Home / โรแมนติก / ห้วงฝันใต้แสงจันทรา / บทที่ 3.3 เขาคือคนผู้นั้น

Share

บทที่ 3.3 เขาคือคนผู้นั้น

last update Last Updated: 2024-12-04 10:00:01

“ฮูหยิน เจ้าจะลงเขาไปเที่ยวตลาดในเมืองหรือ” ประมุขเว่ยถาม ฮูหยินพลางเก็บของเตรียมพร้อม

“ใช่ อย่าบอกนะว่าเจ้าจะไปด้วย” ฮูหยินถามกลับ

“ข้าต้องไปกับเจ้าอยู่แล้ว ข้าเป็นสามีเจ้า”

“แต่ข้าไปกับเพ่ยเพ่ยสองคนเป็นปกติ”

“มีข้าไปด้วยไม่อุ่นใจกว่าหรือ” เขารีบบอก

อุ่นใจหรือ พูดมาได้ ถึงจะผ่านมาสองอาทิตย์แล้วแต่ข้าก็ยังไม่ไว้ใจเจ้าอยู่ดี ฮูหยินจึงตอบเขาไปว่า

“ตามใจท่าน” นางเหนื่อยจะห้ามเขาแล้ว

เมื่อลงมาถึงตลาดฮูหยินก็เดินไปที่ร้านขายซาลาเปา ต่อด้วยร้านเนื้อตุ๋น ร้านหนังสือ สุดท้ายแวะเข้าร้านเหล้า

“เถ้าแก่ เหล้าไผ่เขียวสองไห” ฮูหยินสั่งเถ้าแก่อย่างที่เคยสั่งประจำ

“ฮูหยิน เดี๋ยวนี้เจ้าดื่มสุราด้วยหรือ” ประมุขเว่ยถามนางเพราะไม่เคยเห็นนางดื่มมาก่อน

“ไม่ใช่ว่าจะได้มาที่นี่บ่อยเสียหน่อย อีกอย่างสุราร้านนี้รสชาติดี เดี๋ยวไปจากที่นี่ก็ไม่ได้ดื่มแล้ว” ฮูหยินยิ้มให้เขาแล้วนึกถึงวันที่ตื่นจากฝัน นางจะหาสุราชั้นดีขนาดนี้ได้ท

Locked Chapter
Continue to read this book on the APP

Related chapters

  • ห้วงฝันใต้แสงจันทรา   บทที่ 3.4 หลีกหนีจากคนใจร้าย

    ค่ำคืนนั้นท้องฟ้ามืดมิด แสงจันทราและดวงดาราหลบซ่อนตัวอยู่หลังม่านเมฆครึ้มสีดำ บรรยากาศในป้อมเทียมฟ้าน่าสะพรึงกลัวอย่างไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน เสียงร้องคร่ำครวญของชายผู้หนึ่งดังมากจากไกล ๆ“เพ่ยเพ่ย เจ้าได้ยินหรือไม่” ฮูหยินเรียกนางเข้ามาถาม“เจ้าค่ะ ข้างนอกกำลังวุ่นวาย ว่ากันว่าเป็นเสียงของท่านประมุข” นางตอบพลางหันซ้ายหันขวา“เว่ยซีฮัน เขาเป็นอันใด” ฮูหยินไม่รอช้ารีบสวมชุดคลุมแล้ววิ่งไปที่เรือนของถิงถิงแม้ว่าเว่ยซีฮันคนที่เมื่อตอนกลางวันจะใจร้ายกับนาง แต่พอคิดว่าเขาคือเหรินฮ่าวหราน นางก็อดเป็นห่วงไม่ได้“ท่านแม่ เว่ยซีฮันเป็นอันใดหรือ” นางถามฮูหยินผู้เฒ่า“ข้าไม่รู้ เขาร้องเจ็บปวด ข้าใจคอไม่ดี”“ท่านหมอออกไปต่างเมืองขอรับ” ทหารมือขวาของประมุขเว่ยบอกฮูหยินผู้เฒ่าฮูหยินเว่ยเดินเข้าไปข้างในเรือน นางเห็นประมุขเว่ยกำลังนอนดิ้นอยู่บนเตียงด้วยความเจ็บปวด ข้าง ๆ กันนางเห็นถิงถิงเดินวนไปวนมาไม่รู้จะทำเช่นไรฮูหยินเว่ยรวบรวมความกล้าเดินเข้าไปหาเขาแต่เพื่อความไม

    Last Updated : 2024-12-05
  • ห้วงฝันใต้แสงจันทรา   บทที่ 3.5 รู้สึกตัวในความฝัน

    แขกที่ได้รับเชิญจากตำหนักหลวง หอจันทร์ครามและป้อมเทียมฟ้ากำลังรวมตัวกันอยู่ที่ห้องโถงใหญ่ของปราสาทดาราโรย ประมุขเว่ยมักจะมาที่นี่พร้อมกับฮูหยินและอนุทั้งสองตามปกติเช่นทุกปี เพื่อจะหลีกเลี่ยงคำถามจากคนในวังหลวง ทว่าปีนี้ฮูหยินเว่ยไม่ได้มาร่วมงานด้วย เขาเตรียมคำตอบให้กับวังหลวงว่า ‘นางไม่สบาย ท่านหมอให้พักผ่อน’ แท้จริงแล้วตัวเขาเองต่างหากที่ไม่สบาย หากปฏิเสธไป ประมุขคนอื่น ๆ ต้องหาจุดอ่อนโจมตีป้อมเทียมฟ้า เขาจึงฝืนมางานนี้ทั้งที่รู้ว่าลูกน้องคนสนิทยังคงตามหาท่านหมอไม่เจอ“ประมุขเว่ย ท่านสบายดีหรือ” สวีซือประมุขหอจันทร์ครามเดินเข้ามาทักทายเขา รอยยิ้มเสแสร้งทำให้ประมุขเว่ยรู้สึกสะอิดสะเอียน“แน่นอน ท่านก็เห็นมิใช่หรือ”“ฮูหยินเว่ยเล่า นางไม่มาด้วยหรือ”“ท่านสนใจเรื่องภายในของป้อมเทียมฟ้าตั้งแต่เมื่อใด”“ข้าพบนางสองสามครั้ง พูดคุยถูกคอ นิสัยคล้ายกัน เห็นนางมักจะแวะซื้อของกิน ซื้อหนังสือมาอ่าน ยามนี้ดูมีความสุขมากนัก นางอยู่เรือนล่างเขานี้เอ

    Last Updated : 2024-12-06
  • ห้วงฝันใต้แสงจันทรา   บทที่ 4.0 ในที่สุดก็รู้ใจกัน

    หลิวลี่เซียงสะดุ้งตื่นจากความฝันเพราะได้ยินเว่ยซีฮันเรียกชื่อจริงของเธอ เมื่อหันไปมองรอบห้องก็พบว่ากลับเข้าสู่โลกของความจริงแล้ว“อาเซียง ฝันร้ายอีกแล้วเหรอ” ไป๋เยว่ซินถาม“เปล่า แค่ตกใจนิดหน่อย” เธอตอบกลับพลางคิดทบทวนสิ่งที่เกิดขึ้น“ซินซิน เมื่อกี้นี้ปลุกฉันเหรอ”“เปล่านะ วันนี้วันหยุด ตื่นสายได้นี่”“อื้ม ๆ”“ว่าแต่ ฝันเรื่องอะไรถึงได้ตกใจตื่น”“มานี่ เดี๋ยวเล่าให้ฟัง” หลิวลี่เซียงเล่าความฝันของฮูหยินเว่ยให้ฟัง แต่ไม่ได้เล่าเรื่องที่เธอรู้สึกว่าเหรินฮ่าวหรานก็อยู่ในฝันด้วยเช่นกัน“อาเซียง แปลกมาก เธอบอกว่าเริ่มฝันแบบนี้ตั้งแต่ตอนไหนนะ”“อื้ม จำไม่ค่อยได้ หาดูในสมุดบันทึกก่อน” หลิวลี่เซียงตอบพลางลุกขึ้นมาหาสมุดบันทึกบนโต๊ะ“เธอเจอเหตุการณ์ลึกลับแล้วล่ะ” ไป๋เยว่ซินแกล้ง“ซินซิน หาไม่เจอเลย เธอเห็นสมุดเล่มนั้นบ้างไหม”“เล่มไหน ปกติก็เก็บของไว้ตรงนั้นไม่ใช่เหรอ&rdqu

    Last Updated : 2024-12-07
  • ห้วงฝันใต้แสงจันทรา   บทที่ 4.1 รักต้องห้าม

    เช้าวันต่อมาหลิวลี่เซียงลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความสดชื่นเพราะเมื่อวานไปเที่ยวกับเหรินฮ่าวหรานมา แต่แล้วก็ต้องพบว่าสิ่งที่อยู่รอบตัวเปลี่ยนไปจากเดิม เธอไม่ได้ตื่นขึ้นมาในห้องหอพัก เมื่อมองไปรอบ ๆ เธอเห็นสิ่งของต่าง ๆ หรูหราโอ่อ่า ด้านหน้ามีชุดและเครื่องประดับหลากหลายชิ้นวางอยู่ หลิวลี่เซียงจึงหยิกแก้มตัวเองหนึ่งทีโอ๊ย! เจ็บ อย่าบอกนะว่าอยู่ในฝันอีกแล้ว หลิวลี่เซียงคิด“ฮองเฮา ทรงตื่นบรรทมแล้วหรือเพคะ” เสียงที่คุ้นเคยดังมาจากด้านนอกห้องฮองเฮาเหรอ รอบนี้ได้อยู่ในวังเชียวหรือ หลิวลี่เซียงพยายามปรับตัวให้เป็นปกติ“เจ้าเข้ามาข้างในได้”“ฮองเฮา”ไม่ทันที่นางจะได้พูดอะไรต่อ หลิวลี่เซียงก็ลุกขึ้นมาโอบกอดนางด้วยความคิดถึง“จิ่วเอ๋อร์ ใช่เจ้าหรือไม่”“เพคะ” นางตอบงง ๆ“ข้าคิดถึงเจ้ามาก เจ้าดูโตเป็นสาวแล้วนะ”“คุณหนู ท่านดูแปลก ๆ อีกแล้วนะเจ้าคะ” จิ่วเอ๋อร์กระซิบเบา ๆ“คุณหนู อย่าบอกนะว่าหลี่เหลียนฮวา&rdqu

    Last Updated : 2024-12-08
  • ห้วงฝันใต้แสงจันทรา   บทที่ 4.2 ตกหลุมพราง

    “ท่านพ่อ ข้าไปก่อนนะเจ้าคะ” หลี่เหลียนฮวาบอกลาใต้เท้าหลี่ก่อนหันไปพูดกับแม่บ้านจาง“ดูแลท่านพ่อดี ๆ นะ”จากนั้นนางก็เดินทางกลับวังหลวง ทว่าระหว่างทางโดนลอบโจมตีจากกลุ่มชายชุดดำที่หายสาบสูญไปนาน“หลี่หาน” นางร้องเรียกเขา“จิ่วเอ๋อร์ดูแลฮองเฮา” เขาบอกจิ่วเอ๋อร์ก่อนจะออกไปสู้กับคนผู้หนึ่งที่ฝีมือดาบเก่งกาจหลี่เหลียนฮวาไปหลบอยู่ที่ด้านหลังต้นไม้ใหญ่กับจิ่วเอ๋อร์และนางกำนัล ชายชุดดำคนหนึ่งกำลังวิ่งมาทางนางหมายจะเอาชีวิต หลี่หานจึงรีบผละออกจากการต่อสู้เพื่อมาปกป้อง แต่คู่ต่อสู้ของเขาไม่ยอมให้เรื่องราวเป็นเช่นนั้น พลันชายชุดดำสองคนกระโดดเข้ามาขวาง เขาจึงขว้างมีดเล่มเล็กเล็งไปที่จุดสำคัญของคนผู้นั้น ก่อนหันกลับมารับการโจมตีของศัตรูฝ่ายตรงข้ามพยายามตัดขาดไม่ให้หลี่หานช่วยเหลือฮองเฮาได้ จึงใช้กำลังคนสามต่อหนึ่งสู้กับหลี่หาน เขาจึงไม่สามารถปลีกตัวจากการต่อสู้นี้ได้ หลี่เหลียนฮวาที่เห็นเช่นนั้น ก็ก้มลงหยิบดาบเล่มใหญ่ที่อยู่บนพื้นขึ้นมาถือไว้แล้วเก็บมีดเล่มเล็กของหลี่หานให้จิ่วเอ๋อร์ถือไว้“จ

    Last Updated : 2024-12-09
  • ห้วงฝันใต้แสงจันทรา   บทที่ 4.3 ความเจ็บปวด

    หลี่หานถูกสั่งลงโทษโบยด้วยความร้ายแรงสำหรับองครักษ์ที่ทำผิดกฎ โดยไม่มีการสืบสาวหาความถูกผิด แส้ที่โบยลงบนแผ่นหลังของเขาจะมีจำนวนครั้งมากกว่าคนทั่วไปสองเท่าเพราะหมายถึงการทรยศต่อความไว้ใจของฮ่องเต้ซึ่งเป็นผู้คัดเลือกเหล่าองครักษ์ด้วยตนเอง เป็นบุคคลที่เติบโตและอยู่เคียงข้างกันกับเขาหลี่หานถูกนำตัวไปทั้ง ๆ ที่ยังไม่ตื่นดีและมึนงงจากฤทธิ์ยา ผู้ที่ทำการลงแส้ปรากฏตัวขึ้นในลานลงโทษของเหล่าองครักษ์ เสียงแส้หวายกระทบบาดเนื้อหนังของเขาอยู่นาน แต่ไม่มีใครได้ยินเสียงร้องของหลี่หานเลยแม้แต่น้อย เมื่อครบจำนวนครั้งเขาจึงถูกนำตัวไปขังไว้ในคุกใต้ดินห้องสุดท้ายหลี่เหลียนฮวาคิดทบทวนเรื่องที่เกิดขึ้น พลางซักไซ้ไล่เรียงเหตุการณ์ทั้งหมดกับจิ่วเอ๋อร์ แต่ก็หาคำตอบไม่ได้ว่าเรื่องทั้งหมดเกิดจากอะไร นางจำได้เพียงว่านอนทานยาแล้วหลับไปตามปกติ หากแต่ยาที่ได้รอบนี้คล้ายฤทธิ์จะมากนัก แม้จะทานยาก็ต้องรู้สึกตัวหากมีคนเข้ามาในห้องแต่ครานี้กลับไม่ตื่นขึ้นจนเกิดเรื่องร้ายแรง“จิ่วเอ๋อร์ หลี่หานเป็นเช่นไรบ้าง”“ฮองเฮา บทลงโทษจบไปแล้ว เวลานี้ถูกคุมขังในคุกใต้ดินเพคะ”

    Last Updated : 2024-12-10
  • ห้วงฝันใต้แสงจันทรา   บทที่ 4.4 ลูกศรอาบยาพิษ

    คืนวันสิ้นปี“เจ้าส่งคนไปกักตัวเหยากุ้ยเฟยไว้ที่ตำหนัก ห้ามนางมาร่วมงาน หากผู้ใดถามให้บอกว่านางไม่สบาย” เสนาบดีเหยาสั่งทหารผู้หนึ่งให้กันเหยากุ้ยเฟยออกจากการลอบโจมตีครั้งนี้เขาเดินทางมาร่วมงานด้วยใจฮึกเหิมหมายจะจัดการเรื่องราวในราชสำนักให้เป็นไปตามแผน แต่ทว่าเขาไม่รู้ตัวเลยว่าแผนอันยิ่งใหญ่ที่วางไว้ ฮ่องเต้ได้ล่วงรู้หมดแล้วฮ่องเต้พาฮองเฮามาที่นั่งหน้าพระแท่นตามธรรมเนียม โดยมีหัวหน้าองครักษ์และหลี่หานตามประกบไม่ห่างสองฝั่งซ้ายขวา เมื่อนั่งที่เรียบร้อยแล้ว เหล่าขุนนางและแขกสูงศักดิ์ที่ได้รับเชิญเข้าร่วมงานก็เข้าประจำที่นั่งของตนแบ่งออกเป็นฝ่ายซ้ายและฝ่ายขวาอาหารของคาวหวานมากมายถูกนำออกมาวางเรียงรายบนโต๊ะ รวมทั้งเหล้าหมัก สุราชั้นดีที่ฮ่องเต้ประทานแจกจ่ายให้ผู้เข้าร่วมงานวันสิ้นปีค่ำคืนนี้หลี่เหลียนฮวามองไปที่หลี่หาน เพียงแค่ทั้งสองสบตากันก็เข้าใจสิ่งที่ต้องการสื่อ ก่อนจะหันไปหาฮ่องเต้“ฝ่าบาท ข้าไม่เคยเห็นงานส่งท้ายปียิ่งใหญ่เช่นนี้มาก่อนเลยเพคะ”“ข้ามีอาหารของโปรดมาให้เจ้าด้วย” เขาคีบแล้วมาวางไว้

    Last Updated : 2024-12-11
  • ห้วงฝันใต้แสงจันทรา   บทที่ 5.1 ความห่างเหิน

    หลิวลี่เซียง ดีแค่ไหนแล้วที่ยังรักษาชีวิตไว้ได้ แต่ทำไมถึงไม่ตื่นจากฝันแทนเล่า ทำไมฝันต่อกันแถมเปลี่ยนมาเป็นฝั่งตัวร้ายเสียด้วย ความฝันนี่เล่นงานข้าแทบทุกครั้งจริงเชียว ครานี้เป็นเหยากุ้ยเฟย ข้าจะเอาตัวรอดในตำหนักเย็นเช่นไรดี เฮ้อ! เหยากุ้ยเฟยถอนหายใจอยู่สองสามครั้ง“พระสนม ฝ่าบาทมีรับสั่งให้นำยามาให้พระองค์” ทหารผู้หนึ่งกล่าวกับนาง“แม้แต่แผลก็ต้องทำเองหรือ เฮ้อ!” เหยากุ้ยเฟยพูดกับตัวเองพร้อมกับถอนหายใจอีกครั้งเหยากุ้ยเฟยถอดเสื้อออกแล้วส่องกระจก แผลจากลูกธนูในคืนนั้นเริ่มดีขึ้นแล้ว นางค่อย ๆ ใส่ยาลงบนแผล“โอ๊ย! แสบ” เหยากุ้ยเฟยอุทานเสียงหลงทันที่ที่ยาสัมผัสผิวหนังของนาง ก่อนจะค่อย ๆ พันผ้าปิดแผลให้เรียบร้อยยังดีที่ได้เรียนปฐมพยาบาลมาบ้าง ไม่คิดว่าจะได้ใช้ที่นี่เมื่อทำแผลเสร็จเรียบร้อยแล้ว เหยากุ้ยเฟยเดินสำรวจรอบ ๆ ตำหนัก เวลานี้ไม่มีผู้ใดอยู่ข้างใน ตำหนักอันกว้างขวางดูอ้างว้างราวกับป่าช้า ด้านนอกมีเพียงทหารยามยืนเฝ้าอยู่สี่คนเพื่อกันไม่ให้มีผู้ใดมาพบนาง และไม่ให้นางออกนอกตำหนัก ทุก ๆ

    Last Updated : 2024-12-12

Latest chapter

  • ห้วงฝันใต้แสงจันทรา   บทที่ 7.4 ผีเสื้อสีขาว

    “เช่นนั้น ข้าจะให้เจ้าคอยรักษานางจนครบหนึ่งร้อยวัน แล้วข้าจะไต่สวนเรื่องราวอีกครั้ง” เทพพิทักษ์กฎกล่าวโดยสรุปก่อนจะหันไปทางคนที่เหลือ“พวกเจ้าเป็นเผ่าพันธุ์จิ้งจอก ดินแดนเทพไม่อาจตัดสินความถูกผิดได้ ข้าส่งจะตัวพวกเจ้าไปที่แคว้นชิงชิว”ซือมู่เฉินยืนขึ้นเผชิญหน้ากับเทพพิทักษ์กฎ ท่ามกลางความแปลกใจของทุกคนที่อยู่ในท้องพระโรง“หากข้าไม่ได้ทำความผิด ไม่ว่าผู้ใดก็ตัดสินข้าไม่ได้” ซือมู่เฉินเผยตราราชวงศ์เมืองฉางให้พวกเขาดู“องค์รัชทายาทเช่นนั้นหรือ” เทพองค์หนึ่งพูดขึ้น“พวกเจ้าอย่าทำให้เรื่องนี้เป็นปัญหาระหว่างเผ่าพันธุ์ไปเลย ข้ายืนยันว่าข้าและสหายบริสุทธิ์ใจ ระหว่างที่เหรินฮ่าวหรานรักษานาง พวกข้าจะออกตามหาคนต้นเหตุเพื่อมารับโทษให้ได้”“ด้วยเกียรติและศักดิ์ศรีของจิ้งจอกเก้าหาง วาจาที่เอ่ยออกมาแล้วไม่สามารถบิดพลิ้วได้ มิเช่นนั้นจะถูกวาจาศักดิ์ย้อนกลับมาทิ่มแทงตนเอง รวมถึงนางด้วยใช่หรือไม่” เทพพิทักษ์กฎทวนเขาอีกครั้งถึงสิ่งที่เขาเดิมพันเอาไว้ขณะหันไปมองไป๋เยว่ซิน“ข้า

  • ห้วงฝันใต้แสงจันทรา   บทที่ 7.3 มิตรภาพผองเพื่อน

    เหรินฮ่าวหรานไม่รอช้าหยิบมีดขึ้นมากรีดลงที่ตรงหน้าอก พลันเลือดสีแดงฉานไหลริน เขารีบนำภาชนะรองมาให้หลิวลี่เซียงดื่มจนกว่านางจะดีขึ้น“พอแล้ว” ซือมู่เฉินห้ามปราม“แต่นาง...” เหรินฮ่าวหรานมองหลิวลี่เซียงด้วยสีหน้ากังวล“วันนี้พอเท่านี้ อีกครู่หนึ่งนางจะหาย”หลิวลี่เซียงมีท่าทีสงบลง สีตาของนางกลับมาเป็นเช่นเดิม สติที่หายไปเริ่มกลับมาจนแก้มของนางสีแดงระเรื่ออีกครั้ง นางรีบหันหลังหลบสายตาของเหรินฮ่าวหราน“เป็นอันว่า นางหายดีแล้ว ไม่ต้องกังวลแล้วล่ะเสี่ยวหราน เจ้าตามข้ามา เรามีเรื่องต้องคุยกัน” ซือมู่เฉินบอกเขาแล้วเดินออกจากห้องไปรอข้างนอก“เถอะน่า รีบตามไปเร็วเข้า เดี๋ยวข้าอยู่กับนางเอง” ไป๋เยว่ซินเห็นท่าทีของเขาก็รีบบอกให้คลายกังวล เหรินฮ่าวหรานพยักหน้าแล้วตามออกไป“ซินซิน เมื่อครู่ข้าทำอันใดไปบ้าง” หลิวลี่เซียงหามาถามไป๋เยว่ซิน“อาเซียง ไม่นึกเลยว่าเจ้าจะมีท่าทางเช่นนี้ แต่เจ้าไม่ต้องคิดอันใดมากหรอก เจ้าเพิ่งจะโดนมนตร์ปีศาจจิ้งจอกมา”“ถ

  • ห้วงฝันใต้แสงจันทรา   บทที่ 7.2 มนตร์ปีศาจจิ้งจอก

    เหรินฮ่าวหรานลงจากล่างเขาดินแดนเทพมาอยู่ในดินแดนมนุษย์ได้สามสี่วัน เขาใช้เวลาว่างคิดทบทวนเรื่องของตนเองกับหลิวลี่เซียง ระยะเวลาสองพันปีที่เขารอคอยนางมา หากคำตอบไม่เป็นอย่างที่ใจหวัง เขาจะทำเช่นไรทว่าเรื่องหัวใจของตนเองนั้น ไม่จำเป็นต้องใช้เวลาคิดให้นานนัก ใช่ว่าเรื่องแบบนี้จะเคยเกิดขึ้นเป็นครั้งแรกเสียหน่อย ความฝันที่ผ่านมาแต่ละครั้งก็เปรียบเสมือนชาติภพที่เขาและนางต้องเผชิญร่วมกันในฐานะที่แตกต่างกันไป เหรินฮ่าวหรานตัดสินใจได้แล้วว่า ไม่ว่าคำตอบเป็นเช่นไร เขาจะยังคงรอนางอย่างที่เคยรอเสมอมา ความรักของเขาจะมอบให้นางแต่เพียงผู้เดียว เมื่อคิดได้เช่นนั้นแล้ว เหรินฮ่าวหรานเริ่มยิ้มออก ใจที่เคยสับสนค่อยผ่อนคลายลงเหรินฮ่าวหรานเก็บของเตรียมจะออกจากโรงเตี๊ยม จู่ ๆ เขาก็เห็นผีเสื้อสีขาวบินมาจากทางหน้าต่างห้องผีเสื้อนำทาง ผู้ใดกำลังตามหาข้าอยู่หรือ เหรินฮ่าวหรานเอื้อมมือแตะที่ผีเสื้อตัวนั้นก่อนจะออกมายืนริมหน้าต่าง สายตาของเขาทอดมองไปยังเบื้องล่าง พลันได้พบเจอคนผู้หนึ่งยืนส่งยิ้มมาให้ก็ใจเต้นรัวหลิวลี่เซียง เขาไม่รอช้ากระโดดลงมาจากชั้นสองของโรงเต

  • ห้วงฝันใต้แสงจันทรา   บทที่ 7.1 การรอคอยที่เนิ่นนาน

    ท้องฟ้าสีครามแต้มด้วยปุยเมฆขาว ๆ ในวันนี้ก็ยังคงเป็นดั่งเช่นทุกวันที่ผ่านมา ฝูงปักษาสวรรค์ที่นานครั้งจะปรากฏตัวอวดโฉมต่างพากันโผบินไปยังตำหนักเทพเบื้องบนราวกับมีงานชุมนุมรื่นเริง ด้านล่างทางขึ้นเขาดินแดนเทพมีหอเซียนต่าง ๆ มากมายสำหรับเซียนที่คอยทำหน้าที่เป็นสื่อกลางระหว่างเทพ มนุษย์ และเผ่าอื่น ๆ ในใต้หล้าริมทะเลสาบด้านหลัง มีเซียนหนุ่มผู้หนึ่งที่มีหน้าที่รับคำวิงวอนจากมนุษย์ส่งให้เหล่าเทพได้ปลีกตัวจากความวุ่นวายในหอเซียนไปนั่งชื่นชมธรรมชาติที่เงียบสงบอย่างเช่นเคยหลิวลี่เซียง เจ้าอยู่ที่ใดกัน เซียนหนุ่มผู้นี้ถอนหายใจพลางมองไปยังเป็ดยวนยางคู่หนึ่งเป็ดยวนยางยังมีคู่แล้วเจ้าอยู่แห่งหนใด ความฝันนี้ช่างยาวนานเหลือเกิน แต่ไม่มีเจ้าราวกับชีวิตมีบางสิ่งขาดหายไปความรำพึงรำพันของเขาเช่นนี้คงจะไม่เกิดขึ้นหากได้พบนางในฝัน แต่ความฝันครั้งนี้ได้เริ่มขึ้นเมื่อสองพันปีก่อน ครั้นเมื่อรู้ว่าตัวเองได้เกิดเป็นเซียนก็คอยแต่จะตามหานางทุก ๆ วัน ไม่ว่าจะดินแดนเซียน ดินแดนมนุษย์ เผ่าอื่น ๆ ล้วนแล้วแต่เคยไปมาทั้งหมด หากแต่ไม่มีวี่แววจะได้พบกับนาง เหลือเพียงแต

  • ห้วงฝันใต้แสงจันทรา   บทที่ 6.4 ห่วงหาอาวรณ์

    “เทียนเทียน” ถานลี่อิงร้องไห้เรียกเขา จิตใจของนางเริ่มสั่นไหวทีเล็กทีละน้อย ทำให้ผนึกที่อยู่ในตัวนางเกิดรอยร้าวใหญ่ขึ้น“ช้าก่อน” เสียงของต้วนจื่อเยี่ยนดังขึ้นพร้อมกับคนในพรรคฝนโลหิตราวห้าสิบคน“เพิ่งจะโผล่มาตอนนี้ เจ้านี่มันจอมฉวยโอกาส” หวังเหว่ยตวาดเขา“หุบปาก เจ้าพวกโง่” ต้วนจื่อเยี่ยนตอกกลับ แล้วถามเหออี้เทียน“หลี่หงจวิ้นเล่า เจ้าฆ่าเขาหรือยัง”“...” เหออี้เทียนไม่ตอบอันใด เรี่ยวแรงของเขาเริ่มจะหมด ทั้งยังเจ็บปวดบาดแผลไปทั่วร่าง“ยังไม่ฆ่ามันสินะ” ต้วนจื่อเยี่ยนเห็นท่าทีของเหออี้เทียนก็พอเดาได้ เมื่อรู้ข่าวจากคนในพรรคว่าหาตัวหลี่หงจวิ้นไม่เจอ เขาก็รีบมาที่นี่ทันที“...” เหออี้เทียนยังคงนิ่งเงียบ“หรือว่าเจ้าโดนเสน่ห์มารของมันแล้ว เฮอะ เจ้าหลี่หงจวิ้นคิดจะเก็บของดีไว้กินผู้เดียว” หวังเหว่ยพูดออกมา“แล้วเจ้านั่นหายไปที่ใด ทำไมไม่มาชิงเหยื่อของตนกลับไป” พรรคหมอกทมิฬสงสัยมองไปรอบ ๆ ตัว“หม

  • ห้วงฝันใต้แสงจันทรา   บทที่ 6.3 อยู่เคียงข้างกัน

    เมื่อเหออี้เทียนเห็นเขาเป็นเช่นนั้น ยังคงไม่นึกสงสัยในตอนแรกจึงถามเขาด้วยความเป็นห่วง“หลี่หงจวิ้น เจ้าเป็นอันใด”คำตอบของเขามีเพียงรอยยิ้มหิวกระหายวิญญาณของเหออี้เทียน“เทียนเทียน เกิดอันใดขึ้น” ถานลี่อิงวิ่งมาหลบอยู่ข้างหลังเขา“ลี่อิง เจ้าถอยไปก่อน” เขาบอกนางก่อนจะหันมาพูดกับหลี่หงจวิ้น“หลี่หงจวิ้น มองหน้าข้า เจ้าต้องตั้งสติ เข้าใจหรือไม่” เหออี้เทียนพูดกับเขาเมื่อนึกเรื่องหนึ่งออกเหออี้เทียนเคยศึกษาในตำรามาก่อน อาการเช่นนี้คืออาการของคนในพรรคมารยามที่พลังมารควบคุมร่างกายและจิตใจ ไม่ทันที่เขาจะได้พูดอะไรต่อ หลี่หงจวิ้นเดินเข้ามาใกล้เขาก่อนจะเอื้อมมือมาลูบใบหน้าของเหออี้เทียน แววตาของเขาหิวกระหาย ปากขยับท่องวิชามารพลันดอกพลับพลึงแดงเริ่มผุดขึ้นมารอบบริเวณ เตรียมพร้อมที่จะเสพวิญญาณของคนที่อยู่ตรงหน้า“หลี่หงจวิ้น หยุดได้แล้ว” เหออี้เทียนจ้องตาเขาตอบอย่างไม่เกรงกลัว เมื่อเห็นว่าหลี่หงจวิ้นไม่มีท่าทีจะฟังเขา จึงวาดฝ่ามือผลักเขาออกไปหนึ่งชุ่นแล้วใช้วิชาสายหนึ่งพยายามทำให้จิตใ

  • ห้วงฝันใต้แสงจันทรา   บทที่ 6.2 อดีตที่หลอกหลอน

    หลี่หงจวิ้นเข้ามาสวมกอดเหออี้เทียนโดยไม่สนใจสายตาของคนรอบข้าง“ข้าขอโทษที่ปกป้องเจ้าไม่ได้ ข้าขอโทษจริง ๆ” หลี่หงจวิ้นพูดกับเขา น้ำตาลูกผู้ชายรินไหล หากคนจากพรรคมารมาเห็นคงต้องบอกว่าเป็นน้ำตาแห่งคำลวงเป็นแน่ ไม่มีทางที่หลี่หงจวิ้นจะร้องไห้ให้กับผู้ใด มีแต่ผู้อื่นที่เสียน้ำตาให้เขา“คุณชายท่านนี้ ปล่อยข้าก่อนได้หรือไม่” เหออี้เทียนพยายามบอกเขาให้ปล่อยตัวเอง ในใจคิดว่าบุรุษสองคนยืนกอดกันแนบแน่น แถมอีกคนยังร้องไห้อาวรณ์เป็นภาพที่ค่อนข้างดูแปลกตาอยู่บ้าง“คุณชาย ปล่อยข้าก่อนเถิด ข้าไม่เป็นอันใดแล้ว” เหออี้เทียนบอกเขาอีกครั้งเพราะคนผู้นี้กลับกอดเขาแน่นขึ้นอีก“เหออี้เทียน เขาคือผู้ใดหรือ” ถานลี่อิงถามเขาด้วยความสงสัย แต่เหออี้เทียนกลับส่ายหัวแทนคำตอบ นางจึงพยายามช่วยแกะมือที่โอบเพื่อนของนางอยู่“คุณชาย ท่านปล่อยเพื่อนของข้าได้หรือไม่” น่าสงสัยว่าหลี่หงจวิ้นรู้สึกกำลังถูกขัดขวางอยู่ เขาปรายตามองถานลี่อิงด้วยสายตาพิฆาต จนนางผงะถอยหลังสามก้าว“ลี่อิง ทำไมหรือ เจ้ามาช่วยข้าก่อน”

  • ห้วงฝันใต้แสงจันทรา   บทที่ 6.1 หัวใจที่ยังคงเจ็บปวด

    ถานลี่อิง หญิงสาวอายุย่างยี่สิบลี้ภัยสงครามจากแคว้นฉินมายังเมืองต้าซิงเพียงลำพัง หวังจะเริ่มต้นชีวิตใหม่ที่เงียบสงบในเมืองแห่งนี้ หลังจากเดินทางรอนแรมกลางทะเลทรายมาเกือบหนึ่งเดือน ในที่สุดก็มาถึงหมู่บ้านซึ่งอยู่ห่างจากเมืองหลวงต้าซิงไม่มากนัก เรี่ยวแรงของนางแทบจะไม่มีเหลือแล้ว และนางรู้ตัวว่าร่างกายอันอ่อนแอใกล้จะทนไม่ไหวจึงเดินเข้าไปขอความช่วยเหลือผู้คนในหมู่บ้าน“พี่สาว ท่านเจ็บป่วยที่ใดหรือ” เด็กน้อยคนหนึ่งถามเมื่อเห็นสภาพอิดโรยของนาง“น้ำ ขอน้ำได้หรือไม่”“ท่านรอตรงนี้สักครู่” เด็กน้อยรีบวิ่งไปตักน้ำมาให้นางเมื่อได้ดื่มน้ำดับกระหาย นางขอบคุณเด็กคนนี้ที่ช่วยเหลือ พอได้มองไปรอบหมู่บ้าน กลับเห็นแค่เพียงเด็ก และคนชราไม่กี่คนจึงรู้สึกสงสัย“เจ้าชื่ออะไรหรือ”“เสี่ยวเฟย”“ครอบครัวของเจ้าล่ะ”“ท่านพ่อกับท่านแม่เข้าไปในเมืองหลวงได้สามวันแล้ว ยังไม่กลับมา” เขาตอบพลางมองไปยังทิศทางนั้นขณะที่ทั้ง

  • ห้วงฝันใต้แสงจันทรา   บทที่ 5.4 ความทรงจำที่เลือนลาง

    หลี่หานค่อย ๆ ถอนริมฝีปากออก แต่มือทั้งสองข้างยังคงจับอยู่ที่เดิม เขามองเห็นหน้าของเหยากุ้ยเฟยกำลังแดงและนางกำลังหลับตา“เหยากุ้ยเฟย” เขากระซิบข้างหูนาง“เจ้า! เคยทำแบบนี้กับผู้ใด”“ไม่เคย” หลี่หานตอบด้วยแววตาที่ใสซื่อ“หลี่หานการละครหรืออย่างไร”“อื้ม คนพวกนั้นไปแล้ว” เขาชี้ให้ดูว่าไม่มีผู้ใดคอยแอบตาม“ใครเขาจะอยู่ดูเล่า เจ้าปล่อยข้าได้หรือยัง” นางถามเขาเพราะมือทั้งสองข้างยังอยู่ที่เดิมจากนั้นพวกเขาทั้งสองคนก็เดินกลับตำหนักเย็นอย่างเงียบ ๆ ไม่คุยกันตลอดทาง ต่างฝ่ายต่างนึกถึงเรื่องที่ผ่านมาเมื่อครู่-------------------------------------------------------------------------เช้าวันต่อมาม้าเร็วจากเมืองชายแดนส่งสารเรื่องกองทัพของอ๋องชิงหมิงให้ฮ่องเต้ที่ท้องพระโรง“ถวายรายงานพ่ะย่ะค่ะ”สีหน้าของฮ่องเต้เต็มไปด้วยความกังวล ก่อนจะประกาศให้เหล่าเสนาบดีรับรู้ว่าในเวลานี้กองทัพของอ๋องชิงหมิงและอ๋องจิ้งเมืองชายแดนกำลังถูกล้อมโด

DMCA.com Protection Status