หยุนเจิงจ้องมอง นึกไม่ถึงว่าจะเป็นราชโองการตอนที่เขาหยิบราชโองการขึ้นมา พบว่าด้านในคือราชโองการว่างเปล่าด้านบน ยังประทับตราเอาไว้!มองดูราชโองการเปล่าในมือ หยุนเจิงรู้สึกตัวชาตาแก่นี่คิดจะทำสิ่งใด?ให้ราชโองการว่างเปล่ากับเขา ให้เขาเขียนตามใจชอบหรือ?“ท่านอ๋อง เลิกอึ้งได้แล้ว!”จักรพรรดิเหวินชี้ไปยังโต๊ะภายในกระโจม “เจ้าอยากจะเขียนสิ่งใดก็เขียน! ต่อให้เจ้าเขียนให้สละตำแหน่งแทนข้าก็ยังได้!”“เสด็จพ่อ นี่ท่าน...จำเป็นหรือ?”หยุนเจิงจนใจ ยังก่อเรื่องไม่พอหรือ?พอประมาณก็พอแล้ว!เหตุใดต้องที่เขาลำบากใจ ทดสอบเขาสักหน่อย เขาถึงจะสบายใจ?“จำเป็นหรือ?”จักรพรรดิเหวินถลึงพระเนตร “ข้าถูกเจ้าหลอกกลายเป็นคนโง่ เจ้าถามข้าว่าจำเป็นหรือ?”“ที่ลูกทำเพราะจนปัญญาไม่ใช่หรือ?” หยุนเจิงหัวเราะอย่างรู้สึกผิดหยุนเจิงกล่าวไป สอดราชโองการว่างเปล่าเข้าไปในแขนเสื้ออย่างมีความสุข ราวกับเหล่าหลี่เดินทางไกลเพื่อโขมยบุหรี่อื้ม นำกลับไปเขียนแต่งตั้งเยี่ยจื่อและเมี่ยวอินให้อนุของเขาก็ไม่เลวอีกอย่าง สั่งให้คนส่งเงินและเสบียงมาให้เขาสักหน่อย?จักรพรรดิเหวินกำลังทอดพระเนตรอยู่ ใบหน้ากระตุกอย่างควบ
มิน่าเล่า!เขาถึงว่าเหตุใดตาแก่นี่มาเร็วเช่นนี้!ทนไม่ไหวที่จะมาทดสอบเขาถึงซั่วเป่ยแล้ว?ช่างเถอะ!เช่นไรก็ยังดีกว่าต้องเผชิญหน้ากันในสนามรบมาก!เขาเป็นห่วงว่า พวกเขาพ่อลูกตอนพบกันอีกครั้ง ก็ต้องเผชิญหน้ากันในสนามรบแล้วบอกตามตรง ที่เป็นอยู่ตอนนี้ เป็นเรื่องที่เมื่อก่อนเขาไม่กล้าคิดจักรพรรดิเหวิมมองหยุนเจิงอย่างมีเลศนัย ตอนที่ประทับอยู่ในกระโจม ก็ได้พลิกหน้าสมุดบัญชีดูอีกครั้งอ่านไปอ่านมา คิ้วของจักรพรรดิเหวินขมวดขึ้นมา “รบกับฮูเจี๋ย พวกเจ้าก็มีความตายมากมายเพียงนี้แล้ว? บอกมา เจ้าคิดจะหลอกเอาเงินจากข้าเท่าใด? หรือไม่ เจ้าเอาข้าชั่งน้ำหนักดู ว่าตัวข้ามีราคาเท่าใด?”อุว๊ะ!ตาแก่ กินหมัดข้าสักที!หยุนเจิงคำรามลั่นในใจ อธิบายอย่างจนใจ “เสด็จพ่อเข้าใจผิดแล้ว! นี่คือทหารที่เสียชีวิตตอนที่เจียเหยานำทัพบุกทะลวงสันดอนเป่ยหวน! ส่วนการรบกับฮูเจี๋ย ผู้เสียชีวิตที่ด้านหน้าและหลังรวมกันประมาณเจ็ดพันคน...”เขาไม่เชื่อว่าหันจิ้นไม่ได้บอกเรื่องเหล่านี้กับเสด็จพ่อ!ต่อให้หานจิ้นไม่รู้จำนวนตัวเลขผู้บาดเจ็บเสียชีวิต แต่ก็พอประมาณการคร่าวๆ ได้อีกอย่าง สรุปแล้วพวกเขานำคนไปจำนวนเพียงเท่านั้
ท่านอ๋องแบกเกี้ยว พระชายานำทางต่อให้จักรพรรดิเหวินต้องรอยู่นอกด่านเป่ยลู่หนึ่งวันกล่าว แต่ก็เข้าด่านเป่ยลู่อย่างสง่าผ่าเผยหยุนเจิงทอดถอนใจ วิธีการของจักรพรรดิเหวินเล่นได้อย่างสวยงามนักทั้งประกาศอำนาจอธิปไตยและตำแหน่งของพระองค์ ทั้งไม่ตกต่ำหลังเข้าด่านเป่ยลู่ ค่อยติดตามพวกหยุนเจิงไปยังจวนแม่ทัพของด่านเป่ยลู่เพิ่งได้ประทับภายในจวนครู่เดียว จักรพรรดิเหวินลุกขึ้นยืน “เจ้าหก ตามข้าไปเดินเล่นด้านบนด่านของทางเหนือ!”เสิ่นลั่วเยี่ยนแอบกังวล จากนั้นก็กล่าวว่า “หม่อมฉันไปเดินกับเสด็จพ่อด้วยเพคะ!”หยุนเจิงแม้จะเป็นวรยุทธ แต่เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกโจวไต้แน่นอน!หากจักรพรรดิเหวินหาเรื่องขึ้นมากะทันหัน ให้คนมัดหยุนเจิงไว้ จะทำเช่นไร?“ก็ได้!”จักรพรรดิเหวินอ่านใจของเสิ่นลั่วเยี่ยนออก แต่ไม่เปิดเผยไม่นาน พวกเขาก็เดินทางไปยังด้านบนด่านของประตูทางเหนือจักรพรรดิเหวินพระหัตถ์สองข้างไพล่หลัง มองไปยังทิศทางที่ตั้งของสามเมืองชายแดนเงียบๆเนิ่นนาน จักรพรรดิเหวินเอ่ยปากถาม “สามเมืองชายแดนล้วนมีทหารประจำการแล้ว?”“ไม่พ่ะย่ะค่ะ”หยุนเจิงตอบ “หลังเป่ยหวนถอนทัพไป สามเมืองชายแดนเผชิญกับระดับ
หากสวีสือฝู่ฉวยโอกาสตั้งพรรคพวกเพื่อประโยชน์ส่วนตน ในอนาคต เสด็จพ่อกำจัดอุปสรรคปูทางให้จักรพรรดิองค์ใหญ่ ก็จะสะดวกขึ้นมากเรื่องบางอย่าง ต่อให้ดูออกแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องพูดออกมาระหว่างพวกเขาพ่อลูก มีสถานการณ์อย่างตอนนี้ ก็ดีมากแล้วไม่จำเป็นต้องแทรกปัญหาใหม่เข้ามา“เจ้ากลัวข้าระแวงเจ้าหรือ?”จักรพรรดิเหวินตรัสสิ่งที่หยุนเจิงกังวลออกมาโดยตรงหยุนเจิงเมื่อได้ฟัง ก็หัวเราะออกมาอย่างจนปัญญาเจ้ารู้แล้ว ยังจะถามอีก?เพื่อสิ่งใดเล่า!“บอกมาตามตรง!”จักรพรรดิเหวินสายพระเนตรเย็นชา “เจ้าบัญชาการทัพทหารสองแสนนาย ทั้งยังชำนาญรบทัพจับศึก เจ้าคิดว่าเจ้าแกล้งทำเลอะเลือนกับข้าได้แล้ว ข้าจะไม่ระแวงเจ้า? เจ้าทำเรื่องชั่วเอาไว้น้อยหรือ? เจ้ายังกลัวข้าระแวงเจ้าอีกหรือ?”“เหตุใดจะไม่กลัวพ่ะย่ะค่ะ”หยุนเจิงแย้มยิ้ม “เสด็จพ่อ สถานการณ์ของพวกเราตอนนี้ดีมากแล้ว! ท่านปกครองแคว้น ลูกไม่คิดคนึงหาตำแหน่งจักรพรรดิ แล้วก็ไม่คิดคะนึงหาตำแหน่งรัชทายาท ลูกช่วยเสด็จพ่อปกป้องซั่วเป่ย วันเวลาผ่านไป ลูกก็จะนำทัพสู้กับเป่ยหวนต่อ ขอแค่ตีจนเป่ยหวนพิการ ทางเหนือของต้าเฉียนเราก็จะสงบมั่นคงไปได้อย่างน้อยหลายสิบปี...
เสิ่นลั่วเยี่ยนไม่รู้ว่าหยุนเจิงสนทนาสิ่งใดกับจักรพรรดิเหวินทว่า สิ่งที่เสิ่นลั่วเยี่ยนเห็น จักรพรรดิเหวินอยากจะเฆี่ยนตีหยุนเจิงอยู่หลายครั้ง เพียงแต่เฆี่ยนไม่ลงเท่านั้นถึงเช่นไร ทุกคนที่จักรพรรดิเหวินยกพระหัตถ์ขึ้น ในใจเสิ่นลั่วเยี่ยนก็กระตุกหนึ่งครั้งหากสองพ่อลูกสู้กันด้านบนด่านขึ้นมา เช่นนั้นความสนุกก็มากแล้วไม่นาน เสิ่นลั่วเยี่ยนก็สะบัดศีรษะ แอบบอกตัวเองว่าคิดเหลวไหลสิ่งใดกัน!สองพ่อลูกไม่ว่าเช่นไรก็คคงไม่สู้กันขึ้นมา!หยุนเจิงและจักรพรรดิเหวินก็แค่สนทนาเรื่อยเปื่อยผ่านไปสักพัก จักรพรรดิเหวินก็เผยรอยยิ้มพอใจออกมาอีกครั้งแต่ผ่านไปชั่วครู่ จักรพรรดิเหวินก็ทำหน้าอยากจะเฆี่ยนหยุนเจิงอีกครั้งเสิ่นลั่วเยี่ยนมองด้วยสมองเต็มไปด้วยเมฆหมอก โจวไต้ก็สมองเต็มไปด้วยเมฆหมองกเช่นกันเวลาใกล้ฟ้ามืดแล้ว สองพ่อลูกจึงเดินลงมาจากบนด่านใบหน้าจักรพรรดิเหวินมีรอยยิ้มดูไปแล้ว อารมณ์คงไม่เลวเลยเสิ่นลั่วเยี่ยนเห็นดังนั้น ในใจก็ถอนหายใจยาวออกมาเมื่อคืน หยุนเจิงจัดงานเลี้ยงรับรองให้จักรพรรดิเหวินที่จวนแม่ทัพจักรพรรดิเหวินเร่งเดินทางเสด็จมา ทรงเหน็ดเหนื่อยแล้วหลังดื่มสุรา จักรพรรดิเ
ซั่วเป่ยส่งกับดักออกมาจำนวนมาก...อ้อไม่ เป็นผลิตภัณฑ์ที่ให้เหล่าเศรษฐีได้ดื่มด่ำสำราญรวมถึงสุรา ผลิตภัณฑ์ขนสัตว์ ม้าที่ดูดีแต่ไร้ประโยชน์ รวมถึงสินค้าอุปโภคบริโภคระดับสูงในสมองของหยุนเจิงขายของเหล่านั้นทำให้ตระกูลผู้ดี ตระกูลขุนนาง ลุ่มหลงมัวเมา ลดทอนทรัพย์สินของพวกเขา จากนั้นก็นำทรัพย์สินที่จากพวกเขาไปซื้อที่นาและเสบียงอาหารให้มือพวกเขาเป็นต้นตระกูลผู้ดีและทรงอำนาจเหล่านั้นมีเงินในมือมากมาย ก็จะบริโภคก็จะพัฒนาต่อไปอีกขั้นเป็นเช่นนี้ ก็จะกลายเป็นวงจรอุบาตรหนึ่งอีกทั้งคนเหล่านี้ไม่มีที่นามากมายแล้ว ย่อมไม่อาจเลี้ยงคนรับใช้ และผู้เช่าผืนนาได้มากมายแล้วใช้คำพูดของหยุนเจิง นี่เรียกว่าผ่อนปรนแรงผลิตอีกทั้ง สินค้าฟุ่มเฟือยเหล่านี้สามารถขายได้ไม่เพียงแต่ให้กับเหล่าตระกูลผู้ดีและขุนนางของต้าเฉียน เท่านั้น แต่ยังขายให้กับแคว้นโดยรอบได้ด้วย อีกทั้งยังได้เงินอีก สามารถซื้อเสบียงรวมไปถึงวัตถุปัจจัยที่ต้าเฉียนขาดแคลนจากแคว้นโดยรอบได้แล้วก็เป็นการลดทอนกำลังของแคว้นโดยรอบด้วยเช่นนี้หรือ?เสิ่นลั่วเยี่ยนไม่ใช่คนทำการค้า ฟังอยู่นานสองนาน ก็ฟังไม่เข้าใจทั้งหมดแต่ความหมายคร่าวๆ นาง
วันที่สองเช้าตรู่ จักรพรรดิเหวินนำทุกคนมุ่งตรงไปยังสามเมืองชายแดนในเมื่อจักรพรรดิเหวินมาซั่วเป่ยแล้ว ย่อมต้องไปดูสามเมืองชายแดนที่คิดถึงคนึงหาต่อให้สามเมืองชายแดนตอนนี ไม่ได้เป็นเหมือนสามเมืองชายแดนในตอนนั้นก็ตามจักรพรรดิเหวินปรารถนาไปตรวจดู ทุกคนก็ไม่อาจขัดขวางได้เช่นกันหลังออกจากด่านเป่ยลู่ ในที่สุดจักรพรรดิเหวินก็ได้ขี่ม้าของฮูเจี๋ยแล้วอย่าว่าเลย ขี่ม้าของฮูเจี๋ยต้องบอกว่าขี่ได้สบายยิ่งนัก!ในพระทัยจักรพรรดิเหวินทอดถอนพระทัย“ปานปู้ตายแล้วจริงหรือ?”ระหว่างทาง จักรพรรดิเหวินตรัสถามหยุนเจิง“ยืนยันว่าตายแล้วพ่ะย่ะค่ะ”หยุนเจิงพยักหน้า“เช่นนั้นก็น่าเสียดาย!”พระพักตร์ของจักรพรรดิเหวินเต็มไปด้วยอารมณ์ ส่ายพระพักตร์กล่าว “ข้าอยากเห็นหัวของปานปู้!”“……”หยุนเจิงเมื่อได้ยิน ในใจแอบสบถอย่างควบคุมไม่ได้ปานปู้ตายไปตั้งนานแล้ว!ขุดร่างของปานปู้ออกมาให้เจ้า เจ้าก็ไม่เอาเช่นกัน!ตาแก่นี่ เจ้าคิดเจ้าแค้นเสียจริง!ถึงเวลายามบ่าย พวกเขาก็พบพวกเสิ่นฮูหยินที่เดินทางมาถึงด่านเป่ยลู่ฮูหยินเสิ่นรีบพาทุกคนลงจากหลังมา ทำความเคารพให้จักรพรรดิเหวิน“ไม่ต้องพิธีรีตอง”จักรพรรดิเ
“อ้อ?”จักรพรรดิเหวินประหลาดพระทัยเล็กน้อยเรื่องนี้ พวกหันจิ้นไม่เคยบอกกับเขามาก่อน!ความโกรธเกรี้ยวบนจักรพรรดิเหวินลดลงไปมาก จากนั้นก็จับจ้องเยี่ยจื่อ “วันวาน ข้าทำให้เจ้ากลายเป็นหม่ายทั้งที่ยังไม่เข้าห้องหอ วันนี้ ข้าคืนสามีให้เจ้าหนึ่งคน!”กล่าวจบ จักรพรรดิเหวินส่งสายพระเนตรให้โจวไต้ “ประกาศราชโองการเถอะ!”“พ่ะย่ะค่ะ!”โจวไต้รีบหยิบราชโองการที่เตรียมไว้นานแล้วออกมา อ่านเสียงดัง “องค์ชายหกหยุนเจิง เสิ่นจื่อ...บุตรบุญธรรมเยี่ยจื่อ รับราชโองการ!”ราชโองการ?ราชโองการที่มากะทันหันทำให้ทุกคนตกตะลึงหยุนเจิงมีปฏิกิริยาตอบสนองแล้ว รีบเดินเข้าไป ดึงเยี่ยจื่อที่ยืนอยู่เมื่อครู่ให้คุกเข่าลงด้วยกันเขารู้แล้ว ที่เสด็จพ่อก่อเรื่องเช่นนี้ ก็เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับเรื่องนี้!ราชโองการฉบับนี้ น่าจะเป็นราชโองการว่างเปล่าเมื่อวานกระมัง?หากเมื่อวานเขาไม่อาจทำให้ตาแก่นี่พอใจได้ เกรงว่าคงไม่มีราชโองการฉบับนี้แล้วกระมัง?ดูเหมือน ทักษะการใช้อำนาจนี่ทำได้อย่างคล่องแคล่วเชียว!โจวไต้ถือราชโองการ อ่านเสียงดัง “ฝ่าบาทมีราชโองการ แม่นางเยี่ยจื่อ อ่อนโยนมีมารยาท มีความรู้หลักการ...ตั้งแต่นี้ไป