหมือนกัน และถ้ามีอะไรที่หม่อมฉันพอจะช่วยเหลือได้ ก็ตรัสมาได้เลยเพคะ เพื่อปกป้องสามีแล้วหม่อมฉันยินดีทำทุกอย่าง!”
“ฉันรู้แล้วว่าทำไมคนที่เขาเลือกถึงเป็นคุณ คนประเภทเดียวกันชัดๆ!” แววตาความเชื่ออย่างบ้าระห่ำเจิดจ้าขึ้นในความคิดของไลลา
“หือ!! ปากร้ายเหมือนกันนะเรา! ไปกล่าวหาคุณพริมโรสว่ากากเหมือนนายอิสราร์ได้ยังไง! ไม่เอามานี่! ต้องลงโทษเสียหน่อยแล้ว!”
มุมปากพริมโรสพลันกระตุกรอยยิ้มแข็งค้างทันควัน บุรุษตรงหน้าแม้จะพูดด้วยรอยยิ้มที่ประดับอยู่บนริมฝีปาก แต่ถ้ามองลึกเข้าไปในจิตใจแล้ว จะเห็นถึงติ่งอารมณ์ของพวกไซโคพาธที่ต้องการใช้คำพูดร้ายๆ จิกกัดสามีของเธออยู่ตลอดเวลา และดูเหมือนจะทำไปเพื่อความสะใจส่วนตัวล้วนๆ อีกด้วย
เฮอะ! ฉันประเมินเขาสูงไปสินะ! โชคดีที่ไม่ใช่คนคิดมาก!!
“ว้าย! ฝ่าบาทหยุดนะเพคะ นี่มันยามวิกาลแล้ว อย่ามาหาเหตุล่วงเกินหม่อมฉัน หยุดๆ!”
พริมโรสลอบขำในใจ หยิบกระเป๋าเป้ที่พื้นมาเปิดเอากล่องหลักฐานออกมาวางหน้าโต๊ะโซฟา แล้วย่องออกไปด้านนอกอย่างเงียบเชียบ
“ฉันจะทนไม่ไหวแล้วนะที่รัก! ต้องให้รอไปอีกนานแค่ไหนกัน ฮึ?” สวรรค์รู้ดีว่าเขาต้องอดทนและทรมานแค่ไหน อยู่ใกล้กันแค่มือเอื้อมเท่านี้ แต่กลับทำอะไรไม่ได้ดังใจคิด
“แค่พรุ่งนี้ ก็รอไม่ได้เลยเชียวหรือเพคะ?”
“พรุ่งนี้?”
“ก็จดทะเบียนให้เรียบร้อย จากนั้นหม่อมฉันจะตามใจทุกอย่าง!” ไลลายิ้มเอียงอาย เธอยอมรับกับตัวเองว่ารู้สึกรักและต้องการเขาเช่นเดียวกัน ในเมื่อรู้แล้วว่าอนาคตของเธอคือเขา ก็ไม่จำเป็นต้องไปฝืนกฎธรรมชาติอีก
“เยี่ยม!! งั้นไหนๆ จะจดทะเบียนพรุ่งนี้อยู่แล้ว ก็เข้าหอเสียก่อนเลยเป็นไง?”
“อ๊ะ! ทำไมที่ผ่านยังทนได้! เดี๋ยวๆ! เอากล่องบนโต๊ะไปด้วย!”
…………………….
ไซโคพาธ (Psychopaths)
เป็นหนึ่งในกลุ่มของโรคบุคลิกภาพผิดปกติแบบต่อต้านสังคม โดยมีลักษณะ ขาดความเห็นใจผู้อื่น / ขาดความสำนึกผิด / ความรู้สึกด้านชาไม่เกรงกลัว / ขาดความยับยั้งชั่งใจ / เอาตัวเองเป็นจุดศูนย์กลาง / มักเชื่อมโยงกับพฤติกรรมความรุนแรงซ้ำๆ และก่อให้เกิดอาชญากรรม
เอ็นจิเนียและเมนเทนแนนซ์ กำลังทำการตรวจสอบรอบเครื่องบินอย่างละเอียดหรือที่เรียกว่าทรานซิทเช็ค ซึ่งใช้เวลาประมาณสามสิบนาที อีกทั้งยังเป็นหน้าที่ของนักบินที่ต้องตรวจความพร้อมอีกรอบ เพื่อให้มั่นใจว่าจะทำการบินได้อย่างปลอดภัยสูงสุดพริมโรสเดินตามกัปตัน สำรวจความเรียบร้อยทั่วไป อย่างเงียบๆ ไม่พยายามไปรบกวนสมาธิของเขา เครื่องบินส่วนตัวลำนี้จอดอยู่บริเวณอาคารผู้โดยสารส่วนบุคคล ซึ่งเป็นไพรเวทเทอร์มินอลแบบวีไอพี แยกส่วนออกจากท่าจอดอากาศยานทั่วไปของสนามบิน"ถ้าคุณสนใจ สามารถไปนั่งที่อ็อบเสิฟเฝอะสีท ได้นะครับ" กัปตันอนุญาตอย่างใจดี ซึ่งอ็อบเสิฟเฝอะสีทเป็นที่นั่งด้านหลังกัปตันเรียกว่าที่นั่งสังเกตการณ์ พริมโรสยิ้มให้อย่างสุภาพ "ขอบคุณค่ะ ฉันแค่ตรวจสอบทั่วๆ ไปในฐานะผู้ดูแลความปลอดภัยของเชคฮ์เท่านั้นค่ะ แค่กัปตันอนุญาตให้ฉันเดินไปด้วยกันอย่างนี้ ก็รู้สึกเกรงใจมากแล้ว" พริมโรสกล่าวอย่างนอบน้อม"อย่าพูดอย่างนั้นสิครับ ผมเข้าใจดีว่าความปลอดภัยของเชคฮ์ย่อมมาก่อนเสมอ เพียงแต่ผมประหลาดใจนิดหน่อยที่คุณทุ่มเท และใส่ใจในการทำงานมากกว่าองครักษ์คนอื่นๆ เสียอีก" เขาได้ยินพวกลูกเรือคุยกันว่า เชคฮ์กับหัวหน้าอง
ไลลายังไม่ได้หลับ กำลังนึกถึงคำขอร้องของน้องสาวอย่างลำบากใจ เนญ่าขอให้เธอรับเป็นขายารองของเจ้าชายอิดรีสอย่างถูกต้องตามธรรมเนียม ในฐานะลูกผู้หญิงเหมือนกันก็พอจะเข้าใจถึงความสูญเสียอันน่าขมขื่น และยิ่งรู้สึกแย่ที่สถานการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นในครอบครัวของเธอเอง แต่การที่จะไปยัดเยียดผู้หญิงให้เขาทั้งๆ ที่เห็นอยู่กับตาแล้วว่าเขาไม่ได้แยแสน้องสาวเธอเลยสักนิด ดูจะเป็นการหาเรื่องใส่ตัวเองเสียมากกว่า เธอจึงปฎิเสธไปตรงๆ และจะช่วยหาวิธีแก้ไขปัญหาทางอื่นให้ แต่ก็กลายเป็นคนที่โหดร้ายและแล้งน้ำใจในสายตาอีกฝ่ายขึ้นมาทันที"ถ้าพี่หญิงไม่ช่วย น้องจะฆ่าตัวตายหนีความอัปยศ! ถ้าไม่ใช่เชคฮ์อิสราร์เป็นคนทำก็ต้องเป็นเชคฮ์อิดรีส เหตุมันเกิดในพื้นที่ของเขาจะปัดความรับผิดชอบทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นได้ยังไง! เผลอๆ เขาอาจจะเป็นคนบงการก็ได้ โรงแรมมีระบบรักษาความปลอดภัยหลายชั้น ใครหน้าไหนจะกล้าเข้ามา!" “อย่าพูดจาเพ้อเจ้อ! เขาจะไปทำเรื่องแบบนั้นได้ยังไงในเมื่อเขาอยู่กับพี่ตลอดเวลา!”“น้องไม่รับรู้ ถ้าพี่หญิงไม่ช่วย น้องจะทำร้ายตัวเองจนกว่าพี่หญิงจะยอม!” ไลลารู้ว่าน้องสาวกำลังกดดันให้เธอรู้สึกผิดทั้งๆ ที่ไม่ได้ทำอะไรผิด ได้
ฮัลดายืนอยู่ตรงช่องประตู มองหญิงสาวที่นั่งอยู่ที่โต๊ะหน้าห้องทำงานของเจ้านาย ด้วยแววตาชิงชังราวกับมีความแค้นกันมานับร้อยนับพันปี“อ้าว! ฮัลดาเข้ามาสิ ยืนอยู่ทำไม!”ฮัลดาเดินเข้ามาใกล้อย่างอ้อยอิ่ง พริมโรสทำมือให้นั่งลงที่เก้าอี้หน้าโต๊ะ พร้อมหยิบกระดาษจดหมาย ที่นัดให้เธอไปพบในสวนของโรงแรม และกระดุมเม็ดหนึ่งวางไว้บนโต๊ะตรงหน้าหญิงสาว ในขณะที่สายตาก็มองอีกฝ่ายอย่างไม่วางตา จึงทันได้เห็นแววตาไหววูบแวบหนึ่งแล้วเลือนหายไปอย่างรวดเร็ว“เธอรู้หรือเปล่าว่าชัยค์เคาะฮ์เนญ่า ถูกคนลวงไปทำมิดีมิร้าย”“อะไรนะ! เกิดขึ้นเมื่อไหร่เจ้าคะ?” พริมโรสอ่านปฏิกิริยาของหญิงสาวจากสีหน้าอาการที่แสดงออกมาว่าตกใจจริงๆ ไม่ได้เสแสร้ง“เวลาเดียวกับที่มีข้อความนัดพบนี้ส่งมาให้ฉัน เจตนาก็เพื่อล่อลวงให้ฉันถูกรุมทำร้าย แต่ที่ไม่เข้าใจคือกระดุมเม็ดนี้น่ะ เอามาให้ฉันทำไม ตั้งใจจะบอกอะไร? เธอพอจะให้คำตอบกับฉันได้ไหม?”“ฉันจะรู้ได้ไงล่ะเจ้าคะ! นายหญิงต้องไปถามคนส่งเองถึงจะรู้เหตุผลที่แท้จริงของเขา”“อ้าว! ก็กำลังถามอยู่นี่ไง อย่าทำตัวเป็นปลาทองลืมง่าย!” พริมโรสพูดพลางหยิบหลักฐานออกมาวางทีละอย่าง “นี่รอยนิ้วมือเจ้าของจดหมายแ
"ฝ่าบาท! แย่แล้วเพคะ! กัปตันถูกทำร้ายขอความช่วยเหลือจากฝ่าบาทด่วนเลยเพคะ!" เจ้าชายอิสราร์ลุกพรวดขึ้น พริมโรสผวาลุกตามแล้วพยุงแขนเขาไว้ข้างหนึ่ง"เกิดอะไรขึ้น?" ชายหนุ่มถามขณะก้าวเท้าออกเดินได้ไม่เร็วนัก มือเรียวจึงจับแขนเขายกขึ้นแล้วก้มตัวลอดศีรษะเข้าไปใต้แขนแข็งแรง ก่อนจะวางแขนเขาให้เกาะไหล่เธอไว้เพื่อช่วยพยุง ทำให้ชายหนุ่มเดินได้เร็วขึ้นกว่าเดิม"นักบินผู้ช่วยลอบทำร้ายกัปตันเพคะ! โชคดีว่าอยู่ในความสูงที่กัปตันเปิดโหมดออโต้ไพลอทเอาไว้ ทันทีที่เกิดเรื่องเขากดอันล็อกประตูทำให้พวกเราได้ยินเสียงและเข้าไปช่วยเหลือเขาไว้ได้ทันเวลา ตอนนี้องครักษ์ลากตัวหมอนั่นออกไปแล้วเพคะ!""ทำไมไม่ตามนักบินเสริมให้ขึ้นมาแทน?""หม่อมฉันไปปลุกแล้วไม่ตื่นเลยทั้งสองคน ไฟล์ทเนิร์ซกำลังดูอาการพวกเขาอยู่ กัปตันเลยให้มาขอความช่วยเหลือจากฝ่าบาทเพคะ!"ลูกเรือต่างก็เห็นพ้องต้องกันทุกคนว่า นาทีนี้ไม่มีใครจะเหมาะสมเท่ากับเจ้านายพระองค์นี้อีกแล้ว เขามีชั่วโมงบินของการเป็นนักบินเอฟสามสิบห้า ของกองทัพรวมห้าพันแปดสิบห้าชั่วโมง ในจำนวนนี้ มีชั่วโมงของการทำหน้าที่นักบินผู้ช่วย อยู่แปดร้อยแปดสิบสี่ชั่วโมงกับเครื่องบินรุ่นนี้
“อะไรนะ!! แล้วได้ลงจอดฉุกเฉินไหม? งั้นถ้าจำเป็นต้องเปลี่ยนแผนโยกย้ายคนจากรัฐดีไปรัฐอีก็ดำเนินการได้เลย! อืม..ฉันอยู่บนเครื่องบินแล้ว คงจะถึงไล่ๆ กัน!...ได้!…เอาตามนั้น!”เจ้าชายอิดรีสชะงักมือที่กำลังวางโทรศัพท์บนโต๊ะหัวเตียง ขณะที่ปรายหางตาเห็นหุ่นอรชรอ้อนแอ้นกำลังเยื้องกรายเข้ามาในห้องด้วยกิริยาท่าทางที่ยั่วยวนหญิงสาวเข้ามายืนห่างจากเตียงไปประมาณหนึ่งช่วงแขน ค่อยๆ ปลดอาภรณ์ออกจากตัวทีละชิ้นอย่างเชื่องช้า พร้อมช้อนสายตาขึ้นมองชายหนุ่มอย่างเย้ายวนชวนเชิญเจ้าชายอิดรีสหยิบหมอนสองใบมาซ้อนหลัง นั่งกึ่งเอนพิงพนักหัวเตียงพาดแขนไว้บนเข่าข้างหนึ่งที่ตั้งชันขึ้น หรี่ตามองด้วยสีหน้าเรียบเฉยแต่ดูเยือกเย็น กิริยาภายนอกยังคงสงบนิ่ง รอบกายยังเผยความเย่อหยิ่งจองหองออกมาด้วยเขาเหลือบตามองนาฬิกาที่โต๊ะหัวเตียง ทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายเลือกเวลาได้เหมาะเจาะ ไลลาไปสั่งงานกับเด็กรับใช้ได้สักพักใหญ่ๆ แล้ว และคงกำลังใกล้จะกลับมา เลยเปิดโอกาสให้น้องสาวสวมบทบาทน้องรักหักเหลี่ยมโหดเพื่อทำร้ายจิตใจผู้เป็นพี่ได้อย่างถูกที่ถูกเวลา เขาปล่อยให้อีกฝ่ายทำตามใจ โดยไม่ได้ปริปากเอ่ยทักท้วง เพื่อจะรอดูว่าเธอจะเปิดเผยเนื้อตั
รินรดานั่งเหม่อกำโทรศัพท์ไว้ในมือ หลังจากเพิ่งจะวางสายจากรามิล เขาสัญญาว่าจะรีบเคลียร์งานให้เรียบร้อย และจะตามไปหาที่เปเรซภายในสองวันเธอรู้สึกไม่สบายใจเมื่อนึกถึงความฝันเมื่อคืนที่ผ่านมา แสงสว่างที่ลอยละล่องในความมืดส่องมาที่เธอ พร้อมกับเสียงกระซิบที่แผ่วเบาแต่ชัดเจน เสียงนั้นไม่ใช่เสียงของใครในโลกนี้ มันเหมือนเสียงที่มาจากที่ไกลโพ้น ฟังดูทั้งใกล้และไกลในเวลาเดียวกัน ‘ถึงเวลาแล้ว…จงทำตามสัญญา’หญิงสาวไม่ได้บอกใครว่าหลังจากที่เธอ และพี่ชายฟื้นขึ้นมา เธอได้เห็นถึงความศักดิ์สิทธิ์ของหินพ่อมดลาบราดอไลต์ ด้วยความสงสัยและความหวัง เธอแอบพระมารดาเข้าไปในห้องลับ ท่องบทสวดที่เธอแอบจดเอาไว้ และอธิษฐานถึงสิ่งที่อยากรู้ที่สุดในชีวิตตอนนั้น นั่นก็คือการตามหาครอบครัวที่แท้จริงจากนั้นเธอก็ฝันซ้ำๆ เดิมๆ อยู่หลายครั้งจนมาถึงปัจจุบัน ไม่รู้ว่าบุคคลในฝันเป็นใคร เธอจำเรื่องราวได้ รู้ว่าคนในฝันเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย แต่จำหน้าไม่ได้เลยสักคน และครั้งที่ไปโรงพยาบาลจนเกิดอาการใจสั่น แล้วเจ็บแปลบอย่างรุนแรง จนหมดสติไปในครั้งนั้น ก็ทำให้เธอได้เห็นผู้หญิง ที่มีหน้าตาเหมือนเธอราวกับฝาแฝดชัดเจนเป็นครั้งแรก ในห้วงฝ
กัปตันลุกขึ้นแล้วเดินออกประตูไปก่อน ผงกศีรษะให้นิดหนึ่งเมื่อเห็นพริมโรสยืนอยู่หน้าประตู เจ้าชายอิสราร์ยืนมองหญิงสาวผ่านช่องประตูห้องนักบินอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอื้อมมือมาคว้าแขนเรียวเล็กดึงเข้ามาปะทะอกกว้าง รวบร่างบางเข้ามากอดรัดอย่างแนบแน่น ฝ่ามือข้างหนึ่งประคองไว้หลังศีรษะ แล้วบดขยี้ริมฝีปากร้อนระอุกับริมฝีปากนุ่มอย่างหิวกระหาย เร่าร้อนและดุเดือด เพราะอะดรีนาลีนที่หลั่งออกมาหลังจากเพิ่งจะผ่านเหตุการณ์เฉียดตาย กระตุ้นให้อารมณ์ของเขาพลุ่งพล่าน“อื้อ!..” ปลายลิ้นเงอะงะถูกดูดดุนและเกี่ยวกระหวัดไว้ด้วยลิ้นเร่าร้อนของอีกฝ่ายโดยไม่เปิดโอกาสให้ได้พักหายใจ ทำให้เกิดเสียงประท้วงแผ่วๆ ในลำคอ“ที่รัก~..ผมรักคุณ” เขาถอนริมฝีปากออก กระซิบเสียงแหบพร่าแนบชิดกับริมฝีปากนุ่มอุ่น เรียวลิ้นไล่ระไปบนริมฝีปากของอีกฝ่าย ก่อนประทับริมฝีปากลงมาอีกครั้ง หญิงสาวยกท่อนแขนขึ้นโอบรอบลำคอเขาไว้ ตอบรับจุมพิตด้วยจังหวะที่สอดรับกันเป็นอย่างดี เบียดร่างบอบบางเข้าแนบชิดร่างกำยำอย่างออดอ้อน ฝ่ามือหนาของเขาลูบไล้ไปตามแผ่นหลังไล่ลงไปถึงโค้งสะโพกกลมมนแล้วกดเข้าหาลำตัวตามแรงอารมณ์ที่กำลังเพิ่มมากขึ้น“เอ่อ..ทูลฝ่าบาท พายุท
ไลลานอนตัวอ่อนระทวยอยู่ครู่หนึ่ง สักพักก็ขยับตัวยกศีรษะขึ้นมานอนหนุนแขนแข็งแรงข้างหนึ่งของสามี เบียดเรือนร่างบอบบางเข้าชิดเพื่อขอความอบอุ่นจากร่างกายของเขา ซึ่งชายหนุ่มเองก็เพิ่งผ่อนคลายจากอาการหัวใจเต้นแรง หายใจหอบเหนื่อย เขาพลิกตัวตะแคง รั้งต้นขาของหญิงสาว ให้ขึ้นมาก่ายเกยอยู่ครึ่งๆ บนร่างกายของเขา ขาของเธอเบียดชิดจนเขารู้สึกอบอุ่นและชุ่มชื้นในซอกลี้ลับ ไล้ฝ่ามือจากโค้งสะโพกเลยมาถึงต้นขา ลูบผิวเรียบเนียนไปมาเบาๆ เป็นจังหวะอย่างเพลิดเพลิน พร้อมๆ กับปลอบโยนให้เธอคลายความอ่อนเพลีย เพื่อเข้าสู่โหมดพักผ่อน “ฝ่าบาทเพคะ?” “หืม?” ชายหนุ่มผงกศีรษะขึ้นมองอย่างแปลกใจเมื่อได้ยินเสียงของอีกฝ่าย ซึ่งเขาคิดว่าน่าจะเคลิ้มหลับไปแล้ว“คืนนี้เนญ่าเขาประกาศว่าจะเข้าหอกับฝ่าบาท แล้วทำไมพระองค์ถึงมาหาหม่อมฉันล่ะเพคะ?”“ก็ไม่อยากจะมา ตั้งใจจะสั่งสอนให้รู้สำนึกเสียหน่อยว่า การผลักดันให้ผัวไปมีผู้หญิงอื่น โดยไม่เต็มใจนั้นน่ะมันจะให้ผลยังไง แต่เผอิญว่าเห็นคนบางคน น้ำตาคลอเบ้าเลยมาดูเสียหน่อย ไม่รู้ว่าเสแสร้งแกล้งทำ หรือรู้จักที่จะหึงหวงผัวขึ้นมาบ้างแล้ว!”“หึงจริงๆ น่ะแหละเพคะ” ไลลายอมรับออกไปตรงๆ ถึงแม้ใ
“ฮ่าๆๆ ไง! ถึงกลับโกรธจนตัวเนื้อสั่นเลยเหรอ เป็นยังไงบ้างล่ะ รสชาติของการสูญเสีย ขมขื่นถึงอกถึงใจดีไหม?” คำพูดประโยคนี้ของเขาทำให้หญิงสาวแน่ใจได้ทันทีว่าอุบัติเหตุที่เกิดขึ้นนี้ไม่ใช่เรื่องบังเอิญ“ฉันเกลียดแกจนอยากจะเป็นคนถ่อย จะได้ถ่มถุยใส่หน้าส้นตึกของแกให้สาสมกับความรู้สึกขยะแขยง!” ชารีฟหรือณัทธรสะอึก เมื่อเจอความโกรธเกลียดอย่างรุนแรงจากผู้หญิงที่เขารัก“เกลียดฉันงั้นรึ? ต้องเป็นฉันไหมที่จะพูดประโยคนั้น แทบไม่อยากจะเชื่อเลยว่า เธอจะลืมฉันได้อย่างง่ายดายและไปแต่งงานใหม่!"“ฉันไม่ได้แต่งงานใหม่! นี่เป็นการแต่งงานครั้งแรกและครั้งเดียวของฉัน และอะไรคือลืมได้อย่างง่ายดาย? นายหนีตายไปเป็นปีๆ แล้วฉันจะต้องไปบวชชี เพื่ออุทิศส่วนกุศลให้นายด้วยอย่างนั้นรึ! เรารักกันดูดดื่มขนาดนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่? ก่อนที่นายจะฆ่าพ่อฉัน เขายังพูดไม่ให้ฉันยึดติดกับตัวเขาเลย! ตรรกะของนายมันบิดเบี้ยวเป็นเวย์เดียวกับพวกโรคจิต ที่นายกับฉันมาถึงจุดนี้เป็นเพราะการตัดสินใจเลือกของตัวเองทั้งนั้น อย่าเอาฉันมาเป็นข้ออ้างเพื่อปกปิดยีนขี้แพ้ในตัวหน่อยเลย!”“ไม่ต้องมาทำปากดียั่วอารมณ์ให้ฉันรู้สึกละอายใจหรอก คำพูดยั่วยุของ
“ฮัลโหล? ว่าไง?”“ไอ้ชารีฟ! ไอ้ห่วย! สายของแกทำงานยังไงวะถึงได้รายงานผิดพลาด! เป้าหมายไปเส้นทางอื่นไม่ได้เฉียดมาทางนี้เลยด้วยซ้ำ!!”“จะเป็นไปได้ยังไง? ไม่ผิดแน่ๆ!! นายดักซุ่มอยู่ที่นั่นแหละเผื่อว่าจะเป็นแผนลวง!”ชารีฟหรือณัทธร กดปุ่มตัดสาย แล้วดึงหูฟังบลูทูธออกอย่างหงุดหงิด จะเกิดการผิดพลาดไปได้ยังไง ในเมื่อเขาเพิ่งจะได้รับการยืนยันเส้นทางมาจากสายที่แฝงตัวอยู่ในกลุ่มผู้ใต้บังคับบัญชาของเชคฮ์อิสราร์เมื่อไม่กี่นาทีมานี้เองหรือว่าเปลี่ยนเส้นทางกระทันหัน??เขาคิดว่าน่าจะมีการเปลี่ยนแปลงแบบฉุกเฉินมากกว่าการที่อีกฝ่ายจะรู้ตัวว่ามีข่าวรั่วไหลชายหนุ่มยกนาฬิกาข้อมือขึ้น เพื่อดูเวลาก่อนการตัดสินใจ ในเมื่อภารกิจลอบสังหารเชคฮ์อิสราร์ได้ผิดพลาดไปแล้ว เขาเลยคิดว่าไปปิดจ๊อบหนี้เก่าของตัวเองก่อนจะดีกว่า แล้วค่อยกลับไปรายงานภารกิจที่ล้มเหลว ซึ่งถ้ารีบไปตอนนี้ก็น่าจะไปทันเวลากับที่เป้าหมายขับมาถึงในจุดที่เขากำหนดเอาไว้ในแผนพอดี…ชารีฟหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมา เปิดแอพพลิเคชันที่ใช้ตรวจสอบสัญญาณจีพีเอส เพื่อหาตำแหน่งปัจจุบันของรถเป้าหมาย ซึ่งก็เห็นในแผนที่ว่ารถยนต์คันดังกล่าว กำลังจะแล่นผ่านสี่แยกไฟแดง
ความร้ายกาจของบิดาที่เธอได้ยินจากปากของคนอื่น เป็นเหมือนหนามแหลมคม ที่คอยทิ่มแทงจิตใจอยู่ตลอด แต่กระบวนการให้อภัย พยายามดิ้นรนที่จะผลักความคิด และความรู้สึกด้านลบเหล่านี้ออกไป ด้วยการจดจ่อกับความรัก และความทรงจำดีๆ นึกถึงช่วงเวลาที่ยากลำบาก ที่เขามักจะแบกรับความเจ็บปวดเหล่านั้นไว้แทนอยู่เสมอ แล้วผลักดันให้เธอก้าวข้ามผ่านช่วงเวลาเลวร้ายนั้นไปให้ได้ ฝึกฝนเธอให้เข้มแข็ง สอนให้ยอมรับทุกความผิดพลาด และความล้มเหลว แล้วเรียนรู้ที่จะเยียวยาตัวเองเพื่อปิดกั้นทุกความเจ็บปวดเธอรู้ดีว่าการยึดติดกับความรู้สึกในทางลบ รังแต่จะเพิ่มความทุกข์ให้กับชีวิตมากขึ้น และขัดขวางไม่ให้หัวใจได้พบกับความสงบสุข แต่การที่จะละวางด้วยการให้อภัยนั้น ก็ทำให้เกิดความรู้สึกผิด ต่อบุคคลที่ต้องเสียชีวิตไปอย่างไม่เป็นธรรมนั้นด้วยเช่นกันแต่เมื่อมองในมุมกลับกัน เขาก็เป็นเพียงแค่มนุษย์คนหนึ่ง ซึ่งไม่ว่าใครก็สามารถทำผิดได้ เธอเองก็ไม่ได้รับการยกเว้น ความผิดหวังมักจะทำให้คนเราจมอยู่กับอดีต จนลืมมองความสุขที่กำลังได้รับอยู่ในปัจจุบัน และกำลังจะตามมาอีกมากมายในอนาคต จึงเป็นความคิดที่โง่เขลาอยู่ไม่ใช่น้อย ถ้าเรายังหยุดอยู่ที่ควา
“ตรวจสอบชายสองคนที่สิบสองนาฬิกา ประตูทางเข้าด้านนอก ในมือถือผ้าสีดำห่อหุ้มวัตถุลักษณะเป็นแท่งยาวทรงกระบอก เปลี่ยน!”“แลนด์โรเวอร์สีดำขับเข้ามาจอดหน้าประตูทางเข้าออกของพนักงานชั้นใต้ดินสองคัน คันหนึ่งประมาณห้าคนใส่ชุดพนักงานรักษาความปลอดภัยเดินเข้าไปด้านใน มีอาวุธปืนติดตัว เปลี่ยน!”“ประตูทางออกอาคารผู้โดยสารหนึ่งที่เก้านาฬิกา พนักงานรักษาความปลอดภัยกำลังลากโซ่ตะปูเรือใบมาขวางถนน คาดว่าไม่ใช่เจ้าหน้าที่ของสนามบิน เปลี่ยน!”“ประตูทางออกฉุกเฉินของอาคารผู้โดยสารสอง ทางสะดวก ชาลีทีมเตรียมพร้อม รอรับคำสั่ง เปลี่ยน!” เสียงรายงานผ่านวิทยุสื่อสารเข้ามาเป็นระยะๆ หลังจากที่กระจายกำลังไปประจำตามจุดสำคัญต่างๆ เพื่อสังเกตความเคลื่อนไหวของฝ่ายตรงข้าม“พวกมันเริ่มทยอยกันเข้ามาแล้ว แจ้งเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยให้เตรียมอพยพประชาชนหากมีเหตุฉุกเฉิน! แจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจกับดับเพลิงหรือยัง?”“เรียบร้อยแล้วพ่ะย่ะค่ะ!”“อืม ถ้าพร้อมแล้วก็ไปกันตอนนี้เลย!”“รับคำสั่ง!” องครักษ์รับคำสั่งแล้วแจ้งแต่ละทีมผ่านวิทยุสื่อสารทันที “อัลฟ่าทีมเคลียร์พื้นที่ บราโวเตรียมรถบรรทุกเปิดทางออกแล้วรอรับคำสั่ง ชาลีทีมวีไอพีเ
ไลลานอนตัวอ่อนระทวยอยู่ครู่หนึ่ง สักพักก็ขยับตัวยกศีรษะขึ้นมานอนหนุนแขนแข็งแรงข้างหนึ่งของสามี เบียดเรือนร่างบอบบางเข้าชิดเพื่อขอความอบอุ่นจากร่างกายของเขา ซึ่งชายหนุ่มเองก็เพิ่งผ่อนคลายจากอาการหัวใจเต้นแรง หายใจหอบเหนื่อย เขาพลิกตัวตะแคง รั้งต้นขาของหญิงสาว ให้ขึ้นมาก่ายเกยอยู่ครึ่งๆ บนร่างกายของเขา ขาของเธอเบียดชิดจนเขารู้สึกอบอุ่นและชุ่มชื้นในซอกลี้ลับ ไล้ฝ่ามือจากโค้งสะโพกเลยมาถึงต้นขา ลูบผิวเรียบเนียนไปมาเบาๆ เป็นจังหวะอย่างเพลิดเพลิน พร้อมๆ กับปลอบโยนให้เธอคลายความอ่อนเพลีย เพื่อเข้าสู่โหมดพักผ่อน “ฝ่าบาทเพคะ?” “หืม?” ชายหนุ่มผงกศีรษะขึ้นมองอย่างแปลกใจเมื่อได้ยินเสียงของอีกฝ่าย ซึ่งเขาคิดว่าน่าจะเคลิ้มหลับไปแล้ว“คืนนี้เนญ่าเขาประกาศว่าจะเข้าหอกับฝ่าบาท แล้วทำไมพระองค์ถึงมาหาหม่อมฉันล่ะเพคะ?”“ก็ไม่อยากจะมา ตั้งใจจะสั่งสอนให้รู้สำนึกเสียหน่อยว่า การผลักดันให้ผัวไปมีผู้หญิงอื่น โดยไม่เต็มใจนั้นน่ะมันจะให้ผลยังไง แต่เผอิญว่าเห็นคนบางคน น้ำตาคลอเบ้าเลยมาดูเสียหน่อย ไม่รู้ว่าเสแสร้งแกล้งทำ หรือรู้จักที่จะหึงหวงผัวขึ้นมาบ้างแล้ว!”“หึงจริงๆ น่ะแหละเพคะ” ไลลายอมรับออกไปตรงๆ ถึงแม้ใ
กัปตันลุกขึ้นแล้วเดินออกประตูไปก่อน ผงกศีรษะให้นิดหนึ่งเมื่อเห็นพริมโรสยืนอยู่หน้าประตู เจ้าชายอิสราร์ยืนมองหญิงสาวผ่านช่องประตูห้องนักบินอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอื้อมมือมาคว้าแขนเรียวเล็กดึงเข้ามาปะทะอกกว้าง รวบร่างบางเข้ามากอดรัดอย่างแนบแน่น ฝ่ามือข้างหนึ่งประคองไว้หลังศีรษะ แล้วบดขยี้ริมฝีปากร้อนระอุกับริมฝีปากนุ่มอย่างหิวกระหาย เร่าร้อนและดุเดือด เพราะอะดรีนาลีนที่หลั่งออกมาหลังจากเพิ่งจะผ่านเหตุการณ์เฉียดตาย กระตุ้นให้อารมณ์ของเขาพลุ่งพล่าน“อื้อ!..” ปลายลิ้นเงอะงะถูกดูดดุนและเกี่ยวกระหวัดไว้ด้วยลิ้นเร่าร้อนของอีกฝ่ายโดยไม่เปิดโอกาสให้ได้พักหายใจ ทำให้เกิดเสียงประท้วงแผ่วๆ ในลำคอ“ที่รัก~..ผมรักคุณ” เขาถอนริมฝีปากออก กระซิบเสียงแหบพร่าแนบชิดกับริมฝีปากนุ่มอุ่น เรียวลิ้นไล่ระไปบนริมฝีปากของอีกฝ่าย ก่อนประทับริมฝีปากลงมาอีกครั้ง หญิงสาวยกท่อนแขนขึ้นโอบรอบลำคอเขาไว้ ตอบรับจุมพิตด้วยจังหวะที่สอดรับกันเป็นอย่างดี เบียดร่างบอบบางเข้าแนบชิดร่างกำยำอย่างออดอ้อน ฝ่ามือหนาของเขาลูบไล้ไปตามแผ่นหลังไล่ลงไปถึงโค้งสะโพกกลมมนแล้วกดเข้าหาลำตัวตามแรงอารมณ์ที่กำลังเพิ่มมากขึ้น“เอ่อ..ทูลฝ่าบาท พายุท
รินรดานั่งเหม่อกำโทรศัพท์ไว้ในมือ หลังจากเพิ่งจะวางสายจากรามิล เขาสัญญาว่าจะรีบเคลียร์งานให้เรียบร้อย และจะตามไปหาที่เปเรซภายในสองวันเธอรู้สึกไม่สบายใจเมื่อนึกถึงความฝันเมื่อคืนที่ผ่านมา แสงสว่างที่ลอยละล่องในความมืดส่องมาที่เธอ พร้อมกับเสียงกระซิบที่แผ่วเบาแต่ชัดเจน เสียงนั้นไม่ใช่เสียงของใครในโลกนี้ มันเหมือนเสียงที่มาจากที่ไกลโพ้น ฟังดูทั้งใกล้และไกลในเวลาเดียวกัน ‘ถึงเวลาแล้ว…จงทำตามสัญญา’หญิงสาวไม่ได้บอกใครว่าหลังจากที่เธอ และพี่ชายฟื้นขึ้นมา เธอได้เห็นถึงความศักดิ์สิทธิ์ของหินพ่อมดลาบราดอไลต์ ด้วยความสงสัยและความหวัง เธอแอบพระมารดาเข้าไปในห้องลับ ท่องบทสวดที่เธอแอบจดเอาไว้ และอธิษฐานถึงสิ่งที่อยากรู้ที่สุดในชีวิตตอนนั้น นั่นก็คือการตามหาครอบครัวที่แท้จริงจากนั้นเธอก็ฝันซ้ำๆ เดิมๆ อยู่หลายครั้งจนมาถึงปัจจุบัน ไม่รู้ว่าบุคคลในฝันเป็นใคร เธอจำเรื่องราวได้ รู้ว่าคนในฝันเป็นผู้หญิงหรือผู้ชาย แต่จำหน้าไม่ได้เลยสักคน และครั้งที่ไปโรงพยาบาลจนเกิดอาการใจสั่น แล้วเจ็บแปลบอย่างรุนแรง จนหมดสติไปในครั้งนั้น ก็ทำให้เธอได้เห็นผู้หญิง ที่มีหน้าตาเหมือนเธอราวกับฝาแฝดชัดเจนเป็นครั้งแรก ในห้วงฝ
“อะไรนะ!! แล้วได้ลงจอดฉุกเฉินไหม? งั้นถ้าจำเป็นต้องเปลี่ยนแผนโยกย้ายคนจากรัฐดีไปรัฐอีก็ดำเนินการได้เลย! อืม..ฉันอยู่บนเครื่องบินแล้ว คงจะถึงไล่ๆ กัน!...ได้!…เอาตามนั้น!”เจ้าชายอิดรีสชะงักมือที่กำลังวางโทรศัพท์บนโต๊ะหัวเตียง ขณะที่ปรายหางตาเห็นหุ่นอรชรอ้อนแอ้นกำลังเยื้องกรายเข้ามาในห้องด้วยกิริยาท่าทางที่ยั่วยวนหญิงสาวเข้ามายืนห่างจากเตียงไปประมาณหนึ่งช่วงแขน ค่อยๆ ปลดอาภรณ์ออกจากตัวทีละชิ้นอย่างเชื่องช้า พร้อมช้อนสายตาขึ้นมองชายหนุ่มอย่างเย้ายวนชวนเชิญเจ้าชายอิดรีสหยิบหมอนสองใบมาซ้อนหลัง นั่งกึ่งเอนพิงพนักหัวเตียงพาดแขนไว้บนเข่าข้างหนึ่งที่ตั้งชันขึ้น หรี่ตามองด้วยสีหน้าเรียบเฉยแต่ดูเยือกเย็น กิริยาภายนอกยังคงสงบนิ่ง รอบกายยังเผยความเย่อหยิ่งจองหองออกมาด้วยเขาเหลือบตามองนาฬิกาที่โต๊ะหัวเตียง ทำให้รู้ว่าอีกฝ่ายเลือกเวลาได้เหมาะเจาะ ไลลาไปสั่งงานกับเด็กรับใช้ได้สักพักใหญ่ๆ แล้ว และคงกำลังใกล้จะกลับมา เลยเปิดโอกาสให้น้องสาวสวมบทบาทน้องรักหักเหลี่ยมโหดเพื่อทำร้ายจิตใจผู้เป็นพี่ได้อย่างถูกที่ถูกเวลา เขาปล่อยให้อีกฝ่ายทำตามใจ โดยไม่ได้ปริปากเอ่ยทักท้วง เพื่อจะรอดูว่าเธอจะเปิดเผยเนื้อตั
"ฝ่าบาท! แย่แล้วเพคะ! กัปตันถูกทำร้ายขอความช่วยเหลือจากฝ่าบาทด่วนเลยเพคะ!" เจ้าชายอิสราร์ลุกพรวดขึ้น พริมโรสผวาลุกตามแล้วพยุงแขนเขาไว้ข้างหนึ่ง"เกิดอะไรขึ้น?" ชายหนุ่มถามขณะก้าวเท้าออกเดินได้ไม่เร็วนัก มือเรียวจึงจับแขนเขายกขึ้นแล้วก้มตัวลอดศีรษะเข้าไปใต้แขนแข็งแรง ก่อนจะวางแขนเขาให้เกาะไหล่เธอไว้เพื่อช่วยพยุง ทำให้ชายหนุ่มเดินได้เร็วขึ้นกว่าเดิม"นักบินผู้ช่วยลอบทำร้ายกัปตันเพคะ! โชคดีว่าอยู่ในความสูงที่กัปตันเปิดโหมดออโต้ไพลอทเอาไว้ ทันทีที่เกิดเรื่องเขากดอันล็อกประตูทำให้พวกเราได้ยินเสียงและเข้าไปช่วยเหลือเขาไว้ได้ทันเวลา ตอนนี้องครักษ์ลากตัวหมอนั่นออกไปแล้วเพคะ!""ทำไมไม่ตามนักบินเสริมให้ขึ้นมาแทน?""หม่อมฉันไปปลุกแล้วไม่ตื่นเลยทั้งสองคน ไฟล์ทเนิร์ซกำลังดูอาการพวกเขาอยู่ กัปตันเลยให้มาขอความช่วยเหลือจากฝ่าบาทเพคะ!"ลูกเรือต่างก็เห็นพ้องต้องกันทุกคนว่า นาทีนี้ไม่มีใครจะเหมาะสมเท่ากับเจ้านายพระองค์นี้อีกแล้ว เขามีชั่วโมงบินของการเป็นนักบินเอฟสามสิบห้า ของกองทัพรวมห้าพันแปดสิบห้าชั่วโมง ในจำนวนนี้ มีชั่วโมงของการทำหน้าที่นักบินผู้ช่วย อยู่แปดร้อยแปดสิบสี่ชั่วโมงกับเครื่องบินรุ่นนี้