หยุนเจิงและเยี่ยจื่อรีบร้อนเดินออกจากห้องหากเป็นก่อนหน้านี้ เสิ่นลั่วเยี่ยนคงหลอกล้าเยี่ยจื่อไม่น้อยแต่สถานการณ์ตรงหน้า เสิ่นลั่วเยี่ยนกลับไม่มีจิตใจไปทำเช่นนั้น“เสด็จพ่อมีถึงเมื่อใด?”หยุนเจิงถามเสิ่นลั่วเยี่ยนอย่างใจร้อน“วันนี้ตอนเช้า”เสิ่นลั่วเยี่ยนตอบด้วยความร้อนใจ “จั่วเริ่นขี่ม้าเร็วมารายงาน เสด็จพ่อนำทหารม้าชั้นยอดมาเพียงสามร้อยกว่าคน ไม่ยอมเข้าด่าน กำลังรอให้เจ้าไปรับ จั่วเริ่นบอกว่าได้ตั้งค่ายให้เสด็จพ่อนอกด้านเป่ยลู่ชั่วคราว...”พาทหารม้าชั้นยอดมาเพียงสามร้อยกว่าคน?ตาแก่นี่บ้าไปแล้วกระมัง?ควบม้าเร็วมาตลอดทาง?ให้ตายสิ!ประมาทเดินไปแล้ว!คำนวณเป็นพันเป็นหมื่น ก็ไม่อาจคาดคิดว่าเสด็จพ่อจะมาถึงไวเช่นนี้!คราวนี้ เกรงว่าเขาคงต้องจมฟองน้ำลายตายแล้วหยุนเจิงสูดหายใจลึก จากนั้นก็กล่าว “พวกเราเร่งเดินทางตอนกลางคืนไปด่านเป่ยลู่ก่อน จากนั้นให้พวกแม่ยายตามไปด่านเป่ยลู่ทีหลัง! พี่สะใภ้ เจ้าสั่งให้คนในจวนที่ติ้งเป่ยเตรียมตัว หากเสด็จพ่อต้องการมาที่ติ้งเป่ย พวกเราไม่เตรียมสิ่งใดสักอย่างไม่ได้...”“ได้!”เยี่ยจื่อไม่สนใจความเขินอาย ตอบตกลงทันทีหลังจากสั่งการเรื่องราว
ตอนที่พวกเขาเร่งเดินทางมาถึง จั่วเริ่นได้นำคนอารักขาความปลอดภัยจักรพรรดิเหวินด้วยตัวเองแล้วแต่ว่า ศีรษะของจั่วเริ่นตกลง ท่าทางเหมือนสติไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเมื่อเห็นพวกหยุนเจิง ในที่สุดจั่วเริ่นก็ถอนหายใจยาวออกมาด้วยความโล่งอก รีบวิ่งมาหา จากนั้นก็ทำความเคารพหยุนเจิงและเสิ่นลั่วเยี่ยนง่ายๆ กระซิบกล่าว “องค์ชาย พวกท่านต้องระวังเอาไว้ ตอนนี้โทสะของจักรพรรดิเหวินมีมาก วันนี้ตอนเช้าฝ่าบาทสั่งคนไปหารากหวงจิงใหญ่เท่านั้นมาโดยเฉพาะ...”กล่าวจบ จั่วเริ่วก็เอานิ้วหัวแม่มือกับนิ้วชี้ทำเป็นวงขึ้นมาเมื่อเห็นการเปรียบเทียบขนาดของจั่วเริ่น หยุนเจิงใบหน้าดำอึมครึมอย่างควบคุมไม่อยุ่รากหวงจิงใหญ่เท่านี้?น่าควรเรียกว่ากระบองหวงจิงกระมัง?คิดจะเฆี่ยนเขาจนตายจริงหรือ!หยุนเจิงบ่นในใจ จากนั้นก็กระซิบถาม “เจ้าได้เชิญเสด็จพ่อเข้าด่านไปพักผ่อนหรือไม่?”“ข้าน้อยเชิญแล้ว แต่ฝ่าบาทไม่ไป!”จั่วเริ่นตอบด้วยรอยยิ้มแห้งจริงด้วย!รู้อยู่แล้วว่าเสด็จพ่อไม่มีทางเป็นฝ่ายเข้าด่าน!“เช่นนั้นตอนที่เสด็จพ่อปฏิเสธ ได้กล่าวสิ่งใดหรือไม่?”หยุนเจิงกระซิบถามอีกครั้งจั่วเริ่นพยักหน้าเบาๆ จากนั้นก็กดเสียงต่ำ
ทั้งสามคนก้มหน้าก้มตา หยุนเจิงและเสิ่นลั่วเยี่ยนยังดี เพียงแค่หวาดกลัวอยู่บ้างแต่ศีรษะของฉินชีหู่แทบปักลงไปกับพื้นแล้วถึงเช่นไร ไม่ว่าจักรพรรดิเหวินจะเฆี่ยนเอาหรือไม่ ไม่ช้าก็เร็วตาแก่ของเขาก็จะมาเฆี่ยนเอาด้วยสาเหตุนี้ตอนนี้ฉินชีหู่อยากให้ตัวเองได้รับบาดเจ็บสาหัสตอนที่สู้กับฮูเจี๋ยในการรบครั้งนั้นจริงๆ“เสด็จพ่อ ท่านอยากเฆี่ยนก็เฆี่ยนเถอะ!”ในที่สุด ก็เป็นหยุนเจิงที่เอ่ยปากทำลายความเงียบ “ท่านถือกระบอกหมุนไหหมุนมา อย่าหมุนจนเวียนหัวเล่า”เขาไม่ได้ก่อกบฏ ทั้งยังส่งศีษระพวกฮูเจี๋ยไปให้เขาแล้วต่อให้เขาเฆี่ยน ก็คงไม่อาจลงมือหนักมากเกินไปกระมัง?เซี่ยนสักสองสามที ก็ไม่นับว่าเป็นปัญหาหากเฆี่ยนรุนแรงเกินไป เขาคงไม่ทำเมื่อได้ฟังคำของหยุนเจิง จักรพรรดิเหวินทรงหัวเราะออกมาด้วยความกริ้วดีจริง!ยังรู้จักเป็นห่วงข้า?กลัวข้าจะเวียนหัวแล้ว?“ข้าไม่กล้าเฆี่ยนเจ้า”จักรพรรดิเหวินกุมท่อนหวงจิงในพระหัตถ์ จากนั้นก็กล่าวเสียงเรียบ “นี่คือถิ่นของเจ้า เจ้าแค่สั่งการคำเดียว ธนูไม้บนกำแพงเมืองไม่ยิงทะลุข้าตายที่นี่หรือ?”“เสด็จพ่อล้อเล่นแล้ว พวกกระหม่อมไม่กล้ายิงพระองค์หรอก!”หยุนเจิงเ
“เสด็จพ่อ พระองค์อย่าทรงกริ้วเลย”หยุนเจิงยิ้มแห้งกล่าว “ไม่ว่าต่อให้ทรมานลูกเพียงใด ลูกก็ยังเป็นลูกของพระองค์ไม่ใช่หรือ?”“เหอะ ตอนที่ยื่นมือมาบังคับขอเงินข้า เจ้าก็เป็นลูกชายข้าแล้ว?” จักรพรรดิเหวินทรงกริ้วจนหัวเราะ กล่าวด้วยรอยยิ้มที่ไม่ยิ้ม “ให้ข้าเป็นจักรพรรดิสูงสุด เขาก็เป็นลูกชายของข้าเหมือนกันไม่ใช่หรือ?”เจ้าลูกทรพี หน้าไม่อายจริง!แต่ว่าไปแล้ว เจ้าลูกทรพีนี่ก็รู้จักพูดอื้ม นิสัยจิตใจนับว่าสุขุมแต่ว่า...กวนประสาท!หยุนเจิงหัวเราะอย่างเกรงใจ จากนั้นก็กล่าวด้วยใบหน้าจริงจัง “เสด็จพ่อ ลูกไม่ได้ถามหาเงินจากเสด็จพ่อ แต่ต้องการเงินจากคลังหลวง! ทหารของกองทหารมณฑลทางเหนือทำสงครามเพื่อต้าเฉียน ไม่ได้ทำสงครามเพื่อลูก...”จักรพรรดิเหวินเมื่อได้ฟัง พระเนตรฉายแววเหน็บหนาวออกมาทำสงครามเพื่อต้าเฉียนหรือ?จักรพรรดิเหวินจะไม่เข้าพระทัยได้เช่นไร ความหมายของหยุนเจิงคือ เขาหยุนเจิงเป็นขุนนางของต้าเฉียน กองทหารมณฑลทางเหนือก็ยังเป็นกองทัพของต้าเฉียน ไม่ใช่กองทัพของหยุนเจิงเขาไม่มีใจก่อกบฎ!ก็เหมือนกับก่อนหน้านี้ที่เขาบอกว่าเป็นลูกชายของเขาจักรพรรดิเหวินนิ่งเงียบชั่วครู่ ทิ้งท่อนไม
หยุนเจิงจ้องมอง นึกไม่ถึงว่าจะเป็นราชโองการตอนที่เขาหยิบราชโองการขึ้นมา พบว่าด้านในคือราชโองการว่างเปล่าด้านบน ยังประทับตราเอาไว้!มองดูราชโองการเปล่าในมือ หยุนเจิงรู้สึกตัวชาตาแก่นี่คิดจะทำสิ่งใด?ให้ราชโองการว่างเปล่ากับเขา ให้เขาเขียนตามใจชอบหรือ?“ท่านอ๋อง เลิกอึ้งได้แล้ว!”จักรพรรดิเหวินชี้ไปยังโต๊ะภายในกระโจม “เจ้าอยากจะเขียนสิ่งใดก็เขียน! ต่อให้เจ้าเขียนให้สละตำแหน่งแทนข้าก็ยังได้!”“เสด็จพ่อ นี่ท่าน...จำเป็นหรือ?”หยุนเจิงจนใจ ยังก่อเรื่องไม่พอหรือ?พอประมาณก็พอแล้ว!เหตุใดต้องที่เขาลำบากใจ ทดสอบเขาสักหน่อย เขาถึงจะสบายใจ?“จำเป็นหรือ?”จักรพรรดิเหวินถลึงพระเนตร “ข้าถูกเจ้าหลอกกลายเป็นคนโง่ เจ้าถามข้าว่าจำเป็นหรือ?”“ที่ลูกทำเพราะจนปัญญาไม่ใช่หรือ?” หยุนเจิงหัวเราะอย่างรู้สึกผิดหยุนเจิงกล่าวไป สอดราชโองการว่างเปล่าเข้าไปในแขนเสื้ออย่างมีความสุข ราวกับเหล่าหลี่เดินทางไกลเพื่อโขมยบุหรี่อื้ม นำกลับไปเขียนแต่งตั้งเยี่ยจื่อและเมี่ยวอินให้อนุของเขาก็ไม่เลวอีกอย่าง สั่งให้คนส่งเงินและเสบียงมาให้เขาสักหน่อย?จักรพรรดิเหวินกำลังทอดพระเนตรอยู่ ใบหน้ากระตุกอย่างควบ
มิน่าเล่า!เขาถึงว่าเหตุใดตาแก่นี่มาเร็วเช่นนี้!ทนไม่ไหวที่จะมาทดสอบเขาถึงซั่วเป่ยแล้ว?ช่างเถอะ!เช่นไรก็ยังดีกว่าต้องเผชิญหน้ากันในสนามรบมาก!เขาเป็นห่วงว่า พวกเขาพ่อลูกตอนพบกันอีกครั้ง ก็ต้องเผชิญหน้ากันในสนามรบแล้วบอกตามตรง ที่เป็นอยู่ตอนนี้ เป็นเรื่องที่เมื่อก่อนเขาไม่กล้าคิดจักรพรรดิเหวิมมองหยุนเจิงอย่างมีเลศนัย ตอนที่ประทับอยู่ในกระโจม ก็ได้พลิกหน้าสมุดบัญชีดูอีกครั้งอ่านไปอ่านมา คิ้วของจักรพรรดิเหวินขมวดขึ้นมา “รบกับฮูเจี๋ย พวกเจ้าก็มีความตายมากมายเพียงนี้แล้ว? บอกมา เจ้าคิดจะหลอกเอาเงินจากข้าเท่าใด? หรือไม่ เจ้าเอาข้าชั่งน้ำหนักดู ว่าตัวข้ามีราคาเท่าใด?”อุว๊ะ!ตาแก่ กินหมัดข้าสักที!หยุนเจิงคำรามลั่นในใจ อธิบายอย่างจนใจ “เสด็จพ่อเข้าใจผิดแล้ว! นี่คือทหารที่เสียชีวิตตอนที่เจียเหยานำทัพบุกทะลวงสันดอนเป่ยหวน! ส่วนการรบกับฮูเจี๋ย ผู้เสียชีวิตที่ด้านหน้าและหลังรวมกันประมาณเจ็ดพันคน...”เขาไม่เชื่อว่าหันจิ้นไม่ได้บอกเรื่องเหล่านี้กับเสด็จพ่อ!ต่อให้หานจิ้นไม่รู้จำนวนตัวเลขผู้บาดเจ็บเสียชีวิต แต่ก็พอประมาณการคร่าวๆ ได้อีกอย่าง สรุปแล้วพวกเขานำคนไปจำนวนเพียงเท่านั้
ท่านอ๋องแบกเกี้ยว พระชายานำทางต่อให้จักรพรรดิเหวินต้องรอยู่นอกด่านเป่ยลู่หนึ่งวันกล่าว แต่ก็เข้าด่านเป่ยลู่อย่างสง่าผ่าเผยหยุนเจิงทอดถอนใจ วิธีการของจักรพรรดิเหวินเล่นได้อย่างสวยงามนักทั้งประกาศอำนาจอธิปไตยและตำแหน่งของพระองค์ ทั้งไม่ตกต่ำหลังเข้าด่านเป่ยลู่ ค่อยติดตามพวกหยุนเจิงไปยังจวนแม่ทัพของด่านเป่ยลู่เพิ่งได้ประทับภายในจวนครู่เดียว จักรพรรดิเหวินลุกขึ้นยืน “เจ้าหก ตามข้าไปเดินเล่นด้านบนด่านของทางเหนือ!”เสิ่นลั่วเยี่ยนแอบกังวล จากนั้นก็กล่าวว่า “หม่อมฉันไปเดินกับเสด็จพ่อด้วยเพคะ!”หยุนเจิงแม้จะเป็นวรยุทธ แต่เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกโจวไต้แน่นอน!หากจักรพรรดิเหวินหาเรื่องขึ้นมากะทันหัน ให้คนมัดหยุนเจิงไว้ จะทำเช่นไร?“ก็ได้!”จักรพรรดิเหวินอ่านใจของเสิ่นลั่วเยี่ยนออก แต่ไม่เปิดเผยไม่นาน พวกเขาก็เดินทางไปยังด้านบนด่านของประตูทางเหนือจักรพรรดิเหวินพระหัตถ์สองข้างไพล่หลัง มองไปยังทิศทางที่ตั้งของสามเมืองชายแดนเงียบๆเนิ่นนาน จักรพรรดิเหวินเอ่ยปากถาม “สามเมืองชายแดนล้วนมีทหารประจำการแล้ว?”“ไม่พ่ะย่ะค่ะ”หยุนเจิงตอบ “หลังเป่ยหวนถอนทัพไป สามเมืองชายแดนเผชิญกับระดับ
หากสวีสือฝู่ฉวยโอกาสตั้งพรรคพวกเพื่อประโยชน์ส่วนตน ในอนาคต เสด็จพ่อกำจัดอุปสรรคปูทางให้จักรพรรดิองค์ใหญ่ ก็จะสะดวกขึ้นมากเรื่องบางอย่าง ต่อให้ดูออกแล้ว ก็ไม่จำเป็นต้องพูดออกมาระหว่างพวกเขาพ่อลูก มีสถานการณ์อย่างตอนนี้ ก็ดีมากแล้วไม่จำเป็นต้องแทรกปัญหาใหม่เข้ามา“เจ้ากลัวข้าระแวงเจ้าหรือ?”จักรพรรดิเหวินตรัสสิ่งที่หยุนเจิงกังวลออกมาโดยตรงหยุนเจิงเมื่อได้ฟัง ก็หัวเราะออกมาอย่างจนปัญญาเจ้ารู้แล้ว ยังจะถามอีก?เพื่อสิ่งใดเล่า!“บอกมาตามตรง!”จักรพรรดิเหวินสายพระเนตรเย็นชา “เจ้าบัญชาการทัพทหารสองแสนนาย ทั้งยังชำนาญรบทัพจับศึก เจ้าคิดว่าเจ้าแกล้งทำเลอะเลือนกับข้าได้แล้ว ข้าจะไม่ระแวงเจ้า? เจ้าทำเรื่องชั่วเอาไว้น้อยหรือ? เจ้ายังกลัวข้าระแวงเจ้าอีกหรือ?”“เหตุใดจะไม่กลัวพ่ะย่ะค่ะ”หยุนเจิงแย้มยิ้ม “เสด็จพ่อ สถานการณ์ของพวกเราตอนนี้ดีมากแล้ว! ท่านปกครองแคว้น ลูกไม่คิดคนึงหาตำแหน่งจักรพรรดิ แล้วก็ไม่คิดคะนึงหาตำแหน่งรัชทายาท ลูกช่วยเสด็จพ่อปกป้องซั่วเป่ย วันเวลาผ่านไป ลูกก็จะนำทัพสู้กับเป่ยหวนต่อ ขอแค่ตีจนเป่ยหวนพิการ ทางเหนือของต้าเฉียนเราก็จะสงบมั่นคงไปได้อย่างน้อยหลายสิบปี...