สองวันให้หลัง จักรพรรดิเหวินรีบไปยังชายแดนเว่ยอีกครั้งเวลานี้ สะพานตรงแม่น้ำสาขาของแม่น้ำไป๋สุ่ยที่ชายแดนเว่ยสร้างเสร็จไปแล้วเบื้องต้นจักรพรรดิเหวินฉุกคิดบางอย่างขึ้นมาได้ฉับพลัน ขี่ม้าไปรอบๆ ทุ่งหญ้ามู่หม่าหนึ่งรอบให้ได้ ทำเอาพวกตู๋กูเช่อเป็นห่วงอย่างมากยังดี จักรพรรดิเหวินไม่ได้หลงระเริงเกินไป เพียงแค่ไปเดินพอเป็นพิธีก็กลับมาแล้วเมื่อรู้ว่าตู้กุยหยวนตายในสนามรบ จักรพรรดิเหวินได้เสด็จไปยังหลุมศพของตู้กุยหยวนและประทับอยู่ด้านหน้าหลุมชั่วครู่ ได้แต่งตั้งตู้กุยหยวนเป็นแม่ทัพตั้งเป่ยขั้นสาม นำฉายาอูเลี่ยที่มอบให้หยุนเจิงไม่สำเร็จ ได้มอบให้กับตู้กุยหยวนแทนแล้ว เพื่อเป็นเกียรติแก่ความสำเร็จของเขาต่อไป จักรพรรดิเหวินเสด็จไปกราบไหว้ที่สุสานผู้พลีชีพที่เหล่าทหารได้หลั่งเลือดสละชีพเพื่อต้าเฉียนสำหรับข้อนี้ ทุกคนไม่คัดค้านจักรพรรดิเหวินเป็นจักรพรรดิของต้าเฉียนไปกราบไหว้ทหารผู้เสียชีวิตเหล่านั้น สำหรับเหล่าทหารผู้เสียชีวิต นับว่าเป็นเกียรติยศต่อให้ตอนนี้พวกเขาไม่อาจเพลิดเพลินกับเกียรติยศได้แล้วก็ตามหยุนเจิงแม้เข้าใจเจตนารมณ์ของจักรพรรดิเหวิน แต่ก็ไม่ได้ขัดขวางจักรพรรดิเหวินพาท
ดังนั้น ต่อให้เขารู้เป้าหมายจักพรรดิเหวินตั้งแต่แรกเริ่ม เขาก็ไม่ขัดขวางเพียงแต่ไม่รู้ เงินบำนาญและรางวัลที่เสด็จพ่อกล่าวถึง จะเป็นความจริงหรือไม่สีพระพักตร์ของจักรพรรดิเหวินค่อยๆ อบอุ่นขึ้น จากนั้นก็ทรงชี้แผ่นป้ายหิน “กลับไปสั่งให้คนสลักลงแผ่นหินตั้งไว้ที่ประตูทางเข้าสุสานผู้พลีชีพ ผู้พบแผ่นหิน เหมือนดั่งพบข้า! ผู้ใดกล้าขี่ม้าเข้าไป ประหาร!”“พ่ะย่ะค่ะ!”หยุนเจิงรับคำสั่งจักรพรรดิเหวิน “อีกอย่าง ข้าออกเงินส่วนตัว เจ้าส่งคนไปสร้างศาลสักการะบริเวณใกล้ๆ ให้วิญญาณวีรบุรุษเหล่านี้ได้รับการจุดธูปจากชาวบ้าน!”“ก่อนหน้านี้ลูกก็มีแผนการนี้เช่นกันพ่ะย่ะค่ะ”หยุนเจิงตอบ “แต่ว่า ลูกวางแผนว่าหลังสบยเป่ยหวนแล้ว ค่อยสั่งให้คนสร้าง!”“ได้ เช่นนั้นทำตามแผนการของเจ้า!”ในเมื่อหยุนเจิงวางแผนแล้ว จักรพรรดิเหวินจึงไม่ตรัสสิ่งใดมากจากนั้น ทุกคนก็ติดตามจักรพรรดิเหวินไปจากสุสานผู้พลีชีพตอนที่กำลังขึ้นไปบนกำแพงชายแดนเว่ย จักรพรรดิเหวินรับสั่งให้ทุกคนถอยไปอีกครั้ง พระองค์เสด็จขึ้นไปบนกำแพงเพียงลำพัง ประทับอยู่บนกำแพงเมืองที่ผุพังขอชายแดนเว่ย ไม่รู้ทรงคิดสิ่งใดอยู่ฉวยโอกาสนี้ เสิ่นลั่วเยี่ยนดึ
สี่วันให้หลัง งานแต่งงานของหยุนเจิงและเยี่ยจื่อจัดขึ้นที่ติ้งเป่ยแม้บอกว่าไม่จัดใหญ่โต ทว่าจัดได้คึกคักยิ่งนักหยุนเจิงเป็นเจ้าบ่าวครั้งที่สอง ภายในใจทั้งดีใจ ทั้งรู้สึกผิดนับดูแล้ว เมี่ยวอินต่างหากที่เป็นผู้หญิงคนแรกของเขาทว่า จวบจนทุกวันนี้เมี่ยวอินยังไม่มีสถานะอย่างเป็นทางการเลยหลังเขาแต่งงานกับเยี่ยจื่อ เมี่ยวอินล้วนไม่เคยโผล่มาเห้อ!ปมระหว่างเมี่ยวอินกับเสด็จพ่อ ไม่มีวันคลี่คลายไปตลอดกาลงานแต่งงานของเมี่ยวอิน มีเพียงเขาต้องชดเชยให้นางภายหลังเท่านั้นเขาต้องมอบงานแต่งงานที่สมบูรณ์แบบที่สุดให้กับนาง!หยุนเจิงสาบานเงียบๆ ในใจเทียบกับงานแต่งของเสิ่นลั่วเยี่ยนแล้ว งานแต่งงานของหยุนเจิงกับเยี่ยจื่อเรียบง่ายกว่ามากไม่มีกำหนดการรับเจ้าสาวใด มีเพียงกราบไว้ฟ้าดินเป็นสามีภรรยากันฮูหยินเสิ่นในฐานะแม่บุญธรรมนั่งอยู่ตรงนั้น มองดูเยี่ยจื่อผ้าคลุมศีรษะ ภายในใจมีความรู้สึกนับร้อยนางควรค่ากับความใจดีของนาง แล้วก็ควรค่ากับเยี่ยจื่อมีเพียงข้อเดียว คือผิดต่อลูกชายนางเองหน้ามือหลังมือถ้วนเป็นเนื้อ!คนที่ยังมีชีวิต สุดท้ายก็สำคัญกว่าคนที่จากไปแล้ว!หลินเอ๋อร์ หากเจ้าจะโทษ เ
“ข้าก็คิดไม่ถึงเช่นกัน”เยี่ยจื่อพยักหน้าเบาๆ จากนั้นก็เงยหน้ามองหยุนเจิง “บางที ฝ่าบาทนำราชโองการฉบับนี้เป็น...” “ยังจะเรียกฝ่าบาท?” หยุนเจิงมุมปากยิ้ม “ควรเรียกเสด็จพ่อ”เสด็จพ่อหรือ?เยี่ยจื่อเมื่อได้ฟัง ใบหน้าแดงเล็กน้อยอย่างควบคุมไม่อยู่เรียกฝ่าบาทมาตั้งหลายปี จู่ๆ ให้เปลี่ยนเป็นเรียกเสด็จพ่อ นางยังไม่ค่อยคุ้นชินเยี่ยจื่อยิ้มด้วยความเขินอาย จากนั้นก็กล่าวอย่างถ่อมตน “เจ้าสังหารประมุขใหญ่เป่ยหวน กอบกู้สามเมืองชายแดน ฝ่าบาทควรพระราชทานรางวัลให้เจ้ามากมาย...”หยุนเจิงรู้ว่าเยี่ยจื่อต้องการกล่าวสิ่งใด จึงยื่นนิ้วมือไปปิดริมฝีปากแดงของเยี่ยจื่อคนงาม กล่าวอย่างจริงจัง “ราชโอกาสการของเสด็จพ่อสำหรับข้าแล้ว เป็นรางวัลชิ้นใหญ่ที่สุดแล้ว!”บางที ในมุมที่เสด็จพ่อยืนอยู่ รางโองการฉบับเดียวทดแทนรางวัลของเขาได้ ได้กำไรอย่างแน่นอนแต่มองจากมุมที่เขายืนอยู่ รางโองการฉบับนี้ เป็นรางวัลที่ดีที่สุดแล้วตำแหน่งขุนนาง?ตำแหน่งซั่วเป่ยเจี๋ยตู้สื่อ พร้อมตำแหน่งแม่ทัพใหญ่ฝู่กั๋วของเขา ต่อให้ประทานตำแหน่งให้อีก ก็ไม่มีตำแหน่งที่ดีไปกว่านี้แล้ว ทรัพย์สินเงินทอง?เขาสามารถหาเงินเองได้ขอแค่
วันที่สองตอนเช้า หยุนเจิงและเยี่ยจื่อไม่สนใจความอบอุ่น รีบตื่นแต่เช้าไปคาราวะจักรพรรดิจักรพรรดิเหวินในสถานะพ่อ ตรัสทักทายง่ายๆ กับทั้งสองคนไม่กี่ประโยคหลังเสวยอาหารเช้า จักรพรรดิเหวินก็ทรงเสด็จจากไปสามวันให้หลัง พวกหยุนเจิงส่งจักรพรรดิเหวินออกจากด่านเป่ยลู่ส่วนภรรยาและลูกของฉินชีหู่ มาถึงด่านเป่ยลู่แล้วนี่เป็นครั้งแรกที่หยุนเจิงได้พบลูกสาวลูกชายของฉินชีหู่ ครั้งนั้นที่ดื่มสุราที่บ้านตระกูลฉิน เขาไม่ได้พบภรรยาและลูกของฉินชีหู่ลูกสาวหนึ่ง ลูกชายสองลูกสาวของฉินชีหู่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับเสิ่นเนี่ยนฉือ แล้วก็ลูกชายที่ยังเล็กสองคน ดูไปแล้วคงอายุไม่ถึงสามขวบ ดูเหมือนฝาแฝด แต่กลับต่างกันอย่างสิ้นเชิงคนหนึ่งหน้าตานิสัยดุดัน อีกครั้งใบหน้าสะอาดหมดจดมองดูเหล่าลูกชายของฉินชีหู่ หยุนเจิงอดไม่ได้ที่จะนึกเลื่อมใสในใจเจ้าฉินชีหู่ นอนอยู่บ้านในปีนั้น เอาแต่ผลิตลูก!จักรพรรดิเหวินเดินมาข้างหน้า อุ้มลูกชายคนเล็กหน้าตาสะอาดหมดจดในสายตาเด็กน้อย จักรพรรดิเหวินไม่ใช่จักรพรรดิจักรพรรดิเหวินทรงเพิ่งอุ้มเด็กน้อย เด็กน้อยก็เอื้อมมือไปคว้าเคราของจักรพรรดิเหวิน“เจ้าตัวเล็ก อยู่นิ่งหน่อ
จักรพรรดิเหวินถามหยุนเจิงอีกครั้ง“นี่...”หยุนเจิงกลืนน้ำลายอย่างยากเย็น “นี่คงไม่ใช่...ลูกชายของพี่ใหญ่กระมัง?”ท่าทางของจักรพรรดิเหวินและฉินชีหู่ที่มีต่อเด็กคนนี้ ผิดปกติจริงแท้บวกกับเด็กคนนี้เรียกเขาเช่นนี้ หยุนเจิงคิดถึงได้เพียงรัชทายาทองค์ก่อน“อื้ม”จักรพรรดิเหวินพยักพระพักตร์ ถอนพระทัยเบาๆ “พี่ใหญ่เจ้ามีลูกชายสองหญิงหนึ่ง ข้ามาทันได้ช่วยเด็กชายคนนี้...” กล่าวจบ จักรพรรดิเหวินค่อยๆ ตรัสเล่าความจริงออกมาหนึงปีก่อน รัชทายาทองค์ก่อนก่อกบฏล้มเหลว จึงฆ่าตัวตายด้วยความจนใจไม่ว่ารัชทยาทองค์ก่อนถูกตราหน้าว่าก่อกบฏหรือไม่ หรือว่าเขามีใจคิดก่อกบฏจริง ขอเพียงเขายกทัพ เรื่องนี้ก็ไม่มีที่ว่างให้ถอยกลับแล้วจักรพรรดิเหวินอยากจะรักษาลูกชายสองคนกับลูกสาวหนึ่งคนของรัชทยาทองค์ก่อน ทว่าไม่อาจทำได้เปิดเผย ทำได้เพียงแอบส่งคนไปช่วยเวลานั้น พระชายารัชทายาทองค์ก่อนได้พาลูกๆ ไปยังบ้านมารดาเมื่อรู้ข่าวรัชทายาทองค์ก่อนพ่ายแพ้และฆ่าตัวตาย พระชายารัชทายาทองค์ก็รู้ว่าครอบครัวคงหลบไม่พ้นคราวเคราะห์ ตอนที่ไปล้อมป้อมเมืองอวี่หลิน จึงจุดไปเผาจวน ตั้งใจพาลูกชายสองลูกสาวหนึ่งของรัชทายาทองค์ก่อนติ
จักรพรรดิเหวินมอบหมายเรื่องมากมายให้หยุนเจิง จากนั้นถึงเสด็จตามหยุนเจิงออกจากห้องหลังส่งจักรพรรดิเหวินออกจากด่านเป่ยลู่ ฉินชีหู่กล่าวขอบพระทัยจักรพรรดิเหวินอีกครั้ง“อย่ามาใช้ลูกไม้นี้กับข้า!”จักรพรรดิเหวินถีบฉินชีหู่ด้วยความหงุดหงิด กล่าวด้วยสีพระพักตร์เคร่งขรึม “ข้าช่วยขจัดความกังวลด้านหลังให้เจ้าแล้ว เจ้าช่วยเจ้าหกตีเป่ยหวนให้ดี! พวกสารเลวอย่างเจ้าสองคนหากยังไม่อาจตีเป่ยหวนจนศิโรราบ ข้าจะทำให้พวกเจ้าศิโรราบ!”“พ่ะย่ะค่ะ!”ทั้งสองคนรับคำสั่ง“ไสหัวกลับไปเถอะ!”จักรพรรดิเหวินโบกมือให้ทั้งสองคนด้วยความรำคาญ “ข้าอยู่ที่เมืองจักรพรรดิ รอข่าวดีจากพวกเจ้า!”ตรัสจบ จักรพรรดิไม่อยากตรัสไร้สาระกับพวกเขาอีก ทรงพลิกตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็วพวกโจวไต้ทำความเคารพหยุนเจิงอย่างรีบง่าย จากนั้นก็พลิกตัวขึ้นหลังม้าอย่างรวดเร็วไม่นาน จักรพรรดิเหวินพาเหล่าราชองรักษ์ออกเดินทางมองจักรพรรดิเหวินที่จากไปไกล ทุกคนโค้งคำนับอีกครั้ง“พี่ใหญ่ฉิน จากด่านเป่ยลู่ปรับย้ายทหารและม้าหนึ่งหมื่นไปยังแนวหน้า เจ้านำทัพไปแนวหน้า ก็ถือโอกาสพาลูกและภรรยาของเจ้ากลับติ้งเป่ย ข้าไปรับเมี่ยวอิน!” หยุนเจิงหลังจากสั่ง
“ดีเลย!”เมี่ยวอินหัวเราะ “เช่นนั้นข้าจะรอเจ้าขี่เมฆหลากสีมารับข้าแต่งงาน!”“คำไหนคำนั้น!”หยุนเจิงก้มหน้าจูบริมฝีปากเมี่ยวอินเบาๆ……กลับถึงติ้งเป่ย หยุนเจิงพาทุกคนไปตรวจสอบสถานการณ์การเจริญเติมโตของมันเทศเป็นอันดับแรกหลายวันที่จักรพรรดิเหวินเสด็จมา พวกเขาล่าช้าไปมากตอนนี้ ต้นกล้ามันเทศงอกขึ้นมามากกว่าเมื่อก่อนแล้วต้นกล้ามันเทศจำนวนมากโตได้ครึ่งเมตรแล้วชาติก่อนหยุนเจิงไม่เคยปลูกมันเทศด้วยตัวเองมาก่อน เคยแต่ดูคนอื่นปลูกโดยรูปธรรมแล้วโตเท่าใดจึงสามารถปักชำได้ หยุนเจิงไม่แน่ใจเช่นกัน ถึงเช่นไรก็คิดว่าโตขนาดนี้แล้วน่าจะเหมาะสมกับการปักชำแล้วฉวยโอกาสตอนที่พวกเขายังอยู่ที่ติ้งเป่ย เขาต้องรีบทำเรื่องนี้หยุนเจิงเรียกระดมทหารชาวนาหนึ่งพันคน หลังจากอธิบายวิธีตัดต้นกล้าแล้ว ทุกคนก็พากันทำงานพวกหยุนเจิงอยู่บนที่ดินขนาดหนึ่งหมู่ กำลังปักชำด้วยตัวเองเวลานี้ ทุกคนสามารถร่วมเพาะปลูกร่วมกัน เป็นความสุขชนิดหนึ่ง “เจ้าสิ่งนี้ต้องปลูกห่างกันเท่าใด?”เสิ่นลั่วเยี่ยนถามหยุนเจิงอย่างไม่เข้าใจ “คือว่า...”หยุนเจิงครุ่นคิด ตอบกลับ “ถึงเช่นไรพื้นที่มีร่องเพียงเท่านี้ พวกเราทุกคนปลู
“ลูก…ลูกสาวเพคะ”หมอตำแยที่ตกใจกับท่าทางของหยุนเจิงก่อนหน้านี้ เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ“ลูกสาวดี! ลูกสาวดี!”หยุนเจิงพึมพำกับตัวเอง ก่อนก้มลงมองเด็กน้อยที่ยังคงร้องไห้เสียงดังไม่เหมือนหยุนชางเลย เด็กหญิงตัวน้อยคนนี้เกิดมาโดยแทบไม่มีริ้วรอยบนผิวเลย เพียงแค่ตัวแดงระเรื่อเท่านั้น“เจ้าตัวน้อย เจ้านี่เกือบทำให้แม่ของเจ้าสิ้นชีวิตเลยนะ…”เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านี้ หัวใจของหยุนเจิงยังคงสั่นไหวเขาไม่อาจจินตนาการได้เลยว่า หากเขาสูญเสียเยี่ยจื่อไป เขาจะต้องเจ็บปวดเพียงใดโชคดีที่มันเป็นเพียงความหวาดกลัวลวงตา!“อุแว๊ๆ…”เด็กน้อยยังคงร้องไห้ และดูเหมือนเสียงของนางจะแจ่มชัดขึ้นเรื่อยๆหยุนเจิงลูบแผ่วเบาบนผ้าห่อตัวของนาง ก่อนหันไปมองหมอตำแยทั้งสามที่ยังยืนไม่มั่นใจ “ให้รางวัล! ให้รางวัลทุกคน! คนละห้าร้อยตำลึง!”ห้าร้อยตำลึง!?หมอตำแยทั้งสามแทบไม่เชื่อหูตัวเองท่านอ๋องผู้นี้ ช่างใจกว้างนัก!แค่เอ่ยปาก ก็แจกเงินรางวัลมากมายถึงเพียงนี้!“เอาล่ะ พวกเจ้าทำความสะอาดให้เรียบร้อยเถิด”หยุนเจิงเรียกสติหมอตำแย “เสร็จแล้วก็ไปรับรางวัลได้เลย”หยุนเจิงกล่าวจบ ก็กอดลูกสาวไปนั่งลงที่
“อ๊าก…”เสียงกรีดร้องของเยี่ยจื่อสะท้อนก้องอยู่ในหูของหยุนเจิง ราวกับสามารถฉีกหัวใจของเขาออกเป็นเสี่ยงๆ“พอแล้ว! อย่าคลอดแล้ว! ข้าไม่ต้องการลูกแล้ว! ข้าต้องการแค่เจ้า!”หยุนเจิงน้ำตาคลอเบ้า ส่ายศีรษะไปมาอย่างร้อนรน ก่อนจะหันไปตะโกนลั่นใส่หมอตำแยข้างๆ “ช่วยนางไว้! อย่าไปสนใจเด็ก!”เขากลัว!เขากลัวจริงๆ!แม้ว่าเขาจะไม่ใช่หมอ แต่เขาก็รู้ดีว่า หากพลาดแม้แต่นิดเดียว นางอาจตกเลือดหนักได้แม้แต่ในยุคปัจจุบัน การตกเลือดมากก็ยังยากที่จะรักษา แล้วนี่เป็นยุคโบราณ“ออกมาแล้ว! ออกมาแล้ว!”ขณะนั้นเอง หมอตำแยก็ร้องขึ้นด้วยเสียงตื่นเต้น“อุแว๊…”เสียงร้องแหลมใสของทารกดังขึ้นภายในห้องคลอด แต่ในขณะเดียวกัน เสียงของเยี่ยจื่อกลับเงียบลงอย่างกะทันหัน!หมอตำแยคนหนึ่งรีบเช็ดเลือดที่เปรอะเปื้อนตัวทารก ขณะที่อีกคนเตรียมห่อทารกในผ้าห่ม และหันไปแสดงความยินดีกับหยุนเจิง “ขอแสดงความยินดีด้วยพ่ะย่ะค่ะ ท่านอ๋อง เด็กน้อยเป็น…”“ช่างลูกก่อน! ดูจื่อเอ๋อร์ก่อนว่านางเป็นอย่างไรบ้าง!”หยุนเจิงตะโกนอย่างเกรี้ยวกราด ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยโทสะและความหวาดหวั่น มือของเขาที่กุมมือเยี่ยจื่อไว้สั่นเทาอย่างรุนแรงตอน
เสียงร้องของเยี่ยจื่อ ทำให้หัวใจของหยุนเจิงบีบรัดตามไปด้วย“จื่อเอ๋อร์! ข้ากลับมาแล้ว!”หยุนเจิงไม่สนใจพูดคุยกับเสิ่นลั่วเยี่ยนและคนอื่นๆ เขารีบพุ่งไปที่ประตู แล้วตะโกนเข้าไปข้างใน“สามี!”เสียงร้องเจ็บปวดของเยี่ยจื่อดังขึ้นอีกครั้งแม้หยุนเจิงจะมองไม่เห็นสถานการณ์ภายในห้อง แต่เขาก็นึกภาพออกว่าเยี่ยจื่อต้องเจ็บปวดเพียงใดหากเป็นไปได้ เขาอยากจะแบ่งเบาความเจ็บปวดของนาง“จื่อเอ๋อร์ อย่ากลัว! สามีอยู่ที่นี่กับเจ้า!”หยุนเจิงกล่าวปลอบ แล้วรีบหันไปถามเสิ่นลั่วเยี่ยน “จื่อเอ๋อร์เป็นอย่างไรบ้าง?”เสิ่นลั่วเยี่ยนที่ดวงตาแดงก่ำ แอบมองไปทางประตูห้อง ก่อนจะตอบเสียงแผ่วเบา “หมอตำแยบอกว่า ตำแหน่งของทารกไม่ค่อยปกติ อาจคลอดได้ยาก เมี่ยวอินก็กำลังช่วยอยู่ เราเองก็ทำอะไรไม่ได้ ได้แต่ยืนร้อนใจอยู่ข้างนอก……”ตำแหน่งทารกผิดปกติ!เมื่อได้ยินคำนี้ หัวใจของหยุนเจิงพลันเต้นรัวขึ้นมาทันที เขาหันขวับไปมองฮูหยินเสิ่นและเว่ยซวงที่ยืนอยู่ใกล้ๆพบว่าทั้งสองต่างมีดวงตาแดงก่ำ ใบหน้าหม่นหมอง เห็นได้ชัดว่ากระวนกระวายใจไม่น้อยหยุนเจิงเข้าใจทันทีว่า เสิ่นลั่วเยี่ยนคงไม่อยากให้เขากังวลเกินไป จึงบอกเพียงว่าคลอ
ไม่กี่วันต่อมา ขณะที่หยุนเจิงอยู่ที่จิงหยางฝู่ เขาได้รับข่าวสารฮั่วเหวินจิ้งตายแล้ว!ไม่ได้ถูกฆ่าปิดปาก แต่ตายเพราะป่วย!หยุนเจิงคาดว่า ฮั่วเหวินจิ้งคงเสียชีวิตเพราะบาดแผลติดเชื้อเมื่อได้รับข่าวนี้ หยุนเจิงแทบอยากจะด่าหยุนลี่ว่าโง่เง่าเป็นหมูเสียจริงทำไมเขาถึงไม่ใช้วิธีทรมานก่อน แล้วค่อยให้หมอรักษาไว้ล่ะ?อีกแค่ก้าวเดียว เขากำลังจะสาวไปถึงตัวการเบื้องหลังได้อยู่แล้วแท้ๆ แต่ฮั่วเหวินจิ้งกลับมาตายเสียก่อนมันเหมือนกับฟ้ากำลังเล่นตลกกับเขา!สิ่งเดียวที่พอทำให้โล่งใจได้บ้างคือ อีกาดำและอีกาขาวต่างได้รับความเสียหายหนัก คนของเขาที่แทรกซึมอยู่ในอีกาดำ น่าจะสามารถก้าวขึ้นไปอีกขั้นหนึ่งได้หากสามารถทำให้คนของเขากลายเป็นหัวหน้าของอีกาดำได้ ก็คงดี!แต่ไม่รู้ว่าเงาสอง ที่ร่วมเดินทางไปเมืองหลวงเพื่อฆ่าปิดปาก ยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ขอให้รอดปลอดภัยเถอะ!หยุนเจิงถอนหายใจเงียบๆ ก่อนลุกขึ้นยืนในเมื่อฮั่วเหวินจิ้งตายไปแล้ว เขาก็ไม่ต้องรอสอบสวนอะไรอีกเรื่องที่เหลือ ก็ปล่อยให้ทัวฮวนจัดการไปก็แล้วกัน!“ส่งคำสั่งถึงอวี่ซื่อจง ให้เหลือทหารห้าพันนายประจำการอยู่ที่นี่ ภายใต้การบัญชาของรองแม่ท
“ลูกเข้าใจพ่ะย่ะค่ะ!”หยุนลี่รีบรับคำสั่ง“จำไว้! ฮั่วเหวินจิ้งถูกนักฆ่าสังหาร ไม่ใช่ตายเพราะป่วย!”จักรพรรดิเหวินกล่าวเตือนหยุนลี่ด้วยใบหน้าเย็นชา ก่อนเสด็จออกจากจวนองค์รัชทายาทแม้จะนั่งอยู่ในเกี้ยวแล้ว แต่เพลิงโทสะของจักรพรรดิเหวินยังคงลุกโชนไม่มอดอย่างไรก็ตาม ท่ามกลางความโกรธเกรี้ยวในพระทัย ก็ยังมีความรู้สึกซับซ้อนบางอย่างซ่อนอยู่เขารู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งไม่ใช่คนของหยุนเจิงหากสามารถเค้นเอาความจริงจากฮั่วเหวินจิ้งได้ จนรู้ว่าใครอยู่เบื้องหลัง บางทีพระองค์เองอาจไม่รู้ว่าควรจัดการอย่างไรหากเป็นพระโอรสองค์ใดองค์หนึ่ง หรือแม้แต่นางสนมคนใดคนหนึ่งของพระองค์ พระองค์จะต้องลงพระอาญาสังหารพวกเขาด้วยพระองค์เองอย่างนั้นหรือ?หากเรื่องนี้ทำให้คนที่รอดพ้นจากเคราะห์ครั้งนี้ได้สำนึกและเลิกล้มความคิดที่จะก่อความวุ่นวาย นั่นก็คงเป็นผลลัพธ์ที่ดีที่สุดสำหรับตัวการเบื้องหลังของฮั่วเหวินจิ้ง จักรพรรดิเหวินเองก็พอมีข้อสันนิษฐานอยู่ในพระทัยแต่เป็นเพียงแค่ข้อสันนิษฐาน พระองค์ยังไม่สามารถสรุปได้แน่ชัดยิ่งไปกว่านั้น คนที่พระองค์สงสัยมีอยู่หลายคน ทำให้ไม่อาจฟันธงได้ว่าเป็นผู้ใดกันแน่ดูเหมือ
ภายในพระราชวัง จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังตรวจสอบข่าวเร่งด่วนจากเมืองฝูโจวอย่างไรก็ตาม ทั้งสองเพียงกวาดตามองก็ขว้างเอกสารฉบับนั้นทิ้งด้วยความโกรธอย่าว่าแต่หยุนลี่เลย แม้แต่จักรพรรดิเหวินก็อดด่าหยุนเจิงในใจไม่ได้ลูกอกตัญญูผู้นี้ ชักจะเหลวไหลขึ้นทุกวันเรื่องเล็กน้อยแค่ไหนก็กล้าใช้ชื่อข่าวเร่งด่วนทางทหารส่งมาถึงเมืองหลวงนี่เป็นครั้งที่สองแล้ว!ข่าวเร่งด่วนทางทหารถูกเขาใช้เป็นของเล่นไปแล้ว!คราวหน้า ถ้าเจอตัวเจ้าเด็กเหลือขอนั่น ข้าจะเตะมันให้กระอักสองทีแน่!“กราบทูลฝ่าบาท องค์รัชทายาทฝ่าบาท กองกำลังของกระหม่อมถูกลอบโจมตีโดยนักฆ่าที่ถนนเป่ยเจีย……”ขณะที่จักรพรรดิเหวินและหยุนลี่กำลังเดือดดาลกับหยุนเจิง เฉียวเหยียนเซียนก็ส่งคนมาแจ้งข่าวนักฆ่าหลายสิบคนที่ร่วมมือกันสังหารฮั่วเหวินจิ้งและครอบครัว ถูกสังหารหรือถูกจับกุมเป็นส่วนใหญ่มีเพียงไม่กี่คนที่ฉวยโอกาสความชุลมุนหลบหนีไปได้ครั้งนี้ การวางแผนของพวกเขารัดกุมยิ่งนักหากไม่ใช่เพราะพลส่งสารข่าวเร่งด่วนโผล่มาขัดจังหวะ คงไม่มีทางที่นักฆ่าจะรอดไปได้เลยนอกจากนี้ พวกเขายังพบหน้าไม้ทรงอานุภาพจำนวนมากในที่เกิดเหตุเมื่อรายงานมาถ
ขณะที่เฉียวเหยียนเซียนนำกำลังคุมตัวนักโทษผ่านถนนเป่ยเจีย หน้าต่างบนหอคอยของอาคารสองหลังที่อยู่สองฟากถนนค่อยๆ เปิดออกเล็กน้อยหน้าไม้จำนวนมากถูกเล็งออกมาจากช่องหน้าต่างโดยไร้เสียง เพียงแค่รอให้กรงนักโทษเข้าสู่ระยะยิง พวกเขาก็จะลงมือทันทีขบวนคุ้มกันเข้าใกล้พวกเขามากขึ้นเรื่อยๆ เงาสองก็เตรียมพร้อมเช่นกันเขาไม่รู้ว่าฮั่วเหวินจิ้งมีความสำคัญต่อหยุนเจิงเพื่อให้ได้รับความไว้วางใจจากอีกาดำมากขึ้น เขาจำเป็นต้องร่วมมือสังหารเหล่านักโทษเหล่านี้แต่เขาก็รู้ดีว่า หากลงมือแล้ว การจะหลบหนีออกจากเมืองหลวงไม่ใช่เรื่องง่ายแต่เขาต้องรอด!ส่วนหนึ่งเพราะเขาไม่ต้องการตาย อีกส่วนหนึ่งก็เพราะ หากเขารอด เขาจะมีโอกาสพบกับผู้ที่คอยสนับสนุนการหลบหนีของพวกเขาและบุคคลนี้ อาจเป็นกุญแจสำคัญในการเปิดโปงผู้อยู่เบื้องหลังตัวจริง!เงาสองครุ่นคิดเงียบๆ พร้อมเหลือบมองหน้าไม้ในมือพวกเขาปลอมตัวเป็นพ่อค้าเพื่อแฝงตัวเข้าเมืองหลวง ย่อมไม่สามารถพกพาอาวุธเหล่านี้มาเองได้หน้าไม้เหล่านี้ถูกเตรียมไว้ล่วงหน้า ถูกซุกซ่อนไว้ที่เนินเขาเหมียวเอ่อร์ซานสิ่งเหล่านี้เป็นอาวุธของกองทัพ!แม้ทางราชสำนักจะควบคุมอาวุธประเภทนี
“ฝ่าบาท เงาสามแจ้งข่าวด่วน!”จิงหยางฟู่ เสิ่นควานถือจดหมายฉบับหนึ่ง รีบรุดเข้ามาด้วยท่าทีเร่งรีบเงาสาม?นี่เป็นหนึ่งในคนที่สามารถแทรกซึมเข้าไปในอีกาดำได้สำเร็จเงาสามส่งข่าวด่วนมา ดูท่าแล้ว อีกาดำคงจะลงมือแล้วแน่หากไม่มีอะไรผิดพลาด อีกาดำน่าจะต้องการสังหารฮั่วเหวินจิ้งเพื่อกำจัดภัยร้ายอย่างสิ้นซาก!หยุนเจิงครุ่นคิดไปพลาง รับจดหมายจากเสิ่นควานและเปิดออกดูเมื่อเห็นเนื้อหาในจดหมาย หยุนเจิงก็ขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัวข่าวที่เงาสามส่งมา ตรงกับที่เขาคาดการณ์ไว้ไม่มีผิดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวนำทัพมาด้วยตนเอง ต้องการฆ่าฮั่วเหวินจิ้งให้ได้!แม้แต่เงาสองก็ถูกเลือกให้เข้าร่วมภารกิจลอบสังหารครั้งนี้ตอนนี้ พวกเขาได้รับเพียงคำสั่งให้เตรียมพร้อม แต่ยังไม่รู้เวลาและสถานที่ลงมือที่แน่ชัดหัวหน้าอีกาดำและอีกาขาวตั้งใจปกปิดข้อมูล ไม่ให้ผู้ใดซักถาม ใครที่ร่วมภารกิจก็แค่ทำตามคำสั่งในขณะลงมือเท่านั้นพวกเขากลัวว่าจะถูกสงสัย จึงไม่กล้าไต่ถามอะไรมากข่าวที่เงาสามส่งกลับมา สำหรับหยุนเจิงแล้ว ไม่ใช่ข่าวดีเลยเขายอมจ่ายเงินกว่าล้านตำลึงเพื่อให้ครอบครัวฮั่วเหวินจิ้งปลอดภัยและมาถึงมือเขาแต่ตอนนี
หญิงสาวนิ่งเงียบ ทำอย่างไรดี? นางเองก็อยากหาคนมาปรึกษา ว่าควรทำเช่นไรในสถานการณ์นี้ แต่เวลานี้… เกรงว่าคงไม่มีผู้ใดสามารถให้คำตอบแก่นางได้ ไม่นึกเลยว่า… แผนการที่นางวางมาอย่างรอบคอบมายาวนาน กลับจะพังทลายลงในมือของหยุนลี่! เฮ้อ! นางทอดถอนใจยาวในใจ แต่ในดวงตากลับปรากฏประกายเย็นยะเยือก "ไม่ว่าอย่างไร… ฮั่วเหวินจิ้งต้องไม่มีชีวิตรอดไปถึงมือหยุนเจิง! หากไร้ซึ่งความกังวลเรื่องครอบครัว ฮั่วเหวินจิ้งจะต้องเปิดโปงเราทั้งหมดแน่!" นางรู้ดีว่าฮั่วเหวินจิ้งกำลังกังวลสิ่งใด สิ่งที่ฮั่วเหวินจิ้งกังวลที่สุดในตอนนี้ คือความปลอดภัยของครอบครัว เขาจึงไม่กล้าเปิดโปงนางออกไป แต่หากครอบครัวของฮั่วเหวินจิ้งถูกส่งไปถึงมือหยุนเจิงอย่างปลอดภัย เช่นนั้น เขาย่อมไม่มีเหตุผลใดให้ปิดปากอีกต่อไป! ระหว่างหยุนลี่กับหยุนเจิง นางเกรงกลัวหยุนเจิงมากกว่า เพราะหยุนเจิงคือผู้กุมอำนาจกองทัพ… หากหยุนเจิงรู้ว่า ผู้อยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้คือตัวนางเอง เช่นนั้น… นางคงหนีไม่พ้นความตาย! ไม่ใช่แค่หยุนเจิง… แม้แต่หยุนลี่ หรือแม้กระทั่งองค์จักรพรรดิ… ก็คงไม่ปล่อยนางไปเช่นกัน! เมื่อได้ยินเช่