Home / โรแมนติก / ห้วงฝันใต้แสงจันทรา / บทที่ 2.1 พบกันอีกครั้งกับเรื่องราวใหม่ ๆ

Share

บทที่ 2.1 พบกันอีกครั้งกับเรื่องราวใหม่ ๆ

last update Last Updated: 2024-11-27 10:00:16

สำนักพยากรณ์เยว่เทียน ที่มีแม่หมอเมิ่งเจียเป็นผู้ดูแลได้ทำการดูดวงชะตาพยากรณ์ให้ผู้คนมาเป็นเวลาหลายสิบปี จนมีชื่อเสียงลื่อเลื่องไปทั่วแคว้นทางตอนเหนือ นักเดินทางจากทั่วทุกสารทิศเมื่อได้ยินกิตติศัพท์ของแม่หมอผู้นี้ก็พากันเดินทางข้ามน้ำข้ามภูเขาเพื่อตรวจดวงชะตา

การค้าขายก็ดี การเรียนก็ดี ดวงชะตางานหมั้นหมายก็ดี ล้วนได้นางเป็นผู้คอยชี้แนะ เรื่องร้ายคลี่คลาย เรื่องดีย่อมดียิ่งขึ้น เป็นที่นับหน้าถือตาของผู้มีจิตศรัทธา นางจึงมีเด็กสาวในตำหนักมากมายเพื่อช่วยจัดการกิจการและคอยเป็นธุระแทนนาง

“ท่านผู้นี้ชะตาวาสนาสูงส่งยิ่งนัก ภายภาคหน้าจะมีอำนาจบารมี บริวารรายล้อม บิดามารดาสุขสบาย”

“แม่นางหรงหรงกับคุณชายลู่ชะตาต้องกันราวกิ่งทองใบหยก งานหมั้นหมายเดือนหน้าวันที่สิบเจ็ดถือเป็นฤกษ์งามยามดี ลูกเต็มบ้านหลานเต็มเมืองครองคู่กันจนแก่เฒ่า”

“พลับพลึงแดงรายล้อม ยามอิ๋นที่หิมะแรกตกลงมา ท่านควรระวังตนเองให้ดี หากผ่านพ้นไปได้เคราะห์ร้ายจะทุเลาลง”

แต่แล้ววันหนึ่งการทำนายพยากรณ์ของนางเริ่มผิดเพี้ยน เสียงเล่าลือก็เริ่มแพร่ไปยังผู้คนที่นับถือนาง คนเหล่านั้นค่อย ๆ หายหน้าหายตา สำนักพยากรณ์เยว่เทียนแห่งนี้เริ่มร้างผู้คนไปเรื่อย ๆ เด็กสาวในสำนักจึงเริ่มออกไปทำงานอื่น สถานที่ที่เคยคลาคล่ำไปด้วยผู้คน กลับเหลือแค่เพียงนางและเด็กสาวอีกคน

“ไป๋อิง เจ้าไปซื้อของในตลาดเถอะ ข้าจะคอยอยู่ที่นี่ เจ้าอยากได้อันใดเพิ่มก็ซื้อมา” เมิ่งเจียบอกนาง

“เจ้าค่ะ แม่หมอ” นางรับคำ

ไปอิ๋ง เด็กสาวอายุสิบห้า รีบมวยผมให้เรียบร้อยแล้วถือตะกร้าเดินออกจากสำนัก

นางเป็นเด็กสาวที่ต่างจากคนอื่น ๆ ในสำนักเยว่เทียนเพราะเป็นคนที่เมิ่งเจียเลี้ยงดูมาตั้งแต่เล็ก นางพบไป๋อิงถูกทิ้งไว้ใต้ต้นแปะก๊วยตอนที่นางกำลังเดินทางไปขอพรวัดบนเขา เพียงแค่มองดวงตาของไปอิ๋งนางก็รับรู้ได้ว่าเด็กคนนี้ไม่เหมือนผู้อื่น ลึก ๆ ข้างในแล้วเหมือนนางถูกกำหนดมาเพื่อทำบางสิ่งบางอย่างที่สำคัญ

ด้วยความที่ไป๋อิงไม่เหมือนใคร เป็นคนที่เงียบ ๆ เด็กสาวคนอื่นเลยไม่กล้ามาคุยหรือเล่นกับนาง ไป๋อิงจึงใช้ชีวิตอย่างสุขสงบในสำนักเรื่อยมา แม้สถานที่แห่งนี้จะร้างผู้คน นางก็ไม่รู้จะไปที่ไหนจึงอยู่ที่นี่ต่อเพื่อตอบแทนบุญคุณเมิ่งเจีย

“ท่านลุง ผักกาดสองหัวกับรากบัวนี้เท่าไหร่หรือ” ไป๋อิงถามพ่อค้า

“ทั้งหมดสิบอีแปะ”

นางยื่นเงินให้เขาแล้ววางของในตะกร้าใบใหญ่ จากนั้นเดินไปซื้อหมั่นโถวสองอันเพื่อนำไปฝากเมิ่งเจียก่อนเดินกลับมาที่สำนัก

ระหว่างทางนางหยุดนั่งเล่นใต้ต้นแปะก๊วย ใบสีเหลืองประดับประดาเต็มต้น สารทฤดูครั้งนี้ทำให้นางนึกถึงชะตาชีวิตของตัวเอง นางหลับตารับความรู้สึกของสายลมที่พัดผ่านอยู่ครู่หนึ่งก่อนเดินกลับ

“แม่หมอ ข้ากลับมาแล้ว วันนี้ท่านจะทานตุ๋นรากบัวใช่หรือไม่” นางถามเมิ่งเจีย

“อื้ม เจ้ารีบไปทำเถอะ ประเดี๋ยวน่าจะมีคนมา”

แม้ว่าการตรวจดวงชะตาของเมิ่งเจียจะผิดเพี้ยนไปราวกับมีพลังของอะไรบางอย่างบดบังการรับรู้ของนาง แต่หากให้ดูลายมือง่าย ๆ นางก็พอจะทำได้

เมิ่งเจียเคยให้ไป๋อิงลองตรวจดวงชะตา ดูลายมือเผื่อนางจะได้เป็นแม่หมอคนต่อไปแต่ก็ไร้วี่แวว ไป๋อิงไม่มีความสามารถทางด้านนี้เลย ทุกวันนี้ไป๋อิงจึงเป็นคนที่คอยไปตลาด หุงหาอาหาร ทำงานบ้านเสมอมา

เช้าวันต่อมา

ไป๋อิงลืมตาแล้วมองไปรอบ ๆ ห้องนอน ก่อนสะดุ้งเฮือก

“ซวยแล้ว หลิวลี่เซียง นี่เธอมาอยู่ในฝันของใครอีก” หลิวลี่เซียงที่ตื่นขึ้นมาพบสิ่งต่าง ๆ รอบตัวไม่เหมือนห้องนอนที่หอก็ตกใจ พอนึกได้ว่าตัวเองคงมาอยู่ในฝันของใครสักคนก็พอจะเดาสถานการณ์ได้

“โอเค! ตอนนี้แต่งตัวแล้วเดินไปดูข้างนอกก่อน” นางบอกตัวเอง

“กี่โมงกี่ยามแล้วเนี่ย”

“ที่นี่ที่ไหน”

นางยังคงพูดกับตัวเอง เมื่อเห็นบรรยากาศรอบนอกที่เป็นบ้านโบราณ ผ้าหลากหลายสีถูกผูกห้อยโยงไปมา กลิ่นธูปหอมลอยมาตามสายลม พลันให้ความรู้สึกเย็นยะเยือก

“หน.. หนาว” หลิวลี่เซียงรีบกลับเข้าไปเปลี่ยนชุดเป็นชุดที่หนาขึ้น

นางเดินออกมาเรื่อย ๆ จนถึงเรือนใหญ่ หญิงวัยกลางคนผู้หนึ่งกำลังเดินออกมาหันมาหาเธอพอดี

“ไป๋อิง ไปวัดกับข้าหรือไม่” นางถาม

ไป๋อิง ใครนะ ข้าหรือ น่าจะใช่แหละ หลิวลี่เซียงคิดในใจ เพราะเมื่อหันไปรอบ ๆ แล้วไม่มีผู้ใด

“เจ้าค่ะ ท่านป้า” เธอต้องตามน้ำไปจนกว่าจะรู้รายละเอียดความฝันครั้งนี้

“เช่นนั้นช่วยข้าถือตะกร้าดอกไม้ เร็วเข้า”

“เจ้าค่ะ ท่านป้า”

“เจ้าเรียกข้าว่าอันใดนะ”

เรียกว่าอะไรนะ แล้วจะรู้ไหมเนี่ย ตอนนี้ตัวเองเป็นใครยังไม่รู้เลย หลิวลี่เซียงคิดในใจ

“ท่านป้าเจ้าค่ะ ท่านดูเป็นผู้น่าเคารพนับถือเป็นที่สุด”

“ช่างเถอะ รีบไปกัน”

หลิวลี่เซียงหรือไป๋อิงเดินตามเมิ่งเจียไปตามทาง ทางขึ้นเขาลูกนี้มีต้นแปะก๊วยเรียงรายสองข้างทาง ใบสีเหลืองตัดกับลำต้นสีเข้มดูสวยงามน่าหลงใหล บันไดทางขึ้นเขาก่อเรียงเป็นขั้น ๆ อย่างเป็นระเบียบ เมื่อเดินมาถึงบนเขา เมิ่งเจียพาไป๋อิงไปไหว้สักการะรูปปั้นพระองค์ใหญ่ ก่อนจะพานางไปพบพระรูปหนึ่ง

“เมิ่งเจีย วันเกิดไป๋อิงปีนี้อายุครบสิบห้าแล้วหรือไม่” พระรูปนั้นถามนาง

“เจ้าค่ะ วันนี้เป็นวันเกิดนางข้าเลยพานางมาพบท่าน” เมิ่งเจียตอบแทนไป๋อิง หลังจากพูดคุยธุระกันเสร็จแล้วทั้งสองคนก็ขอตัวกลับ

อื้ม ข้าชื่อไป๋อิ๋ง วันนี้อายุสิบห้า ผู้หญิงคนนี้เมิ่งเจีย ต้นแปะก๊วยกับวัดแห่งนี้ดู คุ้นมาก แต่นึกไม่ออก หลิวลี่เซียงคิดในใจ

“แม่หนู แม่หนู” เสียงหญิงชราผู้หนึ่งเรียกใครบางคน

เมิ่งเจียหันไปทางเสียงเรียกของนาง

“ท่านยาย ไม่เจอกันนาน สบายดีหรือ” เมิ่งเจียถามไถ่

“แม่หนูคนนี้” นางกวักมือเรียก

“ไป๋อิ่ง ท่านยายเรียกเจ้า มาตรงนี้”

“เจ้าค่ะ” หลิวลี่เซียงลืมไปว่าตอนนี้เธอคือไป๋อิง

“แม่หนู เจ้าต้องช่วยพวกเขาให้ได้นะ เจ้าต้องช่วยทุกคนให้ได้” นางกุมมือไป๋อิงไว้ราวกับจะฝากความหวัง

แม้ไม่รู้ว่าท่านยายกำลังพูดเรื่องอะไร หลิวลี่เซียงก็พยักหน้า

เมิ่งเจียได้แต่ยืนมองด้วยความงุนงง จากนั้นทั้งคู่ก็ลงมาจากเขาแล้วกลับสำนักเยว่เทียน

ด้านหน้าสำนักมีสตรีนางหนึ่งกำลังรอพบเมิ่งเจีย

“แม่หมอ ๆ ท่านช่วยข้าด้วย” นางกล่าวสะอื้น

“ท่านใจเย็นลงหน่อยเถิด มา ๆ ไปคุยกันข้างในดีกว่า” เมิ่งเจียพานางเข้าสำนัก “ไป๋อิง เจ้ามานั่งข้าง ๆ ข้า”

แม้ไม่รู้ว่าต้องทำอะไรหลิวลี่เซียงก็เข้ามานั่งลงตรงข้าง ๆ เมิ่งเจียก่อนพยายามนึกเรื่องราวที่จะต้องเกิดขึ้นในฝัน

“แม่นาง คู่กันแล้วย่อมไม่แคล้วกัน คุณชายท่านนั้นดวงชะตาคู่ขนานกับท่าน สายน้ำไม่มีวันบรรจบ หากท่านยังตัดใจจากเขาไม่ได้ ท่านย่อมเจ็บปวดเพียงผู้เดียว”

“แต่ข้ารักเขามากเหลือเกิน มีทางใดหรือไม่แม่หมอ” นางอ้อนวอน

“หากท่านฝืนโชคชะตา สิ่งที่ท่านต้องสละ ท่านยอมได้หรือ ของสิ่งนั้น ข้าไม่รู้หรอกว่าท่านจะต้องเสียเมื่อใดเสียเท่าไร ท่านลองเก็บไปคิดดูก่อน” เมิ่งเจียกล่าวความจริงกับนาง

ไป๋อิง เมิ่งเจีย ต้นแปะก๊วย วัดบนเขา ท่านยาย แม่หมอ ช่วยให้ได้ คำทำนาย หลิวลี่เซียงทบทวนในใจอีกครั้งก่อนอุทานเสียงดังจนทำให้คนที่นั่งข้าง ๆ สองคนผวา

“ตายแน่ ๆ!”

“เป็นใครไม่เป็น ทำไมต้องมาเป็นคนนี้ ตาย ตายแน่ ๆ ทำอย่างไรก็ต้องตายแน่นอน” หลิวลี่เซียงพูดออกมา

แม่นางผู้นั้นได้แต่ตกใจกับสิ่งที่ไป๋อิงพูด ถึงขนาดคิดว่าดวงชะตาของนางต้องขาดสะบั้น หากนางยังดันทุรังฝืนโชคชะตาที่สวรรค์ลิขิต จึงรีบบอกแม่หมอว่าไม่ต้องทำอันใดอีกแล้ว นางจะตัดใจจากเขาให้ได้แล้วขอตัวกลับ

“ไป๋อิง เจ้าเห็นคำทายหรือ” เมิ่งเจียถามด้วยความสงสัย เมื่อเห็นไป๋อิงบ่นงึมงำก็ถามนางอีกครั้ง

“ไป๋อิง เจ้าได้ยินที่ข้าถามหรือไม่”

“เจ้าค่ะ เจ้าค่ะ เปล่าเจ้าค่ะ ข้าเพิ่งจะนึกเรื่องบางอย่างออก ข้าขอตัวก่อนนะเจ้าคะท่านป้า”

“เจ้า ๆ เฮ้อ” เมิ่งเจียรู้สึกได้ว่าไป๋อิงเปลี่ยนจากคนที่ไม่ค่อยพูด ท่าทางเนิบ ๆ จิตใจเงียบสงบกลายเป็นอีกคนไปแล้ว เข้าใจว่านางอาจจะเริ่มโตเป็นสาวจึงไม่ได้คิดอะไรมาก

หลิวลี่เซียง อย่าบอกนะว่าเข้ามาในฝันของไป๋อิงคนนั้นน่ะ โอ๊ย! ทำไมจะต้องมาเข้าฝันคนที่ต้องตายด้วยนะ ไม่ได้ ๆ ถึงจะเป็นในฝันถ้าโดนแบบนั้นก็เจ็บเหมือนกัน ความรู้สึกสมจริงสุด ๆ รอบนี้ข้าต้องไม่ตาย ไป๋อิงต้องรอด นางบอกกับตัวเองด้วยความมุ่งมั่น

ไป๋อิงเดินออกมาที่ตลาด แล้วถามทางไปจวนสกุลหวัง นางค่อย ๆ เดินไปตามทางพลางดูบรรยากาศรอบ ๆ ผู้คน ร้านค้า ที่แห่งนี้ดูต่างจากตอนที่อยู่ในฝันของหลี่เหลียนฮวาเล็กน้อย เมืองนี้เป็นเมืองเล็ก ๆ ที่อยู่ไกลจากเมืองหลวงพอสมควร เมื่อมาถึงด้านหน้าจวนที่ใหญ่โตโอ่อ่า ไป๋อิงเดินวนไปวนมาคล้ายกับกำลังลังเลใจก่อนเดินไปถามทหารยามหน้าประตู

“เอ่อ พี่ชายท่านนี้ ข้าขอพบคุณชายได้หรือไม่” ไป๋อิงถามเขา

“เจ้าเป็นผู้ใด”

“ข้า เอ่อ อยู่ที่สำนักเยว่เทียน” นางตอบเขาตามจริง

“ไป ๆ คุณชายไม่อยากยุ่งกับพวกเจ้า” เขาไล่นาง

“ใช่ ๆ ไม่ต้องมาโน้มน้าวคุณชายให้ไปตรวจดวงชะตากับเจ้าหรอก เขาไม่มีทางเชื่อเรื่องพวกนี้” ทหารยามอีกคนพูดเสริม

หวังจางเหว่ย อย่าให้ข้าเจอเจ้าข้างนอกนะ ไป๋อิงคิดในใจด้วยความฉุนเฉียวเมื่อนึกถึงเรื่องในความฝันที่เขาเป็นต้นเหตุให้นางต้องตาย

นางเดินกลับสำนักเพื่อคิดหาวิธีมาพบเขาวันหลัง เพื่อคลายความเครียดนางจึงแวะหาของกินที่ตลาด

“โอ๊ะ หอโคมแดงงั้นหรือ” ไป๋อิงมองไปที่ป้ายก่อนจะเห็นชายหนุ่มผู้หนึ่งเดินออกมาพร้อมสาว ๆ หลายคนรายล้อมก่อนจะหน้าแดงแล้วรีบเดินผ่านไป

“เถ้าแก่ เนื้อตุ๋นให้ข้าหนึ่งชาม” นางสั่งเจ้าของร้าน

ไป๋อิงกินอย่างเอร็ดอร่อย ก่อนจะหยิบเงินในถุงขึ้นมา

สิบอีแปะ แย่ละ ลืมไปว่าไม่ใช่หลี่เหลียนฮวา จะได้มีเงินถุงเงินถังมากมายขนาดนั้น แต่แบบนี้ก็น้อยเกินไปแล้ว ไป๋อิงคิดในใจ

“เอ่อ เถ้าแก่ ข้ามีเท่านี้ ที่เหลือเดี๋ยวข้าหามาให้ เจ้าก็รู้ว่าข้าอยู่ที่ใด ใช่หรือไม่” ไป๋อิงเอ่ย

“ข้ารู้ แต่เจ้าต้องจ่ายวันนี้” เถ้าแก่ตอบ

“นี่ ๆ เถ้าแก่ เดี๋ยวข้าจ่ายให้นางเอง” เสียงดังมาจากโต๊ะด้านใน

ไป๋อิงหันไปตามต้นเสียง คิดอยากจะขอบคุณเขาที่ให้ความช่วยเหลือนาง พอเขาเห็นนางหันไปหา เขาก็ยิ้มหวานกลับมา

คนที่อยู่หน้าหอโคมแดงเมื่อครู่นี่นา แต่ถึงอย่างไรก็คงต้องให้เขาช่วย แม่หมอเมิ่งเจียไม่มีเงินขนาดนั้นหรอก ทุกวันนี้ยังได้กินแต่ต้มน้ำแกงหัวผักกาดเลย เมื่อคิดถึงสภาพการเงินของสำนักเยว่เทียนแล้วนางถึงกับท้อ

“ขอบคุณคุณชาย ข้าขอตัว” ไป๋อิงกล่าวสั้น ๆ เพราะไม่อยากเกี่ยวข้องกับบุรุษเจ้าสำราญมากนักแล้วเดินจ้ำอ้าวออกจากร้าน

“เจ้า! เดี๋ยวก่อน” เขาพยายามเรียกนางก่อนรีบวิ่งตามมา

“เจ้า นี่ข้ากำลังเรียกเจ้าอยู่นะ หยุดก่อน!”

เมื่อเห็นแล้วว่านางทำเมินเขาก็วิ่งไปขวางนางไว้

“คุณชาย ท่านมีอันใดหรือเจ้าคะ” นางถามแม้ไม่อยากฟังคำตอบ

“เมื่อครู่ ข้าเพิ่งจ่ายค่าเนื้อตุ๋น เจ้าไม่แม้แต่บอกชื่อแซ่เลยหรือ ส่วนตัวข้า ลู่เฟยเทียน เจ้าเรียกข้าเทียนเกอก็ได้”

“อื้ม คุณชายลู่ ข้าขอบคุณท่านจริง ๆ แล้วข้าจะหาโอกาสตอบแทนเนื้อตุ๋นท่านคราวหน้า”

“เจ้ายังไม่บอกชื่อข้า หากวันหน้าเจ้าลืมข้า ข้าจะไปตามหาเจ้าได้ที่ใด” เขาคะยั้นคะยอ

“ไป๋อิง สำนักพยากรณ์เยว่เทียนเจ้าค่ะ” นางกัดฟันตอบ

“ไป๋อิง ชื่อเพราะนัก ยินดีที่ได้รู้จัก” เขายิ้มให้นางอีกครั้งก่อนยอมปล่อยให้นางเดินกลับสำนัก

ลู่เฟยเทียน ใครกัน ทำไมนึกไม่ออก

“ท่านป้า ข้ากลับมาแล้ว”

“ไป๋อิงเจ้ามานี่”

เมิ่งเจียจับหน้าไป๋อิง หันไปทางซ้ายทีขวาที แล้วจับหน้าผากนางว่าตัวร้อนหรือไม่

“ไป๋อิง วันนี้เจ้าดูแปลก ๆ ไม่สบายหรือไม่” นางถามด้วยความเป็นห่วงเพราะปกติไป๋อิงจะไม่ค่อยชอบออกไปที่ใด เก็บตัวอยู่แต่ในห้อง

“สบายดีเจ้าค่ะ ไม่เป็นอันใดเลย ท่านป้า” ไป๋อิงพยายามตอบให้ดูธรรมชาติมากที่สุด

“อื้ม เช่นนั้นเจ้าจะทำอันใดก็ไปเถอะ” เมิ่งเจียบอกนาง

ไป๋อิงกลับห้อง คืนนี้นางคิดทั้งคืนเพื่อวางแผนว่าจะทำอย่างไรให้ทุกคนเชื่อโดยเฉพาะคุณชายสกุลหวังผู้นั้น

-----------------------------------------------------------------------

เช้าวันต่อมา

“ท่านป้า ข้าออกไปธุระก่อนนะเจ้าคะ” ไป๋อิงตะโกนบอกเมิ่งเจียก่อนจะรีบเดินไปที่จวนสกุลหวัง

“เจ้า...” เมิ่งเจียยังไม่ทันได้พูดจบก็ไม่เห็นนางแล้ว ทั้งยังสงสัยว่าเช้าขนาดนี้นางจะรีบไปไหน เพราะปกติแล้วนางต้องทำข้าวเช้าแล้วมาช่วยเมิ่งเจียเตรียมของในสำนัก

เมื่อเดินมาถึงจวนสกุลหวัง ไป๋อิงแอบเดินไปด้านข้างก่อนจะปีนกำแพงดูลาดเลา นางหยิบหินก้อนหนึ่งขึ้นมา เอากระดาษที่นางเขียนข้อความเตือนไว้เมื่อคืนห่อไว้แล้วเขวี้ยงเข้าไปในจวน แต่บังเอิญหินก้อนใหญ่ดันปลิวไปโดนแจกันลายครามของคุณชายหวังดังเพล้ง จากนั้นความวุ่นวายในจวนก็เริ่มขึ้น ไป๋อิงเห็นหวังจางเหว่ยโมโหหน้าแดงที่มีคนทำของประจำตระกูลแตก เขารีบสั่งให้ทหารหาตัวคนทำ โดยไม่สนใจกระดาษที่นางตั้งใจเขียนเตือนเขา แล้วตัวนางจะรอช้าอยู่ใย รีบกระโดดลงมาข้างล่างก่อนเผ่นแนบไปอีกทาง

แน่นอนว่าเมื่อวาน นางเดินสำรวจถนนหนทางในเมืองนี้เรียบร้อยเพื่อหาทางหนีไว้หลาย ๆ ทาง วันนี้นางจึงจะเดินสำรวจอีกรอบจะได้จำขึ้นใจแล้วค่อยวางแผนใหม่

ไป๋อิงวิ่งไปจนสุดถนนก่อนเลี้ยวเข้าซอยทางด้านขวา เอาตะกร้าใบใหญ่คลุมหัวไว้เพื่อหลบทหารยาม

ชีวิต! ช่างรันทด นางบ่นในใจ

เสียงฝีเท้าคู่หนึ่งเดินมาใกล้ ๆ ตรงที่นางซ่อนตัวอยู่ คนผู้นั้นค่อย ๆ นั่งลงข้าง ๆ ก่อนจะหยิบซาลาเปาออกมากิน กลิ่นหอมโชยเข้าจมูกของไป๋อิงในทันใด จนทำให้ท้องร้องเสียงดัง แต่นางยังคงอดทนนั่งนิ่ง ๆ เพราะกลัวว่าคนผู้นี้จะรู้ ไฉนเลยจะรู้ว่าตนเองถูกแกล้งเสียแล้ว

คนผู้นั้นหยิบตะกร้าที่นางครอบไว้ออกแล้วพูดว่า

“ไม่ยักรู้ว่าตรงนี้มีคน เจ้าเองหรอกหรือไป๋อิง” เขาพูดก่อนยักคิ้วข้างหนึ่งแล้วยิ้มให้นาง

“เจ้าไปในซอยตรงโน้น ส่วนเจ้าแยกไปทางนั้นกับข้า” เสียงทหารยามดังขึ้น

“เจ้าเอาตะกร้าลงมา อย่าบอกใครว่าข้าอยู่นี่” ไป๋อิงขอร้องเขา

ลู่เฟยเทียนเลิกคิ้วทำหน้าครุ่นคิด

เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้าของทหารยามเดินมาใกล้ขึ้น เขาก็รีบทิ้งตะกร้าครอบตัวไป๋อิงไว้แล้วทำตัวตามปกติ มาดคุณชายของเขาทำให้ทหารยามยามไม่สงสัยเดินผ่านไป

โอ๊ยเจ็บ ทิ้งตะกร้าแรงขนาดนี้ จะช่วยข้าหรือแกล้งข้ากันแน่

“ปลอดภัยแล้ว” เขาบอกนางก่อนยกตะกร้าขึ้น

“ขอบคุณคุณชาย” นางกล่าวก่อนรีบเดินเข้าตลาดเพื่อหาของกิน ไป๋อิงรีบออกจากสำนักตั้งแต่เช้าจนบัดนี้ผ่านมาสองชั่วยามแล้ว อาหารยังไม่ตกถึงท้องสักนิดเดียว

นางเดินไปที่ร้านซาลาเปาเพื่อซื้อสองลูกก่อนจะดูเงินของตนเองในกระเป๋า

โธ่เอ๋ย เงินไม่พอ

ไป๋อิงจึงได้แต่ยืนมองจนเสียงท้องร้องอีกรอบ

“เถ้าแก่ ซาลาเปาสองลูก” ลู่เฟยเทียนที่เดินตามมาบอกเถ้าแก่

“ข้าให้เจ้า สองลูก” เขายื่นซาลาเปาที่เพิ่งซื้อให้นาง

“คุณชายลู่ วันนี้ท่านน่ารักยิ่งนัก” เสียงหญิงสาวผู้หนึ่งเอ่ยขึ้น

“คุณชายลู่คืนนี้ท่านจะมาที่หอโคมแดงหรือไม่” หญิงสาวอีกคนหนึ่งถามเขา

ลู่เฟยเทียนยิ้มให้พวกนางก่อนบอกว่าส่ายหัวปฏิเสธ

ไป๋อิงสบโอกาสที่จะเดินเลี่ยงเขาตอนที่เขาพูดคุยกับหญิงสาวจากหอโคมแดง แต่เมื่อเขาเห็นนางรีบเดินไปอีกทาง เขาก็ปลีกตัวจากหญิงสาวทั้งสองคนแล้วเดินตามนางอย่างไม่ลดละ

คุณชายเจ้าสำราญผู้นี้ ทำไมต้องตามข้าขนาดนี้ เป็นโรคจิตหรืออย่างไร ไป๋อิงได้แต่คิดในใจจนเดินมาถึงหน้าสำนัก

“นี่ท่านตามข้ามาทำไม” นางถามเขาด้วยความสงสัย

“วันนี้ข้าช่วยเจ้าหนึ่งครั้งแถมซื้อของกินให้เจ้าอีก แต่เจ้ากลับพูดคุยกับข้าแค่ไม่กี่ประโยค” เขาตอบ

“เช่นนั้นคุณชายต้องการอันใดหรือเจ้าคะ ไหน ๆ ก็มาถึงสำนักข้าแล้ว ดูลายมือไหมเจ้าคะ” นางถามเขา

“สำนักเยว่เทียน น่าสนใจ”

“ท่านป้า คุณชายผู้นี้อยากดูลายมือเจ้าค่ะ” ไป๋อิงเดินไปหาเมิ่งเจียที่อยู่ด้านใน

“เชิญคุณชายเจ้าค่ะ แม่หมอเมิ่งเจียอยู่ด้านในแล้ว”

เขายิ้มให้นางก่อนจะเดินตามไป

เมิ่งเจียจับมือเขา มองเห็นลายมือที่ซับซ้อน แต่ก็สังเกตว่ามือของเขานั้นกลับไม่เหมือนมือของคุณชาย นางเห็นแผลเป็นเล็ก ๆ ที่มือของเขา

“คุณชายท่านนี้ หน้าที่การงานสูงส่ง แต่อันตรายอย่างยิ่ง ต้องระวังตัวให้มากนะเจ้าคะ คู่ครองอยู่ใกล้ ๆ อีกสามวัน ท่านจะพบนางที่ใต้ต้นแปะก๊วย

เขาหันมามองไป๋อิงแล้วยิ้มให้อย่างมีเลศนัย

Related chapters

  • ห้วงฝันใต้แสงจันทรา   บทที่ 2.2 ความอบอุ่นใจในยามเดียวดาย

    เช้าวันต่อมา“ท่านป้า ดูลายมือให้ข้าได้หรือไม่เจ้าคะ ข้าจะทำงานวันนี้สำเร็จลุล่วงไหมเจ้าคะ” ไป๋อิงถามเมิ่งเจีย“ไป๋อิง นี่เจ้าเห็นข้าเป็นใคร ดวงชะตาก็ดูได้แค่คร่าว ๆ เหตุใหญ่ ๆ เท่านั้น แต่ว่าแบมือดี ๆ ข้าขอดูตรงนี้ให้ชัด ๆ” เมิ่งเจียเพ่งดูลายมือของไป๋อิงอยู่นานจนในที่สุดนางอุทานตกใจ“ไป๋อิง ชะตาของเจ้าน่ากลัวยิ่งนักแต่ไม่ต้องกังวลเจ้าจะต้องผ่านไปได้”“ท่านไม่ต้องบอกก็รู้ได้ ถึงฆาตเลยไม่ใช่หรือเจ้าคะ” ไป๋อิงพูดกับนางด้วยเสียงปลงพลางถอนหายใจ“เจ้าพูดอัปมงคล หรือว่าเจ้ารู้อยู่แล้ว”“เจ้าค่ะ ท่านป้าช่วยข้าได้หรือไม่” นางเล่าเรื่องที่จะเกิดขึ้นทั้งหมดให้เมิ่งเจียฟัง เพราะเห็นว่ายังมีชาวบ้านที่เชื่อคำทำนายของเมิ่งเจียอยู่บ้าง ส่วนคนที่ไม่เชื่อนั้นเมื่อเกิดเหตุการณ์จวนตัวก็จะเชื่อเอง ปัญหาเดียวของนางคือหวังจางเหว่ย แม้แต่เมิ่งเจียก็ช่วยไม่ได้“เจ้าไม่ต้องห่วง ข้าจะช่วยเจ้าเอง มาเตรียมของช่วยข้า ข้าจะทำพิธีสะเดาะเคราะห์ให้เจ้า ผ่อนหนักเป็นเบา”“ข

    Last Updated : 2024-11-28
  • ห้วงฝันใต้แสงจันทรา   บทที่ 2.3 เหตุการณ์ซ้ำรอย

    ไป๋อิงหลับตากรีดร้องสุดเสียงที่เห็นภาพของหวังจางเหว่ยสิ้นชีวิตลงต่อหน้า แต่เมื่อเวลาผ่านไปสักพัก นางได้ยินเสียงจอแจของผู้คนจึงลืมตาขึ้นทำไมสว่างจัง นี่ข้าตายแล้วหรือ แต่ทำไมมีคนอื่นเดินไปเดินมาเต็มไปหมด ไป๋อิงคิดในใจก่อนเดินดูรอบ ๆหอโคมแดง นั่นหวังจางเหว่ยนี่ เขาขึ้นสวรรค์มาพร้อมข้าหรือ ไม่ใช่สิ ภาพนี้เหมือนเคยเกิดขึ้นมาก่อน ไป๋อิงไม่แน่ใจว่าเกิดอะไรขึ้น นางจึงแอบปีนต้นแปะก๊วยก่อนกระโดดข้ามกำแพงหอโคมแดง“เจ้ามาทำอันใดที่นี่” เสียงอันคุ้นเคยกระซิบข้างหูนางคงไม่ใช่หรอก ไป๋อิงหันไปตามเสียงที่ดังขึ้น“ลู่เฟยเทียน ทำไมท่านอยู่ตรงนี้” นางถามเขาด้วยความงุนงง“ข้าอยู่ที่นี่ตั้งนานแล้ว เห็นเจ้าตั้งแต่ตอนที่ปีนต้นแปะก๊วยแล้วกระโดดข้ามกำแพงมา ถ้าไม่รู้ว่าเป็นเจ้าคงนึกว่าเป็นโจรขโมยที่ไหนเสียแล้ว” เขาตอบอย่างอารมณ์ดี“ลู่เฟยเทียน วันนี้วันอะไรหรือ” ไป๋อิงถามเขา เมื่อได้คำตอบนางถึงกับตกใจย้อนเวลากลับมางั้นหรือ ได้อย่างไร ในหัวนางมีแต่ความมึนงงเต็มไปหมด

    Last Updated : 2024-11-29
  • ห้วงฝันใต้แสงจันทรา   บทที่ 2.4 ปกป้องคนสำคัญ

    ไป๋อิงที่เห็นภาพอันน่าสยดสยองหลับตาปี๋ก่อนจะลืมตาขึ้นมาอีกครั้งเมื่อได้ยินเสียงของลู่เฟยเทียน“ไป๋อิง เจ้าไม่เป็นอันใดใช่หรือไม่” เขาถามนางด้วยความเป็นห่วงนางกอดลู่เฟยเทียนอยู่เนิ่นนานราวกับต้องการคนปลอบใจ ภาพที่นางเห็นนั้นช่างน่ากลัวเกินบรรยาย เขาจึงโอบกอดนางและค่อย ๆ ลูบหัวนางให้ใจเย็นลง“ลู่เฟยเทียน” นางเรียกชื่อเขาน้ำตานองหน้าลู่เฟยเทียนไม่อยากให้นางต้องคิดมากจึงพูดแกล้งนาง“ครั้งนี้เจ้าไม่ต้องปีนต้นแปะก๊วยหรอก เดี๋ยวข้าพาเจ้าเดินเข้าข้างหน้า”“อื้อ” ไป๋อิงเดินตามเขามาโดยไม่สงสัยว่าเขารู้ว่านางมาที่นี่ทำไมเพราะสติของนางยังคงกลับมาไม่ครบถ้วนไป๋อิงที่กำลังเหม่อลอยและเศร้าสร้อยนั่งฟังลู่เฟยเทียนพูดคุยหารือกับหรงหรงอย่างเงียบ ๆ หลังจากหรงหรงออกจากห้องไปเขาจึงถามไป๋อิง“ไป๋อิง เจ้าเป็นอันใดถึงได้เงียบงันเช่นนี้”“ข้า... เพิ่งจะพบเจอเรื่องที่น่ากลัวมา” นางมองหน้าเขา“เจ้าเล่าให้ข้าฟังได้หรือไม่” ลู่เฟยเทียนตั้งใจฟังเรื่องที่นางเล่

    Last Updated : 2024-11-30
  • ห้วงฝันใต้แสงจันทรา   บทที่ 3.0 เที่ยวนอกเมืองวันหยุด

    เช้าวันต่อมาเมื่อหลิวลี่เซียงลืมตาตื่นขึ้นมา เธอถึงกับตกใจที่เห็นไป๋เยว่ซินกำลังนั่งจ้องเธออยู่“อาเซียง ฝันดีเหรอ ยิ้มไม่หุบเลยนะ”“อ่อ อ้อใช่ ฝันดีมาก”หลิวลี่เซียงรีบตอบก่อนจะเดินเข้าห้องน้ำไม่ยอมเล่าให้ไป๋เยว่ซินฟัง วันนี้เธออารมณ์ดีเป็นพิเศษจึงไปเรียนด้วยหน้าตายิ้มแย้มแจ่มใส และนัดไป๋เยว่ซินมาทานข้าวเที่ยงที่โรงอาหารเช่นเคย“อาเซียง เมื่อคืนฝันดีขนาดนั้นเลยเหรอ” ไป๋เยว่ซินแกล้งถามเผื่อเธอจะเล่าให้ฟังบ้าง“อื้อ แต่ไม่เล่าดีกว่า” เธอยิ้มแกล้งเพื่อนสาวแต่สุดท้ายแล้วหลิวลี่เซียงก็ต้องเล่าเรื่องความในให้ไป๋เยว่เซินฟังเพราะทนแรงคะยั้นคะยอของเธอไม่ไหว“ไป๋เยว่ซิน”เธอมองไปทางเสียงนั้นที่กำลังถือจานข้าวยืนรอคำตอบ“ซือมู่เฉิน”“ฉันขอนั่งด้วย มีเรื่องต้องพูดกับเธอพอดี” เขาตอบ“มีอะไรก็รีบบอกมา” ไป๋เยว่ซินเร่งเพราะไม่อยากโดนจับจ้องจากทุกคนเรื่องราวการหมั้นหมายระหว่างไป๋เยว่ซินและซือมู่เฉินนั้นถือเป็นความลับ ทุกคนรู้เพียงว่าทั้งสองครอบครัวต่างสนิทสนมกันเพราะเรื่องธุรกิจ และซือมู่เฉินคิดกับไป๋เยว่ซินเพียงแค่น้องสาว อีกทั้งมีเขามักจะมีข่าวลือเรื่องเจ้าชู้พอสมควรหลังจากนั่งลงแล้วเขาหันไปทาง

    Last Updated : 2024-12-01
  • ห้วงฝันใต้แสงจันทรา   บทที่ 3.1 ฮูหยินผู้อาภัพ

    “ฮูหยิน ถึงเวลาต้องไปร่วมงานแล้วเจ้าค่ะ” สาวรับใช้เอ่ยเรียกเจ้านายของตน“ฮูหยิน”“อื้ม รอข้าก่อน” เสียงหนึ่งดังมาจากเตียงนอนรอข้าก่อนงั้นหรือ ทำไมถึงพูดแปลก ๆ ไปได้นะ หลิวลี่เซียง เธอพูดในใจเมื่อได้ยินคนเรียกเช่นนั้น อาจจะเพราะช่วงนี้ฝันว่าอยู่ในยุคโบราณมากไปหน่อยหลิวลี่เซียงลืมตาตื่นขึ้นมาพบกับสภาพแวดล้อมที่ไม่คุ้นชินก็เริ่มเข้าใจได้ว่าเธอกำลังฝันอยู่จึงหลับตานอนต่อ“ฮูหยิน พิธีมงคลจะเริ่มแล้วเจ้าค่ะ” สาวรับใช้ที่รออยู่ด้านนอกไม่ไหวเปิดประตูเข้ามาในห้อง ก่อนพบว่าเจ้านายของนางยังคงนอนอยู่บนเตียง“ฮูหยิน ท่านประมุขมีคำสั่งให้ฮูหยินไปร่วมงานเจ้าค่ะ”โอ๊ย ปลุกทำไมนักหนา หรือว่า หลิวลี่เซียงสะดุ้งตื่นขึ้นมาก่อนหยิกแก้มตัวเองไปหนึ่งที“โอ๊ย เจ็บ” เธอร้องเบา ๆ พลางลูบหน้าตัวเองก่อนมองเห็นหญิงสาวที่อยู่ข้างหน้ากำลังน้ำตาคลอเบ้า“ฮูหยิน ท่านอย่าทำร้ายตัวเองเลยนะเจ้าคะ”เฮ้อ คราวนี้เข้าฝันมาเป็นใครอีกนะหลิวลี่เซียง

    Last Updated : 2024-12-02
  • ห้วงฝันใต้แสงจันทรา   บทที่ 3.2 ท่านประมุขเปลี่ยนไป

    เช้าวันต่อมาหลังจากที่ดูแลงานบ้านและฮูหยินผู้เฒ่าเรียบร้อยแล้ว ฮูหยินเว่ยก็หยิบหนังสือนิยายมาหนึ่งเล่ม“เพ่ยเพ่ย วันนี้เจ้าไปช่วยงานห้องครัวแล้วกัน” ฮูหยินเว่ยบอกสาวรับใช้ของตน“เจ้าค่ะ”ฮูหยินเว่ยปีนขึ้นไปบนต้นดอกท้อแล้วหามุมเหมาะ ๆ นอนพิงก่อนกางหนังสืออ่าน นางเลือกอ่านหนังสือที่นี่เผื่อว่าประมุขจะแวะมาดูนางตามที่บอก หากไม่เจอนางอาจจะโมโหแล้วสั่งลงโทษนางจริง ๆขณะกำลังอ่านนิยายด้วยความสนุก นางได้ยินเสียงเย้าหยอกของสามีภรรยาคู่หนึ่งแว่วมา แม้จะไม่เห็นหน้าของทั้งคู่นางก็รู้ว่าเป็นผู้ใด จึงไม่ได้สนใจแล้วอ่านนิยายต่อ“ท่านพี่ เป็นอันใดหรือเจ้าคะ” ถิงถิงถามเขา“ฮูหยิน นางขัดคำสั่งข้า ไม่ยอมอยู่เรือน” เขาตอบด้วยความโมโห“ท่านควรจะมองให้ดีก่อนจะกล่าวหาผู้อื่น” ฮูหยินตอบกลับพลางอ่านนิยายไปด้วยประมุขเว่ยมองตามเสียงของนางไปทั่วทุกทิศ ไม่คาดคิดว่านางจะขึ้นมาอ่านหนังสือบนต้นไม้“ว้าย! ฮูหยิน” ถิงถิงแกล้งทำเสียงตกใจเมื่อมองเห็นนางก่อนจะชี้ให้ประมุขเว่ยด

    Last Updated : 2024-12-03
  • ห้วงฝันใต้แสงจันทรา   บทที่ 3.3 เขาคือคนผู้นั้น

    “ฮูหยิน เจ้าจะลงเขาไปเที่ยวตลาดในเมืองหรือ” ประมุขเว่ยถาม ฮูหยินพลางเก็บของเตรียมพร้อม“ใช่ อย่าบอกนะว่าเจ้าจะไปด้วย” ฮูหยินถามกลับ“ข้าต้องไปกับเจ้าอยู่แล้ว ข้าเป็นสามีเจ้า”“แต่ข้าไปกับเพ่ยเพ่ยสองคนเป็นปกติ”“มีข้าไปด้วยไม่อุ่นใจกว่าหรือ” เขารีบบอกอุ่นใจหรือ พูดมาได้ ถึงจะผ่านมาสองอาทิตย์แล้วแต่ข้าก็ยังไม่ไว้ใจเจ้าอยู่ดี ฮูหยินจึงตอบเขาไปว่า“ตามใจท่าน” นางเหนื่อยจะห้ามเขาแล้วเมื่อลงมาถึงตลาดฮูหยินก็เดินไปที่ร้านขายซาลาเปา ต่อด้วยร้านเนื้อตุ๋น ร้านหนังสือ สุดท้ายแวะเข้าร้านเหล้า“เถ้าแก่ เหล้าไผ่เขียวสองไห” ฮูหยินสั่งเถ้าแก่อย่างที่เคยสั่งประจำ“ฮูหยิน เดี๋ยวนี้เจ้าดื่มสุราด้วยหรือ” ประมุขเว่ยถามนางเพราะไม่เคยเห็นนางดื่มมาก่อน“ไม่ใช่ว่าจะได้มาที่นี่บ่อยเสียหน่อย อีกอย่างสุราร้านนี้รสชาติดี เดี๋ยวไปจากที่นี่ก็ไม่ได้ดื่มแล้ว” ฮูหยินยิ้มให้เขาแล้วนึกถึงวันที่ตื่นจากฝัน นางจะหาสุราชั้นดีขนาดนี้ได้ท

    Last Updated : 2024-12-04
  • ห้วงฝันใต้แสงจันทรา   บทที่ 3.4 หลีกหนีจากคนใจร้าย

    ค่ำคืนนั้นท้องฟ้ามืดมิด แสงจันทราและดวงดาราหลบซ่อนตัวอยู่หลังม่านเมฆครึ้มสีดำ บรรยากาศในป้อมเทียมฟ้าน่าสะพรึงกลัวอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เสียงร้องคร่ำครวญของชายผู้หนึ่งดังมากจากไกล ๆ“เพ่ยเพ่ย เจ้าได้ยินหรือไม่” ฮูหยินเรียกนางเข้ามาถาม“เจ้าค่ะ ข้างนอกกำลังวุ่นวาย ว่ากันว่าเป็นเสียงของท่านประมุข” นางตอบพลางหันซ้ายหันขวา“เว่ยซีฮัน เขาเป็นอันใด” ฮูหยินไม่รอช้ารีบสวมชุดคลุมแล้ววิ่งไปที่เรือนของถิงถิงแม้ว่าเว่ยซีฮันคนที่เมื่อตอนกลางวันจะใจร้ายกับนาง แต่พอคิดว่าเขาคือเหรินฮ่าวหราน นางก็อดเป็นห่วงไม่ได้“ท่านแม่ เว่ยซีฮันเป็นอันใดหรือ” นางถามฮูหยินผู้เฒ่า“ข้าไม่รู้ เขาร้องเจ็บปวด ข้าใจคอไม่ดี”“ท่านหมอออกไปต่างเมืองขอรับ” ทหารมือขวาของประมุขเว่ยบอกฮูหยินผู้เฒ่าฮูหยินเว่ยเดินเข้าไปข้างในเรือน นางเห็นประมุขเว่ยกำลังนอนดิ้นอยู่บนเตียงด้วยความเจ็บปวด ข้าง ๆ กันนางเห็นถิงถิงเดินวนไปวนมาไม่รู้จะทำเช่นไรฮูหยินเว่ยรวบรวมความกล้าเดินเข้าไปหาเขาแต่เพื่อความไม

    Last Updated : 2024-12-05

Latest chapter

  • ห้วงฝันใต้แสงจันทรา   บทที่ 7.3 มิตรภาพผองเพื่อน

    เหรินฮ่าวหรานไม่รอช้าหยิบมีดขึ้นมากรีดลงที่ตรงหน้าอก พลันเลือดสีแดงฉานไหลริน เขารีบนำภาชนะรองมาให้หลิวลี่เซียงดื่มจนกว่านางจะดีขึ้น“พอแล้ว” ซือมู่เฉินห้ามปราม“แต่นาง...” เหรินฮ่าวหรานมองหลิวลี่เซียงด้วยสีหน้ากังวล“วันนี้พอเท่านี้ อีกครู่หนึ่งนางจะหาย”หลิวลี่เซียงมีท่าทีสงบลง สีตาของนางกลับมาเป็นเช่นเดิม สติที่หายไปเริ่มกลับมาจนแก้มของนางสีแดงระเรื่ออีกครั้ง นางรีบหันหลังหลบสายตาของเหรินฮ่าวหราน“เป็นอันว่า นางหายดีแล้ว ไม่ต้องกังวลแล้วล่ะเสี่ยวหราน เจ้าตามข้ามา เรามีเรื่องต้องคุยกัน” ซือมู่เฉินบอกเขาแล้วเดินออกจากห้องไปรอข้างนอก“เถอะน่า รีบตามไปเร็วเข้า เดี๋ยวข้าอยู่กับนางเอง” ไป๋เยว่ซินเห็นท่าทีของเขาก็รีบบอกให้คลายกังวล เหรินฮ่าวหรานพยักหน้าแล้วตามออกไป“ซินซิน เมื่อครู่ข้าทำอันใดไปบ้าง” หลิวลี่เซียงหามาถามไป๋เยว่ซิน“อาเซียง ไม่นึกเลยว่าเจ้าจะมีท่าทางเช่นนี้ แต่เจ้าไม่ต้องคิดอันใดมากหรอก เจ้าเพิ่งจะโดนมนตร์ปีศาจจิ้งจอกมา”“ถ

  • ห้วงฝันใต้แสงจันทรา   บทที่ 7.2 มนตร์ปีศาจจิ้งจอก

    เหรินฮ่าวหรานลงจากล่างเขาดินแดนเทพมาอยู่ในดินแดนมนุษย์ได้สามสี่วัน เขาใช้เวลาว่างคิดทบทวนเรื่องของตนเองกับหลิวลี่เซียง ระยะเวลาสองพันปีที่เขารอคอยนางมา หากคำตอบไม่เป็นอย่างที่ใจหวัง เขาจะทำเช่นไรทว่าเรื่องหัวใจของตนเองนั้น ไม่จำเป็นต้องใช้เวลาคิดให้นานนัก ใช่ว่าเรื่องแบบนี้จะเคยเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกเสียหน่อย ความฝันที่ผ่านมาแต่ละครั้งก็เปรียบเสมือนชาติภพที่เขาและนางต้องเผชิญร่วมกันในฐานะที่แตกต่างกันไป เหรินฮ่าวหรานตัดสินใจได้แล้วว่า ไม่ว่าคำตอบเป็นเช่นไร เขาจะยังคงรอนางอย่างที่เคยรอเสมอมา ความรักของเขาจะมอบให้นางแต่เพียงผู้เดียว เมื่อคิดได้เช่นนั้นแล้ว เหรินฮ่าวหรานเริ่มยิ้มออก ใจที่เคยสับสนค่อยผ่อนคลายลงเหรินฮ่าวหรานเก็บของเตรียมจะออกจากโรงเตี๊ยม จู่ ๆ เขาก็เห็นผีเสื้อสีขาวบินมาจากทางหน้าต่างห้องผีเสื้อนำทาง ผู้ใดกำลังตามหาข้าอยู่หรือ เหรินฮ่าวหรานเอื้อมมือแตะที่ผีเสื้อตัวนั้นก่อนจะออกมายืนริมหน้าต่าง สายตาของเขาทอดมองไปยังเบื้องล่าง พลันได้พบเจอคนผู้หนึ่งยืนส่งยิ้มมาให้ก็ใจเต้นรัวหลิวลี่เซียง เขาไม่รอช้ากระโดดลงมาจากชั้นสองของโรงเต

  • ห้วงฝันใต้แสงจันทรา   บทที่ 7.1 การรอคอยที่เนิ่นนาน

    ท้องฟ้าสีครามแต้มด้วยปุยเมฆขาว ๆ ในวันนี้ก็ยังคงเป็นดั่งเช่นทุกวันที่ผ่านมา ฝูงปักษาสวรรค์ที่นานครั้งจะปรากฏตัวอวดโฉมต่างพากันโผบินไปยังตำหนักเทพเบื้องบนราวกับมีงานชุมนุมรื่นเริง ด้านล่างทางขึ้นเขาดินแดนเทพมีหอเซียนต่าง ๆ มากมายสำหรับเซียนที่คอยทำหน้าที่เป็นสื่อกลางระหว่างเทพ มนุษย์ และเผ่าอื่น ๆ ในใต้หล้าริมทะเลสาบด้านหลัง มีเซียนหนุ่มผู้หนึ่งที่มีหน้าที่รับคำวิงวอนจากมนุษย์ส่งให้เหล่าเทพได้ปลีกตัวจากความวุ่นวายในหอเซียนไปนั่งชื่นชมธรรมชาติที่เงียบสงบอย่างเช่นเคยหลิวลี่เซียง เจ้าอยู่ที่ใดกัน เซียนหนุ่มผู้นี้ถอนหายใจพลางมองไปยังเป็ดยวนยางคู่หนึ่งเป็ดยวนยางยังมีคู่แล้วเจ้าอยู่แห่งหนใด ความฝันนี้ช่างยาวนานเหลือเกิน แต่ไม่มีเจ้าราวกับชีวิตมีบางสิ่งขาดหายไปความรำพึงรำพันของเขาเช่นนี้คงจะไม่เกิดขึ้นหากได้พบนางในฝัน แต่ความฝันครั้งนี้ได้เริ่มขึ้นเมื่อสองพันปีก่อน ครั้นเมื่อรู้ว่าตัวเองได้เกิดเป็นเซียนก็คอยแต่จะตามหานางทุก ๆ วัน ไม่ว่าจะดินแดนเซียน ดินแดนมนุษย์ เผ่าอื่น ๆ ล้วนแล้วแต่เคยไปมาทั้งหมด หากแต่ไม่มีวี่แววจะได้พบกับนาง เหลือเพียงแต

  • ห้วงฝันใต้แสงจันทรา   บทที่ 6.4 ห่วงหาอาวรณ์

    “เทียนเทียน” ถานลี่อิงร้องไห้เรียกเขา จิตใจของนางเริ่มสั่นไหวทีเล็กทีละน้อย ทำให้ผนึกที่อยู่ในตัวนางเกิดรอยร้าวใหญ่ขึ้น“ช้าก่อน” เสียงของต้วนจื่อเยี่ยนดังขึ้นพร้อมกับคนในพรรคฝนโลหิตราวห้าสิบคน“เพิ่งจะโผล่มาตอนนี้ เจ้านี่มันจอมฉวยโอกาส” หวังเหว่ยตวาดเขา“หุบปาก เจ้าพวกโง่” ต้วนจื่อเยี่ยนตอกกลับ แล้วถามเหออี้เทียน“หลี่หงจวิ้นเล่า เจ้าฆ่าเขาหรือยัง”“...” เหออี้เทียนไม่ตอบอันใด เรี่ยวแรงของเขาเริ่มจะหมด ทั้งยังเจ็บปวดบาดแผลไปทั่วร่าง“ยังไม่ฆ่ามันสินะ” ต้วนจื่อเยี่ยนเห็นท่าทีของเหออี้เทียนก็พอเดาได้ เมื่อรู้ข่าวจากคนในพรรคว่าหาตัวหลี่หงจวิ้นไม่เจอ เขาก็รีบมาที่นี่ทันที“...” เหออี้เทียนยังคงนิ่งเงียบ“หรือว่าเจ้าโดนเสน่ห์มารของมันแล้ว เฮอะ เจ้าหลี่หงจวิ้นคิดจะเก็บของดีไว้กินผู้เดียว” หวังเหว่ยพูดออกมา“แล้วเจ้านั่นหายไปที่ใด ทำไมไม่มาชิงเหยื่อของตนกลับไป” พรรคหมอกทมิฬสงสัยมองไปรอบ ๆ ตัว“หม

  • ห้วงฝันใต้แสงจันทรา   บทที่ 6.3 อยู่เคียงข้างกัน

    เมื่อเหออี้เทียนเห็นเขาเป็นเช่นนั้น ยังคงไม่นึกสงสัยในตอนแรกจึงถามเขาด้วยความเป็นห่วง“หลี่หงจวิ้น เจ้าเป็นอันใด”คำตอบของเขามีเพียงรอยยิ้มหิวกระหายวิญญาณของเหออี้เทียน“เทียนเทียน เกิดอันใดขึ้น” ถานลี่อิงวิ่งมาหลบอยู่ข้างหลังเขา“ลี่อิง เจ้าถอยไปก่อน” เขาบอกนางก่อนจะหันมาพูดกับหลี่หงจวิ้น“หลี่หงจวิ้น มองหน้าข้า เจ้าต้องตั้งสติ เข้าใจหรือไม่” เหออี้เทียนพูดกับเขาเมื่อนึกเรื่องหนึ่งออกเหออี้เทียนเคยศึกษาในตำรามาก่อน อาการเช่นนี้คืออาการของคนในพรรคมารยามที่พลังมารควบคุมร่างกายและจิตใจ ไม่ทันที่เขาจะได้พูดอะไรต่อ หลี่หงจวิ้นเดินเข้ามาใกล้เขาก่อนจะเอื้อมมือมาลูบใบหน้าของเหออี้เทียน แววตาของเขาหิวกระหาย ปากขยับท่องวิชามารพลันดอกพลับพลึงแดงเริ่มผุดขึ้นมารอบบริเวณ เตรียมพร้อมที่จะเสพวิญญาณของคนที่อยู่ตรงหน้า“หลี่หงจวิ้น หยุดได้แล้ว” เหออี้เทียนจ้องตาเขาตอบอย่างไม่เกรงกลัว เมื่อเห็นว่าหลี่หงจวิ้นไม่มีท่าทีจะฟังเขา จึงวาดฝ่ามือผลักเขาออกไปหนึ่งชุ่นแล้วใช้วิชาสายหนึ่งพยายามทำให้จิตใ

  • ห้วงฝันใต้แสงจันทรา   บทที่ 6.2 อดีตที่หลอกหลอน

    หลี่หงจวิ้นเข้ามาสวมกอดเหออี้เทียนโดยไม่สนใจสายตาของคนรอบข้าง“ข้าขอโทษที่ปกป้องเจ้าไม่ได้ ข้าขอโทษจริง ๆ” หลี่หงจวิ้นพูดกับเขา น้ำตาลูกผู้ชายรินไหล หากคนจากพรรคมารมาเห็นคงต้องบอกว่าเป็นน้ำตาแห่งคำลวงเป็นแน่ ไม่มีทางที่หลี่หงจวิ้นจะร้องไห้ให้กับผู้ใด มีแต่ผู้อื่นที่เสียน้ำตาให้เขา“คุณชายท่านนี้ ปล่อยข้าก่อนได้หรือไม่” เหออี้เทียนพยายามบอกเขาให้ปล่อยตัวเอง ในใจคิดว่าบุรุษสองคนยืนกอดกันแนบแน่น แถมอีกคนยังร้องไห้อาวรณ์เป็นภาพที่ค่อนข้างดูแปลกตาอยู่บ้าง“คุณชาย ปล่อยข้าก่อนเถิด ข้าไม่เป็นอันใดแล้ว” เหออี้เทียนบอกเขาอีกครั้งเพราะคนผู้นี้กลับกอดเขาแน่นขึ้นอีก“เหออี้เทียน เขาคือผู้ใดหรือ” ถานลี่อิงถามเขาด้วยความสงสัย แต่เหออี้เทียนกลับส่ายหัวแทนคำตอบ นางจึงพยายามช่วยแกะมือที่โอบเพื่อนของนางอยู่“คุณชาย ท่านปล่อยเพื่อนของข้าได้หรือไม่” น่าสงสัยว่าหลี่หงจวิ้นรู้สึกกำลังถูกขัดขวางอยู่ เขาปรายตามองถานลี่อิงด้วยสายตาพิฆาต จนนางผงะถอยหลังสามก้าว“ลี่อิง ทำไมหรือ เจ้ามาช่วยข้าก่อน”

  • ห้วงฝันใต้แสงจันทรา   บทที่ 6.1 หัวใจที่ยังคงเจ็บปวด

    ถานลี่อิง หญิงสาวอายุย่างยี่สิบลี้ภัยสงครามจากแคว้นฉินมายังเมืองต้าซิงเพียงลำพัง หวังจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เงียบสงบในเมืองแห่งนี้ หลังจากเดินทางรอนแรมกลางทะเลทรายมาเกือบหนึ่งเดือน ในที่สุดก็มาถึงหมู่บ้านซึ่งอยู่ห่างจากเมืองหลวงต้าซิงไม่มากนัก เรี่ยวแรงของนางแทบจะไม่มีเหลือแล้ว และนางรู้ตัวว่าร่างกายอันอ่อนแอใกล้จะทนไม่ไหวจึงเดินเข้าไปขอความช่วยเหลือผู้คนในหมู่บ้าน“พี่สาว ท่านเจ็บป่วยที่ใดหรือ” เด็กน้อยคนหนึ่งถามเมื่อเห็นสภาพอิดโรยของนาง“น้ำ ขอน้ำได้หรือไม่”“ท่านรอตรงนี้สักครู่” เด็กน้อยรีบวิ่งไปตักน้ำมาให้นางเมื่อได้ดื่มน้ำดับกระหาย นางขอบคุณเด็กคนนี้ที่ช่วยเหลือ พอได้มองไปรอบหมู่บ้าน กลับเห็นแค่เพียงเด็ก และคนชราไม่กี่คนจึงรู้สึกสงสัย“เจ้าชื่ออะไรหรือ”“เสี่ยวเฟย”“ครอบครัวของเจ้าล่ะ”“ท่านพ่อกับท่านแม่เข้าไปในเมืองหลวงได้สามวันแล้ว ยังไม่กลับมา” เขาตอบพลางมองไปยังทิศทางนั้นขณะที่ทั้ง

  • ห้วงฝันใต้แสงจันทรา   บทที่ 5.4 ความทรงจำที่เลือนลาง

    หลี่หานค่อย ๆ ถอนริมฝีปากออก แต่มือทั้งสองข้างยังคงจับอยู่ที่เดิม เขามองเห็นหน้าของเหยากุ้ยเฟยกำลังแดงและนางกำลังหลับตา“เหยากุ้ยเฟย” เขากระซิบข้างหูนาง“เจ้า! เคยทำแบบนี้กับผู้ใด”“ไม่เคย” หลี่หานตอบด้วยแววตาที่ใสซื่อ“หลี่หานการละครหรืออย่างไร”“อื้ม คนพวกนั้นไปแล้ว” เขาชี้ให้ดูว่าไม่มีผู้ใดคอยแอบตาม“ใครเขาจะอยู่ดูเล่า เจ้าปล่อยข้าได้หรือยัง” นางถามเขาเพราะมือทั้งสองข้างยังอยู่ที่เดิมจากนั้นพวกเขาทั้งสองคนก็เดินกลับตำหนักเย็นอย่างเงียบ ๆ ไม่คุยกันตลอดทาง ต่างฝ่ายต่างนึกถึงเรื่องที่ผ่านมาเมื่อครู่-------------------------------------------------------------------------เช้าวันต่อมาม้าเร็วจากเมืองชายแดนส่งสารเรื่องกองทัพของอ๋องชิงหมิงให้ฮ่องเต้ที่ท้องพระโรง“ถวายรายงานพ่ะย่ะค่ะ”สีหน้าของฮ่องเต้เต็มไปด้วยความกังวล ก่อนจะประกาศให้เหล่าเสนาบดีรับรู้ว่าในเวลานี้กองทัพของอ๋องชิงหมิงและอ๋องจิ้งเมืองชายแดนกำลังถูกล้อมโด

  • ห้วงฝันใต้แสงจันทรา   บทที่ 5.3 เริ่มใจอ่อนและหวั่นไหว

    หลี่หานคอยนั่งเฝ้าเหยากุ้ยเฟยอยู่ข้างเตียงตลอดทั้งคืน พยายามถามตัวเองซ้ำแล้วซ้ำเล่าว่านางเป็นคนเช่นไร หากแผนการครั้งนี้สามารถช่วยเหลือบิดา พี่ชายและตัวนางเองได้ ทำไมถึงไม่ทำ ทำไมถึงต้องทนรับความเจ็บปวดไว้กับตนเอง เรื่องของนางที่เขาพบเจอในก่อนหน้านี้ดูต่างจากตอนนี้ราวฟ้ากับเหวเหยากุ้ยเฟยลืมตาตื่นนอนตอนเช้าเหมือนคนปกติราวกับเมื่อคืนวานไม่ได้โดนยาพิษเดือนหนาวทำไมข้ายังไม่ตื่นจากฝัน ทำไมข้ายังอยู่ที่นี่ เหยากุ้ยเฟยตัดพ้อทันทีที่เห็นเพดานของตำหนักเย็น เมื่อหันมาทางด้านซ้าย ใบหน้าคุ้นเคยของคนผู้หนึ่งทำให้นางคิดว่า“หลี่หาน นี่ข้ากำลังฝันซ้อนฝันหรือย่างไร เหยากุ้ยเฟยเอื้อมลูบใบหน้าของเขา“ท่านทำอันใด” เขาสะดุ้งตื่นเพราะเพิ่งได้นอนเพียงหนึ่งก้านธูปเหยากุ้ยเฟยได้ยินเช่นนั้นจึงหยิกแก้มตัวเอง“โอ๊ย! ไม่ได้ฝันหรอกหรือ แต่เจ้าดูจะเหมือนจริงมากเกินไปแล้ว ไม่มีทางที่เจ้ามาอยู่ใกล้ข้าได้ถึงเพียงนี้หรอก” นางเอื้อมแตะที่แก้มเขาอีกครั้ง“เหยากุ้ยเฟย! ท่านไม่ได้ฝัน” หลี่หานบอกนาง“แล้วทำไ

DMCA.com Protection Status