หากสวีสือฝู่ฉวยโอกาสตั้งพรรคพวกเพื่อประโยชน์ส่วนตน ในอนาคต เสด็จพ่อกำจัดอุปสรรคปูทางให้จักรพรรดิองค์ใหญ่ ก็จะสะดวกขึ้นมากเรื่องบางอย่าง ต่อให้ดูออกแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องพูดออกมาระหว่างพวกเขาพ่อลูก มีสถานการณ์อย่างตอนนี้ ก็ดีมากแล้วไม่จำเป็นต้องแทรกปัญหาใหม่เข้ามา“เจ้ากลัวข้าระแวงเจ้าหรือ?”จักรพรรดิเหวินตรัสสิ่งที่หยุนเจิงกังวลออกมาโดยตรงหยุนเจิงเมื่อได้ฟัง ก็หัวเราะออกมาอย่างจนปัญญาเจ้ารู้แล้ว ยังจะถามอีก?เพื่อสิ่งใดเล่า!“บอกมาตามตรง!”จักรพรรดิเหวินสายพระเนตรเย็นชา “เจ้าบัญชาการทัพทหารสองแสนนาย ทั้งยังชำนาญรบทัพจับศึก เจ้าคิดว่าเจ้าแกล้งทำเลอะเลือนกับข้าได้แล้ว ข้าจะไม่ระแวงเจ้า? เจ้าทำเรื่องชั่วเอาไว้น้อยหรือ? เจ้ายังกลัวข้าระแวงเจ้าอีกหรือ?”“เหตุใดจะไม่กลัวพ่ะย่ะค่ะ”หยุนเจิงแย้มยิ้ม “เสด็จพ่อ สถานการณ์ของพวกเราตอนนี้ดีมากแล้ว! ท่านปกครองแคว้น ลูกไม่คิดคนึงหาตำแหน่งจักรพรรดิ แล้วก็ไม่คิดคะนึงหาตำแหน่งรัชทายาท ลูกช่วยเสด็จพ่อปกป้องซั่วเป่ย วันเวลาผ่านไป ลูกก็จะนำทัพสู้กับเป่ยหวนต่อ ขอแค่ตีจนเป่ยหวนพิการ ทางเหนือของต้าเฉียนเราก็จะสงบมั่นคงไปได้อย่างน้อยหลายสิบปี...
เสิ่นลั่วเยี่ยนไม่รู้ว่าหยุนเจิงสนทนาสิ่งใดกับจักรพรรดิเหวินทว่า สิ่งที่เสิ่นลั่วเยี่ยนเห็น จักรพรรดิเหวินอยากจะเฆี่ยนตีหยุนเจิงอยู่หลายครั้ง เพียงแต่เฆี่ยนไม่ลงเท่านั้นถึงเช่นไร ทุกคนที่จักรพรรดิเหวินยกพระหัตถ์ขึ้น ในใจเสิ่นลั่วเยี่ยนก็กระตุกหนึ่งครั้งหากสองพ่อลูกสู้กันด้านบนด่านขึ้นมา เช่นนั้นความสนุกก็มากแล้วไม่นาน เสิ่นลั่วเยี่ยนก็สะบัดศีรษะ แอบบอกตัวเองว่าคิดเหลวไหลสิ่งใดกัน!สองพ่อลูกไม่ว่าเช่นไรก็คคงไม่สู้กันขึ้นมา!หยุนเจิงและจักรพรรดิเหวินก็แค่สนทนาเรื่อยเปื่อยผ่านไปสักพัก จักรพรรดิเหวินก็เผยรอยยิ้มพอใจออกมาอีกครั้งแต่ผ่านไปชั่วครู่ จักรพรรดิเหวินก็ทำหน้าอยากจะเฆี่ยนหยุนเจิงอีกครั้งเสิ่นลั่วเยี่ยนมองด้วยสมองเต็มไปด้วยเมฆหมอก โจวไต้ก็สมองเต็มไปด้วยเมฆหมองกเช่นกันเวลาใกล้ฟ้ามืดแล้ว สองพ่อลูกจึงเดินลงมาจากบนด่านใบหน้าจักรพรรดิเหวินมีรอยยิ้มดูไปแล้ว อารมณ์คงไม่เลวเลยเสิ่นลั่วเยี่ยนเห็นดังนั้น ในใจก็ถอนหายใจยาวออกมาเมื่อคืน หยุนเจิงจัดงานเลี้ยงรับรองให้จักรพรรดิเหวินที่จวนแม่ทัพจักรพรรดิเหวินเร่งเดินทางเสด็จมา ทรงเหน็ดเหนื่อยแล้วหลังดื่มสุรา จักรพรรดิเ
ซั่วเป่ยส่งกับดักออกมาจำนวนมาก...อ้อไม่ เป็นผลิตภัณฑ์ที่ให้เหล่าเศรษฐีได้ดื่มด่ำสำราญรวมถึงสุรา ผลิตภัณฑ์ขนสัตว์ ม้าที่ดูดีแต่ไร้ประโยชน์ รวมถึงสินค้าอุปโภคบริโภคระดับสูงในสมองของหยุนเจิงขายของเหล่านั้นทำให้ตระกูลผู้ดี ตระกูลขุนนาง ลุ่มหลงมัวเมา ลดทอนทรัพย์สินของพวกเขา จากนั้นก็นำทรัพย์สินที่จากพวกเขาไปซื้อที่นาและเสบียงอาหารให้มือพวกเขาเป็นต้นตระกูลผู้ดีและทรงอำนาจเหล่านั้นมีเงินในมือมากมาย ก็จะบริโภคก็จะพัฒนาต่อไปอีกขั้นเป็นเช่นนี้ ก็จะกลายเป็นวงจรอุบาตรหนึ่งอีกทั้งคนเหล่านี้ไม่มีที่นามากมายแล้ว ย่อมไม่อาจเลี้ยงคนรับใช้ และผู้เช่าผืนนาได้มากมายแล้วใช้คำพูดของหยุนเจิง นี่เรียกว่าผ่อนปรนแรงผลิตอีกทั้ง สินค้าฟุ่มเฟือยเหล่านี้สามารถขายได้ไม่เพียงแต่ให้กับเหล่าตระกูลผู้ดีและขุนนางของต้าเฉียน เท่านั้น แต่ยังขายให้กับแคว้นโดยรอบได้ด้วย อีกทั้งยังได้เงินอีก สามารถซื้อเสบียงรวมไปถึงวัตถุปัจจัยที่ต้าเฉียนขาดแคลนจากแคว้นโดยรอบได้แล้วก็เป็นการลดทอนกำลังของแคว้นโดยรอบด้วยเช่นนี้หรือ?เสิ่นลั่วเยี่ยนไม่ใช่คนทำการค้า ฟังอยู่นานสองนาน ก็ฟังไม่เข้าใจทั้งหมดแต่ความหมายคร่าวๆ นาง
วันที่สองเช้าตรู่ จักรพรรดิเหวินนำทุกคนมุ่งตรงไปยังสามเมืองชายแดนในเมื่อจักรพรรดิเหวินมาซั่วเป่ยแล้ว ย่อมต้องไปดูสามเมืองชายแดนที่คิดถึงคนึงหาต่อให้สามเมืองชายแดนตอนนี ไม่ได้เป็นเหมือนสามเมืองชายแดนในตอนนั้นก็ตามจักรพรรดิเหวินปรารถนาไปตรวจดู ทุกคนก็ไม่อาจขัดขวางได้เช่นกันหลังออกจากด่านเป่ยลู่ ในที่สุดจักรพรรดิเหวินก็ได้ขี่ม้าของฮูเจี๋ยแล้วอย่าว่าเลย ขี่ม้าของฮูเจี๋ยต้องบอกว่าขี่ได้สบายยิ่งนัก!ในพระทัยจักรพรรดิเหวินทอดถอนพระทัย“ปานปู้ตายแล้วจริงหรือ?”ระหว่างทาง จักรพรรดิเหวินตรัสถามหยุนเจิง“ยืนยันว่าตายแล้วพ่ะย่ะค่ะ”หยุนเจิงพยักหน้า“เช่นนั้นก็น่าเสียดาย!”พระพักตร์ของจักรพรรดิเหวินเต็มไปด้วยอารมณ์ ส่ายพระพักตร์กล่าว “ข้าอยากเห็นหัวของปานปู้!”“……”หยุนเจิงเมื่อได้ยิน ในใจแอบสบถอย่างควบคุมไม่ได้ปานปู้ตายไปตั้งนานแล้ว!ขุดร่างของปานปู้ออกมาให้เจ้า เจ้าก็ไม่เอาเช่นกัน!ตาแก่นี่ เจ้าคิดเจ้าแค้นเสียจริง!ถึงเวลายามบ่าย พวกเขาก็พบพวกเสิ่นฮูหยินที่เดินทางมาถึงด่านเป่ยลู่ฮูหยินเสิ่นรีบพาทุกคนลงจากหลังมา ทำความเคารพให้จักรพรรดิเหวิน“ไม่ต้องพิธีรีตอง”จักรพรรดิเ
“อ้อ?”จักรพรรดิเหวินประหลาดพระทัยเล็กน้อยเรื่องนี้ พวกหันจิ้นไม่เคยบอกกับเขามาก่อน!ความโกรธเกรี้ยวบนจักรพรรดิเหวินลดลงไปมาก จากนั้นก็จับจ้องเยี่ยจื่อ “วันวาน ข้าทำให้เจ้ากลายเป็นหม่ายทั้งที่ยังไม่เข้าห้องหอ วันนี้ ข้าคืนสามีให้เจ้าหนึ่งคน!”กล่าวจบ จักรพรรดิเหวินส่งสายพระเนตรให้โจวไต้ “ประกาศราชโองการเถอะ!”“พ่ะย่ะค่ะ!”โจวไต้รีบหยิบราชโองการที่เตรียมไว้นานแล้วออกมา อ่านเสียงดัง “องค์ชายหกหยุนเจิง เสิ่นจื่อ...บุตรบุญธรรมเยี่ยจื่อ รับราชโองการ!”ราชโองการ?ราชโองการที่มากะทันหันทำให้ทุกคนตกตะลึงหยุนเจิงมีปฏิกิริยาตอบสนองแล้ว รีบเดินเข้าไป ดึงเยี่ยจื่อที่ยืนอยู่เมื่อครู่ให้คุกเข่าลงด้วยกันเขารู้แล้ว ที่เสด็จพ่อก่อเรื่องเช่นนี้ ก็เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับเรื่องนี้!ราชโองการฉบับนี้ น่าจะเป็นราชโองการว่างเปล่าเมื่อวานกระมัง?หากเมื่อวานเขาไม่อาจทำให้ตาแก่นี่พอใจได้ เกรงว่าคงไม่มีราชโองการฉบับนี้แล้วกระมัง?ดูเหมือน ทักษะการใช้อำนาจนี่ทำได้อย่างคล่องแคล่วเชียว!โจวไต้ถือราชโองการ อ่านเสียงดัง “ฝ่าบาทมีราชโองการ แม่นางเยี่ยจื่อ อ่อนโยนมีมารยาท มีความรู้หลักการ...ตั้งแต่นี้ไป
ระยะห่างของเมืองเป่ยลู่กับชายแดนกู้มีเกือบแปดร้อยลี้มีจักรพรรดิเหวินเดินทางมากับพวกเขา พวกเขาไม่อาจเร่งเดินทางโดยไม่คิดชีวิตหลังห้าวัน พวกเขาก็มาถึงชายแดนกู้ชายแดนกู้เวลานี้ผ่านการบูรณะอย่างยาวนานแล้ว โดยพื้นฐานแล้วนับว่าซ่อมแซมเรียบร้อยแล้วจักรพรรดิเหวินไม่ได้สนทนากับเหล่าแม่ทัพน้อยใหญ่ในชายแดนกู้มากนัก ทรงทนไม่ไหวที่จะขึ้นไปบนกำแพงชายแดนกู้ ยืนอยู่ตรงกำแพง จักรพรรดิเหวินค่อยๆ หันพระวรกายกลับมา มองนอกและในเมืองชายแดนกู้จากที่สูง“ได้! ดีมาก!”“นึกไม่ถึงว่าตอนที่ข้ายังมีชีวิตอยู่ยังสามารถได้ยืนบนกำแพงเมืองชายแดนกู้ได้!”“ข้านับว่าไม่เสียดินแทนของบรรพบุรุษไปแล้ว เมื่อไปถึงน้ำพุเก้าแห่ง ข้าก็มีหน้าไปพบจักรพรรดิองค์ก่อนแล้ว...”ตรัสไปตรัสมา ดวงพระเนตรของจักรพรรดิก็มีเปียกชื้นสามเมืองชายแดนสร้างขั้นตั้งแต่สมัยจักรพรรดิองค์ก่อนหลังเขาสืบทอดตำแหน่ง ก็บำรุงซ่อมแซมอยู่หลายครั้ง จึงสามารถซ่อมแซมสามเมืองชายแดนเรียบร้อยสามเมืองชายแดนเป็นแนวป้องกันแรกของอาณาจักรเป่ยหวนทางตอนเหนือเพื่อซ่อมแซมสามเมืองชายแดนในปีนั้น ต้าเฉียบสิ้นเปลืองกำลังคนและทรัพย์สินไปมหาศาลถูกบังคับให้สังเ
“ฮ่าๆ...”จักรพรรดิเหวินหัวเราะเบิกบานใจป็นพิเศษทว่าพวกหยุนเจิงกลับทำหน้าแปลกประหลาดเป่ยหวนไม่เพียงแต่ไม่วุ่นวาย ทั้งยังรวบรวมอำนาจได้อย่างสมบูรณ์สำหรับต้าเฉียนแล้วนี่ไม่ใช่ข่าวดีกระมัง?เหตุใดจักรพรรดิเหวินทรงดีพระทัยเช่นนี้?หรือว่า เขาคิดว่าสตรีอย่างเจียเหยาทำตัวเป็นจักรพรรดิเป็นเรื่องน่าตลกหรือ?“เสด็จพ่อ ท่านกำลังหัวเราะสิ่งใดพ่ะย่ะค่ะ?”เนิ่นนาน หยุนเจิงทนไม่ไหวเอ่ยปากถามจักรพรรดิเหวินหนุมพระวรกายกลับมา จากนั้นก็ตบไหล่หยุนเจิงหนักๆ ตรัสด้วยเสียงหัวเราะ “เจ้ามีความสัมพันธ์ส่วนตัวกับเจียเหยาไม่ใช่หรือ? ตามคำพูดของรัชสมัยข้า ต่อไป ประมุขใหญ่เป่ยหวนพบเจ้าแล้ว ก็ต้องเรียกเจ้ามาลุงเขย! ฮ่าๆ...”เมื่อตรัสถึงสิ่งที่น่าตลก จักรพรรดิเหวินทรงอดไม่ได้ที่จะทรงหัวเราะเสียงดังอีกครั้ง“……”เมื่อได้ฟังคำดำรัสของจักรพรรดิเหวิน ทุกคนล้วนจนใจเกิดสิ่งใดขึ้นระหว่างหยุนเจิงและเจียเหยา นายพลมากมายในซั่วเป่ยรู้ดีก็เป็นแค่สามีภรรยาในนามก็เท่านั้นหรือจักรพรรดิเหวินคิดจะให้เจียเหยามาเป็นลูกสะใภ้ให้ได้?หยุนเจิงฆ่าพ่อและพี่ของเจียเหยาหมดแล้ว!ไม่ว่าเช่นไรเจียเหยาก็ไม่มีทางยอมแต่งงานก
สองวันให้หลัง จักรพรรดิเหวินรีบไปยังชายแดนเว่ยอีกครั้งเวลานี้ สะพานตรงแม่น้ำสาขาของแม่น้ำไป๋สุ่ยที่ชายแดนเว่ยสร้างเสร็จไปแล้วเบื้องต้นจักรพรรดิเหวินฉุกคิดบางอย่างขึ้นมาได้ฉับพลัน ขี่ม้าไปรอบๆ ทุ่งหญ้ามู่หม่าหนึ่งรอบให้ได้ ทำเอาพวกตู๋กูเช่อเป็นห่วงอย่างมากยังดี จักรพรรดิเหวินไม่ได้หลงระเริงเกินไป เพียงแค่ไปเดินพอเป็นพิธีก็กลับมาแล้วเมื่อรู้ว่าตู้กุยหยวนตายในสนามรบ จักรพรรดิเหวินได้เสด็จไปยังหลุมศพของตู้กุยหยวนและประทับอยู่ด้านหน้าหลุมชั่วครู่ ได้แต่งตั้งตู้กุยหยวนเป็นแม่ทัพตั้งเป่ยขั้นสาม นำฉายาอูเลี่ยที่มอบให้หยุนเจิงไม่สำเร็จ ได้มอบให้กับตู้กุยหยวนแทนแล้ว เพื่อเป็นเกียรติแก่ความสำเร็จของเขาต่อไป จักรพรรดิเหวินเสด็จไปกราบไหว้ที่สุสานผู้พลีชีพที่เหล่าทหารได้หลั่งเลือดสละชีพเพื่อต้าเฉียนสำหรับข้อนี้ ทุกคนไม่คัดค้านจักรพรรดิเหวินเป็นจักรพรรดิของต้าเฉียนไปกราบไหว้ทหารผู้เสียชีวิตเหล่านั้น สำหรับเหล่าทหารผู้เสียชีวิต นับว่าเป็นเกียรติยศต่อให้ตอนนี้พวกเขาไม่อาจเพลิดเพลินกับเกียรติยศได้แล้วก็ตามหยุนเจิงแม้เข้าใจเจตนารมณ์ของจักรพรรดิเหวิน แต่ก็ไม่ได้ขัดขวางจักรพรรดิเหวินพาท