จักรพรรดิเหวินถามหยุนเจิงอีกครั้ง“นี่...”หยุนเจิงกลืนน้ำลายอย่างยากเย็น “นี่คงไม่ใช่...ลูกชายของพี่ใหญ่กระมัง?”ท่าทางของจักรพรรดิเหวินและฉินชีหู่ที่มีต่อเด็กคนนี้ ผิดปกติจริงแท้บวกกับเด็กคนนี้เรียกเขาเช่นนี้ หยุนเจิงคิดถึงได้เพียงรัชทายาทองค์ก่อน“อื้ม”จักรพรรดิเหวินพยักพระพักตร์ ถอนพระทัยเบาๆ “พี่ใหญ่เจ้ามีลูกชายสองหญิงหนึ่ง ข้ามาทันได้ช่วยเด็กชายคนนี้...” กล่าวจบ จักรพรรดิเหวินค่อยๆ ตรัสเล่าความจริงออกมาหนึงปีก่อน รัชทายาทองค์ก่อนก่อกบฏล้มเหลว จึงฆ่าตัวตายด้วยความจนใจไม่ว่ารัชทยาทองค์ก่อนถูกตราหน้าว่าก่อกบฏหรือไม่ หรือว่าเขามีใจคิดก่อกบฏจริง ขอเพียงเขายกทัพ เรื่องนี้ก็ไม่มีที่ว่างให้ถอยกลับแล้วจักรพรรดิเหวินอยากจะรักษาลูกชายสองคนกับลูกสาวหนึ่งคนของรัชทยาทองค์ก่อน ทว่าไม่อาจทำได้เปิดเผย ทำได้เพียงแอบส่งคนไปช่วยเวลานั้น พระชายารัชทายาทองค์ก่อนได้พาลูกๆ ไปยังบ้านมารดาเมื่อรู้ข่าวรัชทายาทองค์ก่อนพ่ายแพ้และฆ่าตัวตาย พระชายารัชทายาทองค์ก็รู้ว่าครอบครัวคงหลบไม่พ้นคราวเคราะห์ ตอนที่ไปล้อมป้อมเมืองอวี่หลิน จึงจุดไปเผาจวน ตั้งใจพาลูกชายสองลูกสาวหนึ่งของรัชทายาทองค์ก่อนติ
จักรพรรดิเหวินมอบหมายเรื่องมากมายให้หยุนเจิง จากนั้นถึงเสด็จตามหยุนเจิงออกจากห้องหลังส่งจักรพรรดิเหวินออกจากด่านเป่ยลู่ ฉินชีหู่กล่าวขอบพระทัยจักรพรรดิเหวินอีกครั้ง“อย่ามาใช้ลูกไม้นี้กับข้า!”จักรพรรดิเหวินถีบฉินชีหู่ด้วยความหงุดหงิด กล่าวด้วยสีพระพักตร์เคร่งขรึม “ข้าช่วยขจัดความกังวลด้านหลังให้เจ้าแล้ว เจ้าช่วยเจ้าหกตีเป่ยหวนให้ดี! พวกสารเลวอย่างเจ้าสองคนหากยังไม่อาจตีเป่ยหวนจนศิโรราบ ข้าจะทำให้พวกเจ้าศิโรราบ!”“พ่ะย่ะค่ะ!”ทั้งสองคนรับคำสั่ง“ไสหัวกลับไปเถอะ!”จักรพรรดิเหวินโบกมือให้ทั้งสองคนด้วยความรำคาญ “ข้าอยู่ที่เมืองจักรพรรดิ รอข่าวดีจากพวกเจ้า!”ตรัสจบ จักรพรรดิไม่อยากตรัสไร้สาระกับพวกเขาอีก ทรงพลิกตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็วพวกโจวไต้ทำความเคารพหยุนเจิงอย่างรีบง่าย จากนั้นก็พลิกตัวขึ้นหลังม้าอย่างรวดเร็วไม่นาน จักรพรรดิเหวินพาเหล่าราชองรักษ์ออกเดินทางมองจักรพรรดิเหวินที่จากไปไกล ทุกคนโค้งคำนับอีกครั้ง“พี่ใหญ่ฉิน จากด่านเป่ยลู่ปรับย้ายทหารและม้าหนึ่งหมื่นไปยังแนวหน้า เจ้านำทัพไปแนวหน้า ก็ถือโอกาสพาลูกและภรรยาของเจ้ากลับติ้งเป่ย ข้าไปรับเมี่ยวอิน!” หยุนเจิงหลังจากสั่ง
“ดีเลย!”เมี่ยวอินหัวเราะ “เช่นนั้นข้าจะรอเจ้าขี่เมฆหลากสีมารับข้าแต่งงาน!”“คำไหนคำนั้น!”หยุนเจิงก้มหน้าจูบริมฝีปากเมี่ยวอินเบาๆ……กลับถึงติ้งเป่ย หยุนเจิงพาทุกคนไปตรวจสอบสถานการณ์การเจริญเติมโตของมันเทศเป็นอันดับแรกหลายวันที่จักรพรรดิเหวินเสด็จมา พวกเขาล่าช้าไปมากตอนนี้ ต้นกล้ามันเทศงอกขึ้นมามากกว่าเมื่อก่อนแล้วต้นกล้ามันเทศจำนวนมากโตได้ครึ่งเมตรแล้วชาติก่อนหยุนเจิงไม่เคยปลูกมันเทศด้วยตัวเองมาก่อน เคยแต่ดูคนอื่นปลูกโดยรูปธรรมแล้วโตเท่าใดจึงสามารถปักชำได้ หยุนเจิงไม่แน่ใจเช่นกัน ถึงเช่นไรก็คิดว่าโตขนาดนี้แล้วน่าจะเหมาะสมกับการปักชำแล้วฉวยโอกาสตอนที่พวกเขายังอยู่ที่ติ้งเป่ย เขาต้องรีบทำเรื่องนี้หยุนเจิงเรียกระดมทหารชาวนาหนึ่งพันคน หลังจากอธิบายวิธีตัดต้นกล้าแล้ว ทุกคนก็พากันทำงานพวกหยุนเจิงอยู่บนที่ดินขนาดหนึ่งหมู่ กำลังปักชำด้วยตัวเองเวลานี้ ทุกคนสามารถร่วมเพาะปลูกร่วมกัน เป็นความสุขชนิดหนึ่ง “เจ้าสิ่งนี้ต้องปลูกห่างกันเท่าใด?”เสิ่นลั่วเยี่ยนถามหยุนเจิงอย่างไม่เข้าใจ “คือว่า...”หยุนเจิงครุ่นคิด ตอบกลับ “ถึงเช่นไรพื้นที่มีร่องเพียงเท่านี้ พวกเราทุกคนปลู
“ข้ากำลังจะบอกเจ้าเรื่องนี้ไม่ใช่หรือ?”หยุนเจิงยิ้มมองจางซู “กองทหารแนวหน้าจะเป็นต้องหมุนเวียน ข้าสามารถอยู่ที่ซั่วเป่ยได้สองสามวันชั่วคราว เจ้าเตรียมตัวลำบากได้เลย ข้าดูก่อนว่าสามารถทำของที่สามารถขายได้กำไรออกมาได้หรือไม่!”ลำบาก? เมื่อได้ฟังหยุนเจิงบอกว่าต้องลำบาก จางซูเหมือนลูกโป่งลมรั่วทันทีเขากลัวต้องลำบาก!เมื่อก่อนไม่มีการค้าให้ทำมากนัก เขาอยู่ที่โรงฝีมือทดลองสิ่งของที่หยุนเจิงกล่าวถึงกันคนเหล่านั้น ทดลองทำเศษทองแดงและเหล็กไร้ประโยชน์ออกมามากมาย น้ำหนักตัวลดลงไปหลายชั่งได้พักผ่อนไม่กี่วัน ก็ต้องเริ่มลำบากอีกแล้ว?เห็นท่าทางยิ้มฝืนของจางซู เยี่ยจื่อหลุดหัวเราะออกมาอย่างควบคุมไม่อยู่“ดูท่าทางเจ้าสิ!”หยุนเจิงยิ้มจ้องจางซู “ไม่ใช่เจ้ากับข้าลำบากด้วยกันหรือ? ถ้าไม่ใช่เพื่อให้หน่วยงานต่างๆ หมุนเวียนพักผ่อน เจ้าคิดจะลำบากพร้อมข้าล้วนไม่มีโอกาส!”จางซูกล่าวด้วยรอยยิ้มฝืน “พูดราวกับท่านเป็นสาวงาม...”“ข้า...”หยุนเจิงหน้าดำอึมครึม“หึหึ...ล้อเล่น”จางซูหัวเราะแห้ง กล่าวอย่างไร้กังวล “ลำบากก็ลำบากเถอะ ขอแค่ทำงานได้ก็พอ! ข้าก็แค่ถูกกระบอกปืนไฟในโรงฝีมือทำให้กลัวแล้ว...”
จางซูพยักหน้า ถามด้วยความประหลาดใจ “องค์ชาย ท่านคิดทำสิ่งใดเพื่อหาเงิน? หลังทำออกมาแล้ว ทำเงินได้มากกว่าสุราของพวกเราหรือไม่?” “น่าจะได้พอๆ กับสุรา!” หยุนเจิงกล่าว “ถึงเช่นไรมีของสองชิ้น มีหนึ่งชิ้น ข้ารับประกันว่าทำออกมาได้ แต่อีกชิ้น น่าจะทำออกมาได้ยาก ข้าสามารถสอนเจ้าได้ ต่อไปเจ้าค่อยๆ ทำ! ขอแค่ทำออกมาได้ เกรงว่าจะทำเงินได้มากกว่าเหล้าอีก...”“จริงหรือ?”จางซูดวงตาเป็นประกายทันที“จริงแท้แน่นอน!”หยุนเจิงหัวเราะหึๆ “เจ้าก็รอนับเงินได้เลย!”เกลือละเอียด ทำง่ายกระจก ทำยาก!หากอุณหภูมิไม่ถึง เช่นนั้นก็เลิกพูดไปได้เลยแต่ว่า กระจกเป็นสิ่งที่ค่อยๆ ทำได้!เกลือละเอียดสามารถทำได้แน่นอนส่วนเรื่องการกำหนดราคา แล้วแต่จางซู!ถึงเช่นไรของในมือจางซู ไม่มีทางราคาถูก“ได้ ได้!”มีคำพูดนี้ของหยุนเจิง จางซูยินดีมีความสุข เขาตั้งปณิธานว่าจะเป็นอภิมหาเศรษฐีอันดับสองของต้าเฉียน!ต้องรีบหาเงินจึงจะเป็นเส้นทางที่ถูกต้อง!“จริงด้วย พวกเราทำของออกมาขาย ต้องซื้อของบางอย่างกลับมาด้วย!” หยุนเจิงกำชับ “ยาสมุนไพรที่พวกเราขาดแคลนตอนนี้ กลับไปข้าจะสั่งคนให้เตรียมสำเนาให้เจ้า! ต่อไปพวกเรายังต้
รายงานด่วนจากชายแดนเว่ย?หยุนเจิงขมวดคิ้ว หรือว่าเป่ยหวนลอบโจมตีชายแดนเว่ยแล้ว?เป่ยหวนตอนนี้กล้าบุกโจมตีระยะไกล?หยุนเจิงรับจดหมายจากหลู่ซิงมาอย่างรวดเร็วเมื่อได้อ่าน หัวคิ้วของหยุนเจิงผ่อนคลายทันที ใบหน้าเผยรอยยิ้มออกมาหลายส่วนนี่เป็นรายงานที่ตู๋กูเช่อส่งมาจากชายแดนเว่ยโฉวฉือโจมตีเป่ยหมัวถัว หัวหน้าเป่ยหมัวถัวส่งทูตมาขอความช่วยเหลือจากต้าเฉียนขอแค่ต้าเฉียนส่งทหารไปสนับสนุน เป่ยหมัวถัวยินดีเป็นข้าทาสต้าเฉียน กลายเป็นข้าราชบริพารของต้าเฉียนปัจจุบัน ทูตของเป่ยหมัวถัวมาถึงชายแดนเว่ยแล้วตู๋กูเช่อขอคำแนะนำจากหยุนเจิง จำเป็นต้องส่งทหารไปสนับสนุนหรือไม่“เอาล่ะ เจ้าไปทำงาน! ข้ามีเรื่องต้องไปทำเช่นกัน”หยุนเจิงเก็บจดหมาย หันหน้ามองจางซู“ก็ได้!”จางซูพยักหน้า กล่าวด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ “องค์ชายรอนับเงินเถอะ!”“ดี!”หยุนเจิงพยักหน้ายิ้ม พาหลู่ซิ่งออกจากโรงฝีมือไประหว่างทางกลับ หยุนเจิงนำจดหมายฉบับนั้นส่งให้หลู่ซิงอ่านรอให้หลู่ซิงอ่านจบ จึงได้ถามว่า “เจ้ามีความเห็นเช่นไร?”หลู่ซิงครุ่นคิดเงียบๆ จากนั้นก็ถามกลับ “เป่ยหมัวถัวอยู่ห่างจากพวกเราค่อนข้างไกล ต่อให้พวกเราส่งทหา
“อูฐผอมแห้งใหญ่กว่าม้า เป่ยหวนแม้จะอาการร่อแร่ แต่ไม่ใช่ไม่มีกำลังโต้กลับ”หยุนเจิงกล่าวด้วยรอยยิ้มเล็กน้อย “ทันทีที่เป่ยหมัวถัวลงมือกับเป่ยหวน แคว้นเล็กๆ เหล่านั้นไม่ได้ผสมโรงตีเป่ยหวนด้วย แต่เกรงว่าก็ต้องมีความคิดเช่นนี้ไม่มากก็น้อย! ตราบใดที่เป่ยหวนประสบกับความพ่ายแพ้ครั้งใหญ่หรือประสบปัญหา พวกเขาก็จะผสมโรงตามด้วย...”เรื่องนี้ไม่สำคัญว่าแคว้นเหล่านั้นผสมโรงกับเป่ยหมัวถัวตีเป่ยหวนหรือไม่แต่สำคัญว่าต้องปลุกปั่นความคิดของแคว้นเล็กเหล่านี้ ให้พวกเขาคว้าโอกาสกัดเป่ยหวนสักทีเป่ยหมัวถัวตีเป่ยหวน แย่งปศุสัตว์ของเป่ยหวน ฆ่าชาวเป่ยหวน หากเป่ยหวนไม่สนใจ ยังไม่ต้องพูดถึงปัญหาที่ว่าเป่ยหวนจะกล่ำกลืนลงไปได้หรือไม่ ขอแค่เป่ยหวนกล้าไม่สนใจ แคว้นเล็กอื่นๆ ก็จะรีบดำเนินการตามเหมาะสมทันทีที่เป่ยหวนต้องโจมตีเป่ยหมัวถัว โอกาสของพวกเขาก็มาแล้วไม่ใช่หรือ?เป่ยหมัวถัวก็คือเหยื่อล่อที่พวกเขาโยนไปให้เป่ยหวนไม่สนว่าเป่ยหวนจะสนใจเป่ยหมัวถัวหรือไม่ สำหรับพวกเขาแล้วล้วนแต่ได้ประโยชน์!เพื่อได้ฟังคำอธิบายของหยุนเจิง หลู่ซิงก็เข้าใจแล้วด้านใน นึกไม่ถึงว่าจะมีเรื่องวกไปวนมาเช่นนี้ด้วย?“องค์ชายเป็นค
ตอนกลางคืน หยุนเจิงบอกกับทุกคนว่าพรุ่งนี้จะไปชายแดนเว่ยหยุนเจิงและเยี่ยจื่อบ่าวสาวข้าวใหม่ปลามัน เป็นช่วงเวลาที่ทั้งสองคนแยกจากกันไม่ได้เดิมทีหยุนเจิงวางแผนที่จะรอให้การเปลี่ยนแปลงแนวป้องกันของหน่วยงานต่างๆ เสร็จสิ้นก่อนจะเข้าสู่แนวหน้า แต่มีเรื่องตรงหน้า เขาไม่อาจหมกมุ่นกับความอบอุ่นได้อีกต่อไปเยี่ยจื่อแม้จะตัดใจจากหยุนเจิงไม่ลง ทว่าก็ตัดสินใจสนับสนุนส่งเสริมหยุนเจิงในทุกเรื่องหลังอาหารค่ำ หยุนเจิงพาผู้หญิงทั้งสามคนของเขานั่งสนทนาเรื่อยเปื่อยในเรือนเยี่ยจื่อต้องการช่วยหยุนเจิงควบคุมดูแลเรื่องด้านหลัง ไม่อาจตามไปสนามรบแนวหน้าได้ ทำได้เพียงกำชับให้ทั้งสามคนต้องระวังให้มาก กำชับเสิ่นลั่วเยี่ยนและเมี่ยวอินปกป้องหยุนเจิงให้ดีถึงแม้ นางรู้อยู่แล้วว่าเสิ่นลั่วเยี่ยนและเมี่ยวอินจะปกป้องหยุนเจิงสุดชีวิต ทว่าก็ยังอดไม่ได้ที่จะกำชับเสิ่นลั่วเยี่ยนพยักหน้ารับประกัน “พี่สะใภ้ ท่านวางใจเถอะ พวกเราต้อง...” “ยังเรียกพี่สะใภ้อีก!”เยี่ยจื่อจ้องเสิ่นลั่วเยี่ยนด้วยความโกรธและเขินอาย “เจ้าควรเรียกข้าว่าน้องสาว...”แม้ว่า การเรียกนี้ค่อนข้างขัดหูแต่เสิ่นลั่วเยี่ยนเป็นพระชายาเอก นางเป็นอนุหากความ