ตอนที่พวกเขาเร่งเดินทางมาถึง จั่วเริ่นได้นำคนอารักขาความปลอดภัยจักรพรรดิเหวินด้วยตัวเองแล้วแต่ว่า ศีรษะของจั่วเริ่นตกลง ท่าทางเหมือนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเมื่อเห็นพวกหยุนเจิง ในที่สุดจั่วเริ่นก็ถอนหายใจยาวออกมาด้วยความโล่งอก รีบวิ่งมาหา จากนั้นก็ทำความเคารพหยุนเจิงและเสิ่นลั่วเยี่ยนง่ายๆ กระซิบกล่าว “องค์ชาย พวกท่านต้องระวังเอาไว้ ตอนนี้โทสะของจักรพรรดิเหวินมีมาก วันนี้ตอนเช้าฝ่าบาทสั่งคนไปหารากหวงจิงใหญ่เท่านั้นมาโดยเฉพาะ...”กล่าวจบ จั่วเริ่วก็เอานิ้วหัวแม่มือกับนิ้วชี้ทำเป็นวงขึ้นมาเมื่อเห็นการเปรียบเทียบขนาดของจั่วเริ่น หยุนเจิงใบหน้าดำอึมครึมอย่างควบคุมไม่อยุ่รากหวงจิงใหญ่เท่านี้?น่าควรเรียกว่ากระบองหวงจิงกระมัง?คิดจะเฆี่ยนเขาจนตายจริงหรือ!หยุนเจิงบ่นในใจ จากนั้นก็กระซิบถาม “เจ้าได้เชิญเสด็จพ่อเข้าด่านไปพักผ่อนหรือไม่?”“ข้าน้อยเชิญแล้ว แต่ฝ่าบาทไม่ไป!”จั่วเริ่นตอบด้วยรอยยิ้มแห้งจริงด้วย!รู้อยู่แล้วว่าเสด็จพ่อไม่มีทางเป็นฝ่ายเข้าด่าน!“เช่นนั้นตอนที่เสด็จพ่อปฏิเสธ ได้กล่าวสิ่งใดหรือไม่?”หยุนเจิงกระซิบถามอีกครั้งจั่วเริ่นพยักหน้าเบาๆ จากนั้นก็กดเสียงต่ำ
ทั้งสามคนก้มหน้าก้มตา หยุนเจิงและเสิ่นลั่วเยี่ยนยังดี เพียงแค่หวาดกลัวอยู่บ้างแต่ศีรษะของฉินชีหู่แทบปักลงไปกับพื้นแล้วถึงเช่นไร ไม่ว่าจักรพรรดิเหวินจะเฆี่ยนเอาหรือไม่ ไม่ช้าก็เร็วตาแก่ของเขาก็จะมาเฆี่ยนเอาด้วยสาเหตุนี้ตอนนี้ฉินชีหู่อยากให้ตัวเองได้รับบาดเจ็บสาหัสตอนที่สู้กับฮูเจี๋ยในการรบครั้งนั้นจริงๆ“เสด็จพ่อ ท่านอยากเฆี่ยนก็เฆี่ยนเถอะ!”ในที่สุด ก็เป็นหยุนเจิงที่เอ่ยปากทำลายความเงียบ “ท่านถือกระบอกหมุนไหหมุนมา อย่าหมุนจนเวียนหัวเล่า”เขาไม่ได้ก่อกบฏ ทั้งยังส่งศีษระพวกฮูเจี๋ยไปให้เขาแล้วต่อให้เขาเฆี่ยน ก็คงไม่อาจลงมือหนักมากเกินไปกระมัง?เซี่ยนสักสองสามที ก็ไม่นับว่าเป็นปัญหาหากเฆี่ยนรุนแรงเกินไป เขาคงไม่ทำเมื่อได้ฟังคำของหยุนเจิง จักรพรรดิเหวินทรงหัวเราะออกมาด้วยความกริ้วดีจริง!ยังรู้จักเป็นห่วงข้า?กลัวข้าจะเวียนหัวแล้ว?“ข้าไม่กล้าเฆี่ยนเจ้า”จักรพรรดิเหวินกุมท่อนหวงจิงในพระหัตถ์ จากนั้นก็กล่าวเสียงเรียบ “นี่คือถิ่นของเจ้า เจ้าแค่สั่งการคำเดียว ธนูไม้บนกำแพงเมืองไม่ยิงทะลุข้าตายที่นี่หรือ?”“เสด็จพ่อล้อเล่นแล้ว พวกกระหม่อมไม่กล้ายิงพระองค์หรอก!”หยุนเจิงเ
“เสด็จพ่อ พระองค์อย่าทรงกริ้วเลย”หยุนเจิงยิ้มแห้งกล่าว “ไม่ว่าต่อให้ทรมานลูกเพียงใด ลูกก็ยังเป็นลูกของพระองค์ไม่ใช่หรือ?”“เหอะ ตอนที่ยื่นมือมาบังคับขอเงินข้า เจ้าก็เป็นลูกชายข้าแล้ว?” จักรพรรดิเหวินทรงกริ้วจนหัวเราะ กล่าวด้วยรอยยิ้มที่ไม่ยิ้ม “ให้ข้าเป็นจักรพรรดิสูงสุด เขาก็เป็นลูกชายของข้าเหมือนกันไม่ใช่หรือ?”เจ้าลูกทรพี หน้าไม่อายจริง!แต่ว่าไปแล้ว เจ้าลูกทรพีนี่ก็รู้จักพูดอื้ม นิสัยจิตใจนับว่าสุขุมแต่ว่า...กวนประสาท!หยุนเจิงหัวเราะอย่างเกรงใจ จากนั้นก็กล่าวด้วยใบหน้าจริงจัง “เสด็จพ่อ ลูกไม่ได้ถามหาเงินจากเสด็จพ่อ แต่ต้องการเงินจากคลังหลวง! ทหารของกองทหารมณฑลทางเหนือทำสงครามเพื่อต้าเฉียน ไม่ได้ทำสงครามเพื่อลูก...”จักรพรรดิเหวินเมื่อได้ฟัง พระเนตรฉายแววเหน็บหนาวออกมาทำสงครามเพื่อต้าเฉียนหรือ?จักรพรรดิเหวินจะไม่เข้าพระทัยได้เช่นไร ความหมายของหยุนเจิงคือ เขาหยุนเจิงเป็นขุนนางของต้าเฉียน กองทหารมณฑลทางเหนือก็ยังเป็นกองทัพของต้าเฉียน ไม่ใช่กองทัพของหยุนเจิงเขาไม่มีใจก่อกบฎ!ก็เหมือนกับก่อนหน้านี้ที่เขาบอกว่าเป็นลูกชายของเขาจักรพรรดิเหวินนิ่งเงียบชั่วครู่ ทิ้งท่อนไม
หยุนเจิงจ้องมอง นึกไม่ถึงว่าจะเป็นราชโองการตอนที่เขาหยิบราชโองการขึ้นมา พบว่าด้านในคือราชโองการว่างเปล่าด้านบน ยังประทับตราเอาไว้!มองดูราชโองการเปล่าในมือ หยุนเจิงรู้สึกตัวชาตาแก่นี่คิดจะทำสิ่งใด?ให้ราชโองการว่างเปล่ากับเขา ให้เขาเขียนตามใจชอบหรือ?“ท่านอ๋อง เลิกอึ้งได้แล้ว!”จักรพรรดิเหวินชี้ไปยังโต๊ะภายในกระโจม “เจ้าอยากจะเขียนสิ่งใดก็เขียน! ต่อให้เจ้าเขียนให้สละตำแหน่งแทนข้าก็ยังได้!”“เสด็จพ่อ นี่ท่าน...จำเป็นหรือ?”หยุนเจิงจนใจ ยังก่อเรื่องไม่พอหรือ?พอประมาณก็พอแล้ว!เหตุใดต้องที่เขาลำบากใจ ทดสอบเขาสักหน่อย เขาถึงจะสบายใจ?“จำเป็นหรือ?”จักรพรรดิเหวินถลึงพระเนตร “ข้าถูกเจ้าหลอกกลายเป็นคนโง่ เจ้าถามข้าว่าจำเป็นหรือ?”“ที่ลูกทำเพราะจนปัญญาไม่ใช่หรือ?” หยุนเจิงหัวเราะอย่างรู้สึกผิดหยุนเจิงกล่าวไป สอดราชโองการว่างเปล่าเข้าไปในแขนเสื้ออย่างมีความสุข ราวกับเหล่าหลี่เดินทางไกลเพื่อโขมยบุหรี่อื้ม นำกลับไปเขียนแต่งตั้งเยี่ยจื่อและเมี่ยวอินให้อนุของเขาก็ไม่เลวอีกอย่าง สั่งให้คนส่งเงินและเสบียงมาให้เขาสักหน่อย?จักรพรรดิเหวินกำลังทอดพระเนตรอยู่ ใบหน้ากระตุกอย่างควบ
มิน่าเล่า!เขาถึงว่าเหตุใดตาแก่นี่มาเร็วเช่นนี้!ทนไม่ไหวที่จะมาทดสอบเขาถึงซั่วเป่ยแล้ว?ช่างเถอะ!เช่นไรก็ยังดีกว่าต้องเผชิญหน้ากันในสนามรบมาก!เขาเป็นห่วงว่า พวกเขาพ่อลูกตอนพบกันอีกครั้ง ก็ต้องเผชิญหน้ากันในสนามรบแล้วบอกตามตรง ที่เป็นอยู่ตอนนี้ เป็นเรื่องที่เมื่อก่อนเขาไม่กล้าคิดจักรพรรดิเหวิมมองหยุนเจิงอย่างมีเลศนัย ตอนที่ประทับอยู่ในกระโจม ก็ได้พลิกหน้าสมุดบัญชีดูอีกครั้งอ่านไปอ่านมา คิ้วของจักรพรรดิเหวินขมวดขึ้นมา “รบกับฮูเจี๋ย พวกเจ้าก็มีความตายมากมายเพียงนี้แล้ว? บอกมา เจ้าคิดจะหลอกเอาเงินจากข้าเท่าใด? หรือไม่ เจ้าเอาข้าชั่งน้ำหนักดู ว่าตัวข้ามีราคาเท่าใด?”อุว๊ะ!ตาแก่ กินหมัดข้าสักที!หยุนเจิงคำรามลั่นในใจ อธิบายอย่างจนใจ “เสด็จพ่อเข้าใจผิดแล้ว! นี่คือทหารที่เสียชีวิตตอนที่เจียเหยานำทัพบุกทะลวงสันดอนเป่ยหวน! ส่วนการรบกับฮูเจี๋ย ผู้เสียชีวิตที่ด้านหน้าและหลังรวมกันประมาณเจ็ดพันคน...”เขาไม่เชื่อว่าหันจิ้นไม่ได้บอกเรื่องเหล่านี้กับเสด็จพ่อ!ต่อให้หานจิ้นไม่รู้จำนวนตัวเลขผู้บาดเจ็บเสียชีวิต แต่ก็พอประมาณการคร่าวๆ ได้อีกอย่าง สรุปแล้วพวกเขานำคนไปจำนวนเพียงเท่านั้
ท่านอ๋องแบกเกี้ยว พระชายานำทางต่อให้จักรพรรดิเหวินต้องรอยู่นอกด่านเป่ยลู่หนึ่งวันกล่าว แต่ก็เข้าด่านเป่ยลู่อย่างสง่าผ่าเผยหยุนเจิงทอดถอนใจ วิธีการของจักรพรรดิเหวินเล่นได้อย่างสวยงามนักทั้งประกาศอำนาจอธิปไตยและตำแหน่งของพระองค์ ทั้งไม่ตกต่ำหลังเข้าด่านเป่ยลู่ ค่อยติดตามพวกหยุนเจิงไปยังจวนแม่ทัพของด่านเป่ยลู่เพิ่งได้ประทับภายในจวนครู่เดียว จักรพรรดิเหวินลุกขึ้นยืน “เจ้าหก ตามข้าไปเดินเล่นด้านบนด่านของทางเหนือ!”เสิ่นลั่วเยี่ยนแอบกังวล จากนั้นก็กล่าวว่า “หม่อมฉันไปเดินกับเสด็จพ่อด้วยเพคะ!”หยุนเจิงแม้จะเป็นวรยุทธ แต่เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกโจวไต้แน่นอน!หากจักรพรรดิเหวินหาเรื่องขึ้นมากะทันหัน ให้คนมัดหยุนเจิงไว้ จะทำเช่นไร?“ก็ได้!”จักรพรรดิเหวินอ่านใจของเสิ่นลั่วเยี่ยนออก แต่ไม่เปิดเผยไม่นาน พวกเขาก็เดินทางไปยังด้านบนด่านของประตูทางเหนือจักรพรรดิเหวินพระหัตถ์สองข้างไพล่หลัง มองไปยังทิศทางที่ตั้งของสามเมืองชายแดนเงียบๆเนิ่นนาน จักรพรรดิเหวินเอ่ยปากถาม “สามเมืองชายแดนล้วนมีทหารประจำการแล้ว?”“ไม่พ่ะย่ะค่ะ”หยุนเจิงตอบ “หลังเป่ยหวนถอนทัพไป สามเมืองชายแดนเผชิญกับระดับ
หากสวีสือฝู่ฉวยโอกาสตั้งพรรคพวกเพื่อประโยชน์ส่วนตน ในอนาคต เสด็จพ่อกำจัดอุปสรรคปูทางให้จักรพรรดิองค์ใหญ่ ก็จะสะดวกขึ้นมากเรื่องบางอย่าง ต่อให้ดูออกแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องพูดออกมาระหว่างพวกเขาพ่อลูก มีสถานการณ์อย่างตอนนี้ ก็ดีมากแล้วไม่จำเป็นต้องแทรกปัญหาใหม่เข้ามา“เจ้ากลัวข้าระแวงเจ้าหรือ?”จักรพรรดิเหวินตรัสสิ่งที่หยุนเจิงกังวลออกมาโดยตรงหยุนเจิงเมื่อได้ฟัง ก็หัวเราะออกมาอย่างจนปัญญาเจ้ารู้แล้ว ยังจะถามอีก?เพื่อสิ่งใดเล่า!“บอกมาตามตรง!”จักรพรรดิเหวินสายพระเนตรเย็นชา “เจ้าบัญชาการทัพทหารสองแสนนาย ทั้งยังชำนาญรบทัพจับศึก เจ้าคิดว่าเจ้าแกล้งทำเลอะเลือนกับข้าได้แล้ว ข้าจะไม่ระแวงเจ้า? เจ้าทำเรื่องชั่วเอาไว้น้อยหรือ? เจ้ายังกลัวข้าระแวงเจ้าอีกหรือ?”“เหตุใดจะไม่กลัวพ่ะย่ะค่ะ”หยุนเจิงแย้มยิ้ม “เสด็จพ่อ สถานการณ์ของพวกเราตอนนี้ดีมากแล้ว! ท่านปกครองแคว้น ลูกไม่คิดคนึงหาตำแหน่งจักรพรรดิ แล้วก็ไม่คิดคะนึงหาตำแหน่งรัชทายาท ลูกช่วยเสด็จพ่อปกป้องซั่วเป่ย วันเวลาผ่านไป ลูกก็จะนำทัพสู้กับเป่ยหวนต่อ ขอแค่ตีจนเป่ยหวนพิการ ทางเหนือของต้าเฉียนเราก็จะสงบมั่นคงไปได้อย่างน้อยหลายสิบปี...
เสิ่นลั่วเยี่ยนไม่รู้ว่าหยุนเจิงสนทนาสิ่งใดกับจักรพรรดิเหวินทว่า สิ่งที่เสิ่นลั่วเยี่ยนเห็น จักรพรรดิเหวินอยากจะเฆี่ยนตีหยุนเจิงอยู่หลายครั้ง เพียงแต่เฆี่ยนไม่ลงเท่านั้นถึงเช่นไร ทุกคนที่จักรพรรดิเหวินยกพระหัตถ์ขึ้น ในใจเสิ่นลั่วเยี่ยนก็กระตุกหนึ่งครั้งหากสองพ่อลูกสู้กันด้านบนด่านขึ้นมา เช่นนั้นความสนุกก็มากแล้วไม่นาน เสิ่นลั่วเยี่ยนก็สะบัดศีรษะ แอบบอกตัวเองว่าคิดเหลวไหลสิ่งใดกัน!สองพ่อลูกไม่ว่าเช่นไรก็คคงไม่สู้กันขึ้นมา!หยุนเจิงและจักรพรรดิเหวินก็แค่สนทนาเรื่อยเปื่อยผ่านไปสักพัก จักรพรรดิเหวินก็เผยรอยยิ้มพอใจออกมาอีกครั้งแต่ผ่านไปชั่วครู่ จักรพรรดิเหวินก็ทำหน้าอยากจะเฆี่ยนหยุนเจิงอีกครั้งเสิ่นลั่วเยี่ยนมองด้วยสมองเต็มไปด้วยเมฆหมอก โจวไต้ก็สมองเต็มไปด้วยเมฆหมองกเช่นกันเวลาใกล้ฟ้ามืดแล้ว สองพ่อลูกจึงเดินลงมาจากบนด่านใบหน้าจักรพรรดิเหวินมีรอยยิ้มดูไปแล้ว อารมณ์คงไม่เลวเลยเสิ่นลั่วเยี่ยนเห็นดังนั้น ในใจก็ถอนหายใจยาวออกมาเมื่อคืน หยุนเจิงจัดงานเลี้ยงรับรองให้จักรพรรดิเหวินที่จวนแม่ทัพจักรพรรดิเหวินเร่งเดินทางเสด็จมา ทรงเหน็ดเหนื่อยแล้วหลังดื่มสุรา จักรพรรดิเ
“ลูก…ลูกสาวเพคะ”หมอตำแยที่ตกใจกับท่าทางของหยุนเจิงก่อนหน้านี้ เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ“ลูกสาวดี! ลูกสาวดี!”หยุนเจิงพึมพำกับตัวเอง ก่อนก้มลงมองเด็กน้อยที่ยังคงร้องไห้เสียงดังไม่เหมือนหยุนชางเลย เด็กหญิงตัวน้อยคนนี้เกิดมาโดยแทบไม่มีริ้วรอยบนผิวเลย เพียงแค่ตัวแดงระเรื่อเท่านั้น“เจ้าตัวน้อย เจ้านี่เกือบทำให้แม่ของเจ้าสิ้นชีวิตเลยนะ…”เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ หัวใจของหยุนเจิงยังคงสั่นไหวเขาไม่อาจจินตนาการได้เลยว่า หากเขาสูญเสียเยี่ยจื่อไป เขาจะต้องเจ็บปวดเพียงใดโชคดีที่มันเป็นเพียงความหวาดกลัวลวงตา!“อุแว๊ๆ…”เด็กน้อยยังคงร้องไห้ และดูเหมือนเสียงของนางจะแจ่มชัดขึ้นเรื่อยๆหยุนเจิงลูบแผ่วเบาบนผ้าห่อตัวของนาง ก่อนหันไปมองหมอตำแยทั้งสามที่ยังยืนไม่มั่นใจ “ให้รางวัล! ให้รางวัลทุกคน! คนละห้าร้อยตำลึง!”ห้าร้อยตำลึง!?หมอตำแยทั้งสามแทบไม่เชื่อหูตัวเองท่านอ๋องผู้นี้ ช่างใจกว้างนัก!แค่เอ่ยปาก ก็แจกเงินรางวัลมากมายถึงเพียงนี้!“เอาล่ะ พวกเจ้าทำความสะอาดให้เรียบร้อยเถิด”หยุนเจิงเรียกสติหมอตำแย “เสร็จแล้วก็ไปรับรางวัลได้เลย”หยุนเจิงกล่าวจบ ก็กอดลูกสาวไปนั่งลงที่
“อ๊าก…”เสียงกรีดร้องของเยี่ยจื่อสะท้อนก้องอยู่ในหูของหยุนเจิง ราวกับสามารถฉีกหัวใจของเขาออกเป็นเสี่ยงๆ“พอแล้ว! อย่าคลอดแล้ว! ข้าไม่ต้องการลูกแล้ว! ข้าต้องการแค่เจ้า!”หยุนเจิงน้ำตาคลอเบ้า ส่ายศีรษะไปมาอย่างร้อนรน ก่อนจะหันไปตะโกนลั่นใส่หมอตำแยข้างๆ “ช่วยนางไว้! อย่าไปสนใจเด็ก!”เขากลัว!เขากลัวจริงๆ!แม้ว่าเขาจะไม่ใช่หมอ แต่เขาก็รู้ดีว่า หากพลาดแม้แต่นิดเดียว นางอาจตกเลือดหนักได้แม้แต่ในยุคปัจจุบัน การตกเลือดมากก็ยังยากที่จะรักษา แล้วนี่เป็นยุคโบราณ“ออกมาแล้ว! ออกมาแล้ว!”ขณะนั้นเอง หมอตำแยก็ร้องขึ้นด้วยเสียงตื่นเต้น“อุแว๊…”เสียงร้องแหลมใสของทารกดังขึ้นภายในห้องคลอด แต่ในขณะเดียวกัน เสียงของเยี่ยจื่อกลับเงียบลงอย่างกะทันหัน!หมอตำแยคนหนึ่งรีบเช็ดเลือดที่เปรอะเปื้อนตัวทารก ขณะที่อีกคนเตรียมห่อทารกในผ้าห่ม และหันไปแสดงความยินดีกับหยุนเจิง “ขอแสดงความยินดีด้วยพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง เด็กน้อยเป็น…”“ช่างลูกก่อน! ดูจื่อเอ๋อร์ก่อนว่านางเป็นอย่างไรบ้าง!”หยุนเจิงตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยโทสะและความหวาดหวั่น มือของเขาที่กุมมือเยี่ยจื่อไว้สั่นเทาอย่างรุนแรงตอน
เสียงร้องของเยี่ยจื่อ ทำให้หัวใจของหยุนเจิงบีบรัดตามไปด้วย“จื่อเอ๋อร์! ข้ากลับมาแล้ว!”หยุนเจิงไม่สนใจพูดคุยกับเสิ่นลั่วเยี่ยนและคนอื่นๆ เขารีบพุ่งไปที่ประตู แล้วตะโกนเข้าไปข้างใน“สามี!”เสียงร้องเจ็บปวดของเยี่ยจื่อดังขึ้นอีกครั้งแม้หยุนเจิงจะมองไม่เห็นสถานการณ์ภายในห้อง แต่เขาก็นึกภาพออกว่าเยี่ยจื่อต้องเจ็บปวดเพียงใดหากเป็นไปได้ เขาอยากจะแบ่งเบาความเจ็บปวดของนาง“จื่อเอ๋อร์ อย่ากลัว! สามีอยู่ที่นี่กับเจ้า!”หยุนเจิงกล่าวปลอบ แล้วรีบหันไปถามเสิ่นลั่วเยี่ยน “จื่อเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง?”เสิ่นลั่วเยี่ยนที่ดวงตาแดงก่ำ แอบมองไปทางประตูห้อง ก่อนจะตอบเสียงแผ่วเบา “หมอตำแยบอกว่า ตำแหน่งของทารกไม่ค่อยปกติ อาจคลอดได้ยาก เมี่ยวอินก็กำลังช่วยอยู่ เราเองก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ยืนร้อนใจอยู่ข้างนอก……”ตำแหน่งทารกผิดปกติ!เมื่อได้ยินคำนี้ หัวใจของหยุนเจิงพลันเต้นรัวขึ้นมาทันที เขาหันขวับไปมองฮูหยินเสิ่นและเว่ยซวงที่ยืนอยู่ใกล้ๆพบว่าทั้งสองต่างมีดวงตาแดงก่ำ ใบหน้าหม่นหมอง เห็นได้ชัดว่ากระวนกระวายใจไม่น้อยหยุนเจิงเข้าใจทันทีว่า เสิ่นลั่วเยี่ยนคงไม่อยากให้เขากังวลเกินไป จึงบอกเพียงว่าคลอ
ไม่กี่วันต่อมา ขณะที่หยุนเจิงอยู่ที่จิงหยางฝู่ เขาได้รับข่าวสารฮั่วเหวินจิ้งตายแล้ว!ไม่ได้ถูกฆ่าปิดปาก แต่ตายเพราะป่วย!หยุนเจิงคาดว่า ฮั่วเหวินจิ้งคงเสียชีวิตเพราะบาดแผลติดเชื้อเมื่อได้รับข่าวนี้ หยุนเจิงแทบอยากจะด่าหยุนลี่ว่าโง่เง่าเป็นหมูเสียจริงทำไมเขาถึงไม่ใช้วิธีทรมานก่อน แล้วค่อยให้หมอรักษาไว้ล่ะ?อีกแค่ก้าวเดียว เขากำลังจะสาวไปถึงตัวการเบื้องหลังได้อยู่แล้วแท้ๆ แต่ฮั่วเหวินจิ้งกลับมาตายเสียก่อนมันเหมือนกับฟ้ากำลังเล่นตลกกับเขา!สิ่งเดียวที่พอทำให้โล่งใจได้บ้างคือ อีกาดำและอีกาขาวต่างได้รับความเสียหายหนัก คนของเขาที่แทรกซึมอยู่ในอีกาดำ น่าจะสามารถก้าวขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งได้หากสามารถทำให้คนของเขากลายเป็นหัวหน้าของอีกาดำได้ ก็คงดี!แต่ไม่รู้ว่าเงาสอง ที่ร่วมเดินทางไปเมืองหลวงเพื่อฆ่าปิดปาก ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ขอให้รอดปลอดภัยเถอะ!หยุนเจิงถอนหายใจเงียบๆ ก่อนลุกขึ้นยืนในเมื่อฮั่วเหวินจิ้งตายไปแล้ว เขาก็ไม่ต้องรอสอบสวนอะไรอีกเรื่องที่เหลือ ก็ปล่อยให้ทัวฮวนจัดการไปก็แล้วกัน!“ส่งคำสั่งถึงอวี่ซื่อจง ให้เหลือทหารห้าพันนายประจำการอยู่ที่นี่ ภายใต้การบัญชาของรองแม่ท
“ลูกเข้าใจพ่ะย่ะค่ะ!”หยุนลี่รีบรับคำสั่ง“จำไว้! ฮั่วเหวินจิ้งถูกนักฆ่าสังหาร ไม่ใช่ตายเพราะป่วย!”จักรพรรดิเหวินกล่าวเตือนหยุนลี่ด้วยใบหน้าเย็นชา ก่อนเสด็จออกจากจวนองค์รัชทายาทแม้จะนั่งอยู่ในเกี้ยวแล้ว แต่เพลิงโทสะของจักรพรรดิเหวินยังคงลุกโชนไม่มอดอย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความโกรธเกรี้ยวในพระทัย ก็ยังมีความรู้สึกซับซ้อนบางอย่างซ่อนอยู่เขารู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งไม่ใช่คนของหยุนเจิงหากสามารถเค้นเอาความจริงจากฮั่วเหวินจิ้งได้ จนรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง บางทีพระองค์เองอาจไม่รู้ว่าควรจัดการอย่างไรหากเป็นพระโอรสองค์ใดองค์หนึ่ง หรือแม้แต่นางสนมคนใดคนหนึ่งของพระองค์ พระองค์จะต้องลงพระอาญาสังหารพวกเขาด้วยพระองค์เองอย่างนั้นหรือ?หากเรื่องนี้ทำให้คนที่รอดพ้นจากเคราะห์ครั้งนี้ได้สำนึกและเลิกล้มความคิดที่จะก่อความวุ่นวาย นั่นก็คงเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับตัวการเบื้องหลังของฮั่วเหวินจิ้ง จักรพรรดิเหวินเองก็พอมีข้อสันนิษฐานอยู่ในพระทัยแต่เป็นเพียงแค่ข้อสันนิษฐาน พระองค์ยังไม่สามารถสรุปได้แน่ชัดยิ่งไปกว่านั้น คนที่พระองค์สงสัยมีอยู่หลายคน ทำให้ไม่อาจฟันธงได้ว่าเป็นผู้ใดกันแน่ดูเหมือ
ภายในพระราชวัง จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังตรวจสอบข่าวเร่งด่วนจากเมืองฝูโจวอย่างไรก็ตาม ทั้งสองเพียงกวาดตามองก็ขว้างเอกสารฉบับนั้นทิ้งด้วยความโกรธอย่าว่าแต่หยุนลี่เลย แม้แต่จักรพรรดิเหวินก็อดด่าหยุนเจิงในใจไม่ได้ลูกอกตัญญูผู้นี้ ชักจะเหลวไหลขึ้นทุกวันเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็กล้าใช้ชื่อข่าวเร่งด่วนทางทหารส่งมาถึงเมืองหลวงนี่เป็นครั้งที่สองแล้ว!ข่าวเร่งด่วนทางทหารถูกเขาใช้เป็นของเล่นไปแล้ว!คราวหน้า ถ้าเจอตัวเจ้าเด็กเหลือขอนั่น ข้าจะเตะมันให้กระอักสองทีแน่!“กราบทูลฝ่าบาท องค์รัชทายาทฝ่าบาท กองกำลังของกระหม่อมถูกลอบโจมตีโดยนักฆ่าที่ถนนเป่ยเจีย……”ขณะที่จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังเดือดดาลกับหยุนเจิง เฉียวเหยียนเซียนก็ส่งคนมาแจ้งข่าวนักฆ่าหลายสิบคนที่ร่วมมือกันสังหารฮั่วเหวินจิ้งและครอบครัว ถูกสังหารหรือถูกจับกุมเป็นส่วนใหญ่มีเพียงไม่กี่คนที่ฉวยโอกาสความชุลมุนหลบหนีไปได้ครั้งนี้ การวางแผนของพวกเขารัดกุมยิ่งนักหากไม่ใช่เพราะพลส่งสารข่าวเร่งด่วนโผล่มาขัดจังหวะ คงไม่มีทางที่นักฆ่าจะรอดไปได้เลยนอกจากนี้ พวกเขายังพบหน้าไม้ทรงอานุภาพจำนวนมากในที่เกิดเหตุเมื่อรายงานมาถ
ขณะที่เฉียวเหยียนเซียนนำกำลังคุมตัวนักโทษผ่านถนนเป่ยเจีย หน้าต่างบนหอคอยของอาคารสองหลังที่อยู่สองฟากถนนค่อยๆ เปิดออกเล็กน้อยหน้าไม้จำนวนมากถูกเล็งออกมาจากช่องหน้าต่างโดยไร้เสียง เพียงแค่รอให้กรงนักโทษเข้าสู่ระยะยิง พวกเขาก็จะลงมือทันทีขบวนคุ้มกันเข้าใกล้พวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ เงาสองก็เตรียมพร้อมเช่นกันเขาไม่รู้ว่าฮั่วเหวินจิ้งมีความสำคัญต่อหยุนเจิงเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากอีกาดำมากขึ้น เขาจำเป็นต้องร่วมมือสังหารเหล่านักโทษเหล่านี้แต่เขาก็รู้ดีว่า หากลงมือแล้ว การจะหลบหนีออกจากเมืองหลวงไม่ใช่เรื่องง่ายแต่เขาต้องรอด!ส่วนหนึ่งเพราะเขาไม่ต้องการตาย อีกส่วนหนึ่งก็เพราะ หากเขารอด เขาจะมีโอกาสพบกับผู้ที่คอยสนับสนุนการหลบหนีของพวกเขาและบุคคลนี้ อาจเป็นกุญแจสำคัญในการเปิดโปงผู้อยู่เบื้องหลังตัวจริง!เงาสองครุ่นคิดเงียบๆ พร้อมเหลือบมองหน้าไม้ในมือพวกเขาปลอมตัวเป็นพ่อค้าเพื่อแฝงตัวเข้าเมืองหลวง ย่อมไม่สามารถพกพาอาวุธเหล่านี้มาเองได้หน้าไม้เหล่านี้ถูกเตรียมไว้ล่วงหน้า ถูกซุกซ่อนไว้ที่เนินเขาเหมียวเอ่อร์ซานสิ่งเหล่านี้เป็นอาวุธของกองทัพ!แม้ทางราชสำนักจะควบคุมอาวุธประเภทนี
“ฝ่าบาท เงาสามแจ้งข่าวด่วน!”จิงหยางฟู่ เสิ่นควานถือจดหมายฉบับหนึ่ง รีบรุดเข้ามาด้วยท่าทีเร่งรีบเงาสาม?นี่เป็นหนึ่งในคนที่สามารถแทรกซึมเข้าไปในอีกาดำได้สำเร็จเงาสามส่งข่าวด่วนมา ดูท่าแล้ว อีกาดำคงจะลงมือแล้วแน่หากไม่มีอะไรผิดพลาด อีกาดำน่าจะต้องการสังหารฮั่วเหวินจิ้งเพื่อกำจัดภัยร้ายอย่างสิ้นซาก!หยุนเจิงครุ่นคิดไปพลาง รับจดหมายจากเสิ่นควานและเปิดออกดูเมื่อเห็นเนื้อหาในจดหมาย หยุนเจิงก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวข่าวที่เงาสามส่งมา ตรงกับที่เขาคาดการณ์ไว้ไม่มีผิดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวนำทัพมาด้วยตนเอง ต้องการฆ่าฮั่วเหวินจิ้งให้ได้!แม้แต่เงาสองก็ถูกเลือกให้เข้าร่วมภารกิจลอบสังหารครั้งนี้ตอนนี้ พวกเขาได้รับเพียงคำสั่งให้เตรียมพร้อม แต่ยังไม่รู้เวลาและสถานที่ลงมือที่แน่ชัดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวตั้งใจปกปิดข้อมูล ไม่ให้ผู้ใดซักถาม ใครที่ร่วมภารกิจก็แค่ทำตามคำสั่งในขณะลงมือเท่านั้นพวกเขากลัวว่าจะถูกสงสัย จึงไม่กล้าไต่ถามอะไรมากข่าวที่เงาสามส่งกลับมา สำหรับหยุนเจิงแล้ว ไม่ใช่ข่าวดีเลยเขายอมจ่ายเงินกว่าล้านตำลึงเพื่อให้ครอบครัวฮั่วเหวินจิ้งปลอดภัยและมาถึงมือเขาแต่ตอนนี
หญิงสาวนิ่งเงียบ ทำอย่างไรดี? นางเองก็อยากหาคนมาปรึกษา ว่าควรทำเช่นไรในสถานการณ์นี้ แต่เวลานี้… เกรงว่าคงไม่มีผู้ใดสามารถให้คำตอบแก่นางได้ ไม่นึกเลยว่า… แผนการที่นางวางมาอย่างรอบคอบมายาวนาน กลับจะพังทลายลงในมือของหยุนลี่! เฮ้อ! นางทอดถอนใจยาวในใจ แต่ในดวงตากลับปรากฏประกายเย็นยะเยือก "ไม่ว่าอย่างไร… ฮั่วเหวินจิ้งต้องไม่มีชีวิตรอดไปถึงมือหยุนเจิง! หากไร้ซึ่งความกังวลเรื่องครอบครัว ฮั่วเหวินจิ้งจะต้องเปิดโปงเราทั้งหมดแน่!" นางรู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งกำลังกังวลสิ่งใด สิ่งที่ฮั่วเหวินจิ้งกังวลที่สุดในตอนนี้ คือความปลอดภัยของครอบครัว เขาจึงไม่กล้าเปิดโปงนางออกไป แต่หากครอบครัวของฮั่วเหวินจิ้งถูกส่งไปถึงมือหยุนเจิงอย่างปลอดภัย เช่นนั้น เขาย่อมไม่มีเหตุผลใดให้ปิดปากอีกต่อไป! ระหว่างหยุนลี่กับหยุนเจิง นางเกรงกลัวหยุนเจิงมากกว่า เพราะหยุนเจิงคือผู้กุมอำนาจกองทัพ… หากหยุนเจิงรู้ว่า ผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้คือตัวนางเอง เช่นนั้น… นางคงหนีไม่พ้นความตาย! ไม่ใช่แค่หยุนเจิง… แม้แต่หยุนลี่ หรือแม้กระทั่งองค์จักรพรรดิ… ก็คงไม่ปล่อยนางไปเช่นกัน! เมื่อได้ยินเช่