สี่วันให้หลัง งานแต่งงานของหยุนเจิงและเยี่ยจื่อจัดขึ้นที่ติ้งเป่ยแม้บอกว่าไม่จัดใหญ่โต ทว่าจัดได้คึกคักยิ่งนักหยุนเจิงเป็นเจ้าบ่าวครั้งที่สอง ภายในใจทั้งดีใจ ทั้งรู้สึกผิดนับดูแล้ว เมี่ยวอินต่างหากที่เป็นผู้หญิงคนแรกของเขาทว่า จวบจนทุกวันนี้เมี่ยวอินยังไม่มีสถานะอย่างเป็นทางการเลยหลังเขาแต่งงานกับเยี่ยจื่อ เมี่ยวอินล้วนไม่เคยโผล่มาเห้อ!ปมระหว่างเมี่ยวอินกับเสด็จพ่อ ไม่มีวันคลี่คลายไปตลอดกาลงานแต่งงานของเมี่ยวอิน มีเพียงเขาต้องชดเชยให้นางภายหลังเท่านั้นเขาต้องมอบงานแต่งงานที่สมบูรณ์แบบที่สุดให้กับนาง!หยุนเจิงสาบานเงียบๆ ในใจเทียบกับงานแต่งของเสิ่นลั่วเยี่ยนแล้ว งานแต่งงานของหยุนเจิงกับเยี่ยจื่อเรียบง่ายกว่ามากไม่มีกำหนดการรับเจ้าสาวใด มีเพียงกราบไว้ฟ้าดินเป็นสามีภรรยากันฮูหยินเสิ่นในฐานะแม่บุญธรรมนั่งอยู่ตรงนั้น มองดูเยี่ยจื่อผ้าคลุมศีรษะ ภายในใจมีความรู้สึกนับร้อยนางควรค่ากับความใจดีของนาง แล้วก็ควรค่ากับเยี่ยจื่อมีเพียงข้อเดียว คือผิดต่อลูกชายนางเองหน้ามือหลังมือถ้วนเป็นเนื้อ!คนที่ยังมีชีวิต สุดท้ายก็สำคัญกว่าคนที่จากไปแล้ว!หลินเอ๋อร์ หากเจ้าจะโทษ เ
“ข้าก็คิดไม่ถึงเช่นกัน”เยี่ยจื่อพยักหน้าเบาๆ จากนั้นก็เงยหน้ามองหยุนเจิง “บางที ฝ่าบาทนำราชโองการฉบับนี้เป็น...” “ยังจะเรียกฝ่าบาท?” หยุนเจิงมุมปากยิ้ม “ควรเรียกเสด็จพ่อ”เสด็จพ่อหรือ?เยี่ยจื่อเมื่อได้ฟัง ใบหน้าแดงเล็กน้อยอย่างควบคุมไม่อยู่เรียกฝ่าบาทมาตั้งหลายปี จู่ๆ ให้เปลี่ยนเป็นเรียกเสด็จพ่อ นางยังไม่ค่อยคุ้นชินเยี่ยจื่อยิ้มด้วยความเขินอาย จากนั้นก็กล่าวอย่างถ่อมตน “เจ้าสังหารประมุขใหญ่เป่ยหวน กอบกู้สามเมืองชายแดน ฝ่าบาทควรพระราชทานรางวัลให้เจ้ามากมาย...”หยุนเจิงรู้ว่าเยี่ยจื่อต้องการกล่าวสิ่งใด จึงยื่นนิ้วมือไปปิดริมฝีปากแดงของเยี่ยจื่อคนงาม กล่าวอย่างจริงจัง “ราชโอกาสการของเสด็จพ่อสำหรับข้าแล้ว เป็นรางวัลชิ้นใหญ่ที่สุดแล้ว!”บางที ในมุมที่เสด็จพ่อยืนอยู่ รางโองการฉบับเดียวทดแทนรางวัลของเขาได้ ได้กำไรอย่างแน่นอนแต่มองจากมุมที่เขายืนอยู่ รางโองการฉบับนี้ เป็นรางวัลที่ดีที่สุดแล้วตำแหน่งขุนนาง?ตำแหน่งซั่วเป่ยเจี๋ยตู้สื่อ พร้อมตำแหน่งแม่ทัพใหญ่ฝู่กั๋วของเขา ต่อให้ประทานตำแหน่งให้อีก ก็ไม่มีตำแหน่งที่ดีไปกว่านี้แล้ว ทรัพย์สินเงินทอง?เขาสามารถหาเงินเองได้ขอแค่
วันที่สองตอนเช้า หยุนเจิงและเยี่ยจื่อไม่สนใจความอบอุ่น รีบตื่นแต่เช้าไปคาราวะจักรพรรดิจักรพรรดิเหวินในสถานะพ่อ ตรัสทักทายง่ายๆ กับทั้งสองคนไม่กี่ประโยคหลังเสวยอาหารเช้า จักรพรรดิเหวินก็ทรงเสด็จจากไปสามวันให้หลัง พวกหยุนเจิงส่งจักรพรรดิเหวินออกจากด่านเป่ยลู่ส่วนภรรยาและลูกของฉินชีหู่ มาถึงด่านเป่ยลู่แล้วนี่เป็นครั้งแรกที่หยุนเจิงได้พบลูกสาวลูกชายของฉินชีหู่ ครั้งนั้นที่ดื่มสุราที่บ้านตระกูลฉิน เขาไม่ได้พบภรรยาและลูกของฉินชีหู่ลูกสาวหนึ่ง ลูกชายสองลูกสาวของฉินชีหู่อายุรุ่นราวคราวเดียวกับเสิ่นเนี่ยนฉือ แล้วก็ลูกชายที่ยังเล็กสองคน ดูไปแล้วคงอายุไม่ถึงสามขวบ ดูเหมือนฝาแฝด แต่กลับต่างกันอย่างสิ้นเชิงคนหนึ่งหน้าตานิสัยดุดัน อีกครั้งใบหน้าสะอาดหมดจดมองดูเหล่าลูกชายของฉินชีหู่ หยุนเจิงอดไม่ได้ที่จะนึกเลื่อมใสในใจเจ้าฉินชีหู่ นอนอยู่บ้านในปีนั้น เอาแต่ผลิตลูก!จักรพรรดิเหวินเดินมาข้างหน้า อุ้มลูกชายคนเล็กหน้าตาสะอาดหมดจดในสายตาเด็กน้อย จักรพรรดิเหวินไม่ใช่จักรพรรดิจักรพรรดิเหวินทรงเพิ่งอุ้มเด็กน้อย เด็กน้อยก็เอื้อมมือไปคว้าเคราของจักรพรรดิเหวิน“เจ้าตัวเล็ก อยู่นิ่งหน่อ
จักรพรรดิเหวินถามหยุนเจิงอีกครั้ง“นี่...”หยุนเจิงกลืนน้ำลายอย่างยากเย็น “นี่คงไม่ใช่...ลูกชายของพี่ใหญ่กระมัง?”ท่าทางของจักรพรรดิเหวินและฉินชีหู่ที่มีต่อเด็กคนนี้ ผิดปกติจริงแท้บวกกับเด็กคนนี้เรียกเขาเช่นนี้ หยุนเจิงคิดถึงได้เพียงรัชทายาทองค์ก่อน“อื้ม”จักรพรรดิเหวินพยักพระพักตร์ ถอนพระทัยเบาๆ “พี่ใหญ่เจ้ามีลูกชายสองหญิงหนึ่ง ข้ามาทันได้ช่วยเด็กชายคนนี้...” กล่าวจบ จักรพรรดิเหวินค่อยๆ ตรัสเล่าความจริงออกมาหนึงปีก่อน รัชทายาทองค์ก่อนก่อกบฏล้มเหลว จึงฆ่าตัวตายด้วยความจนใจไม่ว่ารัชทยาทองค์ก่อนถูกตราหน้าว่าก่อกบฏหรือไม่ หรือว่าเขามีใจคิดก่อกบฏจริง ขอเพียงเขายกทัพ เรื่องนี้ก็ไม่มีที่ว่างให้ถอยกลับแล้วจักรพรรดิเหวินอยากจะรักษาลูกชายสองคนกับลูกสาวหนึ่งคนของรัชทยาทองค์ก่อน ทว่าไม่อาจทำได้เปิดเผย ทำได้เพียงแอบส่งคนไปช่วยเวลานั้น พระชายารัชทายาทองค์ก่อนได้พาลูกๆ ไปยังบ้านมารดาเมื่อรู้ข่าวรัชทายาทองค์ก่อนพ่ายแพ้และฆ่าตัวตาย พระชายารัชทายาทองค์ก็รู้ว่าครอบครัวคงหลบไม่พ้นคราวเคราะห์ ตอนที่ไปล้อมป้อมเมืองอวี่หลิน จึงจุดไปเผาจวน ตั้งใจพาลูกชายสองลูกสาวหนึ่งของรัชทายาทองค์ก่อนติ
จักรพรรดิเหวินมอบหมายเรื่องมากมายให้หยุนเจิง จากนั้นถึงเสด็จตามหยุนเจิงออกจากห้องหลังส่งจักรพรรดิเหวินออกจากด่านเป่ยลู่ ฉินชีหู่กล่าวขอบพระทัยจักรพรรดิเหวินอีกครั้ง“อย่ามาใช้ลูกไม้นี้กับข้า!”จักรพรรดิเหวินถีบฉินชีหู่ด้วยความหงุดหงิด กล่าวด้วยสีพระพักตร์เคร่งขรึม “ข้าช่วยขจัดความกังวลด้านหลังให้เจ้าแล้ว เจ้าช่วยเจ้าหกตีเป่ยหวนให้ดี! พวกสารเลวอย่างเจ้าสองคนหากยังไม่อาจตีเป่ยหวนจนศิโรราบ ข้าจะทำให้พวกเจ้าศิโรราบ!”“พ่ะย่ะค่ะ!”ทั้งสองคนรับคำสั่ง“ไสหัวกลับไปเถอะ!”จักรพรรดิเหวินโบกมือให้ทั้งสองคนด้วยความรำคาญ “ข้าอยู่ที่เมืองจักรพรรดิ รอข่าวดีจากพวกเจ้า!”ตรัสจบ จักรพรรดิไม่อยากตรัสไร้สาระกับพวกเขาอีก ทรงพลิกตัวขึ้นมาอย่างรวดเร็วพวกโจวไต้ทำความเคารพหยุนเจิงอย่างรีบง่าย จากนั้นก็พลิกตัวขึ้นหลังม้าอย่างรวดเร็วไม่นาน จักรพรรดิเหวินพาเหล่าราชองรักษ์ออกเดินทางมองจักรพรรดิเหวินที่จากไปไกล ทุกคนโค้งคำนับอีกครั้ง“พี่ใหญ่ฉิน จากด่านเป่ยลู่ปรับย้ายทหารและม้าหนึ่งหมื่นไปยังแนวหน้า เจ้านำทัพไปแนวหน้า ก็ถือโอกาสพาลูกและภรรยาของเจ้ากลับติ้งเป่ย ข้าไปรับเมี่ยวอิน!” หยุนเจิงหลังจากสั่ง
“ดีเลย!”เมี่ยวอินหัวเราะ “เช่นนั้นข้าจะรอเจ้าขี่เมฆหลากสีมารับข้าแต่งงาน!”“คำไหนคำนั้น!”หยุนเจิงก้มหน้าจูบริมฝีปากเมี่ยวอินเบาๆ……กลับถึงติ้งเป่ย หยุนเจิงพาทุกคนไปตรวจสอบสถานการณ์การเจริญเติมโตของมันเทศเป็นอันดับแรกหลายวันที่จักรพรรดิเหวินเสด็จมา พวกเขาล่าช้าไปมากตอนนี้ ต้นกล้ามันเทศงอกขึ้นมามากกว่าเมื่อก่อนแล้วต้นกล้ามันเทศจำนวนมากโตได้ครึ่งเมตรแล้วชาติก่อนหยุนเจิงไม่เคยปลูกมันเทศด้วยตัวเองมาก่อน เคยแต่ดูคนอื่นปลูกโดยรูปธรรมแล้วโตเท่าใดจึงสามารถปักชำได้ หยุนเจิงไม่แน่ใจเช่นกัน ถึงเช่นไรก็คิดว่าโตขนาดนี้แล้วน่าจะเหมาะสมกับการปักชำแล้วฉวยโอกาสตอนที่พวกเขายังอยู่ที่ติ้งเป่ย เขาต้องรีบทำเรื่องนี้หยุนเจิงเรียกระดมทหารชาวนาหนึ่งพันคน หลังจากอธิบายวิธีตัดต้นกล้าแล้ว ทุกคนก็พากันทำงานพวกหยุนเจิงอยู่บนที่ดินขนาดหนึ่งหมู่ กำลังปักชำด้วยตัวเองเวลานี้ ทุกคนสามารถร่วมเพาะปลูกร่วมกัน เป็นความสุขชนิดหนึ่ง “เจ้าสิ่งนี้ต้องปลูกห่างกันเท่าใด?”เสิ่นลั่วเยี่ยนถามหยุนเจิงอย่างไม่เข้าใจ “คือว่า...”หยุนเจิงครุ่นคิด ตอบกลับ “ถึงเช่นไรพื้นที่มีร่องเพียงเท่านี้ พวกเราทุกคนปลู
“ข้ากำลังจะบอกเจ้าเรื่องนี้ไม่ใช่หรือ?”หยุนเจิงยิ้มมองจางซู “กองทหารแนวหน้าจะเป็นต้องหมุนเวียน ข้าสามารถอยู่ที่ซั่วเป่ยได้สองสามวันชั่วคราว เจ้าเตรียมตัวลำบากได้เลย ข้าดูก่อนว่าสามารถทำของที่สามารถขายได้กำไรออกมาได้หรือไม่!”ลำบาก? เมื่อได้ฟังหยุนเจิงบอกว่าต้องลำบาก จางซูเหมือนลูกโป่งลมรั่วทันทีเขากลัวต้องลำบาก!เมื่อก่อนไม่มีการค้าให้ทำมากนัก เขาอยู่ที่โรงฝีมือทดลองสิ่งของที่หยุนเจิงกล่าวถึงกันคนเหล่านั้น ทดลองทำเศษทองแดงและเหล็กไร้ประโยชน์ออกมามากมาย น้ำหนักตัวลดลงไปหลายชั่งได้พักผ่อนไม่กี่วัน ก็ต้องเริ่มลำบากอีกแล้ว?เห็นท่าทางยิ้มฝืนของจางซู เยี่ยจื่อหลุดหัวเราะออกมาอย่างควบคุมไม่อยู่“ดูท่าทางเจ้าสิ!”หยุนเจิงยิ้มจ้องจางซู “ไม่ใช่เจ้ากับข้าลำบากด้วยกันหรือ? ถ้าไม่ใช่เพื่อให้หน่วยงานต่างๆ หมุนเวียนพักผ่อน เจ้าคิดจะลำบากพร้อมข้าล้วนไม่มีโอกาส!”จางซูกล่าวด้วยรอยยิ้มฝืน “พูดราวกับท่านเป็นสาวงาม...”“ข้า...”หยุนเจิงหน้าดำอึมครึม“หึหึ...ล้อเล่น”จางซูหัวเราะแห้ง กล่าวอย่างไร้กังวล “ลำบากก็ลำบากเถอะ ขอแค่ทำงานได้ก็พอ! ข้าก็แค่ถูกกระบอกปืนไฟในโรงฝีมือทำให้กลัวแล้ว...”
จางซูพยักหน้า ถามด้วยความประหลาดใจ “องค์ชาย ท่านคิดทำสิ่งใดเพื่อหาเงิน? หลังทำออกมาแล้ว ทำเงินได้มากกว่าสุราของพวกเราหรือไม่?” “น่าจะได้พอๆ กับสุรา!” หยุนเจิงกล่าว “ถึงเช่นไรมีของสองชิ้น มีหนึ่งชิ้น ข้ารับประกันว่าทำออกมาได้ แต่อีกชิ้น น่าจะทำออกมาได้ยาก ข้าสามารถสอนเจ้าได้ ต่อไปเจ้าค่อยๆ ทำ! ขอแค่ทำออกมาได้ เกรงว่าจะทำเงินได้มากกว่าเหล้าอีก...”“จริงหรือ?”จางซูดวงตาเป็นประกายทันที“จริงแท้แน่นอน!”หยุนเจิงหัวเราะหึๆ “เจ้าก็รอนับเงินได้เลย!”เกลือละเอียด ทำง่ายกระจก ทำยาก!หากอุณหภูมิไม่ถึง เช่นนั้นก็เลิกพูดไปได้เลยแต่ว่า กระจกเป็นสิ่งที่ค่อยๆ ทำได้!เกลือละเอียดสามารถทำได้แน่นอนส่วนเรื่องการกำหนดราคา แล้วแต่จางซู!ถึงเช่นไรของในมือจางซู ไม่มีทางราคาถูก“ได้ ได้!”มีคำพูดนี้ของหยุนเจิง จางซูยินดีมีความสุข เขาตั้งปณิธานว่าจะเป็นอภิมหาเศรษฐีอันดับสองของต้าเฉียน!ต้องรีบหาเงินจึงจะเป็นเส้นทางที่ถูกต้อง!“จริงด้วย พวกเราทำของออกมาขาย ต้องซื้อของบางอย่างกลับมาด้วย!” หยุนเจิงกำชับ “ยาสมุนไพรที่พวกเราขาดแคลนตอนนี้ กลับไปข้าจะสั่งคนให้เตรียมสำเนาให้เจ้า! ต่อไปพวกเรายังต้